“!”ไม่คิดเลยว่าตั้งฉายาให้นางมั่ว ๆ!เจ้าสิหูตึง!อวิ๋นอิงอดทนต่อความเจ็บปวดบริเวณหน้าอก จับมือของเขาเอาไว้ “ไปพบพระชายากับข้า!”“เจ้าบาดเจ็บ!”หลิงเชียนอี้แรงเยอะกว่านาง กดไหล่ทั้งสองข้างของนางเอาไว้ กดนางให้นั่งลงบนขั้นบันได ฉีกเสื้อผ้าของตนเองออกมาหลายชิ้น พันรอบเอวของนางหนึ่งสองสามสี่ห้ารอบผูกปม!ขี้เหร่มาก...อวิ๋นอิงทำหน้าไม่พอใจ มีใครห้ามเลือดแบบนี้บ้าง?“ผ้าไม่ได้ฆ่าเชื้อสัมผัสถูกบาดแผล จะเกิดการติดเชื้อ อาจจะสาหัสกว่าเดิม ข้าเรียนมาจากเสียวฉู่ แผลแค่นี้ไม่ถึงตายหรอก” นางแกะผ้าที่อยู่บนเอวออก ทีละรอบ ๆ อย่างรังเกียจ แล้วโยนลงไปบนพื้นหลิงเชียนอี้เม้มปาก จ้องมองผ้าเปื้อนเลือดที่อยู่บนพื้น รู้สึกว่าตัวเองโง่เขลาสิ้นดีเรื่องอะไรก็จัดการได้ไม่ดี อีกทั้งยิ่งช่วยก็ยิ่งยุ่ง“เจ้าก็คิดว่าข้าไม่มีประโยชน์มากเช่นกันใช่หรือไม่?”ทันใดนั้น น้ำเสียงของเขาเบาลง หดหู่ราวกับตกลงมาที่จุดต่ำสุดอวิ๋นอิงชะงักไปเล็กน้อยเหลือบตาขึ้น เห็นหนุ่มน้อยก้มหน้า บรรยากาศรอบตัวอึมครึมมาก เนื่องจากเพิ่งร้องไห้ไป ใบหน้าของเขาแดงก่ำ ดวงตาบวมแดง มีน้ำตาเม็ดเล็ก ๆ เกาะอยู่บนขนตา รู้สึกกดดันมาก
น้ำเสียงยิ่งหนักแน่นขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อพูดถึงตอนหลัง แทบจะตะโกนออกมา ตาแดงไปหมดแล้ว“เป็นเพราะตั้งแต่เด็กจนโตข้ากิน ดื่ม เที่ยวเล่น ไม่เคยทำอะไรสำเร็จสักอย่าง เพราะว่าข้าเป็นภาระ เป็นสวะ ท่านพ่อกับท่านแม้ไม่ชอบข้าแล้ว ถึงอยากได้น้องชาย!”“ข้ารู้ความคิดของพวกเขา ข้าไปก็ถูกต้องแล้ว! ข้าไม่กลับไปแล้ว!”“ท่านคิดไกลเกินไปแล้ว!”อวิ๋นอิงลุกพรวดขึ้นมา ก้มหน้ามองเขาที่อารมณ์ปั่นป่วน กล่าวเสียงเย็นชา“ลูกคือเนื้อก้อนหนึ่งที่ออกมาจากร่างกายของมารดา ใต้หล้านี้ ไม่มีพ่อแม่คนไหนไม่รักลูก พ่อแม่รักกัน ให้กำเนิดลูกก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรือ?”“เหตุใดเจ้าไม่ลองคิดดูบ้าง มีน้องชายหรือน้องสาว เพื่อเป็นเพื่อนกับเจ้า?”“ข้าไม่ต้องการเพื่อน!” หลิงเชียนอี้น้ำเสียงเย็นชากว่าเดิมเขาไม่ยอมรับการมีลูกคนที่สองของท่านแม่เมื่อวันก่อน ตอนที่กลับบ้าน ตอนที่ได้ทราบข่าวว่าท่านแม่ตั้งท้อง เขารู้สึกเหมือนกับฟ้าถล่ม...สิ่งของที่เดิมเคยเป็นของเขา กำลังจะถูกน้องชายที่ยังไม่ได้ลืมตาออกมาดูโลกแย่งไป!ความรัก ความเอาใจใส่ การปกป้อง สถานะ ตำแหน่ง ทรัพย์สิน...ทุกอย่าง!“พ่อแม่รักกัน ให้กำเนิดพยานแห่งความรัก เป็น
ตอนที่ทุกคนกำลังตามหาไปทั่วทุกที่ คนก็ถูกอวิ๋นอิงลากออกมาจากด้านในตรอกมืด“เจ้าไปไหนมา?”ฉู่เชียนหลีรีบก้าวมาข้าหน้า ถึงได้สังเกตเห็นดวงตาที่แดงก่ำของเขา เหมือนกับเคยร้องไห้หลิงเชียนอี้รู้สึกไม่สบอารมณ์ จึงหันหน้าไปอีกทาง อวิ๋นอิงเล่าเหตุการณ์ให้ฟังหลังจากฉู่เชียนหลีฟังจบ ก็สะอึกจนพูดไม่ออกมีลูกคนที่สอง?หวง?หนีออกจากบ้าน?มีพี่น้องเพิ่มมาอีกคนไม่ดีอย่างนั้นหรือ?ความสุขอยู่รอบกาย แต่กลับไม่รู้ว่านั่นคือความสุขฉู่เชียนหลีหงุดหงิดกับหลิงเชียนอี้มาก พยายามอดกลั้นที่จะพุ่งตัวเข้าไปกระหน่ำซ้อมเขาสักยก จึงหิ้วเขากลับไปส่งที่จวนโหวติ้งกว๋อ สั่งสอนเขามาตลอดทาง“เจ้าโตขนาดไหนแล้วยังทำตัวเหมือนกับเด็กไม่มีผิด? พูดจาไม่เข้าหูหน่อยก็โมโห?”“เจ้าเป็นลูกผู้ชายหรือไม่ มีความรับผิดชอบบ้างหรือไม่ เจออุปสรรคไม่รู้จักคิดหาหนทางแก้ไข?”“ในเมื่อไม่พอใจ ก็นั่งลงเปิดใจคุยกับท่านพ่อท่านแม่ให้รู้เรื่อง ขอเพียงแค่พูดกันรู้เรื่อง และคิดตก จะกังวลใจถึงขนาดนั้นเสียที่ไหน? ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องนี้ไม่ควรค่าแก่การให้กังวลใจเลยสักนิด”“มีครอบครัวไม่รู้จักทะนุถนอม เจ้ารู้หรือไม่ว่าใต้หล้านี้คนที่ไม่
จ้องมองร่างเล็กที่แลดูเศร้าซึมนั่น หัวใจของชายหนุ่มแน่นขึ้น ราวกับถูกมีดปัก เจ็บมาก เจ็บมาก ๆ แม้กระทั่งหายใจก็รู้สึกแน่นเขาเม้มริมฝีปากบาง ค่อย ๆ สาวเท้าเดินไปข้างหน้า อย่างเบา ๆ ทันทีที่มือแตะบนบ่าของนาง มือของนางก็ห้อยตกลงมา ถึงได้พบว่านางหลับไปแล้ว เนื่องจากตากลม ร่างกายจึงเย็นเฉียบเขาขมวดคิ้ว ถอดเสื้อคลุมด้านนอกออก คลุมบนตัวนาง อุ้มนางขึ้นอย่างเบามือ กลับไปถึงจวนอ๋องเฉิน เปิดประตูเข้าห้องทันทีที่วางนางลงบนเตียง นางส่งเสียงเพราะรู้สึกไม่ค่อยสบายตัว กลิ้งตัวไปด้านในครึ่งที คิ้วงามขมวดเข้าหากันตลอดเวลา ท่าทางไม่พอใจแม้กระทั่งตอนนอนยังยัยโง่...เขาจะไม่รู้ว่าลูกของพวกเขา...บางทีเขาควรจะบอกความจริงแก่นาง ขอเพียงแค่พูด ทั้งสองคนเผชิญหน้าด้วยหัน ก็ดีกว่าให้นางคิดฟุ้งซ่านไปคนเดียว“นายท่าน...”ด้านนอก หานเฟิงเดินเข้ามา จงใจลดเสียงเพื่อขอคำแนะนำลง กล่าวรายงานเสียงเบา“ข่าวใหม่ล่าสุดที่น่าเชื่อถือ เจ้ากรมคลังเขา...”ค่ำคืนนี้ เต็มไปด้วยความสงบเงียบเช้าวันรุ่งขึ้นฉู่เชียนหลีตื่นขึ้นมา เห็นว่าตนเองกลับมาที่เรือนหานเฟิง รู้สึกว่าตนเองหลับลึกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่
พ่อบ้านหยางร้อนใจจนเหงื่อแตกหอบหายใจ “เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสมาก เลือดเต็มตัว ทั้งยังถูกหามกลับมาอีก!”ฉู่เชียนหลีหน้าถอดสี ทันทีที่จะลุกขึ้นยืน ก็นึกถึงคำพูดของชายหนุ่มเขาไม่อยากมีลูก แต่กลับโหยหาร่างกายของนาง ระหว่างพวกเขามีเพียงความสัมพันธ์แค่การร่วมเตียงเท่านั้น เขาได้รับบาดเจ็บ นางจะร้อนใจทำไม?เกี่ยวอะไรกับนาง?เมื่อคิดจบ ใบหน้าก็เย็นชาลง แล้วนั่งกลับลงไปตามเดิม“ได้รับบาดเจ็บก็ไปหาหมอ มาหาข้าทำไม?”พ่อบ้านหยาง “?”ท่านอ๋องกับพระชายาทะเลาะกันอีกแล้ว?อีกแล้ว?อีกแล้ว?ระยะห่างจากครั้งก่อน เพิ่งจะคืนดีกันได้ไม่กี่วัน?ไม่ถูกต้อง เหตุใดครั้งนี้ถึงไม่ได้ขว้างปาข้าวของ?“พระชายา...”“เยว่เอ๋อร์ ส่งพ่อบ้านออกไป!” ไม่รอให้พ่อบ้านหยางพูดมาก ฉู่เชียนหลีได้ออกปากไล่แล้วใบหน้าของนางเย็นชา เหมือนกับถุงยาที่ใกล้ระเบิด ทุกคนไม่กล้ายั่วโมโห เยว่เอ๋อร์จำต้องไล่พ่อบ้านหยางออกไปอย่างกระอึกกระอักอวิ๋นอิงเม้มปาก มองท่าทางที่เย็นชาของพระชายาแวบหนึ่ง หลังจากลังเลครู่หนึ่ง แล้วสาวเท้าตามไปเรือนอีกหลังหนึ่งบรรดาคนรับใช้ องครักษ์ ทุกคนห้อมล้อมอยู่ที่เรือนตรงกลาง บนใบหน้าแต่ละคนเต็มไป
“พระชายา...”“ไม่ได้ยินที่พระชายาพูดหรือ! ไสหัวออกไปให้หมด!”คำพูดประโยคนี้ เฟิงเย่เสวียนที่อยู่บนเตียงเป็นผู้พูดหลังจากตะโกนอย่างหมดความอดทน ก็ล้มกลับลงไปอย่างอ่อนแอ หายใจหอบถี่ เลือดไหลออกมากกว่าเดิม กลิ่นคาวเลือดภายในห้องยิ่งรุนแรงกว่าเดิมหานอิ๋งหน้าสลด หลังจากกวาดสายตามองฉู่เชียนหลีแวบหนึ่ง ก็หันหลังกลับไปอย่างเย็นชานางติดตามนายท่านมาสิบห้าปีแล้ว!ตลอดสิบห้าปีมานี้ ไม่ว่าจะแผลเล็กแผลใหญ่ ล้วนมีนางเป็นคนคอยจัดการ ร่างกายของนายท่าน ตำแหน่งไหนมีแผล ได้รับบาดเจ็บตอนไหน โดนอะไรมา ลึกแค่ไหน ป่วยกี่วัน นางเข้าใจทั้งหมดอย่างชัดเจน!ไม่มีใครเข้าใจร่างกายของนายท่านได้ดีกว่านาง!แต่นับจากมีฉู่เชียนหลี ตลอดสิบห้าปีที่ผ่านมา เป็นครั้งแรกที่นางถูกนายท่านไล่...ปิดประตูฉู่เชียนหลีพุ่งตัวไปด้านหน้าเตียง คลำที่บริเวณเอวของเขาเสื้อผ้าเปียกชุ่ม เต็มไปด้วยเลือด!อาการบาดเจ็บสาหัสมาก!ทันทีที่นางพลิกข้อมือ ก็หยิบกรรไกรเล่มหนึ่งออกมา ตอนที่กำลังจะตัดเสื้อผ้าของเขาออก ทันใดนั้นก็ถูกชายหนุ่มจับข้อมือเอาไว้“เชียนหลี... เชียนหลี...”เขาหายใจหอบ หน้าอกยกขึ้นลงด้วยความเจ็บปวดทรมานมาก“ข้
หลังจากผ่านไปประมาณสองชั่วยาม ในที่สุดประตูที่ปิดสนิทก็เปิดออกมาจากด้านใน“พระชายา!”“นายท่านเป็นอย่างไรบ้าง?”“ท่านอ๋องไม่เป็นอะไรมากใช่หรือไม่?”ทุกคนรีบเดินไปข้างหน้าทันที สายตาที่เป็นห่วงจำนวนมากมองไปยังหญิงสาวอย่างพร้อมเพรียงกันฉู่เชียนหลีที่ทำการผ่าตัดสี่ชั่วโมงเต็ม ใบหน้าเหนื่อยล้าเล็กน้อย แต่น้ำเสียงกลับสบายใจขึ้นมาก“บาดแผลของ เลือดก็หยุดไหลแล้ว ตอนนี้ไม่มีอันตรายถึงชีวิต แต่อาการบาดเจ็บสาหัสมาก อีกหนึ่งเดือนหลังจากนี้ เกรงว่าอาจจะต้องนอนอยู่บนเตียงตลอด”แน่นอนว่า เรื่องทั้งหมดนี้เป็นเรื่องในอนาคต สิ่งที่สำคัญก็คือปลอดภัยแล้วหานอิ๋งรีบวิ่งเข้าไปในห้อง รีบเข้าไปจับชีพจรให้อ๋องเฉิน พ่อบ้านหยางรีบเข้าไปเยี่ยม เยว่เอ๋อร์กับอวิ๋นอิงยืนอยู่ที่ประตู จ้องมองอยู่ไกล ๆ ตอนที่หานเฟิงกำลังจะเดินเข้าไป เสียงหนึ่งก็เรียกเขาเอาไว้“เจ้ามากับข้า”เขาหยุดชะงักฝีเท้าเล็กน้อยพระชายา...มองด้านในห้องแวบหนึ่ง แล้วก็มองแผ่นหลังของพระชายาที่เดินออกไปด้านนอก ลังเลครู่หนึ่ง จึงสาวเท้าเดินตามไปด้านนอกเรือน บริเวณที่ไร้ผู้คนฉู่เชียนหลีเช็ดคราบเลือดบนมือทั้งสองข้างจนสะอาด เอ่ยปากพูดเ
รองเจ้ากรมเดินตามเกี้ยว ยังคงหัวเราะอย่างได้ใจไม่หยุด“ใต้เท้า เกรงว่าเจ้าอ๋องเฉินนั่นจะได้รับบาดเจ็บสาหัส คงจะหายได้ยาก มีรัชทายาทคอยคุ้มครอง แม้ว่าเขาจะบาดเจ็บ ก็ไม่กล้าทำอะไรพวกเราหรอก พวกเราต้องไปเยี่ยมคนแพ้ที่จวนอ๋องเฉินหรือไม่?”ด้านในเกี้ยว น้ำเสียงของชายหนุ่มเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม“ถ้าหากเขาเห็นว่าข้ากำลังกระโดดโลดเต้นต่อหน้าเขา ลมหายใจเฮือกสุดท้ายที่ยังเหลืออยู่ ไม่แน่ว่าถ้าได้เห็นข้า อาจจะโมโหจนตายไปเลยก็ได้...เอ่อ!”น้ำเสียงหยุดชะงักลงกะทันหัน“ฮ่า ๆ ๆ!” รองเจ้ากรมไม่สังเกตเห็นถึงรายละเอียดนี้ ยังคงหมกมุ่นอยู่ในเรื่องที่เอาชนะอ๋องเฉินได้ หัวเราะเสียงดังอย่างได้ใจ จนปากแทบจะฉีกไปถึงรูหู“ฮ่า ๆ ๆ! ใต้เท้าช่างมีจิตใจเมตตา ฮ่า ๆ ๆ!”“ใต้เท้า ข้าคิดว่า...”เขากำลังพูดเสียงเจื้อยแจ้วด้านในเกี้ยว กลับไม่มีเสียงตอบรับไม่มีใครมองเห็นด้านในเกี้ยว ชายวัยกลางคนที่เดิมทีนั่งตัวตรงตอนนี้แขนขาทั้งสี่ข้างกางออก ล้มอยู่บนพื้น หัวโผล่ออกมาด้านนอกอีกด้านอย่างไร้เรี่ยวแรง เลือดไหลออกมาจากมุมปากแท่งน้ำแข็งแท่งหนึ่งแทงทะลุหัวใจมาจากทางด้านหลัง เมื่อสัมผัสกับอุณหภูมิของร่างกาย แท่ง
พลันฉู่เจียวเจียวแน่นหน้าอก“เจ้าไม่เพียงอยากแย่งตำแหน่งฮองเฮาของข้า ยังอยากเอาชีวิตของข้า…ฉู่เชียนหลี เจ้าไปเอาสิทธิ์มาจากไหน! เจ้ากล้าพูดคำพูดเช่นนี้ได้อย่างไร!”นางพุ่งเข้าไปตบอย่างแรงอีกครั้ง พร้อมกับเสียงกรีดร้องครั้งนี้ ฉู่เชียนหลีคว้าข้อมือของนางไว้พลันบิดไปข้างหลังอย่างเย็นชา กล่าวอย่างเฉียบคม“เฟิงเจิ้งหลีให้สิทธิ์แก่ข้า เจ้าโทษข้ามีประโยชน์อะไร? ดูผู้ชายของตัวเองไม่ดีเอง รู้จักแต่ระบายความโกรธใส่ผู้อื่น ช่างไร้ความสามารถและน่าเวทนาจริงๆ”“เจ้า!”ฉู่เจียวเจียวโกรธจนตาแดงแล้ว“อ๊ะๆ! ฉู่เชียนหลี! ข้าจะฆ่าเจ้า!”นางกวัดแกว่งมือทั้งสองข้าง พยายามคว้าไปทางฉู่เชียนหลี ฉู่เชียนหลีหลบได้อย่างง่ายดาย ไม่เพียงไม่สามารถทำร้ายตัวเอง และยังสามารถทำให้ฉู่เจียวเจียวโมโหจนชักกระตุกนอกห้องผู้บัญชาการจางเงี่ยหูฟังความเคลื่อนไหวภายในห้องประเดี๋ยวก็ปัง ประเดี๋ยวก็ตูม ประเดี๋ยวก็โครม แค่ฟังก็รู้สึกดุเดือดมาก ทำเอาเขายิ้มจนหุบไม่ลงฟังจากเสียงนี่ ฉู่เชียนหลีน่าจะถูกจัดการอย่างอนาถมันก็จริงเป็นแค่นักโทษคนหนึ่ง เย่อหยิ่งเช่นนั้น ไม่เท่ากับรนหาที่หรอกหรือ?ตี!ตีให้ตายเลย!เขา
ภายในห้องฉู่เจียวเจียวผลักประตูปรี่เข้าไป มองไปทางฉู่เชียนหลีที่กำลังนั่งทาเล็บตรงข้างโต๊ะ หัวเราะทีหนึ่ง“เจ้านี่มันไม่สะทกสะท้านจริงๆ”แสร้งใจเย็นหรือใจเย็นจริงๆ กันแน่?เดินไปที่ตรงหน้าฉู่เชียนหลี ก้มมองนางแล้วกล่าว“เจ้าถูกขังอยู่ที่นี่ เกรงว่ายังไม่รู้สถานการณ์ข้างนอก อ๋องหลีขึ้นครองราชย์ในอีกสามวัน ส่วนอ๋องเฉินหนีเนื่องจากวางยาพิษฝ่าบาท และชิงราชบัลลังก์ล้มเหลว ประกาศจับทั่วทั้งแคว้น ราษฎรล้วนกำลังด่าเขา ตอนนี้เขาก็เหมือนหนูข้ามถนนตัวหนึ่ง ไม่กล้าปรากฏตัวด้วยซ้ำ”ในอดีตเคยสูงส่งปัจจุบันอนาถนักนางถอนหายใจเบาๆ“วันพระไม่ได้มีหนเดียวจริงๆ”“ฉู่เชียนหลี เจ้าแพ้แล้ว”อ๋องหลีกับอ๋องเฉิน นางกับนาง ในที่สุดการต่อสู้ระหว่างพวกเขาก็มีบทสรุปแล้ว นางกับอ๋องหลีเป็นฝ่ายชนะฉู่เชียนหลีก้มหน้าก้มตาทาเล็บอย่างตั้งใจ นางนำน้ำกลีบดอกไม้สีชมพูอ่อนทาลงบนเล็กมือแวววาวเรืองแสงสีชมพูอ่อนๆ เล็บมือทุกนิ้วดูชุ่มชื้น งดงามนักฉู่เจียวเจียวขมวดคิ้ว พูดมามากมายเช่นนี้ นางไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย?“เจ้าหูหนวกหรือ?”นี่มันเวลาไหนแล้ว ยังมีกะจิตกะใจทาเล็บอีก?พลันยกมือก็แย่งขวดเล็กๆ ไปจากมือน
ไม่นาน ข่าวก็กระจายไปทั่วใบประกาศถูกติดตามทุกซอกทุกมุมของเมืองหลวง เนื้อหาที่เขียนไว้บนนั้นแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็วในหมู่ราษฎร จากนั้นกระจายออกนอกเมือง กระจายไปทั่วทั้งแคว้นตงหลิง ทุกคนที่รู้เรื่องนี้ต่างตกตะลึงอ๋องเฉินชิงราชบัลลังก์?ล้มเหลว?หนีไปแล้ว?ไม่ทราบเบาะแส?วางยาพิษฮ่องเต้?เตือนทุกคนระวัง อย่าถูกอ๋องเฉินทำร้าย ขณะเดียวกัน หลังจากนี้สามวัน อ๋องหลีขึ้นครองราชย์มีข้อมูลมากเกินไป ราษฎรตกใจจนเหมือนกับหมูหริ่งในสวนแตงโม มีแตงโมมากเกินไป ชั่วขณะไม่รู้จะเริ่มกินจากตรงไหนดีตะลึง ประหลาดใจ ตกใจ สาปแช่ง ปกป้อง…สะเทือนทั้งแคว้นตงหลิง เสียงของราษฎรแตกต่างกันออกไปข้างนอกวุ่นวายมาก แต่ในวังกลับเงียบสงบ ภายในตำหนักที่หรูหราหลังหนึ่ง ฉู่เชียนหลีถูกขังอยู่ที่นี่ โดยมีทหารรักษาพระองค์คอยเฝ้า ไม่สามารถออกไปแม้แต่ก้าวเดียวเพิ่งก้าวออกไปกระบี่ที่แวววาวเล่มหนึ่งถูกยื่นออกมา“คุณหนูฉู่โปรดกลับเข้าไป ระวังกระบี่ไม่มีตา”ผู้บัญชาการจางยิ้มแย้ม ค่อนข้างเหมือนคนชั่วที่ประสบความสำเร็จฉู่เชียนหลีมองเขาอย่างเย็นชา กล่าวถาม “ไม่มีข่าวอ๋องเฉินหรือ?”“เขาสมคบคิดศัตรู ทรยศบ้านเม
แต่ฮ่องเต้พูดไม่ได้ ต่อให้เขารู้ความจริง และมีความโกรธอยู่เต็ม ก็พูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว และไม่มีใครเข้าใจความหมายของเขาความรู้สึกที่โกรธแต่ไม่สามารถระบายออกมา และยังต้องมองดูต่อหน้าต่อตาเช่นนี้ แทบทำให้ฮ่องเต้โกรธจนเป็นลมพรรคของอ๋องหลีย่อมพากันตำหนิอ๋องเฉิน“คิดไม่ถึงว่าอ๋องเฉินจะเหี้ยมโหดเช่นนี้ วางยาพิษทำร้ายพ่อ ไร้ความเป็นมนุษย์ ไร้มโนธรรม ไม่กลัวฟ้าผ่าเลยหรือ?”“คนเช่นนี้มีสิทธิ์อะไรอยู่บนโลกใบนี้?”“ขายหน้าแคว้นตงหลิงของพวกเราจริงๆ!”“น่าละอายจริงๆ!”ส่วนพรรคของอ๋องเฉิน รู้ว่าเกิดเรื่องกับอ๋องเฉินที่ตัวเองสนับสนุน ไม่มีใครกล้าพูดอะไรมากนักมีผู้สนับสนุนสองสามคนเอ่ยปากเพิ่งเอ่ยปาก ก็ถูกพรรคของอ๋องหลีด่าจนเงยหน้าไม่ขึ้นอ๋องเฉินไม่อยู่ ไม่มีใครหนุนหลังพวกเขา พวกเขากล้าโกรธแต่ไม่กล้าพูดทุกคนเริ่มโต้เถียงกันตอนที่ทะเลาะกันพอประมาณแล้ว อัครมหาเสนาบดีฉู่ก้าวออกมาอย่างชาญฉลาด เขากล่าวเสียงดัง“อ๋องหลี ตอนนี้ฝ่าบาทถูกพิษจนกลายเป็นเช่นนี้ และไม่สามารถหายดีในเวลาอันสั่น แต่แคว้นที่ยิ่งใหญ่ไม่สามารถไม่มีเจ้า ข้าน้อยขอบังอาจ เชิญท่านควบคุมสถานการณ์ สร้างความสงบให้บ้านเมือง!”
มีดพาดอยู่บนคอนาง คมมีดที่เย็นเฉียบส่องประกายด้วยแสงเย็นยะเยือก ราวกับว่านางแค่ออกแรงเล็กน้อย ก็จะตัดเส้นเลือดอันบอบบางของนางทันทีเฟิงเจิ้งหลีกำลังจะเข้าใกล้พลันมือของนางก็ออกแรงกด “ถ้าหากเจ้ายังต้องการจับตัวเฟิงเย่เสวียน เก็บข้าไว้ดีกว่า ถ้าหากข้าเป็นอะไรไป เกรงว่าเจ้าไม่สามารถควบคุมเฟิงเย่เสวียนแล้ว”เขาชะงักเล็กน้อยข่มขู่?มันก็จริง เฟิงเย่เสวียนหนีออกจากเมืองแล้ว แม้เขาเป็นฝ่ายได้เปรียบ แต่เฟิงเย่เสวียนมีที่ดินศักดินา มีกำลังทหาร สามารถตั้งตนเป็นอ๋อง ถ้าหากสู้กันจริงๆ ใช่ว่าเขาจะเป็นคู่ต่อสู้ของเฟิงเย่เสวียนเสมอไปแต่ว่า นางรังเกียจเขาเช่นนี้เลยหรือ?ถึงขั้นยอมใช้คอของตัวเองมาขู่เขา? เขาก็ขมวดคิ้วแน่น กล่าวอย่างเย็นชา“เจ้ากล้าตายหรือ? ไม่ต้องการจื่อเยี่ยแล้ว?”“ใครบ้างที่อยากตาย? แต่ถ้าหากต้องอยู่อย่างอัปยศ ไม่สู้ตายเสียดีกว่า ให้ทุกอย่างมันจบสิ้นเสีย”“เจ้า!”ในแววตาของเขามีความโกรธเอ่อล้นออกมา อยากเข้าไป แต่เท้ากลับยืนแข็งอยู่ตรงที่เดิมมองดูนางที่เชิดคางเล็กน้อย และมือที่กำแน่นอย่างดึงดัน ความโกรธติดอยู่ในอก ไม่สามารถระบายออกมา ทำให้เขาอัดอั้นจนรู้สึกทรมานบ้า
“ตาม!” ผู้บัญชาการจางกระทืบเท้าตะโกนเสียงดัง “รีบตาม! ขี่ม้าที่เร็วที่สุด ต้องจับอ๋องเฉินกลับมาให้ได้!”“รับทราบ!”เปิดประตูเมือง ทหารรักษาพระองค์ไล่ตามอย่างรวดเร็วเฟิงเจิ้งหลีหยิบธนูมาหนึ่งคัน ดึงลูกธนู เล็งยามค่ำคืนอันมืดสลัวที่อยู่นอกเมือง แต่ทันใดนั้นก็ถูกฉู่เชียนหลีกระแทกอย่างแรงธนูพลาดเป้าเขาหัวเราะอย่างเย้ยหยัน โยนธนูลงบนพื้น กล่าวอย่างไม่ใส่ใจ“หนี หนีไปเลย ทั้งแคว้นตงหลิงเป็นของข้าแล้ว ข้าดูสิว่าเจ้าจะสามารถหนีไปถึงไหน!”ใต้ฟ้าอันกว้างใหญ่ ล้วนเป็นของกษัตริย์เขาจะจับเฟิงเย่เสวียนได้ในสักวัน“เฟิงเจิ้งหลี เจ้ามันเป็นคนบ้าที่เสียสติจริงๆ โลกนี้มีผลกรรมเสมอ สักวันเจ้าจะถูกสิ่งที่เจ้าทำตามสนอง”คนที่เสียสละ สักวันจะได้ผลตอบแทนคนที่กระทำความชั่ว สักวันจะต้องชดใช้ไม่ใช่กรรมไม่ตามสนอง แค่ยังไม่ถึงเวลาเฟิงเจิ้งหลีคว้าแขนของฉู่เชียนหลี พลันดึงนางเข้ามาในอ้อมแขน บีบคางของนาง “เหมือนเจ้าแทบรอไม่ไหวที่จะเห็นข้าตกต่ำแล้วนะ”“แต่น่าเสียดาย คนดีอายุสั้น คนชั่วอายุยืนพันปี ข้าต้องอยู่รอดต่อไป จะรอดูว่าเฟิงเย่เสวียนตายต่อหน้าข้าอย่างไร”ฉู่เชียนหลีถูกบังคับให้เงยหน้าขึ้น
ทุกคนรออยู่ที่นอกประตูเมือง เฟิงเย่เสวียนขี่ม้าเข้าไปใกล้ สายตาจ้องฉู่เชียนหลีอย่างลึกซึ้งหลายวินาทีฉู่เชียนหลียิ้มระหว่างทั้งสองคน คำพูดมากมายไม่จำเป็นต้องพูด แค่สบตากัน ก็สามารถเข้าใจกันแล้วผ่านไปครู่หนึ่งเขาถอนสายตากลับ กระตุกม้าให้หยุดลง โน้มกายและเอื้อมมือไปรับลูก“ส่งเขาให้ข้า”เฟิงเจิ้งหลียิ้มได้อ่อนโยนมาก ก้าวไปข้างหน้าครึ่งก้าวอย่างเชื่อฟัง ยกมือทั้งสองข้างขึ้นเล็กน้อย ส่งเด็กที่อยู่ในมือออกไป“น้องเจ็ด เดินทางปลอดภัย”เขาเน้นเสียงคำว่า ‘ปลอดภัย’ เป็นพิเศษ เหมือนมีความหมายที่ลึกซึ้งซ่อนอยู่อ๋องเฉินยื่นมือออกมาแล้ว ขณะที่กำลังจะสัมผัสโดนเด็ก เฟิงเจิ้งหลีปล่อยมือกะทันหันทันใดนั้นเด็กสูญเสียแรงยึดเหนี่ยว ร่วงลงไปโดยตรง!“จื่อเยี่ย!”พลันเฟิงเย่เสวียนแน่นหน้าอก กระโดดลงจากม้าด้วยความเร็วที่เร็วที่สุด ก็เห็นอ๋องหลีรับเด็กไว้แล้ว และก็เพราะพริบตาที่เขาเผลอนี้ จึงถูกธนูลับดอกหนึ่งยิงเข้าที่สะบักฉึก…“อาเฉิน!”“ท่านอ๋อง!”เหตุการณ์เกิดขึ้นกะทันหัน ไม่มีใครรับมือทันเวลาเฟิงเจิ้งหลีใช้มือซ้ายอุ้มเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ย มือขวาจับตัวฉู่เชียนหลี ถอยหลังเจ็ดแปดก้าว ขณะ
เฟิงเย่เสวียนเดินออกมาข้างหน้าหนึ่งก้าว “ปล่อยฉู่เชียนหลีกับเด็ก ข้าอยู่เอง เจ้าจับฉู่เชียนหลีไม่มีประโยชน์ มีเพียงจับข้าเท่านั้น เจ้าจึงจะสามารถนั่งราชบัลลังก์ได้อย่างมั่นคง”เฟิงเจิ้งหลีเย้ยหยัน“อย่ามาต่อรองกับข้า ข้ายอมถอยให้แล้ว ถ้าหากยังได้คืบจะเอาศอก ข้าไม่ถือสาที่จะพินาศไปพร้อมกัน”ฉู่เชียนหลีรีบถอยกลับมาจับข้อมือเฟิงเย่เสวียน กล่าวเสียงเบา “เจ้าพาจื่อเยี่ยไป!”“เชียนหลี…”“คนที่เขาต้องการคือข้า มีเพียงเจ้าไปและมีชีวิตรอดต่อไปเท่านั้น จึงจะมีโอกาสพลิกสถานการณ์ จื่อเยี่ยไปแล้ว ข้าจึงจะวางใจ ถึงเวลานั้น เขาก็ไม่มีข้อได้เปรียบอีก และไม่จำเป็นต้องกลัวเขาอีกแล้ว” ฉู่เชียนหลีวิเคราะห์เบาๆ อย่างฉับไวเฟิงเจิ้งหลีไม่มีทางฆ่านางใช้นางคนเดียว แลกกับความปลอดภัยของจื่อเยี่ย แลกกับความปลอดภัยของทุกคน อย่างไรก็ดีกว่าสู้กันตายไปข้างหนึ่ง เลือดนองเหมือนแม่น้ำไม่ใช่ว่านางจะถูกขังอยู่ในเมืองหลวงตลอดไปตราบใดที่ยังมีชีวิต ก็มีโอกาสเฟิงเย่เสวียนรู้ผลได้ผลเสียในนี้ เด็กคนนี้อย่างไรก็ต้องช่วย แต่เขาจะทิ้งฉู่เชียนหลีไว้คนเดียวได้อย่างไร“เชียนหลี ข้ามันไร้ประโยชน์”“ข้าไม่อนุญาตให้เจ
เมื่อพรรคของอ๋องหลีได้ยินเช่นนี้ ก็กลัวทันทีดูท่าทีของพระชายาอ๋องเฉิน นี่กำลังจะเปิดฉากสังหารครั้งใหญ่ในวังชัดๆ!ฆ่าคนติดต่อกันสองคน ไม่กระพริบตาแม้แต่ทีเดียวเลือดกระเซ็นโดนใบหน้า ก็เย็นเฉียบท่าทางที่ชั่วร้ายเหมือนปีศาจนั่น ทำให้ขุนนางหลายคนเกิดความกลัว ลองถามคนทั่วหล้า จะมีสักกี่คนที่ไม่กลัว? อยู่ต่อหน้าความเป็นความตาย ทุกคนล้วนเห็นแก่ตัวพวกเขาไม่อยากตายขุนนางคนหนึ่งกลัวจนพูดติดอ่าง“อ๋อง อ๋องหลี…อย่างไรเด็กที่อยู่ในมือท่านก็เป็นพระนัดดาองค์โต เป็นสายเลือดของราชวงศ์ ถ้าหากฆ่าเขา ในวันข้างหน้า มลทินของท่านจะถูกบันทึกไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์ เกรงว่าจะถูกคนรุ่นหลังด่าทอต่อๆ กันเป็นหมื่นปี”ขุนนางอีกคนก็กล่าวเสียงสั่น“อ๋องเฉินโปรดพิจารณา…”ถ้าหากสู้กันจริงๆ พวกเขาสู้ไม่ไหวอ๋องเฉินมีฮ่องเต้หนุนหลัง มีกองทัพ มีกำลังทหาร อ๋องเฉินเป็นฝ่ายได้เปรียบทุกด้านในมืออ๋องหลี นอกจากพระนัดดาองค์โต ก็ไม่มีเบี้ยอย่างอื่นแล้ว อีกทั้ง ทหารรักษาพระองค์ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ทหารองครักษ์เงาของอ๋องเฉินเมื่อไรที่สู้กัน พวกเขาจะตายกันหมดไม่จำเป็นต้องตายไปครั้งหนึ่ง บางครั้ง เมื่อเห็นว่าพอแล้วก