จ้องมองร่างเล็กที่แลดูเศร้าซึมนั่น หัวใจของชายหนุ่มแน่นขึ้น ราวกับถูกมีดปัก เจ็บมาก เจ็บมาก ๆ แม้กระทั่งหายใจก็รู้สึกแน่นเขาเม้มริมฝีปากบาง ค่อย ๆ สาวเท้าเดินไปข้างหน้า อย่างเบา ๆ ทันทีที่มือแตะบนบ่าของนาง มือของนางก็ห้อยตกลงมา ถึงได้พบว่านางหลับไปแล้ว เนื่องจากตากลม ร่างกายจึงเย็นเฉียบเขาขมวดคิ้ว ถอดเสื้อคลุมด้านนอกออก คลุมบนตัวนาง อุ้มนางขึ้นอย่างเบามือ กลับไปถึงจวนอ๋องเฉิน เปิดประตูเข้าห้องทันทีที่วางนางลงบนเตียง นางส่งเสียงเพราะรู้สึกไม่ค่อยสบายตัว กลิ้งตัวไปด้านในครึ่งที คิ้วงามขมวดเข้าหากันตลอดเวลา ท่าทางไม่พอใจแม้กระทั่งตอนนอนยังยัยโง่...เขาจะไม่รู้ว่าลูกของพวกเขา...บางทีเขาควรจะบอกความจริงแก่นาง ขอเพียงแค่พูด ทั้งสองคนเผชิญหน้าด้วยหัน ก็ดีกว่าให้นางคิดฟุ้งซ่านไปคนเดียว“นายท่าน...”ด้านนอก หานเฟิงเดินเข้ามา จงใจลดเสียงเพื่อขอคำแนะนำลง กล่าวรายงานเสียงเบา“ข่าวใหม่ล่าสุดที่น่าเชื่อถือ เจ้ากรมคลังเขา...”ค่ำคืนนี้ เต็มไปด้วยความสงบเงียบเช้าวันรุ่งขึ้นฉู่เชียนหลีตื่นขึ้นมา เห็นว่าตนเองกลับมาที่เรือนหานเฟิง รู้สึกว่าตนเองหลับลึกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่
พ่อบ้านหยางร้อนใจจนเหงื่อแตกหอบหายใจ “เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสมาก เลือดเต็มตัว ทั้งยังถูกหามกลับมาอีก!”ฉู่เชียนหลีหน้าถอดสี ทันทีที่จะลุกขึ้นยืน ก็นึกถึงคำพูดของชายหนุ่มเขาไม่อยากมีลูก แต่กลับโหยหาร่างกายของนาง ระหว่างพวกเขามีเพียงความสัมพันธ์แค่การร่วมเตียงเท่านั้น เขาได้รับบาดเจ็บ นางจะร้อนใจทำไม?เกี่ยวอะไรกับนาง?เมื่อคิดจบ ใบหน้าก็เย็นชาลง แล้วนั่งกลับลงไปตามเดิม“ได้รับบาดเจ็บก็ไปหาหมอ มาหาข้าทำไม?”พ่อบ้านหยาง “?”ท่านอ๋องกับพระชายาทะเลาะกันอีกแล้ว?อีกแล้ว?อีกแล้ว?ระยะห่างจากครั้งก่อน เพิ่งจะคืนดีกันได้ไม่กี่วัน?ไม่ถูกต้อง เหตุใดครั้งนี้ถึงไม่ได้ขว้างปาข้าวของ?“พระชายา...”“เยว่เอ๋อร์ ส่งพ่อบ้านออกไป!” ไม่รอให้พ่อบ้านหยางพูดมาก ฉู่เชียนหลีได้ออกปากไล่แล้วใบหน้าของนางเย็นชา เหมือนกับถุงยาที่ใกล้ระเบิด ทุกคนไม่กล้ายั่วโมโห เยว่เอ๋อร์จำต้องไล่พ่อบ้านหยางออกไปอย่างกระอึกกระอักอวิ๋นอิงเม้มปาก มองท่าทางที่เย็นชาของพระชายาแวบหนึ่ง หลังจากลังเลครู่หนึ่ง แล้วสาวเท้าตามไปเรือนอีกหลังหนึ่งบรรดาคนรับใช้ องครักษ์ ทุกคนห้อมล้อมอยู่ที่เรือนตรงกลาง บนใบหน้าแต่ละคนเต็มไป
“พระชายา...”“ไม่ได้ยินที่พระชายาพูดหรือ! ไสหัวออกไปให้หมด!”คำพูดประโยคนี้ เฟิงเย่เสวียนที่อยู่บนเตียงเป็นผู้พูดหลังจากตะโกนอย่างหมดความอดทน ก็ล้มกลับลงไปอย่างอ่อนแอ หายใจหอบถี่ เลือดไหลออกมากกว่าเดิม กลิ่นคาวเลือดภายในห้องยิ่งรุนแรงกว่าเดิมหานอิ๋งหน้าสลด หลังจากกวาดสายตามองฉู่เชียนหลีแวบหนึ่ง ก็หันหลังกลับไปอย่างเย็นชานางติดตามนายท่านมาสิบห้าปีแล้ว!ตลอดสิบห้าปีมานี้ ไม่ว่าจะแผลเล็กแผลใหญ่ ล้วนมีนางเป็นคนคอยจัดการ ร่างกายของนายท่าน ตำแหน่งไหนมีแผล ได้รับบาดเจ็บตอนไหน โดนอะไรมา ลึกแค่ไหน ป่วยกี่วัน นางเข้าใจทั้งหมดอย่างชัดเจน!ไม่มีใครเข้าใจร่างกายของนายท่านได้ดีกว่านาง!แต่นับจากมีฉู่เชียนหลี ตลอดสิบห้าปีที่ผ่านมา เป็นครั้งแรกที่นางถูกนายท่านไล่...ปิดประตูฉู่เชียนหลีพุ่งตัวไปด้านหน้าเตียง คลำที่บริเวณเอวของเขาเสื้อผ้าเปียกชุ่ม เต็มไปด้วยเลือด!อาการบาดเจ็บสาหัสมาก!ทันทีที่นางพลิกข้อมือ ก็หยิบกรรไกรเล่มหนึ่งออกมา ตอนที่กำลังจะตัดเสื้อผ้าของเขาออก ทันใดนั้นก็ถูกชายหนุ่มจับข้อมือเอาไว้“เชียนหลี... เชียนหลี...”เขาหายใจหอบ หน้าอกยกขึ้นลงด้วยความเจ็บปวดทรมานมาก“ข้
หลังจากผ่านไปประมาณสองชั่วยาม ในที่สุดประตูที่ปิดสนิทก็เปิดออกมาจากด้านใน“พระชายา!”“นายท่านเป็นอย่างไรบ้าง?”“ท่านอ๋องไม่เป็นอะไรมากใช่หรือไม่?”ทุกคนรีบเดินไปข้างหน้าทันที สายตาที่เป็นห่วงจำนวนมากมองไปยังหญิงสาวอย่างพร้อมเพรียงกันฉู่เชียนหลีที่ทำการผ่าตัดสี่ชั่วโมงเต็ม ใบหน้าเหนื่อยล้าเล็กน้อย แต่น้ำเสียงกลับสบายใจขึ้นมาก“บาดแผลของ เลือดก็หยุดไหลแล้ว ตอนนี้ไม่มีอันตรายถึงชีวิต แต่อาการบาดเจ็บสาหัสมาก อีกหนึ่งเดือนหลังจากนี้ เกรงว่าอาจจะต้องนอนอยู่บนเตียงตลอด”แน่นอนว่า เรื่องทั้งหมดนี้เป็นเรื่องในอนาคต สิ่งที่สำคัญก็คือปลอดภัยแล้วหานอิ๋งรีบวิ่งเข้าไปในห้อง รีบเข้าไปจับชีพจรให้อ๋องเฉิน พ่อบ้านหยางรีบเข้าไปเยี่ยม เยว่เอ๋อร์กับอวิ๋นอิงยืนอยู่ที่ประตู จ้องมองอยู่ไกล ๆ ตอนที่หานเฟิงกำลังจะเดินเข้าไป เสียงหนึ่งก็เรียกเขาเอาไว้“เจ้ามากับข้า”เขาหยุดชะงักฝีเท้าเล็กน้อยพระชายา...มองด้านในห้องแวบหนึ่ง แล้วก็มองแผ่นหลังของพระชายาที่เดินออกไปด้านนอก ลังเลครู่หนึ่ง จึงสาวเท้าเดินตามไปด้านนอกเรือน บริเวณที่ไร้ผู้คนฉู่เชียนหลีเช็ดคราบเลือดบนมือทั้งสองข้างจนสะอาด เอ่ยปากพูดเ
รองเจ้ากรมเดินตามเกี้ยว ยังคงหัวเราะอย่างได้ใจไม่หยุด“ใต้เท้า เกรงว่าเจ้าอ๋องเฉินนั่นจะได้รับบาดเจ็บสาหัส คงจะหายได้ยาก มีรัชทายาทคอยคุ้มครอง แม้ว่าเขาจะบาดเจ็บ ก็ไม่กล้าทำอะไรพวกเราหรอก พวกเราต้องไปเยี่ยมคนแพ้ที่จวนอ๋องเฉินหรือไม่?”ด้านในเกี้ยว น้ำเสียงของชายหนุ่มเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม“ถ้าหากเขาเห็นว่าข้ากำลังกระโดดโลดเต้นต่อหน้าเขา ลมหายใจเฮือกสุดท้ายที่ยังเหลืออยู่ ไม่แน่ว่าถ้าได้เห็นข้า อาจจะโมโหจนตายไปเลยก็ได้...เอ่อ!”น้ำเสียงหยุดชะงักลงกะทันหัน“ฮ่า ๆ ๆ!” รองเจ้ากรมไม่สังเกตเห็นถึงรายละเอียดนี้ ยังคงหมกมุ่นอยู่ในเรื่องที่เอาชนะอ๋องเฉินได้ หัวเราะเสียงดังอย่างได้ใจ จนปากแทบจะฉีกไปถึงรูหู“ฮ่า ๆ ๆ! ใต้เท้าช่างมีจิตใจเมตตา ฮ่า ๆ ๆ!”“ใต้เท้า ข้าคิดว่า...”เขากำลังพูดเสียงเจื้อยแจ้วด้านในเกี้ยว กลับไม่มีเสียงตอบรับไม่มีใครมองเห็นด้านในเกี้ยว ชายวัยกลางคนที่เดิมทีนั่งตัวตรงตอนนี้แขนขาทั้งสี่ข้างกางออก ล้มอยู่บนพื้น หัวโผล่ออกมาด้านนอกอีกด้านอย่างไร้เรี่ยวแรง เลือดไหลออกมาจากมุมปากแท่งน้ำแข็งแท่งหนึ่งแทงทะลุหัวใจมาจากทางด้านหลัง เมื่อสัมผัสกับอุณหภูมิของร่างกาย แท่ง
ฉู่เชียนหลีค่อย ๆ ยกมือข้างขวาขึ้น ฝ่ามือหงายขึ้นด้านบนแล้วแบออก ถามขึ้นอย่างกะทันหัน“นี่คือ?”หานเฟิง “?”แน่นอนว่าต้องเป็นมือสิ!ยังไม่ต้องพูดถึงว่า มือของพระชายาสวยงามมาก เล็ก ๆ นิ้วมือทุกนิ้วเรียวยาวมาก ขาวสะอาดราวกับต้นหอม แม้แต่กระดูกข้อนิ้วก็สมบูรณ์แบบจนไร้คำบรรยายแต่ว่าที่พระชายาถามไม่ใช่คำพูดเหลวไหลหรอกหรือ?หรือว่ามีความหมายอื่นแฝงอยู่?เขาเกาหัว มองซ้ายมองขวา มองบนมองล่าง ก็สะอาดหมดจด ไม่มีตำหนิ ถามอย่างอดสงสัยไม่ได้“พระชายา หรือว่ามือของท่านมีอะไรอย่างนั้นหรือ?”นางพยักหน้า กล่าว “เลือด”“?”เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าสะอาดมาก ไม่มีแม้แต่ไฝสักเม็ด มีเลือดที่ไหนกัน?!ฉู่เชียนหลีหลุบดวงตาลงเล็กน้อย แต่กลับมีความซับซ้อนไหลล้นออกมานางเป็นหมอ ฝีมือทางการรักษายอดเยี่ยม สองชั่วชีวิตได้ช่วยผู้คนเอาไว้มากมาย แต่ไม่เคยฆ่าคนมาก่อน วันนี้เป็นครั้งแรกเมื่อก่อน มือนางเปื้อนไปด้วยเลือด ล้วนเป็นเลือดที่ช่วยชีวิตคนให้รอดพ้นจากการบาดเจ็บล้มตายวันนี้...เป็นครั้งแรก...ดูเหมือนว่าในฐานะที่เป็นหมอ ก็ควรจะช่วยเหลือทุกคน ปฏิบัติตามจรรยาบรรณวิชาชีพแต่ความรู้สึกของการฆ่าคนเหมือนว่าจ
เขาผู้เป็นพี่ใหญ่ มาเยี่ยมน้องชายด้วยความหวังดีแต่ดวงตาของฉู่เชียนหลีกลับเต็มไปด้วยความเย็นชาเห็นได้ชัดว่าเขาเป็นคนแอบจัดการ ร่วมมือกับเจ้ากรมคลังทำร้ายเฟิงเย่เสวียนจนได้รับบาดเจ็บ ตอนนี้กลับมาเสแสร้งร้องไห้เสียใจ ชายหนุ่มที่แสดงละครช่างน่าสะอิดสะเอียนเสียยิ่งกว่าดอกบัวสีขาวเสแสร้ง!นางแสยะยิ้มบาง ๆ “ขอบคุณรัชทายาทที่เป็นห่วง อ๋องเฉินมีเพียงแค่แผลถลอกเท่านั้น ไม่เป็นอะไรมาก”“งั้นหรือ?”เฟิงเจิ้งอวี้เลิกคิ้วเหลือบตา กวาดสายตามองภายในห้องรอบหนึ่ง ถงเฟยอยู่ภายในห้องด้วย พุ่งตัวไปด้านหน้าเตียง ร้องไห้จนตาแดง เป็นเพียงแค่แผลถลอกอย่างนั้นหรือ?อวดดีเขายกเท้าขึ้น เดินเข้าไปในห้องทันใดนั้นฉู่เชียนหลีก็ยกมือขึ้นขวาง “อ๋องเฉินกำลังพักผ่อน ไม่ควรให้คนไปรบกวนมากเกินไป ก่อนหน้านี้อ๋องเฟิง อ๋องติ้ง อ๋องหลีพวกเขาก็มาเยี่ยมเช่นกัน แต่ไม่ได้เข้าไปในห้อง”เมื่อเฟิงเจิ้งอวี้ได้ยินดังนั้น รอยยิ้มในดวงตาก็ล้ำลึกมากกว่าเดิมขวางเอาไว้ไม่ให้พบ ดูท่า อาการน่าจะสาหัสมากเลยสิท่าไม่เข้าก็ไม่เข้า ถึงอย่างไร ภายในใจเขาก็ย่อมรู้ดี“โชคดีที่พระชายาอ๋องเฉินมีฝีมือการรักษา สามารถรักษาน้องเจ็ดได้ท
สีหน้าของเซียวจือฮว่าชะงักไปเล็กน้อย ทั้งสองข้างที่ยื่นออกมาแข็งทื่ออยู่กลางอากาศ จะเก็บกลับไปก็ไม่ใช่ วางลงก็ไม่ใช่ ขายหน้ายิ่งหานอิ๋งเดินอ้อมนาง มาถึงที่ตรงด้านหน้าเตียง ตักยาที่ยังร้อนกรุ่นขึ้นมาช้อนหนึ่งแล้วเป่า หลังจากลงให้เย็นลงหน่อย ก็ยื่นไปใกล้ริมฝีปากของชายหนุ่มอย่างระวังถงเฟยเห็นดังนั้น หว่างคิ้วก็ขมวดเข้าหากันทันทีเซียวจือฮว่าไม่มีสิทธิ์ปรนนิบัติอ๋องเฉิน หานอิ๋งมีสิทธิ์อย่างนั้นหรือ?ทันทีที่หันหน้ากลับไปมองอีกครั้ง ก็เห็นฉู่เชียนหลียืนอยู่ด้านนอก พับแขนเสื้อแล้วกำลังจะเดินจากไปนางรีบพุ่งตัวออกไปด้านนอกเอ่ยปาก “เชียนหลี สามีที่รักของเจ้ากำลังรอเจ้าไปป้อนยาอยู่น่ะ เจ้าเดินผิดทางแล้ว!”ฉู่เชียนหลี “?”นางยังโมโหอยู่นะ!ช่วยชีวิตเขากลับมาได้ ทั้งหมดเป็นเพราะเชื่อฟังหัวใจ ฝืนอารมณ์ แต่นางยังคงโมโหอยู่จริง ๆ ในเมื่อเขาไม่ได้มีอันตรายถึงแก่ชีวิตแล้ว ยังจำเป็นต้องให้นางปรนนิบัติที่ไหนกัน?ป้อนยา?มือขวาก็พอมือของใครไม่ใช่มือ เหตุใดต้องเป็นมือของนางด้วย?นางหันหลังกลับมา กล่าวกับในห้อง “เสด็จแม่ ข้าจะไปจัดยาให้เขา”พูดจบ กำลังจะเดินไป“ข้าไปเอง!” ถงเฟยรีบลุกขึ้น
อันธพาลเจ็บจนกรีดร้องเหมือนหมูโดนเชือด “อ๊ะๆ!”ยังไม่ทันได้พักหายใจ ก็โดนถีบจนไปกลิ้งอยู่บนพื้น รองเท้าปักลายดอกไม้เหยียบลงบนหน้าอก หนักจนทำให้เขาหายใจไม่ออก กระอักเลือดออกมา“พู่!”เขากอดต้นขาของอวิ๋นอิง อยากดิ้นให้หลุด แต่หาของอวิ๋นอิงกดทับอยู่บนร่างกายของเขาเหมือนเหล็กกล้า และเขาก็เหมือนกับปลาตัวหนึ่งที่ถูกตอกตะปูอยู่บนเขียง พยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แต่ก็ดิ้นไม่หลุดเจอผีแล้ว!ทั้งที่นางผอมเช่นนี้ เหตุใดจึงมีแรงมากเช่นนี้?ผู้หญิงคนนี้ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือ?ชาวบ้านก็ตะลึงเช่นกันอวิ๋นอิงอุ้มลูกสาวไว้ด้วยมือข้างเดียว ค่อยๆ ก้มลง ยกฝ่ามืออีกข้าง เหวี่ยงไปที่ใบหน้าของอันธพาลโดยตรง“ข้าสั่งให้เจ้าเก็บ”เพียะ!“ไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ?”เพียะ!“หูหนวกหรือ?”เพียะ!หนึ่งประโยค หนึ่งฝ่ามือ ตบจนอันธพาลหันซ้ายหันขวา มุมปากแตกมีเลือดไหล หูอื้อ สะบักสะบอมเหมือนสุนัขจรจัดตัวหนึ่ง ไม่หลงเหลือความฮึกเหิมของก่อนหน้านี้เลย“ลูกพี่!”ลิ่วล้อสามคนคว้าโต๊ะเก้าอี้และท่อนไม้ที่อยู่ข้างๆ ฟาดไปทางอวิ๋นอิงอย่างแรงอวิ๋นอิงกระโดนหมุนตัวเตะพวกเขาสามคนจนลอยกระเด็นออกไปไกลเจ็ดแปดเมตร โดยไม่หั
ตงหลิงเจียงหนาน ทำเนียบสามเดือนที่พระชายาจากไป อ๋องเฉินเอาแต่เก็บตัว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลก หานเฟิงต้องรับผิดชอบงานแทนทุกอย่าง เมื่อนานวันเข้า โลกภายนอกต่างกำลังคาดเดา จิตใจของอ๋องเฉินได้รับกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ล้มแล้วลุกไม่ขึ้น เกรงว่าเหลือเวลาอีกไม่นานแล้วช่วงนี้ ในที่สุดอาการบาดเจ็บของจิ่งอี้ก็ดีขึ้นแล้วอาการบาดเจ็บทางกระดูกหรือเส้นเอ็น ต้องรักษาอย่างน้อยหนึ่งร้อยวันในที่สุดกระดูกซี่โครงที่หักสองซี่ก็หายดีแล้ว สามารถขี่ม้าได้แล้ว ตอนนั้นเขาบอกว่าจะนำทัพกลับแคว้นซีอวี้ทันทีแต่ก่อนไป เขาถามเหมือนไม่ใส่ใจ“เหตุใดไม่เจอแม่นางอวิ๋นอิงเลย?”จ้านหูจริงจังขึ้นมาทันที เขาตอบ“องค์ชายใหญ่ ข้าจะส่งคนไปสืบเดี๋ยวนี้!”“ไม่ต้อง”หลังจากปฏิเสธอย่างเฉยเมย ปีนขึ้นหลังม้า ขี่ออกไปคนเดียวแล้วจ้านหู “?”หมายความว่าอย่างไร?ตอนที่องค์ชายใหญ่หมดสติ แม้อวิ๋นอิงบอกว่าไม่สนใจ แต่แอบมาเยี่ยมองค์ชายใหญ่ตอนดึกดื่นเวลาที่ไม่มีคนองค์ชายใหญ่ก็อีกคน ทั้งที่คิดถึงอวิ๋นอิง แต่ไม่ยอมรับในใจของพวกเขาสองคนล้วนมีอีกฝ่าย ลูกสาวก็อายุเกือบครึ่งขวบแล้ว เหตุใดไม่ลองเปิดใจสักนิดแล้วอยู่ด้วยกันเลย
คืนแรกที่มาถึงต่างโลก ฉู่เชียนหลีฝันในความฝัน นางอยู่บนสนามรบ สู้จนตัวตาย เลือดไหลเป็นแม่น้ำ น่าสลดใจนัก…ในความฝัน นางได้ต่อสู้ร่วมกับชายคนหนึ่งที่มองไม่เห็นใบหน้า ร่วมเป็นร่วมตาย และยังมีเสียงที่นุ่มนิ่มของเด็ก เรียก ‘ท่านแม่’ ครั้งแล้วครั้งเล่าในความฝัน ราวกับนางได้รับความอยุติธรรมครั้งใหญ่ หัวใจเจ็บปวด และพยายามอธิบายสุดชีวิต แต่พวกคนที่เรียกตัวเองว่า ‘ครอบครัว’ ไม่เชื่อนาง และยังบีบคั้นนางสู่เส้นทางที่สิ้นหวังในความฝัน…มีคนกำลังเรียกนาง‘เชียนหลี…เชียนหลี…’ฉึก!ฉู่เชียนหลีลืมตาฉับพลัน ท้องฟ้าข้างนอกสว่างแล้ว แสงแดดอุ่นๆ ยามเช้าสาดส่องเข้ามา สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของอากาศ สงบมากนางรู้สึกเวียนศีรษะ และแน่นหน้าอกราวกับนางอยู่ในความฝันอันยาวนานจริงๆนางได้รับความอยุติธรรมนางถูกคนในครอบครัวฆ่าตายแต่เหตุใดนางจำผู้ชายที่เรียกนาง และภาพที่เรียกนางว่า ‘ท่านแม่’ ไม่ได้เลย“องค์หญิง ท่านตื่นแล้ว”เมื่ออ้ายอ้ายได้ยินเสียง ถือกะละมังน้ำอุ่นกับเครื่องใช้เข้ามาปรนนิบัติฉู่เชียนหลีนวดขมับ อยู่ในอาการเหม่อลอย แขนขาอ่อนแรง ไม่มีแรงขยับ ดึงผ้าห่มออก ลงจากเตียง สวมรองเท้
สาวใช้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็รีบฝนหมึกอย่างเชื่อฟังมองดูองค์หญิงรีบหยิบพู่กัน เขียนอะไรบางอย่าง ท่าทางที่รีบร้อนนั่น เมื่อก่อนเวลาที่นังเป็นห่วงคุณชายเซิ่น ยังไม่รีบร้อนเช่นนี้เลยองค์หญิงกระโดดสระน้ำ หมดสติไปสามวัน หลังจากฟื้น ก็เปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย?นิสัยเปลี่ยนไปน้ำเสียงเปลี่ยนไปแต่เมื่อลองตั้งใจมอง องค์หญิงยังคงเป็นองค์หญิง ยังคงเป็นใบหน้าที่คุ้นเคยฉู่เชียนหลีเขียนอย่างรวดเร็ว…อ๋องเฉินเป็นอย่างไรบ้าง ข้าอยู่แคว้นหนานยวน…พลางเขียน พลางกล่าวอย่างรีบร้อน “รีบไปหาคน ช่วยข้าส่งจดหมายฉบับนี้ไปให้อ๋องเฉินที่ตงหลิงเจียงหนาน”นางอยากบอกความจริงกับเฟิงเย่เสวียน ต่อให้ตนลืมแล้ว แต่เฟิงเย่เสวียนจำนางได้เขาจะต้องมาหานางแน่นอนไม่ช้าก็เร็วสักวัน พวกเขาครอบครัวสี่คนจะอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา“อ๋องเฉินแห่งตงหลิงเจียงหนาน?”สาวใช้เกาศีรษะด้วยความสงสัย “องค์หญิง ท่านส่งจดหมายให้อ๋องเฉินทำไม? ท่านรู้จักอ๋องเฉินตั้งแต่เมื่อไร?”ฉู่เชียนหลีรีบกล่าว“อธิบายกับเจ้าไม่ได้ แต่ความสัมพันธ์ของข้ากับอ๋องเฉินไม่ธรรมดา…อ๋องเฉิน? อ๋องเฉินตงหลิง?”เงยหน้าฉับพลัน“ข้ารู้จักอ๋องเฉ
ทุกคน “...”สีหน้าฮ่องเต้หนานยวนดูไม่ดีนัก เซิ่ยซือเฉินเป็นแค่บัณฑิตคนหนึ่ง เพื่อบัณฑิตคนหนึ่ง ต้องทุ่มสุดตัวเช่นนี้เลย ต้องตื่นเต้นเช่นนี้เลย?ในฐานะองค์หญิง ไม่ควรมองให้ไกลกว่านี้หน่อยหรือ?เพื่อป้องกันจวินลั่วยวนทำร้ายตัวเอง เขาออกคำสั่ง มัดมือและเท้าของนางโดยตรงจวินลั่วยวนขยับไม่ได้แล้วเห็นท่าทางที่จะยิ้มไม่ยิ้มของฉู่เชียนหลี และยังเลิกคิ้วอย่างยั่วยุ นางโมโหจนแทบกัดลิ้นฆ่าตัวตายหลังจากเหตุการณ์ที่วุ่นวาย ไปจากตำหนักองค์หญิงฉู่เชียนหลีกับหลิงอี้ซิงเดินเคียงข้างกันจากไป เมื่ออารมณ์ดี จังหวะการเดินก็ผ่อนคลายเป็นพิเศษ อดไม่ได้ที่จะฮัมเพลงเบาๆฮัมไปฮัมมา จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าหลิงอี้ซิงเป็นผู้มีจิตใจเมตตา อุทิศตนให้กับความดีและคุณธรรมหยุดฝีเท้าหันไปถาม “ท่านพี่ ท่านน่าจะเห็นกระมัง ว่าข้าจงใจรังแกจวินลั่วยวน?”หลิงอี้ซิงเดินตามปกติ สายตามองไปข้างหน้า พยักหน้าอย่างเกียจคร้าน ตอบสั้นๆ เพียงคำเดียว“อืม”“ท่านไม่รู้สึกว่าข้านิสัยไม่ดีหรือ?”เขาหยุดเดินหันมามองนาง กล่าวอย่างจริงจัง “ที่เจ้ารังแกนาง นั่นก็ต้องเป็นเพราะนางล่วงเกินเจ้าก่อนแน่นอน ล้วนเป็นความผิดของนาง”เขาไ
“ยวนเอ๋อร์! ยวนเอ๋อร์!” ฮ่องเต้หนานยวนร้อนใจจนหน้าถอดสี “ใครก็ได้ ใครก็ได้รีบมาเร็ว ยวนเอ๋อร์เสียเลือดมากเกินไป หมดสติไปแล้ว!”จวินลั่วยวนที่ ‘เสียเลือดมากเกินไปจนหมดสติ’ “...”เจ้าน่ะสิที่เสียเลือดมากเกินไปเจ้าเสียเลือดมากเกินไปทั้งครอบครัว!หมอหลวงมาอย่างรวดเร็ว หลังจากทำแผลให้จวินลั่วยวนเสร็จ ถอนหายใจด้วยความกังวล “สามเดือนแล้ว ในที่สุดเอ็นขององค์หญิงก็เชื่อมต่อกัน คิดไม่ถึงว่าขาดอีกแล้ว ความพยายามในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาล้วนสูญเปล่า” ต่อจากนี้ก็ต้องใช้เวลาอีกสามเดือน เปิดบาดแผล บำรุงเอ็นทุกวันเมื่อฉู่เชียนหลีได้ยินคำนี้ เบ้าตาแดงฉับพลัน“ล้วนเป็นความผิดของข้า…”นางดึงชายเสื้อของหลิงอี้ซิง กล่าวเสียงสะอึก“ท่านพี่ ข้ามันไม่ดี ต้องเป็นเพราะเรื่องของคุณชายเซิ่นแน่ องค์โกรธข้า ไม่ชอบข้า จึงฟาดมือของตัวเองใส่เสา เพื่อเป็นการแสดงความรังเกียจต่อข้า”“ข้าทำร้ายนาง ฮือๆ…”หลิงอี้ซิงรักน้องสาว ทุกคนในแคว้นหนานยวนรู้เรื่องนี้แล้วฮ่องเต้หนานยวนกล่าวโทษนางได้อย่างไร?กลับกัน เขายังต้องขอร้องหลิงอี้ซิงทักษะการทำนายของหลิงอี้ซิงมีเพียงหนึ่งเดียวในใต้ฟ้า ตลอดหลายปีที่เขานั่งตำแหน
ระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน นางค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้เตียง จวินลั่วยวนนอนหลับแล้ว ไม่ได้เคลื่อนไหวเป็นเวลานาน หน้าซีดซูบผอม เหลือแต่หนังหุ้มกระดูกฉู่เชียนหลีเหลือบมองแวบหนึ่ง“เหตุใดข้อมือของนางยังมีเลือด?”สามเดือนแล้ว แผลยังไม่หาย?นางกำนัลที่อยู่ข้างๆ ตอบ“หมอหลวงบอกว่า จะใช้ยาพิเศษรักษาเอ็นมือและเท้าที่ขาดขององค์หญิง จำเป็นต้องเปิดแผล ขยับเอ็นที่ขาดไปรวมกันทุกวัน จนกระทั่งเชื่อมต่อกัน”“ฮืม?”ฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วด้วยความสนใจเช่นนี้ก็เท่ากับว่า จวินลั่วยวนต้องทนกับความเจ็บปวดที่ใช้มีดเปิดปากแผลทุกวันติดต่อกันสามเดือนเต็มๆ น่าสังเวชน่าจะเจ็บมากกระมัง?นางค่อยๆ นั่งลง จับข้อมือของจวินลั่วยวนเบาๆ มองผ้าพันแผลที่ถูกพันห้าหกรอบอย่างครุ่นคิดทันใดนั้นออกแรงกดที่นิ้ว“ซี้ด…!”จวินลั่วยวนเจ็บจนตื่น ลืมตาทันทีฉู่เชียนหลีรีบปล่อยมือ “โอ๊ย…ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจแตะตัวท่าน ดูท่านเจ็บมากเลยนะ ขอโทษจริงๆ”“!”หลินเหยี่ยมาอยู่ในตำหนักของนางได้อย่างไร?นางรังเกียจผู้หญิงคนนี้ที่สุด!อาศัยที่พี่ชายของตัวเองเป็นราชครู แสร้งทำเป็นช่วยเหลือชาวบ้าน ทำแต่ความดีทุกวัน มีแต่คนบอกว่าองค์หญ
เซิ่นสือเฉิน “?”เหตุใดวันนี้รู้สึกว่าหลิงเหยี่ยแปลกๆ?เมื่อก่อนนางชอบเขามากเลยไม่ใช่หรือ? เวลาที่เขาอ่านหนังสือ นางชอบมาอยู่ข้างๆ ฝนหมึกพัดลมให้เขา เวลาที่เขาเขียนหนังสือ นางชอบแอบที่นอกหน้าต่าง จับจิ้งหรีดเล่น เวลาที่เขางีบหลับ นางมักจะชงชาหิมะชั้นดีมาให้เขานางยังบอกว่าจะแต่งงานกับเขาคนเดียวเหตุใดแค่วันเดียว ก็ปล่อยวางได้แล้ว?“องค์หญิงหลิง ข้าขอโทษ” เขากล่าวอย่างรู้สึกผิดที่จริงเขาก็ชอบหลิงเหยี่ยเช่นกัน แต่องค์หญิงยวนบอกเขาว่าหลิงเหยี่ยนิสัยไม่ดี ชอบรังแกคนรับใช้ หาเรื่องชาวบ้าน ใส่ร้ายโยนความผิดให้ผู้อื่นด้วยวิธีที่น่ารังเกียจ และทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายเขาเป็นคนเรียนหนังสือ นิสัยซื่อตรง ไม่สามารถยอมรับคนที่จิตใจอำมหิตอย่างหลิงเหยี่ยเมื่อเปรียบเทียบกัน เขาชอบจวินลั่วยวนที่ไร้เดียงสา จิตใจดี และร่าเริงมากกว่า“เมื่อก่อนท่านส่งข้าเรียนหนังสือ ช่วยข้าหาอาจารย์ ใช้เส้นสาย ทำให้ข้าสอบติดขุนนาง…บุญคุณส่วนนี้ ข้า ข้าทำได้เพียงตอบแทนท่านชาติหน้าแล้ว…”ฉู่เชียนหลียิ้มอย่างอ่อนโยน“ไม่เป็นไร แค่เรื่องเล็กน้อย”“ได้ยินมาว่าองค์หญิงยวนได้รับบาดเจ็บ พวกเราเข้าวังไปดูนางกันเ
องค์หญิง?คุณชายเซิ่น?ฉู่เชียนหลีไม่ได้รับความทรงจำใดๆ เพิ่งมาที่นี่ครั้งแรก สับสนและงงงวยเล็กน้อยยังไม่ทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีเสียงฝีเท้าที่ยุ่งเหยิงและเสียงต่อต้านดังมาจากนอกประตู “ใต้เท้าหลิง! ใต้เท้าหลิง ต่อให้ท่านบีบคั้นข้าจนตาย ข้าก็ไม่แต่งงานกับนาง!”“ตั้งแต่ต้นจนจบ ในใจข้ามีเพียงองค์หญิงยวนเอ๋อร์เท่านั้น!”ยวนเอ๋อร์?องค์หญิง?ฉู่เชียนหลีเงยหน้ามองไป เห็นชายหนุ่มสวมชุดเพ้าสีขาวและที่ครอบผมหยก กำลังลากผู้ชายที่ท่าทางสุภาพเหมือนคนเรียนหนังสือเข้ามานางตระหนักถึงบางอย่าง รีบดึงสาวใช้ที่อยู่ข้างกายมาถามเบาๆ“ที่นี่คือแคว้นหนานยวน?”สาวใช้ “?”องค์หญิงเป็นอะไรไป?เหตุใดถามคำถามเช่นนี้?“องค์หญิง ท่าน…”“อย่าพูดไร้สาระ ตอบข้า!”สาวใช้ตกใจ รีบกล่าว “ท่านคือหลิงเหยี่ย องค์หญิงต่างแซ่ของแคว้นหนานยวน ใต้เท้าคือมหาราชครูของแคว้นหนวนยวน เป็นพี่ชายแท้ๆ ของท่าน เพราะใต้เท้าชำนาญการทำนาย เคยช่วยแคว้นสามครั้ง สร้างคุณประโยชน์มากมาย ท่านจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์หญิงต่างแซ่…”คำพูดที่เหลือ ฉู่เชียนหลีมองข้ามโดยตรงสิ่งเดียวที่นางคิดคือ นางถูกส่งมาเป็นองค์หญิงต่างแซ่ อีกท