จ้องมองร่างเล็กที่แลดูเศร้าซึมนั่น หัวใจของชายหนุ่มแน่นขึ้น ราวกับถูกมีดปัก เจ็บมาก เจ็บมาก ๆ แม้กระทั่งหายใจก็รู้สึกแน่นเขาเม้มริมฝีปากบาง ค่อย ๆ สาวเท้าเดินไปข้างหน้า อย่างเบา ๆ ทันทีที่มือแตะบนบ่าของนาง มือของนางก็ห้อยตกลงมา ถึงได้พบว่านางหลับไปแล้ว เนื่องจากตากลม ร่างกายจึงเย็นเฉียบเขาขมวดคิ้ว ถอดเสื้อคลุมด้านนอกออก คลุมบนตัวนาง อุ้มนางขึ้นอย่างเบามือ กลับไปถึงจวนอ๋องเฉิน เปิดประตูเข้าห้องทันทีที่วางนางลงบนเตียง นางส่งเสียงเพราะรู้สึกไม่ค่อยสบายตัว กลิ้งตัวไปด้านในครึ่งที คิ้วงามขมวดเข้าหากันตลอดเวลา ท่าทางไม่พอใจแม้กระทั่งตอนนอนยังยัยโง่...เขาจะไม่รู้ว่าลูกของพวกเขา...บางทีเขาควรจะบอกความจริงแก่นาง ขอเพียงแค่พูด ทั้งสองคนเผชิญหน้าด้วยหัน ก็ดีกว่าให้นางคิดฟุ้งซ่านไปคนเดียว“นายท่าน...”ด้านนอก หานเฟิงเดินเข้ามา จงใจลดเสียงเพื่อขอคำแนะนำลง กล่าวรายงานเสียงเบา“ข่าวใหม่ล่าสุดที่น่าเชื่อถือ เจ้ากรมคลังเขา...”ค่ำคืนนี้ เต็มไปด้วยความสงบเงียบเช้าวันรุ่งขึ้นฉู่เชียนหลีตื่นขึ้นมา เห็นว่าตนเองกลับมาที่เรือนหานเฟิง รู้สึกว่าตนเองหลับลึกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่
พ่อบ้านหยางร้อนใจจนเหงื่อแตกหอบหายใจ “เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสมาก เลือดเต็มตัว ทั้งยังถูกหามกลับมาอีก!”ฉู่เชียนหลีหน้าถอดสี ทันทีที่จะลุกขึ้นยืน ก็นึกถึงคำพูดของชายหนุ่มเขาไม่อยากมีลูก แต่กลับโหยหาร่างกายของนาง ระหว่างพวกเขามีเพียงความสัมพันธ์แค่การร่วมเตียงเท่านั้น เขาได้รับบาดเจ็บ นางจะร้อนใจทำไม?เกี่ยวอะไรกับนาง?เมื่อคิดจบ ใบหน้าก็เย็นชาลง แล้วนั่งกลับลงไปตามเดิม“ได้รับบาดเจ็บก็ไปหาหมอ มาหาข้าทำไม?”พ่อบ้านหยาง “?”ท่านอ๋องกับพระชายาทะเลาะกันอีกแล้ว?อีกแล้ว?อีกแล้ว?ระยะห่างจากครั้งก่อน เพิ่งจะคืนดีกันได้ไม่กี่วัน?ไม่ถูกต้อง เหตุใดครั้งนี้ถึงไม่ได้ขว้างปาข้าวของ?“พระชายา...”“เยว่เอ๋อร์ ส่งพ่อบ้านออกไป!” ไม่รอให้พ่อบ้านหยางพูดมาก ฉู่เชียนหลีได้ออกปากไล่แล้วใบหน้าของนางเย็นชา เหมือนกับถุงยาที่ใกล้ระเบิด ทุกคนไม่กล้ายั่วโมโห เยว่เอ๋อร์จำต้องไล่พ่อบ้านหยางออกไปอย่างกระอึกกระอักอวิ๋นอิงเม้มปาก มองท่าทางที่เย็นชาของพระชายาแวบหนึ่ง หลังจากลังเลครู่หนึ่ง แล้วสาวเท้าตามไปเรือนอีกหลังหนึ่งบรรดาคนรับใช้ องครักษ์ ทุกคนห้อมล้อมอยู่ที่เรือนตรงกลาง บนใบหน้าแต่ละคนเต็มไป
“พระชายา...”“ไม่ได้ยินที่พระชายาพูดหรือ! ไสหัวออกไปให้หมด!”คำพูดประโยคนี้ เฟิงเย่เสวียนที่อยู่บนเตียงเป็นผู้พูดหลังจากตะโกนอย่างหมดความอดทน ก็ล้มกลับลงไปอย่างอ่อนแอ หายใจหอบถี่ เลือดไหลออกมากกว่าเดิม กลิ่นคาวเลือดภายในห้องยิ่งรุนแรงกว่าเดิมหานอิ๋งหน้าสลด หลังจากกวาดสายตามองฉู่เชียนหลีแวบหนึ่ง ก็หันหลังกลับไปอย่างเย็นชานางติดตามนายท่านมาสิบห้าปีแล้ว!ตลอดสิบห้าปีมานี้ ไม่ว่าจะแผลเล็กแผลใหญ่ ล้วนมีนางเป็นคนคอยจัดการ ร่างกายของนายท่าน ตำแหน่งไหนมีแผล ได้รับบาดเจ็บตอนไหน โดนอะไรมา ลึกแค่ไหน ป่วยกี่วัน นางเข้าใจทั้งหมดอย่างชัดเจน!ไม่มีใครเข้าใจร่างกายของนายท่านได้ดีกว่านาง!แต่นับจากมีฉู่เชียนหลี ตลอดสิบห้าปีที่ผ่านมา เป็นครั้งแรกที่นางถูกนายท่านไล่...ปิดประตูฉู่เชียนหลีพุ่งตัวไปด้านหน้าเตียง คลำที่บริเวณเอวของเขาเสื้อผ้าเปียกชุ่ม เต็มไปด้วยเลือด!อาการบาดเจ็บสาหัสมาก!ทันทีที่นางพลิกข้อมือ ก็หยิบกรรไกรเล่มหนึ่งออกมา ตอนที่กำลังจะตัดเสื้อผ้าของเขาออก ทันใดนั้นก็ถูกชายหนุ่มจับข้อมือเอาไว้“เชียนหลี... เชียนหลี...”เขาหายใจหอบ หน้าอกยกขึ้นลงด้วยความเจ็บปวดทรมานมาก“ข้
หลังจากผ่านไปประมาณสองชั่วยาม ในที่สุดประตูที่ปิดสนิทก็เปิดออกมาจากด้านใน“พระชายา!”“นายท่านเป็นอย่างไรบ้าง?”“ท่านอ๋องไม่เป็นอะไรมากใช่หรือไม่?”ทุกคนรีบเดินไปข้างหน้าทันที สายตาที่เป็นห่วงจำนวนมากมองไปยังหญิงสาวอย่างพร้อมเพรียงกันฉู่เชียนหลีที่ทำการผ่าตัดสี่ชั่วโมงเต็ม ใบหน้าเหนื่อยล้าเล็กน้อย แต่น้ำเสียงกลับสบายใจขึ้นมาก“บาดแผลของ เลือดก็หยุดไหลแล้ว ตอนนี้ไม่มีอันตรายถึงชีวิต แต่อาการบาดเจ็บสาหัสมาก อีกหนึ่งเดือนหลังจากนี้ เกรงว่าอาจจะต้องนอนอยู่บนเตียงตลอด”แน่นอนว่า เรื่องทั้งหมดนี้เป็นเรื่องในอนาคต สิ่งที่สำคัญก็คือปลอดภัยแล้วหานอิ๋งรีบวิ่งเข้าไปในห้อง รีบเข้าไปจับชีพจรให้อ๋องเฉิน พ่อบ้านหยางรีบเข้าไปเยี่ยม เยว่เอ๋อร์กับอวิ๋นอิงยืนอยู่ที่ประตู จ้องมองอยู่ไกล ๆ ตอนที่หานเฟิงกำลังจะเดินเข้าไป เสียงหนึ่งก็เรียกเขาเอาไว้“เจ้ามากับข้า”เขาหยุดชะงักฝีเท้าเล็กน้อยพระชายา...มองด้านในห้องแวบหนึ่ง แล้วก็มองแผ่นหลังของพระชายาที่เดินออกไปด้านนอก ลังเลครู่หนึ่ง จึงสาวเท้าเดินตามไปด้านนอกเรือน บริเวณที่ไร้ผู้คนฉู่เชียนหลีเช็ดคราบเลือดบนมือทั้งสองข้างจนสะอาด เอ่ยปากพูดเ
รองเจ้ากรมเดินตามเกี้ยว ยังคงหัวเราะอย่างได้ใจไม่หยุด“ใต้เท้า เกรงว่าเจ้าอ๋องเฉินนั่นจะได้รับบาดเจ็บสาหัส คงจะหายได้ยาก มีรัชทายาทคอยคุ้มครอง แม้ว่าเขาจะบาดเจ็บ ก็ไม่กล้าทำอะไรพวกเราหรอก พวกเราต้องไปเยี่ยมคนแพ้ที่จวนอ๋องเฉินหรือไม่?”ด้านในเกี้ยว น้ำเสียงของชายหนุ่มเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม“ถ้าหากเขาเห็นว่าข้ากำลังกระโดดโลดเต้นต่อหน้าเขา ลมหายใจเฮือกสุดท้ายที่ยังเหลืออยู่ ไม่แน่ว่าถ้าได้เห็นข้า อาจจะโมโหจนตายไปเลยก็ได้...เอ่อ!”น้ำเสียงหยุดชะงักลงกะทันหัน“ฮ่า ๆ ๆ!” รองเจ้ากรมไม่สังเกตเห็นถึงรายละเอียดนี้ ยังคงหมกมุ่นอยู่ในเรื่องที่เอาชนะอ๋องเฉินได้ หัวเราะเสียงดังอย่างได้ใจ จนปากแทบจะฉีกไปถึงรูหู“ฮ่า ๆ ๆ! ใต้เท้าช่างมีจิตใจเมตตา ฮ่า ๆ ๆ!”“ใต้เท้า ข้าคิดว่า...”เขากำลังพูดเสียงเจื้อยแจ้วด้านในเกี้ยว กลับไม่มีเสียงตอบรับไม่มีใครมองเห็นด้านในเกี้ยว ชายวัยกลางคนที่เดิมทีนั่งตัวตรงตอนนี้แขนขาทั้งสี่ข้างกางออก ล้มอยู่บนพื้น หัวโผล่ออกมาด้านนอกอีกด้านอย่างไร้เรี่ยวแรง เลือดไหลออกมาจากมุมปากแท่งน้ำแข็งแท่งหนึ่งแทงทะลุหัวใจมาจากทางด้านหลัง เมื่อสัมผัสกับอุณหภูมิของร่างกาย แท่ง
ฉู่เชียนหลีค่อย ๆ ยกมือข้างขวาขึ้น ฝ่ามือหงายขึ้นด้านบนแล้วแบออก ถามขึ้นอย่างกะทันหัน“นี่คือ?”หานเฟิง “?”แน่นอนว่าต้องเป็นมือสิ!ยังไม่ต้องพูดถึงว่า มือของพระชายาสวยงามมาก เล็ก ๆ นิ้วมือทุกนิ้วเรียวยาวมาก ขาวสะอาดราวกับต้นหอม แม้แต่กระดูกข้อนิ้วก็สมบูรณ์แบบจนไร้คำบรรยายแต่ว่าที่พระชายาถามไม่ใช่คำพูดเหลวไหลหรอกหรือ?หรือว่ามีความหมายอื่นแฝงอยู่?เขาเกาหัว มองซ้ายมองขวา มองบนมองล่าง ก็สะอาดหมดจด ไม่มีตำหนิ ถามอย่างอดสงสัยไม่ได้“พระชายา หรือว่ามือของท่านมีอะไรอย่างนั้นหรือ?”นางพยักหน้า กล่าว “เลือด”“?”เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าสะอาดมาก ไม่มีแม้แต่ไฝสักเม็ด มีเลือดที่ไหนกัน?!ฉู่เชียนหลีหลุบดวงตาลงเล็กน้อย แต่กลับมีความซับซ้อนไหลล้นออกมานางเป็นหมอ ฝีมือทางการรักษายอดเยี่ยม สองชั่วชีวิตได้ช่วยผู้คนเอาไว้มากมาย แต่ไม่เคยฆ่าคนมาก่อน วันนี้เป็นครั้งแรกเมื่อก่อน มือนางเปื้อนไปด้วยเลือด ล้วนเป็นเลือดที่ช่วยชีวิตคนให้รอดพ้นจากการบาดเจ็บล้มตายวันนี้...เป็นครั้งแรก...ดูเหมือนว่าในฐานะที่เป็นหมอ ก็ควรจะช่วยเหลือทุกคน ปฏิบัติตามจรรยาบรรณวิชาชีพแต่ความรู้สึกของการฆ่าคนเหมือนว่าจ
เขาผู้เป็นพี่ใหญ่ มาเยี่ยมน้องชายด้วยความหวังดีแต่ดวงตาของฉู่เชียนหลีกลับเต็มไปด้วยความเย็นชาเห็นได้ชัดว่าเขาเป็นคนแอบจัดการ ร่วมมือกับเจ้ากรมคลังทำร้ายเฟิงเย่เสวียนจนได้รับบาดเจ็บ ตอนนี้กลับมาเสแสร้งร้องไห้เสียใจ ชายหนุ่มที่แสดงละครช่างน่าสะอิดสะเอียนเสียยิ่งกว่าดอกบัวสีขาวเสแสร้ง!นางแสยะยิ้มบาง ๆ “ขอบคุณรัชทายาทที่เป็นห่วง อ๋องเฉินมีเพียงแค่แผลถลอกเท่านั้น ไม่เป็นอะไรมาก”“งั้นหรือ?”เฟิงเจิ้งอวี้เลิกคิ้วเหลือบตา กวาดสายตามองภายในห้องรอบหนึ่ง ถงเฟยอยู่ภายในห้องด้วย พุ่งตัวไปด้านหน้าเตียง ร้องไห้จนตาแดง เป็นเพียงแค่แผลถลอกอย่างนั้นหรือ?อวดดีเขายกเท้าขึ้น เดินเข้าไปในห้องทันใดนั้นฉู่เชียนหลีก็ยกมือขึ้นขวาง “อ๋องเฉินกำลังพักผ่อน ไม่ควรให้คนไปรบกวนมากเกินไป ก่อนหน้านี้อ๋องเฟิง อ๋องติ้ง อ๋องหลีพวกเขาก็มาเยี่ยมเช่นกัน แต่ไม่ได้เข้าไปในห้อง”เมื่อเฟิงเจิ้งอวี้ได้ยินดังนั้น รอยยิ้มในดวงตาก็ล้ำลึกมากกว่าเดิมขวางเอาไว้ไม่ให้พบ ดูท่า อาการน่าจะสาหัสมากเลยสิท่าไม่เข้าก็ไม่เข้า ถึงอย่างไร ภายในใจเขาก็ย่อมรู้ดี“โชคดีที่พระชายาอ๋องเฉินมีฝีมือการรักษา สามารถรักษาน้องเจ็ดได้ท
สีหน้าของเซียวจือฮว่าชะงักไปเล็กน้อย ทั้งสองข้างที่ยื่นออกมาแข็งทื่ออยู่กลางอากาศ จะเก็บกลับไปก็ไม่ใช่ วางลงก็ไม่ใช่ ขายหน้ายิ่งหานอิ๋งเดินอ้อมนาง มาถึงที่ตรงด้านหน้าเตียง ตักยาที่ยังร้อนกรุ่นขึ้นมาช้อนหนึ่งแล้วเป่า หลังจากลงให้เย็นลงหน่อย ก็ยื่นไปใกล้ริมฝีปากของชายหนุ่มอย่างระวังถงเฟยเห็นดังนั้น หว่างคิ้วก็ขมวดเข้าหากันทันทีเซียวจือฮว่าไม่มีสิทธิ์ปรนนิบัติอ๋องเฉิน หานอิ๋งมีสิทธิ์อย่างนั้นหรือ?ทันทีที่หันหน้ากลับไปมองอีกครั้ง ก็เห็นฉู่เชียนหลียืนอยู่ด้านนอก พับแขนเสื้อแล้วกำลังจะเดินจากไปนางรีบพุ่งตัวออกไปด้านนอกเอ่ยปาก “เชียนหลี สามีที่รักของเจ้ากำลังรอเจ้าไปป้อนยาอยู่น่ะ เจ้าเดินผิดทางแล้ว!”ฉู่เชียนหลี “?”นางยังโมโหอยู่นะ!ช่วยชีวิตเขากลับมาได้ ทั้งหมดเป็นเพราะเชื่อฟังหัวใจ ฝืนอารมณ์ แต่นางยังคงโมโหอยู่จริง ๆ ในเมื่อเขาไม่ได้มีอันตรายถึงแก่ชีวิตแล้ว ยังจำเป็นต้องให้นางปรนนิบัติที่ไหนกัน?ป้อนยา?มือขวาก็พอมือของใครไม่ใช่มือ เหตุใดต้องเป็นมือของนางด้วย?นางหันหลังกลับมา กล่าวกับในห้อง “เสด็จแม่ ข้าจะไปจัดยาให้เขา”พูดจบ กำลังจะเดินไป“ข้าไปเอง!” ถงเฟยรีบลุกขึ้น
เมื่อเฟิงเย่เสวียนได้ยิน สีหน้าจริงจังขึ้นมาทันที รีบกล่าว“รีบเชิญคนเข้าจวน!”คนของสำนักคุ้มกันเทียนตี้มาแล้ว ส่งจดหมายมาสองฉบับ ฉบับหนึ่งให้เฟิงเย่เสวียน อีกหนึ่งฉบับให้จิ่งอี้เฟิงเย่เสวียนเปิดจดหมายอย่างแทบรอไม่ไหวลายมือที่คุ้นเคย คำทักทายที่เรียบง่าย ในถ้อยคำอันสวยหรือซ่อนความรู้สึกมากมายเอาไว้เขากางกระดาษจดหมายอออกอย่างระมัดระวัง อ่านช้าๆ ทีละคำอย่างละเอียด อ่านซ้ำรอบแล้วรอบเล่าเต็มไปด้วยความคิดถึงมองทะลุกระดาษจดหมายแผ่นนี้ ราวกับมีท่าทางของฉู่เชียนหลีตอนเขียนจดหมายปรากฏขึ้นตรงหน้า หลุบตาจริงจัง กัดปลายพู่กันเป็นระยะ ยิ้มเป็นบางครั้ง ขมวดคิ้วเป็นบางคราว…ทุกๆ คำล้วนเปลี่ยนเป็นใบหน้าของนางอักษรสั้นๆ เพียงไม่กี่บรรทัด เขาจ้องอยู่ครึ่งชั่วยามเต็มๆไม่มีใครกล้ารบกวนสุดท้ายยังเป็นหานอิ๋งที่ส่งข่าวสำคัญเข้ามา“นายท่าน สายข่าวมารายงาน องค์หญิงแคว้นหนานยวนเดินทางมาเมืองหลวงในฐานะราชทูต อาจจะมาถึงเจียงหนานในอีกสองวัน พวกเราจะต้อนรับนางหรือไม่?”ความคิดของเฟิงเย่เสวียนจึงจะเปลี่ยนจากความคิดถึงไปเป็นเรื่องงานพับกระดาษจดหมายอย่างระมัด เก็บเข้าไปในอก ใช้ฝ่ามือกดแล้วกดอีก
วันรุ่งขึ้นลู่ฉินถูกอุ้มมาทั้งน้ำตา เฟิงเย่เสวียนเพิ่งป้อนนมให้เว่ยซีเสร็จ อวิ๋นอิงก็เข้ามาพร้อมกับนางที่กำลังร้องไห้แล้ว“ท่านอ๋อง…”อวิ๋นอิงคิดไม่ถึงว่าท่านอ๋องอยู่เวลานี้ของที่ผ่านมา ท่านอ๋องไปดูแลเรื่องการทหารแล้วเมื่อพบท่านอ๋อง นางกอดลู่ฉินที่กำลังร้องไห้แน่นโดยไม่รู้ตัว จับท้ายทอยของเด็กเบา กดเข้าไปในอ้อมแขน ลดเสียงร้องไห้ของนาง สับขาก็คิดจะวิ่งทันทีเพราะเฟิงเจิ้งลู่ฉินคือลูกของเฟิงเจิ้งหลีกับฉู่เจียวเจียว หลังจากท่านอ๋องรู้ความจริง ก็ไม่เป็นที่ต้อนรับมาโดยตลอดเฟิงเย่เสวียนอุ้มลู่ฉินไว้ จู่ๆ ก็เอ่ยปาก“ในเมื่อมาแล้ว จะไปไหน?”อวิ๋นอิงชะงักเล็กน้อยนางกลัวท่านอ๋องเห็นลู่ฉิน จะนึกถึงสามีภรรยาอ๋องหลี นึกถึงพระชายากับลู่ จึงไม่มีความสุข…“ไม่ ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ…แค่ลู่ฉินเอาแต่ร้องไห้ คงจะคิดถึงพระชายาแล้ว พระชายาไม่อยู่ ข้าอยากให้นางอยู่กับเว่ยซี”“พวกนางสองพี่น้องอยู่ด้วยกันตั้งแต่เกิด ลู่ฉินกับเว่ยซีอยู่ด้วยกัน จะเป็นเด็กดีกว่า…”นางพลางสังเกตสีหน้าเฟิงเย่เสวียน พลางกล่าวอย่างระมัดระวังสีหน้าเฟิงเย่เสวียนเรียบเฉย ตอนที่มองไปทางเฟิงเจิ้งลู่ฉิน สายตาสงบ ไร้อารมณ์ใดๆ
น้ำเสียงที่เป็นกันเอง เหมือนกำลังพูดถึงเรื่องทั่วไป ที่จริงกำลังขอโทษและอธิบายต่อฉู่เชียนหลี เขาคือฮ่องเต้คำพูดของเขาก็คือพระราชโองการด้วยสถานะของเขา ไม่จำเป็นต้องอธิบายให้ใครฟัง แต่เขากลับก้มหัวให้ฉู่เชียนหลี…ฉู่เชียนหลีแน่นหน้าอกเล็กน้อยนางจงใจทำเช่นนี้ หลอกให้ฉู่เจียวเจียวตกหลุม ตั้งแต่เริ่มจนจบล้วนเป็นแผนของนาง แต่การขอโทษของเขาอยู่เหนือความคาดหมายเหมือนว่าเขา…จริงจังกับนางแล้ว?“เจ้ายังโกรธหรือไม่?” เฟิงเจิ้งหลีที่ไม่ได้รับคำตอบ เงยหน้ามองนาง“ไม่ ไม่โกรธ”ฉู่เชียนหลีหลบสายตากะทันหัน นางไม่ถนัดเล่นกับความรู้สึก“ข้าไม่ได้เก็บเอาเรื่องนี้มาใส่ใจ เรื่องที่ผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไปเถอะ ไม่ต้องพูดถึงอีกแล้ว” บางทีอาจเพราะร้อนตัว นางอุ้มลูกขึ้นมา เดินไปเขย่าที่ข้างหน้าต่างเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจเขาเดินไปหานางมีหลายอย่างอยากถาม แต่ก็กลัวเล็กน้อยเขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง“วัน…วันนี้เจ้า เหตุใดไม่ไป?”เหตุใดจึงอยู่ต่อ?เพื่อเขาใช่หรือไม่?คำพูดนี้เขาไม่กล้าถาม กลัวผิดหวัง แต่ก็คาดหวังที่จะได้รับคำตอบจากนางฉู่เชียนหลีหลุบตา “ต้องมีเหตุผลด้วยหรือ?”“ข้าหวังเพียงจื่อ
ตำหนักเจาหยางหลังจากกลับมาฉู่เชียนหลีนั่งหยอกล้อกับลูกอยู่ที่หน้าเปลโยก จื่อเยี่ยคลานไปคลานมา ร่าเริงอยู่ไม่นิ่งนางลูบเสื้อกันหนาวขนจิ้งจอกที่ซื้อมาใหม่ มีรอยยิ้มลึกๆ ในแววตาเวลานี้ ทางนั้นน่าจะทะเลาะกันใหญ่แล้วกระมังฉู่เจียวเจียว เรียกได้ว่าเจ้าช่วยข้าครั้งใหญ่จริงๆวันนั้น นางจงใจขอป้ายหยกมังกรของเฟิงเจิ้งหลี และให้จื่อเยี่ยเอาออกมาเล่น บอกเรื่องนี้ให้ฉู่เจียวเจียวรู้ในทางอ้อม ยั่วโมโหนางสำเร็จฉู่เจียวเจียวที่ถูกยั่วจนโมโหย่อมตัดสินใจลงมือฆ่า นางแสร้งร่วมมือ ออกจากวังอย่างราบรื่น หลังจากส่งจดหมายแล้ว ก็แสร้งทำเป็นเหมือนไม่รู้อะไร กลับมาอยู่ที่ข้างกายเฟิงเจิ้งหลีอีกครั้ง ความผิดทั้งหมดถูกโยนให้ฉู่เจียวเจียว ขณะเดียวกันนางก็ได้รับความเชื่อใจจากเฟิงเจิ้งหลีแล้วเมื่อมีความเชื่อใจส่วนนี้ เรื่องต่อจากนี้ก็ง่ายแล้ว“มา จื่อเยี่ย ลองเสื้อใหม่ตัวนี้ดูว่าใส่ได้หรือไม่”นางอุ้มลูกขึ้นมา ลองสวมให้เขาเขาโบกมือน้อยๆ ดวงตาสดใส มีชีวิตชีวา “นม นมๆ!”มุดเข้าไปในอ้อมแขนของนางขี้อ้อนฉู่เจียวเจียวถอนหายใจ“เรียกท่านพ่อ ท่านพ่อ สอนเจ้าทุกวัน เหตุใดยังพูดไม่เป็นอีก? เจ้าไม่เจอพ่อของเจ
อธิบาย?บอกว่าแก้ตัวน่าจะเหมาะสมกว่า!เหอะ!เฟิงเจิ้งหลีคืนจื่อเยี่ยให้ฉู่เชียนหลี “ใครก็ได้ คุ้มกันแม่นางฉู่กับพระนัดดาองค์โตกลับวัง”รอสองแม่ลูกไปแล้ว เขาเดินไปที่ตรงหน้าฉู่เชียนหลี กล่าวอย่างเย็นชา“เจ้าตามข้ามา”หัวใจฉู่เจียวเจียวเย็นวูบแล้ว…เวลาที่เขาเผชิญหน้ากับนาง ไร้ความปรานีและเฉยเมยตลอด เวลาที่เผชิญหน้ากับฉู่เชียนหลี ระมัดระวัง เอาใจใส่และอ่อนโยนตลอดนางนอนฝันยังอยากได้รับความรักจากเขานางทำเช่นนี้ ล้วนทำเพื่อเขา หรือนางทำผิดอะไร?ฉู่เจียวเจียวกัดริมฝีปากล่างเบาๆ ลากฝีเท้าที่หนักเล็กน้อย เดินไล่ตามหลังเฟิงเจิ้งหลี ทหารรักษาพระองค์แยกย้ายแล้ว เหลือเพียงชาวบ้านที่มามุงดู เริ่มวิพากษ์วิจารณ์เสียงเบา… วังหลวงเพิ่งก้าวเข้าห้องทรงพระอักษร นางก็ถูกเฟิงเจิ้งหลีบีบคอ ดันไปชิดติดกับกำแพงอย่างไร้ความปรานี สายตาดุร้ายมาก“เจ้าถึงกับกล้าคิดจะฆ่าฉู่เชียนหลีภายใต้จมูกของข้า!”ผู้หญิงที่เขาไม่ยอมแตะต้องด้วยซ้ำ นางกลับกล้าลงมือฆ่า!“ฉู่เจียวเจียว ดูเหมือนข้าตามใจเจ้ามากเกินไปแล้ว!”จึงยื่นกรงเล็บไปถึงบนกายฉู่เชียนหลี!ฉู่เจียวเจียวหลั่งน้ำตาอย่างเศร้าเสียใจ“ฝ่าบาท เพื่อผ
ตอนเห็นกระบี่แทงเข้าไปในรถม้า ลมหายใจเฟิงเจิ้งหลีชะงัก เกือบตกลงมาจากหลังม้า เขากระโดดลงพื้นอย่างโซซัดโซเซโดยไม่รอให้ม้าหยุด และพุ่งพรวดเข้าไปหา“ฉู่เจียวเจียว!”เปลวไฟลุกโชนในดวงตาของเขา ราวกับจะกลืนกินสรรพสิ่งฉู่เจียวเจียวใจสั่นเล็กน้อย แต่ก็สงบลงอย่างรวดเร็วขอแค่ฉู่เชียนหลีตายแล้ว ปัญหาอย่างอื่นก็ไม่ใช่ปัญหา!พลันนางหันไป กล่าวอย่างไร้เดียงสา“ฝ่าบาท พระองค์มาได้อย่างไรเพคะ? หม่อมฉันได้ยินว่าฉู่เชียนหลีพาพระนัดดาองค์โตหนีออกมาโดยพลการ จึงพาทหารรักษาพระองค์มาไล่ตาม ใครจะรู้ว่าฉู่เชียนหลียอมตายก็ไม่ยอมก้มหัว ทหารรักษาพระองค์จึงลงมือ…อ๊ะ!”เฟิงเจิ้งหลีพุ่งพรวดเข้าไปกระชากคอเสื้อของนางเหมือนกับหิ้วลูกไก่คว้าคอของนาง บีบด้วยความโกรธเมื่อชาวบ้านที่อยู่โดยรอบเห็นภาพนี้ ทุกคนตกใจมากเวลานี้เอง ทหารรักษาพระองค์อุทานกะทันหัน “รถม้าไม่มีคน!”“?”เฟิงเจิ้งหลีกับฉู่เจียวเจียวมองไปพร้อมกัน เห็นเพียงภายในรถม้าว่างเปล่า ไม่มีใครเลยฉู่เจียวเจียวเบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อสายตาเป็นไปได้อย่างไร?ฉู่เชียนหลีล่ะ?เฟิงเจิ้งจื่อเยี่ยล่ะ?คนล่ะ?เฟิงเจิ้งหลีตะลึงงันก่อน หลังจากนั้นก็
แผนการดำเนินไปอย่างราบรื่นวันรุ่งขึ้น ตอนเย็น ทหารรักษาพระองค์ที่เฝ้าอยู่นอกตำหนักเจาหยางถอนกำลังจริงๆ ฉู่เชียนหลีอุ้มลูกไปถึงสถานที่นัดหมายกับฉู่เจียวเจียว ขึ้นรถม้าคันหนึ่งที่ออกจากวังเพื่อไปซื้อวัตถุดิบอาหารด่านตรวจประตูวังทหารรักษาพระองค์จะตรวจสอบ แต่ขันทีที่ขับรถม้ามีสิทธิพิเศษผ่านทาง จึงสามารถออกจากวังหลวงอย่างราบรื่นรถม้าแล่นไปถึงตรอกแห่งหนึ่ง ที่นั่นมีรถม้าจอดอยู่หนึ่งคันรถม้าสองคันแล่นขนานกัน และตอนที่ไม่มีคนสังเกต คนบนรถม้ากระโดดจากรถม้าคันนี้ ไปยังรถม้าคันนั้นเวลานี้ รถม้าแยกทางกันที่ปลายถนนคันหนึ่งแล่นไปทางซ้าย คันหนึ่งแล่นไปทางขวาฉู่เจียวเจียวยืนอยู่บนหอคอยสูง มองดูจากระยะไกล เมื่อเห็นว่าถึงเวลาแล้ว เผยอมุมปากอย่างเย็นชาฉู่เชียนหลี เจ้ารนหาที่ตายเอง!“ลงมือ!”ทหารรักษาพระองค์เคลื่อนไหวทันที!ในเมืองหลวง ผู้คนสัญจรไปมา ใกล้จะปีใหม่แล้ว พ่อค้าขายของปีใหม่เยอะเป็นพิเศษ ถนนทั้งสายทั้งคึกคักทั้งเบียดเสียด“หยุดรถ”รถม้าจอดตรงหน้าตรอกแห่งหนึ่งที่มีคนค่อนข้างน้อย ฉู่เชียนหลีอุ้มลูกลงจากรถม้า วิ่งเข้าไปในตรอก หาร้านค้าร้านหนึ่งที่ไม่สะดุดตาป้ายหน้าประตูร้า
ฉู่เชียนหลีประหลาดใจเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าจะได้ยินคำพูดนี้เฟิงเจิ้งหลีกักตัวนางนานเช่นนี้ ก็เพื่อใช้ประโยชน์จากนางกับจื่อเยี่ย ควบคุมเฟิงเย่เสวียนในวันข้างหน้า ฉู่เจียวเจียวกลับยินดีปล่อยนาง?“ข้าจริงจัง”น้ำเสียงฉู่เจียวเจียวเย็นชา“เจ้าเดินเตร่ไปเตร่มาใต้จมูกข้าทุกวัน มันขัดตาข้า มันกวนใจข้า ชีวิตเจ้าไม่มีความสุข ชีวิตข้าก็ไม่มีความสุข เหตุใดไม่สงเคราะห์กันและกันล่ะ?”นางส่งเขาออกไปนางคืนฝ่าบาทให้เขา“เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้ากำลังพูดอะไรอยู่?” ฉู่เชียนหลีถาม “เมื่อฝ่าบาทรู้เรื่องนี้ เจ้าจะดับความโกรธของเขาอย่างไร?”“เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องสนใจ ข้ามีวิธีของข้า ไม่เช่นนั้น ข้าก็ไม่ต้องเป็นฮองเฮาแล้ว”ส่งฉู่เชียนหลีออกวัง เรื่องเล็กน้อยแค่นี้นางยังทำได้“ฉู่เชียนหลี เจ้าลองคิดดูดีๆ”“ครึ่งปีมานี้ สถานการณ์สงครามคับขัน เพื่อที่จะช่วยเจ้า เฟิงเย่เสวียนยอมหันกระบี่ใส่ฝ่าบาท ถ้าหากเจ้ากลับไปอยู่ข้างกายเฟิงเย่เสวียน สองกองทัพสงบ เจ้ากับข้าก็จะมีชีวิตที่ดี”“เหตุใดเจ้าต้องจับฝ่าบาทไม่ยอมปล่อย?”ฉู่เจียวเจียววิเคราะห์เสียงเย็นนางทนไม่ไหวกับชีวิตแม่หม้ายเช่นนี้แล้ว มีเพียงฉู่เชียนหลัไ
เพียะ!ก่อนที่ฝ่ามือจะตบลงมา ฉู่เชียนหลีคว้าข้อมือของนางไว้อย่างแม่นยำ “ดูผู้ชายของตัวเองไม่ดีเอง ไม่ควรทบทวนปัญหาของตัวเองก่อนหรือ?”นางยิ้มอย่างเย้ยหยัน“ฉู่เจียวเจียว เจ้านี่มันไม่ไหวจริงๆ รู้จักแต่ระบายความโกรธใส่ข้า มัดใจของผู้ชายไม่ได้ ต่อให้ข้าไปแล้ว ก็ยังมีข้าอีกเป็นหมื่นเป็นพัน”สีหน้าฉู่เจียวเจียวน่าเกลียดมาก“ฉู่เชียนหลี!”นางพูดเรื่องที่ไร้ยางอายเช่นนี้อย่างมั่นใจได้อย่างไร? น่ายกย่องมากเลย?นางยั่วยวนฝ่าบาทโดยที่หน้าไม่แดง ไม่รู้สึกผิด หน้าตายเช่นนี้ได้อย่างไร?ใต้ฟ้า เหตุใดจึงมีคนที่ไร้ยางอายเช่นนี้?ฉู่เชียนหลียิ้ม “อีกอย่างนะ เขาเป็นฮ่องเต้ สามตำหนักหกเรือน เจ็ดสิบสองสนม ก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรือ? เจ้าในฐานะฮองเฮา จิตใจคับแคบเช่นนี้ได้อย่างไร?”“กรี๊ดๆ!”ฉู่เจียวเจียวโมโหจนกรีดร้อง ยกมืออีกข้างก็เหวี่ยงออกไปทันทีฉู่เชียนหลีเอี้ยวตัวไปด้านข้าง หลบพร้อมกับคว้ามือของนางไว้“ฉู่เชียนหลี เจ้ามันหน้าไม่อาย! เจ้ามันเป็นของเก่าที่เคยหลับนอนกับเฟิงเย่เสวียน มีสิทธิ์อะไรมาเข้าใกล้ฝ่าบาท! ต่อให้ฝ่าบาทมีสามตำหนักหกเรือน นั่นก็ล้วนเป็นผู้หญิงที่บริสุทธิ์!”“ใช่สิ ฝ่า