สีหน้าของเซียวจือฮว่าชะงักไปเล็กน้อย ทั้งสองข้างที่ยื่นออกมาแข็งทื่ออยู่กลางอากาศ จะเก็บกลับไปก็ไม่ใช่ วางลงก็ไม่ใช่ ขายหน้ายิ่งหานอิ๋งเดินอ้อมนาง มาถึงที่ตรงด้านหน้าเตียง ตักยาที่ยังร้อนกรุ่นขึ้นมาช้อนหนึ่งแล้วเป่า หลังจากลงให้เย็นลงหน่อย ก็ยื่นไปใกล้ริมฝีปากของชายหนุ่มอย่างระวังถงเฟยเห็นดังนั้น หว่างคิ้วก็ขมวดเข้าหากันทันทีเซียวจือฮว่าไม่มีสิทธิ์ปรนนิบัติอ๋องเฉิน หานอิ๋งมีสิทธิ์อย่างนั้นหรือ?ทันทีที่หันหน้ากลับไปมองอีกครั้ง ก็เห็นฉู่เชียนหลียืนอยู่ด้านนอก พับแขนเสื้อแล้วกำลังจะเดินจากไปนางรีบพุ่งตัวออกไปด้านนอกเอ่ยปาก “เชียนหลี สามีที่รักของเจ้ากำลังรอเจ้าไปป้อนยาอยู่น่ะ เจ้าเดินผิดทางแล้ว!”ฉู่เชียนหลี “?”นางยังโมโหอยู่นะ!ช่วยชีวิตเขากลับมาได้ ทั้งหมดเป็นเพราะเชื่อฟังหัวใจ ฝืนอารมณ์ แต่นางยังคงโมโหอยู่จริง ๆ ในเมื่อเขาไม่ได้มีอันตรายถึงแก่ชีวิตแล้ว ยังจำเป็นต้องให้นางปรนนิบัติที่ไหนกัน?ป้อนยา?มือขวาก็พอมือของใครไม่ใช่มือ เหตุใดต้องเป็นมือของนางด้วย?นางหันหลังกลับมา กล่าวกับในห้อง “เสด็จแม่ ข้าจะไปจัดยาให้เขา”พูดจบ กำลังจะเดินไป“ข้าไปเอง!” ถงเฟยรีบลุกขึ้น
ฉู่เชียนหลี “...”อายุยี่สิบกว่าแล้ว ยังไม่กินยา?สายตาที่เหลือบมองชายหนุ่มแฝงไปด้วยท่าทีรังเกียจพร้อมขมวดคิ้วท่าทางที่ดื้อรั้นยิ่ง เมื่อคิดถึงคำพูดที่แล้งน้ำใจเหล่านั้นก่อนหน้านี้ของเขา ในใจก็มีเพลิงโทสะลุกโชนขึ้นมาทันใดนั้น สายตาล้ำลึก เจตนาร้ายฉายแววออกมา“เยว่เอ๋อร์ ไปเอาช้อนแกงมา”เยว่เอ๋อร์ตอบรับ ไปหยิบมาด้วยความรวดเร็วฉู่เชียนหลีโยนช้อนยาเล็กทิ้ง เปลี่ยนเป็นช้อนใหญ่ ตักยาสีดำสนิทขึ้นมาหนึ่งช้อนใหญ่ช้า ๆ บีบปากของชายหนุ่มให้อ้าออก แล้วเททั้งหมดลงไป“อ่อก!”ชายหนุ่มต่อต้านกำลังจะอ้วกออกมา มือของหญิงสาวรีบปิดคางของเขาทันที บีบจุดลมปราณบริเวณลำคอของเขา พยายามให้เขากลืนลงไปยาที่มีรสขมลงไปในท้อง ทำให้หว่างคิ้วของชายหนุ่มที่อยู่ในอาการหมดสติขมวดเข้าหากัน จนใบหน้าเหยเกฉู่เชียนหลีเห็นดังนั้น ยังไม่ทันจะได้สะใจก็รีบตักขึ้นมาอีกช้อน แล้วพยายามเทลงไป“อ่อก! อ่อก ๆ ...”ชายหนุ่มนอนอยู่บนเตียง บริเวณท้องบาดเจ็บ ทำให้ขยับเขยื้อนไม่ได้ มีเพียงแค่แขนขาทั้งสี่ข้างที่สั่นระริกกำลังพยายามดิ้นรนอย่างดื้อรั้น...เยว่เอ๋อร์ยืนอยู่ข้างเตียง เมื่อเห็นฉากนี้ ก็ตกใจจนใจสั่นท่านอ๋องเหม
เรื่องที่อ๋องเฉินได้รับบาดเจ็บกระจายออกไป ทำให้คนจำนวนไม่น้อยพากันวิพากษ์วิจารณ์ โดยทั้งด้วยความห่วงใย สงสัย และคาดเดา...เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เช้าวันใหม่ตลอดคืนนี้ ฉู่เชียนหลีเฝ้ามาตลอดทั้งคืน ชายหนุ่มบนเตียงกลับยังไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นขึ้นมา อุณหภูมิของร่างกายเย็นขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากเสียเลือดมากเกินไป สมรรถภาพแต่ละด้านของร่างกายจึงลดลง ภูมิต้านทานลดต่ำลง กลัวหนาวเป็นอย่างยิ่งนางหอบผ้าห่มมาสองผืน ห่มลงไปบนร่างกายของเขา ผ้าห่มหนา ๆ ทับเขาจนกลายเป็นลูกแกะที่ดูซีดเซียวน่าสงสารไร้เรี่ยวแรงตัวหนึ่ง“พระชายา ทำแบบนี้ไม่ได้!”ด้านนอกประตู หานอิ๋งเห็นดังนั้น จึงรีบวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว “นายท่านบาดเจ็บบริเวณท้อง ทำเช่นนี้จะกดโดนแผล ถ้าหากกดทับจนบาดแผลเสียหาย ทำให้เลือดทะลักละก็จะยุ่งยาก!”ในขณะที่นางกำลังพูด ก็หอบผ้าห่มออกไปฉู่เชียนหลีขมวดคิ้ว ทันใดนั้นก็กล่าวเสียงดัง“หยุดก่อน!”เย็บบาดแผลแล้ว ไหมที่นางใช้เป็นไหมละลายที่ทันสมัยที่สุด และราคาแพงที่สุดของยุคสมัยใหม่ จะทำให้แผลเสียหายได้ง่ายขนาดนั้นเลยหรือ?แล้วก็หานอิ๋งผู้นี้ ด้วยตัวตนองครักษ์ลับของนาง เหมือนว่ายังไม่มีสิทธิ์ท
หลังจากนางเดินไป ฉู่เชียนหลีรีบอ้าปากเรียก “หานเฟิง!”ทันทีที่พูดจบ หานเฟิงรีบเดินพุ่งตัวเข้ามา คิดว่ามีเรื่องสำคัญอะไร แต่กลับได้ยินพระชายาถาม“ตั้งแต่หลังจากที่ท่านอ๋องกลับมาจากเมืองตงหนิง ก็เอาแต่เพ่งเล็งรัชทายาทมาโดยตลอด เหตุใดเขาถึงได้รีบร้อนลงมือขนาดนั้น?”จุดนี้ นางไม่สามารถเข้าใจได้ก่อนหน้านี้ ไม่ว่ารัชทายาทจะอวดดีอย่างไร เขาก็มักจะมีท่าทีโอบอ้อมอารี เห็นแก่ความสัมพันธ์ญาติพี่น้องเป็นอย่างยิ่งหานเฟิงกลับไม่รู้เรื่อง ‘ฆ่าลูกเหลือแม่ไว้’ เรื่องนี้มีเพียงหานอิ๋งกับเฟิงเย่เสวียนเท่านั้นที่รู้ เขาเกาหัว กล่าว“น่าจะเป็นเพราะรัชทายาททำเลยเถิดเกินไป”เขาพูดด้วยความโกรธ “พระชายา ตอนนั้นท่านป่วย อาจจะไม่ทราบ เรื่องโรคระบาดที่เมืองตงหนิง เป็นฝีมือของรัชทายาท!”กึก...ด้านนอกประตู ฝีเท้าของอวิ๋นอิงหยุดชะงักทันทีเป็นรัชทายาท...เรื่องโรคระบาด คาดไม่ถึงว่าจะเป็นฝีมือของรัชทายาท...เขาพลางแพร่โรคระบาด ทำร้ายบรรดาชาวบ้าน พลางแสร้งทำท่าทางเป็นคนดี มาช่วยเหลือชาวบ้าน มารดาของนางก็ตายด้วยเหตุนี้เช่นกัน...ที่แท้ก็เป็นเขา!ทันใดนั้นมือทั้งสองข้างที่กำลังยกถาดของสาวน้อยก็กำแน่น ดว
ถงเฟยสะอึกทีหนึ่งท่าทางดูมีเหตุผลมากเมื่อโดนปลอบโยนสำเร็จจึงนั่งลง เฟิงเจิ้งหลีลุกขึ้นยืน ซักถามอย่างเป็นห่วง “อาการของอ๋องเฉินเป็นอย่างไรบ้าง? ฟื้นแล้วหรือไม่? ข้าช่วยอะไรได้บ้างหรือไม่ ข้านำโสมคนสำหรับบำรุงเลือดมาด้วยหนึ่งต้น”เขาหยิบกล่องไม้สี่เหลี่ยมผืนผ้ากล่องหนึ่งออกมาจากด้านในแขนเสื้อ“ถึงแม้ว่าจะมูลค่าไม่มากมายนัก แต่หวังว่าจะสามารถช่วยเจ้าได้”ฉู่เชียนหลีเห็นดังนั้น ก็ใจอ่อนทันทีตลอดหลายปีมานี้ เดิมทีเขาก็มีชีวิตอยู่อย่างลำบากยากแค้น เป็นองค์ชายที่ไม่ได้รับความโปรดปราน ยังได้รับการข่มเหงรังแกอีกด้วย และราคาของโสมคนค่อนข้างแพง เขากลับมอบสิ่งของแบบนี้ออกมาให้ ได้แสดงความจริงใจมากแล้ว“ขอบคุณมาก! ขอบคุณมาก!” นางสองมือรับมา กล่าวขอบคุณอย่างจริงใจฉู่เจียวเจียวก็มาด้วยนางนั่งอยู่ข้างกายของเฟิงเจิ้งหลี เมื่อเห็นว่าอ๋องหลีให้ความสำคัญกับเรื่องของจวนอ๋องเฉินมากขนาดนี้ ทันทีที่จวนอ๋องเฉินมีความเคลื่อนไหวอะไร เขามักจะเป็นคนแรกที่มาที่นี่ก่อนเสมอ ยังมอบโสมคนของดีขนาดนี้ให้อีกด้วย ยากที่จะไม่ดีใจถ้าหากความของอ๋องหลีกับอ๋องเฉินดี ยังพอเข้าใจได้แต่ในมุมมองของนาง เหตุใดควา
นี่มัน?!คว่ำลงไปเลย?ให้ความกล้าหาญกับนาง นางก็ไม่กล้าทำแบบนี้หรอกให้ตายเถอะ!อวิ๋นอิงรู้สึกว่าพระชายาโยนปัญหายากให้นาง ทั้งยังน่าปวดเศียรเวียนเกล้าอีกด้วยด้านข้าง เยว่เอ๋อร์ให้เห็นสีหน้า ‘ไม่กลัวตาย’ อีกทั้งยังถกแขนเสื้อเรียบร้อยแล้วด้วย“เหมือนว่าท่านอ๋องจะต่อต้านการกินยา ทุกครั้งพระชายาก็ป้อนแบบนี้”“อวิ๋นอิง ลงมือเถอะ!”เตรียมตัวรับความตายให้ดีเถอะ!อวิ๋นอิงร้องไห้ “ท่านอ๋องกับพระชายาต่างฝ่ายต่างทำร้ายกันจริงงั้นหรือ?”“หรือคิดว่าเป็นเรื่องหลอกลวงกันล่ะ?” ใบหน้าของเยว่เอ๋อร์เต็มไปด้วยความช่ำชอง “เจ้ามาช้า เจ้าไม่รู้ ตอนที่พระชายาเพิ่งแต่งเข้าจวนอ๋อง นั่นถึงเรียกว่าทำร้ายซึ่งกันและกัน...ไม่ต้องพูดแล้ว รีบป้อนยาให้ท่านอ๋อง”อวิ๋นอิงยกถ้วยยา หันหน้าไปมองชายหนุ่มที่หมดสติอยู่บนเตียงถึงแม้จะหมดสติไม่ฟื้น แต่หน้าตานั่น เค้าโครงนั่น ความสูงส่งที่แผ่ซ่านออกมาทั่วทั้งร่างกาย ทำให้คนมองดูเพียงไกล ๆ ไม่กล้าเข้าใกล้อวิ๋นอิงยังคงไม่กล้าเช่นเดิม “พี่เยว่เอ๋อร์ ไม่อย่างนั้นพี่จัดการ?”เยว่เอ๋อร์ “ข้ากลัวตาย”“แต่ข้าก็กลัวตายเช่นกันนะ...”“...”ตกอยู่ในความเงียบงันชั่วขณะทั้ง
ฝีเท้าของฉู่เชียนหลีหยุดชะงักเล็กน้อย ตอนที่แสร้งทำเป็นไม่ได้ยินน้ำเสียงที่ทั้งอ่อนแอ และเบาของเขา กำลังจะสาวเท้าเดินออกไปต่อนั้น น้ำเสียงของชายหนุ่มก็ดังขึ้นอีกครั้ง“ข้า...มีเรื่องจะอยากจะบอกเจ้า...สำคัญมาก...แค่ก...”บนเตียง ชายหนุ่มยกร่างกายท่อนบนขึ้นอย่างยากลำบาก จ้องมองภาพด้านหลังของนางด้วยดวงตาที่ซีดขาว แขนที่ค้ำยันเตียงนอนกำลังสั่นเทาเนื่องจากเสียเลือดมากเกินไป เขาอ่อนแอมากในภายภาคหน้าฉู่เชียนหลีจะเป็นมารดา เรื่องที่เกี่ยวข้องกับลูก นางมีสิทธิ์ที่จะรับรู้เขาไม่อยากปิดบังนางอีกต่อไปด้านข้าง เมื่อหานอิ๋งได้ยินคำว่า ‘เรื่องสำคัญมาก’ ประโยคนี้ ดวงตาก็วูบไหวเล็กน้อย ไม่ต้องเดาก็รู้ได้ว่าเป็นเรื่องอะไรนางเผยอปากเล็กน้อย ไม่รอให้ฉู่เชียนหลีตอบกลับ ก็เอ่ยปากกล่าวก่อน“นายท่านฟื้นขึ้นมาแล้ว ไม่มีอันตรายถึงชีวิตแล้ว ประจวบเหมาะกับที่ข้าน้อยสืบเรื่องที่เกี่ยวกับฆาตกรเจอแล้วพอดี นายท่านจะจัดการตอนนี้เลยหรือไม่?”ทันทีที่ถงเฟยได้ยินคำว่า ‘ฆาตกร’ เส้นประสาทเส้นหนึ่งในหัวสมองก็ตึงเครียดขึ้นทันทีฆาตกร!แท้ที่จริงแล้วผู้ใดเป็นคนทำร้ายลูกให้เป็นแบบนี้กันแน่!เกือบอันตรายถึงชีวิ
สีหน้าของหานอิ๋งจริงจังเป็นอย่างยิ่ง น้ำเสียงจริงใจเป็นอย่างมาก แฝงไปด้วยการโน้มน้าวอย่างแข็งขัน“นายท่าน ได้โปรดเชื่อข้าน้อย ข้าน้อยก็เป็นผู้หญิงเช่นกัน เข้าใจหัวอกของผู้หญิงดี จะบอกพระชายาไม่ได้อย่างเด็ดขาด!”นางเน้นย้ำคำว่า ‘อย่างเด็ดขาด’ ยิ่งเป็นการเตือนให้ชายหนุ่มตระหนักถึงความรุนแรงของผลที่ตาม“ไม่ได้อย่างเด็ดขาด!”ทันทีที่พูดออกไป ก็จะเป็นเรื่องใหญ่มีเพียงวิธีนี้ถึงจะสามารถช่วยชีวิตพระชายาได้!เฟิงเย่เสวียนอยากจะบอกฉู่เชียนหลี แต่ก็กลัวถึงผลที่ตามมา อยากพูด ก็กลัวนางจะไม่ให้ความร่วมมือ หากไม่พูด ในใจของเขาจะต้องทรมานเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะหลังจากได้ยินคำพูดของหานอิ๋ง...เขารู้ว่าความรักของแม่นั้นยิ่งใหญ่แต่ไม่มีลูกคนนี้ ก็ยังจะมีลูกได้อีกหลาย ๆ คนนี่นา!เขาตกอยู่ใน สภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เขากดหว่างคิ้วที่แสนเจ็บปวด ออกแรงนวด“ข้าเคยสัญญากับนางว่าจะปฏิบัติต่อกันด้วยความจริงใจ ไม่หลอกลวงซึ่งกันและกัน...”“นี่คือการโกหกด้วยเจตนาดี! นายท่าน ท่านช่วยชีวิตพระชายา พระชายาควรจะต้องขอบคุณท่าน จะตำหนิท่านได้อย่างไร? การโกหกด้วยเจตนาดีไม่นับว่าเป็นการโกหก!”หานอิ๋งเหลือบตาข
พลันฉู่เจียวเจียวแน่นหน้าอก“เจ้าไม่เพียงอยากแย่งตำแหน่งฮองเฮาของข้า ยังอยากเอาชีวิตของข้า…ฉู่เชียนหลี เจ้าไปเอาสิทธิ์มาจากไหน! เจ้ากล้าพูดคำพูดเช่นนี้ได้อย่างไร!”นางพุ่งเข้าไปตบอย่างแรงอีกครั้ง พร้อมกับเสียงกรีดร้องครั้งนี้ ฉู่เชียนหลีคว้าข้อมือของนางไว้พลันบิดไปข้างหลังอย่างเย็นชา กล่าวอย่างเฉียบคม“เฟิงเจิ้งหลีให้สิทธิ์แก่ข้า เจ้าโทษข้ามีประโยชน์อะไร? ดูผู้ชายของตัวเองไม่ดีเอง รู้จักแต่ระบายความโกรธใส่ผู้อื่น ช่างไร้ความสามารถและน่าเวทนาจริงๆ”“เจ้า!”ฉู่เจียวเจียวโกรธจนตาแดงแล้ว“อ๊ะๆ! ฉู่เชียนหลี! ข้าจะฆ่าเจ้า!”นางกวัดแกว่งมือทั้งสองข้าง พยายามคว้าไปทางฉู่เชียนหลี ฉู่เชียนหลีหลบได้อย่างง่ายดาย ไม่เพียงไม่สามารถทำร้ายตัวเอง และยังสามารถทำให้ฉู่เจียวเจียวโมโหจนชักกระตุกนอกห้องผู้บัญชาการจางเงี่ยหูฟังความเคลื่อนไหวภายในห้องประเดี๋ยวก็ปัง ประเดี๋ยวก็ตูม ประเดี๋ยวก็โครม แค่ฟังก็รู้สึกดุเดือดมาก ทำเอาเขายิ้มจนหุบไม่ลงฟังจากเสียงนี่ ฉู่เชียนหลีน่าจะถูกจัดการอย่างอนาถมันก็จริงเป็นแค่นักโทษคนหนึ่ง เย่อหยิ่งเช่นนั้น ไม่เท่ากับรนหาที่หรอกหรือ?ตี!ตีให้ตายเลย!เขา
ภายในห้องฉู่เจียวเจียวผลักประตูปรี่เข้าไป มองไปทางฉู่เชียนหลีที่กำลังนั่งทาเล็บตรงข้างโต๊ะ หัวเราะทีหนึ่ง“เจ้านี่มันไม่สะทกสะท้านจริงๆ”แสร้งใจเย็นหรือใจเย็นจริงๆ กันแน่?เดินไปที่ตรงหน้าฉู่เชียนหลี ก้มมองนางแล้วกล่าว“เจ้าถูกขังอยู่ที่นี่ เกรงว่ายังไม่รู้สถานการณ์ข้างนอก อ๋องหลีขึ้นครองราชย์ในอีกสามวัน ส่วนอ๋องเฉินหนีเนื่องจากวางยาพิษฝ่าบาท และชิงราชบัลลังก์ล้มเหลว ประกาศจับทั่วทั้งแคว้น ราษฎรล้วนกำลังด่าเขา ตอนนี้เขาก็เหมือนหนูข้ามถนนตัวหนึ่ง ไม่กล้าปรากฏตัวด้วยซ้ำ”ในอดีตเคยสูงส่งปัจจุบันอนาถนักนางถอนหายใจเบาๆ“วันพระไม่ได้มีหนเดียวจริงๆ”“ฉู่เชียนหลี เจ้าแพ้แล้ว”อ๋องหลีกับอ๋องเฉิน นางกับนาง ในที่สุดการต่อสู้ระหว่างพวกเขาก็มีบทสรุปแล้ว นางกับอ๋องหลีเป็นฝ่ายชนะฉู่เชียนหลีก้มหน้าก้มตาทาเล็บอย่างตั้งใจ นางนำน้ำกลีบดอกไม้สีชมพูอ่อนทาลงบนเล็กมือแวววาวเรืองแสงสีชมพูอ่อนๆ เล็บมือทุกนิ้วดูชุ่มชื้น งดงามนักฉู่เจียวเจียวขมวดคิ้ว พูดมามากมายเช่นนี้ นางไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย?“เจ้าหูหนวกหรือ?”นี่มันเวลาไหนแล้ว ยังมีกะจิตกะใจทาเล็บอีก?พลันยกมือก็แย่งขวดเล็กๆ ไปจากมือน
ไม่นาน ข่าวก็กระจายไปทั่วใบประกาศถูกติดตามทุกซอกทุกมุมของเมืองหลวง เนื้อหาที่เขียนไว้บนนั้นแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็วในหมู่ราษฎร จากนั้นกระจายออกนอกเมือง กระจายไปทั่วทั้งแคว้นตงหลิง ทุกคนที่รู้เรื่องนี้ต่างตกตะลึงอ๋องเฉินชิงราชบัลลังก์?ล้มเหลว?หนีไปแล้ว?ไม่ทราบเบาะแส?วางยาพิษฮ่องเต้?เตือนทุกคนระวัง อย่าถูกอ๋องเฉินทำร้าย ขณะเดียวกัน หลังจากนี้สามวัน อ๋องหลีขึ้นครองราชย์มีข้อมูลมากเกินไป ราษฎรตกใจจนเหมือนกับหมูหริ่งในสวนแตงโม มีแตงโมมากเกินไป ชั่วขณะไม่รู้จะเริ่มกินจากตรงไหนดีตะลึง ประหลาดใจ ตกใจ สาปแช่ง ปกป้อง…สะเทือนทั้งแคว้นตงหลิง เสียงของราษฎรแตกต่างกันออกไปข้างนอกวุ่นวายมาก แต่ในวังกลับเงียบสงบ ภายในตำหนักที่หรูหราหลังหนึ่ง ฉู่เชียนหลีถูกขังอยู่ที่นี่ โดยมีทหารรักษาพระองค์คอยเฝ้า ไม่สามารถออกไปแม้แต่ก้าวเดียวเพิ่งก้าวออกไปกระบี่ที่แวววาวเล่มหนึ่งถูกยื่นออกมา“คุณหนูฉู่โปรดกลับเข้าไป ระวังกระบี่ไม่มีตา”ผู้บัญชาการจางยิ้มแย้ม ค่อนข้างเหมือนคนชั่วที่ประสบความสำเร็จฉู่เชียนหลีมองเขาอย่างเย็นชา กล่าวถาม “ไม่มีข่าวอ๋องเฉินหรือ?”“เขาสมคบคิดศัตรู ทรยศบ้านเม
แต่ฮ่องเต้พูดไม่ได้ ต่อให้เขารู้ความจริง และมีความโกรธอยู่เต็ม ก็พูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว และไม่มีใครเข้าใจความหมายของเขาความรู้สึกที่โกรธแต่ไม่สามารถระบายออกมา และยังต้องมองดูต่อหน้าต่อตาเช่นนี้ แทบทำให้ฮ่องเต้โกรธจนเป็นลมพรรคของอ๋องหลีย่อมพากันตำหนิอ๋องเฉิน“คิดไม่ถึงว่าอ๋องเฉินจะเหี้ยมโหดเช่นนี้ วางยาพิษทำร้ายพ่อ ไร้ความเป็นมนุษย์ ไร้มโนธรรม ไม่กลัวฟ้าผ่าเลยหรือ?”“คนเช่นนี้มีสิทธิ์อะไรอยู่บนโลกใบนี้?”“ขายหน้าแคว้นตงหลิงของพวกเราจริงๆ!”“น่าละอายจริงๆ!”ส่วนพรรคของอ๋องเฉิน รู้ว่าเกิดเรื่องกับอ๋องเฉินที่ตัวเองสนับสนุน ไม่มีใครกล้าพูดอะไรมากนักมีผู้สนับสนุนสองสามคนเอ่ยปากเพิ่งเอ่ยปาก ก็ถูกพรรคของอ๋องหลีด่าจนเงยหน้าไม่ขึ้นอ๋องเฉินไม่อยู่ ไม่มีใครหนุนหลังพวกเขา พวกเขากล้าโกรธแต่ไม่กล้าพูดทุกคนเริ่มโต้เถียงกันตอนที่ทะเลาะกันพอประมาณแล้ว อัครมหาเสนาบดีฉู่ก้าวออกมาอย่างชาญฉลาด เขากล่าวเสียงดัง“อ๋องหลี ตอนนี้ฝ่าบาทถูกพิษจนกลายเป็นเช่นนี้ และไม่สามารถหายดีในเวลาอันสั่น แต่แคว้นที่ยิ่งใหญ่ไม่สามารถไม่มีเจ้า ข้าน้อยขอบังอาจ เชิญท่านควบคุมสถานการณ์ สร้างความสงบให้บ้านเมือง!”
มีดพาดอยู่บนคอนาง คมมีดที่เย็นเฉียบส่องประกายด้วยแสงเย็นยะเยือก ราวกับว่านางแค่ออกแรงเล็กน้อย ก็จะตัดเส้นเลือดอันบอบบางของนางทันทีเฟิงเจิ้งหลีกำลังจะเข้าใกล้พลันมือของนางก็ออกแรงกด “ถ้าหากเจ้ายังต้องการจับตัวเฟิงเย่เสวียน เก็บข้าไว้ดีกว่า ถ้าหากข้าเป็นอะไรไป เกรงว่าเจ้าไม่สามารถควบคุมเฟิงเย่เสวียนแล้ว”เขาชะงักเล็กน้อยข่มขู่?มันก็จริง เฟิงเย่เสวียนหนีออกจากเมืองแล้ว แม้เขาเป็นฝ่ายได้เปรียบ แต่เฟิงเย่เสวียนมีที่ดินศักดินา มีกำลังทหาร สามารถตั้งตนเป็นอ๋อง ถ้าหากสู้กันจริงๆ ใช่ว่าเขาจะเป็นคู่ต่อสู้ของเฟิงเย่เสวียนเสมอไปแต่ว่า นางรังเกียจเขาเช่นนี้เลยหรือ?ถึงขั้นยอมใช้คอของตัวเองมาขู่เขา? เขาก็ขมวดคิ้วแน่น กล่าวอย่างเย็นชา“เจ้ากล้าตายหรือ? ไม่ต้องการจื่อเยี่ยแล้ว?”“ใครบ้างที่อยากตาย? แต่ถ้าหากต้องอยู่อย่างอัปยศ ไม่สู้ตายเสียดีกว่า ให้ทุกอย่างมันจบสิ้นเสีย”“เจ้า!”ในแววตาของเขามีความโกรธเอ่อล้นออกมา อยากเข้าไป แต่เท้ากลับยืนแข็งอยู่ตรงที่เดิมมองดูนางที่เชิดคางเล็กน้อย และมือที่กำแน่นอย่างดึงดัน ความโกรธติดอยู่ในอก ไม่สามารถระบายออกมา ทำให้เขาอัดอั้นจนรู้สึกทรมานบ้า
“ตาม!” ผู้บัญชาการจางกระทืบเท้าตะโกนเสียงดัง “รีบตาม! ขี่ม้าที่เร็วที่สุด ต้องจับอ๋องเฉินกลับมาให้ได้!”“รับทราบ!”เปิดประตูเมือง ทหารรักษาพระองค์ไล่ตามอย่างรวดเร็วเฟิงเจิ้งหลีหยิบธนูมาหนึ่งคัน ดึงลูกธนู เล็งยามค่ำคืนอันมืดสลัวที่อยู่นอกเมือง แต่ทันใดนั้นก็ถูกฉู่เชียนหลีกระแทกอย่างแรงธนูพลาดเป้าเขาหัวเราะอย่างเย้ยหยัน โยนธนูลงบนพื้น กล่าวอย่างไม่ใส่ใจ“หนี หนีไปเลย ทั้งแคว้นตงหลิงเป็นของข้าแล้ว ข้าดูสิว่าเจ้าจะสามารถหนีไปถึงไหน!”ใต้ฟ้าอันกว้างใหญ่ ล้วนเป็นของกษัตริย์เขาจะจับเฟิงเย่เสวียนได้ในสักวัน“เฟิงเจิ้งหลี เจ้ามันเป็นคนบ้าที่เสียสติจริงๆ โลกนี้มีผลกรรมเสมอ สักวันเจ้าจะถูกสิ่งที่เจ้าทำตามสนอง”คนที่เสียสละ สักวันจะได้ผลตอบแทนคนที่กระทำความชั่ว สักวันจะต้องชดใช้ไม่ใช่กรรมไม่ตามสนอง แค่ยังไม่ถึงเวลาเฟิงเจิ้งหลีคว้าแขนของฉู่เชียนหลี พลันดึงนางเข้ามาในอ้อมแขน บีบคางของนาง “เหมือนเจ้าแทบรอไม่ไหวที่จะเห็นข้าตกต่ำแล้วนะ”“แต่น่าเสียดาย คนดีอายุสั้น คนชั่วอายุยืนพันปี ข้าต้องอยู่รอดต่อไป จะรอดูว่าเฟิงเย่เสวียนตายต่อหน้าข้าอย่างไร”ฉู่เชียนหลีถูกบังคับให้เงยหน้าขึ้น
ทุกคนรออยู่ที่นอกประตูเมือง เฟิงเย่เสวียนขี่ม้าเข้าไปใกล้ สายตาจ้องฉู่เชียนหลีอย่างลึกซึ้งหลายวินาทีฉู่เชียนหลียิ้มระหว่างทั้งสองคน คำพูดมากมายไม่จำเป็นต้องพูด แค่สบตากัน ก็สามารถเข้าใจกันแล้วผ่านไปครู่หนึ่งเขาถอนสายตากลับ กระตุกม้าให้หยุดลง โน้มกายและเอื้อมมือไปรับลูก“ส่งเขาให้ข้า”เฟิงเจิ้งหลียิ้มได้อ่อนโยนมาก ก้าวไปข้างหน้าครึ่งก้าวอย่างเชื่อฟัง ยกมือทั้งสองข้างขึ้นเล็กน้อย ส่งเด็กที่อยู่ในมือออกไป“น้องเจ็ด เดินทางปลอดภัย”เขาเน้นเสียงคำว่า ‘ปลอดภัย’ เป็นพิเศษ เหมือนมีความหมายที่ลึกซึ้งซ่อนอยู่อ๋องเฉินยื่นมือออกมาแล้ว ขณะที่กำลังจะสัมผัสโดนเด็ก เฟิงเจิ้งหลีปล่อยมือกะทันหันทันใดนั้นเด็กสูญเสียแรงยึดเหนี่ยว ร่วงลงไปโดยตรง!“จื่อเยี่ย!”พลันเฟิงเย่เสวียนแน่นหน้าอก กระโดดลงจากม้าด้วยความเร็วที่เร็วที่สุด ก็เห็นอ๋องหลีรับเด็กไว้แล้ว และก็เพราะพริบตาที่เขาเผลอนี้ จึงถูกธนูลับดอกหนึ่งยิงเข้าที่สะบักฉึก…“อาเฉิน!”“ท่านอ๋อง!”เหตุการณ์เกิดขึ้นกะทันหัน ไม่มีใครรับมือทันเวลาเฟิงเจิ้งหลีใช้มือซ้ายอุ้มเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ย มือขวาจับตัวฉู่เชียนหลี ถอยหลังเจ็ดแปดก้าว ขณะ
เฟิงเย่เสวียนเดินออกมาข้างหน้าหนึ่งก้าว “ปล่อยฉู่เชียนหลีกับเด็ก ข้าอยู่เอง เจ้าจับฉู่เชียนหลีไม่มีประโยชน์ มีเพียงจับข้าเท่านั้น เจ้าจึงจะสามารถนั่งราชบัลลังก์ได้อย่างมั่นคง”เฟิงเจิ้งหลีเย้ยหยัน“อย่ามาต่อรองกับข้า ข้ายอมถอยให้แล้ว ถ้าหากยังได้คืบจะเอาศอก ข้าไม่ถือสาที่จะพินาศไปพร้อมกัน”ฉู่เชียนหลีรีบถอยกลับมาจับข้อมือเฟิงเย่เสวียน กล่าวเสียงเบา “เจ้าพาจื่อเยี่ยไป!”“เชียนหลี…”“คนที่เขาต้องการคือข้า มีเพียงเจ้าไปและมีชีวิตรอดต่อไปเท่านั้น จึงจะมีโอกาสพลิกสถานการณ์ จื่อเยี่ยไปแล้ว ข้าจึงจะวางใจ ถึงเวลานั้น เขาก็ไม่มีข้อได้เปรียบอีก และไม่จำเป็นต้องกลัวเขาอีกแล้ว” ฉู่เชียนหลีวิเคราะห์เบาๆ อย่างฉับไวเฟิงเจิ้งหลีไม่มีทางฆ่านางใช้นางคนเดียว แลกกับความปลอดภัยของจื่อเยี่ย แลกกับความปลอดภัยของทุกคน อย่างไรก็ดีกว่าสู้กันตายไปข้างหนึ่ง เลือดนองเหมือนแม่น้ำไม่ใช่ว่านางจะถูกขังอยู่ในเมืองหลวงตลอดไปตราบใดที่ยังมีชีวิต ก็มีโอกาสเฟิงเย่เสวียนรู้ผลได้ผลเสียในนี้ เด็กคนนี้อย่างไรก็ต้องช่วย แต่เขาจะทิ้งฉู่เชียนหลีไว้คนเดียวได้อย่างไร“เชียนหลี ข้ามันไร้ประโยชน์”“ข้าไม่อนุญาตให้เจ
เมื่อพรรคของอ๋องหลีได้ยินเช่นนี้ ก็กลัวทันทีดูท่าทีของพระชายาอ๋องเฉิน นี่กำลังจะเปิดฉากสังหารครั้งใหญ่ในวังชัดๆ!ฆ่าคนติดต่อกันสองคน ไม่กระพริบตาแม้แต่ทีเดียวเลือดกระเซ็นโดนใบหน้า ก็เย็นเฉียบท่าทางที่ชั่วร้ายเหมือนปีศาจนั่น ทำให้ขุนนางหลายคนเกิดความกลัว ลองถามคนทั่วหล้า จะมีสักกี่คนที่ไม่กลัว? อยู่ต่อหน้าความเป็นความตาย ทุกคนล้วนเห็นแก่ตัวพวกเขาไม่อยากตายขุนนางคนหนึ่งกลัวจนพูดติดอ่าง“อ๋อง อ๋องหลี…อย่างไรเด็กที่อยู่ในมือท่านก็เป็นพระนัดดาองค์โต เป็นสายเลือดของราชวงศ์ ถ้าหากฆ่าเขา ในวันข้างหน้า มลทินของท่านจะถูกบันทึกไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์ เกรงว่าจะถูกคนรุ่นหลังด่าทอต่อๆ กันเป็นหมื่นปี”ขุนนางอีกคนก็กล่าวเสียงสั่น“อ๋องเฉินโปรดพิจารณา…”ถ้าหากสู้กันจริงๆ พวกเขาสู้ไม่ไหวอ๋องเฉินมีฮ่องเต้หนุนหลัง มีกองทัพ มีกำลังทหาร อ๋องเฉินเป็นฝ่ายได้เปรียบทุกด้านในมืออ๋องหลี นอกจากพระนัดดาองค์โต ก็ไม่มีเบี้ยอย่างอื่นแล้ว อีกทั้ง ทหารรักษาพระองค์ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ทหารองครักษ์เงาของอ๋องเฉินเมื่อไรที่สู้กัน พวกเขาจะตายกันหมดไม่จำเป็นต้องตายไปครั้งหนึ่ง บางครั้ง เมื่อเห็นว่าพอแล้วก