สีหน้าของหานอิ๋งจริงจังเป็นอย่างยิ่ง น้ำเสียงจริงใจเป็นอย่างมาก แฝงไปด้วยการโน้มน้าวอย่างแข็งขัน“นายท่าน ได้โปรดเชื่อข้าน้อย ข้าน้อยก็เป็นผู้หญิงเช่นกัน เข้าใจหัวอกของผู้หญิงดี จะบอกพระชายาไม่ได้อย่างเด็ดขาด!”นางเน้นย้ำคำว่า ‘อย่างเด็ดขาด’ ยิ่งเป็นการเตือนให้ชายหนุ่มตระหนักถึงความรุนแรงของผลที่ตาม“ไม่ได้อย่างเด็ดขาด!”ทันทีที่พูดออกไป ก็จะเป็นเรื่องใหญ่มีเพียงวิธีนี้ถึงจะสามารถช่วยชีวิตพระชายาได้!เฟิงเย่เสวียนอยากจะบอกฉู่เชียนหลี แต่ก็กลัวถึงผลที่ตามมา อยากพูด ก็กลัวนางจะไม่ให้ความร่วมมือ หากไม่พูด ในใจของเขาจะต้องทรมานเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะหลังจากได้ยินคำพูดของหานอิ๋ง...เขารู้ว่าความรักของแม่นั้นยิ่งใหญ่แต่ไม่มีลูกคนนี้ ก็ยังจะมีลูกได้อีกหลาย ๆ คนนี่นา!เขาตกอยู่ใน สภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เขากดหว่างคิ้วที่แสนเจ็บปวด ออกแรงนวด“ข้าเคยสัญญากับนางว่าจะปฏิบัติต่อกันด้วยความจริงใจ ไม่หลอกลวงซึ่งกันและกัน...”“นี่คือการโกหกด้วยเจตนาดี! นายท่าน ท่านช่วยชีวิตพระชายา พระชายาควรจะต้องขอบคุณท่าน จะตำหนิท่านได้อย่างไร? การโกหกด้วยเจตนาดีไม่นับว่าเป็นการโกหก!”หานอิ๋งเหลือบตาข
สำนักหมอหลวงที่ไร้น้ำยาพวกนั้น วิชาการแพทย์ไม่เก่งกาจเท่าฉู่เชียนหลี ยิ่งไม่ต้องคาดหวังให้พวกเขาไปสืบยี่สิบกว่าปีมานี้ เป็นครั้งแรกที่สะดุดเข้ากับ ‘ฝีมือการรักษาดีเกินไป’ หินก้อนนี้ สิ่งที่เขาบูชามาโดยตลอดก็คือเงินทองกับอำนาจ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าฝีมือการแพทย์ดี ก็จะเป็นความยุ่งยากเฟิงเจิ้งอวี้กะพริบตาเล็กน้อย ทันใดนั้น ก็เอ่ยปากโจมตีทันที“เสด็จพ่อ บรรดาขุนนางใหญ่ในราชสำนักระยะนี้ถูกไล่ลาทีละคน หรือฉ้อโกง หรือรับสินบน หรือกระทำผิด อีกทั้งมาจากฝีมือของอ๋องเฉิน การตายของเจ้ากรมคลังนั่น จะเป็นฝีมือของ...”ประโยคหลัง ยังไม่ได้พูดจบ แต่ความหมายที่แฝงในนั้นได้บอกชัดเจนมากแล้วฮ่องเต้สายตาอึมครึมเล็กน้อย เปล่งประกายอะไรบางอย่าง“ขุนนางที่อ๋องเฉินบีบออกมา ล้วนเป็นคนที่ทำความผิด หลักฐานแน่ชัด เขาไม่ได้ทำผิดอะไร รัชทายาท เจ้าจะตั้งความผิดให้เขาเพราะเหตุผลนี้?”เขาหันมองเฟิงเจิ้งอวี้ด้วยสายตาล้ำลึก ทำให้เฟิงเจิ้งอวี้ตกใจระหว่างพี่น้อง กลัวการต่อสู้กันเองที่สุด!เขาก้มหน้าลงทันที “เสด็จพ่อ หม่อมฉันคิดมากไปเอง! หม่อมฉันรู้ผิดแล้ว หม่อมฉันจะติดตามผู้ตรวจการศาลาว่าการซุ่นเทียนไปสืบเรื่องนี
“เสวียนเอ๋อร์ อยู่ดีๆ เจ้าถามเรื่องนี้ทำไม?” ถงเฟยถามอย่างห่วงใย “รัชทายาทเขา…”“เสด็จแม่ อย่าคิดมาก”เฟิงเย่เสวียนขัดคำพูดและปลอบใจนาง เวลาเดียวกันก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนานี้แต่ถงเฟยจะไม่เป็นห่วงได้อย่างไร?การแย่งชิงผู้สืบทอดราชบัลลังก์ ราชวงศ์น้ำลึกไม่เห็นก้นบึ้ง ทุกคนล้วนเหยียบศพปีนขึ้นที่สูง มนุษย์มีเพียงชีวิตเดียว เมื่อไรที่ผิดพลาด ก็จะตายตลอดกาล นางจะวางใจได้อย่างไร?ยิ่งกว่านั้น คนที่สู้กับรัชทายาท… ถงเฟยนั่งอยู่ตรงนั้น สองมือที่กำแน่นวางอยู่บนหัวเข่า มองดูใบหน้าที่สงบเหมือนในอดีตของเฟิงเย่เสวียน รู้สึกร้อนใจมากนางรู้ดี เด็กคนนี้มีความเป็นผู้ใหญ่ รู้ความ ตั้งแต่เล็กจนโต เขายอมให้ตนเองบาดเจ็บ ก็ไม่ยอมให้นางเป็นห่วงแม้แต่น้อยก็เพราะมีความอดทนและรู้ความสูงเกินไป จึงทำให้ผู้คนปวดใจ“ยาเสร็จแล้ว”นอกประตู ฉู่เชียนหลีถือถาดเดินเข้ามา กวาดมองคนบนเตียงแวบหนึ่ง หลังจากก้มเอววางลง ก็จะออกไปทันที“ใช่แล้ว!” ถงเฟยตบหน้าผากตนเองกะทันหัน “ข้าต้มน้ำไว้ในครัว ตอนนี้น่าจะเดือดแล้ว ข้าไปดูก่อน!”พูดจบก็เดินหายลับตาไปอย่างรวดเร็วฉู่เชียนหลี “?”ต้มน้ำ?ฮืม?มองดูถงเฟยวิ่งออกไปและ
“เชียนหลี…”“ปู่เจ้าอยู่นี่ หลานรักหุบปาก!”“แค่กๆ!”เมื่อเฟิงเย่เสวียนได้ยินคำนี้สำลักฉับพลัน ไม่เพียงบาดแผลฉีกเท่านั้น ยังมีเลือดกระอักออกจากปาก หน้าอกกระพือขึ้นอย่างแรง เกือบหมดสติฉู่เชียนหลีพลิกข้อมือ นำยาฉุกเฉินออกจากกำไลเฉียนคุน อันดับแรกฉีดยากระตุ้นหัวใจป้องกันหัวใจวายก่อน จากนั้นฉีดยาห้ามเลือด จึงจะเปิดผ้าพันแผลเพื่อทำแผลทำเอาสองมือเปื้อนเลือด ปากก็ด่าทอไม่หยุด“บอกให้เจ้าเลิกพูดได้แล้ว เลิกพูดได้แล้ว เจ้าอยากตายหรือ! เจ้าไม่เพียงเรื่องมาก ยังพูดมากอีกด้วย!”“หากไม่ใช่เพราะแม่ศึกษาทักษะการแพทย์มาหลายสิบปี ก็คงช่วยเจ้าไม่ได้จริงๆ แต่งกับข้า เป็นบุญวาสนาที่เจ้าสั่งสมไว้เมื่อชาติที่แล้ว พบเจอเจ้า เป็นข้าที่ขาดศีลธรรมเมื่อชาติที่แล้ว”เฟิงเย่เสวียนได้ยินคำนี้ โมโหจนตาขาวปลิ้นขึ้นบน “แค่ก! แค่กๆ!”“เลิกพูดได้แล้ว!”โมโหจนหายใจไม่ทัน “แค่กๆๆ!”“หุบปาก! เลือดห้ามไม่อยู่แล้ว!”“แค่ก! แค่กๆๆ…”เพียะ!ทันใดนั้น ฝ่ามือที่เสียงดังชัดเจนเหวี่ยงใส่หน้าหล่อของเฟิงเย่เสวียน รอยฝ่ามือปรากฏขึ้นทันที ใบหน้าครึ่งหนึ่งกลายเป็นสีแดงโดยตรงแต่ว่าได้ผลมาก เขาหยุดไอแล้วเฟิงเย่เสวียนท
จวนอัครมหาเสนาบดีฉู่ห้องหนังสือหน้าต่างและประตูปิดสนิท ภายในห้องมีคนนั่งอยู่สองคน กำลังหารือเสียงเบา บรรยากาศดูเคร่งขรึมอย่างเห็นได้ชัด“ท่านพ่อ การตายของเจ้ากรมคลังมีส่วนเกี่ยวข้องกับจวนอ๋องเฉินแน่นอน อ๋องเฉินประกาศสงครามกับรัชทายาทอย่างสมบูรณ์แล้ว ฝ่าบาทก็ไม่สนใจเลย…”บนที่นั่งคือฉู่หงหลวนวันนี้นางกลับจวนอัครมหาเสนาบดีฉู่อย่างลับๆ ก็เพื่อมาหารือเรื่องนี้กับอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายฉู่บนเก้าอี้ไท่ซือ อัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายฉู่หมุนกาน้ำชาแปดสมบัติสมปรารถนาในมือเล่น ในดวงตาที่ขุ่นมัวฉายแววประกายลึกซึ้ง“สนใจ? ฮ่องเต้ไม่เพียงพระราชทานอำนาจให้อ๋องเฉิน ยังพระราชทานอำนาจให้พระชายาอ๋องเฉินด้วย เขาไม่เพียงไม่สนใจ ยิ่งกว่านั้นยังสนับสนุนอ๋องเฉิน”ฉู่หงหลวนได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าเปลี่ยนฉับพลันฮ่องเต้สนับสนุนอ๋องเฉิน ไม่เท่ากับว่ารัชทายาทแพ้แน่นอนหรือ? หากรัชทายาทแพ้ วันข้างหน้านางจะเป็นฮองเฮาแห่งแคว้นอย่างไร?“ท่านพ่อ! ท่านจะต้องช่วยรัชทายาทนะ!” นางร้อนใจจนลุกขึ้นยืน“เมื่อหลายวันก่อน ข้านัดเจอฉู่เชียนหลี อยากให้นางลดความทะเยอทะยานลงบ้าง แต่นางไม่เพียงไม่ถ่อมตน และยังเย่อหยิ่งมากอีก
เฟิงเจิ้งอวี้รีบลุกขึ้นทันที เดินอ้อมโต๊ะหนังสือ เข้าไปประคองฉู่หงหลวนทันทีในกล่องไม้ ตั๋วเงินหนาๆ ถูกใส่จนเต็มเงิน เป็นสิ่งที่เขาขาดแคลนที่สุดในตอนนี้ ฉู่หงหลวนรู้ใจเขามากที่สุด ดอกไม้ที่รู้ใจรู้คำพูดคนเช่นนี้ เขาจะลงโทษลงได้อย่างไร? เขาจับคางนางเบาๆ ค่อยๆ ยกใบหน้าเล็กที่น้อยใจขึ้น กอดนางไว้ในอ้อมแขนอย่างปวดใจ ถอนหายใจกล่าว“มีภรรยาเช่นนี้ สามียังต้องการอะไรอีก!”“!”ในสมองพระชายารัชทายาทดัง ‘ตูม’ ราวกับฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ ร่างกายโอนเอนยืนไม่มั่นคงแล้วมีภรรยาเช่นนี้…ภรรยา…ฉู่หงหลวนเป็นแค่อนุภรรยานะ!นางจึงจะเป็นภรรยาที่แท้จริง!ฟังความหมายคำพูดนี้ของรัชทายาท หรืออยากปลดนาง แต่งตั้งฉู่หงหลวนแทน?ไม่!“รัชทายาท…”“ออกไป” ตอนนี้เฟิงเจิ้งอวี้ไม่มีอารมณ์มองแม้แต่หน้าพระชายารัชทายาทพระชายารัชทายาทร้อนใจแล้ว “รัชทายาท ข้า…”“ออกไป! ช่วงนี้เจ้าเป็นอะไร คำพูดและการกระทำต้องให้ข้าพูดซ้ำสามรอบตลอด เป็นถึงพระชายารัชทายาท หรือเป็นคนหูหนวก!”เฟิงเจิ้งอวี้ตวาดออกมาอย่างหมดความอดทน คำรามและบิดเบี้ยว พระชายารัชทายาทตกใจจนหน้าซีด ยืนตัวแข็งอยู่ตรงที่เดิม มือเท้าเย็น ลืมตอบสนองฉู
มองดูดวงตาที่สุกใสของเขา เปล่งประกายเหมือนตื่นเต้น ต่างจากวินาทีก่อนราวกับเป็นคนละคน ฉู่เชียนหลีงงงวยไปสองวินาที ถามโดยไม่รู้ตัว“ทำอะไร?”เฟิงเย่เสวียนเผยอมุมปาก ใช้ภาษาปากพูดออกมาคำหนึ่งโดยไร้เสียง“รัก[footnoteRef:1]…” [1: ทำรัก ร่วมรัก] “!”พริบตานั้น ร่างกายฉู่เชียนหลีแข็งทื่อ ใบหน้าแดงก่ำ ในห้องยังมีคนตั้งมากมายเช่นนั้น ถูกเขาจ้องมอง รู้สึกเพียงเหมือนถูกมีดจี้ข้างหลัง เขินอายจนเกือบทนไม่ไหวด่าแม่XX!ภารกิจระดับชาติ!X!กลางวันแสกๆ เขายังบาดเจ็บเช่นนั้น ขยับตัวไม่ได้ด้วยซ้ำ กลับยังคิดจะ…“เชียนหลี นี่เจ้าเป็นฝ่ายเรียกร้องเองนะ ข้าสงเคราะห์เจ้า จดไว้ในบัญชีก่อน เจ้าพูดแล้วห้ามไม่รักษาคำพูดนะ” เฟิงเย่เสวียนมองนางอย่างลึกซึ้งท่าทางนั้น ไร้เดียงสาเพียงใด ก็วอนกระทืบเพียงนั้นน่าสงสารเพียงใด ก็หน้าเนื้อใจเสียเพียงนั้นเขาจงใจ!ฉู่เชียนหลีกำหมัด กัดฟันที่นางพูดเมื่อครู่คือ ‘อยากทำก็ทำ ไม่อยากทำก็ไม่ต้องทำ’ แต่ไม่ใช่ ‘อยากทำก็ทำ ไม่อยากทำก็ไม่ต้องทำ’ ความหมายของนางคือท่าออกกำลังกายชุดนี้ ‘อยากทำก็ทำ ไม่อยากทำก็ไม่ต้องทำ’ แต่ไม่ใช่คนสองคน ‘อยากทำก็ทำ ไม่อยากทำก็ไม่ต้อ
ไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด เขาไม่กล้าพูดส่งเดชเวลาเดียวกัน เขาไม่เชื่อ นายท่านวางแผนอย่างลับๆ มาตั้งนาน ตอนลงมือยังถูกเจ้ากรมคลังตลบหลังหนึ่งตลบ คนที่จัดการยากเช่นนี้ กลับถูกพระชายาฆ่าโดยเทพไม่รู้ผีไม่เห็น?เขาไม่เชื่อ!พระชายาจะร้ายกาจกว่านายท่านได้อย่างไร?คนร้ายต้องเป็นคนอื่นแน่นอน!ไม่ว่าเป็นใครก็ตาม เจ้ากรมคลังตายแล้ว รัชทายาทไม่มีแหล่งทรัพยากรทางการเงิน แผนการที่วางไว้ชะงัก เป้าหมายของพวกเขาบรรลุผลแล้วรัชทายาทยิ่งตื่นตระหนก ก็ยิ่งเผยจุดอ่อนได้ง่ายครั้งนี้เฟิงเย่เสวียนจะไม่ใจอ่อนอีก!เฟิงเย่เสวียนค่อยๆ หรี่ตาลง ความเยือกเย็นปรากฏในแววตา มุมปากเย็นชาเล็กน้อย “อาศัยตอนที่เจ้าป่วย เอาชีวิตเจ้า!”จวนรัชทายาททหารยามสองคนเฝ้าประตู ยืดหลังตรง สายตามองไปข้างหน้า บนถนนที่ปูเต็มไปด้วยกระเบื้องหิน ร่างเพรียวบางที่มีเสน่ห์ร่างหนึ่งค่อยๆ เดินมาศีรษะสวมเครื่องเงิน ถักผมเปีย ข้อมือใส่กำไลเงิน สร้อยข้อเท้าเงิน เต็มไปด้วยวัฒนธรรมของต่างถิ่น พร้อมกับจังหวะฝีเท้า เครื่องเงินกระทบกัน เกิดเสียงใสที่ดังชัดเจน ไพเราะเป็นพิเศษยกปลายเท้าเบาๆ เดินไปทางประตูใหญ่ของจวนรัชทายาท“หยุดอยู่ตรงนั้น!
นางเม้มมุมปาก อิจฉาเล็กน้อย นั่งเงียบๆ อยู่ที่ข้างๆ ละสายตาไปทางอื่นเขากล่อมน้องสาวครู่หนึ่ง รู้สึกถึงความเงียบของนาง จึงเงยหน้ามอง“ทำไม ไม่พอใจแล้ว?”“หึงแล้ว?”“...”เขาจี้จุดในประโยคเดียว“โตเป็นผู้ใหญ่เช่นนี้แล้ว ยังจะหึงกับลูกสาวของตัวเองอีก หรือข้าจะถูกปีศาจน้อยสองคนนี้แย่งไปได้?”“...”นี่ทำเหมือนนางดูปัญญาอ่อนมาก และจริงจังมาก?ฉู่เชียนหลีเบะปาก“เจ้าเห็นข้าเป็นใคร โลกทัศน์ของข้าแคบเช่นนั้นเลยหรือ?”“ใช่”“?”“ใครก็ได้!”เขาลุกขึ้นทันที ส่งน้องสาวที่เพิ่งกล่อมจนสงบให้แม่นม หมุนกายก็ไปอุ้มฉู่เชียนหลี อีกทั้งยังอุ้มในท่าแนวราบ เหมือนอุ้มเด็กคนหนึ่ง แต่คนที่เขาอุ้มคือทารกที่มีอายุมากแล้ว“ไม่หึงนะ ข้ารักเจ้าคนเดียว”“?”ฉู่เชียนหลีตั้งสติได้ก็เขินอายจนหน้าแดง จะขอลงทันที แม่นมยังดูอยู่ข้างๆ นะ คำพูดที่เขาพูดมัน…ก็ไม่อายเลย!“ปล่อยข้าลงไป”“ไม่ ทั้งๆ ที่เจ้าชอบให้ข้าทำเช่นนี้กับเจ้า ไม่ใช่ข้าวใหม่ปลามันอะไรเสียหน่อย ยังจะเขินอะไรอีก?”“!”ฉู่เชียนหลีหน้าแดง จ้องเขาอย่างอายจนโกรธ“รีบปล่อยข้าลงได้แล้ว ข้าจะหึงน้องสาวได้อย่างไร ข้าเปล่านะ! ข้าเห็นน้องสาวติดเ
ดังคำกล่าวที่ว่า จากกันนานชนะคู่ใหม่ปลามัน ไม่เจอกันสามเดือน คนสองคนที่คุ้นเคยแต่ก็ไม่คุ้นเคยกอดกันแน่น เปลวไฟนิรนามถูกจุดขึ้นในใจ เมื่อลุกท่วม ก็ร้อนแรงจนสะเทือนฟ้าสะเทือนบกอย่างไม่สามารถควบคุมหนึ่งจูบที่ลึกซึ้งแน่นแฟ้นลึกล้ำคิดถึงความรักเขากระหายจนอยากกลืนนางลงท้อง อยากแทะกระดูก กัดนาง กินนาง แม้แต่ลมหายใจของนางก็กลืนลงท้องนางเริ่มต้านทานไม่ไหว สมองที่ขาดอากาศว่างเปล่า สองมือยันอยู่บนหน้าอกเขา พยายามผลักออกเขาไม่ถอย กลับกันยิ่งทับแน่นขึ้นผ่านไปเนิ่นนานกลีบริมฝีปากแยกจากกันนางหอบหายใจอย่างหนัก แทบเป็นลมแล้ว แก้มทั้งสองข้างแดงฉาน แดงจนสะดุดตา แดงจนแสบตา แดงจนทำให้เขากระวนกระวายใจ ต้องการมากกว่านี้แต่เขากลับต้องอดกลั้นนางยังอยู่ในช่วงเพิ่งคลอด ภายในหนึ่งเดือนห้ามแตะต้องมีความต้องการแต่ไม่มีที่ลง ภายใต้สถานการณ์ที่หมดหนทาง เขากัดคอนาง สูดดมแรงๆ เหมือนดับความกระหาย“อาเฉิน เจ้าทำข้าเจ็บแล้ว…”เสียงตะโกนเบาๆ ดังเข้าไปในหูเฟิงเย่เสวียน มันคือการเสแสร้งเสียงที่อ่อนโยน มันคือการอ้อนก็เหมือนกับประกายไฟถูกลมพัด พริบตานั้นลุกท่วมร่างกายเฟิงเย่เสวียน เลือดในร่าง
อ๋องเฉินกลับมาแล้ว!เมื่อข่าวนี้แพร่กระจายออกไป ทั้งจวนอ๋องเฉินครึกครื้น ผ่านไปสามเดือนเต็มๆ ในที่สุดท่านอ๋องก็กลับมาแล้ว คนทั้งจวนวิ่งไปต้อนรับที่หน้าประตู“ท่านอ๋อง!”กลับมาแล้ว!ในที่สุด!ท่านอ๋องกลับมาแล้ว ทุกคนก็เหมือนได้เสาหลักกลับคืนมา มีที่พึ่งพิง มีความมั่นใจ แม้แต่เสียงพูดก็เปี่ยมไปด้วยพลังแล้ว“เฉินเอ๋อร์ เจ้ากลับมาแล้ว ปล่อยให้แม่คิดถึงตั้งนาน!” ถงเฟยดีใจจนร้องไห้คนอื่นก็เช่นกันเฟิงเย่เสวียนโอบเอวเล็กของฉู่เชียนหลีไว้ มองดูจวนที่คุ้นเคย ใบหน้าที่คุ้นเคย สิ่งเดียวที่คิดถึงในเวลานี้คือลูก!เมื่อเดินเข้าจวน ก็ตรงไปที่เรือนหานเฟิง เข้าไปในห้อง ก็มองเห็นเด็กสองคนที่นอนอยู่ในเปลโยกสองคน!พวกนางนอนด้วยกัน เพิ่งดื่มนมอิ่ม กำลังนอนหลับสนิทกำปั้นเล็กๆ ของพี่สาวตัวอ้วนวางอยู่ที่ข้างศีรษะทั้งสองข้าง ปากน้อยๆ ที่อวบอิ่มห่อยื่นออกมาเล็กน้อย และดูดปากเป็นระยะ เหมือนกำลังนึกถึงรสชาติของนม น่ารักมากน้องสาวตัวผอมเหมือนรู้สึกไม่ปลอดภัย มือน้อยกำผ้าห่อทารกแน่น ร่างกายเล็กๆ นอนขดตัว ราวกับต้องการซ่อนตัวเองไว้ใบหน้าของเด็กที่อ่อนเยาว์สะกิดหัวใจเฟิงเย่เสวียนในพริบตา ทำให้เขา
“สวรรค์!”มีชาวบ้านเห็น ตกใจจนกรีดร้องรอตอนที่ฉู่เชียนหลีไปดู เห็นเพียงผ้าห่อทารกตกลงไปในทะเลสาบอย่างรวดเร็ว นางอยู่ห่างออกมาสิบกว่าเมตร อย่างไรก็ช่วยไม่ทันพริบตานั้น หัวใจนางเหมือนถูกมีดกรีดขณะที่ทุกคนกำลังประหม่า ในช่วงเหตุการณ์คับขัน มีร่างเงาสีหมึกสายหนึ่งพุ่งพรวดเข้ามาราวกับวิญญาณผี พลันกระโดดข้ามทะเลสาบอย่างฉับไว รับเด็กไว้แล้วร่อนลงพื้นอย่างมั่นคงปลอดภัยหายห่วง!สมองของฉู่เชียนหลีว่างเปล่าไปชั่วพริบตาหนึ่ง ขาอ่อนจนเกือบล้มลงพื้น โชคดีที่เยว่เอ๋อร์รีบประคองไว้ เมื่อยืนมั่นคงและเงยหน้ามอง ก็ต้องตะลึงอีกครั้งเขา!เขากลับมาแล้ว!เฟิงเย่เสวียน!เขายังคงสวมชุดเพ้าหมึกสีเข้ม เกล้าผมตั้งสูง ไม่เจอกันสามเดือน ผิวของเขาเข้มขึ้นเล็กน้อย มีแผลเป็นตรงแก้มหนึ่งสาย ช่วยเพิ่มความเฉียบคมให้เขาสามส่วน ระหว่างคิ้วเต็มไปด้วยแววของความเหนื่อยล้าจากการเดินทางไกล ทำให้แลดูหนักแน่นและเป็นผู้ใหญ่กว่าเมื่อก่อนฉู่เจียวเจียวตกใจมาก“อ๋องเฉิน…”เขากลับมาได้อย่างไร?เหตุใดจู่ๆ ก็โผล่ออกมาโดยไม่ให้ซุ่มไม่ให้เสียงเหมือนกับผี?เฟิงเย่เสวียนอุ้มเด็กไว้ในข้อพับแขน มืออีกข้างยกขึ้น มองนางด้วยร
รอนางกลายเป็นพระชายารัชทายาท เวลาที่ฉู่เชียนหลีพบนาง จำเป็นต้องคุกเข่าคำนับฉู่เจียวเจียวเชิดคางขึ้นเล็กน้อย เหลือบมองนางแวบหนึ่ง กล่าวราวกับประทานความเมตตา“ถ้าหากเจ้ารู้จักประมาณตน ทางที่ดีตอนนี้ออกไปจากนอกสายตาของข้า ถ้าหากข้าอารมณ์ดีแล้ว วันข้างหน้า ข้าก็จะละเว้นพิธีของการคำนับเมื่อเจ้าพบข้า”ราชโองการยังประกาศไม่ถึงจวนอ๋องหลี นางก็วางมาดของพระชายารัชทายาทแล้วกิริยานั่น น้ำเสียงนั่น ท่าทางนั่น เหมือนนกยูงรำแพนหางตัวหนึ่ง เหลือบมองฉู่เชียนหลีจากเบื้องสูงฉู่เชียนหลีหัวเราะ“พระชายารัชทายาทแล้วอย่างไร? พระชายาอ๋องหลีแล้วอย่างไร? หรือทำผิดแล้ว ไม่ต้องยอมรับผิดก็ได้?”“หรือในความเข้าใจของเจ้า เมื่อเจ้าเป็นพระชายารัชทายาท ก็สามารถใช้อำนาจบาตรใหญ่ อยากทำอะไรก็ได้?”เมื่อชาวบ้านได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าเปลี่ยนทันทีถ้าหากแม้แต่พระชายารัชทายาทก็ไร้เหตุผลเช่นนี้ เมื่อรัชทายาทขึ้นครองบัลลังก์ จะปฏิบัติต่อราษฎรอย่างดีหรือ?พระชายารัชทายาทใช้อำนาจรังแกคน อวดอ้างบารมีเช่นนี้ มีนางอยู่ ราษฎรสามารถมีชีวิตที่ดีหรือ?ฉู่เจียวเจียวรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติของชาวบ้าน นางรีบกล่าว“ฉู่เ
ฉู่เจียวเจียว “?”เมื่อหันไปมอง เห็นเพียงเต๋อฝูพาหมอหลวงสูงวัยท่านหนึ่งมารออยู่ที่ด้านข้าง และไม่รู้ว่ามาตั้งแต่เมื่อไรฉู่เชียนหลีประหลาดใจเล็กน้อย“กงกงเต๋อฝู ท่านอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”เต๋อฝูสะบัดแส้มาไว้ในข้อพับ โน้มตัวเล็กน้อย คำนับทีหนึ่ง กล่าวตอบอย่างนอบน้อม“ข้าน้อยรับบัญชาจากฝ่าบาท เดิมทีควรไปประกาศราชโองการที่จวนอ๋องหลี ตอนที่เดินผ่านตรงนี้ เห็นพระชายาทั้งสองท่านโต้เถียงไม่ลงตัว จึงสั่งให้คนเข้าวังเชิญหมอหลวงมา สุขภาพของพระนัดดาองค์โตเกี่ยวข้องกับอนาคตของราชวงศ์ ข้าน้อยไม่กล้ารอช้า”ประกาศราชโองการ?ฉู่เชียนหลีเข้าใจอะไรบางอย่างในพริบตาดูเหมือนฉู่เจียวเจียวให้กำเนิดพระนัดดาองค์โต ฝ่าบาทจึงมีราชโองการแต่งตั้งอ๋องหลีเป็นรัชทายาท…แต่ตอนนี้นางไม่มีเวลาให้คิดมาก ความสนใจทั้งหมดล้วนจดจ่ออยู่บนตัวของเด็กที่ร้องไห้ไม่หยุด“รบกวนหมอหลวงลองตรวจสุขภาพของพระนัดดาองค์โตหน่อย ว่าปลอดภัยหรือไม่?”หมอหลวงพยักหน้า เดินเข้าไปฉู่เจียวเจียวตื่นตระหนกทันที…มือที่อุ้มลูกกระชับเล็กน้อย พลางจับผ้าห่อทารกไว้แน่น แววตาสั่นไหว ลนลานเล็กน้อยแต่มาถึงขั้นนี้ นางไม่มีข้ออ้างที่จะปฏิเสธแล
เยว่เอ๋อร์สะดุ้งตกใจชาวบ้านเบิกตากว้างขณะที่เด็กกำลังจะร่วงลงบนพื้น ฉู่เชียนหลีกระโจนเข้าไป ก่อนหนึ่งวินาทีที่เขาจะตกลงบนพื้น นางรับเขาเอาไว้ได้อย่างหวุดหวิดพูดถึงก็แปลก เมื่อครู่ตอนอยู่ในอ้อมแขนพระชายา เอาแต่ร้องไห้ไม่หยุด พอมาอยู่ในอ้อมแขนของฉู่เชียนหลี เสียงร้องไห้ก็ค่อยๆ เบาลง และสงบไปในที่สุดทันใดนั้น มีเสียงตะคอกดังขึ้น“ฉู่เชียนหลี!”“เจ้าทำอะไร!”ฉู่เจียวเจียวรีบเดินเข้าไป แย่งลูกกลับคืนมาทันที“ต่อให้เจ้าไม่พอใจข้า ก็ไม่ควรโยนลูกของข้า! เจ้ารู้หรือไม่ว่าด้วยความสูงเมื่อครู่ หัวของจื่อเยี่ยชี้ลงข้างล่าง มีโอกาสที่จะคอหักตายทันที!”“เจ้าก็เป็นแม่คนเช่นกัน จิตใจอำมหิตเช่นนี้ได้อย่างไร!”นางชี้หน้าฉู่เชียนหลี ตำหนิด้วยความโกรธและเสียงดัง พูดบลาๆ ราวกับปืนกล ไม่ปล่อยให้ฉู่เชียนหลีได้พูดแทรกคนชั่วชิงร้องเรียนก่อน ก็คงประมาณนี้“อุแว้…”เด็กที่เพิ่งเงียบไปสองวินาที เริ่มร้องไห้อีกครั้งฉู่เจียวเจียวรีบกล่อม “จื่อเยี่ยเป็นเด็กดี จื่อเยี่ยไม่ร้องนะ แม่ไม่ดีเอง ล้วนเป็นเพราะแม่ไม่ดีเอง ล้วนเป็นความผิดของแม่ แม่ไม่ควรให้กำเนิดเจ้า ถ้าหากเจ้าเป็นเด็กผู้หญิง เกรงว่าคงไม่
มัวแต่ห่วงยืนกรานว่าเป็นฝีมือฉู่เชียนหลี จนลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท…ก็จริง หลังจากคลอดลูก สมรรถภาพด้านต่างๆ ของร่างกายลดลง แม้แต่ความจำก็ไม่ดีเป็นครั้งคราวอย่างที่เรียกว่าคลอดลูกหนึ่งครั้ง โง่ไปอีกสามปีจริงๆ ฉู่เชียนหลีเดินออกมาหนึ่งก้าว ยื่นมือแล้วกล่าว“ส่งเด็กมาให้ข้า”ฉู่เจียวเจียวกอดลูกแน่น ถอยหลังหนึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว“เหตุใดต้องให้เจ้าตรวจ? ข้าเชื่อใจเจ้าได้หรือ? เจ้าเป็นทักษะการแพทย์ จื่อเยี่ยมีปัญหาหรือไม่ มันก็ขึ้นอยู่กับปากของเจ้าไม่ใช่หรือ?”ในความเป็นจริง ร้อนตัวเล็กน้อยเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ยถูกพิษหรือไม่ ในใจนางรู้ดีที่สุดถ้าหากถูกเปิดโปงต่อหน้าทุกคน นางจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน และยังจะถูกชาวบ้านวิพากษ์วิจารณ์ฉู่เชียนหลีกล่าวอย่างเย็นชา“ต่อหน้าชาวบ้านมากมายเช่นนี้ ภายใต้การจ้องมองของทุกคน ถ้าหากข้าคิดจะทำอะไร สามารถหลบพ้นสายตาของทุกคนหรือ?”แม้นางโง่เพียงใด ก็ไม่ทำเรื่องที่โง่เขลาเช่นนี้เดินเข้าไปอีกครั้ง จับมุมหนึ่งของผ้าห่อทารก“ส่งเด็กให้ข้า บนร่างกายเขามีพิษหรือไม่ ข้าพิสูจน์ก็รู้เอง”ฉู่เจียวเจียวยิ่งกอดลูกแน่นแล้ว “เจตนาเจ้าไม่ดี ข้าไม่มีทางส่งจื่อเยี่ยให
“เจ้ากล้าวางยาพิษพระนัดดาองค์โต!”เสียงตะคอกของฉู่เจียวเจียวดังมาก ทำให้ชาวบ้านโดยรอบได้ยินกันทุกคน และยิ่งทำให้ชาวบ้านตกใจมากพิษ!เพราะความริษยา พระชายาอ๋องเฉินจึงวางยาพิษกับเด็กทารกที่เพิ่งคลอดได้สามวัน!สวรรค์!ทันใดนั้น สายตาของทุกคนที่มองฉู่เชียนหลีกลายเป็นแปลกประหลาด…เยว่เอ๋อร์โกรธแล้ว “พระชายาอ๋องหลี ท่านพูดเหลวไหลอะไร! พระชายาแค่อุ้มเขาครู่เดียว ยังไม่ถึงห้าอึดใจก็ถูกท่านแย่งกลับไปแล้ว จะมีพิษได้อย่างไร! นี่ท่านเป็นโรคหลงผิดหรือ?”“อุแว้…”เสียงที่ร้องไห้ไม่หยุดของเด็ก ก็เหมือนกับเป็นหลักฐานที่หนักแน่น โต้กลับคำพูดของเยว่เอ๋อร์คำพูดของเยว่เอ๋อร์ดูไม่มีน้ำหนักทันทีชาวบ้านทุกคนไม่เชื่อ เสียงวิพากษ์วิจารณ์ราวกับระลอกคลื่น“เมื่อครู่ข้าเห็นกับตา ตอนแรกพระนัดดาองค์โตไม่ได้ร้องไห้ หลังจากที่กลับถึงอ้อมแขนของแม่ ก็ร้องไห้ไม่หยุด นี่ไม่ได้แสดงให้เห็นว่ามีปัญหาหรอกหรือ?”“ใช่ พระนัดดาองค์โตต่อต้านเช่นนี้ แค่ดูก็รู้ว่าไม่สบาย”“หรือว่าถูกพิษจริงๆ?”“ถ้าหากนางฆ่าพระนัดดาองค์โตตาย ลูกสาวฝาแฝดที่นางคลอด ก็จะกลายเป็นที่โปรดปรานที่สุดในราชวงศ์แล้วไม่ใช่หรือ?”“ใช่…”เสียงก