มองดูดวงตาที่สุกใสของเขา เปล่งประกายเหมือนตื่นเต้น ต่างจากวินาทีก่อนราวกับเป็นคนละคน ฉู่เชียนหลีงงงวยไปสองวินาที ถามโดยไม่รู้ตัว“ทำอะไร?”เฟิงเย่เสวียนเผยอมุมปาก ใช้ภาษาปากพูดออกมาคำหนึ่งโดยไร้เสียง“รัก[footnoteRef:1]…” [1: ทำรัก ร่วมรัก] “!”พริบตานั้น ร่างกายฉู่เชียนหลีแข็งทื่อ ใบหน้าแดงก่ำ ในห้องยังมีคนตั้งมากมายเช่นนั้น ถูกเขาจ้องมอง รู้สึกเพียงเหมือนถูกมีดจี้ข้างหลัง เขินอายจนเกือบทนไม่ไหวด่าแม่XX!ภารกิจระดับชาติ!X!กลางวันแสกๆ เขายังบาดเจ็บเช่นนั้น ขยับตัวไม่ได้ด้วยซ้ำ กลับยังคิดจะ…“เชียนหลี นี่เจ้าเป็นฝ่ายเรียกร้องเองนะ ข้าสงเคราะห์เจ้า จดไว้ในบัญชีก่อน เจ้าพูดแล้วห้ามไม่รักษาคำพูดนะ” เฟิงเย่เสวียนมองนางอย่างลึกซึ้งท่าทางนั้น ไร้เดียงสาเพียงใด ก็วอนกระทืบเพียงนั้นน่าสงสารเพียงใด ก็หน้าเนื้อใจเสียเพียงนั้นเขาจงใจ!ฉู่เชียนหลีกำหมัด กัดฟันที่นางพูดเมื่อครู่คือ ‘อยากทำก็ทำ ไม่อยากทำก็ไม่ต้องทำ’ แต่ไม่ใช่ ‘อยากทำก็ทำ ไม่อยากทำก็ไม่ต้องทำ’ ความหมายของนางคือท่าออกกำลังกายชุดนี้ ‘อยากทำก็ทำ ไม่อยากทำก็ไม่ต้องทำ’ แต่ไม่ใช่คนสองคน ‘อยากทำก็ทำ ไม่อยากทำก็ไม่ต้อ
ไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด เขาไม่กล้าพูดส่งเดชเวลาเดียวกัน เขาไม่เชื่อ นายท่านวางแผนอย่างลับๆ มาตั้งนาน ตอนลงมือยังถูกเจ้ากรมคลังตลบหลังหนึ่งตลบ คนที่จัดการยากเช่นนี้ กลับถูกพระชายาฆ่าโดยเทพไม่รู้ผีไม่เห็น?เขาไม่เชื่อ!พระชายาจะร้ายกาจกว่านายท่านได้อย่างไร?คนร้ายต้องเป็นคนอื่นแน่นอน!ไม่ว่าเป็นใครก็ตาม เจ้ากรมคลังตายแล้ว รัชทายาทไม่มีแหล่งทรัพยากรทางการเงิน แผนการที่วางไว้ชะงัก เป้าหมายของพวกเขาบรรลุผลแล้วรัชทายาทยิ่งตื่นตระหนก ก็ยิ่งเผยจุดอ่อนได้ง่ายครั้งนี้เฟิงเย่เสวียนจะไม่ใจอ่อนอีก!เฟิงเย่เสวียนค่อยๆ หรี่ตาลง ความเยือกเย็นปรากฏในแววตา มุมปากเย็นชาเล็กน้อย “อาศัยตอนที่เจ้าป่วย เอาชีวิตเจ้า!”จวนรัชทายาททหารยามสองคนเฝ้าประตู ยืดหลังตรง สายตามองไปข้างหน้า บนถนนที่ปูเต็มไปด้วยกระเบื้องหิน ร่างเพรียวบางที่มีเสน่ห์ร่างหนึ่งค่อยๆ เดินมาศีรษะสวมเครื่องเงิน ถักผมเปีย ข้อมือใส่กำไลเงิน สร้อยข้อเท้าเงิน เต็มไปด้วยวัฒนธรรมของต่างถิ่น พร้อมกับจังหวะฝีเท้า เครื่องเงินกระทบกัน เกิดเสียงใสที่ดังชัดเจน ไพเราะเป็นพิเศษยกปลายเท้าเบาๆ เดินไปทางประตูใหญ่ของจวนรัชทายาท“หยุดอยู่ตรงนั้น!
ระหว่างรัชทายาทกับอ๋องเฉิน ต้องเกิดการแย่งชิงแน่นอน ไม่ว่าผลสุดท้ายจะเป็นอย่างไร ก็ล้วนจะเกี่ยวโยงถึงจวนรัชทายาทกับจวนอ๋องเฉินและผู้คนมากมายถึงเวลาต้องเลือกแล้ว…คนฉลาดจะไม่เคยนั่งรอความตาย ไหลไปตามกระแส มีเพียงเป็นฝ่ายรุก จึงจะสามารถครอบครองสิทธิ์ในการเลือก!แววตาฉู่หงหลวนสั่นไหว กล่าวเสียงดังทันที “ไฉ่เตี๋ย ไฉ่เตี๋ย!”ตั้งแต่พระชายารองฉู่เข้าจวนรัชทายาท พระชายารัชทายาทก็ไม่เคยใช้ชีวิตอย่างสบายใจแม้แต่วันเดียว แค่นึกถึงนางจิ้งจอกนั่น ดึงดูดความสนใจทั้งหมดของรัชทายาทไป นางโมโหจนเจ็บหัวใจ ตับ ม้าม ปอด และไตหงุดหงิดชะมัด!ภายใต้การเดินตามของสาวใช้หกคน พระชายารัชทายาทก้าวเท้ายาวอย่างเร่งรีบ ตอนที่เดินผ่านเรือนหลังหนึ่ง บังเอิญได้ยินคำพูดที่ปลื้มปีติ“สวรรค์! จริงหรือ? นี่เป็นเรื่องจริงหรือ! คุณหนู ท่านจะเป็นพระชายารัชทายาทแล้ว!”ฝีเท้าพระชายารัชทายาทชะงัก สีหน้าเปลี่ยนไปทันที รีบวิ่งไปหลบที่หน้าประตูเรือน พลางแอบดูภายในเรือน เป็นฉู่หงหลวนกับไฉ่เตี๋ยสาวใช้ข้างกายไฉ่เตี๋ยดีใจจนกระโดดโลดเต้น“เยี่ยมไปเลย! คุณหนู! ต่อไปท่านก็เป็นนายหญิงของจวนรัชทายาทแล้ว รัชทายาทโปรดปรานและรักท
“เจ้าไม่ชอบหรือ?” เขาถามอย่างตะลึงงัน และยังกางแขนออก ตั้งใจหมุนรอบตัวต่อหน้านางหนึ่งรอบ นี่เป็นชุดใหม่ของเขา ยังไม่เคยใส่เลยหมุนอีกรอบชมเขาหน่อยมันจะตายหรือ?หมุนอีกรอบเขารู้สึกว่าตนเองดูดีมาก มีราศีมาก หล่อเหลารวยเงิน มีสถานะ มีตำแหน่ง ขอแค่เป็นผู้หญิงไม่มีใครสามารถต้านทานเสน่ห์ของเขาหมุนอีกรอบ…อวิ๋นอิง “...”รู้สึกเพียงเขาเหมือนลูกข่าง หมุนไปหมุนมาอยู่ตรงนั้น ราวกับคนบ้าไม่ถูกเหตุใดนางต้องคุยกับคนบ้า?นางจะตั้งใจฝึกยุทธ์ เพิ่มศักยภาพของตนเอง พิสูจน์ความแข็งแกร่ง ตระหนักถึงคุณค่าตนเอง จึงจะ…สามารถแก้แค้นให้ท่านแม่นางเม้มมุมปากเล็กน้อย มองเด็กหนุ่มตรงหน้าด้วยสายตาซับซ้อนเขาร่าเริงมาก จิตใจดีมาก น่ารักมาก แต่…พวกเขาไม่ใช่มนุษย์โลกเดียวกันนางกำกระบี่ในมือแน่น ข่มอะไรบางอย่างเงียบๆ แล้วปล่อยมืออย่างเงียบๆ หมุนกายเดินจากไป ตั้งแต่เริ่มจนจบไม่พูดอะไรสักคำ“เอ๋?”“อวิ๋นอิง! อวิ๋นอิง รอข้าด้วย!”“เจ้าอย่าไปสิ พวกเรามาเล่นด้วยกันเถอะ! ข้ารู้สถานที่สนุกๆ เยอะเลย เจ้าต้องชอบแน่นอน!”“อวิ๋นอิง!”คนหนึ่งไป คนหนึ่งไล่ตามเขาไล่ตามเหมือนตั๊กแตน กระโดดซ้ายกระโดดขวารอ
เขากับผู้หญิงแปลกหน้าคนหนึ่งหารือเรื่องสำคัญอะไรบางอย่างในห้อง และยังให้นางฟังไม่ได้?เมื่อก่อนเขาไม่เคยเป็นเช่นนี้ฉู่เชียนหลีเงยหน้า สายตามองข้ามหานเฟิง จ้องประตูบานที่ปิดสนิท ถามโดยตรง“ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร?”หานเฟิงชะงักเล็กน้อย รู้สึกว่าพระชายาอาจเข้าใจผิด เขารีบกล่าว“พระชายา นางเป็นแค่คนไม่สำคัญคนหนึ่ง! หารือเรื่องสำคัญกับนายท่าน นอกจากนี้ก็ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ! ท่านอย่าคิดมาก นายท่านไม่ใช่คนเช่นนั้น!”ส่วนเนื้อหาที่หารือ เขาก็ไม่รู้เช่นกัน“พระชายา ท่านน่าจะเชื่อใจนายท่านกระมัง?” เขาทำหน้ายิ้มแย้มอย่างคาดหวัง ยิ้มจนเผยให้เห็นฟันขาวทั้งสองแถวฉู่เชียนหลีเหลือบมองท่าทางที่ยิ้มแย้มของเขา ทันใดนั้น แสร้งยิ้มเผยให้เห็นใบหน้ายิ้มที่ ‘เป็นมิตร’ ‘อ่อนโยน’ ‘หวานแหวว’“หานเฟิง นี่เจ้าพูดอะไรของเจ้า? เขาบาดเจ็บสาหัสเช่นนั้น ยังไม่ลืมที่จะจัดการเรื่องงาน หรือข้าจะโกรธ? หรือในสายตาเจ้า ข้าเป็นคนประเภทไม่มีเหตุผล?”ยิ้มแย้ม อ่อนโยนจนแทบสามารถบีบเค้นน้ำออกมาหานเฟิงได้ยินคำนี้ แอบถอนหายใจอย่างโล่งอกไม่โกรธก็ดี…ตั้งแต่ครั้งก่อนหลังทำกระเป๋าเงินของเยว่เอ๋อร์สกปรก เยว่เอ๋อร์
เซียวจือฮว่าเม้มปาก ตอนที่สะบัดแขนเสื้อกำลังจะเดินจากไป มีเสียงหัวเราะที่อ่อนโยนของผู้หญิงดังขึ้นจากข้างหลัง“คิดว่าท่านนี้ก็คือเพื่อนตั้งแต่วัยเด็กของอ๋องเฉิน คุณหนูเซียวกระมัง?”ฝีเท้านางชะงัก หันกลับไปมองภายในห้อง มีหญิงงามวัฒนธรรมต่างถิ่นคนหนึ่งเดินออกมา รูปร่างเค้าโครงของนางชัดเจน อวัยวะสัมผัสทั้งห้าลึกล้ำ รูปร่างสูง แต่งตัวสะดุดตา ใบหน้าที่สวยงามนั่น ทำให้เห็นแค่ปราดเดียวก็ไม่สามารถลืมนางสวยกว่าฉู่เชียนหลีพันเท่า หมื่นเท่าจริงๆ นะผู้หญิงคนนี้ปรากฏตัวข้างกายอ๋องเฉิน หาใช่คนที่ฉู่เชียนหลีสามารถชนะหรือ?ครั้งหนึ่ง ฉู่เชียนหลีชนะนาง ตอนนี้ มีศัตรูตัวฉกาจคนหนึ่งมา เกรงว่าอีกไม่นาน ฉู่เชียนหลีก็จะได้ลิ้มรสความพ่ายแพ้แล้ว!เซียวจือฮว่าพลางวางแผนในใจ แค่คิดถึงภาพนั้น ก็รู้สึกหายแค้นแล้ว นางแอบหัวเราะอย่างเย็นชา บนใบหน้าเผยให้เห็นรอยยิ้มที่สง่างาม“เจ้าคือ…”“ข้าชื่ออูหนู มาจากเหมียวเจียงอันห่างไกล” ผู้หญิงคนนั้นเดินออกมา เครื่องเงินบนร่างกายกระทบกัน เสียงใสไพเราะดังชัดเจน เครื่องเงินอันประณีตสะท้อนแสงภายใต้ดวงอาทิตย์ ขับผิวที่เรียบเนียนของนางให้ขาวเหมือนหิมะ ไม่ต้องพูดถึงว่
ความผิดร้ายแรง ถูกตีตราไว้บนศีรษะฉู่หงหลวนทันทีสาวใช้ไฉ่เตี๋ยรีบวิ่งเข้ามากล่าวอธิบาย “พระชายารัชทายาท ไม่ใช่เช่นนี้นะเจ้าคะ! เมื่อครู่คุณหนูของบ่าวไม่ได้แตะต้ององค์หญิงซือเอ๋อร์เลย นางล้มเอง…”“ข้ากำลังพูด เจ้ามีสิทธิ์พูดแทรกตั้งแต่เมื่อไร!”“อ๊า!”พระชายารัชทายาทเหวี่ยงหลังมือออกไปอย่างแรง ตบจนไฉ่เตี๋ยเซไปชนโต๊ะพลิกคว่ำ จาน อาหาร ชุดน้ำชาและอื่นๆ ตกกระจายเกลื่อนพื้นเฟิงเจิ้งซือหลบอยู่ในอ้อมกอดของมารดา ดวงตาที่เบิกกว้างกะพริบปริบๆ มองไปทางฉู่หงหลวนอย่างมีเจตนาร้ายยื่นมือออกไปชี้“ท่านแม่ นางตีข้า ข้าจะบอกเสด็จปู่ จะเอาชีวิตสุนัขนาง!”ฉู่หงหลวนเม้มมุมปาก “ข้าไม่ได้ทำ”นางไม่ยอมรับ “เมื่อครู่เข้าไม่ได้แตะ…”เพียะ!พระชายารัชทายาทเหวี่ยงฝ่ามือออกไปโดยตรง “บังอาจ!”“ความหมายของเจ้าคือ เด็กห้าขวบโกหกหรือ?” นางกล่าวด้วยความโกรธ “ซือเอ๋อร์เป็นองค์หญิง สถานะสูงศักดิ์ แม้เจ้าเป็นลูกสาวของอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายฉู่ แต่ก็เป็นแค่ข้าราชบริพาร เป็นสุนัขรับใช้ตัวหนึ่งของราชวงศ์เท่านั้น เจ้าใจกล้ายิ่งนัก!”เสียงที่โกรธเคืองและดุร้ายดังขึ้นเรื่อยๆชี้ชัดความผิดร้ายแรงโดยตรงฉู่หงหลวนถ
“ซือเอ๋อร์ พวกเราไป!”พระชายารัชทายาทหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งออกจากแขนเสื้อ พลางเช็ดสองมือ หลังจากเช็ดจนสะอาดแล้ว โยนใส่หน้าฉู่หงหลวน จับมือเล็กๆ ของเฟิงเจิ้งซือคนทั้งกลุ่มจากไป“คุณหนู!”ในที่สุดไฉ่เตี๋ยที่ถูกจับกดไว้ก็ได้รับอิสรภาพ นางกระโจนเข้ามาพร้อมกับเสียงร้องไห้“คุณหนู ท่านเลือดออกแล้ว…ว้าย…เลือดเยอะมาก…พระชายารัชทายาททำเกินไปแล้ว! นางรังแกท่านเช่นนี้ได้อย่างไร!”“รัชทายาทรักท่านเช่นนั้น นางกล้า…”ใบหน้า มือ เสื้อผ้าของฉู่หงหลวน แทบไม่มีที่ใดอยู่ในสภาพสมบูรณ์ สะบักสะบอมมากนางอดทนต่อความเจ็บปวดทั่วร่าง ใช้มือที่เปื้อนเลือด เก็บหนังสือปลดขึ้นอย่างสั่นเทา เปิดออกข้างในมีตราประทับส่วนตัวของรัชทายาท หนังสือปลดฉบับนี้มีผลหากรัชทายาทสู้อ๋องเฉินไม่ได้ ถึงเวลา นางอาศัยหนังสือปลดฉบับนี้ สามารถเลี่ยงความสัมพันธ์กับจวนรัชทายาทหากรัชทายาทชนะอ๋องเฉิน อาศัยความรักที่รัชทายาทมีต่อนาง และเรื่องที่นางได้รับบาดเจ็บ สามารถแว้งไปกัดพระชายารัชทายาท ไม่แน่อาจสามารถทำให้รัชทายาทปลดพระชายารัชทายาท แต่งตั้งนางแทนไม่ว่าจะรุกหรือรับก็ทำได้นางพับหนังสือปลด ใส่เข้าไปในอกอย่างระมัดระวั
พลันฉู่เจียวเจียวแน่นหน้าอก“เจ้าไม่เพียงอยากแย่งตำแหน่งฮองเฮาของข้า ยังอยากเอาชีวิตของข้า…ฉู่เชียนหลี เจ้าไปเอาสิทธิ์มาจากไหน! เจ้ากล้าพูดคำพูดเช่นนี้ได้อย่างไร!”นางพุ่งเข้าไปตบอย่างแรงอีกครั้ง พร้อมกับเสียงกรีดร้องครั้งนี้ ฉู่เชียนหลีคว้าข้อมือของนางไว้พลันบิดไปข้างหลังอย่างเย็นชา กล่าวอย่างเฉียบคม“เฟิงเจิ้งหลีให้สิทธิ์แก่ข้า เจ้าโทษข้ามีประโยชน์อะไร? ดูผู้ชายของตัวเองไม่ดีเอง รู้จักแต่ระบายความโกรธใส่ผู้อื่น ช่างไร้ความสามารถและน่าเวทนาจริงๆ”“เจ้า!”ฉู่เจียวเจียวโกรธจนตาแดงแล้ว“อ๊ะๆ! ฉู่เชียนหลี! ข้าจะฆ่าเจ้า!”นางกวัดแกว่งมือทั้งสองข้าง พยายามคว้าไปทางฉู่เชียนหลี ฉู่เชียนหลีหลบได้อย่างง่ายดาย ไม่เพียงไม่สามารถทำร้ายตัวเอง และยังสามารถทำให้ฉู่เจียวเจียวโมโหจนชักกระตุกนอกห้องผู้บัญชาการจางเงี่ยหูฟังความเคลื่อนไหวภายในห้องประเดี๋ยวก็ปัง ประเดี๋ยวก็ตูม ประเดี๋ยวก็โครม แค่ฟังก็รู้สึกดุเดือดมาก ทำเอาเขายิ้มจนหุบไม่ลงฟังจากเสียงนี่ ฉู่เชียนหลีน่าจะถูกจัดการอย่างอนาถมันก็จริงเป็นแค่นักโทษคนหนึ่ง เย่อหยิ่งเช่นนั้น ไม่เท่ากับรนหาที่หรอกหรือ?ตี!ตีให้ตายเลย!เขา
ภายในห้องฉู่เจียวเจียวผลักประตูปรี่เข้าไป มองไปทางฉู่เชียนหลีที่กำลังนั่งทาเล็บตรงข้างโต๊ะ หัวเราะทีหนึ่ง“เจ้านี่มันไม่สะทกสะท้านจริงๆ”แสร้งใจเย็นหรือใจเย็นจริงๆ กันแน่?เดินไปที่ตรงหน้าฉู่เชียนหลี ก้มมองนางแล้วกล่าว“เจ้าถูกขังอยู่ที่นี่ เกรงว่ายังไม่รู้สถานการณ์ข้างนอก อ๋องหลีขึ้นครองราชย์ในอีกสามวัน ส่วนอ๋องเฉินหนีเนื่องจากวางยาพิษฝ่าบาท และชิงราชบัลลังก์ล้มเหลว ประกาศจับทั่วทั้งแคว้น ราษฎรล้วนกำลังด่าเขา ตอนนี้เขาก็เหมือนหนูข้ามถนนตัวหนึ่ง ไม่กล้าปรากฏตัวด้วยซ้ำ”ในอดีตเคยสูงส่งปัจจุบันอนาถนักนางถอนหายใจเบาๆ“วันพระไม่ได้มีหนเดียวจริงๆ”“ฉู่เชียนหลี เจ้าแพ้แล้ว”อ๋องหลีกับอ๋องเฉิน นางกับนาง ในที่สุดการต่อสู้ระหว่างพวกเขาก็มีบทสรุปแล้ว นางกับอ๋องหลีเป็นฝ่ายชนะฉู่เชียนหลีก้มหน้าก้มตาทาเล็บอย่างตั้งใจ นางนำน้ำกลีบดอกไม้สีชมพูอ่อนทาลงบนเล็กมือแวววาวเรืองแสงสีชมพูอ่อนๆ เล็บมือทุกนิ้วดูชุ่มชื้น งดงามนักฉู่เจียวเจียวขมวดคิ้ว พูดมามากมายเช่นนี้ นางไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย?“เจ้าหูหนวกหรือ?”นี่มันเวลาไหนแล้ว ยังมีกะจิตกะใจทาเล็บอีก?พลันยกมือก็แย่งขวดเล็กๆ ไปจากมือน
ไม่นาน ข่าวก็กระจายไปทั่วใบประกาศถูกติดตามทุกซอกทุกมุมของเมืองหลวง เนื้อหาที่เขียนไว้บนนั้นแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็วในหมู่ราษฎร จากนั้นกระจายออกนอกเมือง กระจายไปทั่วทั้งแคว้นตงหลิง ทุกคนที่รู้เรื่องนี้ต่างตกตะลึงอ๋องเฉินชิงราชบัลลังก์?ล้มเหลว?หนีไปแล้ว?ไม่ทราบเบาะแส?วางยาพิษฮ่องเต้?เตือนทุกคนระวัง อย่าถูกอ๋องเฉินทำร้าย ขณะเดียวกัน หลังจากนี้สามวัน อ๋องหลีขึ้นครองราชย์มีข้อมูลมากเกินไป ราษฎรตกใจจนเหมือนกับหมูหริ่งในสวนแตงโม มีแตงโมมากเกินไป ชั่วขณะไม่รู้จะเริ่มกินจากตรงไหนดีตะลึง ประหลาดใจ ตกใจ สาปแช่ง ปกป้อง…สะเทือนทั้งแคว้นตงหลิง เสียงของราษฎรแตกต่างกันออกไปข้างนอกวุ่นวายมาก แต่ในวังกลับเงียบสงบ ภายในตำหนักที่หรูหราหลังหนึ่ง ฉู่เชียนหลีถูกขังอยู่ที่นี่ โดยมีทหารรักษาพระองค์คอยเฝ้า ไม่สามารถออกไปแม้แต่ก้าวเดียวเพิ่งก้าวออกไปกระบี่ที่แวววาวเล่มหนึ่งถูกยื่นออกมา“คุณหนูฉู่โปรดกลับเข้าไป ระวังกระบี่ไม่มีตา”ผู้บัญชาการจางยิ้มแย้ม ค่อนข้างเหมือนคนชั่วที่ประสบความสำเร็จฉู่เชียนหลีมองเขาอย่างเย็นชา กล่าวถาม “ไม่มีข่าวอ๋องเฉินหรือ?”“เขาสมคบคิดศัตรู ทรยศบ้านเม
แต่ฮ่องเต้พูดไม่ได้ ต่อให้เขารู้ความจริง และมีความโกรธอยู่เต็ม ก็พูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว และไม่มีใครเข้าใจความหมายของเขาความรู้สึกที่โกรธแต่ไม่สามารถระบายออกมา และยังต้องมองดูต่อหน้าต่อตาเช่นนี้ แทบทำให้ฮ่องเต้โกรธจนเป็นลมพรรคของอ๋องหลีย่อมพากันตำหนิอ๋องเฉิน“คิดไม่ถึงว่าอ๋องเฉินจะเหี้ยมโหดเช่นนี้ วางยาพิษทำร้ายพ่อ ไร้ความเป็นมนุษย์ ไร้มโนธรรม ไม่กลัวฟ้าผ่าเลยหรือ?”“คนเช่นนี้มีสิทธิ์อะไรอยู่บนโลกใบนี้?”“ขายหน้าแคว้นตงหลิงของพวกเราจริงๆ!”“น่าละอายจริงๆ!”ส่วนพรรคของอ๋องเฉิน รู้ว่าเกิดเรื่องกับอ๋องเฉินที่ตัวเองสนับสนุน ไม่มีใครกล้าพูดอะไรมากนักมีผู้สนับสนุนสองสามคนเอ่ยปากเพิ่งเอ่ยปาก ก็ถูกพรรคของอ๋องหลีด่าจนเงยหน้าไม่ขึ้นอ๋องเฉินไม่อยู่ ไม่มีใครหนุนหลังพวกเขา พวกเขากล้าโกรธแต่ไม่กล้าพูดทุกคนเริ่มโต้เถียงกันตอนที่ทะเลาะกันพอประมาณแล้ว อัครมหาเสนาบดีฉู่ก้าวออกมาอย่างชาญฉลาด เขากล่าวเสียงดัง“อ๋องหลี ตอนนี้ฝ่าบาทถูกพิษจนกลายเป็นเช่นนี้ และไม่สามารถหายดีในเวลาอันสั่น แต่แคว้นที่ยิ่งใหญ่ไม่สามารถไม่มีเจ้า ข้าน้อยขอบังอาจ เชิญท่านควบคุมสถานการณ์ สร้างความสงบให้บ้านเมือง!”
มีดพาดอยู่บนคอนาง คมมีดที่เย็นเฉียบส่องประกายด้วยแสงเย็นยะเยือก ราวกับว่านางแค่ออกแรงเล็กน้อย ก็จะตัดเส้นเลือดอันบอบบางของนางทันทีเฟิงเจิ้งหลีกำลังจะเข้าใกล้พลันมือของนางก็ออกแรงกด “ถ้าหากเจ้ายังต้องการจับตัวเฟิงเย่เสวียน เก็บข้าไว้ดีกว่า ถ้าหากข้าเป็นอะไรไป เกรงว่าเจ้าไม่สามารถควบคุมเฟิงเย่เสวียนแล้ว”เขาชะงักเล็กน้อยข่มขู่?มันก็จริง เฟิงเย่เสวียนหนีออกจากเมืองแล้ว แม้เขาเป็นฝ่ายได้เปรียบ แต่เฟิงเย่เสวียนมีที่ดินศักดินา มีกำลังทหาร สามารถตั้งตนเป็นอ๋อง ถ้าหากสู้กันจริงๆ ใช่ว่าเขาจะเป็นคู่ต่อสู้ของเฟิงเย่เสวียนเสมอไปแต่ว่า นางรังเกียจเขาเช่นนี้เลยหรือ?ถึงขั้นยอมใช้คอของตัวเองมาขู่เขา? เขาก็ขมวดคิ้วแน่น กล่าวอย่างเย็นชา“เจ้ากล้าตายหรือ? ไม่ต้องการจื่อเยี่ยแล้ว?”“ใครบ้างที่อยากตาย? แต่ถ้าหากต้องอยู่อย่างอัปยศ ไม่สู้ตายเสียดีกว่า ให้ทุกอย่างมันจบสิ้นเสีย”“เจ้า!”ในแววตาของเขามีความโกรธเอ่อล้นออกมา อยากเข้าไป แต่เท้ากลับยืนแข็งอยู่ตรงที่เดิมมองดูนางที่เชิดคางเล็กน้อย และมือที่กำแน่นอย่างดึงดัน ความโกรธติดอยู่ในอก ไม่สามารถระบายออกมา ทำให้เขาอัดอั้นจนรู้สึกทรมานบ้า
“ตาม!” ผู้บัญชาการจางกระทืบเท้าตะโกนเสียงดัง “รีบตาม! ขี่ม้าที่เร็วที่สุด ต้องจับอ๋องเฉินกลับมาให้ได้!”“รับทราบ!”เปิดประตูเมือง ทหารรักษาพระองค์ไล่ตามอย่างรวดเร็วเฟิงเจิ้งหลีหยิบธนูมาหนึ่งคัน ดึงลูกธนู เล็งยามค่ำคืนอันมืดสลัวที่อยู่นอกเมือง แต่ทันใดนั้นก็ถูกฉู่เชียนหลีกระแทกอย่างแรงธนูพลาดเป้าเขาหัวเราะอย่างเย้ยหยัน โยนธนูลงบนพื้น กล่าวอย่างไม่ใส่ใจ“หนี หนีไปเลย ทั้งแคว้นตงหลิงเป็นของข้าแล้ว ข้าดูสิว่าเจ้าจะสามารถหนีไปถึงไหน!”ใต้ฟ้าอันกว้างใหญ่ ล้วนเป็นของกษัตริย์เขาจะจับเฟิงเย่เสวียนได้ในสักวัน“เฟิงเจิ้งหลี เจ้ามันเป็นคนบ้าที่เสียสติจริงๆ โลกนี้มีผลกรรมเสมอ สักวันเจ้าจะถูกสิ่งที่เจ้าทำตามสนอง”คนที่เสียสละ สักวันจะได้ผลตอบแทนคนที่กระทำความชั่ว สักวันจะต้องชดใช้ไม่ใช่กรรมไม่ตามสนอง แค่ยังไม่ถึงเวลาเฟิงเจิ้งหลีคว้าแขนของฉู่เชียนหลี พลันดึงนางเข้ามาในอ้อมแขน บีบคางของนาง “เหมือนเจ้าแทบรอไม่ไหวที่จะเห็นข้าตกต่ำแล้วนะ”“แต่น่าเสียดาย คนดีอายุสั้น คนชั่วอายุยืนพันปี ข้าต้องอยู่รอดต่อไป จะรอดูว่าเฟิงเย่เสวียนตายต่อหน้าข้าอย่างไร”ฉู่เชียนหลีถูกบังคับให้เงยหน้าขึ้น
ทุกคนรออยู่ที่นอกประตูเมือง เฟิงเย่เสวียนขี่ม้าเข้าไปใกล้ สายตาจ้องฉู่เชียนหลีอย่างลึกซึ้งหลายวินาทีฉู่เชียนหลียิ้มระหว่างทั้งสองคน คำพูดมากมายไม่จำเป็นต้องพูด แค่สบตากัน ก็สามารถเข้าใจกันแล้วผ่านไปครู่หนึ่งเขาถอนสายตากลับ กระตุกม้าให้หยุดลง โน้มกายและเอื้อมมือไปรับลูก“ส่งเขาให้ข้า”เฟิงเจิ้งหลียิ้มได้อ่อนโยนมาก ก้าวไปข้างหน้าครึ่งก้าวอย่างเชื่อฟัง ยกมือทั้งสองข้างขึ้นเล็กน้อย ส่งเด็กที่อยู่ในมือออกไป“น้องเจ็ด เดินทางปลอดภัย”เขาเน้นเสียงคำว่า ‘ปลอดภัย’ เป็นพิเศษ เหมือนมีความหมายที่ลึกซึ้งซ่อนอยู่อ๋องเฉินยื่นมือออกมาแล้ว ขณะที่กำลังจะสัมผัสโดนเด็ก เฟิงเจิ้งหลีปล่อยมือกะทันหันทันใดนั้นเด็กสูญเสียแรงยึดเหนี่ยว ร่วงลงไปโดยตรง!“จื่อเยี่ย!”พลันเฟิงเย่เสวียนแน่นหน้าอก กระโดดลงจากม้าด้วยความเร็วที่เร็วที่สุด ก็เห็นอ๋องหลีรับเด็กไว้แล้ว และก็เพราะพริบตาที่เขาเผลอนี้ จึงถูกธนูลับดอกหนึ่งยิงเข้าที่สะบักฉึก…“อาเฉิน!”“ท่านอ๋อง!”เหตุการณ์เกิดขึ้นกะทันหัน ไม่มีใครรับมือทันเวลาเฟิงเจิ้งหลีใช้มือซ้ายอุ้มเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ย มือขวาจับตัวฉู่เชียนหลี ถอยหลังเจ็ดแปดก้าว ขณะ
เฟิงเย่เสวียนเดินออกมาข้างหน้าหนึ่งก้าว “ปล่อยฉู่เชียนหลีกับเด็ก ข้าอยู่เอง เจ้าจับฉู่เชียนหลีไม่มีประโยชน์ มีเพียงจับข้าเท่านั้น เจ้าจึงจะสามารถนั่งราชบัลลังก์ได้อย่างมั่นคง”เฟิงเจิ้งหลีเย้ยหยัน“อย่ามาต่อรองกับข้า ข้ายอมถอยให้แล้ว ถ้าหากยังได้คืบจะเอาศอก ข้าไม่ถือสาที่จะพินาศไปพร้อมกัน”ฉู่เชียนหลีรีบถอยกลับมาจับข้อมือเฟิงเย่เสวียน กล่าวเสียงเบา “เจ้าพาจื่อเยี่ยไป!”“เชียนหลี…”“คนที่เขาต้องการคือข้า มีเพียงเจ้าไปและมีชีวิตรอดต่อไปเท่านั้น จึงจะมีโอกาสพลิกสถานการณ์ จื่อเยี่ยไปแล้ว ข้าจึงจะวางใจ ถึงเวลานั้น เขาก็ไม่มีข้อได้เปรียบอีก และไม่จำเป็นต้องกลัวเขาอีกแล้ว” ฉู่เชียนหลีวิเคราะห์เบาๆ อย่างฉับไวเฟิงเจิ้งหลีไม่มีทางฆ่านางใช้นางคนเดียว แลกกับความปลอดภัยของจื่อเยี่ย แลกกับความปลอดภัยของทุกคน อย่างไรก็ดีกว่าสู้กันตายไปข้างหนึ่ง เลือดนองเหมือนแม่น้ำไม่ใช่ว่านางจะถูกขังอยู่ในเมืองหลวงตลอดไปตราบใดที่ยังมีชีวิต ก็มีโอกาสเฟิงเย่เสวียนรู้ผลได้ผลเสียในนี้ เด็กคนนี้อย่างไรก็ต้องช่วย แต่เขาจะทิ้งฉู่เชียนหลีไว้คนเดียวได้อย่างไร“เชียนหลี ข้ามันไร้ประโยชน์”“ข้าไม่อนุญาตให้เจ
เมื่อพรรคของอ๋องหลีได้ยินเช่นนี้ ก็กลัวทันทีดูท่าทีของพระชายาอ๋องเฉิน นี่กำลังจะเปิดฉากสังหารครั้งใหญ่ในวังชัดๆ!ฆ่าคนติดต่อกันสองคน ไม่กระพริบตาแม้แต่ทีเดียวเลือดกระเซ็นโดนใบหน้า ก็เย็นเฉียบท่าทางที่ชั่วร้ายเหมือนปีศาจนั่น ทำให้ขุนนางหลายคนเกิดความกลัว ลองถามคนทั่วหล้า จะมีสักกี่คนที่ไม่กลัว? อยู่ต่อหน้าความเป็นความตาย ทุกคนล้วนเห็นแก่ตัวพวกเขาไม่อยากตายขุนนางคนหนึ่งกลัวจนพูดติดอ่าง“อ๋อง อ๋องหลี…อย่างไรเด็กที่อยู่ในมือท่านก็เป็นพระนัดดาองค์โต เป็นสายเลือดของราชวงศ์ ถ้าหากฆ่าเขา ในวันข้างหน้า มลทินของท่านจะถูกบันทึกไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์ เกรงว่าจะถูกคนรุ่นหลังด่าทอต่อๆ กันเป็นหมื่นปี”ขุนนางอีกคนก็กล่าวเสียงสั่น“อ๋องเฉินโปรดพิจารณา…”ถ้าหากสู้กันจริงๆ พวกเขาสู้ไม่ไหวอ๋องเฉินมีฮ่องเต้หนุนหลัง มีกองทัพ มีกำลังทหาร อ๋องเฉินเป็นฝ่ายได้เปรียบทุกด้านในมืออ๋องหลี นอกจากพระนัดดาองค์โต ก็ไม่มีเบี้ยอย่างอื่นแล้ว อีกทั้ง ทหารรักษาพระองค์ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ทหารองครักษ์เงาของอ๋องเฉินเมื่อไรที่สู้กัน พวกเขาจะตายกันหมดไม่จำเป็นต้องตายไปครั้งหนึ่ง บางครั้ง เมื่อเห็นว่าพอแล้วก