“ซือเอ๋อร์ พวกเราไป!”พระชายารัชทายาทหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งออกจากแขนเสื้อ พลางเช็ดสองมือ หลังจากเช็ดจนสะอาดแล้ว โยนใส่หน้าฉู่หงหลวน จับมือเล็กๆ ของเฟิงเจิ้งซือคนทั้งกลุ่มจากไป“คุณหนู!”ในที่สุดไฉ่เตี๋ยที่ถูกจับกดไว้ก็ได้รับอิสรภาพ นางกระโจนเข้ามาพร้อมกับเสียงร้องไห้“คุณหนู ท่านเลือดออกแล้ว…ว้าย…เลือดเยอะมาก…พระชายารัชทายาททำเกินไปแล้ว! นางรังแกท่านเช่นนี้ได้อย่างไร!”“รัชทายาทรักท่านเช่นนั้น นางกล้า…”ใบหน้า มือ เสื้อผ้าของฉู่หงหลวน แทบไม่มีที่ใดอยู่ในสภาพสมบูรณ์ สะบักสะบอมมากนางอดทนต่อความเจ็บปวดทั่วร่าง ใช้มือที่เปื้อนเลือด เก็บหนังสือปลดขึ้นอย่างสั่นเทา เปิดออกข้างในมีตราประทับส่วนตัวของรัชทายาท หนังสือปลดฉบับนี้มีผลหากรัชทายาทสู้อ๋องเฉินไม่ได้ ถึงเวลา นางอาศัยหนังสือปลดฉบับนี้ สามารถเลี่ยงความสัมพันธ์กับจวนรัชทายาทหากรัชทายาทชนะอ๋องเฉิน อาศัยความรักที่รัชทายาทมีต่อนาง และเรื่องที่นางได้รับบาดเจ็บ สามารถแว้งไปกัดพระชายารัชทายาท ไม่แน่อาจสามารถทำให้รัชทายาทปลดพระชายารัชทายาท แต่งตั้งนางแทนไม่ว่าจะรุกหรือรับก็ทำได้นางพับหนังสือปลด ใส่เข้าไปในอกอย่างระมัดระวั
ในเวลาเดียวกัน นอกเมือง ในจุดที่ลับตาห่างออกไปหลายเมตรกลางดึก มืดมิดในความมืด กระโจมเป็นหลังๆ ผุดขึ้นจากพื้นดิน เหล่าทหารถืออาวุธ ยืดอกเชิดหน้า สามก้าวยืนหนึ่งคน ท่าทางที่เงียบสงัดและน่าเกรงขามนั่น สะท้อนให้ป่าในคืนที่มืดมิด แลดูขึงขังเป็นพิเศษ“รายงาน…”ทันใดนั้น องครักษ์ลับคนหนึ่งคนหนึ่งวิ่งเข้ากระโจมหลังหนึ่ง ฝีเท้ายุ่งเหยิง สีหน้าร้อนใจ“นาย นายท่าน แย่แล้ว…ราย รายงานจากจวน ช่วงบ่ายวันนี้ อูหนูเคยไปที่จวนรัชทายาท เข้าห้องหนังสือของท่าน หลังจากนั้น หลังจากนั้น…ก็ไปจวนอ๋องเฉิน…”“อะไรนะ?!”บนเก้าอี้หลัก เฟิงเจิ้งอวี้ลุกขึ้นฉับพลัน สีหน้าเปลี่ยนไปโดยตรงอูหนู ห้องหนังสือ จวนอ๋องเฉิน…ทุกอย่างในห้องหนังสือล้วนเป็นความลับ! และยังมีสิ่งของหลายอย่างที่คนเห็นไม่ได้!อูหนูไปเข้ากับเฟิงเย่เสวียนแล้ว?บ้าจริง!หญ้าบนกำแพง[footnoteRef:1]! [1: หญ้าบนกำแพง เปรียบเปรยหญ้าที่คล้อยไปตามสายลม] สีหน้าเฟิงเจิ้งอวี้มืดมน จ้ององครักษ์ลับด้วยความโกรธ “เรื่องที่เกิดขึ้นตอนบ่าย ทำไมถึงเพิ่งรายงานตอนนี้!”“ไร้ประโยชน์!”พุ่งพรวดออกไปก็ถีบ ทำเอาองครักษ์ลับหน้าหงายกลิ้งสองตลบองครักษ์ลับไ
นางชูมือยอมจำนน ยืนห่างออกไปหลายก้าวโดยดี แต่สายตาที่ยิ้มลึกนั่นจับจ้องมาที่เฟิงเย่เสวียนตลอด ไม่เพียงไม่ถ่อมตน กลับยิ่งดูสนใจมากขึ้นอูหนูออกไปเฟิงเย่เสวียนเก็บมีด โยนไปที่โต๊ะเล็กๆ ข้างเตียง แล้วคว้าจอกเหล้าขึ้นในแววตา มีประกายที่เหี้ยมโหด “พี่ใหญ่ ท่านต้องชอบของขวัญที่ข้าเตรียมไว้ให้ท่านอย่างพิถีพิถันนะ!”เงยหน้า เหล้าลงท้อง เผ็ดร้อนมาก และทำให้แผลที่ท้องชา ไม่เจ็บเลยสักนิด แต่ก็ยังไม่สามารถลุกขึ้นยกจอกเหล้า “ใครก็ได้!”หานเฟิงวิ่งเข้ามา “นายท่าน”“พระชายาล่ะ?”“พระชายาไปเดินตลาดแล้วขอรับ ตอนนี้ยังไม่กลับมา”เฟิงเย่เสวียนขมวดคิ้ว กวาดมองท้องฟ้านอกหน้าต่างแวบหนึ่ง นี่ก็ดึกมากแล้ว เวลานี้ยังเดินตลาด? ไม่ควรเป็นห่วงสามีที่รักที่บาดเจ็บสาหัส นอนอยู่บนเตียง ขยับตัวไม่ได้เสียหน่อยหรือ?“พระชายากลับมาแล้วบอกข้าด้วย”“ขอรับ!”นอนลง หลับตา ทว่ากระปรี้กระเปร่ามาก ไม่ว่าจะนอนอย่างไรก็นอนไม่หลับ ระหว่างยามว่าง รู้สึกเบื่อหน่ายก็เริ่มทำท่าออกกำลังกายที่ฉู่เชียนหลีสอนขยับแขน ขยับขา แกว่งคอ จะไม่เป็นบ้าหลังจากทำหลายรอบ เหมือนสบายขึ้นเล็กน้อยยามจื่อ[footnoteRef:1] [1: ยามจื่
“นายท่าน ท่านใจเย็นๆ ก่อน! พระชายารักท่านมากนะขอรับ ไม่ว่าจะทำอะไร ในใจก็มีท่านเสมอ” หานเฟิงรีบกล่าวปลอบใจ“อย่างเช่นเรื่องของหอบำเรอชิงเฟิง นางไม่เพียงไถ่ตัวชายรับใช้ข้างกายให้ตัวเองหนึ่งคน ยังได้ไถ่ตัวชายรับใช้ข้างกายให้ท่านอีกคนด้วย เอาใจใส่มากเลยใช่ไหมล่ะ?”เฟิงเย่เสวียน “?”พลันหายใจไม่ทัน สองมืออ่อนแรง หมดสติไปโดยตรง“นายท่าน! ท่านไม่เป็นอะไรกระมัง?”“นายท่าน!”เฟิงเย่เสวียนไม่รู้ว่าตนเองไปทำเวรทำกรรมอะไรไว้ แต่ว่าพลางหักนิ้ว พลางครุ่นคิด เหมือนเขาจะไม่ได้ทำอะไรผิดนะ ฉู่เชียนหลีโกรธอะไรเขา?เด็กผู้หญิงคนนี้ ชาติที่แล้วเป็นปลาปักเป้ากระมัง?พูดอะไรไม่ถูกใจนิดหน่อยก็ระเบิดหนามรอนางกลับมา จะต้องทำให้นางรู้ว่า ในบ้านนี้ใครใหญ่สุด!รุ่งเช้าระหว่างกึ่งหลับกึ่งตื่น ได้ยินเสียงที่คลุมเครือ…“แหม อวิ๋นอิงของเราเก่งจริงๆ ดูวิชากระบี่นี่ รูปร่างนี่ วีรสตรีผู้กล้าหาญชัดๆ ต่อไปคนที่ไม่ทนกระทืบ ไม่มีใครกล้าแต่งงานกับเจ้าแล้ว”“เยว่เอ๋อร์ฉลาดจริงๆ ขนมนี่ยิ่งทำยิ่งอร่อยแล้ว…”“อ๊ะ…”เฟิงเย่เสวียนค่อยๆ ตื่นขึ้น สมองวิงเวียนและหนักอึ้ง ยังรู้สึกมึนงงเล็กน้อย นอนนานเกินไป เสียเลือด
หาไม่เจอต่อให้ขุดดินห้องหนังสือลึกลงไปสามฟุต พลิกฟ้าพลิกแผ่นดินก็หาไม่เจอ“นายท่าน ไม่มีขอรับ”“ทางนี้ก็ไม่มีขอรับ…”“ไม่มีขอรับ…”ภายในห้องหนังสือที่ยุ่งเหยิง เฟิงเจิ้งอวี้ยืนอยู่ตรงใจกลางสุด อยู่ท่ามกลางความยุ่งเหยิง สองมือไขว้หลัง ดวงตาปิดสนิทมาโดยตลอดเขาประมาทเกินไป!ตอนนั้น หลังจากเหตุการณ์โรคระบาดในเมืองตงหนิงถูกเปิดเผย เขาก็ไม่ควรเก็บอูหนูไว้แล้ว หากฆ่าอูหนูทิ้งตั้งแต่แรก ก็จะไม่ก่อให้เกิดปัญหาในวันนี้หรือจดหมายฉบับนั้นยังอยู่ในมืออูหนู?หรืออูหนูอยากข่มขู่เขา?เป็นไปไม่ได้ ถ้าหากจะข่มขู่ อูหนูก็ปรากฏตัวนานแล้ว และไม่จำเป็นต้องรอถึงตอนนี้ทันใดนั้น มีบางอย่างแลบเข้ามาในสมองเฟิงเจิ้งอวี้เงยหน้ากะทันหัน พุ่งออกไปกระชากคอเสื้อองครักษ์ลับคนหนึ่ง เสียงที่ตั้งคำถามสั่นเล็กน้อย“วันนั้น ห่อผ้าที่สกัดกั้นตรงประตูวัง แน่ใจนะว่าขวางไว้ทั้งหมดแล้ว?”ความหมายของเขาคือ ขวางห่อผ้าลับไว้หนึ่งใบ ยังมีใบอื่นอีกใช่หรือไม่? ความหมายของเขาคือ จวนอ๋องเฉินไม่ได้ส่งห่อผ้าออกไปแค่หนึ่งใบ แต่เป็นสองใบ สามใบ หรือมากกว่านั้น?องครักษ์ลับนึกถึงความเป็นไปได้นี้ย้อนหลัง พลันตื่นตระหนก“
คืนนี้ ฝนตกปรอยๆ ลมเย็นพัดผ่านเย็นเข้ากระดูก หนาวเย็นราวกับเข้าสู่ฤดูหนาวในชั่วค่ำคืนจวนอ๋องเฉิน“ฮัดชิ้ว…” เสียงจามที่ชัดเจนทำลายความเงียบของจวนอ๋อง“พระชายา คืนนี้หนาวเป็นพิเศษ รีบคลุมเสื้อคลุมให้ดี ระวังเป็นหวัดนะเจ้าคะ” เยว่เอ๋อร์คลุมเสื้อคลุมขนจิ้งจอกให้ฉู่เชียนหลีอย่างเอาใจใส่มือทั้งสองข้างของฉู่เชียนหลีซุกอยู่ในแขนเสื้อ นางสูดน้ำมูก เดินเข้าไปในเรือนหานเฟิง“ไปเรียกคนมาสองคน ยกเฟิงเย่เสวียนออกไป ข้าจะนอนเตียงของเขา”เยว่เอ๋อร์ “?”มึนงงครู่หนึ่ง “เพราะ เพราะอะไร?”“เพราะเขานอนอยู่บนเตียงหลายวันแล้ว อุ่นผ้าห่มเรียบร้อยแล้ว ต้องอุ่นแน่นอน”เยว่เอ๋อร์ “...”“นอนกับข้าไม่อุ่นกว่าหรือ?”ภายในห้อง เฟิงเย่เสวียนหยอกล้อด้วยรอยยิ้มฉู่เชียนหลีเงยหน้าขึ้น เบิกตากว้าง “เจ้าลงจากเตียงทำไม?!”เห็นเพียง เฟิงเย่เสวียนที่นอนอยู่บนเตียงสามวันสามคืน เวลานี้ยืนอยู่ข้างโต๊ะ เขาใช้สองมือยันโต๊ะ พยุงร่างกายไว้ แม้สีหน้าซีดเซียวเล็กน้อย แต่สามารถฝืนยืนได้อย่างมั่นคงแล้วหานเฟิงตั้งสติยืนอยู่ข้างๆ อย่างตื่นตัว ยกสองมือขึ้น อยู่ในท่าพร้อมยก หากนายท่านโซเซยืนไม่มั่นคง เขาสามารถเข้าไปพยุงท
ยามดึก หนาวมาก บนถนนไม่มีชาวบ้านนานแล้ว สายลมพัดผ่าน แสงเทียนสั่นไหว เงาสรรพสิ่งพลิ้วไหว เงียบสงบเป็นพิเศษในคืนที่ฝนตก ทันใดนั้นมีเสียงฝีเท้าที่ยุ่งเหยิงวิ่งผ่านอย่างรวดเร็วพั่บๆๆ…เงาคนหลายสายถูกสะท้อนไปที่กำแพง พวกเขาสวมชุดเกราะ ถือหอกยาวหรือกระบี่ยาว เดินประชิดทิศทางหนึ่งอย่างรวดเร็ว…วังหลวงประตูวังลงกลอนนานแล้ว ผู้คนในวังต่างก็พักผ่อนแล้ว มีเพียงทหารรักษาพระองค์ยืนท่ามกลางสายฝน เชิดหน้ายืดอกเฝ้าพระราชวังฝนตกหนักมากขึ้นทุกทีซ่า!ฝนสาดกระเซ็นลงมา หมอกที่มืดครึ้มลอยขึ้น นอกรัศมีเจ็ดแปดเมตรมองเห็นไม่ชัดเจน ราวกับในสายฝนอันยุ่งเหยิง เหมือนมีเสียงบางอย่างปะปนอยู่หูของทหารรักษาพระองค์ที่เฝ้าประตูขยับ เหมือนรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง เช็ดฝนบนใบหน้าทิ้ง มองไปทางบนถนนที่อยู่ไกลออกไปบนถนน มีหมอกปกคลุม มองเห็นภาพไม่ชัดเจน ทว่าในความคลุมเครือ เหมือนมีของสีดำกลุ่มหนึ่ง ค่อยๆ เข้าใกล้ราวกับกระแสน้ำขึ้น…ขยี้ตา มองอีกครั้งคลื่นน้ำ?ไม่ได้ตาฝาด!ทหารรักษาพระองค์สะกิดคนข้างๆ “นี่ จางโก๋ว เจ้าดูที่ถนนนั่นสิ มีอะไรบางอย่างใช่หรือไม่?”ทหารรักษาพระองค์ที่ชื่อจางโก๋วหันไปมอง เขาโบกมือ
จางโก๋วตกใจเล็กน้อย รู้สึกถึงความผิดปกติรางๆ กล่าวปฏิเสธอย่างอ้อมค้อม“ให้รัชทายาทเป็นห่วงแล้ว ตอนนี้มือสังหารหนี้ออกจากวังแล้ว ทหารรักษาพระองค์กำลังไปตามจับ ตอนนี้ในวังปลอดภัย ฝ่าบาทก็ปลอดภัยเช่นกัน รัชทายาทโปรดวางใจขอรับ”เขาปฏิเสธที่จะเปิดประตูวางวังหลวงเป็นสถานที่สำคัญ นอกจากทหารรักษาพระองค์ และองครักษ์ข้างกายฮ่องเต้ คนอื่นๆ ไม่อนุญาตให้พกอาวุธเข้าไปเฟิงเจิ้งอวี้ยกเปลือกตาขึ้น เหลือบมองเขาอย่างเย็นชาแวบหนึ่ง กล่าวถามเสียงดัง“ข้ามาเพื่ออารักขา หรือเจ้าสงสัยข้า?”“ข้าน้อยไม่กล้าขอรับ!”จางโก๋วตกใจจนรีบคุกเข่าทันที กล่าวอย่างตื่นตระหนก“ข้าน้อยพูดความจริงขอรับ ไม่กล้ามีเจตนาขัดคำสั่งท่าน! รัชทายาทโปรดพิจารณาขอรับ!”เหอะ!เฟิงเจิ้งอวี้หัวเราะ สถานที่ที่เขาอยากไป หาใช่มดเหล่านี้สามารถขวางทางได้?เขาตั้งใจส่งคนไปก่อเรื่องที่ทหารองครักษ์เงา ดึงดูดความสนใจเฟิงเย่เสวียน แล้วสั่งให้มือสังหารบุกรุกวังหลวง ล่อทหารรักษาพระองค์ครึ่งหนึ่งออกไป ตอนนี้ในวังเหลือทหารรักษาพระองค์เพียงแปดร้อยนายส่วนเขา นำทหารชั้นยอดมาห้าพันนาย!รอเฟิงเย่เสวียนกลับมา รอตอนที่ฮ่องเต้รู้ตัว ทุกอย่างมันก็
นางเม้มมุมปาก อิจฉาเล็กน้อย นั่งเงียบๆ อยู่ที่ข้างๆ ละสายตาไปทางอื่นเขากล่อมน้องสาวครู่หนึ่ง รู้สึกถึงความเงียบของนาง จึงเงยหน้ามอง“ทำไม ไม่พอใจแล้ว?”“หึงแล้ว?”“...”เขาจี้จุดในประโยคเดียว“โตเป็นผู้ใหญ่เช่นนี้แล้ว ยังจะหึงกับลูกสาวของตัวเองอีก หรือข้าจะถูกปีศาจน้อยสองคนนี้แย่งไปได้?”“...”นี่ทำเหมือนนางดูปัญญาอ่อนมาก และจริงจังมาก?ฉู่เชียนหลีเบะปาก“เจ้าเห็นข้าเป็นใคร โลกทัศน์ของข้าแคบเช่นนั้นเลยหรือ?”“ใช่”“?”“ใครก็ได้!”เขาลุกขึ้นทันที ส่งน้องสาวที่เพิ่งกล่อมจนสงบให้แม่นม หมุนกายก็ไปอุ้มฉู่เชียนหลี อีกทั้งยังอุ้มในท่าแนวราบ เหมือนอุ้มเด็กคนหนึ่ง แต่คนที่เขาอุ้มคือทารกที่มีอายุมากแล้ว“ไม่หึงนะ ข้ารักเจ้าคนเดียว”“?”ฉู่เชียนหลีตั้งสติได้ก็เขินอายจนหน้าแดง จะขอลงทันที แม่นมยังดูอยู่ข้างๆ นะ คำพูดที่เขาพูดมัน…ก็ไม่อายเลย!“ปล่อยข้าลงไป”“ไม่ ทั้งๆ ที่เจ้าชอบให้ข้าทำเช่นนี้กับเจ้า ไม่ใช่ข้าวใหม่ปลามันอะไรเสียหน่อย ยังจะเขินอะไรอีก?”“!”ฉู่เชียนหลีหน้าแดง จ้องเขาอย่างอายจนโกรธ“รีบปล่อยข้าลงได้แล้ว ข้าจะหึงน้องสาวได้อย่างไร ข้าเปล่านะ! ข้าเห็นน้องสาวติดเ
ดังคำกล่าวที่ว่า จากกันนานชนะคู่ใหม่ปลามัน ไม่เจอกันสามเดือน คนสองคนที่คุ้นเคยแต่ก็ไม่คุ้นเคยกอดกันแน่น เปลวไฟนิรนามถูกจุดขึ้นในใจ เมื่อลุกท่วม ก็ร้อนแรงจนสะเทือนฟ้าสะเทือนบกอย่างไม่สามารถควบคุมหนึ่งจูบที่ลึกซึ้งแน่นแฟ้นลึกล้ำคิดถึงความรักเขากระหายจนอยากกลืนนางลงท้อง อยากแทะกระดูก กัดนาง กินนาง แม้แต่ลมหายใจของนางก็กลืนลงท้องนางเริ่มต้านทานไม่ไหว สมองที่ขาดอากาศว่างเปล่า สองมือยันอยู่บนหน้าอกเขา พยายามผลักออกเขาไม่ถอย กลับกันยิ่งทับแน่นขึ้นผ่านไปเนิ่นนานกลีบริมฝีปากแยกจากกันนางหอบหายใจอย่างหนัก แทบเป็นลมแล้ว แก้มทั้งสองข้างแดงฉาน แดงจนสะดุดตา แดงจนแสบตา แดงจนทำให้เขากระวนกระวายใจ ต้องการมากกว่านี้แต่เขากลับต้องอดกลั้นนางยังอยู่ในช่วงเพิ่งคลอด ภายในหนึ่งเดือนห้ามแตะต้องมีความต้องการแต่ไม่มีที่ลง ภายใต้สถานการณ์ที่หมดหนทาง เขากัดคอนาง สูดดมแรงๆ เหมือนดับความกระหาย“อาเฉิน เจ้าทำข้าเจ็บแล้ว…”เสียงตะโกนเบาๆ ดังเข้าไปในหูเฟิงเย่เสวียน มันคือการเสแสร้งเสียงที่อ่อนโยน มันคือการอ้อนก็เหมือนกับประกายไฟถูกลมพัด พริบตานั้นลุกท่วมร่างกายเฟิงเย่เสวียน เลือดในร่าง
อ๋องเฉินกลับมาแล้ว!เมื่อข่าวนี้แพร่กระจายออกไป ทั้งจวนอ๋องเฉินครึกครื้น ผ่านไปสามเดือนเต็มๆ ในที่สุดท่านอ๋องก็กลับมาแล้ว คนทั้งจวนวิ่งไปต้อนรับที่หน้าประตู“ท่านอ๋อง!”กลับมาแล้ว!ในที่สุด!ท่านอ๋องกลับมาแล้ว ทุกคนก็เหมือนได้เสาหลักกลับคืนมา มีที่พึ่งพิง มีความมั่นใจ แม้แต่เสียงพูดก็เปี่ยมไปด้วยพลังแล้ว“เฉินเอ๋อร์ เจ้ากลับมาแล้ว ปล่อยให้แม่คิดถึงตั้งนาน!” ถงเฟยดีใจจนร้องไห้คนอื่นก็เช่นกันเฟิงเย่เสวียนโอบเอวเล็กของฉู่เชียนหลีไว้ มองดูจวนที่คุ้นเคย ใบหน้าที่คุ้นเคย สิ่งเดียวที่คิดถึงในเวลานี้คือลูก!เมื่อเดินเข้าจวน ก็ตรงไปที่เรือนหานเฟิง เข้าไปในห้อง ก็มองเห็นเด็กสองคนที่นอนอยู่ในเปลโยกสองคน!พวกนางนอนด้วยกัน เพิ่งดื่มนมอิ่ม กำลังนอนหลับสนิทกำปั้นเล็กๆ ของพี่สาวตัวอ้วนวางอยู่ที่ข้างศีรษะทั้งสองข้าง ปากน้อยๆ ที่อวบอิ่มห่อยื่นออกมาเล็กน้อย และดูดปากเป็นระยะ เหมือนกำลังนึกถึงรสชาติของนม น่ารักมากน้องสาวตัวผอมเหมือนรู้สึกไม่ปลอดภัย มือน้อยกำผ้าห่อทารกแน่น ร่างกายเล็กๆ นอนขดตัว ราวกับต้องการซ่อนตัวเองไว้ใบหน้าของเด็กที่อ่อนเยาว์สะกิดหัวใจเฟิงเย่เสวียนในพริบตา ทำให้เขา
“สวรรค์!”มีชาวบ้านเห็น ตกใจจนกรีดร้องรอตอนที่ฉู่เชียนหลีไปดู เห็นเพียงผ้าห่อทารกตกลงไปในทะเลสาบอย่างรวดเร็ว นางอยู่ห่างออกมาสิบกว่าเมตร อย่างไรก็ช่วยไม่ทันพริบตานั้น หัวใจนางเหมือนถูกมีดกรีดขณะที่ทุกคนกำลังประหม่า ในช่วงเหตุการณ์คับขัน มีร่างเงาสีหมึกสายหนึ่งพุ่งพรวดเข้ามาราวกับวิญญาณผี พลันกระโดดข้ามทะเลสาบอย่างฉับไว รับเด็กไว้แล้วร่อนลงพื้นอย่างมั่นคงปลอดภัยหายห่วง!สมองของฉู่เชียนหลีว่างเปล่าไปชั่วพริบตาหนึ่ง ขาอ่อนจนเกือบล้มลงพื้น โชคดีที่เยว่เอ๋อร์รีบประคองไว้ เมื่อยืนมั่นคงและเงยหน้ามอง ก็ต้องตะลึงอีกครั้งเขา!เขากลับมาแล้ว!เฟิงเย่เสวียน!เขายังคงสวมชุดเพ้าหมึกสีเข้ม เกล้าผมตั้งสูง ไม่เจอกันสามเดือน ผิวของเขาเข้มขึ้นเล็กน้อย มีแผลเป็นตรงแก้มหนึ่งสาย ช่วยเพิ่มความเฉียบคมให้เขาสามส่วน ระหว่างคิ้วเต็มไปด้วยแววของความเหนื่อยล้าจากการเดินทางไกล ทำให้แลดูหนักแน่นและเป็นผู้ใหญ่กว่าเมื่อก่อนฉู่เจียวเจียวตกใจมาก“อ๋องเฉิน…”เขากลับมาได้อย่างไร?เหตุใดจู่ๆ ก็โผล่ออกมาโดยไม่ให้ซุ่มไม่ให้เสียงเหมือนกับผี?เฟิงเย่เสวียนอุ้มเด็กไว้ในข้อพับแขน มืออีกข้างยกขึ้น มองนางด้วยร
รอนางกลายเป็นพระชายารัชทายาท เวลาที่ฉู่เชียนหลีพบนาง จำเป็นต้องคุกเข่าคำนับฉู่เจียวเจียวเชิดคางขึ้นเล็กน้อย เหลือบมองนางแวบหนึ่ง กล่าวราวกับประทานความเมตตา“ถ้าหากเจ้ารู้จักประมาณตน ทางที่ดีตอนนี้ออกไปจากนอกสายตาของข้า ถ้าหากข้าอารมณ์ดีแล้ว วันข้างหน้า ข้าก็จะละเว้นพิธีของการคำนับเมื่อเจ้าพบข้า”ราชโองการยังประกาศไม่ถึงจวนอ๋องหลี นางก็วางมาดของพระชายารัชทายาทแล้วกิริยานั่น น้ำเสียงนั่น ท่าทางนั่น เหมือนนกยูงรำแพนหางตัวหนึ่ง เหลือบมองฉู่เชียนหลีจากเบื้องสูงฉู่เชียนหลีหัวเราะ“พระชายารัชทายาทแล้วอย่างไร? พระชายาอ๋องหลีแล้วอย่างไร? หรือทำผิดแล้ว ไม่ต้องยอมรับผิดก็ได้?”“หรือในความเข้าใจของเจ้า เมื่อเจ้าเป็นพระชายารัชทายาท ก็สามารถใช้อำนาจบาตรใหญ่ อยากทำอะไรก็ได้?”เมื่อชาวบ้านได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าเปลี่ยนทันทีถ้าหากแม้แต่พระชายารัชทายาทก็ไร้เหตุผลเช่นนี้ เมื่อรัชทายาทขึ้นครองบัลลังก์ จะปฏิบัติต่อราษฎรอย่างดีหรือ?พระชายารัชทายาทใช้อำนาจรังแกคน อวดอ้างบารมีเช่นนี้ มีนางอยู่ ราษฎรสามารถมีชีวิตที่ดีหรือ?ฉู่เจียวเจียวรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติของชาวบ้าน นางรีบกล่าว“ฉู่เ
ฉู่เจียวเจียว “?”เมื่อหันไปมอง เห็นเพียงเต๋อฝูพาหมอหลวงสูงวัยท่านหนึ่งมารออยู่ที่ด้านข้าง และไม่รู้ว่ามาตั้งแต่เมื่อไรฉู่เชียนหลีประหลาดใจเล็กน้อย“กงกงเต๋อฝู ท่านอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”เต๋อฝูสะบัดแส้มาไว้ในข้อพับ โน้มตัวเล็กน้อย คำนับทีหนึ่ง กล่าวตอบอย่างนอบน้อม“ข้าน้อยรับบัญชาจากฝ่าบาท เดิมทีควรไปประกาศราชโองการที่จวนอ๋องหลี ตอนที่เดินผ่านตรงนี้ เห็นพระชายาทั้งสองท่านโต้เถียงไม่ลงตัว จึงสั่งให้คนเข้าวังเชิญหมอหลวงมา สุขภาพของพระนัดดาองค์โตเกี่ยวข้องกับอนาคตของราชวงศ์ ข้าน้อยไม่กล้ารอช้า”ประกาศราชโองการ?ฉู่เชียนหลีเข้าใจอะไรบางอย่างในพริบตาดูเหมือนฉู่เจียวเจียวให้กำเนิดพระนัดดาองค์โต ฝ่าบาทจึงมีราชโองการแต่งตั้งอ๋องหลีเป็นรัชทายาท…แต่ตอนนี้นางไม่มีเวลาให้คิดมาก ความสนใจทั้งหมดล้วนจดจ่ออยู่บนตัวของเด็กที่ร้องไห้ไม่หยุด“รบกวนหมอหลวงลองตรวจสุขภาพของพระนัดดาองค์โตหน่อย ว่าปลอดภัยหรือไม่?”หมอหลวงพยักหน้า เดินเข้าไปฉู่เจียวเจียวตื่นตระหนกทันที…มือที่อุ้มลูกกระชับเล็กน้อย พลางจับผ้าห่อทารกไว้แน่น แววตาสั่นไหว ลนลานเล็กน้อยแต่มาถึงขั้นนี้ นางไม่มีข้ออ้างที่จะปฏิเสธแล
เยว่เอ๋อร์สะดุ้งตกใจชาวบ้านเบิกตากว้างขณะที่เด็กกำลังจะร่วงลงบนพื้น ฉู่เชียนหลีกระโจนเข้าไป ก่อนหนึ่งวินาทีที่เขาจะตกลงบนพื้น นางรับเขาเอาไว้ได้อย่างหวุดหวิดพูดถึงก็แปลก เมื่อครู่ตอนอยู่ในอ้อมแขนพระชายา เอาแต่ร้องไห้ไม่หยุด พอมาอยู่ในอ้อมแขนของฉู่เชียนหลี เสียงร้องไห้ก็ค่อยๆ เบาลง และสงบไปในที่สุดทันใดนั้น มีเสียงตะคอกดังขึ้น“ฉู่เชียนหลี!”“เจ้าทำอะไร!”ฉู่เจียวเจียวรีบเดินเข้าไป แย่งลูกกลับคืนมาทันที“ต่อให้เจ้าไม่พอใจข้า ก็ไม่ควรโยนลูกของข้า! เจ้ารู้หรือไม่ว่าด้วยความสูงเมื่อครู่ หัวของจื่อเยี่ยชี้ลงข้างล่าง มีโอกาสที่จะคอหักตายทันที!”“เจ้าก็เป็นแม่คนเช่นกัน จิตใจอำมหิตเช่นนี้ได้อย่างไร!”นางชี้หน้าฉู่เชียนหลี ตำหนิด้วยความโกรธและเสียงดัง พูดบลาๆ ราวกับปืนกล ไม่ปล่อยให้ฉู่เชียนหลีได้พูดแทรกคนชั่วชิงร้องเรียนก่อน ก็คงประมาณนี้“อุแว้…”เด็กที่เพิ่งเงียบไปสองวินาที เริ่มร้องไห้อีกครั้งฉู่เจียวเจียวรีบกล่อม “จื่อเยี่ยเป็นเด็กดี จื่อเยี่ยไม่ร้องนะ แม่ไม่ดีเอง ล้วนเป็นเพราะแม่ไม่ดีเอง ล้วนเป็นความผิดของแม่ แม่ไม่ควรให้กำเนิดเจ้า ถ้าหากเจ้าเป็นเด็กผู้หญิง เกรงว่าคงไม่
มัวแต่ห่วงยืนกรานว่าเป็นฝีมือฉู่เชียนหลี จนลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท…ก็จริง หลังจากคลอดลูก สมรรถภาพด้านต่างๆ ของร่างกายลดลง แม้แต่ความจำก็ไม่ดีเป็นครั้งคราวอย่างที่เรียกว่าคลอดลูกหนึ่งครั้ง โง่ไปอีกสามปีจริงๆ ฉู่เชียนหลีเดินออกมาหนึ่งก้าว ยื่นมือแล้วกล่าว“ส่งเด็กมาให้ข้า”ฉู่เจียวเจียวกอดลูกแน่น ถอยหลังหนึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว“เหตุใดต้องให้เจ้าตรวจ? ข้าเชื่อใจเจ้าได้หรือ? เจ้าเป็นทักษะการแพทย์ จื่อเยี่ยมีปัญหาหรือไม่ มันก็ขึ้นอยู่กับปากของเจ้าไม่ใช่หรือ?”ในความเป็นจริง ร้อนตัวเล็กน้อยเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ยถูกพิษหรือไม่ ในใจนางรู้ดีที่สุดถ้าหากถูกเปิดโปงต่อหน้าทุกคน นางจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน และยังจะถูกชาวบ้านวิพากษ์วิจารณ์ฉู่เชียนหลีกล่าวอย่างเย็นชา“ต่อหน้าชาวบ้านมากมายเช่นนี้ ภายใต้การจ้องมองของทุกคน ถ้าหากข้าคิดจะทำอะไร สามารถหลบพ้นสายตาของทุกคนหรือ?”แม้นางโง่เพียงใด ก็ไม่ทำเรื่องที่โง่เขลาเช่นนี้เดินเข้าไปอีกครั้ง จับมุมหนึ่งของผ้าห่อทารก“ส่งเด็กให้ข้า บนร่างกายเขามีพิษหรือไม่ ข้าพิสูจน์ก็รู้เอง”ฉู่เจียวเจียวยิ่งกอดลูกแน่นแล้ว “เจตนาเจ้าไม่ดี ข้าไม่มีทางส่งจื่อเยี่ยให
“เจ้ากล้าวางยาพิษพระนัดดาองค์โต!”เสียงตะคอกของฉู่เจียวเจียวดังมาก ทำให้ชาวบ้านโดยรอบได้ยินกันทุกคน และยิ่งทำให้ชาวบ้านตกใจมากพิษ!เพราะความริษยา พระชายาอ๋องเฉินจึงวางยาพิษกับเด็กทารกที่เพิ่งคลอดได้สามวัน!สวรรค์!ทันใดนั้น สายตาของทุกคนที่มองฉู่เชียนหลีกลายเป็นแปลกประหลาด…เยว่เอ๋อร์โกรธแล้ว “พระชายาอ๋องหลี ท่านพูดเหลวไหลอะไร! พระชายาแค่อุ้มเขาครู่เดียว ยังไม่ถึงห้าอึดใจก็ถูกท่านแย่งกลับไปแล้ว จะมีพิษได้อย่างไร! นี่ท่านเป็นโรคหลงผิดหรือ?”“อุแว้…”เสียงที่ร้องไห้ไม่หยุดของเด็ก ก็เหมือนกับเป็นหลักฐานที่หนักแน่น โต้กลับคำพูดของเยว่เอ๋อร์คำพูดของเยว่เอ๋อร์ดูไม่มีน้ำหนักทันทีชาวบ้านทุกคนไม่เชื่อ เสียงวิพากษ์วิจารณ์ราวกับระลอกคลื่น“เมื่อครู่ข้าเห็นกับตา ตอนแรกพระนัดดาองค์โตไม่ได้ร้องไห้ หลังจากที่กลับถึงอ้อมแขนของแม่ ก็ร้องไห้ไม่หยุด นี่ไม่ได้แสดงให้เห็นว่ามีปัญหาหรอกหรือ?”“ใช่ พระนัดดาองค์โตต่อต้านเช่นนี้ แค่ดูก็รู้ว่าไม่สบาย”“หรือว่าถูกพิษจริงๆ?”“ถ้าหากนางฆ่าพระนัดดาองค์โตตาย ลูกสาวฝาแฝดที่นางคลอด ก็จะกลายเป็นที่โปรดปรานที่สุดในราชวงศ์แล้วไม่ใช่หรือ?”“ใช่…”เสียงก