“ซือเอ๋อร์ พวกเราไป!”พระชายารัชทายาทหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งออกจากแขนเสื้อ พลางเช็ดสองมือ หลังจากเช็ดจนสะอาดแล้ว โยนใส่หน้าฉู่หงหลวน จับมือเล็กๆ ของเฟิงเจิ้งซือคนทั้งกลุ่มจากไป“คุณหนู!”ในที่สุดไฉ่เตี๋ยที่ถูกจับกดไว้ก็ได้รับอิสรภาพ นางกระโจนเข้ามาพร้อมกับเสียงร้องไห้“คุณหนู ท่านเลือดออกแล้ว…ว้าย…เลือดเยอะมาก…พระชายารัชทายาททำเกินไปแล้ว! นางรังแกท่านเช่นนี้ได้อย่างไร!”“รัชทายาทรักท่านเช่นนั้น นางกล้า…”ใบหน้า มือ เสื้อผ้าของฉู่หงหลวน แทบไม่มีที่ใดอยู่ในสภาพสมบูรณ์ สะบักสะบอมมากนางอดทนต่อความเจ็บปวดทั่วร่าง ใช้มือที่เปื้อนเลือด เก็บหนังสือปลดขึ้นอย่างสั่นเทา เปิดออกข้างในมีตราประทับส่วนตัวของรัชทายาท หนังสือปลดฉบับนี้มีผลหากรัชทายาทสู้อ๋องเฉินไม่ได้ ถึงเวลา นางอาศัยหนังสือปลดฉบับนี้ สามารถเลี่ยงความสัมพันธ์กับจวนรัชทายาทหากรัชทายาทชนะอ๋องเฉิน อาศัยความรักที่รัชทายาทมีต่อนาง และเรื่องที่นางได้รับบาดเจ็บ สามารถแว้งไปกัดพระชายารัชทายาท ไม่แน่อาจสามารถทำให้รัชทายาทปลดพระชายารัชทายาท แต่งตั้งนางแทนไม่ว่าจะรุกหรือรับก็ทำได้นางพับหนังสือปลด ใส่เข้าไปในอกอย่างระมัดระวั
ในเวลาเดียวกัน นอกเมือง ในจุดที่ลับตาห่างออกไปหลายเมตรกลางดึก มืดมิดในความมืด กระโจมเป็นหลังๆ ผุดขึ้นจากพื้นดิน เหล่าทหารถืออาวุธ ยืดอกเชิดหน้า สามก้าวยืนหนึ่งคน ท่าทางที่เงียบสงัดและน่าเกรงขามนั่น สะท้อนให้ป่าในคืนที่มืดมิด แลดูขึงขังเป็นพิเศษ“รายงาน…”ทันใดนั้น องครักษ์ลับคนหนึ่งคนหนึ่งวิ่งเข้ากระโจมหลังหนึ่ง ฝีเท้ายุ่งเหยิง สีหน้าร้อนใจ“นาย นายท่าน แย่แล้ว…ราย รายงานจากจวน ช่วงบ่ายวันนี้ อูหนูเคยไปที่จวนรัชทายาท เข้าห้องหนังสือของท่าน หลังจากนั้น หลังจากนั้น…ก็ไปจวนอ๋องเฉิน…”“อะไรนะ?!”บนเก้าอี้หลัก เฟิงเจิ้งอวี้ลุกขึ้นฉับพลัน สีหน้าเปลี่ยนไปโดยตรงอูหนู ห้องหนังสือ จวนอ๋องเฉิน…ทุกอย่างในห้องหนังสือล้วนเป็นความลับ! และยังมีสิ่งของหลายอย่างที่คนเห็นไม่ได้!อูหนูไปเข้ากับเฟิงเย่เสวียนแล้ว?บ้าจริง!หญ้าบนกำแพง[footnoteRef:1]! [1: หญ้าบนกำแพง เปรียบเปรยหญ้าที่คล้อยไปตามสายลม] สีหน้าเฟิงเจิ้งอวี้มืดมน จ้ององครักษ์ลับด้วยความโกรธ “เรื่องที่เกิดขึ้นตอนบ่าย ทำไมถึงเพิ่งรายงานตอนนี้!”“ไร้ประโยชน์!”พุ่งพรวดออกไปก็ถีบ ทำเอาองครักษ์ลับหน้าหงายกลิ้งสองตลบองครักษ์ลับไ
นางชูมือยอมจำนน ยืนห่างออกไปหลายก้าวโดยดี แต่สายตาที่ยิ้มลึกนั่นจับจ้องมาที่เฟิงเย่เสวียนตลอด ไม่เพียงไม่ถ่อมตน กลับยิ่งดูสนใจมากขึ้นอูหนูออกไปเฟิงเย่เสวียนเก็บมีด โยนไปที่โต๊ะเล็กๆ ข้างเตียง แล้วคว้าจอกเหล้าขึ้นในแววตา มีประกายที่เหี้ยมโหด “พี่ใหญ่ ท่านต้องชอบของขวัญที่ข้าเตรียมไว้ให้ท่านอย่างพิถีพิถันนะ!”เงยหน้า เหล้าลงท้อง เผ็ดร้อนมาก และทำให้แผลที่ท้องชา ไม่เจ็บเลยสักนิด แต่ก็ยังไม่สามารถลุกขึ้นยกจอกเหล้า “ใครก็ได้!”หานเฟิงวิ่งเข้ามา “นายท่าน”“พระชายาล่ะ?”“พระชายาไปเดินตลาดแล้วขอรับ ตอนนี้ยังไม่กลับมา”เฟิงเย่เสวียนขมวดคิ้ว กวาดมองท้องฟ้านอกหน้าต่างแวบหนึ่ง นี่ก็ดึกมากแล้ว เวลานี้ยังเดินตลาด? ไม่ควรเป็นห่วงสามีที่รักที่บาดเจ็บสาหัส นอนอยู่บนเตียง ขยับตัวไม่ได้เสียหน่อยหรือ?“พระชายากลับมาแล้วบอกข้าด้วย”“ขอรับ!”นอนลง หลับตา ทว่ากระปรี้กระเปร่ามาก ไม่ว่าจะนอนอย่างไรก็นอนไม่หลับ ระหว่างยามว่าง รู้สึกเบื่อหน่ายก็เริ่มทำท่าออกกำลังกายที่ฉู่เชียนหลีสอนขยับแขน ขยับขา แกว่งคอ จะไม่เป็นบ้าหลังจากทำหลายรอบ เหมือนสบายขึ้นเล็กน้อยยามจื่อ[footnoteRef:1] [1: ยามจื่
“นายท่าน ท่านใจเย็นๆ ก่อน! พระชายารักท่านมากนะขอรับ ไม่ว่าจะทำอะไร ในใจก็มีท่านเสมอ” หานเฟิงรีบกล่าวปลอบใจ“อย่างเช่นเรื่องของหอบำเรอชิงเฟิง นางไม่เพียงไถ่ตัวชายรับใช้ข้างกายให้ตัวเองหนึ่งคน ยังได้ไถ่ตัวชายรับใช้ข้างกายให้ท่านอีกคนด้วย เอาใจใส่มากเลยใช่ไหมล่ะ?”เฟิงเย่เสวียน “?”พลันหายใจไม่ทัน สองมืออ่อนแรง หมดสติไปโดยตรง“นายท่าน! ท่านไม่เป็นอะไรกระมัง?”“นายท่าน!”เฟิงเย่เสวียนไม่รู้ว่าตนเองไปทำเวรทำกรรมอะไรไว้ แต่ว่าพลางหักนิ้ว พลางครุ่นคิด เหมือนเขาจะไม่ได้ทำอะไรผิดนะ ฉู่เชียนหลีโกรธอะไรเขา?เด็กผู้หญิงคนนี้ ชาติที่แล้วเป็นปลาปักเป้ากระมัง?พูดอะไรไม่ถูกใจนิดหน่อยก็ระเบิดหนามรอนางกลับมา จะต้องทำให้นางรู้ว่า ในบ้านนี้ใครใหญ่สุด!รุ่งเช้าระหว่างกึ่งหลับกึ่งตื่น ได้ยินเสียงที่คลุมเครือ…“แหม อวิ๋นอิงของเราเก่งจริงๆ ดูวิชากระบี่นี่ รูปร่างนี่ วีรสตรีผู้กล้าหาญชัดๆ ต่อไปคนที่ไม่ทนกระทืบ ไม่มีใครกล้าแต่งงานกับเจ้าแล้ว”“เยว่เอ๋อร์ฉลาดจริงๆ ขนมนี่ยิ่งทำยิ่งอร่อยแล้ว…”“อ๊ะ…”เฟิงเย่เสวียนค่อยๆ ตื่นขึ้น สมองวิงเวียนและหนักอึ้ง ยังรู้สึกมึนงงเล็กน้อย นอนนานเกินไป เสียเลือด
หาไม่เจอต่อให้ขุดดินห้องหนังสือลึกลงไปสามฟุต พลิกฟ้าพลิกแผ่นดินก็หาไม่เจอ“นายท่าน ไม่มีขอรับ”“ทางนี้ก็ไม่มีขอรับ…”“ไม่มีขอรับ…”ภายในห้องหนังสือที่ยุ่งเหยิง เฟิงเจิ้งอวี้ยืนอยู่ตรงใจกลางสุด อยู่ท่ามกลางความยุ่งเหยิง สองมือไขว้หลัง ดวงตาปิดสนิทมาโดยตลอดเขาประมาทเกินไป!ตอนนั้น หลังจากเหตุการณ์โรคระบาดในเมืองตงหนิงถูกเปิดเผย เขาก็ไม่ควรเก็บอูหนูไว้แล้ว หากฆ่าอูหนูทิ้งตั้งแต่แรก ก็จะไม่ก่อให้เกิดปัญหาในวันนี้หรือจดหมายฉบับนั้นยังอยู่ในมืออูหนู?หรืออูหนูอยากข่มขู่เขา?เป็นไปไม่ได้ ถ้าหากจะข่มขู่ อูหนูก็ปรากฏตัวนานแล้ว และไม่จำเป็นต้องรอถึงตอนนี้ทันใดนั้น มีบางอย่างแลบเข้ามาในสมองเฟิงเจิ้งอวี้เงยหน้ากะทันหัน พุ่งออกไปกระชากคอเสื้อองครักษ์ลับคนหนึ่ง เสียงที่ตั้งคำถามสั่นเล็กน้อย“วันนั้น ห่อผ้าที่สกัดกั้นตรงประตูวัง แน่ใจนะว่าขวางไว้ทั้งหมดแล้ว?”ความหมายของเขาคือ ขวางห่อผ้าลับไว้หนึ่งใบ ยังมีใบอื่นอีกใช่หรือไม่? ความหมายของเขาคือ จวนอ๋องเฉินไม่ได้ส่งห่อผ้าออกไปแค่หนึ่งใบ แต่เป็นสองใบ สามใบ หรือมากกว่านั้น?องครักษ์ลับนึกถึงความเป็นไปได้นี้ย้อนหลัง พลันตื่นตระหนก“
คืนนี้ ฝนตกปรอยๆ ลมเย็นพัดผ่านเย็นเข้ากระดูก หนาวเย็นราวกับเข้าสู่ฤดูหนาวในชั่วค่ำคืนจวนอ๋องเฉิน“ฮัดชิ้ว…” เสียงจามที่ชัดเจนทำลายความเงียบของจวนอ๋อง“พระชายา คืนนี้หนาวเป็นพิเศษ รีบคลุมเสื้อคลุมให้ดี ระวังเป็นหวัดนะเจ้าคะ” เยว่เอ๋อร์คลุมเสื้อคลุมขนจิ้งจอกให้ฉู่เชียนหลีอย่างเอาใจใส่มือทั้งสองข้างของฉู่เชียนหลีซุกอยู่ในแขนเสื้อ นางสูดน้ำมูก เดินเข้าไปในเรือนหานเฟิง“ไปเรียกคนมาสองคน ยกเฟิงเย่เสวียนออกไป ข้าจะนอนเตียงของเขา”เยว่เอ๋อร์ “?”มึนงงครู่หนึ่ง “เพราะ เพราะอะไร?”“เพราะเขานอนอยู่บนเตียงหลายวันแล้ว อุ่นผ้าห่มเรียบร้อยแล้ว ต้องอุ่นแน่นอน”เยว่เอ๋อร์ “...”“นอนกับข้าไม่อุ่นกว่าหรือ?”ภายในห้อง เฟิงเย่เสวียนหยอกล้อด้วยรอยยิ้มฉู่เชียนหลีเงยหน้าขึ้น เบิกตากว้าง “เจ้าลงจากเตียงทำไม?!”เห็นเพียง เฟิงเย่เสวียนที่นอนอยู่บนเตียงสามวันสามคืน เวลานี้ยืนอยู่ข้างโต๊ะ เขาใช้สองมือยันโต๊ะ พยุงร่างกายไว้ แม้สีหน้าซีดเซียวเล็กน้อย แต่สามารถฝืนยืนได้อย่างมั่นคงแล้วหานเฟิงตั้งสติยืนอยู่ข้างๆ อย่างตื่นตัว ยกสองมือขึ้น อยู่ในท่าพร้อมยก หากนายท่านโซเซยืนไม่มั่นคง เขาสามารถเข้าไปพยุงท
ยามดึก หนาวมาก บนถนนไม่มีชาวบ้านนานแล้ว สายลมพัดผ่าน แสงเทียนสั่นไหว เงาสรรพสิ่งพลิ้วไหว เงียบสงบเป็นพิเศษในคืนที่ฝนตก ทันใดนั้นมีเสียงฝีเท้าที่ยุ่งเหยิงวิ่งผ่านอย่างรวดเร็วพั่บๆๆ…เงาคนหลายสายถูกสะท้อนไปที่กำแพง พวกเขาสวมชุดเกราะ ถือหอกยาวหรือกระบี่ยาว เดินประชิดทิศทางหนึ่งอย่างรวดเร็ว…วังหลวงประตูวังลงกลอนนานแล้ว ผู้คนในวังต่างก็พักผ่อนแล้ว มีเพียงทหารรักษาพระองค์ยืนท่ามกลางสายฝน เชิดหน้ายืดอกเฝ้าพระราชวังฝนตกหนักมากขึ้นทุกทีซ่า!ฝนสาดกระเซ็นลงมา หมอกที่มืดครึ้มลอยขึ้น นอกรัศมีเจ็ดแปดเมตรมองเห็นไม่ชัดเจน ราวกับในสายฝนอันยุ่งเหยิง เหมือนมีเสียงบางอย่างปะปนอยู่หูของทหารรักษาพระองค์ที่เฝ้าประตูขยับ เหมือนรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง เช็ดฝนบนใบหน้าทิ้ง มองไปทางบนถนนที่อยู่ไกลออกไปบนถนน มีหมอกปกคลุม มองเห็นภาพไม่ชัดเจน ทว่าในความคลุมเครือ เหมือนมีของสีดำกลุ่มหนึ่ง ค่อยๆ เข้าใกล้ราวกับกระแสน้ำขึ้น…ขยี้ตา มองอีกครั้งคลื่นน้ำ?ไม่ได้ตาฝาด!ทหารรักษาพระองค์สะกิดคนข้างๆ “นี่ จางโก๋ว เจ้าดูที่ถนนนั่นสิ มีอะไรบางอย่างใช่หรือไม่?”ทหารรักษาพระองค์ที่ชื่อจางโก๋วหันไปมอง เขาโบกมือ
จางโก๋วตกใจเล็กน้อย รู้สึกถึงความผิดปกติรางๆ กล่าวปฏิเสธอย่างอ้อมค้อม“ให้รัชทายาทเป็นห่วงแล้ว ตอนนี้มือสังหารหนี้ออกจากวังแล้ว ทหารรักษาพระองค์กำลังไปตามจับ ตอนนี้ในวังปลอดภัย ฝ่าบาทก็ปลอดภัยเช่นกัน รัชทายาทโปรดวางใจขอรับ”เขาปฏิเสธที่จะเปิดประตูวางวังหลวงเป็นสถานที่สำคัญ นอกจากทหารรักษาพระองค์ และองครักษ์ข้างกายฮ่องเต้ คนอื่นๆ ไม่อนุญาตให้พกอาวุธเข้าไปเฟิงเจิ้งอวี้ยกเปลือกตาขึ้น เหลือบมองเขาอย่างเย็นชาแวบหนึ่ง กล่าวถามเสียงดัง“ข้ามาเพื่ออารักขา หรือเจ้าสงสัยข้า?”“ข้าน้อยไม่กล้าขอรับ!”จางโก๋วตกใจจนรีบคุกเข่าทันที กล่าวอย่างตื่นตระหนก“ข้าน้อยพูดความจริงขอรับ ไม่กล้ามีเจตนาขัดคำสั่งท่าน! รัชทายาทโปรดพิจารณาขอรับ!”เหอะ!เฟิงเจิ้งอวี้หัวเราะ สถานที่ที่เขาอยากไป หาใช่มดเหล่านี้สามารถขวางทางได้?เขาตั้งใจส่งคนไปก่อเรื่องที่ทหารองครักษ์เงา ดึงดูดความสนใจเฟิงเย่เสวียน แล้วสั่งให้มือสังหารบุกรุกวังหลวง ล่อทหารรักษาพระองค์ครึ่งหนึ่งออกไป ตอนนี้ในวังเหลือทหารรักษาพระองค์เพียงแปดร้อยนายส่วนเขา นำทหารชั้นยอดมาห้าพันนาย!รอเฟิงเย่เสวียนกลับมา รอตอนที่ฮ่องเต้รู้ตัว ทุกอย่างมันก็
อันธพาลเจ็บจนกรีดร้องเหมือนหมูโดนเชือด “อ๊ะๆ!”ยังไม่ทันได้พักหายใจ ก็โดนถีบจนไปกลิ้งอยู่บนพื้น รองเท้าปักลายดอกไม้เหยียบลงบนหน้าอก หนักจนทำให้เขาหายใจไม่ออก กระอักเลือดออกมา“พู่!”เขากอดต้นขาของอวิ๋นอิง อยากดิ้นให้หลุด แต่หาของอวิ๋นอิงกดทับอยู่บนร่างกายของเขาเหมือนเหล็กกล้า และเขาก็เหมือนกับปลาตัวหนึ่งที่ถูกตอกตะปูอยู่บนเขียง พยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แต่ก็ดิ้นไม่หลุดเจอผีแล้ว!ทั้งที่นางผอมเช่นนี้ เหตุใดจึงมีแรงมากเช่นนี้?ผู้หญิงคนนี้ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือ?ชาวบ้านก็ตะลึงเช่นกันอวิ๋นอิงอุ้มลูกสาวไว้ด้วยมือข้างเดียว ค่อยๆ ก้มลง ยกฝ่ามืออีกข้าง เหวี่ยงไปที่ใบหน้าของอันธพาลโดยตรง“ข้าสั่งให้เจ้าเก็บ”เพียะ!“ไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ?”เพียะ!“หูหนวกหรือ?”เพียะ!หนึ่งประโยค หนึ่งฝ่ามือ ตบจนอันธพาลหันซ้ายหันขวา มุมปากแตกมีเลือดไหล หูอื้อ สะบักสะบอมเหมือนสุนัขจรจัดตัวหนึ่ง ไม่หลงเหลือความฮึกเหิมของก่อนหน้านี้เลย“ลูกพี่!”ลิ่วล้อสามคนคว้าโต๊ะเก้าอี้และท่อนไม้ที่อยู่ข้างๆ ฟาดไปทางอวิ๋นอิงอย่างแรงอวิ๋นอิงกระโดนหมุนตัวเตะพวกเขาสามคนจนลอยกระเด็นออกไปไกลเจ็ดแปดเมตร โดยไม่หั
ตงหลิงเจียงหนาน ทำเนียบสามเดือนที่พระชายาจากไป อ๋องเฉินเอาแต่เก็บตัว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลก หานเฟิงต้องรับผิดชอบงานแทนทุกอย่าง เมื่อนานวันเข้า โลกภายนอกต่างกำลังคาดเดา จิตใจของอ๋องเฉินได้รับกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ล้มแล้วลุกไม่ขึ้น เกรงว่าเหลือเวลาอีกไม่นานแล้วช่วงนี้ ในที่สุดอาการบาดเจ็บของจิ่งอี้ก็ดีขึ้นแล้วอาการบาดเจ็บทางกระดูกหรือเส้นเอ็น ต้องรักษาอย่างน้อยหนึ่งร้อยวันในที่สุดกระดูกซี่โครงที่หักสองซี่ก็หายดีแล้ว สามารถขี่ม้าได้แล้ว ตอนนั้นเขาบอกว่าจะนำทัพกลับแคว้นซีอวี้ทันทีแต่ก่อนไป เขาถามเหมือนไม่ใส่ใจ“เหตุใดไม่เจอแม่นางอวิ๋นอิงเลย?”จ้านหูจริงจังขึ้นมาทันที เขาตอบ“องค์ชายใหญ่ ข้าจะส่งคนไปสืบเดี๋ยวนี้!”“ไม่ต้อง”หลังจากปฏิเสธอย่างเฉยเมย ปีนขึ้นหลังม้า ขี่ออกไปคนเดียวแล้วจ้านหู “?”หมายความว่าอย่างไร?ตอนที่องค์ชายใหญ่หมดสติ แม้อวิ๋นอิงบอกว่าไม่สนใจ แต่แอบมาเยี่ยมองค์ชายใหญ่ตอนดึกดื่นเวลาที่ไม่มีคนองค์ชายใหญ่ก็อีกคน ทั้งที่คิดถึงอวิ๋นอิง แต่ไม่ยอมรับในใจของพวกเขาสองคนล้วนมีอีกฝ่าย ลูกสาวก็อายุเกือบครึ่งขวบแล้ว เหตุใดไม่ลองเปิดใจสักนิดแล้วอยู่ด้วยกันเลย
คืนแรกที่มาถึงต่างโลก ฉู่เชียนหลีฝันในความฝัน นางอยู่บนสนามรบ สู้จนตัวตาย เลือดไหลเป็นแม่น้ำ น่าสลดใจนัก…ในความฝัน นางได้ต่อสู้ร่วมกับชายคนหนึ่งที่มองไม่เห็นใบหน้า ร่วมเป็นร่วมตาย และยังมีเสียงที่นุ่มนิ่มของเด็ก เรียก ‘ท่านแม่’ ครั้งแล้วครั้งเล่าในความฝัน ราวกับนางได้รับความอยุติธรรมครั้งใหญ่ หัวใจเจ็บปวด และพยายามอธิบายสุดชีวิต แต่พวกคนที่เรียกตัวเองว่า ‘ครอบครัว’ ไม่เชื่อนาง และยังบีบคั้นนางสู่เส้นทางที่สิ้นหวังในความฝัน…มีคนกำลังเรียกนาง‘เชียนหลี…เชียนหลี…’ฉึก!ฉู่เชียนหลีลืมตาฉับพลัน ท้องฟ้าข้างนอกสว่างแล้ว แสงแดดอุ่นๆ ยามเช้าสาดส่องเข้ามา สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของอากาศ สงบมากนางรู้สึกเวียนศีรษะ และแน่นหน้าอกราวกับนางอยู่ในความฝันอันยาวนานจริงๆนางได้รับความอยุติธรรมนางถูกคนในครอบครัวฆ่าตายแต่เหตุใดนางจำผู้ชายที่เรียกนาง และภาพที่เรียกนางว่า ‘ท่านแม่’ ไม่ได้เลย“องค์หญิง ท่านตื่นแล้ว”เมื่ออ้ายอ้ายได้ยินเสียง ถือกะละมังน้ำอุ่นกับเครื่องใช้เข้ามาปรนนิบัติฉู่เชียนหลีนวดขมับ อยู่ในอาการเหม่อลอย แขนขาอ่อนแรง ไม่มีแรงขยับ ดึงผ้าห่มออก ลงจากเตียง สวมรองเท้
สาวใช้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็รีบฝนหมึกอย่างเชื่อฟังมองดูองค์หญิงรีบหยิบพู่กัน เขียนอะไรบางอย่าง ท่าทางที่รีบร้อนนั่น เมื่อก่อนเวลาที่นังเป็นห่วงคุณชายเซิ่น ยังไม่รีบร้อนเช่นนี้เลยองค์หญิงกระโดดสระน้ำ หมดสติไปสามวัน หลังจากฟื้น ก็เปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย?นิสัยเปลี่ยนไปน้ำเสียงเปลี่ยนไปแต่เมื่อลองตั้งใจมอง องค์หญิงยังคงเป็นองค์หญิง ยังคงเป็นใบหน้าที่คุ้นเคยฉู่เชียนหลีเขียนอย่างรวดเร็ว…อ๋องเฉินเป็นอย่างไรบ้าง ข้าอยู่แคว้นหนานยวน…พลางเขียน พลางกล่าวอย่างรีบร้อน “รีบไปหาคน ช่วยข้าส่งจดหมายฉบับนี้ไปให้อ๋องเฉินที่ตงหลิงเจียงหนาน”นางอยากบอกความจริงกับเฟิงเย่เสวียน ต่อให้ตนลืมแล้ว แต่เฟิงเย่เสวียนจำนางได้เขาจะต้องมาหานางแน่นอนไม่ช้าก็เร็วสักวัน พวกเขาครอบครัวสี่คนจะอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา“อ๋องเฉินแห่งตงหลิงเจียงหนาน?”สาวใช้เกาศีรษะด้วยความสงสัย “องค์หญิง ท่านส่งจดหมายให้อ๋องเฉินทำไม? ท่านรู้จักอ๋องเฉินตั้งแต่เมื่อไร?”ฉู่เชียนหลีรีบกล่าว“อธิบายกับเจ้าไม่ได้ แต่ความสัมพันธ์ของข้ากับอ๋องเฉินไม่ธรรมดา…อ๋องเฉิน? อ๋องเฉินตงหลิง?”เงยหน้าฉับพลัน“ข้ารู้จักอ๋องเฉ
ทุกคน “...”สีหน้าฮ่องเต้หนานยวนดูไม่ดีนัก เซิ่ยซือเฉินเป็นแค่บัณฑิตคนหนึ่ง เพื่อบัณฑิตคนหนึ่ง ต้องทุ่มสุดตัวเช่นนี้เลย ต้องตื่นเต้นเช่นนี้เลย?ในฐานะองค์หญิง ไม่ควรมองให้ไกลกว่านี้หน่อยหรือ?เพื่อป้องกันจวินลั่วยวนทำร้ายตัวเอง เขาออกคำสั่ง มัดมือและเท้าของนางโดยตรงจวินลั่วยวนขยับไม่ได้แล้วเห็นท่าทางที่จะยิ้มไม่ยิ้มของฉู่เชียนหลี และยังเลิกคิ้วอย่างยั่วยุ นางโมโหจนแทบกัดลิ้นฆ่าตัวตายหลังจากเหตุการณ์ที่วุ่นวาย ไปจากตำหนักองค์หญิงฉู่เชียนหลีกับหลิงอี้ซิงเดินเคียงข้างกันจากไป เมื่ออารมณ์ดี จังหวะการเดินก็ผ่อนคลายเป็นพิเศษ อดไม่ได้ที่จะฮัมเพลงเบาๆฮัมไปฮัมมา จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าหลิงอี้ซิงเป็นผู้มีจิตใจเมตตา อุทิศตนให้กับความดีและคุณธรรมหยุดฝีเท้าหันไปถาม “ท่านพี่ ท่านน่าจะเห็นกระมัง ว่าข้าจงใจรังแกจวินลั่วยวน?”หลิงอี้ซิงเดินตามปกติ สายตามองไปข้างหน้า พยักหน้าอย่างเกียจคร้าน ตอบสั้นๆ เพียงคำเดียว“อืม”“ท่านไม่รู้สึกว่าข้านิสัยไม่ดีหรือ?”เขาหยุดเดินหันมามองนาง กล่าวอย่างจริงจัง “ที่เจ้ารังแกนาง นั่นก็ต้องเป็นเพราะนางล่วงเกินเจ้าก่อนแน่นอน ล้วนเป็นความผิดของนาง”เขาไ
“ยวนเอ๋อร์! ยวนเอ๋อร์!” ฮ่องเต้หนานยวนร้อนใจจนหน้าถอดสี “ใครก็ได้ ใครก็ได้รีบมาเร็ว ยวนเอ๋อร์เสียเลือดมากเกินไป หมดสติไปแล้ว!”จวินลั่วยวนที่ ‘เสียเลือดมากเกินไปจนหมดสติ’ “...”เจ้าน่ะสิที่เสียเลือดมากเกินไปเจ้าเสียเลือดมากเกินไปทั้งครอบครัว!หมอหลวงมาอย่างรวดเร็ว หลังจากทำแผลให้จวินลั่วยวนเสร็จ ถอนหายใจด้วยความกังวล “สามเดือนแล้ว ในที่สุดเอ็นขององค์หญิงก็เชื่อมต่อกัน คิดไม่ถึงว่าขาดอีกแล้ว ความพยายามในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาล้วนสูญเปล่า” ต่อจากนี้ก็ต้องใช้เวลาอีกสามเดือน เปิดบาดแผล บำรุงเอ็นทุกวันเมื่อฉู่เชียนหลีได้ยินคำนี้ เบ้าตาแดงฉับพลัน“ล้วนเป็นความผิดของข้า…”นางดึงชายเสื้อของหลิงอี้ซิง กล่าวเสียงสะอึก“ท่านพี่ ข้ามันไม่ดี ต้องเป็นเพราะเรื่องของคุณชายเซิ่นแน่ องค์โกรธข้า ไม่ชอบข้า จึงฟาดมือของตัวเองใส่เสา เพื่อเป็นการแสดงความรังเกียจต่อข้า”“ข้าทำร้ายนาง ฮือๆ…”หลิงอี้ซิงรักน้องสาว ทุกคนในแคว้นหนานยวนรู้เรื่องนี้แล้วฮ่องเต้หนานยวนกล่าวโทษนางได้อย่างไร?กลับกัน เขายังต้องขอร้องหลิงอี้ซิงทักษะการทำนายของหลิงอี้ซิงมีเพียงหนึ่งเดียวในใต้ฟ้า ตลอดหลายปีที่เขานั่งตำแหน
ระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน นางค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้เตียง จวินลั่วยวนนอนหลับแล้ว ไม่ได้เคลื่อนไหวเป็นเวลานาน หน้าซีดซูบผอม เหลือแต่หนังหุ้มกระดูกฉู่เชียนหลีเหลือบมองแวบหนึ่ง“เหตุใดข้อมือของนางยังมีเลือด?”สามเดือนแล้ว แผลยังไม่หาย?นางกำนัลที่อยู่ข้างๆ ตอบ“หมอหลวงบอกว่า จะใช้ยาพิเศษรักษาเอ็นมือและเท้าที่ขาดขององค์หญิง จำเป็นต้องเปิดแผล ขยับเอ็นที่ขาดไปรวมกันทุกวัน จนกระทั่งเชื่อมต่อกัน”“ฮืม?”ฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วด้วยความสนใจเช่นนี้ก็เท่ากับว่า จวินลั่วยวนต้องทนกับความเจ็บปวดที่ใช้มีดเปิดปากแผลทุกวันติดต่อกันสามเดือนเต็มๆ น่าสังเวชน่าจะเจ็บมากกระมัง?นางค่อยๆ นั่งลง จับข้อมือของจวินลั่วยวนเบาๆ มองผ้าพันแผลที่ถูกพันห้าหกรอบอย่างครุ่นคิดทันใดนั้นออกแรงกดที่นิ้ว“ซี้ด…!”จวินลั่วยวนเจ็บจนตื่น ลืมตาทันทีฉู่เชียนหลีรีบปล่อยมือ “โอ๊ย…ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจแตะตัวท่าน ดูท่านเจ็บมากเลยนะ ขอโทษจริงๆ”“!”หลินเหยี่ยมาอยู่ในตำหนักของนางได้อย่างไร?นางรังเกียจผู้หญิงคนนี้ที่สุด!อาศัยที่พี่ชายของตัวเองเป็นราชครู แสร้งทำเป็นช่วยเหลือชาวบ้าน ทำแต่ความดีทุกวัน มีแต่คนบอกว่าองค์หญ
เซิ่นสือเฉิน “?”เหตุใดวันนี้รู้สึกว่าหลิงเหยี่ยแปลกๆ?เมื่อก่อนนางชอบเขามากเลยไม่ใช่หรือ? เวลาที่เขาอ่านหนังสือ นางชอบมาอยู่ข้างๆ ฝนหมึกพัดลมให้เขา เวลาที่เขาเขียนหนังสือ นางชอบแอบที่นอกหน้าต่าง จับจิ้งหรีดเล่น เวลาที่เขางีบหลับ นางมักจะชงชาหิมะชั้นดีมาให้เขานางยังบอกว่าจะแต่งงานกับเขาคนเดียวเหตุใดแค่วันเดียว ก็ปล่อยวางได้แล้ว?“องค์หญิงหลิง ข้าขอโทษ” เขากล่าวอย่างรู้สึกผิดที่จริงเขาก็ชอบหลิงเหยี่ยเช่นกัน แต่องค์หญิงยวนบอกเขาว่าหลิงเหยี่ยนิสัยไม่ดี ชอบรังแกคนรับใช้ หาเรื่องชาวบ้าน ใส่ร้ายโยนความผิดให้ผู้อื่นด้วยวิธีที่น่ารังเกียจ และทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายเขาเป็นคนเรียนหนังสือ นิสัยซื่อตรง ไม่สามารถยอมรับคนที่จิตใจอำมหิตอย่างหลิงเหยี่ยเมื่อเปรียบเทียบกัน เขาชอบจวินลั่วยวนที่ไร้เดียงสา จิตใจดี และร่าเริงมากกว่า“เมื่อก่อนท่านส่งข้าเรียนหนังสือ ช่วยข้าหาอาจารย์ ใช้เส้นสาย ทำให้ข้าสอบติดขุนนาง…บุญคุณส่วนนี้ ข้า ข้าทำได้เพียงตอบแทนท่านชาติหน้าแล้ว…”ฉู่เชียนหลียิ้มอย่างอ่อนโยน“ไม่เป็นไร แค่เรื่องเล็กน้อย”“ได้ยินมาว่าองค์หญิงยวนได้รับบาดเจ็บ พวกเราเข้าวังไปดูนางกันเ
องค์หญิง?คุณชายเซิ่น?ฉู่เชียนหลีไม่ได้รับความทรงจำใดๆ เพิ่งมาที่นี่ครั้งแรก สับสนและงงงวยเล็กน้อยยังไม่ทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีเสียงฝีเท้าที่ยุ่งเหยิงและเสียงต่อต้านดังมาจากนอกประตู “ใต้เท้าหลิง! ใต้เท้าหลิง ต่อให้ท่านบีบคั้นข้าจนตาย ข้าก็ไม่แต่งงานกับนาง!”“ตั้งแต่ต้นจนจบ ในใจข้ามีเพียงองค์หญิงยวนเอ๋อร์เท่านั้น!”ยวนเอ๋อร์?องค์หญิง?ฉู่เชียนหลีเงยหน้ามองไป เห็นชายหนุ่มสวมชุดเพ้าสีขาวและที่ครอบผมหยก กำลังลากผู้ชายที่ท่าทางสุภาพเหมือนคนเรียนหนังสือเข้ามานางตระหนักถึงบางอย่าง รีบดึงสาวใช้ที่อยู่ข้างกายมาถามเบาๆ“ที่นี่คือแคว้นหนานยวน?”สาวใช้ “?”องค์หญิงเป็นอะไรไป?เหตุใดถามคำถามเช่นนี้?“องค์หญิง ท่าน…”“อย่าพูดไร้สาระ ตอบข้า!”สาวใช้ตกใจ รีบกล่าว “ท่านคือหลิงเหยี่ย องค์หญิงต่างแซ่ของแคว้นหนานยวน ใต้เท้าคือมหาราชครูของแคว้นหนวนยวน เป็นพี่ชายแท้ๆ ของท่าน เพราะใต้เท้าชำนาญการทำนาย เคยช่วยแคว้นสามครั้ง สร้างคุณประโยชน์มากมาย ท่านจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์หญิงต่างแซ่…”คำพูดที่เหลือ ฉู่เชียนหลีมองข้ามโดยตรงสิ่งเดียวที่นางคิดคือ นางถูกส่งมาเป็นองค์หญิงต่างแซ่ อีกท