คืนนี้ ฝนตกปรอยๆ ลมเย็นพัดผ่านเย็นเข้ากระดูก หนาวเย็นราวกับเข้าสู่ฤดูหนาวในชั่วค่ำคืนจวนอ๋องเฉิน“ฮัดชิ้ว…” เสียงจามที่ชัดเจนทำลายความเงียบของจวนอ๋อง“พระชายา คืนนี้หนาวเป็นพิเศษ รีบคลุมเสื้อคลุมให้ดี ระวังเป็นหวัดนะเจ้าคะ” เยว่เอ๋อร์คลุมเสื้อคลุมขนจิ้งจอกให้ฉู่เชียนหลีอย่างเอาใจใส่มือทั้งสองข้างของฉู่เชียนหลีซุกอยู่ในแขนเสื้อ นางสูดน้ำมูก เดินเข้าไปในเรือนหานเฟิง“ไปเรียกคนมาสองคน ยกเฟิงเย่เสวียนออกไป ข้าจะนอนเตียงของเขา”เยว่เอ๋อร์ “?”มึนงงครู่หนึ่ง “เพราะ เพราะอะไร?”“เพราะเขานอนอยู่บนเตียงหลายวันแล้ว อุ่นผ้าห่มเรียบร้อยแล้ว ต้องอุ่นแน่นอน”เยว่เอ๋อร์ “...”“นอนกับข้าไม่อุ่นกว่าหรือ?”ภายในห้อง เฟิงเย่เสวียนหยอกล้อด้วยรอยยิ้มฉู่เชียนหลีเงยหน้าขึ้น เบิกตากว้าง “เจ้าลงจากเตียงทำไม?!”เห็นเพียง เฟิงเย่เสวียนที่นอนอยู่บนเตียงสามวันสามคืน เวลานี้ยืนอยู่ข้างโต๊ะ เขาใช้สองมือยันโต๊ะ พยุงร่างกายไว้ แม้สีหน้าซีดเซียวเล็กน้อย แต่สามารถฝืนยืนได้อย่างมั่นคงแล้วหานเฟิงตั้งสติยืนอยู่ข้างๆ อย่างตื่นตัว ยกสองมือขึ้น อยู่ในท่าพร้อมยก หากนายท่านโซเซยืนไม่มั่นคง เขาสามารถเข้าไปพยุงท
ยามดึก หนาวมาก บนถนนไม่มีชาวบ้านนานแล้ว สายลมพัดผ่าน แสงเทียนสั่นไหว เงาสรรพสิ่งพลิ้วไหว เงียบสงบเป็นพิเศษในคืนที่ฝนตก ทันใดนั้นมีเสียงฝีเท้าที่ยุ่งเหยิงวิ่งผ่านอย่างรวดเร็วพั่บๆๆ…เงาคนหลายสายถูกสะท้อนไปที่กำแพง พวกเขาสวมชุดเกราะ ถือหอกยาวหรือกระบี่ยาว เดินประชิดทิศทางหนึ่งอย่างรวดเร็ว…วังหลวงประตูวังลงกลอนนานแล้ว ผู้คนในวังต่างก็พักผ่อนแล้ว มีเพียงทหารรักษาพระองค์ยืนท่ามกลางสายฝน เชิดหน้ายืดอกเฝ้าพระราชวังฝนตกหนักมากขึ้นทุกทีซ่า!ฝนสาดกระเซ็นลงมา หมอกที่มืดครึ้มลอยขึ้น นอกรัศมีเจ็ดแปดเมตรมองเห็นไม่ชัดเจน ราวกับในสายฝนอันยุ่งเหยิง เหมือนมีเสียงบางอย่างปะปนอยู่หูของทหารรักษาพระองค์ที่เฝ้าประตูขยับ เหมือนรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง เช็ดฝนบนใบหน้าทิ้ง มองไปทางบนถนนที่อยู่ไกลออกไปบนถนน มีหมอกปกคลุม มองเห็นภาพไม่ชัดเจน ทว่าในความคลุมเครือ เหมือนมีของสีดำกลุ่มหนึ่ง ค่อยๆ เข้าใกล้ราวกับกระแสน้ำขึ้น…ขยี้ตา มองอีกครั้งคลื่นน้ำ?ไม่ได้ตาฝาด!ทหารรักษาพระองค์สะกิดคนข้างๆ “นี่ จางโก๋ว เจ้าดูที่ถนนนั่นสิ มีอะไรบางอย่างใช่หรือไม่?”ทหารรักษาพระองค์ที่ชื่อจางโก๋วหันไปมอง เขาโบกมือ
จางโก๋วตกใจเล็กน้อย รู้สึกถึงความผิดปกติรางๆ กล่าวปฏิเสธอย่างอ้อมค้อม“ให้รัชทายาทเป็นห่วงแล้ว ตอนนี้มือสังหารหนี้ออกจากวังแล้ว ทหารรักษาพระองค์กำลังไปตามจับ ตอนนี้ในวังปลอดภัย ฝ่าบาทก็ปลอดภัยเช่นกัน รัชทายาทโปรดวางใจขอรับ”เขาปฏิเสธที่จะเปิดประตูวางวังหลวงเป็นสถานที่สำคัญ นอกจากทหารรักษาพระองค์ และองครักษ์ข้างกายฮ่องเต้ คนอื่นๆ ไม่อนุญาตให้พกอาวุธเข้าไปเฟิงเจิ้งอวี้ยกเปลือกตาขึ้น เหลือบมองเขาอย่างเย็นชาแวบหนึ่ง กล่าวถามเสียงดัง“ข้ามาเพื่ออารักขา หรือเจ้าสงสัยข้า?”“ข้าน้อยไม่กล้าขอรับ!”จางโก๋วตกใจจนรีบคุกเข่าทันที กล่าวอย่างตื่นตระหนก“ข้าน้อยพูดความจริงขอรับ ไม่กล้ามีเจตนาขัดคำสั่งท่าน! รัชทายาทโปรดพิจารณาขอรับ!”เหอะ!เฟิงเจิ้งอวี้หัวเราะ สถานที่ที่เขาอยากไป หาใช่มดเหล่านี้สามารถขวางทางได้?เขาตั้งใจส่งคนไปก่อเรื่องที่ทหารองครักษ์เงา ดึงดูดความสนใจเฟิงเย่เสวียน แล้วสั่งให้มือสังหารบุกรุกวังหลวง ล่อทหารรักษาพระองค์ครึ่งหนึ่งออกไป ตอนนี้ในวังเหลือทหารรักษาพระองค์เพียงแปดร้อยนายส่วนเขา นำทหารชั้นยอดมาห้าพันนาย!รอเฟิงเย่เสวียนกลับมา รอตอนที่ฮ่องเต้รู้ตัว ทุกอย่างมันก็
ฉู่เชียนหลี?!เฟิงเจิ้งอวี้รู้สึกประหลาดใจมาก ดึกเช่นนี้แล้ว จู่ๆ นางมาปรากฏตัวนอกประตูวังได้อย่างไร? หรือว่าได้รับข่าวอะไร? เป็นไปไม่ได้!เฟิงเย่เสวียนไปค่ายทหาร ไม่มีทางรู้เรื่องในวัง ฉู่เชียนหลีมาได้อย่างไร?มองดูผู้หญิงที่โผล่ออกมาจากกลางอากาศ ทันใดนั้นทำเอาเฟิงเจิ้งอวี้ที่เตรียมวางแผนชิงบัลลังก์ไปไม่ถูกแล้วฉู่เชียนหลีค่อยๆ เดินเข้ามาใกล้ กวาดมองทหารที่มืดสนิทแวบหนึ่ง เอียงศีรษะ มุมปากเผยให้เห็นรอยยิ้มที่อ่อนโยน“ดึกเช่นนี้แล้ว ฝนยังตกหนักเช่นนี้ รัชทายาทไม่นอนอยู่บ้านดีๆ นี่จะทำอะไร?”นางยิ้มแย้ม ให้ความรู้สึกเหมือนรู้อยู่แล้วยังจะถามเฟิงเจิ้งอวี้จ้องนางอย่างเย็นชา ไม่อยากสนใจนางเลยสักนิด หากยังเสียเวลาต่อไป รอเฟิงเย่เสวียนรู้ตัว ก็ไม่ทันแล้วเขาชูกระบี่ขึ้น กล่าวเสียงดังอย่างเย็นชา“เข้าวัง!”“ช้าก่อน!” ฉู่เชียนหลีเดินออกมาข้างหน้าหนึ่งก้าว ขวางเขาไว้ “รัชทายาทไม่ควรไม่รู้กฎที่ว่านอกจากทหารรักษาพระองค์ ไม่อนุญาตให้ผู้อื่นพกอาวุธเข้าวังกระมัง?”เขากลับดีมาก ไม่เพียงตนเองพกอาวุธ ยังจะพาทหารเข้าไปด้วยช่างเป็นความคิดสุมาเจียว คนเดินถนนยังรู้จริงๆ!ใจกล้ายิ่งนัก!เฟ
ในค่ำคืนที่ฝนตก เสียงที่แข็งแกร่งสายหนึ่งดังฉีกอากาศทุกคนหันไปมองโดยไม่รู้ตัว เห็นเพียงชายสวมชุดผาวสีหมึกค่อยๆ เดินมา…อ๋องเฉิน?เฟิงเย่เสวียน?เฟิงเจิ้งอวี้เห็นเขา รู้สึกประหลาดใจมาก เมื่อเห็นทหารองครักษ์เงาที่ฝีเท้าพร้อมเพรียง และได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีที่อยู่ข้างหลังเขา สายตาเคร่งขรึมจนถึงขีดสุดทันทีเขาไปค่ายทหารแล้วไม่ใช่หรือ?มาเร็วเช่นนี้เลย?เขา…ถูกจับได้นานแล้ว?ฉู่เชียนหลีมองเฟิงเย่เสวียน ตะลึงงันครู่หนึ่ง คำนวณเวลาที่เขาไปกลับค่ายทหาร เป็นไปไม่ได้ที่จะมาเร็วเช่นนี้ หรือว่า…เขาไม่ได้ไปค่ายทหาร? แต่ซุ่มอยู่ที่นี่มาโดยตลอด?เช่นนี้ก็เท่ากับว่า เขารู้เรื่องที่รัชทายาทจะก่อกบฏนานแล้ว? หานเฟิงถือร่มกระดาษน้ำมัน เฟิงเย่เสวียนกุมบาดแผลที่หน้าท้อง ค่อยๆ เดินเข้ามา ทหารองครักษ์เงาที่อยู่ข้างหลังเหยียบย่ำน้ำฝน สาดกระเซ็นลอยขึ้นสูง น่าเกรงขามอย่างยิ่งเดินเข้ามาใกล้ เงยหน้า“ดึกเช่นนี้แล้ว พี่ใหญ่มาทำอะไรที่นี่?”เขาถามทั้งที่รู้อยู่แล้วสีหน้าเฟิงเจิ้งอวี้เคร่งขรึมเป็นพิเศษ เมื่อเห็นเฟิงเย่เสวียน มีความคิดที่เลวร้ายที่สุดปรากฏขึ้นในใจ…เฟิงเย่เสวียนมาแล้ว แสดงว่าเข
เปรี้ยง…สายฟ้าแลบฉีกท้องฟ้ายามค่ำคืน ฟ้าร้องดังสนั่นหวั่นไหว ฝนที่ตกกระหน่ำเหมือนน้ำท่วมที่ทำลายเขื่อนภายในห้องทรงอักษรฮ่องเต้นั่งอยู่หลังโต๊ะมังกร ถือพู่กันไว้ในมือ ตรวจฎีกาไม่หยุด สายฟ้าแลบสะท้อนใบหน้าข้างของเขา เขาเม้มปากแน่น หน้าบึ้ง ความเกลียดชังแผ่ซ่านอยู่ในความว่างเปล่าการกระทำที่ตรวจฎีกาเร็วขึ้นเรื่อยๆและเขียนอักษรเร็วขึ้นเรื่อยๆซ่า!ซ่าๆ!ซ่าๆๆ!ทันใดนั้น ลุกขึ้นฉับพลัน โยนพู่กันทิ้ง สองมือจับขอบโต๊ะ คำรามด้วยความโกรธ พลิกโต๊ะคว่ำโดยตรง!ปัง!กลุ่มขันทีตกใจจนเข่าอ่อนคุกเข่าลงพื้น “ฝ่าบาทพระทัยเย็นก่อนพ่ะย่ะค่ะ!”ฝน ตกลงมาตลอดคืน รุ่งสางจึงจะซาประชุมเช้าภายในตำหนักต้าเฉิน ขุนนางบุ๋นบู๊นับร้อยยืนอยู่ในตำแหน่งของตนเองอย่างเรียบร้อย ฮ่องเต้เดินเข้ามาด้วยสีหน้าที่มืดมน หลังจากเสร็จสิ้นพิธีการ ก็นั่งอยู่ตรงนั้นโดยไม่พูดอะไรสักคำเหล่าขุนนางรู้สึกถึงความผิดปกติเต๋อฝูขันทีข้างกายมองสีหน้าเขาอย่างระมัดระวังแวบหนึ่ง หลังจากนั้นสองสามวินาที เดินออกไปข้างหน้าสองก้าว กล่าวเสียงดัง “ฝ่าบาทมีราชโองการ!”ขุนนางนับร้อยคุกเข่าเต๋อฝูหยิบม้วนกระดาษสีเหลืองสดมาจากถาด
ฉู่เชียนหลีตะลึงงันทันที หลุบตาลงเล็กน้อย มองไปทางจดหมายที่อยู่บนโต๊ะข้างในจดหมายฉบับนี้ได้เล่าเรื่องราวที่รัชทายาทมีเจตนากบฏ จิ่งอี้เป็นคนส่งเข้าวัง คิดไม่ถึงว่าฮ่องเต้สามารถคาดเดาความสัมพันธ์ของนางกับจิ่งอี้ผ่านจดหมายฉบับนี้สายตาเฉียบคมมาก!นางรีบตอบกลับทันที “ตอนที่หม่อมฉันไปจัดการโรคระบาดในเมืองตงหนิง บังเอิญได้รู้จักกับเถ้าแก่จิ่ง ศึกษายาและช่วยเหลือราษฎรร่วมกับเขา เคยมีมิตรภาพต่อกันหลายวัน”“หลังจากกลับเมืองหลวง เคยไปมาหาสู่กันหนึ่งครั้ง พวกเราเป็นเพื่อนกันเพคะ”“หือ?” ฮ่องเต้มองฉู่เชียนหลีด้วยสีหน้าสงบนิ่ง ทำให้คาดเดาความคิดของเขาในเวลานี้ไม่ออกเมื่อคืน เขาได้รับข้อความสองข้อความข้อความแรกมาจากอ๋องเฉิน อีกข้อความมาจากจิ่งอี้จิ่งอี้เป็นสามัญชน เถ้าแก่ของโรงหมอแห่งหนึ่ง กลับมีใจอุทิศตนช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์โดยไม่เห็นแก่ผลประโยชน์ และยังสามารถคาดเดาการเคลื่อนไหวของรัชทายาท เกรงว่าไม่ใช่คนธรรมดาแต่เขากลับพบว่าจิ่งอี้กับฉู่เชียนหลีมีความเกี่ยวข้องกันหากฉู่เชียนหลียืมมือจิ่งอี้ มีความคิดนอกรีตอะไร…ดวงตาที่ขุ่นมัวของฮ่องเต้ขรึมลงเล็กน้อย “เขาเป็นคนฉลาด กลับไม่ยอมเข้าร
เมื่อราชโองการประกาศออกมา ทั้งเมืองหลวงเหมือนหม้อข้าวต้มเดือดปุดๆ เดือดพล่านราวกับจะระเบิด“รู้หรือยัง? เนื่องจากรัชทายาทฆ่าคนดี ทำให้ฮ่องเต้ผิดหวังมาก ดังนั้นจึงถูกปลด!”“ไม่ใช่ๆ ข้าได้ยินมาว่าเป็นเพราะเขาไม่มีลูกชาย ไม่สามารถสืบทอดทายาทรุ่นหลัง ใครสามารถให้กำเนิดหลานชายองค์โต คนนั้นจะถูกแต่งตั้งเป็นรัชทายาทคนใหม่…”“เหมือนว่าได้กระทำความผิดครั้งใหญ่…”“บลาๆ…”ทุกคนเจ้าพูดหนึ่งคำ ข้าพูดหนึ่งประโยค น้ำลายสาดกระเซ็นไปทั่ว ซุบซิบทะยานขึ้นฟ้าเวลานี้ จวนรัชทายาทถูกเหล่าทหารปิดล้อมไว้อย่างแน่นหนา สามก้าวหนึ่งคน ห้าก้าวหนึ่งหน่วย ไม่อนุญาตให้ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าใกล้ ชาวบ้านมากมายยืนดูห่างๆ ชะโงกศีรษะอย่างคึกคักชายวัยกลางคนสวมเสื้อเนื้อหยาบคนหนึ่ง แบกเข่งที่ใส่ผักจนเต็มสองเข่งพยายามเข้าไป กลับถูกทหารคนหนึ่งขวางไว้“หยุดอยู่ตรงนั้น! ไม่ว่าใครก็ห้ามเข้าออกจวนรัชทายาท!”ชายวัยกลางคนคนนั้นถูกผลักจนเกือบล้ม จับเข่งที่หนักอึ้งไว้ “โอ๊ย! ใต้เท้า ข้าน้อยส่งผักให้จวนรัชทายาทประจำทุกวัน รับเงินแล้ว ก็ต้องส่งของนะขอรับ!”“หากไม่ส่งผลักเข้าไป ปล่อยให้คนในจวนอดตายก็คงไม่ได้กระมัง…หร
นางเม้มมุมปาก อิจฉาเล็กน้อย นั่งเงียบๆ อยู่ที่ข้างๆ ละสายตาไปทางอื่นเขากล่อมน้องสาวครู่หนึ่ง รู้สึกถึงความเงียบของนาง จึงเงยหน้ามอง“ทำไม ไม่พอใจแล้ว?”“หึงแล้ว?”“...”เขาจี้จุดในประโยคเดียว“โตเป็นผู้ใหญ่เช่นนี้แล้ว ยังจะหึงกับลูกสาวของตัวเองอีก หรือข้าจะถูกปีศาจน้อยสองคนนี้แย่งไปได้?”“...”นี่ทำเหมือนนางดูปัญญาอ่อนมาก และจริงจังมาก?ฉู่เชียนหลีเบะปาก“เจ้าเห็นข้าเป็นใคร โลกทัศน์ของข้าแคบเช่นนั้นเลยหรือ?”“ใช่”“?”“ใครก็ได้!”เขาลุกขึ้นทันที ส่งน้องสาวที่เพิ่งกล่อมจนสงบให้แม่นม หมุนกายก็ไปอุ้มฉู่เชียนหลี อีกทั้งยังอุ้มในท่าแนวราบ เหมือนอุ้มเด็กคนหนึ่ง แต่คนที่เขาอุ้มคือทารกที่มีอายุมากแล้ว“ไม่หึงนะ ข้ารักเจ้าคนเดียว”“?”ฉู่เชียนหลีตั้งสติได้ก็เขินอายจนหน้าแดง จะขอลงทันที แม่นมยังดูอยู่ข้างๆ นะ คำพูดที่เขาพูดมัน…ก็ไม่อายเลย!“ปล่อยข้าลงไป”“ไม่ ทั้งๆ ที่เจ้าชอบให้ข้าทำเช่นนี้กับเจ้า ไม่ใช่ข้าวใหม่ปลามันอะไรเสียหน่อย ยังจะเขินอะไรอีก?”“!”ฉู่เชียนหลีหน้าแดง จ้องเขาอย่างอายจนโกรธ“รีบปล่อยข้าลงได้แล้ว ข้าจะหึงน้องสาวได้อย่างไร ข้าเปล่านะ! ข้าเห็นน้องสาวติดเ
ดังคำกล่าวที่ว่า จากกันนานชนะคู่ใหม่ปลามัน ไม่เจอกันสามเดือน คนสองคนที่คุ้นเคยแต่ก็ไม่คุ้นเคยกอดกันแน่น เปลวไฟนิรนามถูกจุดขึ้นในใจ เมื่อลุกท่วม ก็ร้อนแรงจนสะเทือนฟ้าสะเทือนบกอย่างไม่สามารถควบคุมหนึ่งจูบที่ลึกซึ้งแน่นแฟ้นลึกล้ำคิดถึงความรักเขากระหายจนอยากกลืนนางลงท้อง อยากแทะกระดูก กัดนาง กินนาง แม้แต่ลมหายใจของนางก็กลืนลงท้องนางเริ่มต้านทานไม่ไหว สมองที่ขาดอากาศว่างเปล่า สองมือยันอยู่บนหน้าอกเขา พยายามผลักออกเขาไม่ถอย กลับกันยิ่งทับแน่นขึ้นผ่านไปเนิ่นนานกลีบริมฝีปากแยกจากกันนางหอบหายใจอย่างหนัก แทบเป็นลมแล้ว แก้มทั้งสองข้างแดงฉาน แดงจนสะดุดตา แดงจนแสบตา แดงจนทำให้เขากระวนกระวายใจ ต้องการมากกว่านี้แต่เขากลับต้องอดกลั้นนางยังอยู่ในช่วงเพิ่งคลอด ภายในหนึ่งเดือนห้ามแตะต้องมีความต้องการแต่ไม่มีที่ลง ภายใต้สถานการณ์ที่หมดหนทาง เขากัดคอนาง สูดดมแรงๆ เหมือนดับความกระหาย“อาเฉิน เจ้าทำข้าเจ็บแล้ว…”เสียงตะโกนเบาๆ ดังเข้าไปในหูเฟิงเย่เสวียน มันคือการเสแสร้งเสียงที่อ่อนโยน มันคือการอ้อนก็เหมือนกับประกายไฟถูกลมพัด พริบตานั้นลุกท่วมร่างกายเฟิงเย่เสวียน เลือดในร่าง
อ๋องเฉินกลับมาแล้ว!เมื่อข่าวนี้แพร่กระจายออกไป ทั้งจวนอ๋องเฉินครึกครื้น ผ่านไปสามเดือนเต็มๆ ในที่สุดท่านอ๋องก็กลับมาแล้ว คนทั้งจวนวิ่งไปต้อนรับที่หน้าประตู“ท่านอ๋อง!”กลับมาแล้ว!ในที่สุด!ท่านอ๋องกลับมาแล้ว ทุกคนก็เหมือนได้เสาหลักกลับคืนมา มีที่พึ่งพิง มีความมั่นใจ แม้แต่เสียงพูดก็เปี่ยมไปด้วยพลังแล้ว“เฉินเอ๋อร์ เจ้ากลับมาแล้ว ปล่อยให้แม่คิดถึงตั้งนาน!” ถงเฟยดีใจจนร้องไห้คนอื่นก็เช่นกันเฟิงเย่เสวียนโอบเอวเล็กของฉู่เชียนหลีไว้ มองดูจวนที่คุ้นเคย ใบหน้าที่คุ้นเคย สิ่งเดียวที่คิดถึงในเวลานี้คือลูก!เมื่อเดินเข้าจวน ก็ตรงไปที่เรือนหานเฟิง เข้าไปในห้อง ก็มองเห็นเด็กสองคนที่นอนอยู่ในเปลโยกสองคน!พวกนางนอนด้วยกัน เพิ่งดื่มนมอิ่ม กำลังนอนหลับสนิทกำปั้นเล็กๆ ของพี่สาวตัวอ้วนวางอยู่ที่ข้างศีรษะทั้งสองข้าง ปากน้อยๆ ที่อวบอิ่มห่อยื่นออกมาเล็กน้อย และดูดปากเป็นระยะ เหมือนกำลังนึกถึงรสชาติของนม น่ารักมากน้องสาวตัวผอมเหมือนรู้สึกไม่ปลอดภัย มือน้อยกำผ้าห่อทารกแน่น ร่างกายเล็กๆ นอนขดตัว ราวกับต้องการซ่อนตัวเองไว้ใบหน้าของเด็กที่อ่อนเยาว์สะกิดหัวใจเฟิงเย่เสวียนในพริบตา ทำให้เขา
“สวรรค์!”มีชาวบ้านเห็น ตกใจจนกรีดร้องรอตอนที่ฉู่เชียนหลีไปดู เห็นเพียงผ้าห่อทารกตกลงไปในทะเลสาบอย่างรวดเร็ว นางอยู่ห่างออกมาสิบกว่าเมตร อย่างไรก็ช่วยไม่ทันพริบตานั้น หัวใจนางเหมือนถูกมีดกรีดขณะที่ทุกคนกำลังประหม่า ในช่วงเหตุการณ์คับขัน มีร่างเงาสีหมึกสายหนึ่งพุ่งพรวดเข้ามาราวกับวิญญาณผี พลันกระโดดข้ามทะเลสาบอย่างฉับไว รับเด็กไว้แล้วร่อนลงพื้นอย่างมั่นคงปลอดภัยหายห่วง!สมองของฉู่เชียนหลีว่างเปล่าไปชั่วพริบตาหนึ่ง ขาอ่อนจนเกือบล้มลงพื้น โชคดีที่เยว่เอ๋อร์รีบประคองไว้ เมื่อยืนมั่นคงและเงยหน้ามอง ก็ต้องตะลึงอีกครั้งเขา!เขากลับมาแล้ว!เฟิงเย่เสวียน!เขายังคงสวมชุดเพ้าหมึกสีเข้ม เกล้าผมตั้งสูง ไม่เจอกันสามเดือน ผิวของเขาเข้มขึ้นเล็กน้อย มีแผลเป็นตรงแก้มหนึ่งสาย ช่วยเพิ่มความเฉียบคมให้เขาสามส่วน ระหว่างคิ้วเต็มไปด้วยแววของความเหนื่อยล้าจากการเดินทางไกล ทำให้แลดูหนักแน่นและเป็นผู้ใหญ่กว่าเมื่อก่อนฉู่เจียวเจียวตกใจมาก“อ๋องเฉิน…”เขากลับมาได้อย่างไร?เหตุใดจู่ๆ ก็โผล่ออกมาโดยไม่ให้ซุ่มไม่ให้เสียงเหมือนกับผี?เฟิงเย่เสวียนอุ้มเด็กไว้ในข้อพับแขน มืออีกข้างยกขึ้น มองนางด้วยร
รอนางกลายเป็นพระชายารัชทายาท เวลาที่ฉู่เชียนหลีพบนาง จำเป็นต้องคุกเข่าคำนับฉู่เจียวเจียวเชิดคางขึ้นเล็กน้อย เหลือบมองนางแวบหนึ่ง กล่าวราวกับประทานความเมตตา“ถ้าหากเจ้ารู้จักประมาณตน ทางที่ดีตอนนี้ออกไปจากนอกสายตาของข้า ถ้าหากข้าอารมณ์ดีแล้ว วันข้างหน้า ข้าก็จะละเว้นพิธีของการคำนับเมื่อเจ้าพบข้า”ราชโองการยังประกาศไม่ถึงจวนอ๋องหลี นางก็วางมาดของพระชายารัชทายาทแล้วกิริยานั่น น้ำเสียงนั่น ท่าทางนั่น เหมือนนกยูงรำแพนหางตัวหนึ่ง เหลือบมองฉู่เชียนหลีจากเบื้องสูงฉู่เชียนหลีหัวเราะ“พระชายารัชทายาทแล้วอย่างไร? พระชายาอ๋องหลีแล้วอย่างไร? หรือทำผิดแล้ว ไม่ต้องยอมรับผิดก็ได้?”“หรือในความเข้าใจของเจ้า เมื่อเจ้าเป็นพระชายารัชทายาท ก็สามารถใช้อำนาจบาตรใหญ่ อยากทำอะไรก็ได้?”เมื่อชาวบ้านได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าเปลี่ยนทันทีถ้าหากแม้แต่พระชายารัชทายาทก็ไร้เหตุผลเช่นนี้ เมื่อรัชทายาทขึ้นครองบัลลังก์ จะปฏิบัติต่อราษฎรอย่างดีหรือ?พระชายารัชทายาทใช้อำนาจรังแกคน อวดอ้างบารมีเช่นนี้ มีนางอยู่ ราษฎรสามารถมีชีวิตที่ดีหรือ?ฉู่เจียวเจียวรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติของชาวบ้าน นางรีบกล่าว“ฉู่เ
ฉู่เจียวเจียว “?”เมื่อหันไปมอง เห็นเพียงเต๋อฝูพาหมอหลวงสูงวัยท่านหนึ่งมารออยู่ที่ด้านข้าง และไม่รู้ว่ามาตั้งแต่เมื่อไรฉู่เชียนหลีประหลาดใจเล็กน้อย“กงกงเต๋อฝู ท่านอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”เต๋อฝูสะบัดแส้มาไว้ในข้อพับ โน้มตัวเล็กน้อย คำนับทีหนึ่ง กล่าวตอบอย่างนอบน้อม“ข้าน้อยรับบัญชาจากฝ่าบาท เดิมทีควรไปประกาศราชโองการที่จวนอ๋องหลี ตอนที่เดินผ่านตรงนี้ เห็นพระชายาทั้งสองท่านโต้เถียงไม่ลงตัว จึงสั่งให้คนเข้าวังเชิญหมอหลวงมา สุขภาพของพระนัดดาองค์โตเกี่ยวข้องกับอนาคตของราชวงศ์ ข้าน้อยไม่กล้ารอช้า”ประกาศราชโองการ?ฉู่เชียนหลีเข้าใจอะไรบางอย่างในพริบตาดูเหมือนฉู่เจียวเจียวให้กำเนิดพระนัดดาองค์โต ฝ่าบาทจึงมีราชโองการแต่งตั้งอ๋องหลีเป็นรัชทายาท…แต่ตอนนี้นางไม่มีเวลาให้คิดมาก ความสนใจทั้งหมดล้วนจดจ่ออยู่บนตัวของเด็กที่ร้องไห้ไม่หยุด“รบกวนหมอหลวงลองตรวจสุขภาพของพระนัดดาองค์โตหน่อย ว่าปลอดภัยหรือไม่?”หมอหลวงพยักหน้า เดินเข้าไปฉู่เจียวเจียวตื่นตระหนกทันที…มือที่อุ้มลูกกระชับเล็กน้อย พลางจับผ้าห่อทารกไว้แน่น แววตาสั่นไหว ลนลานเล็กน้อยแต่มาถึงขั้นนี้ นางไม่มีข้ออ้างที่จะปฏิเสธแล
เยว่เอ๋อร์สะดุ้งตกใจชาวบ้านเบิกตากว้างขณะที่เด็กกำลังจะร่วงลงบนพื้น ฉู่เชียนหลีกระโจนเข้าไป ก่อนหนึ่งวินาทีที่เขาจะตกลงบนพื้น นางรับเขาเอาไว้ได้อย่างหวุดหวิดพูดถึงก็แปลก เมื่อครู่ตอนอยู่ในอ้อมแขนพระชายา เอาแต่ร้องไห้ไม่หยุด พอมาอยู่ในอ้อมแขนของฉู่เชียนหลี เสียงร้องไห้ก็ค่อยๆ เบาลง และสงบไปในที่สุดทันใดนั้น มีเสียงตะคอกดังขึ้น“ฉู่เชียนหลี!”“เจ้าทำอะไร!”ฉู่เจียวเจียวรีบเดินเข้าไป แย่งลูกกลับคืนมาทันที“ต่อให้เจ้าไม่พอใจข้า ก็ไม่ควรโยนลูกของข้า! เจ้ารู้หรือไม่ว่าด้วยความสูงเมื่อครู่ หัวของจื่อเยี่ยชี้ลงข้างล่าง มีโอกาสที่จะคอหักตายทันที!”“เจ้าก็เป็นแม่คนเช่นกัน จิตใจอำมหิตเช่นนี้ได้อย่างไร!”นางชี้หน้าฉู่เชียนหลี ตำหนิด้วยความโกรธและเสียงดัง พูดบลาๆ ราวกับปืนกล ไม่ปล่อยให้ฉู่เชียนหลีได้พูดแทรกคนชั่วชิงร้องเรียนก่อน ก็คงประมาณนี้“อุแว้…”เด็กที่เพิ่งเงียบไปสองวินาที เริ่มร้องไห้อีกครั้งฉู่เจียวเจียวรีบกล่อม “จื่อเยี่ยเป็นเด็กดี จื่อเยี่ยไม่ร้องนะ แม่ไม่ดีเอง ล้วนเป็นเพราะแม่ไม่ดีเอง ล้วนเป็นความผิดของแม่ แม่ไม่ควรให้กำเนิดเจ้า ถ้าหากเจ้าเป็นเด็กผู้หญิง เกรงว่าคงไม่
มัวแต่ห่วงยืนกรานว่าเป็นฝีมือฉู่เชียนหลี จนลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท…ก็จริง หลังจากคลอดลูก สมรรถภาพด้านต่างๆ ของร่างกายลดลง แม้แต่ความจำก็ไม่ดีเป็นครั้งคราวอย่างที่เรียกว่าคลอดลูกหนึ่งครั้ง โง่ไปอีกสามปีจริงๆ ฉู่เชียนหลีเดินออกมาหนึ่งก้าว ยื่นมือแล้วกล่าว“ส่งเด็กมาให้ข้า”ฉู่เจียวเจียวกอดลูกแน่น ถอยหลังหนึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว“เหตุใดต้องให้เจ้าตรวจ? ข้าเชื่อใจเจ้าได้หรือ? เจ้าเป็นทักษะการแพทย์ จื่อเยี่ยมีปัญหาหรือไม่ มันก็ขึ้นอยู่กับปากของเจ้าไม่ใช่หรือ?”ในความเป็นจริง ร้อนตัวเล็กน้อยเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ยถูกพิษหรือไม่ ในใจนางรู้ดีที่สุดถ้าหากถูกเปิดโปงต่อหน้าทุกคน นางจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน และยังจะถูกชาวบ้านวิพากษ์วิจารณ์ฉู่เชียนหลีกล่าวอย่างเย็นชา“ต่อหน้าชาวบ้านมากมายเช่นนี้ ภายใต้การจ้องมองของทุกคน ถ้าหากข้าคิดจะทำอะไร สามารถหลบพ้นสายตาของทุกคนหรือ?”แม้นางโง่เพียงใด ก็ไม่ทำเรื่องที่โง่เขลาเช่นนี้เดินเข้าไปอีกครั้ง จับมุมหนึ่งของผ้าห่อทารก“ส่งเด็กให้ข้า บนร่างกายเขามีพิษหรือไม่ ข้าพิสูจน์ก็รู้เอง”ฉู่เจียวเจียวยิ่งกอดลูกแน่นแล้ว “เจตนาเจ้าไม่ดี ข้าไม่มีทางส่งจื่อเยี่ยให
“เจ้ากล้าวางยาพิษพระนัดดาองค์โต!”เสียงตะคอกของฉู่เจียวเจียวดังมาก ทำให้ชาวบ้านโดยรอบได้ยินกันทุกคน และยิ่งทำให้ชาวบ้านตกใจมากพิษ!เพราะความริษยา พระชายาอ๋องเฉินจึงวางยาพิษกับเด็กทารกที่เพิ่งคลอดได้สามวัน!สวรรค์!ทันใดนั้น สายตาของทุกคนที่มองฉู่เชียนหลีกลายเป็นแปลกประหลาด…เยว่เอ๋อร์โกรธแล้ว “พระชายาอ๋องหลี ท่านพูดเหลวไหลอะไร! พระชายาแค่อุ้มเขาครู่เดียว ยังไม่ถึงห้าอึดใจก็ถูกท่านแย่งกลับไปแล้ว จะมีพิษได้อย่างไร! นี่ท่านเป็นโรคหลงผิดหรือ?”“อุแว้…”เสียงที่ร้องไห้ไม่หยุดของเด็ก ก็เหมือนกับเป็นหลักฐานที่หนักแน่น โต้กลับคำพูดของเยว่เอ๋อร์คำพูดของเยว่เอ๋อร์ดูไม่มีน้ำหนักทันทีชาวบ้านทุกคนไม่เชื่อ เสียงวิพากษ์วิจารณ์ราวกับระลอกคลื่น“เมื่อครู่ข้าเห็นกับตา ตอนแรกพระนัดดาองค์โตไม่ได้ร้องไห้ หลังจากที่กลับถึงอ้อมแขนของแม่ ก็ร้องไห้ไม่หยุด นี่ไม่ได้แสดงให้เห็นว่ามีปัญหาหรอกหรือ?”“ใช่ พระนัดดาองค์โตต่อต้านเช่นนี้ แค่ดูก็รู้ว่าไม่สบาย”“หรือว่าถูกพิษจริงๆ?”“ถ้าหากนางฆ่าพระนัดดาองค์โตตาย ลูกสาวฝาแฝดที่นางคลอด ก็จะกลายเป็นที่โปรดปรานที่สุดในราชวงศ์แล้วไม่ใช่หรือ?”“ใช่…”เสียงก