เก็บเด็กคนนี้ไว้ไม่ได้…เฟิงเย่เสวียนมองดูประกายแห่งความคาดหวังในแววตานาง ลำคอเหมือนถูกบีบ หายใจไม่ออก แววตาเจ็บปวด เม้มริมฝีปากบางแน่นผ่านไปครู่หนึ่ง จึงจะเอ่ยปากอย่างลำบาก“เชียนหลี ข้า…ไม่ชอบเด็ก”เมื่อสิ้นเสียง รอยยิ้มบนใบหน้าฉู่เชียนหลีแข็งทื่ออย่างเห็นได้ชัด เยว่เอ๋อร์กับอวิ๋นอิงก็ตะลึงงันเช่นกันความรักระหว่างพระชายากับท่านอ๋อง ทุกคนเห็นกันหมด คนสองคนอยู่ด้วยกันเพราะรัก ให้กำเนิดลูกที่ตกผลึกจากความรัก ไม่มีอะไรมีความสุขมากไปกว่านี้แล้วแต่ท่านอ๋องกลับ…พริบตานั้น ฉู่เชียนหลีราวกับหูฝาด รอยยิ้มค้างอยู่ที่มุมปาก เอ่ยปากอย่างเหม่อๆ“เจ้า…เมื่อครู่พูดอะไรนะ…”เหมือนนางจะฟังผิด?เฟิงเย่เสวียนปวดใจมาก มือที่ห้อยอยู่ในแขนเสื้อกำหมัดแน่น พยายามข่มความเจ็บปวดในแววตา จับมือสองข้างของนางแล้วกล่าว“เชียนหลี ข้ารู้สึกว่าตอนนี้ก็ดีอยู่แล้ว รูปแบบการใช้ชีวิตของพวกเราดีมาก สบาย อิสระ สงบ ข้าไม่อยากเปลี่ยนแปลง”ฟังคำพูดของเขา ฉู่เชียนหลีรู้สึกเพียงเลือดในร่างกายเย็นลงทีละนิด ไม่ชอบเด็ก? แต่มาวุ่นวายกับนางทั้งวันทั้งคืน?ไม่ชอบเด็ก แต่จะนอนกับนาง?ไม่อยากเปลี่ยนแปลงสภาพที่เป็นอยู
เยว่เอ๋อร์กับอวิ๋นอิงสบตากันแวบหนึ่ง ย่อมรู้สึกถึงความผิดปกติ ก้าวออกมาข้างหน้า“พระชายา ท่าน…ไม่เป็นอะไรกระมัง?” สาวใช้สองคนอยากพูดแต่ก็ลังเลนี่คือเรื่องของท่านอ๋องกับพระชายา ไม่ใช่เรื่องที่คนนอกอย่างพวกนางสองคนจะยื่นมือเข้าไปยุ่งได้ อยากเป็นห่วง แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดจากตรงไหน แต่จะมองดูพระชายาทรมานต่อหน้าต่อตาก็ไม่ได้เช่นกันฉู่เชียนหลีหลับตา สูดหายใจเข้าลึกๆ หนึ่งที กลืนเสียงสะอื้นในลำคอลงไปนางปรับอารมณ์อย่างรวดเร็ว หันกายกลับมา ลุกขึ้นด้วยสีหน้าปกติ พลิกตัวลงจากเตียง“ข้าจะเป็นอะไร?”นางรู้สึกดีมากเฟิงเย่เสวียนพูดถึง ไม่จำเป็นต้องผูกมัด รักษาสภาพที่เป็นอยู่ ต่างฝ่ายต่างได้ในสิ่งที่ตนเองต้องการ และยังได้รับความสุขทางกาย อย่างอื่นล้วนไม่สำคัญใช่พวกเขาคือคู่นอนเป็นนางที่ไม่รู้จักสถานะของตนเอง อยากได้ของที่นอกเหนือจากเรื่องเพศ ที่จริงขอแค่ปลงแล้ว ก็ไม่มีอะไรที่ต้องใส่ใจ“ข้าจะออกไปเดินเล่น”“พระชายา…”“พวกเจ้าไม่ต้องตามมา”ฝีเท้าเยว่เอ๋อร์กับอวิ๋นอิงชะงักยืนอยู่ที่เดิม มองดูแผ่นหลังที่ค่อยๆ เดินจากไปของฉู่เชียนหลี ผอมบาง บอบบาง น่าปวดใจนัก ในดวงตาของทั้งคู่เต็มไป
ฉู่เชียนหลีอึ้งไปพักหนึ่ง เงยหน้าขึ้น ตอนที่เห็นผู้มา นางอึ้งอีกครั้งทำไมเป็นเขาอีกแล้ว?เหตุใดทุกครั้งที่อารมณ์ไม่ดี เขาจะปรากฏตัวเสมอ?“ท่านมาได้อย่างไร?” เอวของนางค่อยๆ ยืดขึ้น นั่งตัวตรงขึ้นสามส่วน ให้ตนเองแลดูค่อนข้างมีชีวิตชีวาเฟิงเจิ้งหลีก้าวเท้าเดินไปข้างๆ นาง ยกชายเสื้อขึ้นเล็กน้อย นั่งลงบนบันไดที่อยู่ข้างๆ“เดิมทีออกมาเดินเล่น เห็นเจ้านั่งเหม่ออยู่ตรงนี้คนเดียว และยังสวมใส่บางเช่นนี้ มีอะไรไม่พอใจหรือ?”เขาถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนและอดทนฉู่เชียนหลีเม้มปาก สายตาหันไปที่ทะเลสาบอีกครั้งบนทะเลสาบ มีใบไม้แห้งสีเหลืองกลุ่มหนึ่ง กำลังลอยไปตามสายลมที่พัดเบาๆ ประเดี๋ยวนิ่ง ประเดี๋ยวขยับ ประเดี๋ยวลอยไปทางซ้าย ประเดี๋ยวลอยไปทางขวา ไร้จุดหมาย ไร้ทิศทาง เหมือนนางมากนางก็สับสนมากเช่นกันนางเม้มปาก เสียงเบามาก “จู่ๆ ข้าก็ไม่รู้ว่าควรทำอะไร ยิ่งไม่รู้ความหมายที่ตัวเองมาที่นี่คืออะไร?”ไม่มีบ้านและไม่มีอะไรต้องห่วงเหมือนว่าสิ่งที่พยายามทั้งหมดไร้ความหมาย เพราะไม่มีใครสมควรให้นางทำเช่นนี้ตอนที่รู้ว่าตนเองอาจตั้งครรภ์ พริบตานั้น หัวใจของนางนุ่มนวลมาก เซลล์ทั่วร่างพลุ่งพล่
“แต่ว่า อยู่กับคนที่เหมาะสมกับตนเอง ก็สำคัญเช่นกัน...”เขาจ้องมองสีหน้าของนาง คำพูดที่พูดออกมาแฝงไปด้วยการหยั่งเชิงนางกับอ๋องเฉินไม่ใช่คนโลกเดียวกัน ถึงแม้ว่าจะเป็นสามีภรรยากัน ก็มีเรื่องขัดแย้งกันมากมาย ทั้งสองคนสังคมต่างกัน ทัศนคติและความเห็นต่างกันฉู่เชียนหลีเม้มริมฝีปาก จู่ ๆ ก็ลุกขึ้น“ดึกแล้ว ท่านทำงานเถอะ ขอบคุณที่อยู่เป็นเพื่อนข้า”พูดจบ ก็เดินจากไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ ก้มหน้า เงียบขรึม ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ดูอึมครึมเป็นอย่างยิ่งเฟิงเจิ้งหลีจ้องมองแผ่นหลังที่เดินจากไปของนาง หยุดชะงักคำพูดที่กำลังจะพูดออกมาอันที่จริง เมื่อครู่นี้เขาอยากจะพูด...บางที พวกเขาถึงจะเป็นคนประเภทเดียวกัน...ประสบการณ์แบบเดียวกัน ตัวตนแบบเดียวกัน ชีวิตลำบากแบบเดียวกัน หลบอยู่ในมุมมืดเพื่อเลียแผลแบบเดียวกัน เหมือนเห็นเงาสะท้อนของตนเอง...ตอนที่เผชิญหน้ากับนาง หัวใจของเขาราวกับเชือกที่ดึงเอาไว้ไม่อยู่ เพียงแค่นิดเดียวก็จะเคลื่อนไหว แต่...กลับขยับไม่ได้...ฤดูหนาวของเมืองหลวงเย็นยะเยือกและเงียบเหงากว่าฤดูอื่น ๆ ผู้คนที่สัญจรบนท้องถนนน้อยลงมาก หรืออาจเป็นเพราะอากาศที่หนาวเหน็บ นอกเสียจากช
“!”ไม่คิดเลยว่าตั้งฉายาให้นางมั่ว ๆ!เจ้าสิหูตึง!อวิ๋นอิงอดทนต่อความเจ็บปวดบริเวณหน้าอก จับมือของเขาเอาไว้ “ไปพบพระชายากับข้า!”“เจ้าบาดเจ็บ!”หลิงเชียนอี้แรงเยอะกว่านาง กดไหล่ทั้งสองข้างของนางเอาไว้ กดนางให้นั่งลงบนขั้นบันได ฉีกเสื้อผ้าของตนเองออกมาหลายชิ้น พันรอบเอวของนางหนึ่งสองสามสี่ห้ารอบผูกปม!ขี้เหร่มาก...อวิ๋นอิงทำหน้าไม่พอใจ มีใครห้ามเลือดแบบนี้บ้าง?“ผ้าไม่ได้ฆ่าเชื้อสัมผัสถูกบาดแผล จะเกิดการติดเชื้อ อาจจะสาหัสกว่าเดิม ข้าเรียนมาจากเสียวฉู่ แผลแค่นี้ไม่ถึงตายหรอก” นางแกะผ้าที่อยู่บนเอวออก ทีละรอบ ๆ อย่างรังเกียจ แล้วโยนลงไปบนพื้นหลิงเชียนอี้เม้มปาก จ้องมองผ้าเปื้อนเลือดที่อยู่บนพื้น รู้สึกว่าตัวเองโง่เขลาสิ้นดีเรื่องอะไรก็จัดการได้ไม่ดี อีกทั้งยิ่งช่วยก็ยิ่งยุ่ง“เจ้าก็คิดว่าข้าไม่มีประโยชน์มากเช่นกันใช่หรือไม่?”ทันใดนั้น น้ำเสียงของเขาเบาลง หดหู่ราวกับตกลงมาที่จุดต่ำสุดอวิ๋นอิงชะงักไปเล็กน้อยเหลือบตาขึ้น เห็นหนุ่มน้อยก้มหน้า บรรยากาศรอบตัวอึมครึมมาก เนื่องจากเพิ่งร้องไห้ไป ใบหน้าของเขาแดงก่ำ ดวงตาบวมแดง มีน้ำตาเม็ดเล็ก ๆ เกาะอยู่บนขนตา รู้สึกกดดันมาก
น้ำเสียงยิ่งหนักแน่นขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อพูดถึงตอนหลัง แทบจะตะโกนออกมา ตาแดงไปหมดแล้ว“เป็นเพราะตั้งแต่เด็กจนโตข้ากิน ดื่ม เที่ยวเล่น ไม่เคยทำอะไรสำเร็จสักอย่าง เพราะว่าข้าเป็นภาระ เป็นสวะ ท่านพ่อกับท่านแม้ไม่ชอบข้าแล้ว ถึงอยากได้น้องชาย!”“ข้ารู้ความคิดของพวกเขา ข้าไปก็ถูกต้องแล้ว! ข้าไม่กลับไปแล้ว!”“ท่านคิดไกลเกินไปแล้ว!”อวิ๋นอิงลุกพรวดขึ้นมา ก้มหน้ามองเขาที่อารมณ์ปั่นป่วน กล่าวเสียงเย็นชา“ลูกคือเนื้อก้อนหนึ่งที่ออกมาจากร่างกายของมารดา ใต้หล้านี้ ไม่มีพ่อแม่คนไหนไม่รักลูก พ่อแม่รักกัน ให้กำเนิดลูกก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรือ?”“เหตุใดเจ้าไม่ลองคิดดูบ้าง มีน้องชายหรือน้องสาว เพื่อเป็นเพื่อนกับเจ้า?”“ข้าไม่ต้องการเพื่อน!” หลิงเชียนอี้น้ำเสียงเย็นชากว่าเดิมเขาไม่ยอมรับการมีลูกคนที่สองของท่านแม่เมื่อวันก่อน ตอนที่กลับบ้าน ตอนที่ได้ทราบข่าวว่าท่านแม่ตั้งท้อง เขารู้สึกเหมือนกับฟ้าถล่ม...สิ่งของที่เดิมเคยเป็นของเขา กำลังจะถูกน้องชายที่ยังไม่ได้ลืมตาออกมาดูโลกแย่งไป!ความรัก ความเอาใจใส่ การปกป้อง สถานะ ตำแหน่ง ทรัพย์สิน...ทุกอย่าง!“พ่อแม่รักกัน ให้กำเนิดพยานแห่งความรัก เป็น
ตอนที่ทุกคนกำลังตามหาไปทั่วทุกที่ คนก็ถูกอวิ๋นอิงลากออกมาจากด้านในตรอกมืด“เจ้าไปไหนมา?”ฉู่เชียนหลีรีบก้าวมาข้าหน้า ถึงได้สังเกตเห็นดวงตาที่แดงก่ำของเขา เหมือนกับเคยร้องไห้หลิงเชียนอี้รู้สึกไม่สบอารมณ์ จึงหันหน้าไปอีกทาง อวิ๋นอิงเล่าเหตุการณ์ให้ฟังหลังจากฉู่เชียนหลีฟังจบ ก็สะอึกจนพูดไม่ออกมีลูกคนที่สอง?หวง?หนีออกจากบ้าน?มีพี่น้องเพิ่มมาอีกคนไม่ดีอย่างนั้นหรือ?ความสุขอยู่รอบกาย แต่กลับไม่รู้ว่านั่นคือความสุขฉู่เชียนหลีหงุดหงิดกับหลิงเชียนอี้มาก พยายามอดกลั้นที่จะพุ่งตัวเข้าไปกระหน่ำซ้อมเขาสักยก จึงหิ้วเขากลับไปส่งที่จวนโหวติ้งกว๋อ สั่งสอนเขามาตลอดทาง“เจ้าโตขนาดไหนแล้วยังทำตัวเหมือนกับเด็กไม่มีผิด? พูดจาไม่เข้าหูหน่อยก็โมโห?”“เจ้าเป็นลูกผู้ชายหรือไม่ มีความรับผิดชอบบ้างหรือไม่ เจออุปสรรคไม่รู้จักคิดหาหนทางแก้ไข?”“ในเมื่อไม่พอใจ ก็นั่งลงเปิดใจคุยกับท่านพ่อท่านแม่ให้รู้เรื่อง ขอเพียงแค่พูดกันรู้เรื่อง และคิดตก จะกังวลใจถึงขนาดนั้นเสียที่ไหน? ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องนี้ไม่ควรค่าแก่การให้กังวลใจเลยสักนิด”“มีครอบครัวไม่รู้จักทะนุถนอม เจ้ารู้หรือไม่ว่าใต้หล้านี้คนที่ไม่
จ้องมองร่างเล็กที่แลดูเศร้าซึมนั่น หัวใจของชายหนุ่มแน่นขึ้น ราวกับถูกมีดปัก เจ็บมาก เจ็บมาก ๆ แม้กระทั่งหายใจก็รู้สึกแน่นเขาเม้มริมฝีปากบาง ค่อย ๆ สาวเท้าเดินไปข้างหน้า อย่างเบา ๆ ทันทีที่มือแตะบนบ่าของนาง มือของนางก็ห้อยตกลงมา ถึงได้พบว่านางหลับไปแล้ว เนื่องจากตากลม ร่างกายจึงเย็นเฉียบเขาขมวดคิ้ว ถอดเสื้อคลุมด้านนอกออก คลุมบนตัวนาง อุ้มนางขึ้นอย่างเบามือ กลับไปถึงจวนอ๋องเฉิน เปิดประตูเข้าห้องทันทีที่วางนางลงบนเตียง นางส่งเสียงเพราะรู้สึกไม่ค่อยสบายตัว กลิ้งตัวไปด้านในครึ่งที คิ้วงามขมวดเข้าหากันตลอดเวลา ท่าทางไม่พอใจแม้กระทั่งตอนนอนยังยัยโง่...เขาจะไม่รู้ว่าลูกของพวกเขา...บางทีเขาควรจะบอกความจริงแก่นาง ขอเพียงแค่พูด ทั้งสองคนเผชิญหน้าด้วยหัน ก็ดีกว่าให้นางคิดฟุ้งซ่านไปคนเดียว“นายท่าน...”ด้านนอก หานเฟิงเดินเข้ามา จงใจลดเสียงเพื่อขอคำแนะนำลง กล่าวรายงานเสียงเบา“ข่าวใหม่ล่าสุดที่น่าเชื่อถือ เจ้ากรมคลังเขา...”ค่ำคืนนี้ เต็มไปด้วยความสงบเงียบเช้าวันรุ่งขึ้นฉู่เชียนหลีตื่นขึ้นมา เห็นว่าตนเองกลับมาที่เรือนหานเฟิง รู้สึกว่าตนเองหลับลึกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่