จวนอ๋องเฉินอวิ๋นอิงวิ่งกลับมาตลอดทาง ฝีเท้าลนลาน ในสมองมีภาพดวงตาสีแดงที่ร้องไห้เป็นเลือด จ้องนางราวกับมีชีวิตฉายซ้ำๆ ไม่หยุด รวมถึงผู้ชายที่มีเจตนาฆ่าเปี่ยมล้นในสายตา…หากตอนนั้นนางไม่ได้ทำการช่วยตัวเอง ชีวิตต้องจบลงที่นั่นแน่นอนเขาจะฆ่านางจริงๆ!ผู้ชายคนนั้นอันตรายมาก…เหมือนนางมองเห็นสิ่งที่ไม่ควรมอง ล่วงเกินคนที่ไม่ควรล่วงเกิน ความรู้สึกเช่นนี้ทำให้จิตใจนางตื่นตระหนก กระสับกระส่าย ก็เหมือนกับไปยุ่งกับของอะไรบางอย่าง ไม่สามารถสะบัดหลุดทั้งชีวิตนางที่เป็นคนโผงผางและไม่กลัวฟ้ากลัวดิน นี่เป็นครั้งแรกที่ตื่นตระหนกวิ่งก้าวยาวเข้าไปในเรือนหานเฟิง กลับไม่ระวังชนใส่เยว่เอ๋อร์ที่เดินออกมา“ว้าย!”เยว่เอ๋อร์โดนชนจนเกือบล้มหน้าคว่ำ นางกุมแขนไว้ เจ็บจนหน้าเบี้ยว “อวิ๋นอิง…ซี้ด…เจ้าเจอผีมาหรือไง…”อวิ๋นอิงหวนคืนสติ รีบประคองเยว่เอ๋อร์“เจ้าไม่เป็นอะไรกระมัง?”“ขอโทษ ขอโทษ เมื่อ…เมื่อครู่ข้ากำลังคิดเรื่องบางอย่าง ก่อนคุณหนูออกจากจวน สั่งให้ข้าไปหาเถ้าแก่จิ่งที่โรงหมอเป้าฟู่ แต่ข้าทำเรื่องพังแล้ว…”เมื่อเยว่เอ๋อร์ได้ยิน ‘เถ้าแก่จิ่ง’ สามคำ ลืมความเจ็บปวดทันที นางรีบเงยหน้าขึ้น“ไ
ในความสลัว มองเห็นใบหน้านางไม่ชัด แต่ฟังแค่เสียงแอบหัวเราะคิกๆ ของนาง ก็รู้ว่าตอนนี้นางได้ใจเพียงใด วอนโดนกระทืบเพียงใดตีไม่ได้ ด่าไม่ได้ ได้แต่ใช้วิธีของเขามาระบายแค้นนี้แล้วฉู่เชียนหลีเหนื่อยจนหอบหายใจ เปลือกตาทั้งสองข้างหนักเหมือนห้อยตะกั่ว“ข้าง่วงแล้ว…”“เฟิงเย่เสวียน ข้าง่วงแล้วจริงๆ เหนื่อยมาก ข้าไม่ไหวแล้ว…”“ไม่ต้องรีบร้อน กลางคืนเพิ่งเริ่มต้น คืนนี้ข้าพาเจ้าสำรวจดินแดนใหม่ๆ เรียนความสามารถใหม่ๆ คนโบราณพูดได้ดี มีความสามารถเยอะไม่หนักตัว เชียนหลีเรียนเยอะๆ”“...”ความสามารถเยอะไม่หนักตัวเขาใช้กันเช่นนี้หรือ?ไสหัวไป!พลันถีบเท้าออกไปเขาคว้าไว้อย่างแม่นยำ พลันยิ้มอย่างชั่วร้าย “เท้าก็ใช่ว่าจะไม่ได้”“?”กลางคืน ทั้งลึกล้ำและยาวนาน เงียบเหมือนน้ำ และเย็นเล็กน้อยบ่าวไพร่ในจวนนอนกันหมดแล้ว เหลือเพียงทหารยามที่เฝ้ายาม ยังคงยืนยามอย่างตื่นตัว เสียงอิๆ อ๊าๆ ของเรือนหานเฟิง ประเดี๋ยวดังประเดี๋ยวเบา ยังคงดังต่อเนื่องนอกเรือนตรงจุดที่สะท้อนแสง บนบันได มีร่างเงาที่ผอมบางและเล็กสายหนึ่งนั่งอยู่ตรงนั้นคืออวิ๋นอิงนางนั่งอยู่ตรงนั้นโดยไม่มีท่าทีง่วงนอน เข่าสองข้างพับ
พร้อมกับเสียงร้องที่น่าเวทนาดังขึ้น ร่างกายของชายคนนั้นลอยกระเด็นออกไปหลายเมตร ชนใส่กำแพงอย่างแรง แล้วตกลงมากระแทกพื้น กระอักเลือดโดยตรง“นายท่าน!”หานเฟิงพาองครักษ์ลับวิ่งมาอย่างรวดเร็ว ชักกระบี่กระโจนเข้าหาชายคนนั้นโดยตรงพลันสายตาชายคนนั้นเหี้ยมเกรียม รีบกัดยาพิษที่ซ่อนอยู่ในปากแตก“อ๊า!”ร่างกายกระตุกอย่างหนักหลังจากนั้นสองวินาที...ตายหานเฟิงก้าวเท้ายาวเดินเข้าไปค้นตัว แต่ไม่พบสิ่งของใดๆ ที่เป็นประโยชน์ เห็นได้ชัดว่าคนคนนี้มีการเตรียมตัวมาเขาเก็บกระบี่ยาว ก้าวเท้ายาวเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าชายชุดผาวสีหมึก คุกเข่ากล่าวขอโทษ“นายท่าน ข้าน้อยละเลยหน้าที ไม่ได้เฝ้าระวังอย่างเข้มงวด นายท่านโปรดลงโทษ!”บนบันไดสามขั้นเฟิงเย่เสวียนยืนมือไพล่หลัง บนใบหน้าหล่อเย็นชามีอารมณ์เฉยเมย เหลือบมองคนตายแวบหนึ่งสวมชุดเด็กรับใช้แฝงตัวเข้าจวนอ๋องประมาทเลินเล่อจริงๆ!และบ่าวไพร่ทั้งหมดของจวนอ๋องอยู่ภายใต้การดูแลของพ่อบ้าน“บอกให้พ่อบ้านหยางทำงานรัดกุมหน่อย หากเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นเป็นครั้งที่สอง เรียกเขาหิ้วหัวมาหาข้า” น้ำเสียงเฟิงเย่เสวียนเย็นชาจนถึงขีดสุด หนาวเย็นยิ่งกว่ายามราตรีในฤดู
ไม่นาน หานอิ๋งก็มาหลังจากคำนับ ก็ตรวจชีพจรให้ฉู่เชียนหลี นางจับชีพจรไปพลาง กวาดมองไปทางเฟิงเย่เสวียนเหมือนขอคำแนะนำไปพลางนางยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย มือจับชีพจร นิ่งเงียบเป็นเวลานานฉู่เชียนหลีเงยหน้าขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ เหมือนพบเบาะแสบางอย่างสองคนนี้แอบส่งสัญญาณกันต่อหน้านาง?สื่อสารทางสายตา? คิ้วบางขมวดเล็กน้อย เอ่ยปากกะทันหัน “ทักษะการแพทย์แม่นางหานอิ๋งเหนือคน ตรวจชีพจรกลับต้องใช้เวลานานเช่นนี้เลยหรือ?”หานอิ๋งชะงักเล็กน้อย รีบชักมือกลับ ยิ้มจางๆ“พระชายาสถานะพิเศษ นายท่านก็ยืนดูอยู่ตรงนี้ เพื่อความปลอดภัย ข้าน้อยต้องเคร่งครัดเป็นพิเศษ”อธิบายเช่นนี้นับว่าสมเหตุสมผลฉู่เชียนหลีลดข้อมือ ปัดแขนเสื้อลงไป “เป็นอย่างไร?”“อาการของท่าน…” หานอิ๋งเหลือบมองเฟิงเย่เสวียนแวบหนึ่ง จึงจะกล่าว “เกิดจากเหนื่อยล้ามากเกินไป แค่พักผ่อนให้เพียงพอสองสามวัน ก็สามารถฟื้นฟูกำลังวังชาเจ้าค่ะ”ฉู่เชียนหลีขมวดคิ้วเมื่อก่อนใช้พละกำลังเกินตัว ก็ไม่เห็นจะเหนื่อยเช่นนี้มาก่อนแม้หลังกลับจากเมืองตงหนิง นางกับเฟิงเย่เสวียนเล่นไพ่ บรรเลงเพลงกันทุกคืน แต่ทุกวันก็นอนหลับเต็มอิ่มเห็นใดเฟิงเย่เสวียนกระปรี
เก็บเด็กคนนี้ไว้ไม่ได้…เฟิงเย่เสวียนมองดูประกายแห่งความคาดหวังในแววตานาง ลำคอเหมือนถูกบีบ หายใจไม่ออก แววตาเจ็บปวด เม้มริมฝีปากบางแน่นผ่านไปครู่หนึ่ง จึงจะเอ่ยปากอย่างลำบาก“เชียนหลี ข้า…ไม่ชอบเด็ก”เมื่อสิ้นเสียง รอยยิ้มบนใบหน้าฉู่เชียนหลีแข็งทื่ออย่างเห็นได้ชัด เยว่เอ๋อร์กับอวิ๋นอิงก็ตะลึงงันเช่นกันความรักระหว่างพระชายากับท่านอ๋อง ทุกคนเห็นกันหมด คนสองคนอยู่ด้วยกันเพราะรัก ให้กำเนิดลูกที่ตกผลึกจากความรัก ไม่มีอะไรมีความสุขมากไปกว่านี้แล้วแต่ท่านอ๋องกลับ…พริบตานั้น ฉู่เชียนหลีราวกับหูฝาด รอยยิ้มค้างอยู่ที่มุมปาก เอ่ยปากอย่างเหม่อๆ“เจ้า…เมื่อครู่พูดอะไรนะ…”เหมือนนางจะฟังผิด?เฟิงเย่เสวียนปวดใจมาก มือที่ห้อยอยู่ในแขนเสื้อกำหมัดแน่น พยายามข่มความเจ็บปวดในแววตา จับมือสองข้างของนางแล้วกล่าว“เชียนหลี ข้ารู้สึกว่าตอนนี้ก็ดีอยู่แล้ว รูปแบบการใช้ชีวิตของพวกเราดีมาก สบาย อิสระ สงบ ข้าไม่อยากเปลี่ยนแปลง”ฟังคำพูดของเขา ฉู่เชียนหลีรู้สึกเพียงเลือดในร่างกายเย็นลงทีละนิด ไม่ชอบเด็ก? แต่มาวุ่นวายกับนางทั้งวันทั้งคืน?ไม่ชอบเด็ก แต่จะนอนกับนาง?ไม่อยากเปลี่ยนแปลงสภาพที่เป็นอยู
เยว่เอ๋อร์กับอวิ๋นอิงสบตากันแวบหนึ่ง ย่อมรู้สึกถึงความผิดปกติ ก้าวออกมาข้างหน้า“พระชายา ท่าน…ไม่เป็นอะไรกระมัง?” สาวใช้สองคนอยากพูดแต่ก็ลังเลนี่คือเรื่องของท่านอ๋องกับพระชายา ไม่ใช่เรื่องที่คนนอกอย่างพวกนางสองคนจะยื่นมือเข้าไปยุ่งได้ อยากเป็นห่วง แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดจากตรงไหน แต่จะมองดูพระชายาทรมานต่อหน้าต่อตาก็ไม่ได้เช่นกันฉู่เชียนหลีหลับตา สูดหายใจเข้าลึกๆ หนึ่งที กลืนเสียงสะอื้นในลำคอลงไปนางปรับอารมณ์อย่างรวดเร็ว หันกายกลับมา ลุกขึ้นด้วยสีหน้าปกติ พลิกตัวลงจากเตียง“ข้าจะเป็นอะไร?”นางรู้สึกดีมากเฟิงเย่เสวียนพูดถึง ไม่จำเป็นต้องผูกมัด รักษาสภาพที่เป็นอยู่ ต่างฝ่ายต่างได้ในสิ่งที่ตนเองต้องการ และยังได้รับความสุขทางกาย อย่างอื่นล้วนไม่สำคัญใช่พวกเขาคือคู่นอนเป็นนางที่ไม่รู้จักสถานะของตนเอง อยากได้ของที่นอกเหนือจากเรื่องเพศ ที่จริงขอแค่ปลงแล้ว ก็ไม่มีอะไรที่ต้องใส่ใจ“ข้าจะออกไปเดินเล่น”“พระชายา…”“พวกเจ้าไม่ต้องตามมา”ฝีเท้าเยว่เอ๋อร์กับอวิ๋นอิงชะงักยืนอยู่ที่เดิม มองดูแผ่นหลังที่ค่อยๆ เดินจากไปของฉู่เชียนหลี ผอมบาง บอบบาง น่าปวดใจนัก ในดวงตาของทั้งคู่เต็มไป
ฉู่เชียนหลีอึ้งไปพักหนึ่ง เงยหน้าขึ้น ตอนที่เห็นผู้มา นางอึ้งอีกครั้งทำไมเป็นเขาอีกแล้ว?เหตุใดทุกครั้งที่อารมณ์ไม่ดี เขาจะปรากฏตัวเสมอ?“ท่านมาได้อย่างไร?” เอวของนางค่อยๆ ยืดขึ้น นั่งตัวตรงขึ้นสามส่วน ให้ตนเองแลดูค่อนข้างมีชีวิตชีวาเฟิงเจิ้งหลีก้าวเท้าเดินไปข้างๆ นาง ยกชายเสื้อขึ้นเล็กน้อย นั่งลงบนบันไดที่อยู่ข้างๆ“เดิมทีออกมาเดินเล่น เห็นเจ้านั่งเหม่ออยู่ตรงนี้คนเดียว และยังสวมใส่บางเช่นนี้ มีอะไรไม่พอใจหรือ?”เขาถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนและอดทนฉู่เชียนหลีเม้มปาก สายตาหันไปที่ทะเลสาบอีกครั้งบนทะเลสาบ มีใบไม้แห้งสีเหลืองกลุ่มหนึ่ง กำลังลอยไปตามสายลมที่พัดเบาๆ ประเดี๋ยวนิ่ง ประเดี๋ยวขยับ ประเดี๋ยวลอยไปทางซ้าย ประเดี๋ยวลอยไปทางขวา ไร้จุดหมาย ไร้ทิศทาง เหมือนนางมากนางก็สับสนมากเช่นกันนางเม้มปาก เสียงเบามาก “จู่ๆ ข้าก็ไม่รู้ว่าควรทำอะไร ยิ่งไม่รู้ความหมายที่ตัวเองมาที่นี่คืออะไร?”ไม่มีบ้านและไม่มีอะไรต้องห่วงเหมือนว่าสิ่งที่พยายามทั้งหมดไร้ความหมาย เพราะไม่มีใครสมควรให้นางทำเช่นนี้ตอนที่รู้ว่าตนเองอาจตั้งครรภ์ พริบตานั้น หัวใจของนางนุ่มนวลมาก เซลล์ทั่วร่างพลุ่งพล่
“แต่ว่า อยู่กับคนที่เหมาะสมกับตนเอง ก็สำคัญเช่นกัน...”เขาจ้องมองสีหน้าของนาง คำพูดที่พูดออกมาแฝงไปด้วยการหยั่งเชิงนางกับอ๋องเฉินไม่ใช่คนโลกเดียวกัน ถึงแม้ว่าจะเป็นสามีภรรยากัน ก็มีเรื่องขัดแย้งกันมากมาย ทั้งสองคนสังคมต่างกัน ทัศนคติและความเห็นต่างกันฉู่เชียนหลีเม้มริมฝีปาก จู่ ๆ ก็ลุกขึ้น“ดึกแล้ว ท่านทำงานเถอะ ขอบคุณที่อยู่เป็นเพื่อนข้า”พูดจบ ก็เดินจากไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ ก้มหน้า เงียบขรึม ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ดูอึมครึมเป็นอย่างยิ่งเฟิงเจิ้งหลีจ้องมองแผ่นหลังที่เดินจากไปของนาง หยุดชะงักคำพูดที่กำลังจะพูดออกมาอันที่จริง เมื่อครู่นี้เขาอยากจะพูด...บางที พวกเขาถึงจะเป็นคนประเภทเดียวกัน...ประสบการณ์แบบเดียวกัน ตัวตนแบบเดียวกัน ชีวิตลำบากแบบเดียวกัน หลบอยู่ในมุมมืดเพื่อเลียแผลแบบเดียวกัน เหมือนเห็นเงาสะท้อนของตนเอง...ตอนที่เผชิญหน้ากับนาง หัวใจของเขาราวกับเชือกที่ดึงเอาไว้ไม่อยู่ เพียงแค่นิดเดียวก็จะเคลื่อนไหว แต่...กลับขยับไม่ได้...ฤดูหนาวของเมืองหลวงเย็นยะเยือกและเงียบเหงากว่าฤดูอื่น ๆ ผู้คนที่สัญจรบนท้องถนนน้อยลงมาก หรืออาจเป็นเพราะอากาศที่หนาวเหน็บ นอกเสียจากช