จวนอ๋องเฉินฉู่เชียนหลีอ่านหนังสือผิงไฟในบ้าน รับความอบอุ่นในช่วงฤดูหนาว เมื่อได้รับข่าวความวุ่นวายจากข้างนอก นางเลิกคิ้วบางแหมดูไม่ออกจริงๆเฟิงเย่เสวียนคนนี้เวลาอดกลั้น สามารถอดทนได้ทุกอย่าง เมื่อถึงคราวลงมือ ยิ่งดำเนินการอย่างเฉียบขาดฉับพลัน พูดหนึ่งไม่เป็นสอง ลงมือเร็วเก็บงานไว ไม่บรรลุเป้าหมายไม่หยุดทำให้ขุนนางสิบเอ็ดคนถูกปลดภายในหนึ่งวัน เวลานี้เกรงว่ารัชทายาทน่าจะโมโหจนจมูกเบี้ยวแล้วกระมังรัชทายาทยิ่งโมโห นางยิ่งมีความสุขปิดหนังสือในมือ หันไปเรียกข้างนอก “เยว่เอ๋อร์ อวิ๋นอิง เลิกเล่นก่อน ข้าพาพวกเจ้าออกไปเดินตลาด ซื้อเสื้อกันหนาวให้พวกเจ้า”เงินห้าหมื่นตำลึงเมื่อวาน ยังไม่ทันได้ใช้เลยหลังจากนั้นสี่ห้าวินาทีอวิ๋นอิงวิ่งเข้ามา “พระชายา เยว่เอ๋อร์ไปทำขนมที่ห้องครัวแล้วเจ้าค่ะ”อาหารว่างและขนมที่ฉู่เชียนหลีกินในวันปกติ เยว่เอ๋อร์เป็นคนเปิดเตาทำเองทั้งหมดมีเรื่องหนึ่งที่ไม่พูดไม่ได้ ฝีมือของเยว่เอ๋อร์ดีมาก และเพียบพร้อมด้วยคุณธรรม เป็นสาวใช้ที่เหมาะแก่การเป็นแม่ศรีเรือนฉู่เชียนหลีลุกขึ้นยืน “รอนางทำเสร็จแล้วพวกเราค่อยออกไปเดินตลาดกัน”อวิ๋นอิงมองท้องฟ้าข้างนอก
ฉู่เชียนหลี “?”‘งงเป็นไก่ตาแตก’ เข้าใจคำนี้หรือยัง?คนบ้านนี้กินยาผิด?นางอันรีบลุกขึ้นยืน ก้าวเท้ายาวเดินเข้าไป จับแขนฉู่เชียนหลีอย่างสนิทสนม พาคนไปนั่ง ยิ้มจนแทบมองไม่เห็นดวงตาแล้วครั้งนี้นางกับอ๋องเฉินไปเมืองตงหนิง ควบคุมโรคระบาด ทั่วทั้งแคว้นตงหลิงไม่มีใครไม่รู้ในฐานะที่เป็นผู้หญิง กลับสร้างผลงานใหญ่เช่นนี้นางที่เป็นแม่คนนี้ยิ่งไม่ต้องพูดถึงแล้วว่าภูมิใจมากเพียงใด!นี่เป็นลูกสาวที่นางเลี้ยงจนโต!แม้ไม่ได้คลอดเองแต่นางเลี้ยงจนโตกับมือ!หากไม่มีนาง ฉู่เชียนหลีจะโตได้หรือ? ไม่รู้ว่าไปตายอยู่ที่มุมใดก็ไม่รู้ตั้งนานแล้ว บุญคุณเลี้ยงดูส่วนนี้ของนาง ไม่มีผลงาน ก็มีความตรากตรำ ฉู่เชียนหลีจำเป็นต้องตอบแทนนาง“เสียวฉู่ วันนี้เป็นงานเลี้ยงครอบครัว พวกเราทั้งครอบครัวนั่งด้วยกัน พูดคุยกัน สนทนากัน อย่าถ่อมตน” นางอันหัวเราะเหอะๆฮูหยินฉู่ยกตะเกียบเงินขึ้น คีบเนื้อปั้นก้อนตุ๋นหนึ่งชิ้น ใส่ลงไปในชามนาง กล่าวด้วยรอยยิ้ม“เสียวฉู่ มา เจ้าชอบกินที่สุด”ฉู่เชียนหลีขมวดคิ้วขอโทษ นางชอบกินปลาที่สุดการเอาใจใส่อย่างเสแสร้งของครอบครัวนี้ทำให้นางรู้สึกอึดอัดนางไม่ได้หยิบตะเกียบ แต่ก
ฉู่เชียนหลีหัวเราะจนน้ำตาเกือบไหลออกมาแล้ว นางใช้หลังมือเช็ดหางตาแหมๆๆ ทุกคนล้วนเป็นผู้ใหญ่แล้ว เวลาพูดตรงไปตรงมาหน่อยไม่ได้หรือ?ก็เพราะเห็นคุณค่าการใช้ประโยชน์ของนาง ก็เลยอยากใช้นางไม่ใช่หรือ? มาพูดอะไรหวังดีไม่หวังดี เห็นนางเป็นคนโง่หรือ? คิดว่านางจะเชื่อหรือ?น่าขำสิ้นดี!“ใต้เท้าฉู่กล่าวหนักแล้ว สถานะของข้าเป็นแค่ลูกอนุภรรยา จะกล้ากล่าวโทษท่านได้อย่างไรกัน? ข้าเป็นคุณหนูอัปลักษณ์ที่สู้หน้าคนไม่ได้ หลายปีมานี้ ต้องขอบคุณที่ท่านทิ้งข้าไว้ในเรือนเย็น ไม่ถามไม่สนใจ จึงไม่ให้ข้าออกไปทำให้ตระกูลฉู่เสียหน้า”“พูดไปพูดมา ท่านนี่แหละที่คิดรอบคอบ!”นางเอ่ยปากอย่างยิ้มแย้ม ใช้เรื่องนี้ถ่วงเวลา ในใจนางไม่มีความรู้สึกใดๆนางไม่ใช่ ‘ฉู่เชียนหลี’และนี่ไม่ใช่บ้านของนางผู้ชายคนนี้ก็ไม่ใช่บิดาของนางนางก็แค่แขวนนามคุณหนูตระกูลฉู่เท่านั้นอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายฉู่เม้มปาก มีหรือที่เขาจะฟังความจริตจะก้านและจงใจพูดเสียดสีของฉู่เชียนหลีได้อย่างไร?ก็จริง หลายปีมานี้ นางไม่ได้มีชีวิตที่ดี กล่าวโทษเขาในใจ เป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้วแต่นางเป็นคนของตระกูลฉู่ตลอดไปจู่ๆ ก็ยกมือขึ้น ปรบมือ
ฮูหยินฉู่ให้กำเนิดคุณหนูใหญ่ฉู่หงหลวน คุณหนูรองฉู่ซวง นางอันให้กำเนิดคุณหนูสามฉู่เจียวเจียว คุณหนูสี่ฉู่เชียนหลีในบรรดาลูกสาวสี่คน ฉู่หงหลวนสวยที่สุด ฉลาดที่สุด เป็นที่รักของอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายฉู่ตั้งแต่เด็ก อัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายฉู่ยิ่งอบรมสั่งสอนด้วยตนเอง ตั้งความหวังไว้สูงมากเขาให้ฉู่หงหลวนแต่งกับรัชทายาท ในอนาคต ต้องสนับสนุนนางเป็นฮองเฮาแน่นอน!แต่ตอนนี้อ๋องเฉินกับรัชทายาทปะทะกันแล้ว รัชทายาทสู้อ๋องเฉินไม่ได้ อัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายฉู่อยากช่วยฉู่หงหลวน จึงลงมือจากตัวฉู่เชียนหลีฉู่เชียนหลีถือตั๋วเงินหนาๆ ปึกนี้ไว้อย่างไม่ใส่ใจ เสียงพลิกกระดาษดัง ‘ซ่าๆๆ’กลิ่นเหม็นของทองแดงอบอวล… เหอะ!“ความหมายของใต้เท้าฉู่คือให้ข้ากลับไปเกลี้ยกล่อมอ๋องเฉิน หยุดสู้กับรัชทายาท?” นางเงยหน้าอย่างยิ้มแย้ม มองไปทางอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายฉู่ รอยยิ้มกลับไม่มีความจริงใจคำพูดของอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายฉู่สวยหรูมาก“รัชทายาทกับอ๋องเฉินเป็นพี่น้องกัน เจ้ากับหงหลวนก็เป็นพี่น้องกัน และยังเป็นสะใภ้เหมือนกัน ความสัมพันธ์ใกล้ชิดเช่นนี้ น่าจะร่วมมือกันเพื่อชัยชนะ ตระกูลฉู่จึงจะเจริญรุ่งเรือง”ความหมายน
ฉู่เชียนหลีก้มเอว หยิบไม้ตีสุนัขที่ฮ่องเต้พระราชทานขึ้น ใช้แขนเสื้อเช็ดแล้วเช็ดอีก กำแน่น พลันสะบัดแขน ซ่า…เหล็กชั้นดีสามท่อนที่ฝังอยู่ข้างในถูกสะบัดออกมา กลายเป็นกระบองที่ทั้งเล็กและเรียว ลวดลายดอกไม้ที่แกะสลักอยู่ข้างบนสวยงามราวกับเป็นของจริง ทั้งเยือกเย็น ทั้งสวยงาม ทำให้ผิวหนังของทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์หดเกร็ง “ใช่แล้ว” ฉู่เชียนหลีเงยหน้า มองไปทางอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายฉู่อย่างยิ้มแย้ม “เมื่อครู่ท่านพูดอะไรกับข้านะ? สองวันนี้หลับไม่ค่อยสนิท หูก็ไม่ค่อยดีนัก ได้ยินไม่ชัด”นางเอียงศีรษะ เอียงหูเข้าไปใกล้“ท่านพูดอีกรอบ?”นางกล่าวถามอย่างเป็นมิตรและอ่อนโยนมากทว่า การกระทำนี้ ในสายตาของอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายฉู่ กลับเป็นการข่มขู่อย่างเปิดเผย!นางถือ ‘กระบี่อาญาสิทธิ์’ ที่ฮ่องเต้พระราชทานไว้ในมือ เขากล้าเอ่ยปากหรือ? กล้าเถียงหรือ? กล้าพูดมากหรือ? กล้าพูดอีกหรือ?ไม้ตีสุนัข ตัดหัวก่อนค่อยรายงาน เหมือนฮ่องเต้มาเยือนด้วยตนเอง ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นหากฉู่เชียนหลีไม่พอใจขึ้นมา ลงมือกับเขา เขาก็ทำได้แค่ยอมถูกตีแต่โดยดี…อัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายฉู่เงียบไปหลายวินาที ตอนที่เอ่ยปากอีกครั
รับเงิน จากไป ได้กำไรเป็นกอบเป็นกำอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายฉู่โมโหมาก แต่ไม่กล้าแม้แต่จะผายลม หน้าบูดบึ้งเหมือนไปกินสิ่งปฏิกูลมา ฮูหยินฉู่กับฉู่ซวงไม่กล้าเอ่ยปาก เหล่าคนรับใช้ยิ่งยืนอยู่ห่างๆ ไม่กล้าเข้าใกล้ส่วนนางอันกับฉู่เจียวเจียวรีบวิ่งตามออกไป“เสียวฉู่!”“น้องหญิง…”ทั้งสองเรียกได้หวานมากฉู่เชียนหลีเอานิ้วแตะน้ำลาย กำลังนับตั๋วเงิน เมื่อเห็นทั้งสองตามมา เพียงแค่เหลือบมองแวบหนึ่ง ก็นับต่อแล้วหนึ่ง สอง สาม สี่…สิบแปด สิบเก้า…นางอันกับฉู่เจียวเจียวสบตากันแวบหนึ่ง สองแม่ลูกเดินเข้ามาอย่างยิ้มแย้มและอ่อนโยน“เสียวฉู่ เจ้าอยากรู้เรื่องของแม่ผู้ให้กำเนิดเจ้าไม่ใช่หรือ ข้าบอกเจ้าก็สิ้นเรื่อง”นางยิ้มอย่างเป็นมิตร จูงมือฉู่เชียนหลี ไปนั่งคุยกันในศาลาของสวนดอกไม้ฉู่เชียนหลีนับเงินต่อนางอันเห็นท่าทางที่ไม่ใส่ใจของนาง แม้ไม่ชอบท่าทีที่กวนประสาทของนาง แต่ก็ต้องประจบสอพลอนางอย่างหน้าด้านๆฉู่เชียนหลีควบคุมโรคระบาด ได้รับความสำคัญและการประทานรางวัลจากฮ่องเต้ อนาคตไกลไม่มีสิ้นสุดนางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “สิบห้าปีก่อน ข้าคลอดลูกในบ้านของชาวบ้านครอบครัวหนึ่ง แต่ลูกสาวที่ข้าคลอดออกมาก
ฉู่เชียนหลีลดเสียงเบา กล่าวต่อด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้าย“ฉู่เชียนหลี ข้าคลอดเจ้า เลี้ยงเจ้า! เจ้าจำเป็นต้องตอบแทนข้า! ให้อ๋องหลีเป็นขุนนาง ช่วยให้พี่สาวเจ้าได้รับความโปรดปราน! ไม่เช่นนั้น ข้าก็จะปล่อยข่าว เจ้าจิตใจคับแคบ เป็นศัตรูกับแม่แท้ๆ กีดกันพี่สาว ทำลายชื่อเสียงของเจ้า!”นางอัน “...”คำพูดที่นางเคยพูดในตอนนั้น ออกมาจากปากฉู่เชียนหลี ก็เหมือนโดนฝ่ามือเหวี่ยงใส่หน้าดังเพียะๆ แม้แต่หน้านางก็แดงไปถึงรากหู ทั้งอับอายทั้งทำอะไรไม่ได้ แทบอยากหารูมุดเข้าไปในดินเสียเดี๋ยวนี้บ้าจริง!ตอนนั้นนางไม่ควรพูดเช่นนี้!ประเด็นคือตอนนั้น นางก็ไม่รู้ว่าฉู่เชียนหลีจะร้ายกาจเช่นนี้ ไม่เพียงได้รับความโปรดปรานจากอ๋องเฉิน เอาชนะพระชายารองเซียว ยังมีทักษะการแพทย์ที่ลึกล้ำไม่อาจหยั่ง และยังได้รับความสำคัญและการปกป้องจากฮ่องเต้หากรู้แต่แรก นางจะต้องกอดต้นขาฉู่เชียนหลีให้แน่นแน่นอนตอนนี้ เสียดายมาก!โรงหมอเป้าฟู่ในโรคระบาดของเมืองตงหนิงครั้งนี้ โรงหมอเป้าฟู่บริจาคสมุนไพรนับไม่ถ้วนโดยไม่เห็นแก่ผลประโยชน์ ช่วยเหลือราษฎร สร้างผลงานครั้งใหญ่ และยิ่งได้รับการประทานรางวัลจากฮ่องเต้ เป็นที่เลื่องลือทั่วท
เรือนส่วนหลังอาคารขนาดสามชั้นเล็กๆ ตั้งอยู่ตรงนั้น ได้รับการทำความสะอาดอย่างสะอาดสะอ้าน ไม่มีบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้อง ค่อนข้างสงบอวิ๋นอิงเดินเข้ามา มองดูห้องมากมายเหล่านี้ เพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าลืมถามตำแหน่งของเถ้าแก่จิ่งเดินกลับไปถาม เห็นทุกคนต่างกำลังยุ่ง ผู้ป่วยเยอะมาก ไม่มีใครสนใจนางจึงเดินกลับเรือนส่วนหลังอีกครั้ง เมื่อสังเกตอย่างละเอียด มีประตูบานหนึ่งปิดไม่สนิทเปิดไว้?อวิ๋นอิงเอียงศีรษะ ยกเท้าเดินเข้าไปบางทีอาจจะมีคนอยู่ข้างใน พอดีเลยจะได้ลองถามดูเดินเข้าไปใกล้ ตอนที่กำลังจะยกมือเคาะประตู จากช่องว่างระหว่างประตูสองบานกลับมองเห็น…ภายในห้องถังอาบน้ำหมอกไอร้อนพวยพุ่ง ร่างเงาไหล่กว้างสายหนึ่งกำลังพิงขอบถังอาบน้ำ มือทั้งสองข้างของคนคนนั้นพาดอยู่ข้างๆ อย่างเกียจคร้าน ผมสีดำที่เหมือนกับผ้าชั้นดีห้อยตกลงมา เงางามเป็นประกาย ระหว่างความคลุมเครือ สามารถมองเห็นสัญลักษณ์สีดำบนไหล่หลังของเขาหมาป่า!เป็นรูปสัญลักษณ์หมาป่า!หมาป่าสีดำฝังอยู่บนผิวหนัง ดวงตาสีแดงเข้มเหมือนร้องไห้เป็นเลือด ยิ่งเหมือนมีชีวิต ราวกับกำลังจ้องคนที่อยู่นอกประตู“ซี้ด…”อวิ๋นอิงสะดุ้งตกใจ“ใคร!”
พลันฉู่เจียวเจียวแน่นหน้าอก“เจ้าไม่เพียงอยากแย่งตำแหน่งฮองเฮาของข้า ยังอยากเอาชีวิตของข้า…ฉู่เชียนหลี เจ้าไปเอาสิทธิ์มาจากไหน! เจ้ากล้าพูดคำพูดเช่นนี้ได้อย่างไร!”นางพุ่งเข้าไปตบอย่างแรงอีกครั้ง พร้อมกับเสียงกรีดร้องครั้งนี้ ฉู่เชียนหลีคว้าข้อมือของนางไว้พลันบิดไปข้างหลังอย่างเย็นชา กล่าวอย่างเฉียบคม“เฟิงเจิ้งหลีให้สิทธิ์แก่ข้า เจ้าโทษข้ามีประโยชน์อะไร? ดูผู้ชายของตัวเองไม่ดีเอง รู้จักแต่ระบายความโกรธใส่ผู้อื่น ช่างไร้ความสามารถและน่าเวทนาจริงๆ”“เจ้า!”ฉู่เจียวเจียวโกรธจนตาแดงแล้ว“อ๊ะๆ! ฉู่เชียนหลี! ข้าจะฆ่าเจ้า!”นางกวัดแกว่งมือทั้งสองข้าง พยายามคว้าไปทางฉู่เชียนหลี ฉู่เชียนหลีหลบได้อย่างง่ายดาย ไม่เพียงไม่สามารถทำร้ายตัวเอง และยังสามารถทำให้ฉู่เจียวเจียวโมโหจนชักกระตุกนอกห้องผู้บัญชาการจางเงี่ยหูฟังความเคลื่อนไหวภายในห้องประเดี๋ยวก็ปัง ประเดี๋ยวก็ตูม ประเดี๋ยวก็โครม แค่ฟังก็รู้สึกดุเดือดมาก ทำเอาเขายิ้มจนหุบไม่ลงฟังจากเสียงนี่ ฉู่เชียนหลีน่าจะถูกจัดการอย่างอนาถมันก็จริงเป็นแค่นักโทษคนหนึ่ง เย่อหยิ่งเช่นนั้น ไม่เท่ากับรนหาที่หรอกหรือ?ตี!ตีให้ตายเลย!เขา
ภายในห้องฉู่เจียวเจียวผลักประตูปรี่เข้าไป มองไปทางฉู่เชียนหลีที่กำลังนั่งทาเล็บตรงข้างโต๊ะ หัวเราะทีหนึ่ง“เจ้านี่มันไม่สะทกสะท้านจริงๆ”แสร้งใจเย็นหรือใจเย็นจริงๆ กันแน่?เดินไปที่ตรงหน้าฉู่เชียนหลี ก้มมองนางแล้วกล่าว“เจ้าถูกขังอยู่ที่นี่ เกรงว่ายังไม่รู้สถานการณ์ข้างนอก อ๋องหลีขึ้นครองราชย์ในอีกสามวัน ส่วนอ๋องเฉินหนีเนื่องจากวางยาพิษฝ่าบาท และชิงราชบัลลังก์ล้มเหลว ประกาศจับทั่วทั้งแคว้น ราษฎรล้วนกำลังด่าเขา ตอนนี้เขาก็เหมือนหนูข้ามถนนตัวหนึ่ง ไม่กล้าปรากฏตัวด้วยซ้ำ”ในอดีตเคยสูงส่งปัจจุบันอนาถนักนางถอนหายใจเบาๆ“วันพระไม่ได้มีหนเดียวจริงๆ”“ฉู่เชียนหลี เจ้าแพ้แล้ว”อ๋องหลีกับอ๋องเฉิน นางกับนาง ในที่สุดการต่อสู้ระหว่างพวกเขาก็มีบทสรุปแล้ว นางกับอ๋องหลีเป็นฝ่ายชนะฉู่เชียนหลีก้มหน้าก้มตาทาเล็บอย่างตั้งใจ นางนำน้ำกลีบดอกไม้สีชมพูอ่อนทาลงบนเล็กมือแวววาวเรืองแสงสีชมพูอ่อนๆ เล็บมือทุกนิ้วดูชุ่มชื้น งดงามนักฉู่เจียวเจียวขมวดคิ้ว พูดมามากมายเช่นนี้ นางไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย?“เจ้าหูหนวกหรือ?”นี่มันเวลาไหนแล้ว ยังมีกะจิตกะใจทาเล็บอีก?พลันยกมือก็แย่งขวดเล็กๆ ไปจากมือน
ไม่นาน ข่าวก็กระจายไปทั่วใบประกาศถูกติดตามทุกซอกทุกมุมของเมืองหลวง เนื้อหาที่เขียนไว้บนนั้นแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็วในหมู่ราษฎร จากนั้นกระจายออกนอกเมือง กระจายไปทั่วทั้งแคว้นตงหลิง ทุกคนที่รู้เรื่องนี้ต่างตกตะลึงอ๋องเฉินชิงราชบัลลังก์?ล้มเหลว?หนีไปแล้ว?ไม่ทราบเบาะแส?วางยาพิษฮ่องเต้?เตือนทุกคนระวัง อย่าถูกอ๋องเฉินทำร้าย ขณะเดียวกัน หลังจากนี้สามวัน อ๋องหลีขึ้นครองราชย์มีข้อมูลมากเกินไป ราษฎรตกใจจนเหมือนกับหมูหริ่งในสวนแตงโม มีแตงโมมากเกินไป ชั่วขณะไม่รู้จะเริ่มกินจากตรงไหนดีตะลึง ประหลาดใจ ตกใจ สาปแช่ง ปกป้อง…สะเทือนทั้งแคว้นตงหลิง เสียงของราษฎรแตกต่างกันออกไปข้างนอกวุ่นวายมาก แต่ในวังกลับเงียบสงบ ภายในตำหนักที่หรูหราหลังหนึ่ง ฉู่เชียนหลีถูกขังอยู่ที่นี่ โดยมีทหารรักษาพระองค์คอยเฝ้า ไม่สามารถออกไปแม้แต่ก้าวเดียวเพิ่งก้าวออกไปกระบี่ที่แวววาวเล่มหนึ่งถูกยื่นออกมา“คุณหนูฉู่โปรดกลับเข้าไป ระวังกระบี่ไม่มีตา”ผู้บัญชาการจางยิ้มแย้ม ค่อนข้างเหมือนคนชั่วที่ประสบความสำเร็จฉู่เชียนหลีมองเขาอย่างเย็นชา กล่าวถาม “ไม่มีข่าวอ๋องเฉินหรือ?”“เขาสมคบคิดศัตรู ทรยศบ้านเม
แต่ฮ่องเต้พูดไม่ได้ ต่อให้เขารู้ความจริง และมีความโกรธอยู่เต็ม ก็พูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว และไม่มีใครเข้าใจความหมายของเขาความรู้สึกที่โกรธแต่ไม่สามารถระบายออกมา และยังต้องมองดูต่อหน้าต่อตาเช่นนี้ แทบทำให้ฮ่องเต้โกรธจนเป็นลมพรรคของอ๋องหลีย่อมพากันตำหนิอ๋องเฉิน“คิดไม่ถึงว่าอ๋องเฉินจะเหี้ยมโหดเช่นนี้ วางยาพิษทำร้ายพ่อ ไร้ความเป็นมนุษย์ ไร้มโนธรรม ไม่กลัวฟ้าผ่าเลยหรือ?”“คนเช่นนี้มีสิทธิ์อะไรอยู่บนโลกใบนี้?”“ขายหน้าแคว้นตงหลิงของพวกเราจริงๆ!”“น่าละอายจริงๆ!”ส่วนพรรคของอ๋องเฉิน รู้ว่าเกิดเรื่องกับอ๋องเฉินที่ตัวเองสนับสนุน ไม่มีใครกล้าพูดอะไรมากนักมีผู้สนับสนุนสองสามคนเอ่ยปากเพิ่งเอ่ยปาก ก็ถูกพรรคของอ๋องหลีด่าจนเงยหน้าไม่ขึ้นอ๋องเฉินไม่อยู่ ไม่มีใครหนุนหลังพวกเขา พวกเขากล้าโกรธแต่ไม่กล้าพูดทุกคนเริ่มโต้เถียงกันตอนที่ทะเลาะกันพอประมาณแล้ว อัครมหาเสนาบดีฉู่ก้าวออกมาอย่างชาญฉลาด เขากล่าวเสียงดัง“อ๋องหลี ตอนนี้ฝ่าบาทถูกพิษจนกลายเป็นเช่นนี้ และไม่สามารถหายดีในเวลาอันสั่น แต่แคว้นที่ยิ่งใหญ่ไม่สามารถไม่มีเจ้า ข้าน้อยขอบังอาจ เชิญท่านควบคุมสถานการณ์ สร้างความสงบให้บ้านเมือง!”
มีดพาดอยู่บนคอนาง คมมีดที่เย็นเฉียบส่องประกายด้วยแสงเย็นยะเยือก ราวกับว่านางแค่ออกแรงเล็กน้อย ก็จะตัดเส้นเลือดอันบอบบางของนางทันทีเฟิงเจิ้งหลีกำลังจะเข้าใกล้พลันมือของนางก็ออกแรงกด “ถ้าหากเจ้ายังต้องการจับตัวเฟิงเย่เสวียน เก็บข้าไว้ดีกว่า ถ้าหากข้าเป็นอะไรไป เกรงว่าเจ้าไม่สามารถควบคุมเฟิงเย่เสวียนแล้ว”เขาชะงักเล็กน้อยข่มขู่?มันก็จริง เฟิงเย่เสวียนหนีออกจากเมืองแล้ว แม้เขาเป็นฝ่ายได้เปรียบ แต่เฟิงเย่เสวียนมีที่ดินศักดินา มีกำลังทหาร สามารถตั้งตนเป็นอ๋อง ถ้าหากสู้กันจริงๆ ใช่ว่าเขาจะเป็นคู่ต่อสู้ของเฟิงเย่เสวียนเสมอไปแต่ว่า นางรังเกียจเขาเช่นนี้เลยหรือ?ถึงขั้นยอมใช้คอของตัวเองมาขู่เขา? เขาก็ขมวดคิ้วแน่น กล่าวอย่างเย็นชา“เจ้ากล้าตายหรือ? ไม่ต้องการจื่อเยี่ยแล้ว?”“ใครบ้างที่อยากตาย? แต่ถ้าหากต้องอยู่อย่างอัปยศ ไม่สู้ตายเสียดีกว่า ให้ทุกอย่างมันจบสิ้นเสีย”“เจ้า!”ในแววตาของเขามีความโกรธเอ่อล้นออกมา อยากเข้าไป แต่เท้ากลับยืนแข็งอยู่ตรงที่เดิมมองดูนางที่เชิดคางเล็กน้อย และมือที่กำแน่นอย่างดึงดัน ความโกรธติดอยู่ในอก ไม่สามารถระบายออกมา ทำให้เขาอัดอั้นจนรู้สึกทรมานบ้า
“ตาม!” ผู้บัญชาการจางกระทืบเท้าตะโกนเสียงดัง “รีบตาม! ขี่ม้าที่เร็วที่สุด ต้องจับอ๋องเฉินกลับมาให้ได้!”“รับทราบ!”เปิดประตูเมือง ทหารรักษาพระองค์ไล่ตามอย่างรวดเร็วเฟิงเจิ้งหลีหยิบธนูมาหนึ่งคัน ดึงลูกธนู เล็งยามค่ำคืนอันมืดสลัวที่อยู่นอกเมือง แต่ทันใดนั้นก็ถูกฉู่เชียนหลีกระแทกอย่างแรงธนูพลาดเป้าเขาหัวเราะอย่างเย้ยหยัน โยนธนูลงบนพื้น กล่าวอย่างไม่ใส่ใจ“หนี หนีไปเลย ทั้งแคว้นตงหลิงเป็นของข้าแล้ว ข้าดูสิว่าเจ้าจะสามารถหนีไปถึงไหน!”ใต้ฟ้าอันกว้างใหญ่ ล้วนเป็นของกษัตริย์เขาจะจับเฟิงเย่เสวียนได้ในสักวัน“เฟิงเจิ้งหลี เจ้ามันเป็นคนบ้าที่เสียสติจริงๆ โลกนี้มีผลกรรมเสมอ สักวันเจ้าจะถูกสิ่งที่เจ้าทำตามสนอง”คนที่เสียสละ สักวันจะได้ผลตอบแทนคนที่กระทำความชั่ว สักวันจะต้องชดใช้ไม่ใช่กรรมไม่ตามสนอง แค่ยังไม่ถึงเวลาเฟิงเจิ้งหลีคว้าแขนของฉู่เชียนหลี พลันดึงนางเข้ามาในอ้อมแขน บีบคางของนาง “เหมือนเจ้าแทบรอไม่ไหวที่จะเห็นข้าตกต่ำแล้วนะ”“แต่น่าเสียดาย คนดีอายุสั้น คนชั่วอายุยืนพันปี ข้าต้องอยู่รอดต่อไป จะรอดูว่าเฟิงเย่เสวียนตายต่อหน้าข้าอย่างไร”ฉู่เชียนหลีถูกบังคับให้เงยหน้าขึ้น
ทุกคนรออยู่ที่นอกประตูเมือง เฟิงเย่เสวียนขี่ม้าเข้าไปใกล้ สายตาจ้องฉู่เชียนหลีอย่างลึกซึ้งหลายวินาทีฉู่เชียนหลียิ้มระหว่างทั้งสองคน คำพูดมากมายไม่จำเป็นต้องพูด แค่สบตากัน ก็สามารถเข้าใจกันแล้วผ่านไปครู่หนึ่งเขาถอนสายตากลับ กระตุกม้าให้หยุดลง โน้มกายและเอื้อมมือไปรับลูก“ส่งเขาให้ข้า”เฟิงเจิ้งหลียิ้มได้อ่อนโยนมาก ก้าวไปข้างหน้าครึ่งก้าวอย่างเชื่อฟัง ยกมือทั้งสองข้างขึ้นเล็กน้อย ส่งเด็กที่อยู่ในมือออกไป“น้องเจ็ด เดินทางปลอดภัย”เขาเน้นเสียงคำว่า ‘ปลอดภัย’ เป็นพิเศษ เหมือนมีความหมายที่ลึกซึ้งซ่อนอยู่อ๋องเฉินยื่นมือออกมาแล้ว ขณะที่กำลังจะสัมผัสโดนเด็ก เฟิงเจิ้งหลีปล่อยมือกะทันหันทันใดนั้นเด็กสูญเสียแรงยึดเหนี่ยว ร่วงลงไปโดยตรง!“จื่อเยี่ย!”พลันเฟิงเย่เสวียนแน่นหน้าอก กระโดดลงจากม้าด้วยความเร็วที่เร็วที่สุด ก็เห็นอ๋องหลีรับเด็กไว้แล้ว และก็เพราะพริบตาที่เขาเผลอนี้ จึงถูกธนูลับดอกหนึ่งยิงเข้าที่สะบักฉึก…“อาเฉิน!”“ท่านอ๋อง!”เหตุการณ์เกิดขึ้นกะทันหัน ไม่มีใครรับมือทันเวลาเฟิงเจิ้งหลีใช้มือซ้ายอุ้มเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ย มือขวาจับตัวฉู่เชียนหลี ถอยหลังเจ็ดแปดก้าว ขณะ
เฟิงเย่เสวียนเดินออกมาข้างหน้าหนึ่งก้าว “ปล่อยฉู่เชียนหลีกับเด็ก ข้าอยู่เอง เจ้าจับฉู่เชียนหลีไม่มีประโยชน์ มีเพียงจับข้าเท่านั้น เจ้าจึงจะสามารถนั่งราชบัลลังก์ได้อย่างมั่นคง”เฟิงเจิ้งหลีเย้ยหยัน“อย่ามาต่อรองกับข้า ข้ายอมถอยให้แล้ว ถ้าหากยังได้คืบจะเอาศอก ข้าไม่ถือสาที่จะพินาศไปพร้อมกัน”ฉู่เชียนหลีรีบถอยกลับมาจับข้อมือเฟิงเย่เสวียน กล่าวเสียงเบา “เจ้าพาจื่อเยี่ยไป!”“เชียนหลี…”“คนที่เขาต้องการคือข้า มีเพียงเจ้าไปและมีชีวิตรอดต่อไปเท่านั้น จึงจะมีโอกาสพลิกสถานการณ์ จื่อเยี่ยไปแล้ว ข้าจึงจะวางใจ ถึงเวลานั้น เขาก็ไม่มีข้อได้เปรียบอีก และไม่จำเป็นต้องกลัวเขาอีกแล้ว” ฉู่เชียนหลีวิเคราะห์เบาๆ อย่างฉับไวเฟิงเจิ้งหลีไม่มีทางฆ่านางใช้นางคนเดียว แลกกับความปลอดภัยของจื่อเยี่ย แลกกับความปลอดภัยของทุกคน อย่างไรก็ดีกว่าสู้กันตายไปข้างหนึ่ง เลือดนองเหมือนแม่น้ำไม่ใช่ว่านางจะถูกขังอยู่ในเมืองหลวงตลอดไปตราบใดที่ยังมีชีวิต ก็มีโอกาสเฟิงเย่เสวียนรู้ผลได้ผลเสียในนี้ เด็กคนนี้อย่างไรก็ต้องช่วย แต่เขาจะทิ้งฉู่เชียนหลีไว้คนเดียวได้อย่างไร“เชียนหลี ข้ามันไร้ประโยชน์”“ข้าไม่อนุญาตให้เจ
เมื่อพรรคของอ๋องหลีได้ยินเช่นนี้ ก็กลัวทันทีดูท่าทีของพระชายาอ๋องเฉิน นี่กำลังจะเปิดฉากสังหารครั้งใหญ่ในวังชัดๆ!ฆ่าคนติดต่อกันสองคน ไม่กระพริบตาแม้แต่ทีเดียวเลือดกระเซ็นโดนใบหน้า ก็เย็นเฉียบท่าทางที่ชั่วร้ายเหมือนปีศาจนั่น ทำให้ขุนนางหลายคนเกิดความกลัว ลองถามคนทั่วหล้า จะมีสักกี่คนที่ไม่กลัว? อยู่ต่อหน้าความเป็นความตาย ทุกคนล้วนเห็นแก่ตัวพวกเขาไม่อยากตายขุนนางคนหนึ่งกลัวจนพูดติดอ่าง“อ๋อง อ๋องหลี…อย่างไรเด็กที่อยู่ในมือท่านก็เป็นพระนัดดาองค์โต เป็นสายเลือดของราชวงศ์ ถ้าหากฆ่าเขา ในวันข้างหน้า มลทินของท่านจะถูกบันทึกไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์ เกรงว่าจะถูกคนรุ่นหลังด่าทอต่อๆ กันเป็นหมื่นปี”ขุนนางอีกคนก็กล่าวเสียงสั่น“อ๋องเฉินโปรดพิจารณา…”ถ้าหากสู้กันจริงๆ พวกเขาสู้ไม่ไหวอ๋องเฉินมีฮ่องเต้หนุนหลัง มีกองทัพ มีกำลังทหาร อ๋องเฉินเป็นฝ่ายได้เปรียบทุกด้านในมืออ๋องหลี นอกจากพระนัดดาองค์โต ก็ไม่มีเบี้ยอย่างอื่นแล้ว อีกทั้ง ทหารรักษาพระองค์ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ทหารองครักษ์เงาของอ๋องเฉินเมื่อไรที่สู้กัน พวกเขาจะตายกันหมดไม่จำเป็นต้องตายไปครั้งหนึ่ง บางครั้ง เมื่อเห็นว่าพอแล้วก