ฉู่เชียนหลีครุ่นคิดสองวินาที ยกเท้ากำลังจะไป นอกตำหนัก มีเสียงรายงานลากยาวดังขึ้น“อ๋องเฉินเสด็จ…”“ท่านอ๋อง!”พลันสีหน้าเซียวจือฮว่าดีใจ จากนั้นเบ้าตาแดงก่ำ กุมหน้าอก รีบวิ่งออกไปข้างนอก“ท่านอ๋อง ท่านต้องออกหน้าแทนฮว่าเอ๋อร์นะ…”เฟิงเย่เสวียนเพิ่งเลิกว่าราชกิจ เมื่อได้ยินเรื่องที่ฉู่เชียนหลีเข้าวัง กลัวว่านางจะรับมือไม่ไหว จึงรีบมาที่ตำหนักกว่างอันทันที ใครจะรู้ว่าเซียวจือฮว่าก็อยู่ด้วยเช่นกันเขาขมวดคิ้ว “เจ้าไปสวนชานเมืองแล้วไม่ใช่หรือ?”พลันเซียวจือฮว่าปวดใจ ยิ่งน้อยใจแล้วแทบรอไม่ไหวที่จะไล่นางไปถึงเช่นนี้เลยหรือ?นางเอียงศีรษะเล็กน้อย แสดงใบหน้าครึ่งที่ได้รับบาดเจ็บของตนเองต่อหน้าเฟิงเย่เสวียน “เดิมทีฮว่าเอ๋อร์อยากเข้าวังเยี่ยมเสด็จแม่ แต่ใครจะรู้ว่าพระชายาคุยไม่ถูกกัน ก็ลงมือกับข้าเลย ข้า…”“ลูกแม่!”พูดไม่ทันจบ ถงเฟยวิ่งออกจากห้องทำสมาธิ กอดเฟิงเย่เสวียนก็เริ่มร้องไห้“ลูกแม่ แม่ไร้ประโยชน์ แม่ทำอะไรไม่ได้จริงๆ พวกนางทะเลาะกันหนักมาก แม่พูดแทรกไม่ได้แม้แต่คำเดียว ห้ามปรามจนเสียงแหบก็ไม่มีประโยชน์ พวกนางสองคนทะเลาะกันในตำหนักกว่างอันถึงขั้นนี้ ไม่สู้ยกตำหนักกว่างอัน
ฉู่เชียนหลี “เจ้าฝันไปเถอะ!”——จะไปล่าสัตว์หรือไม่ไปมีแค่สองอย่าง ตะกร้าธนูเหรอ? ฉันอูลาร่านา·ฉู่เชียนหลีไม่มีทางแบก!เฟิงเย่เสวียน “...”ขันทีที่อยู่ด้านข้างกลับถลนตาทั้งคู่อ๋องเฉินจับก้นพระชายาอ๋องเฉินกลางวันแสกๆ ในวังหลวง… เฟิงเย่เสวียนหันไปมองฉับพลัน เขาด่าทอ “มองอะไร ตาเฒ่า!”“!”เบญจมาศขันทีหดเกร็ง รีบก้มศีรษะลง ไม่กล้าพูดมากแม้แต่คำเดียว เดินนำทางอยู่ด้านหน้าอย่างนอบน้อมอุทยานดอกไม้ฉู่เชียนหลีเดินเข้าไป ตอนที่เฟิงเย่เสวียนจะเดินตาม ขันทีเข้ามาขวางไว้“อ๋องเฉินโปรดหยุดก่อน ฝ่าบาทบอกว่าต้องการพบพระชายาอ๋องเฉิน ไม่ได้บอกว่าจะเรียกท่าน”เขา “...”มีเรื่องอะไรที่ลูกชายแท้ๆ อย่างเขาฟังไม่ได้?ภายในอุทยานดอกไม้ ทิวทัศน์รื่นรมย์ โครงสร้าง การตกแต่ง ฮวงจุ้ยล้วนเป็นเลิศ ภูเขาจำลองตั้งตระหง่าน สายน้ำไหลริน ดอกไม้เบ่งบาน แสงแดดอบอุ่นอีกด้านหนึ่งของทางเดินที่ปูด้วยหินกรวด ร่างเงาสีเหลืองสว่างสายหนึ่งนั่งอย่างสุขุมอยู่ตรงนั้นฉู่เชียนหลีรีบเดินเข้าไป“ถวายพระพรฝ่าบาท ขอฝ่าบาทอายุยืนหมื่นปี หมื่นหมื่นปี”ฮ่องเต้เงยหน้าขึ้น ม้วนเก็บหนังสือที่อยู่ในมือ จากนั้นวางลง ถามด้วยร
ฉู่เชียนหลี “...”อยากได้แต่กลับแสดงออกอย่างอ้อมค้อนเช่นนี้? เพียงแต่ จะเอาของของนางก็ต้องมีอะไรมาแลกฉู่เชียนหลีกลอกตาเบาๆ ทันใดนั้นก็ถอนสายบัว กล่าวอย่างจริงใจ“แค่เสด็จพ่อทรงเกษมสำราญ ก็คือวาสนาขอหม่อมฉันแล้วเพคะ แม้นาฬิกาพกเรือนนี้จะเป็นมรดกตกทอดมาจากบรรพบุรุษของท่านแม่ มีความหมายที่สำคัญมาก แต่ขอแค่เสด็จพ่อพอพระทัย หม่อมฉันยินดีถวายทุกอย่างเพคะ!”เมื่อฮ่องเต้ได้ยินคำพูดนี้ นาฬิกาพกเรือนเล็กๆ หนักพันชั่งขึ้นมาทันทีมันคือมรดกตกทอดของตระกูลสมบัติล้ำค่าเช่นนี้ เขาจะมีหน้าไปรับไว้ได้อย่างไร?รีบคืนกลับไปทันที “เมียเจ้าเจ็ด ในเมื่อมารดาของเจ้าเป็นคนมอบให้ เจ้าก็รีบเอากลับไปเก็บไว้เถอะ เราไม่เอา!”“การได้รับการโปรดปรานจากเสด็จพ่อ ก็คือความหมายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในการดำรงอยู่ของนาฬิกาพกเรือนนี้เพคะ”ฉู่เชียนหลีใช้สองมือดันนาฬิกาพกกลับไป กล่าวอย่างรู้ความมาก“ทรงเป็นถึงโอรสสวรรค์ ทุกสิ่งบนแคว้นตงหลิงล้วนเป็นของพระองค์ หม่อมฉันจะกล้าผูกขาดไว้เพียงคนเดียวได้อย่างไร? ต่อให้เป็นของดีแค่ไหน มีเพียงอยู่บนมือของคนมีความสามารถ จึงจะดึงประโยชน์ออกมาได้มากที่สุด”“เสด็จพ่อ ท่านโปรดรับไว
หลังจากฉู่เชียนหลีคุกเข่าทูลลา ก็หมุนกายเดินจากไป ฮ่องเต้เล่นนาฬิกาพกด้วยความสนใจ พลิกขึ้นพลิกลงและซ้ายขวา เต๋อฝูยืนอยู่ด้านข้าง สีหน้าตระหนกตกใจเป็นพิเศษเขาอ้าปาก อยากพูดแต่ก็ลังเล“ฝ่า ฝ่าบาท…ความหมายของพระองค์คือ พระชายาอ๋องเฉินจะเอาไม้นั่นไปตี ตี…ตี…”คำพูดที่เหลือ เขาตกใจจนไม่กล้าพูดออกมาฮ่องเต้พ่นลมออกจากจมูกอย่างไม่สบอารมณ์ “นางกล้าโกหกแม้แต่เรา ยังมีอะไรที่นางไม่กล้าทำอีก?” “หา!” เต๋อฝูยิ่งกลัวแล้ว “นาง นางโกหกอะไรพระองค์หรือพ่ะย่ะค่ะ?”ฮ่องเต้เหลือบมองเขาแวบหนึ่ง “ว่าเจ้าโง่เขลา เจ้าก็โง่เขลาจริงๆ แม่ฉู่เชียนหลีไม่รักนางตั้งแต่เด็ก แต่ชอบพี่สาวคนโต หากแม่นางมีมรดกตกทอดอะไรจริงๆ ก็คงให้ฉู่เจียวเจียวนานแล้ว ยังจะถึงคราวของฉู่เชียนหลีหรือ?”ดังนั้น คำพูดเมื่อครู่ของฉู่เชียนหลีคือกำลังโกหกเขานางหนูน้อย อายุแค่นี้ แต่กลับรู้จักใช้ประโยชน์ความปรารถนาของเขา แสวงหาผลประโยชน์สูงสุดให้ตนเอง นี่ไม่ใช่เรื่องที่ใครก็กล้าทำเหอะๆ!นิสัยนี่ ไม่รู้ว่าเก่งกว่าขุนนางในราชสำนักกี่คน เขาชอบเต๋อฝู “...”ยอมรับความโง่เขลาของตนเองแต่เหตุใดฝ่าบาทจึงไม่เปิดโปงพระชายาอ๋องเฉิน ทั้งๆ ท
เฟิงเย่เสวียน “...”เขายืนตัวตรง เห็นนางกุมท้องหัวเราะเสียงดัง ท่าทางที่หัวเราะจนฟันทั้งสองแถวยื่นออกมา เกิดความรู้สึกอยากบีบคอนางให้ตายกะทันหันกล้าหลอกเขา!โมโหจนกัดฟัน “เดิมทีตั้งใจจะพาเจ้าไปล่าสัตว์ที่ชานเมือง แต่ดูจากการแสดงออกของพระชายา ดูเหมือนไม่อยากไปล่าสัตว์มากนัก”ฉู่เชียนหลียิ้มแย้ม ทั้งซนทั้งร้าย“เช่นนั้นไม่ไปก็แล้วกัน เพราะอย่างไรข้าก็ไม่ชอบล่าสัตว์ ข้าเป็นผู้หญิงนะ ผู้หญิง ข้ากลับไปเย็บปักถักร้อยที่จวนดีกว่า”พูดจบก็ไปแล้ว“?”ไปทั้งเช่นนี้แล้ว?ไปแล้ว?ไร้ความเมตตา!เฟิงเย่เสวียนหน้าบึ้งอยู่ห้านาที กัดฟันกรามดังกรอดช่างเถอะ ลูกผู้ชายอกสามศอก ไม่ถือสาผู้หญิง!เขาก้าวเท้ายาวไล่ตามออกไป หิ้วคอเสื้อหลังฉู่เชียนหลี “ไปล่าสัตว์กัน”“เอ๋? ท่านบอกไม่ไปไม่ใช่หรือ? เหตุใดจู่ๆ ก็จะไป? ท่านมันเหมือนยายแก่ขี้งอน…”“หุบปาก!”“...”หลังจากนั้นหนึ่งชั่วยามจูงม้า พาผู้ติดตามไปด้วยหลายคน ขบวนที่เรียบง่ายกลุ่มหนึ่งออกจากเมือง ไปตามถนนเส้นเล็กเข้าสู่เขตป่าชานเมือง ดวงอาทิตย์ที่เจิดจ้าลอดผ่านช่องว่างระหว่างใบไม้ สาดส่องลงบนพื้น สะท้อนแสงและเงาสีสันหลากหลาย อ่อนโยนและสบา
โดยทั่วไปแล้วผู้หญิงขี่ม้าไม่เป็น และยิ่งขี่ม้ายิงธนูไม่เป็น การล่าสัตว์มักจะเป็นเวลาที่ผู้ชายแสดงเสน่ห์ ความสามารถ และความกล้าหาญส่วนตัวเขายังไม่ทันง้างธนู ฉู่เชียนหลีก็ผ่านไปแล้วห้าด่าน ล่าไปแล้วหกตัว ไม่เพียงทักษะการขี่ม้าดี ทักษะธนูยิ่งดีเหตุใดเมื่อก่อนเขาจึงไม่รู้ว่านางขี่ม้ายิงธนูเป็น?หานเฟิงกับเยว่เอ๋อร์ และยังมีเจ้าดำน้อย ล้วนไปตามอยู่ข้างหลังฉู่เชียนหลี ปรบมือดังเพียะๆ กลายเป็นกองให้กำลังใจ ส่วนเขาโดดเดี่ยวเพียงลำพัง ไม่มีใครเหลียวแลเขากระตุกบังเหียนแน่น ไล่ตามออกไป“อากาศดีมาก เหมาะแก่การล่าสัตว์ พวกเรามาแข่งกัน เป็นอย่างไร?”“หือ?” ฉู่เชียนหลีลดมือที่กำลังง้างธนูลง มีประกายแห่งความสนใจปรากฏขึ้นในแววตาหลายส่วน “แข่งอย่างไร?” “ใครยิงเหยื่อได้มากกว่าใครชนะ ผู้ชนะสามารถเรียกร้องจากอีกฝ่ายได้หนึ่งข้อ และอีกฝ่ายต้องตอบตกลงอย่างไม่มีเงื่อนไข กล้าแข่งหรือไม่?”สี่คำสุดท้าย มันคือกลยุทธ์ยั่วยุฉู่เชียนหลีไม่ใช่คุณหนูที่ถูกเลี้ยงดูในเรือนส่วนหลัง ความปรารถนาของแพ้ชนะถูกกระตุ้นทันที คันธนูยาวเคาะหน้าผาก ยิ้มอย่างยั่วยุ“ยินดีอย่างยิ่ง”เมื่อสิ้นเสียง ก็กระตุกม้าวิ่งไป
“ไม่เป็นไรกระมัง” เฟิงเย่เสวียนเงยหน้า ในแววตาเต็มไปด้วยความร้อนรน “มีตรงไหนได้รับบาดเจ็บหรือไม่?”เขารีบจับไหล่นาง จับแขนนาง ตรวจดูตั้งแต่หัวจรดเท้า“ข้าสบายดี” โชคดีที่หลบได้ทันเวลา ไม่เช่นนั้นโดนงูพิษกัดแน่เฟิงเย่เสวียนเห็นว่านางไม่เป็นอะไร ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความมั่นใจ จึงจะถอนหายใจอย่างโล่งอก คลายร่างที่ทับอยู่บนร่างกายฉู่เชียนหลี ฉู่เชียนหลีเพิ่งจะมารู้สึกถึงความหนักทีหลังผู้ชายคนนี้ต้องหนักห้าร้อยชั่งแน่เลย!สองมือฉู่เชียนหลียันหน้าอกเขา “ท่านลุกก่อน…อ่า!”เพิ่งดันขึ้นห้าเซนติเมตร ก็หมดแรงแล้ว ร่างกายของเฟิงเย่เสวียนทับลงไปอีกครั้งใบหน้าที่หล่อเหลาจนมนุษย์และเทพโกรธเคืองขยายใหญ่ต่อหน้า!ละเอียดอ่อนจนสามารถมองเห็นแม้แต่รูขุมขน!จากดวงตาสีหมึกของเขา นางมองเห็นตนเองอย่างชัดเจน…ร่างกายสองร่างแนบชิดติดกันแน่นจนแยกไม่ออก ห่างกันใกล้มาก ปลายจมูกของเฟิงเย่เสวียนชิดปลายจมูกฉู่เชียนหลี ริมฝีปากทั้งสองห่างกันแค่เส้นผมเส้นเดียวพริบตานั้น ราวกับอากาศหยุดนิ่ง…ลมหายใจที่นุ่มนวลพ่นใส่ใบหน้าของอีกฝ่าย อุ่นๆ จางๆ ทว่าอุณหภูมิกับพุ่งสูงขึ้นในพริบตา ราวกับเปลวไฟอันร้อนแรง จุดประก
กลางวันแสก ๆ ท้องฟ้าสดใส บนสวรรค์มีเทพคอยดูแล ใต้พิภพมียมบาลบัญชา ยังมีเจ้าที่เจ้าทางคอยจับตาดู คิดไม่ถึงว่าผู้ชายคนนี้...คิดไม่ถึงว่าเขา...เล่นสกปรกอย่างโจ่งแจ้ง!เป็นเพราะเมื่อครู่นี้จะโถมตัวใส่นางให้ล้ม แต่ไม่สำเร็จ อยากจะลงมือกับนางเป็นครั้งที่สอง?พระเจ้า!สวรรค์!ผู้ชายคนนี้ทะยานอยากระดับไหนกันแน่เนี่ย?เฟิงเย่เสวียนอยากจะแบ่งปันสิ่งของที่สวยงามให้กับฉู่เชียนหลีอย่างอดรนทนไม่ไหว ทิ้งม้าสองตัวไว้ด้านข้าง กุมเสื้อผ้าบริเวณท้องน้อย สาวเท้ายาวมาข้างหน้า“เชียนหลี รีบดูเร็วเข้าสิ เจ้ามีทางผิด...” หวังอย่างแน่นอน“อย่าเข้ามานะ!”ฉู่เชียนหลีรีบถอยหลังไปสามก้าว ยื่นมือทั้งสองข้างออกมาอย่างระวังตัว ทำท่าทางพร้อมจะต่อสู้ กล่าวเสียงสั่นเครือ“เฟิงเย่เสวียน เดิมทีคิดว่าหลังจากที่ร่วมปราบโจรที่ภูเขากว่างหนิง และร่วมกันลาดตระเวนทางใต้ด้วยกันแล้ว ท่านจะเป็นท่านอ๋องที่ดีที่ทำเพื่อประชาชน แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่าท่านจะเป็นคนเช่นนี้!”นางรู้สึกไร้ยางอายเป็นอย่างยิ่งที่ต้องตำหนิเขาเฟิงเย่เสวียน “?”“การพูดจาแทะโลมหญิงสาวจากตระกูลที่ดีสนุกมากงั้นหรือ? หนังสือนักปราชญ์ราชบัณฑิตตลอดหลาย
เหล่าทหารตื่นตัวขึ้นมาทันที ทุกคนพากันหันไปมอง ก็เห็นร่างเงาสีดำวิ่งผ่าน สีหน้าเปลี่ยนฉับพลัน“แย่แล้ว!”“มีคนลอบโจมตี!”เสียงตะโกนทำให้ทุกคนตื่นตัว และคนหกเจ็ดสิบคนที่อยู่ใกล้ที่สุดก็รีบวิ่งมา พบฉู่เชียนหลีและคนอื่นแล้ว“จับพวกเขา!”ชักอาวุธออกมาโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ลงมือโดยตรงฉู่เชียนหลีเห็นท่าไม่ดี ทำได้เพียงถือกระบี่ต่อสู้กับพวกเขา“เผด็จศึกโดยเร็ว อย่ายืดเยื้อ เน้นช่วยคนเป็นหลัก!”ยิ่งสู้นาน ก็จะยิ่งดึงดูดคนมามากขึ้นฉวยโอกาสตอนที่การเคลื่อนไหวของที่นี่ยังไม่กระจายออกไป รีบจัดการโดยเร็ว ช่วยอ๋องเฉินออกมา และรีบถอนกำลัง นี่จึงจะเป็นกลยุทธ์ที่ดีที่สุด“เจ้าค่ะ!”หานอิ๋งชักกระบี่ พาเหล่าองครักษ์ลับพุ่งออกไป เริ่มสู้กับเหล่าทหาร“ลงมือ!”จวินอี้หลินตวาดเบาๆ เขาดึงน้องสาวมาไว้ในอ้อมแขน ใช้มือข้างหนึ่งถือกระบี่ ต่อสู้กับทหารเหล่านั้นจนโกลาหลไปหมดทันใดนั้น ประกายดาบ เงากระบี่ เสียงตะโกน การต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือดปัง!เคร้ง!“อ่า!”“พู่!”“ฉึก!”ในการต่อสู้ที่ดุเดือด มีคนล้มลง มีคนได้รับบาดเจ็บ มีคนกระอักเลือด ชั้นวาง ท่อนไม้ กาน้ำ ของต่างๆ ล้มเกลื่อนพื้นวุ่นวายไป
หลังจากฉู่เชียนหลีรวบรวมคนในเวลาที่สั้นที่สุดเท่าที่จะทำได้ ขณะเตรียมตัวออกเดินทาง ได้พบกับองค์ชายรองแคว้นหนานยวนหลังจากรู้จุดประสงค์การมาของเขา นางขมวดคิ้วแน่นองค์ชายรองเข้าร่วม นางย่อมยินดี แต่สายตาของนางมองไปที่จวินลั่วยวนโดยตรง กล่าวอย่างตรงไปตรงมา“นาง ไปไม่ได้”นิ้วชี้ชี้ไปทางจวินลั่วยวนโดยตรง“!”จวินลั่วยวนกระทืบเท้าทันที “เพราะอะไร!”แม้แต่เสด็จพี่รองก็ตอบตกลงแล้ว นางไปได้ไม่ได้ เกี่ยวอะไรกับฉู่เชียนหลี?“อ๋องเฉินถูกจับ พวกเราเป็นพันธมิตรกัน ข้าช่วยออกแรงอีกส่วนมันจะเป็นอะไร? เจ้าคิดว่าอาศัยแค่เจ้าคนเดียว สามารถช่วยอ๋องเฉินได้หรือ?”“การมีคนเพิ่มขึ้นหนึ่งคน ก็เท่ากับมีกำลังเพิ่มขึ้นหนึ่งส่วน จิตใจเจ้าคับแคบมาก ช่วยเปิดใจหน่อยได้หรือไม่?”เมื่อหานอิ๋งได้ยินคำพูดนี้ ก็จะพุ่งเข้าไปด้วยความหงุดหงิดทันทีพระชายาของพวกเขา ถึงคราวที่คนนอกจะมาสั่งสอนตั้งแต่เมื่อไร?คนที่ท่านอ๋องยังไม่ยอมตำหนิเลย จะปล่อยให้ขยะอย่างนางมารังแกได้อย่างไร?“หานอิ๋ง”ฉู่เชียนหลีห้ามนาง มีปัญหาน้อยลงดีกว่ามีปัญหาเพิ่ม อย่าทะเลาะกัน“พระชายา…”“ช่างเถอะ”จวินอี้หลินจับมือของจวินลั่วยวนแล้วก
เนื่องจากอ๋องเฉินถูกจับ บรรยากาศในทำเนียบจึงตึงเครียดมาก ทุกคนตั้งสติ ฟังคำสั่งของพระชายา ยืนเฝ้าประจำจุดของตัวเองอย่างเข้มงวดฉู่เชียนหลีออกคำสั่งปิดข่าว ห้ามแพร่งพรายเด็ดขาด เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดความตื่นตระหนกที่ไม่จำเป็นนอกทำเนียบอีกด้านของถนนจวินลั่วยวนนั่งอยู่บนบันได ระหว่างเข่าที่ชนกัน มีลูกอมที่เพิ่งซื้อมาวางอยู่หลายถุงนางกัดไม้เสียบเล็กๆ ไว้ พลางเลียลูกอม ดวงตาที่สวยงามคู่นั้น มองเห็นที่ทหารที่วิ่งไปวิ่งมาด้วยสีหน้าร้อนใจ จากประตูใหญ่ของทำเนียบที่เปิดกว้าง เหมือนกับว่าเกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้นนางหรี่ตาเลียมุมปาก“หวานจัง”ซวงซวงกล่าวเสียงเบา “องค์หญิง ขนมนี่หวานเกินไป ท่านกินน้อยหน่อย ระวังฟันผุนะเจ้าคะ”“ซวงซวง ขนมนี่ไม่หวาน ความหมายของข้าคือ ข้ามีความสุข”จวินลั่วยวนลุกขึ้นยืน โยนถุงลูกอมให้ซวงซวง อมไว้ในปากหนึ่งชิ้น เดินกระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุขซวงซวงสงสัยมีความสุข?มีความสุขอะไร?ก็แค่กินขนม ก็มีความสุขเช่นนี้แล้ว? หรือเป็นเพราะองค์ชายรองมา องค์หญิงมีความสุขมาก?ศาลาพักม้าจวินลั่วยวนเพิ่งกลับมา เห็นผู้ชายคนหนึ่งที่ท่าทางเหมือนรองแม่ทัพ กำลังรายง
ฉู่เชียนหลีเป็นคนประเภทชอบลงมือทำ พูดแล้วก็ทำเลยบ่ายวันนั้น อวิ๋นอิงก็ไปซื้อเรียนสำหรับเด็กมาแล้ว ในหนังสือมีภาพว่า และตัวอักษรขนาดใหญ่ เหมาะกับเด็กอายุสามสี่ขวบที่เพิ่งหัดอ่านฉู่เชียนหลีถือหนังสือ สอนเด็กทั้งสองอย่างอดทน“แมลงปอ”“เว่ยซี จื่อเยี่ย ดู อันนี้เรียกว่าแมลงปอ มีปีกยาวๆ หนึ่งคู่ และยังมีตาที่โต”“นี่คือผีเสื้อ มา อ่านตามแม่ ฮวาหูเตี๋ย”เว่ยซีมองนมจนน้ำลายไหล ดูน่าสงสารมากจื่อเยี่ยอ้าปากส่งเสียงอีอาๆ แต่พูดไม่ชัด ไม่สามารถออกเสียงที่ถูกต้อง หัดพูดจนแก้มสีชมพูจะกลายเป็นสีแดงแล้ว“ฮวา…ฝู…ฝู…ฝูเตี๋ย…”“ไม่ถูก ฮวาหูเตี๋ย”“ฮวา…ฝู…เตีย…เตียเตี่ย!”พลันจื่อเยี่ยตาเป็นประกาย จู่ๆ ก็โบกมือน้อยเหมือนผีเสื้อกระพือปีก ปากก็ตะโกนอย่างสนุกสนาน“เตียเตี่ย!”ความหมายของเขาเหมือนกำลังบอกว่า เตียเตี่ย[1]เป็นผีเสื้อ “...”อวิ๋นอิงอุ้มเจี๋ยวเจี๋ยวยืนดูที่ข้างๆ รู้สึกเพียงภาพนี้โหดร้ายและไร้มนุษยธรรมมาก จู่ๆ ก็สงสารเว่ยซีกับจื่อเยี่ยอย่างอธิบายไม่ถูกเด็กบ้านอื่นเริ่มเรียนตอนอายุห้าขวบแต่ของพระชายา หนึ่งขวบก็เริ่มเรียนแล้วนางก้มหน้า มองใบหน้าเล็กของลูกสาว กล่าวเสียงเบา
สองวันต่อจากนั้น ค่อนข้างสงบเพียงแต่สงครามกำลังจะปะทุขึ้นแล้ว เมื่อครึ่งเดือนก่อน อ๋องเฉินยึดเมืองเจียหนานได้ในคราวเดียว เพื่อโต้ตอบ ฮ่องเต้หลีเลือกที่จะร่วมมือกับแคว้นซีอวี้ ได้รับม้าศึก อาวุธ และยอดทหารที่หนึ่งคนสามารถสู้สิบคน เตรียมพร้อมลงสนามรบทุกเมื่อ สงครามดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ“กลับมาอย่างปลอดภัยนะ”ฉู่เชียนหลีผูกสายรัดเอวของเสื้อเกราะอ่อน สวมเสื้อเพ้าชั้นนอก และจัดแจงให้เฟิงเย่เสวียน ก่อนออกเดินทาง โอบเอวของเขาไม่ยอมปล่อยเป็นเวลานานเฟิงเย่เสวียนลูบศีรษะน้อยๆ ของนาง“อยู่บ้านดูแลเว่ยซีกับจื่อเยี่ยให้ดี อย่างมากข้าไปสองวันก็กลับ”“ระวังตัวด้วย”“อืม”จูบกลางหว่างคิ้วของนาง ถือกระบี่เดินจากไปฉู่เชียนหลีไปส่งถึงประตูใหญ่ กระทั่งมองไม่เห็นแผ่นหลังของเขา จึงจะกลับจวนร่างกายของอวิ๋นอิงฟื้นตัวได้ดี สีหน้าก็ดูดีขึ้นมาก มีกู่แพทย์คอยบำรุงรักษา สุขภาพของนางค่อยๆ ดีขึ้น และไม่กระอักเลือดแล้ว“พระชายา งานเลี้ยงอายุครบหนึ่งปีของเว่ยซีกับจื่อเยี่ย จะเชิญใครบ้างเจ้าค่ะ?” อวิ๋นอิงกำลังวางแผนพริบตาเดียว ยังเหลืออีกเจ็ดวัน เจ้าเด็กน้อยทั้งสองก็จะอายุหนึ่งปีแล้วเวลาผ่านไปเร็วมาก
เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าจวินลั่วยวนเปลี่ยนฉับพลัน กลิ่นอายรอบกายขรึมลง มีความตื่นตระหนกสายหนึ่งแลบผ่านแววตาอย่างรวดเร็วพริบตาเดียวไม่นานก็สงบลง บนใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ“ท่านหมายความว่าอย่างไร?”“นี่ท่านพูดอะไรของท่าน!”นางสะบัดมือของจวินชิงอวี่หลุด ลุกขึ้นยืน ทั่วร่างเต็มไปด้วยความโกรธที่ถูกปรักปรำ“ข้าเป็นน้องสาวแท้ๆ ของท่าน ท่านกลับคิดว่าข้าทำเรื่องที่ไร้มโนธรรมเช่นนี้? เสด็จพี่สาม ก่อนที่ท่านจะพูด เคยถามใจตัวเองดูหรือไม่!”นางคำรามออกมาอย่างแค้นเคืองต่อความไม่เป็นธรรม ดวงตาก็กลายเป็นสีแดงไปแล้วจวินชิงอวี่รักนางมาก ตั้งแต่เล็กจนโต ไม่เคยตำหนินางแม้แต่คำเดียวแต่…“ยวนเอ๋อร์ เดิมทีคนที่วางยา เป็นคนตัดฟืนของทำเนียบเจียงหนาน รับคำสั่งจากฮองเฮาตงหลิง วางยาพิษทำร้ายพี่น้องฝาแฝด ถูกพระชายาอ๋องเฉินจับได้”“แต่เมื่อวานเจ้าส่งคนไปทำเนียบ คนตัดฟืนคนนี้ก็มาอยู่ที่ศาลาพักม้าแล้ว”“กลางคืน เสด็จแม่ก็ถูกพิษแล้ว”นำทั้งหมดนี้มาเชื่อมโยงกัน จะไม่ให้เขาสงสัยได้อย่างไร?จวินลั่วยวนเบิกตากว้าง“ข้าเป็นห่วงความร่วมมือของแคว้นหนานยวนกับอ๋องเฉิน ส่งคนไปลองถามดู ท่านกลับคิดว่าข้าติดสิ
ความจริงเป็นไปตามที่ฉู่เชียนหลีคาดการณ์หลังจากจวินชิงอวี่ตามจวินลั่วยวนทัน ปลอบใจนางอยู่นาน เขารับประกันและใช้คำพูดดีๆ สารพัด จึงจะสามารถทำให้น้องสาวหายโกรธกลับถึงศาลาพักมา ก็พลบค่ำแล้วฮองเฮาหนานยวนฟื้นแล้ว“เสด็จแม่ ท่านฟื้นแล้ว!”“เสด็จแม่ ท่านรู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือไม่? เจ็บคอหรือไม่?”จวินชิงอวี่ถามอย่างประหม่า จวินลั่วยวนรินน้ำอุ่นมาหนึ่งแก้ว ทั้งสองเฝ้าอยู่ที่หน้าเตียง มองมารดาด้วยความห่วงใยฮองเฮาหนานยวนรู้สึกเจ็บแบบแสบร้อนในลำคอ แค่ขยับเล็กน้อยก็เจ็บแสบมาก แม้กลืนน้ำก็เจ็บจนหน้าซีดนางเม้มปาก ไม่พูดสักคำจวินชิงอวี่จับมือของนาง กล่าวอย่างปวดใจ“เสด็จแม่ ท่านไม่ต้องกังวล พวกเราใช้ยาที่ดีที่สุดแล้ว ต้องดีขึ้นแน่นอน ทักษะการแพทย์ของพระชายาอ๋องเฉินเลิศล้ำ มีนางอยู่ ท่านจะต้องหายดีแน่นอน”จวินลั่วยวนพยักหน้า“ใช่แล้ว เสด็จแม่ ท่านก็อย่าเสียใจไปเลย อีกสามถึงห้าปีก็หายแล้ว”“...”คำพูดนี้ ฟังดูก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรแต่หากตั้งใจฟัง สำหรับฮองเฮาหนานยวนที่ชอบร้องเพลง ไม่ใช่จงใจพูดเสียดสีหรอกหรือ?ฮองเฮาหนานยวนถือแก้วน้ำ พิงอยู่ตรงหัวเตียง ค่อยๆ หลุบตา พูดไม่ออก และไม่อยา
จวินลั่วยวนตื่นตระหนกแล้วนางคิดไม่ถึงว่าตัวเองจะตกหลุมพรางของฉู่เชียนหลี ตอนนี้ไม่สามารถทำให้นางตาย และยังทำให้เสด็จพี่สามสงสัย ไม่เพียงไม่ได้อะไรเลย แถมยังเสียอีกต่างหาก“เสด็จ เสด็จพี่สาม…”จบแล้ว!นางจะสูญเสียความรักของเสด็จพี่สามไม่ได้!จะปล่อยให้นางแพศยาฉู่เชียนหลีทำสำเร็จไม่ได้เด็ดขาด!สมองของจวินลั่วยวนแล่นอย่างรวดเร็ว ในเวลาสั้นๆ สองวินาที คิดแผนรับมือได้แล้ว เบ้าตาแดงก่ำโดยตรง มีน้ำตาไหลออกมาจากดวงตาที่กลมโต นางกล่าว“เสด็จพี่สาม ดีจังที่ท่านไม่เป็นอะไร!”“ข้าได้ยินซวงซวงบอกว่าท่านกับพระชายาอ๋องเฉินออกมาด้วยกัน และยังมาสถานที่ลับเช่นนี้อีก ข้าคิดว่าพวกท่านทำ…เรื่องอะไรที่ให้คนอื่นรู้ไม่ได้เสียอีก”“ข้าเป็นห่วงท่านจึงตามมา เสด็จพี่สาม ท่านไม่โทษข้ากระมัง?”น้ำตาแห่งความกังวลและไร้เดียงสาไหลออกมาจากหางตาของนางจวินชิงอวี่ชะงักเล็กน้อย“เป็นห่วง?”“ใช่แล้ว ท่านเป็นพี่ชายของข้า พระชายาอ๋องเฉินก็เป็นผู้หญิงที่มีสามีแล้ว พวกท่านสองคนอยู่ในห้องเดียวกัน และยังอยู่ด้วยกันนานเช่นนี้ จะไม่ให้คิดมากได้อย่างไร?”ทุกคำพูดของจวินลั่วยวนฟังดูมีเหตุผลมาก“ข้าคิดว่าพวกท่านกำลัง…
หลังจากหัวเราะอย่างเย้ยหยัน นางไม่พูดอะไรอีก โคจรกำลังภายใน ประสานฝ่ามือกับจวินชิงอวี่จวินชิงอวี่รู้สึกเพียงมีกำลังภายในที่เย็นเฉียบสายหนึ่งไหลเข้าสู่ร่างกาย ความเย็นและความร้อนประสานกัน ปรับสมดุลให้กันและกัน เขารีบหลับตา โคจรเคล็ดวิชาเหมันต์ภายในห้อง เข้าสู่ความเงียบ…นอกประตูองครักษ์ลับเฝ้าไว้นอกประตูใหญ่ รถม้าคันหนึ่งค่อยๆ แล่นเข้ามาหยุดอยู่ที่ตรงข้ามกับบ้าน มือเล็กๆ ที่ขาวนวลข้างหนึ่งเลิกม่านขึ้น แล้วกระโดดลงมา“ที่นี่หรือ?”จวินลั่วยวนยืนอย่างมั่นคง เงยหน้ามองไปเป็นสถานที่ที่เงียบสงบซวงซวงกล่าวเสียงเบา “เจ้าค่ะองค์หญิง องค์ชายสามกับพระชายาอ๋องเฉินเข้าไปข้างในสามเค่อแล้ว”จวินลั่วยวนหรี่ตา“แม้แต่โรคร้อนก็สามารถรักษา ฉู่เชียนหลีคนนี้พอจะมีความสามารถอยู่บ้าง”ทักษะการแพทย์ดี มีประโยชน์อะไร?สุดท้ายก็ต้องตายอยู่ดีไม่ใช่หรือ?เมื่อวานตอนอยู่หอน้ำชา ได้ยินบทสนทนาของพวกเขาสองคน เมื่อไรที่เริ่มรักษา ห้ามถูกขัดจังหวะเด็ดขาด จะส่งผลให้กำลังภายในย้อนกลับ ทั้งสองจะกระอักเลือดจนตายขอแค่นางบุกเข้าไป ก็สามารถเอาชีวิตของฉู่เชียนหลีเพียงแต่…น่าเสียดายน่าเสียดายที่เสด็จ