หลังจากฉู่เชียนหลีคุกเข่าทูลลา ก็หมุนกายเดินจากไป ฮ่องเต้เล่นนาฬิกาพกด้วยความสนใจ พลิกขึ้นพลิกลงและซ้ายขวา เต๋อฝูยืนอยู่ด้านข้าง สีหน้าตระหนกตกใจเป็นพิเศษเขาอ้าปาก อยากพูดแต่ก็ลังเล“ฝ่า ฝ่าบาท…ความหมายของพระองค์คือ พระชายาอ๋องเฉินจะเอาไม้นั่นไปตี ตี…ตี…”คำพูดที่เหลือ เขาตกใจจนไม่กล้าพูดออกมาฮ่องเต้พ่นลมออกจากจมูกอย่างไม่สบอารมณ์ “นางกล้าโกหกแม้แต่เรา ยังมีอะไรที่นางไม่กล้าทำอีก?” “หา!” เต๋อฝูยิ่งกลัวแล้ว “นาง นางโกหกอะไรพระองค์หรือพ่ะย่ะค่ะ?”ฮ่องเต้เหลือบมองเขาแวบหนึ่ง “ว่าเจ้าโง่เขลา เจ้าก็โง่เขลาจริงๆ แม่ฉู่เชียนหลีไม่รักนางตั้งแต่เด็ก แต่ชอบพี่สาวคนโต หากแม่นางมีมรดกตกทอดอะไรจริงๆ ก็คงให้ฉู่เจียวเจียวนานแล้ว ยังจะถึงคราวของฉู่เชียนหลีหรือ?”ดังนั้น คำพูดเมื่อครู่ของฉู่เชียนหลีคือกำลังโกหกเขานางหนูน้อย อายุแค่นี้ แต่กลับรู้จักใช้ประโยชน์ความปรารถนาของเขา แสวงหาผลประโยชน์สูงสุดให้ตนเอง นี่ไม่ใช่เรื่องที่ใครก็กล้าทำเหอะๆ!นิสัยนี่ ไม่รู้ว่าเก่งกว่าขุนนางในราชสำนักกี่คน เขาชอบเต๋อฝู “...”ยอมรับความโง่เขลาของตนเองแต่เหตุใดฝ่าบาทจึงไม่เปิดโปงพระชายาอ๋องเฉิน ทั้งๆ ท
เฟิงเย่เสวียน “...”เขายืนตัวตรง เห็นนางกุมท้องหัวเราะเสียงดัง ท่าทางที่หัวเราะจนฟันทั้งสองแถวยื่นออกมา เกิดความรู้สึกอยากบีบคอนางให้ตายกะทันหันกล้าหลอกเขา!โมโหจนกัดฟัน “เดิมทีตั้งใจจะพาเจ้าไปล่าสัตว์ที่ชานเมือง แต่ดูจากการแสดงออกของพระชายา ดูเหมือนไม่อยากไปล่าสัตว์มากนัก”ฉู่เชียนหลียิ้มแย้ม ทั้งซนทั้งร้าย“เช่นนั้นไม่ไปก็แล้วกัน เพราะอย่างไรข้าก็ไม่ชอบล่าสัตว์ ข้าเป็นผู้หญิงนะ ผู้หญิง ข้ากลับไปเย็บปักถักร้อยที่จวนดีกว่า”พูดจบก็ไปแล้ว“?”ไปทั้งเช่นนี้แล้ว?ไปแล้ว?ไร้ความเมตตา!เฟิงเย่เสวียนหน้าบึ้งอยู่ห้านาที กัดฟันกรามดังกรอดช่างเถอะ ลูกผู้ชายอกสามศอก ไม่ถือสาผู้หญิง!เขาก้าวเท้ายาวไล่ตามออกไป หิ้วคอเสื้อหลังฉู่เชียนหลี “ไปล่าสัตว์กัน”“เอ๋? ท่านบอกไม่ไปไม่ใช่หรือ? เหตุใดจู่ๆ ก็จะไป? ท่านมันเหมือนยายแก่ขี้งอน…”“หุบปาก!”“...”หลังจากนั้นหนึ่งชั่วยามจูงม้า พาผู้ติดตามไปด้วยหลายคน ขบวนที่เรียบง่ายกลุ่มหนึ่งออกจากเมือง ไปตามถนนเส้นเล็กเข้าสู่เขตป่าชานเมือง ดวงอาทิตย์ที่เจิดจ้าลอดผ่านช่องว่างระหว่างใบไม้ สาดส่องลงบนพื้น สะท้อนแสงและเงาสีสันหลากหลาย อ่อนโยนและสบา
โดยทั่วไปแล้วผู้หญิงขี่ม้าไม่เป็น และยิ่งขี่ม้ายิงธนูไม่เป็น การล่าสัตว์มักจะเป็นเวลาที่ผู้ชายแสดงเสน่ห์ ความสามารถ และความกล้าหาญส่วนตัวเขายังไม่ทันง้างธนู ฉู่เชียนหลีก็ผ่านไปแล้วห้าด่าน ล่าไปแล้วหกตัว ไม่เพียงทักษะการขี่ม้าดี ทักษะธนูยิ่งดีเหตุใดเมื่อก่อนเขาจึงไม่รู้ว่านางขี่ม้ายิงธนูเป็น?หานเฟิงกับเยว่เอ๋อร์ และยังมีเจ้าดำน้อย ล้วนไปตามอยู่ข้างหลังฉู่เชียนหลี ปรบมือดังเพียะๆ กลายเป็นกองให้กำลังใจ ส่วนเขาโดดเดี่ยวเพียงลำพัง ไม่มีใครเหลียวแลเขากระตุกบังเหียนแน่น ไล่ตามออกไป“อากาศดีมาก เหมาะแก่การล่าสัตว์ พวกเรามาแข่งกัน เป็นอย่างไร?”“หือ?” ฉู่เชียนหลีลดมือที่กำลังง้างธนูลง มีประกายแห่งความสนใจปรากฏขึ้นในแววตาหลายส่วน “แข่งอย่างไร?” “ใครยิงเหยื่อได้มากกว่าใครชนะ ผู้ชนะสามารถเรียกร้องจากอีกฝ่ายได้หนึ่งข้อ และอีกฝ่ายต้องตอบตกลงอย่างไม่มีเงื่อนไข กล้าแข่งหรือไม่?”สี่คำสุดท้าย มันคือกลยุทธ์ยั่วยุฉู่เชียนหลีไม่ใช่คุณหนูที่ถูกเลี้ยงดูในเรือนส่วนหลัง ความปรารถนาของแพ้ชนะถูกกระตุ้นทันที คันธนูยาวเคาะหน้าผาก ยิ้มอย่างยั่วยุ“ยินดีอย่างยิ่ง”เมื่อสิ้นเสียง ก็กระตุกม้าวิ่งไป
“ไม่เป็นไรกระมัง” เฟิงเย่เสวียนเงยหน้า ในแววตาเต็มไปด้วยความร้อนรน “มีตรงไหนได้รับบาดเจ็บหรือไม่?”เขารีบจับไหล่นาง จับแขนนาง ตรวจดูตั้งแต่หัวจรดเท้า“ข้าสบายดี” โชคดีที่หลบได้ทันเวลา ไม่เช่นนั้นโดนงูพิษกัดแน่เฟิงเย่เสวียนเห็นว่านางไม่เป็นอะไร ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความมั่นใจ จึงจะถอนหายใจอย่างโล่งอก คลายร่างที่ทับอยู่บนร่างกายฉู่เชียนหลี ฉู่เชียนหลีเพิ่งจะมารู้สึกถึงความหนักทีหลังผู้ชายคนนี้ต้องหนักห้าร้อยชั่งแน่เลย!สองมือฉู่เชียนหลียันหน้าอกเขา “ท่านลุกก่อน…อ่า!”เพิ่งดันขึ้นห้าเซนติเมตร ก็หมดแรงแล้ว ร่างกายของเฟิงเย่เสวียนทับลงไปอีกครั้งใบหน้าที่หล่อเหลาจนมนุษย์และเทพโกรธเคืองขยายใหญ่ต่อหน้า!ละเอียดอ่อนจนสามารถมองเห็นแม้แต่รูขุมขน!จากดวงตาสีหมึกของเขา นางมองเห็นตนเองอย่างชัดเจน…ร่างกายสองร่างแนบชิดติดกันแน่นจนแยกไม่ออก ห่างกันใกล้มาก ปลายจมูกของเฟิงเย่เสวียนชิดปลายจมูกฉู่เชียนหลี ริมฝีปากทั้งสองห่างกันแค่เส้นผมเส้นเดียวพริบตานั้น ราวกับอากาศหยุดนิ่ง…ลมหายใจที่นุ่มนวลพ่นใส่ใบหน้าของอีกฝ่าย อุ่นๆ จางๆ ทว่าอุณหภูมิกับพุ่งสูงขึ้นในพริบตา ราวกับเปลวไฟอันร้อนแรง จุดประก
กลางวันแสก ๆ ท้องฟ้าสดใส บนสวรรค์มีเทพคอยดูแล ใต้พิภพมียมบาลบัญชา ยังมีเจ้าที่เจ้าทางคอยจับตาดู คิดไม่ถึงว่าผู้ชายคนนี้...คิดไม่ถึงว่าเขา...เล่นสกปรกอย่างโจ่งแจ้ง!เป็นเพราะเมื่อครู่นี้จะโถมตัวใส่นางให้ล้ม แต่ไม่สำเร็จ อยากจะลงมือกับนางเป็นครั้งที่สอง?พระเจ้า!สวรรค์!ผู้ชายคนนี้ทะยานอยากระดับไหนกันแน่เนี่ย?เฟิงเย่เสวียนอยากจะแบ่งปันสิ่งของที่สวยงามให้กับฉู่เชียนหลีอย่างอดรนทนไม่ไหว ทิ้งม้าสองตัวไว้ด้านข้าง กุมเสื้อผ้าบริเวณท้องน้อย สาวเท้ายาวมาข้างหน้า“เชียนหลี รีบดูเร็วเข้าสิ เจ้ามีทางผิด...” หวังอย่างแน่นอน“อย่าเข้ามานะ!”ฉู่เชียนหลีรีบถอยหลังไปสามก้าว ยื่นมือทั้งสองข้างออกมาอย่างระวังตัว ทำท่าทางพร้อมจะต่อสู้ กล่าวเสียงสั่นเครือ“เฟิงเย่เสวียน เดิมทีคิดว่าหลังจากที่ร่วมปราบโจรที่ภูเขากว่างหนิง และร่วมกันลาดตระเวนทางใต้ด้วยกันแล้ว ท่านจะเป็นท่านอ๋องที่ดีที่ทำเพื่อประชาชน แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่าท่านจะเป็นคนเช่นนี้!”นางรู้สึกไร้ยางอายเป็นอย่างยิ่งที่ต้องตำหนิเขาเฟิงเย่เสวียน “?”“การพูดจาแทะโลมหญิงสาวจากตระกูลที่ดีสนุกมากงั้นหรือ? หนังสือนักปราชญ์ราชบัณฑิตตลอดหลาย
“เชียนหลี...”เวลานี้ ฉู่เชียนหลีนึกถึงพระไตรปิฎกที่เคยอ่านที่ถงเฟย ท่องในใจเงียบ ๆพูดไปก็น่าแปลก ท่องไปได้สองรอบ จิตใจก็สงบลงในขณะเดียวกัน เป็นเพราะจิตใจสงบ ไม่ว้าวุ่นแล้ว การได้ยินราวกับว่าแผ่ขยายไปไกลกว่าเดิม เหมือนกับว่า จะได้ยินเสียง...กรีดร้องอันน่าเวทนา?ฉู่เชียนหลีเงยหน้าขึ้นทันที“ท่านได้ยินเสียงอะไรหรือไม่?”เฟิงเย่เสวียนชะงักไปเล็กน้อย “เสียงอะไร?”“ท่านฟังให้ดี!”ฉู่เชียนหลีเงี่ยหูฟัง มองไปรอบ ๆ ป่า ทั่วทั้งสารทิศ ตามหาทุกหนทุกแห่ง “เหมือนว่าจะมีเสียงเรียก...”นางนำนกปี่อี้วางลงในพุ่มหญ้า แล้วจึงเดินตามทิศทางของเสียงร้องไปทิศทางที่เดินไปเป็นถนนหลวงสายตาของชายหนุ่มขรึมลงเล็กน้อย ทันใดนั้นก็สาวเท้าไปข้างหน้า คว้าข้อมือของนางเอาไว้ “ไม่มีเสียงอะไรจริง ๆ บางทีเจ้าอาจจะฟังผิดไป เดิมพันของพวกเรายังคงกำลังดำเนินการอยู่ มิสู้ไปล่าสัตว์ต่อ?”ฉู่เชียนหลีขมวดคิ้วนางไม่มีทางฟังผิดในป่าชานเมืองเช่นนี้ เงาของคนน้อยมาก อยู่ ๆ จะมีเสียงร้องขึ้นมาได้ยังไง?นางต้องไปดูหน่อยสะบัดมือของชายหนุ่มออก แล้วสาวเท้าเดินไป“เชียนหลี! เชียนหลี...” ชายหนุ่มร้องเรียกสองครั้ง เมื่
ฉีดยาชาเข้าไป เสียงกรีดร้องปานจะขาดใจตายของผู้หญิงค่อย ๆ สงบลงด้านในรถม้าที่แคบและเล็กบรรจุด้วยชีวิตของคนสองคน ภายใต้สภาพแวดล้อมที่ยากลำบาก ฉู่เชียนหลีพยายามทำคลอด...กลิ่นคาวเลือดที่รุนแรงด้านนอกรถม้าเฟิงเย่เสวียนยืนกอดอก หันหลังให้รถม้า จ้องมองไปยังหุบเขาสูงชันที่อยู่ไกลโพ้น ดวงตาอึมครึม มองอารมณ์ของเขาในเวลานี้ไม่ออกรองแม่ทัพเจียงกวาดสายตามองรถม้าที่ถูกปิดกั้นอย่างระมัดระวัง แล้วก็มองใบหน้าด้านข้างของชายหนุ่มอย่างระมัดระวังรออยู่ครึ่งเค่อ ยังไม่ได้ยินเสียงจากภายในรถม้าถามเสียงเบาอย่างระวัง“ท่านอ๋อง ผู้หญิงคนนั้นไม่ส่งเสียงแล้ว คงจะไม่ใช่ว่า...”ตายแล้ว?ชายหนุ่มเหลือบตามอง กวาดสายตามองเขาอย่างเย็นชาแวบหนึ่งสายตาที่เย็นชา คมกริบราวกับมีด ราวกับจะฆ่าคนได้รองแม่ทัพเจียงหัวใจกระตุก รีบก้มหน้าลงไป ไม่กล้าพูดมากอีกแม้แต่คำเดียวเป็นเขาที่ทำงานไม่รอบคอบ...เวลาผ่านไปอย่างช้า ๆ ...การรอคอยอย่างเงียบสงบอันยาวนานหลังจากผ่านไปสองชั่วยามในที่สุด ด้านในรถม้า ก็มีเสียงร้องของเด็กทารกดังขึ้น“เป็นเด็กผู้ชาย!”สายตาของเฟิงเย่เสวียนอึมครึมลงเล็กน้อย แรงอาฆาตปรากฏขึ้นใน
รองแม่ทัพเจียงอุ้มเด็กทารกที่กำลังร้องไห้เสียงดัง มองอ๋องเฉินกับพระชายาอ๋องเฉิน เขาอยู่ในความสับสนเพียงคนเดียว...ทิ้งความยุ่งเหยิงขนาดนี้ไว้ให้!นี่มันเรื่องอะไรกัน!รองแม่ทัพเจียงจำต้องอุ้มเด็กทารกที่ตัวเท่าฝ่ามือ ผลักประตูรถม้าออกด้านใน ผู้หญิงนอนรวยริน สีหน้าซีดขาว ไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงที่จะยกนิ้วเลยสักนิ้ว ใต้ตัว เต็มไปด้วยเลือดรองแม่ทัพเจียงถอนหายใจทีหนึ่งบางทีอาจจะเป็นเพราะสวรรค์มีตา ให้นางได้พบกับพระชายาอ๋องเฉิน ชีวิตไม่ควรจบสิ้นเขาโน้มตัวไปด้านหน้า นำเด็กที่เพิ่งคลอดวางไว้ในอ้อมแขนของฮูหยินคำพูดที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน ทำให้ผู้หญิงตัวเย็นเยือกไปทั้งตัว“รถม้าไม่มีทางพลิกคว่ำโดยไม่มีสาเหตุ”คำพูดที่มีความหมายลึกซึ้งราวกับน้ำเย็นกะละมังหนึ่ง ที่ราดตั้งแต่หัวจรดเท้า ผู้หญิงเข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมาทันที พยายามกอดลูกเอาไว้แน่น มองรองแม่ทัพเจียงอย่างหวาดระแวง“ไม่...”นางเข้าใจแล้ว...ผู้หญิงในจวนอัครมหาเสนาบดีกงมีมากมาย ท่านอัครมหาเสนาบดีกงมีเรื่องระหว่างชายหญิงแทบทุกคืน นานวันเข้า อี๋เหนียงที่ตั้งครรภ์ก็เพิ่มขึ้นมากมายแต่พูดไปก็น่าประหลาด เด็กพวกนี้ไม่ได้คลอดออกม
อันธพาลเจ็บจนกรีดร้องเหมือนหมูโดนเชือด “อ๊ะๆ!”ยังไม่ทันได้พักหายใจ ก็โดนถีบจนไปกลิ้งอยู่บนพื้น รองเท้าปักลายดอกไม้เหยียบลงบนหน้าอก หนักจนทำให้เขาหายใจไม่ออก กระอักเลือดออกมา“พู่!”เขากอดต้นขาของอวิ๋นอิง อยากดิ้นให้หลุด แต่หาของอวิ๋นอิงกดทับอยู่บนร่างกายของเขาเหมือนเหล็กกล้า และเขาก็เหมือนกับปลาตัวหนึ่งที่ถูกตอกตะปูอยู่บนเขียง พยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แต่ก็ดิ้นไม่หลุดเจอผีแล้ว!ทั้งที่นางผอมเช่นนี้ เหตุใดจึงมีแรงมากเช่นนี้?ผู้หญิงคนนี้ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือ?ชาวบ้านก็ตะลึงเช่นกันอวิ๋นอิงอุ้มลูกสาวไว้ด้วยมือข้างเดียว ค่อยๆ ก้มลง ยกฝ่ามืออีกข้าง เหวี่ยงไปที่ใบหน้าของอันธพาลโดยตรง“ข้าสั่งให้เจ้าเก็บ”เพียะ!“ไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ?”เพียะ!“หูหนวกหรือ?”เพียะ!หนึ่งประโยค หนึ่งฝ่ามือ ตบจนอันธพาลหันซ้ายหันขวา มุมปากแตกมีเลือดไหล หูอื้อ สะบักสะบอมเหมือนสุนัขจรจัดตัวหนึ่ง ไม่หลงเหลือความฮึกเหิมของก่อนหน้านี้เลย“ลูกพี่!”ลิ่วล้อสามคนคว้าโต๊ะเก้าอี้และท่อนไม้ที่อยู่ข้างๆ ฟาดไปทางอวิ๋นอิงอย่างแรงอวิ๋นอิงกระโดนหมุนตัวเตะพวกเขาสามคนจนลอยกระเด็นออกไปไกลเจ็ดแปดเมตร โดยไม่หั
ตงหลิงเจียงหนาน ทำเนียบสามเดือนที่พระชายาจากไป อ๋องเฉินเอาแต่เก็บตัว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลก หานเฟิงต้องรับผิดชอบงานแทนทุกอย่าง เมื่อนานวันเข้า โลกภายนอกต่างกำลังคาดเดา จิตใจของอ๋องเฉินได้รับกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ล้มแล้วลุกไม่ขึ้น เกรงว่าเหลือเวลาอีกไม่นานแล้วช่วงนี้ ในที่สุดอาการบาดเจ็บของจิ่งอี้ก็ดีขึ้นแล้วอาการบาดเจ็บทางกระดูกหรือเส้นเอ็น ต้องรักษาอย่างน้อยหนึ่งร้อยวันในที่สุดกระดูกซี่โครงที่หักสองซี่ก็หายดีแล้ว สามารถขี่ม้าได้แล้ว ตอนนั้นเขาบอกว่าจะนำทัพกลับแคว้นซีอวี้ทันทีแต่ก่อนไป เขาถามเหมือนไม่ใส่ใจ“เหตุใดไม่เจอแม่นางอวิ๋นอิงเลย?”จ้านหูจริงจังขึ้นมาทันที เขาตอบ“องค์ชายใหญ่ ข้าจะส่งคนไปสืบเดี๋ยวนี้!”“ไม่ต้อง”หลังจากปฏิเสธอย่างเฉยเมย ปีนขึ้นหลังม้า ขี่ออกไปคนเดียวแล้วจ้านหู “?”หมายความว่าอย่างไร?ตอนที่องค์ชายใหญ่หมดสติ แม้อวิ๋นอิงบอกว่าไม่สนใจ แต่แอบมาเยี่ยมองค์ชายใหญ่ตอนดึกดื่นเวลาที่ไม่มีคนองค์ชายใหญ่ก็อีกคน ทั้งที่คิดถึงอวิ๋นอิง แต่ไม่ยอมรับในใจของพวกเขาสองคนล้วนมีอีกฝ่าย ลูกสาวก็อายุเกือบครึ่งขวบแล้ว เหตุใดไม่ลองเปิดใจสักนิดแล้วอยู่ด้วยกันเลย
คืนแรกที่มาถึงต่างโลก ฉู่เชียนหลีฝันในความฝัน นางอยู่บนสนามรบ สู้จนตัวตาย เลือดไหลเป็นแม่น้ำ น่าสลดใจนัก…ในความฝัน นางได้ต่อสู้ร่วมกับชายคนหนึ่งที่มองไม่เห็นใบหน้า ร่วมเป็นร่วมตาย และยังมีเสียงที่นุ่มนิ่มของเด็ก เรียก ‘ท่านแม่’ ครั้งแล้วครั้งเล่าในความฝัน ราวกับนางได้รับความอยุติธรรมครั้งใหญ่ หัวใจเจ็บปวด และพยายามอธิบายสุดชีวิต แต่พวกคนที่เรียกตัวเองว่า ‘ครอบครัว’ ไม่เชื่อนาง และยังบีบคั้นนางสู่เส้นทางที่สิ้นหวังในความฝัน…มีคนกำลังเรียกนาง‘เชียนหลี…เชียนหลี…’ฉึก!ฉู่เชียนหลีลืมตาฉับพลัน ท้องฟ้าข้างนอกสว่างแล้ว แสงแดดอุ่นๆ ยามเช้าสาดส่องเข้ามา สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของอากาศ สงบมากนางรู้สึกเวียนศีรษะ และแน่นหน้าอกราวกับนางอยู่ในความฝันอันยาวนานจริงๆนางได้รับความอยุติธรรมนางถูกคนในครอบครัวฆ่าตายแต่เหตุใดนางจำผู้ชายที่เรียกนาง และภาพที่เรียกนางว่า ‘ท่านแม่’ ไม่ได้เลย“องค์หญิง ท่านตื่นแล้ว”เมื่ออ้ายอ้ายได้ยินเสียง ถือกะละมังน้ำอุ่นกับเครื่องใช้เข้ามาปรนนิบัติฉู่เชียนหลีนวดขมับ อยู่ในอาการเหม่อลอย แขนขาอ่อนแรง ไม่มีแรงขยับ ดึงผ้าห่มออก ลงจากเตียง สวมรองเท้
สาวใช้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็รีบฝนหมึกอย่างเชื่อฟังมองดูองค์หญิงรีบหยิบพู่กัน เขียนอะไรบางอย่าง ท่าทางที่รีบร้อนนั่น เมื่อก่อนเวลาที่นังเป็นห่วงคุณชายเซิ่น ยังไม่รีบร้อนเช่นนี้เลยองค์หญิงกระโดดสระน้ำ หมดสติไปสามวัน หลังจากฟื้น ก็เปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย?นิสัยเปลี่ยนไปน้ำเสียงเปลี่ยนไปแต่เมื่อลองตั้งใจมอง องค์หญิงยังคงเป็นองค์หญิง ยังคงเป็นใบหน้าที่คุ้นเคยฉู่เชียนหลีเขียนอย่างรวดเร็ว…อ๋องเฉินเป็นอย่างไรบ้าง ข้าอยู่แคว้นหนานยวน…พลางเขียน พลางกล่าวอย่างรีบร้อน “รีบไปหาคน ช่วยข้าส่งจดหมายฉบับนี้ไปให้อ๋องเฉินที่ตงหลิงเจียงหนาน”นางอยากบอกความจริงกับเฟิงเย่เสวียน ต่อให้ตนลืมแล้ว แต่เฟิงเย่เสวียนจำนางได้เขาจะต้องมาหานางแน่นอนไม่ช้าก็เร็วสักวัน พวกเขาครอบครัวสี่คนจะอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา“อ๋องเฉินแห่งตงหลิงเจียงหนาน?”สาวใช้เกาศีรษะด้วยความสงสัย “องค์หญิง ท่านส่งจดหมายให้อ๋องเฉินทำไม? ท่านรู้จักอ๋องเฉินตั้งแต่เมื่อไร?”ฉู่เชียนหลีรีบกล่าว“อธิบายกับเจ้าไม่ได้ แต่ความสัมพันธ์ของข้ากับอ๋องเฉินไม่ธรรมดา…อ๋องเฉิน? อ๋องเฉินตงหลิง?”เงยหน้าฉับพลัน“ข้ารู้จักอ๋องเฉ
ทุกคน “...”สีหน้าฮ่องเต้หนานยวนดูไม่ดีนัก เซิ่ยซือเฉินเป็นแค่บัณฑิตคนหนึ่ง เพื่อบัณฑิตคนหนึ่ง ต้องทุ่มสุดตัวเช่นนี้เลย ต้องตื่นเต้นเช่นนี้เลย?ในฐานะองค์หญิง ไม่ควรมองให้ไกลกว่านี้หน่อยหรือ?เพื่อป้องกันจวินลั่วยวนทำร้ายตัวเอง เขาออกคำสั่ง มัดมือและเท้าของนางโดยตรงจวินลั่วยวนขยับไม่ได้แล้วเห็นท่าทางที่จะยิ้มไม่ยิ้มของฉู่เชียนหลี และยังเลิกคิ้วอย่างยั่วยุ นางโมโหจนแทบกัดลิ้นฆ่าตัวตายหลังจากเหตุการณ์ที่วุ่นวาย ไปจากตำหนักองค์หญิงฉู่เชียนหลีกับหลิงอี้ซิงเดินเคียงข้างกันจากไป เมื่ออารมณ์ดี จังหวะการเดินก็ผ่อนคลายเป็นพิเศษ อดไม่ได้ที่จะฮัมเพลงเบาๆฮัมไปฮัมมา จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าหลิงอี้ซิงเป็นผู้มีจิตใจเมตตา อุทิศตนให้กับความดีและคุณธรรมหยุดฝีเท้าหันไปถาม “ท่านพี่ ท่านน่าจะเห็นกระมัง ว่าข้าจงใจรังแกจวินลั่วยวน?”หลิงอี้ซิงเดินตามปกติ สายตามองไปข้างหน้า พยักหน้าอย่างเกียจคร้าน ตอบสั้นๆ เพียงคำเดียว“อืม”“ท่านไม่รู้สึกว่าข้านิสัยไม่ดีหรือ?”เขาหยุดเดินหันมามองนาง กล่าวอย่างจริงจัง “ที่เจ้ารังแกนาง นั่นก็ต้องเป็นเพราะนางล่วงเกินเจ้าก่อนแน่นอน ล้วนเป็นความผิดของนาง”เขาไ
“ยวนเอ๋อร์! ยวนเอ๋อร์!” ฮ่องเต้หนานยวนร้อนใจจนหน้าถอดสี “ใครก็ได้ ใครก็ได้รีบมาเร็ว ยวนเอ๋อร์เสียเลือดมากเกินไป หมดสติไปแล้ว!”จวินลั่วยวนที่ ‘เสียเลือดมากเกินไปจนหมดสติ’ “...”เจ้าน่ะสิที่เสียเลือดมากเกินไปเจ้าเสียเลือดมากเกินไปทั้งครอบครัว!หมอหลวงมาอย่างรวดเร็ว หลังจากทำแผลให้จวินลั่วยวนเสร็จ ถอนหายใจด้วยความกังวล “สามเดือนแล้ว ในที่สุดเอ็นขององค์หญิงก็เชื่อมต่อกัน คิดไม่ถึงว่าขาดอีกแล้ว ความพยายามในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาล้วนสูญเปล่า” ต่อจากนี้ก็ต้องใช้เวลาอีกสามเดือน เปิดบาดแผล บำรุงเอ็นทุกวันเมื่อฉู่เชียนหลีได้ยินคำนี้ เบ้าตาแดงฉับพลัน“ล้วนเป็นความผิดของข้า…”นางดึงชายเสื้อของหลิงอี้ซิง กล่าวเสียงสะอึก“ท่านพี่ ข้ามันไม่ดี ต้องเป็นเพราะเรื่องของคุณชายเซิ่นแน่ องค์โกรธข้า ไม่ชอบข้า จึงฟาดมือของตัวเองใส่เสา เพื่อเป็นการแสดงความรังเกียจต่อข้า”“ข้าทำร้ายนาง ฮือๆ…”หลิงอี้ซิงรักน้องสาว ทุกคนในแคว้นหนานยวนรู้เรื่องนี้แล้วฮ่องเต้หนานยวนกล่าวโทษนางได้อย่างไร?กลับกัน เขายังต้องขอร้องหลิงอี้ซิงทักษะการทำนายของหลิงอี้ซิงมีเพียงหนึ่งเดียวในใต้ฟ้า ตลอดหลายปีที่เขานั่งตำแหน
ระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน นางค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้เตียง จวินลั่วยวนนอนหลับแล้ว ไม่ได้เคลื่อนไหวเป็นเวลานาน หน้าซีดซูบผอม เหลือแต่หนังหุ้มกระดูกฉู่เชียนหลีเหลือบมองแวบหนึ่ง“เหตุใดข้อมือของนางยังมีเลือด?”สามเดือนแล้ว แผลยังไม่หาย?นางกำนัลที่อยู่ข้างๆ ตอบ“หมอหลวงบอกว่า จะใช้ยาพิเศษรักษาเอ็นมือและเท้าที่ขาดขององค์หญิง จำเป็นต้องเปิดแผล ขยับเอ็นที่ขาดไปรวมกันทุกวัน จนกระทั่งเชื่อมต่อกัน”“ฮืม?”ฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วด้วยความสนใจเช่นนี้ก็เท่ากับว่า จวินลั่วยวนต้องทนกับความเจ็บปวดที่ใช้มีดเปิดปากแผลทุกวันติดต่อกันสามเดือนเต็มๆ น่าสังเวชน่าจะเจ็บมากกระมัง?นางค่อยๆ นั่งลง จับข้อมือของจวินลั่วยวนเบาๆ มองผ้าพันแผลที่ถูกพันห้าหกรอบอย่างครุ่นคิดทันใดนั้นออกแรงกดที่นิ้ว“ซี้ด…!”จวินลั่วยวนเจ็บจนตื่น ลืมตาทันทีฉู่เชียนหลีรีบปล่อยมือ “โอ๊ย…ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจแตะตัวท่าน ดูท่านเจ็บมากเลยนะ ขอโทษจริงๆ”“!”หลินเหยี่ยมาอยู่ในตำหนักของนางได้อย่างไร?นางรังเกียจผู้หญิงคนนี้ที่สุด!อาศัยที่พี่ชายของตัวเองเป็นราชครู แสร้งทำเป็นช่วยเหลือชาวบ้าน ทำแต่ความดีทุกวัน มีแต่คนบอกว่าองค์หญ
เซิ่นสือเฉิน “?”เหตุใดวันนี้รู้สึกว่าหลิงเหยี่ยแปลกๆ?เมื่อก่อนนางชอบเขามากเลยไม่ใช่หรือ? เวลาที่เขาอ่านหนังสือ นางชอบมาอยู่ข้างๆ ฝนหมึกพัดลมให้เขา เวลาที่เขาเขียนหนังสือ นางชอบแอบที่นอกหน้าต่าง จับจิ้งหรีดเล่น เวลาที่เขางีบหลับ นางมักจะชงชาหิมะชั้นดีมาให้เขานางยังบอกว่าจะแต่งงานกับเขาคนเดียวเหตุใดแค่วันเดียว ก็ปล่อยวางได้แล้ว?“องค์หญิงหลิง ข้าขอโทษ” เขากล่าวอย่างรู้สึกผิดที่จริงเขาก็ชอบหลิงเหยี่ยเช่นกัน แต่องค์หญิงยวนบอกเขาว่าหลิงเหยี่ยนิสัยไม่ดี ชอบรังแกคนรับใช้ หาเรื่องชาวบ้าน ใส่ร้ายโยนความผิดให้ผู้อื่นด้วยวิธีที่น่ารังเกียจ และทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายเขาเป็นคนเรียนหนังสือ นิสัยซื่อตรง ไม่สามารถยอมรับคนที่จิตใจอำมหิตอย่างหลิงเหยี่ยเมื่อเปรียบเทียบกัน เขาชอบจวินลั่วยวนที่ไร้เดียงสา จิตใจดี และร่าเริงมากกว่า“เมื่อก่อนท่านส่งข้าเรียนหนังสือ ช่วยข้าหาอาจารย์ ใช้เส้นสาย ทำให้ข้าสอบติดขุนนาง…บุญคุณส่วนนี้ ข้า ข้าทำได้เพียงตอบแทนท่านชาติหน้าแล้ว…”ฉู่เชียนหลียิ้มอย่างอ่อนโยน“ไม่เป็นไร แค่เรื่องเล็กน้อย”“ได้ยินมาว่าองค์หญิงยวนได้รับบาดเจ็บ พวกเราเข้าวังไปดูนางกันเ
องค์หญิง?คุณชายเซิ่น?ฉู่เชียนหลีไม่ได้รับความทรงจำใดๆ เพิ่งมาที่นี่ครั้งแรก สับสนและงงงวยเล็กน้อยยังไม่ทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีเสียงฝีเท้าที่ยุ่งเหยิงและเสียงต่อต้านดังมาจากนอกประตู “ใต้เท้าหลิง! ใต้เท้าหลิง ต่อให้ท่านบีบคั้นข้าจนตาย ข้าก็ไม่แต่งงานกับนาง!”“ตั้งแต่ต้นจนจบ ในใจข้ามีเพียงองค์หญิงยวนเอ๋อร์เท่านั้น!”ยวนเอ๋อร์?องค์หญิง?ฉู่เชียนหลีเงยหน้ามองไป เห็นชายหนุ่มสวมชุดเพ้าสีขาวและที่ครอบผมหยก กำลังลากผู้ชายที่ท่าทางสุภาพเหมือนคนเรียนหนังสือเข้ามานางตระหนักถึงบางอย่าง รีบดึงสาวใช้ที่อยู่ข้างกายมาถามเบาๆ“ที่นี่คือแคว้นหนานยวน?”สาวใช้ “?”องค์หญิงเป็นอะไรไป?เหตุใดถามคำถามเช่นนี้?“องค์หญิง ท่าน…”“อย่าพูดไร้สาระ ตอบข้า!”สาวใช้ตกใจ รีบกล่าว “ท่านคือหลิงเหยี่ย องค์หญิงต่างแซ่ของแคว้นหนานยวน ใต้เท้าคือมหาราชครูของแคว้นหนวนยวน เป็นพี่ชายแท้ๆ ของท่าน เพราะใต้เท้าชำนาญการทำนาย เคยช่วยแคว้นสามครั้ง สร้างคุณประโยชน์มากมาย ท่านจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์หญิงต่างแซ่…”คำพูดที่เหลือ ฉู่เชียนหลีมองข้ามโดยตรงสิ่งเดียวที่นางคิดคือ นางถูกส่งมาเป็นองค์หญิงต่างแซ่ อีกท