กลางวันแสก ๆ ท้องฟ้าสดใส บนสวรรค์มีเทพคอยดูแล ใต้พิภพมียมบาลบัญชา ยังมีเจ้าที่เจ้าทางคอยจับตาดู คิดไม่ถึงว่าผู้ชายคนนี้...คิดไม่ถึงว่าเขา...เล่นสกปรกอย่างโจ่งแจ้ง!เป็นเพราะเมื่อครู่นี้จะโถมตัวใส่นางให้ล้ม แต่ไม่สำเร็จ อยากจะลงมือกับนางเป็นครั้งที่สอง?พระเจ้า!สวรรค์!ผู้ชายคนนี้ทะยานอยากระดับไหนกันแน่เนี่ย?เฟิงเย่เสวียนอยากจะแบ่งปันสิ่งของที่สวยงามให้กับฉู่เชียนหลีอย่างอดรนทนไม่ไหว ทิ้งม้าสองตัวไว้ด้านข้าง กุมเสื้อผ้าบริเวณท้องน้อย สาวเท้ายาวมาข้างหน้า“เชียนหลี รีบดูเร็วเข้าสิ เจ้ามีทางผิด...” หวังอย่างแน่นอน“อย่าเข้ามานะ!”ฉู่เชียนหลีรีบถอยหลังไปสามก้าว ยื่นมือทั้งสองข้างออกมาอย่างระวังตัว ทำท่าทางพร้อมจะต่อสู้ กล่าวเสียงสั่นเครือ“เฟิงเย่เสวียน เดิมทีคิดว่าหลังจากที่ร่วมปราบโจรที่ภูเขากว่างหนิง และร่วมกันลาดตระเวนทางใต้ด้วยกันแล้ว ท่านจะเป็นท่านอ๋องที่ดีที่ทำเพื่อประชาชน แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่าท่านจะเป็นคนเช่นนี้!”นางรู้สึกไร้ยางอายเป็นอย่างยิ่งที่ต้องตำหนิเขาเฟิงเย่เสวียน “?”“การพูดจาแทะโลมหญิงสาวจากตระกูลที่ดีสนุกมากงั้นหรือ? หนังสือนักปราชญ์ราชบัณฑิตตลอดหลาย
“เชียนหลี...”เวลานี้ ฉู่เชียนหลีนึกถึงพระไตรปิฎกที่เคยอ่านที่ถงเฟย ท่องในใจเงียบ ๆพูดไปก็น่าแปลก ท่องไปได้สองรอบ จิตใจก็สงบลงในขณะเดียวกัน เป็นเพราะจิตใจสงบ ไม่ว้าวุ่นแล้ว การได้ยินราวกับว่าแผ่ขยายไปไกลกว่าเดิม เหมือนกับว่า จะได้ยินเสียง...กรีดร้องอันน่าเวทนา?ฉู่เชียนหลีเงยหน้าขึ้นทันที“ท่านได้ยินเสียงอะไรหรือไม่?”เฟิงเย่เสวียนชะงักไปเล็กน้อย “เสียงอะไร?”“ท่านฟังให้ดี!”ฉู่เชียนหลีเงี่ยหูฟัง มองไปรอบ ๆ ป่า ทั่วทั้งสารทิศ ตามหาทุกหนทุกแห่ง “เหมือนว่าจะมีเสียงเรียก...”นางนำนกปี่อี้วางลงในพุ่มหญ้า แล้วจึงเดินตามทิศทางของเสียงร้องไปทิศทางที่เดินไปเป็นถนนหลวงสายตาของชายหนุ่มขรึมลงเล็กน้อย ทันใดนั้นก็สาวเท้าไปข้างหน้า คว้าข้อมือของนางเอาไว้ “ไม่มีเสียงอะไรจริง ๆ บางทีเจ้าอาจจะฟังผิดไป เดิมพันของพวกเรายังคงกำลังดำเนินการอยู่ มิสู้ไปล่าสัตว์ต่อ?”ฉู่เชียนหลีขมวดคิ้วนางไม่มีทางฟังผิดในป่าชานเมืองเช่นนี้ เงาของคนน้อยมาก อยู่ ๆ จะมีเสียงร้องขึ้นมาได้ยังไง?นางต้องไปดูหน่อยสะบัดมือของชายหนุ่มออก แล้วสาวเท้าเดินไป“เชียนหลี! เชียนหลี...” ชายหนุ่มร้องเรียกสองครั้ง เมื่
ฉีดยาชาเข้าไป เสียงกรีดร้องปานจะขาดใจตายของผู้หญิงค่อย ๆ สงบลงด้านในรถม้าที่แคบและเล็กบรรจุด้วยชีวิตของคนสองคน ภายใต้สภาพแวดล้อมที่ยากลำบาก ฉู่เชียนหลีพยายามทำคลอด...กลิ่นคาวเลือดที่รุนแรงด้านนอกรถม้าเฟิงเย่เสวียนยืนกอดอก หันหลังให้รถม้า จ้องมองไปยังหุบเขาสูงชันที่อยู่ไกลโพ้น ดวงตาอึมครึม มองอารมณ์ของเขาในเวลานี้ไม่ออกรองแม่ทัพเจียงกวาดสายตามองรถม้าที่ถูกปิดกั้นอย่างระมัดระวัง แล้วก็มองใบหน้าด้านข้างของชายหนุ่มอย่างระมัดระวังรออยู่ครึ่งเค่อ ยังไม่ได้ยินเสียงจากภายในรถม้าถามเสียงเบาอย่างระวัง“ท่านอ๋อง ผู้หญิงคนนั้นไม่ส่งเสียงแล้ว คงจะไม่ใช่ว่า...”ตายแล้ว?ชายหนุ่มเหลือบตามอง กวาดสายตามองเขาอย่างเย็นชาแวบหนึ่งสายตาที่เย็นชา คมกริบราวกับมีด ราวกับจะฆ่าคนได้รองแม่ทัพเจียงหัวใจกระตุก รีบก้มหน้าลงไป ไม่กล้าพูดมากอีกแม้แต่คำเดียวเป็นเขาที่ทำงานไม่รอบคอบ...เวลาผ่านไปอย่างช้า ๆ ...การรอคอยอย่างเงียบสงบอันยาวนานหลังจากผ่านไปสองชั่วยามในที่สุด ด้านในรถม้า ก็มีเสียงร้องของเด็กทารกดังขึ้น“เป็นเด็กผู้ชาย!”สายตาของเฟิงเย่เสวียนอึมครึมลงเล็กน้อย แรงอาฆาตปรากฏขึ้นใน
รองแม่ทัพเจียงอุ้มเด็กทารกที่กำลังร้องไห้เสียงดัง มองอ๋องเฉินกับพระชายาอ๋องเฉิน เขาอยู่ในความสับสนเพียงคนเดียว...ทิ้งความยุ่งเหยิงขนาดนี้ไว้ให้!นี่มันเรื่องอะไรกัน!รองแม่ทัพเจียงจำต้องอุ้มเด็กทารกที่ตัวเท่าฝ่ามือ ผลักประตูรถม้าออกด้านใน ผู้หญิงนอนรวยริน สีหน้าซีดขาว ไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงที่จะยกนิ้วเลยสักนิ้ว ใต้ตัว เต็มไปด้วยเลือดรองแม่ทัพเจียงถอนหายใจทีหนึ่งบางทีอาจจะเป็นเพราะสวรรค์มีตา ให้นางได้พบกับพระชายาอ๋องเฉิน ชีวิตไม่ควรจบสิ้นเขาโน้มตัวไปด้านหน้า นำเด็กที่เพิ่งคลอดวางไว้ในอ้อมแขนของฮูหยินคำพูดที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน ทำให้ผู้หญิงตัวเย็นเยือกไปทั้งตัว“รถม้าไม่มีทางพลิกคว่ำโดยไม่มีสาเหตุ”คำพูดที่มีความหมายลึกซึ้งราวกับน้ำเย็นกะละมังหนึ่ง ที่ราดตั้งแต่หัวจรดเท้า ผู้หญิงเข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมาทันที พยายามกอดลูกเอาไว้แน่น มองรองแม่ทัพเจียงอย่างหวาดระแวง“ไม่...”นางเข้าใจแล้ว...ผู้หญิงในจวนอัครมหาเสนาบดีกงมีมากมาย ท่านอัครมหาเสนาบดีกงมีเรื่องระหว่างชายหญิงแทบทุกคืน นานวันเข้า อี๋เหนียงที่ตั้งครรภ์ก็เพิ่มขึ้นมากมายแต่พูดไปก็น่าประหลาด เด็กพวกนี้ไม่ได้คลอดออกม
เกิดในราชวงศ์ เติบโตในราชวงศ์ ผู้ใดไม่ได้คลานขึ้นมาจากการเหยียบย่ำศพของผู้อื่นบ้าง? มือของผู้ใดไม่เปื้อนเลือดบ้าง? ผู้ใดบริสุทธิ์บ้าง?วันนี้ มีเมตตา วันหน้า ก็จะชักนำเภทภัยอันใหญ่หลวงมาให้ฉู่เชียนหลีจ้องมองใบหน้าเย็นชาของชายหนุ่มตะลึงงันความหมายของเขาคือ...“เช่นนั้นท่านฆ่า...สองแม่ลูกแล้ว?” นางไม่กล้าถามมากชายหนุ่มเม้มริมฝีปากบางเป็นเส้นตรง ใบหน้าด้านมุมเห็นได้ชัดว่าราวกับเคลือบด้วยชั้นน้ำแข็ง ไร้ความอบอุ่นเขาไม่ได้พูด ในขณะเดียวกัน ก็แสดงถึงคำตอบแล้วตายแล้ว...นางทุ่มเทแรงกาย ช่วยชีวิตเด็กให้รอดอย่างยากลำบาก แต่ตายแล้ว...ก่อนหน้านี้ไม่นาน ชีวิตน้อย ๆ ที่ยังร้องไห้อยู่ในอ้อมแขนของนาง เขายังเด็กขนาดนั้น ตัวเท่าฝ่ามือ เพิ่งจะคลอดออกมา ยังไม่ทันได้ลืมตาดูโลก ก็ต้องจากไปอย่างไม่มีวันกลับแล้วหัวใจของฉู่เชียนหลีราวกับถูกควักออกมาจนว่างเปล่าเป็นเพราะความไร้เดียงสาของเด็ก แล้วก็เป็นเพราะความเย็นชาของชายหนุ่ม“ท่านมีศัตรู มีแค้นก็ต้องแก้แค้น มีความอาฆาตก็ต้องเอาคืนถึงจะถูก แต่นั่นเป็นเพียงแค่ทารกคนหนึ่ง เขาไม่ได้ทำอะไรผิดเลย หรือเป็นเพราะเกิดมาผิดท้องเลยต้องตาย?” นางสูดลมห
เพียะ!ฉู่เชียนหลีสาวเท้ามาด้านหน้า ยืนอยู่บนบันไดขั้นที่สามหน้าประตู เท้าทั้งสองข้างแยกออกจากกัน มือซ้ายเท้าสะโพก ค่อย ๆ ควักกระบองขนาดใหญ่เท่านิ้วมืออันหนึ่งออกมาคิดจะแตะต้องฉันเหรอ?โลกสวยไปแล้ว!“เฟิงเย่เสวียน ท่านสงสัยไม่ใช่หรือว่าวันนี้ตอนเข้าวัง ฝ่าบาทตรัสอะไรกับข้า? ข้าจะบอกท่านเดี๋ยวนี้”มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย ฉีกยิ้มเย็นชาออกมา“ฝ่าบาทประทานกระบองตีหมาให้ เห็นกระบองนี้ก็เหมือนเห็นฝ่าบาทเสด็จ เหนือกว่าเอาไว้ตีทรราช เบื้องล่างเอาไว้ตีสามี ข้าไม่ถือสาให้ท่านได้ลิ้มลองชิมเนื้อผัดหน่อไม้!”ยกมือขึ้นสะบัด กระบองส่งเสียงเย็นยะเยือกดัง ‘ฟิ้ว’ แรงสั่นสะเทือนดังก้องขึ้นกลางอากาศหนาเท่านิ้วชี้ ฟาดลงไป รับรองได้เห็นเลือดฝีเท้าที่วิ่งมาของเฟิงเย่เสวียนหยุดชะงักลงทันที “ฝ่าบาทประทานกระบองให้เจ้าหรือ?”เห็นเขาเป็นไอ้โง่หรือไง?วันนี้พวกเขาถึงได้ไปล่าสัตว์ที่นอกเมือง กระบอกด้ามนี้เห็นได้ชัดว่านางหักมาจากในป่า ยังคิดจะเอามาข่มขู่เขาอย่างนั้นหรือ?จับโอรสสวรรค์เพื่อสั่งองค์ชายชายหนุ่มหรี่ตา “เจ้าคิดว่าข้าตกใจกลัว?”“เช่นนั้นท่านก็ลองดู!” ฉู่เชียนหลีเชิดหน้าขึ้น “ล้อเลียนโอรสสวร
เฟิงเย่เสวียนถูกตีแล้วตั้งแต่เด็กจนโต ไม่เคยมีในประวัติศาสตร์มาก่อน หาได้ยาก มีชีวิตอยู่มายี่สิบสองปีเต็ม เป็นครั้งแรกที่ถูกผู้หญิงตี อีกทั้งยังต่อหน้าผู้คนมากมายอีกด้วยหน้า ข้างในของเขา ราวกับถูกกดอยู่บนพื้น แล้วถูกถูอย่างรุนแรงสุดยอดเลย!กบฏแล้ว!“ฉู่เชียนหลี!”ชายหนุ่มกำหมัดทั้งสองข้างแน่น ร่างกายพุ่งไปข้างหน้าราวกับลูกธนู กระโจนตัวขึ้นไป เตะจนประตูลอยกระเด็น!ปัง…ประตูสองบานล้มลงบนพื้น กำแพงสั่นสะเทือนจนฝุ่นฟุ้งกระจายทันทีที่ฉู่เชียนหลีนั่งลงก็สังเกตเห็นความผิดปกติ รีบยกก้น กระโดดหน้าต่างหนี“หยุดเดี๋ยวนี้!”ชายหนุ่มวิ่งตามไป พลิกโต๊ะเก้าอี้ล้มคว่ำ ถ้วยชาแตกกระจายพุ่งตัวไปถึงหน้าต่าง เห็นร่างของหญิงสาวกระโดดกำแพง ว่องไวราวกับแมวเขาหรี่ตา ยกฝ่ามือข้างขวาขึ้น ขับเคลื่อนกำลังภายในที่แข็งแกร่งรวมกันที่กลางฝ่ามือ แล้วโจมตีออกไปโครมคราม!เรือนข้างเป็นเรือนที่กันดาร ที่ทรุดโทรมที่สุดหลังหนึ่งของจวนอ๋อง กำแพงก็ผุพัง ถูกน้ำฝนหยดจนเปียก ทันทีที่กำลังภายในโจมตี ก็พังทลายลงมาทันทีไม่ไกลนัก หญิงสาววิ่งอย่างรวดเร็วชายหนุ่มพุ่งตัวตามไปบรรดาคนใช้ยืนอยู่กับที่ จ้องมองเร
อีกอย่างทางจวนอ๋องเฉินทางนี้เรื่องที่ท่านอ๋องกับพระชายาทะเลาะกันตื่นตระหนกกันไปทั่วทั้งจวนอ๋องเฉิน...แต่บรรดาคนรับใช้ไม่กล้าพูดมาก ทำหน้าที่ของตนเอง ราวกับว่าไม่รู้เรื่องอะไรทั้งสิ้น และไม่เห็นอะไรทั้งนั้นหัวสมองของหานเฟิงกลับเต็มไปด้วยความกลัดกลุ้มตอนเช้ายังล่าสัตว์กันอย่างสนุกสนาน เหตุใดตอนกลางคืนถึงได้ทะเลาะกันแบบนี้?ตอนกลางวัน ทั้งสองคนดีกันตอนกลางคืน อยู่ร่วมกันไม่ได้หานเฟิงคิดไม่ตกจริง ๆ จนผมร่วงกำใหญ่ จำต้องถามเยว่เอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้าง เขาถอนหายใจ“แม่นางเยว่เอ๋อร์ ในใจของผู้หญิงอย่างพวกเจ้ากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่?”ทันทีที่เยว่เอ๋อร์ได้ยินประโยคนี้ ก็ถลึงตาทันที“ความหมายของเจ้าคือ นี่เป็นความผิดของพระชายา?!”ทันใดนั้นหายนะครั้งใหญ่ก็มาเยือนหานเฟิงตกใจจนลุกขึ้นยืน รีบโบกมือ “ไม่ได้หมายความเช่นนี้!”“ท่านถามมาเช่นนี้แล้ว ไม่ได้หมายความว่าแบบนี้? ยังจะหมายความอะไรได้อีก?” เยว่เอ๋อร์โมโหแล้ว “ท่านอ๋องรังแกพระชายาแบบนั้น ยังไล่พระชายาออกนอกจวนอีก ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ คนทั่วทั้งจวนเห็นกันหมดแล้ว แต่เจ้ากลับพูดว่าเป็นความผิดของพระชายา!”“เฮอะ พระชายาพูดไว้ไม่ผิดจริ
เหล่าทหารตื่นตัวขึ้นมาทันที ทุกคนพากันหันไปมอง ก็เห็นร่างเงาสีดำวิ่งผ่าน สีหน้าเปลี่ยนฉับพลัน“แย่แล้ว!”“มีคนลอบโจมตี!”เสียงตะโกนทำให้ทุกคนตื่นตัว และคนหกเจ็ดสิบคนที่อยู่ใกล้ที่สุดก็รีบวิ่งมา พบฉู่เชียนหลีและคนอื่นแล้ว“จับพวกเขา!”ชักอาวุธออกมาโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ลงมือโดยตรงฉู่เชียนหลีเห็นท่าไม่ดี ทำได้เพียงถือกระบี่ต่อสู้กับพวกเขา“เผด็จศึกโดยเร็ว อย่ายืดเยื้อ เน้นช่วยคนเป็นหลัก!”ยิ่งสู้นาน ก็จะยิ่งดึงดูดคนมามากขึ้นฉวยโอกาสตอนที่การเคลื่อนไหวของที่นี่ยังไม่กระจายออกไป รีบจัดการโดยเร็ว ช่วยอ๋องเฉินออกมา และรีบถอนกำลัง นี่จึงจะเป็นกลยุทธ์ที่ดีที่สุด“เจ้าค่ะ!”หานอิ๋งชักกระบี่ พาเหล่าองครักษ์ลับพุ่งออกไป เริ่มสู้กับเหล่าทหาร“ลงมือ!”จวินอี้หลินตวาดเบาๆ เขาดึงน้องสาวมาไว้ในอ้อมแขน ใช้มือข้างหนึ่งถือกระบี่ ต่อสู้กับทหารเหล่านั้นจนโกลาหลไปหมดทันใดนั้น ประกายดาบ เงากระบี่ เสียงตะโกน การต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือดปัง!เคร้ง!“อ่า!”“พู่!”“ฉึก!”ในการต่อสู้ที่ดุเดือด มีคนล้มลง มีคนได้รับบาดเจ็บ มีคนกระอักเลือด ชั้นวาง ท่อนไม้ กาน้ำ ของต่างๆ ล้มเกลื่อนพื้นวุ่นวายไป
หลังจากฉู่เชียนหลีรวบรวมคนในเวลาที่สั้นที่สุดเท่าที่จะทำได้ ขณะเตรียมตัวออกเดินทาง ได้พบกับองค์ชายรองแคว้นหนานยวนหลังจากรู้จุดประสงค์การมาของเขา นางขมวดคิ้วแน่นองค์ชายรองเข้าร่วม นางย่อมยินดี แต่สายตาของนางมองไปที่จวินลั่วยวนโดยตรง กล่าวอย่างตรงไปตรงมา“นาง ไปไม่ได้”นิ้วชี้ชี้ไปทางจวินลั่วยวนโดยตรง“!”จวินลั่วยวนกระทืบเท้าทันที “เพราะอะไร!”แม้แต่เสด็จพี่รองก็ตอบตกลงแล้ว นางไปได้ไม่ได้ เกี่ยวอะไรกับฉู่เชียนหลี?“อ๋องเฉินถูกจับ พวกเราเป็นพันธมิตรกัน ข้าช่วยออกแรงอีกส่วนมันจะเป็นอะไร? เจ้าคิดว่าอาศัยแค่เจ้าคนเดียว สามารถช่วยอ๋องเฉินได้หรือ?”“การมีคนเพิ่มขึ้นหนึ่งคน ก็เท่ากับมีกำลังเพิ่มขึ้นหนึ่งส่วน จิตใจเจ้าคับแคบมาก ช่วยเปิดใจหน่อยได้หรือไม่?”เมื่อหานอิ๋งได้ยินคำพูดนี้ ก็จะพุ่งเข้าไปด้วยความหงุดหงิดทันทีพระชายาของพวกเขา ถึงคราวที่คนนอกจะมาสั่งสอนตั้งแต่เมื่อไร?คนที่ท่านอ๋องยังไม่ยอมตำหนิเลย จะปล่อยให้ขยะอย่างนางมารังแกได้อย่างไร?“หานอิ๋ง”ฉู่เชียนหลีห้ามนาง มีปัญหาน้อยลงดีกว่ามีปัญหาเพิ่ม อย่าทะเลาะกัน“พระชายา…”“ช่างเถอะ”จวินอี้หลินจับมือของจวินลั่วยวนแล้วก
เนื่องจากอ๋องเฉินถูกจับ บรรยากาศในทำเนียบจึงตึงเครียดมาก ทุกคนตั้งสติ ฟังคำสั่งของพระชายา ยืนเฝ้าประจำจุดของตัวเองอย่างเข้มงวดฉู่เชียนหลีออกคำสั่งปิดข่าว ห้ามแพร่งพรายเด็ดขาด เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดความตื่นตระหนกที่ไม่จำเป็นนอกทำเนียบอีกด้านของถนนจวินลั่วยวนนั่งอยู่บนบันได ระหว่างเข่าที่ชนกัน มีลูกอมที่เพิ่งซื้อมาวางอยู่หลายถุงนางกัดไม้เสียบเล็กๆ ไว้ พลางเลียลูกอม ดวงตาที่สวยงามคู่นั้น มองเห็นที่ทหารที่วิ่งไปวิ่งมาด้วยสีหน้าร้อนใจ จากประตูใหญ่ของทำเนียบที่เปิดกว้าง เหมือนกับว่าเกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้นนางหรี่ตาเลียมุมปาก“หวานจัง”ซวงซวงกล่าวเสียงเบา “องค์หญิง ขนมนี่หวานเกินไป ท่านกินน้อยหน่อย ระวังฟันผุนะเจ้าคะ”“ซวงซวง ขนมนี่ไม่หวาน ความหมายของข้าคือ ข้ามีความสุข”จวินลั่วยวนลุกขึ้นยืน โยนถุงลูกอมให้ซวงซวง อมไว้ในปากหนึ่งชิ้น เดินกระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุขซวงซวงสงสัยมีความสุข?มีความสุขอะไร?ก็แค่กินขนม ก็มีความสุขเช่นนี้แล้ว? หรือเป็นเพราะองค์ชายรองมา องค์หญิงมีความสุขมาก?ศาลาพักม้าจวินลั่วยวนเพิ่งกลับมา เห็นผู้ชายคนหนึ่งที่ท่าทางเหมือนรองแม่ทัพ กำลังรายง
ฉู่เชียนหลีเป็นคนประเภทชอบลงมือทำ พูดแล้วก็ทำเลยบ่ายวันนั้น อวิ๋นอิงก็ไปซื้อเรียนสำหรับเด็กมาแล้ว ในหนังสือมีภาพว่า และตัวอักษรขนาดใหญ่ เหมาะกับเด็กอายุสามสี่ขวบที่เพิ่งหัดอ่านฉู่เชียนหลีถือหนังสือ สอนเด็กทั้งสองอย่างอดทน“แมลงปอ”“เว่ยซี จื่อเยี่ย ดู อันนี้เรียกว่าแมลงปอ มีปีกยาวๆ หนึ่งคู่ และยังมีตาที่โต”“นี่คือผีเสื้อ มา อ่านตามแม่ ฮวาหูเตี๋ย”เว่ยซีมองนมจนน้ำลายไหล ดูน่าสงสารมากจื่อเยี่ยอ้าปากส่งเสียงอีอาๆ แต่พูดไม่ชัด ไม่สามารถออกเสียงที่ถูกต้อง หัดพูดจนแก้มสีชมพูจะกลายเป็นสีแดงแล้ว“ฮวา…ฝู…ฝู…ฝูเตี๋ย…”“ไม่ถูก ฮวาหูเตี๋ย”“ฮวา…ฝู…เตีย…เตียเตี่ย!”พลันจื่อเยี่ยตาเป็นประกาย จู่ๆ ก็โบกมือน้อยเหมือนผีเสื้อกระพือปีก ปากก็ตะโกนอย่างสนุกสนาน“เตียเตี่ย!”ความหมายของเขาเหมือนกำลังบอกว่า เตียเตี่ย[1]เป็นผีเสื้อ “...”อวิ๋นอิงอุ้มเจี๋ยวเจี๋ยวยืนดูที่ข้างๆ รู้สึกเพียงภาพนี้โหดร้ายและไร้มนุษยธรรมมาก จู่ๆ ก็สงสารเว่ยซีกับจื่อเยี่ยอย่างอธิบายไม่ถูกเด็กบ้านอื่นเริ่มเรียนตอนอายุห้าขวบแต่ของพระชายา หนึ่งขวบก็เริ่มเรียนแล้วนางก้มหน้า มองใบหน้าเล็กของลูกสาว กล่าวเสียงเบา
สองวันต่อจากนั้น ค่อนข้างสงบเพียงแต่สงครามกำลังจะปะทุขึ้นแล้ว เมื่อครึ่งเดือนก่อน อ๋องเฉินยึดเมืองเจียหนานได้ในคราวเดียว เพื่อโต้ตอบ ฮ่องเต้หลีเลือกที่จะร่วมมือกับแคว้นซีอวี้ ได้รับม้าศึก อาวุธ และยอดทหารที่หนึ่งคนสามารถสู้สิบคน เตรียมพร้อมลงสนามรบทุกเมื่อ สงครามดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ“กลับมาอย่างปลอดภัยนะ”ฉู่เชียนหลีผูกสายรัดเอวของเสื้อเกราะอ่อน สวมเสื้อเพ้าชั้นนอก และจัดแจงให้เฟิงเย่เสวียน ก่อนออกเดินทาง โอบเอวของเขาไม่ยอมปล่อยเป็นเวลานานเฟิงเย่เสวียนลูบศีรษะน้อยๆ ของนาง“อยู่บ้านดูแลเว่ยซีกับจื่อเยี่ยให้ดี อย่างมากข้าไปสองวันก็กลับ”“ระวังตัวด้วย”“อืม”จูบกลางหว่างคิ้วของนาง ถือกระบี่เดินจากไปฉู่เชียนหลีไปส่งถึงประตูใหญ่ กระทั่งมองไม่เห็นแผ่นหลังของเขา จึงจะกลับจวนร่างกายของอวิ๋นอิงฟื้นตัวได้ดี สีหน้าก็ดูดีขึ้นมาก มีกู่แพทย์คอยบำรุงรักษา สุขภาพของนางค่อยๆ ดีขึ้น และไม่กระอักเลือดแล้ว“พระชายา งานเลี้ยงอายุครบหนึ่งปีของเว่ยซีกับจื่อเยี่ย จะเชิญใครบ้างเจ้าค่ะ?” อวิ๋นอิงกำลังวางแผนพริบตาเดียว ยังเหลืออีกเจ็ดวัน เจ้าเด็กน้อยทั้งสองก็จะอายุหนึ่งปีแล้วเวลาผ่านไปเร็วมาก
เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าจวินลั่วยวนเปลี่ยนฉับพลัน กลิ่นอายรอบกายขรึมลง มีความตื่นตระหนกสายหนึ่งแลบผ่านแววตาอย่างรวดเร็วพริบตาเดียวไม่นานก็สงบลง บนใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ“ท่านหมายความว่าอย่างไร?”“นี่ท่านพูดอะไรของท่าน!”นางสะบัดมือของจวินชิงอวี่หลุด ลุกขึ้นยืน ทั่วร่างเต็มไปด้วยความโกรธที่ถูกปรักปรำ“ข้าเป็นน้องสาวแท้ๆ ของท่าน ท่านกลับคิดว่าข้าทำเรื่องที่ไร้มโนธรรมเช่นนี้? เสด็จพี่สาม ก่อนที่ท่านจะพูด เคยถามใจตัวเองดูหรือไม่!”นางคำรามออกมาอย่างแค้นเคืองต่อความไม่เป็นธรรม ดวงตาก็กลายเป็นสีแดงไปแล้วจวินชิงอวี่รักนางมาก ตั้งแต่เล็กจนโต ไม่เคยตำหนินางแม้แต่คำเดียวแต่…“ยวนเอ๋อร์ เดิมทีคนที่วางยา เป็นคนตัดฟืนของทำเนียบเจียงหนาน รับคำสั่งจากฮองเฮาตงหลิง วางยาพิษทำร้ายพี่น้องฝาแฝด ถูกพระชายาอ๋องเฉินจับได้”“แต่เมื่อวานเจ้าส่งคนไปทำเนียบ คนตัดฟืนคนนี้ก็มาอยู่ที่ศาลาพักม้าแล้ว”“กลางคืน เสด็จแม่ก็ถูกพิษแล้ว”นำทั้งหมดนี้มาเชื่อมโยงกัน จะไม่ให้เขาสงสัยได้อย่างไร?จวินลั่วยวนเบิกตากว้าง“ข้าเป็นห่วงความร่วมมือของแคว้นหนานยวนกับอ๋องเฉิน ส่งคนไปลองถามดู ท่านกลับคิดว่าข้าติดสิ
ความจริงเป็นไปตามที่ฉู่เชียนหลีคาดการณ์หลังจากจวินชิงอวี่ตามจวินลั่วยวนทัน ปลอบใจนางอยู่นาน เขารับประกันและใช้คำพูดดีๆ สารพัด จึงจะสามารถทำให้น้องสาวหายโกรธกลับถึงศาลาพักมา ก็พลบค่ำแล้วฮองเฮาหนานยวนฟื้นแล้ว“เสด็จแม่ ท่านฟื้นแล้ว!”“เสด็จแม่ ท่านรู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือไม่? เจ็บคอหรือไม่?”จวินชิงอวี่ถามอย่างประหม่า จวินลั่วยวนรินน้ำอุ่นมาหนึ่งแก้ว ทั้งสองเฝ้าอยู่ที่หน้าเตียง มองมารดาด้วยความห่วงใยฮองเฮาหนานยวนรู้สึกเจ็บแบบแสบร้อนในลำคอ แค่ขยับเล็กน้อยก็เจ็บแสบมาก แม้กลืนน้ำก็เจ็บจนหน้าซีดนางเม้มปาก ไม่พูดสักคำจวินชิงอวี่จับมือของนาง กล่าวอย่างปวดใจ“เสด็จแม่ ท่านไม่ต้องกังวล พวกเราใช้ยาที่ดีที่สุดแล้ว ต้องดีขึ้นแน่นอน ทักษะการแพทย์ของพระชายาอ๋องเฉินเลิศล้ำ มีนางอยู่ ท่านจะต้องหายดีแน่นอน”จวินลั่วยวนพยักหน้า“ใช่แล้ว เสด็จแม่ ท่านก็อย่าเสียใจไปเลย อีกสามถึงห้าปีก็หายแล้ว”“...”คำพูดนี้ ฟังดูก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรแต่หากตั้งใจฟัง สำหรับฮองเฮาหนานยวนที่ชอบร้องเพลง ไม่ใช่จงใจพูดเสียดสีหรอกหรือ?ฮองเฮาหนานยวนถือแก้วน้ำ พิงอยู่ตรงหัวเตียง ค่อยๆ หลุบตา พูดไม่ออก และไม่อยา
จวินลั่วยวนตื่นตระหนกแล้วนางคิดไม่ถึงว่าตัวเองจะตกหลุมพรางของฉู่เชียนหลี ตอนนี้ไม่สามารถทำให้นางตาย และยังทำให้เสด็จพี่สามสงสัย ไม่เพียงไม่ได้อะไรเลย แถมยังเสียอีกต่างหาก“เสด็จ เสด็จพี่สาม…”จบแล้ว!นางจะสูญเสียความรักของเสด็จพี่สามไม่ได้!จะปล่อยให้นางแพศยาฉู่เชียนหลีทำสำเร็จไม่ได้เด็ดขาด!สมองของจวินลั่วยวนแล่นอย่างรวดเร็ว ในเวลาสั้นๆ สองวินาที คิดแผนรับมือได้แล้ว เบ้าตาแดงก่ำโดยตรง มีน้ำตาไหลออกมาจากดวงตาที่กลมโต นางกล่าว“เสด็จพี่สาม ดีจังที่ท่านไม่เป็นอะไร!”“ข้าได้ยินซวงซวงบอกว่าท่านกับพระชายาอ๋องเฉินออกมาด้วยกัน และยังมาสถานที่ลับเช่นนี้อีก ข้าคิดว่าพวกท่านทำ…เรื่องอะไรที่ให้คนอื่นรู้ไม่ได้เสียอีก”“ข้าเป็นห่วงท่านจึงตามมา เสด็จพี่สาม ท่านไม่โทษข้ากระมัง?”น้ำตาแห่งความกังวลและไร้เดียงสาไหลออกมาจากหางตาของนางจวินชิงอวี่ชะงักเล็กน้อย“เป็นห่วง?”“ใช่แล้ว ท่านเป็นพี่ชายของข้า พระชายาอ๋องเฉินก็เป็นผู้หญิงที่มีสามีแล้ว พวกท่านสองคนอยู่ในห้องเดียวกัน และยังอยู่ด้วยกันนานเช่นนี้ จะไม่ให้คิดมากได้อย่างไร?”ทุกคำพูดของจวินลั่วยวนฟังดูมีเหตุผลมาก“ข้าคิดว่าพวกท่านกำลัง…
หลังจากหัวเราะอย่างเย้ยหยัน นางไม่พูดอะไรอีก โคจรกำลังภายใน ประสานฝ่ามือกับจวินชิงอวี่จวินชิงอวี่รู้สึกเพียงมีกำลังภายในที่เย็นเฉียบสายหนึ่งไหลเข้าสู่ร่างกาย ความเย็นและความร้อนประสานกัน ปรับสมดุลให้กันและกัน เขารีบหลับตา โคจรเคล็ดวิชาเหมันต์ภายในห้อง เข้าสู่ความเงียบ…นอกประตูองครักษ์ลับเฝ้าไว้นอกประตูใหญ่ รถม้าคันหนึ่งค่อยๆ แล่นเข้ามาหยุดอยู่ที่ตรงข้ามกับบ้าน มือเล็กๆ ที่ขาวนวลข้างหนึ่งเลิกม่านขึ้น แล้วกระโดดลงมา“ที่นี่หรือ?”จวินลั่วยวนยืนอย่างมั่นคง เงยหน้ามองไปเป็นสถานที่ที่เงียบสงบซวงซวงกล่าวเสียงเบา “เจ้าค่ะองค์หญิง องค์ชายสามกับพระชายาอ๋องเฉินเข้าไปข้างในสามเค่อแล้ว”จวินลั่วยวนหรี่ตา“แม้แต่โรคร้อนก็สามารถรักษา ฉู่เชียนหลีคนนี้พอจะมีความสามารถอยู่บ้าง”ทักษะการแพทย์ดี มีประโยชน์อะไร?สุดท้ายก็ต้องตายอยู่ดีไม่ใช่หรือ?เมื่อวานตอนอยู่หอน้ำชา ได้ยินบทสนทนาของพวกเขาสองคน เมื่อไรที่เริ่มรักษา ห้ามถูกขัดจังหวะเด็ดขาด จะส่งผลให้กำลังภายในย้อนกลับ ทั้งสองจะกระอักเลือดจนตายขอแค่นางบุกเข้าไป ก็สามารถเอาชีวิตของฉู่เชียนหลีเพียงแต่…น่าเสียดายน่าเสียดายที่เสด็จ