กลางวันแสก ๆ ท้องฟ้าสดใส บนสวรรค์มีเทพคอยดูแล ใต้พิภพมียมบาลบัญชา ยังมีเจ้าที่เจ้าทางคอยจับตาดู คิดไม่ถึงว่าผู้ชายคนนี้...คิดไม่ถึงว่าเขา...เล่นสกปรกอย่างโจ่งแจ้ง!เป็นเพราะเมื่อครู่นี้จะโถมตัวใส่นางให้ล้ม แต่ไม่สำเร็จ อยากจะลงมือกับนางเป็นครั้งที่สอง?พระเจ้า!สวรรค์!ผู้ชายคนนี้ทะยานอยากระดับไหนกันแน่เนี่ย?เฟิงเย่เสวียนอยากจะแบ่งปันสิ่งของที่สวยงามให้กับฉู่เชียนหลีอย่างอดรนทนไม่ไหว ทิ้งม้าสองตัวไว้ด้านข้าง กุมเสื้อผ้าบริเวณท้องน้อย สาวเท้ายาวมาข้างหน้า“เชียนหลี รีบดูเร็วเข้าสิ เจ้ามีทางผิด...” หวังอย่างแน่นอน“อย่าเข้ามานะ!”ฉู่เชียนหลีรีบถอยหลังไปสามก้าว ยื่นมือทั้งสองข้างออกมาอย่างระวังตัว ทำท่าทางพร้อมจะต่อสู้ กล่าวเสียงสั่นเครือ“เฟิงเย่เสวียน เดิมทีคิดว่าหลังจากที่ร่วมปราบโจรที่ภูเขากว่างหนิง และร่วมกันลาดตระเวนทางใต้ด้วยกันแล้ว ท่านจะเป็นท่านอ๋องที่ดีที่ทำเพื่อประชาชน แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่าท่านจะเป็นคนเช่นนี้!”นางรู้สึกไร้ยางอายเป็นอย่างยิ่งที่ต้องตำหนิเขาเฟิงเย่เสวียน “?”“การพูดจาแทะโลมหญิงสาวจากตระกูลที่ดีสนุกมากงั้นหรือ? หนังสือนักปราชญ์ราชบัณฑิตตลอดหลาย
“เชียนหลี...”เวลานี้ ฉู่เชียนหลีนึกถึงพระไตรปิฎกที่เคยอ่านที่ถงเฟย ท่องในใจเงียบ ๆพูดไปก็น่าแปลก ท่องไปได้สองรอบ จิตใจก็สงบลงในขณะเดียวกัน เป็นเพราะจิตใจสงบ ไม่ว้าวุ่นแล้ว การได้ยินราวกับว่าแผ่ขยายไปไกลกว่าเดิม เหมือนกับว่า จะได้ยินเสียง...กรีดร้องอันน่าเวทนา?ฉู่เชียนหลีเงยหน้าขึ้นทันที“ท่านได้ยินเสียงอะไรหรือไม่?”เฟิงเย่เสวียนชะงักไปเล็กน้อย “เสียงอะไร?”“ท่านฟังให้ดี!”ฉู่เชียนหลีเงี่ยหูฟัง มองไปรอบ ๆ ป่า ทั่วทั้งสารทิศ ตามหาทุกหนทุกแห่ง “เหมือนว่าจะมีเสียงเรียก...”นางนำนกปี่อี้วางลงในพุ่มหญ้า แล้วจึงเดินตามทิศทางของเสียงร้องไปทิศทางที่เดินไปเป็นถนนหลวงสายตาของชายหนุ่มขรึมลงเล็กน้อย ทันใดนั้นก็สาวเท้าไปข้างหน้า คว้าข้อมือของนางเอาไว้ “ไม่มีเสียงอะไรจริง ๆ บางทีเจ้าอาจจะฟังผิดไป เดิมพันของพวกเรายังคงกำลังดำเนินการอยู่ มิสู้ไปล่าสัตว์ต่อ?”ฉู่เชียนหลีขมวดคิ้วนางไม่มีทางฟังผิดในป่าชานเมืองเช่นนี้ เงาของคนน้อยมาก อยู่ ๆ จะมีเสียงร้องขึ้นมาได้ยังไง?นางต้องไปดูหน่อยสะบัดมือของชายหนุ่มออก แล้วสาวเท้าเดินไป“เชียนหลี! เชียนหลี...” ชายหนุ่มร้องเรียกสองครั้ง เมื่
ฉีดยาชาเข้าไป เสียงกรีดร้องปานจะขาดใจตายของผู้หญิงค่อย ๆ สงบลงด้านในรถม้าที่แคบและเล็กบรรจุด้วยชีวิตของคนสองคน ภายใต้สภาพแวดล้อมที่ยากลำบาก ฉู่เชียนหลีพยายามทำคลอด...กลิ่นคาวเลือดที่รุนแรงด้านนอกรถม้าเฟิงเย่เสวียนยืนกอดอก หันหลังให้รถม้า จ้องมองไปยังหุบเขาสูงชันที่อยู่ไกลโพ้น ดวงตาอึมครึม มองอารมณ์ของเขาในเวลานี้ไม่ออกรองแม่ทัพเจียงกวาดสายตามองรถม้าที่ถูกปิดกั้นอย่างระมัดระวัง แล้วก็มองใบหน้าด้านข้างของชายหนุ่มอย่างระมัดระวังรออยู่ครึ่งเค่อ ยังไม่ได้ยินเสียงจากภายในรถม้าถามเสียงเบาอย่างระวัง“ท่านอ๋อง ผู้หญิงคนนั้นไม่ส่งเสียงแล้ว คงจะไม่ใช่ว่า...”ตายแล้ว?ชายหนุ่มเหลือบตามอง กวาดสายตามองเขาอย่างเย็นชาแวบหนึ่งสายตาที่เย็นชา คมกริบราวกับมีด ราวกับจะฆ่าคนได้รองแม่ทัพเจียงหัวใจกระตุก รีบก้มหน้าลงไป ไม่กล้าพูดมากอีกแม้แต่คำเดียวเป็นเขาที่ทำงานไม่รอบคอบ...เวลาผ่านไปอย่างช้า ๆ ...การรอคอยอย่างเงียบสงบอันยาวนานหลังจากผ่านไปสองชั่วยามในที่สุด ด้านในรถม้า ก็มีเสียงร้องของเด็กทารกดังขึ้น“เป็นเด็กผู้ชาย!”สายตาของเฟิงเย่เสวียนอึมครึมลงเล็กน้อย แรงอาฆาตปรากฏขึ้นใน
รองแม่ทัพเจียงอุ้มเด็กทารกที่กำลังร้องไห้เสียงดัง มองอ๋องเฉินกับพระชายาอ๋องเฉิน เขาอยู่ในความสับสนเพียงคนเดียว...ทิ้งความยุ่งเหยิงขนาดนี้ไว้ให้!นี่มันเรื่องอะไรกัน!รองแม่ทัพเจียงจำต้องอุ้มเด็กทารกที่ตัวเท่าฝ่ามือ ผลักประตูรถม้าออกด้านใน ผู้หญิงนอนรวยริน สีหน้าซีดขาว ไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงที่จะยกนิ้วเลยสักนิ้ว ใต้ตัว เต็มไปด้วยเลือดรองแม่ทัพเจียงถอนหายใจทีหนึ่งบางทีอาจจะเป็นเพราะสวรรค์มีตา ให้นางได้พบกับพระชายาอ๋องเฉิน ชีวิตไม่ควรจบสิ้นเขาโน้มตัวไปด้านหน้า นำเด็กที่เพิ่งคลอดวางไว้ในอ้อมแขนของฮูหยินคำพูดที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน ทำให้ผู้หญิงตัวเย็นเยือกไปทั้งตัว“รถม้าไม่มีทางพลิกคว่ำโดยไม่มีสาเหตุ”คำพูดที่มีความหมายลึกซึ้งราวกับน้ำเย็นกะละมังหนึ่ง ที่ราดตั้งแต่หัวจรดเท้า ผู้หญิงเข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมาทันที พยายามกอดลูกเอาไว้แน่น มองรองแม่ทัพเจียงอย่างหวาดระแวง“ไม่...”นางเข้าใจแล้ว...ผู้หญิงในจวนอัครมหาเสนาบดีกงมีมากมาย ท่านอัครมหาเสนาบดีกงมีเรื่องระหว่างชายหญิงแทบทุกคืน นานวันเข้า อี๋เหนียงที่ตั้งครรภ์ก็เพิ่มขึ้นมากมายแต่พูดไปก็น่าประหลาด เด็กพวกนี้ไม่ได้คลอดออกม
เกิดในราชวงศ์ เติบโตในราชวงศ์ ผู้ใดไม่ได้คลานขึ้นมาจากการเหยียบย่ำศพของผู้อื่นบ้าง? มือของผู้ใดไม่เปื้อนเลือดบ้าง? ผู้ใดบริสุทธิ์บ้าง?วันนี้ มีเมตตา วันหน้า ก็จะชักนำเภทภัยอันใหญ่หลวงมาให้ฉู่เชียนหลีจ้องมองใบหน้าเย็นชาของชายหนุ่มตะลึงงันความหมายของเขาคือ...“เช่นนั้นท่านฆ่า...สองแม่ลูกแล้ว?” นางไม่กล้าถามมากชายหนุ่มเม้มริมฝีปากบางเป็นเส้นตรง ใบหน้าด้านมุมเห็นได้ชัดว่าราวกับเคลือบด้วยชั้นน้ำแข็ง ไร้ความอบอุ่นเขาไม่ได้พูด ในขณะเดียวกัน ก็แสดงถึงคำตอบแล้วตายแล้ว...นางทุ่มเทแรงกาย ช่วยชีวิตเด็กให้รอดอย่างยากลำบาก แต่ตายแล้ว...ก่อนหน้านี้ไม่นาน ชีวิตน้อย ๆ ที่ยังร้องไห้อยู่ในอ้อมแขนของนาง เขายังเด็กขนาดนั้น ตัวเท่าฝ่ามือ เพิ่งจะคลอดออกมา ยังไม่ทันได้ลืมตาดูโลก ก็ต้องจากไปอย่างไม่มีวันกลับแล้วหัวใจของฉู่เชียนหลีราวกับถูกควักออกมาจนว่างเปล่าเป็นเพราะความไร้เดียงสาของเด็ก แล้วก็เป็นเพราะความเย็นชาของชายหนุ่ม“ท่านมีศัตรู มีแค้นก็ต้องแก้แค้น มีความอาฆาตก็ต้องเอาคืนถึงจะถูก แต่นั่นเป็นเพียงแค่ทารกคนหนึ่ง เขาไม่ได้ทำอะไรผิดเลย หรือเป็นเพราะเกิดมาผิดท้องเลยต้องตาย?” นางสูดลมห
เพียะ!ฉู่เชียนหลีสาวเท้ามาด้านหน้า ยืนอยู่บนบันไดขั้นที่สามหน้าประตู เท้าทั้งสองข้างแยกออกจากกัน มือซ้ายเท้าสะโพก ค่อย ๆ ควักกระบองขนาดใหญ่เท่านิ้วมืออันหนึ่งออกมาคิดจะแตะต้องฉันเหรอ?โลกสวยไปแล้ว!“เฟิงเย่เสวียน ท่านสงสัยไม่ใช่หรือว่าวันนี้ตอนเข้าวัง ฝ่าบาทตรัสอะไรกับข้า? ข้าจะบอกท่านเดี๋ยวนี้”มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย ฉีกยิ้มเย็นชาออกมา“ฝ่าบาทประทานกระบองตีหมาให้ เห็นกระบองนี้ก็เหมือนเห็นฝ่าบาทเสด็จ เหนือกว่าเอาไว้ตีทรราช เบื้องล่างเอาไว้ตีสามี ข้าไม่ถือสาให้ท่านได้ลิ้มลองชิมเนื้อผัดหน่อไม้!”ยกมือขึ้นสะบัด กระบองส่งเสียงเย็นยะเยือกดัง ‘ฟิ้ว’ แรงสั่นสะเทือนดังก้องขึ้นกลางอากาศหนาเท่านิ้วชี้ ฟาดลงไป รับรองได้เห็นเลือดฝีเท้าที่วิ่งมาของเฟิงเย่เสวียนหยุดชะงักลงทันที “ฝ่าบาทประทานกระบองให้เจ้าหรือ?”เห็นเขาเป็นไอ้โง่หรือไง?วันนี้พวกเขาถึงได้ไปล่าสัตว์ที่นอกเมือง กระบอกด้ามนี้เห็นได้ชัดว่านางหักมาจากในป่า ยังคิดจะเอามาข่มขู่เขาอย่างนั้นหรือ?จับโอรสสวรรค์เพื่อสั่งองค์ชายชายหนุ่มหรี่ตา “เจ้าคิดว่าข้าตกใจกลัว?”“เช่นนั้นท่านก็ลองดู!” ฉู่เชียนหลีเชิดหน้าขึ้น “ล้อเลียนโอรสสวร
เฟิงเย่เสวียนถูกตีแล้วตั้งแต่เด็กจนโต ไม่เคยมีในประวัติศาสตร์มาก่อน หาได้ยาก มีชีวิตอยู่มายี่สิบสองปีเต็ม เป็นครั้งแรกที่ถูกผู้หญิงตี อีกทั้งยังต่อหน้าผู้คนมากมายอีกด้วยหน้า ข้างในของเขา ราวกับถูกกดอยู่บนพื้น แล้วถูกถูอย่างรุนแรงสุดยอดเลย!กบฏแล้ว!“ฉู่เชียนหลี!”ชายหนุ่มกำหมัดทั้งสองข้างแน่น ร่างกายพุ่งไปข้างหน้าราวกับลูกธนู กระโจนตัวขึ้นไป เตะจนประตูลอยกระเด็น!ปัง…ประตูสองบานล้มลงบนพื้น กำแพงสั่นสะเทือนจนฝุ่นฟุ้งกระจายทันทีที่ฉู่เชียนหลีนั่งลงก็สังเกตเห็นความผิดปกติ รีบยกก้น กระโดดหน้าต่างหนี“หยุดเดี๋ยวนี้!”ชายหนุ่มวิ่งตามไป พลิกโต๊ะเก้าอี้ล้มคว่ำ ถ้วยชาแตกกระจายพุ่งตัวไปถึงหน้าต่าง เห็นร่างของหญิงสาวกระโดดกำแพง ว่องไวราวกับแมวเขาหรี่ตา ยกฝ่ามือข้างขวาขึ้น ขับเคลื่อนกำลังภายในที่แข็งแกร่งรวมกันที่กลางฝ่ามือ แล้วโจมตีออกไปโครมคราม!เรือนข้างเป็นเรือนที่กันดาร ที่ทรุดโทรมที่สุดหลังหนึ่งของจวนอ๋อง กำแพงก็ผุพัง ถูกน้ำฝนหยดจนเปียก ทันทีที่กำลังภายในโจมตี ก็พังทลายลงมาทันทีไม่ไกลนัก หญิงสาววิ่งอย่างรวดเร็วชายหนุ่มพุ่งตัวตามไปบรรดาคนใช้ยืนอยู่กับที่ จ้องมองเร
อีกอย่างทางจวนอ๋องเฉินทางนี้เรื่องที่ท่านอ๋องกับพระชายาทะเลาะกันตื่นตระหนกกันไปทั่วทั้งจวนอ๋องเฉิน...แต่บรรดาคนรับใช้ไม่กล้าพูดมาก ทำหน้าที่ของตนเอง ราวกับว่าไม่รู้เรื่องอะไรทั้งสิ้น และไม่เห็นอะไรทั้งนั้นหัวสมองของหานเฟิงกลับเต็มไปด้วยความกลัดกลุ้มตอนเช้ายังล่าสัตว์กันอย่างสนุกสนาน เหตุใดตอนกลางคืนถึงได้ทะเลาะกันแบบนี้?ตอนกลางวัน ทั้งสองคนดีกันตอนกลางคืน อยู่ร่วมกันไม่ได้หานเฟิงคิดไม่ตกจริง ๆ จนผมร่วงกำใหญ่ จำต้องถามเยว่เอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้าง เขาถอนหายใจ“แม่นางเยว่เอ๋อร์ ในใจของผู้หญิงอย่างพวกเจ้ากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่?”ทันทีที่เยว่เอ๋อร์ได้ยินประโยคนี้ ก็ถลึงตาทันที“ความหมายของเจ้าคือ นี่เป็นความผิดของพระชายา?!”ทันใดนั้นหายนะครั้งใหญ่ก็มาเยือนหานเฟิงตกใจจนลุกขึ้นยืน รีบโบกมือ “ไม่ได้หมายความเช่นนี้!”“ท่านถามมาเช่นนี้แล้ว ไม่ได้หมายความว่าแบบนี้? ยังจะหมายความอะไรได้อีก?” เยว่เอ๋อร์โมโหแล้ว “ท่านอ๋องรังแกพระชายาแบบนั้น ยังไล่พระชายาออกนอกจวนอีก ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ คนทั่วทั้งจวนเห็นกันหมดแล้ว แต่เจ้ากลับพูดว่าเป็นความผิดของพระชายา!”“เฮอะ พระชายาพูดไว้ไม่ผิดจริ
“ไม่รู้ว่าเจ้ากำลังหาใคร? ข้าเดินทางมาเจียงหนาน พาคนมาด้วยไม่น้อย ไม่แน่อาจสามารถช่วยอะไรเจ้าได้บ้าง”ฉู่เชียนหลีลังเลเล็กน้อยผู้มาเยือนคือแขก ยังไปรบกวนคนอื่นอีก รู้สึกเกรงใจจริงๆฮองเฮาหนานยวนเหมือนมองความคิดนางออก พลันยิ้มอย่างอ่อนโยน“พระชายาอ๋องเฉิน แคว้นหนานยวนกับอ๋องเฉินมีความสัมพันธ์ทางการร่วมมือ เจ้าไม่ต้องเกรงใจ”“เห็นเจ้าใช้คนมากมายเช่นนี้ แถมยังปิดเมือง คนผู้นี้น่าจะสำคัญมากกระมัง ไม่ต้องลังเลแล้ว ทุกเวลามีค่า อย่าปล่อยให้อีกฝ่ายมีโอกาสหนี”มันก็จริงตามหาคนสำคัญกว่าฉู่เชียนหลีก็ไม่ลังเลอีก กล่าวตรงๆ “เป็นเด็กทารกที่เพิ่งคลอด เป็นลูกสาวของสาวใช้ข้า…”หลังจากฮองเฮาหนานยวนเข้าใจสถานการณ์คร่าวๆ ก็สั่งให้คนของตัวเองไปช่วยอีกแรงทันทีขณะเดียวกัน ก็เหลือบมองพระชายาอ๋องเฉินท่านนี้อีกหลายครั้งนางดีกับคนรับใช้เช่นนี้มาโดยตลอด?เป็นเพียงสาวใช้คนหนึ่ง นางสามารถทำถึงขั้นปิดเมืองเลยมองออกได้ไม่ยากว่านางเป็นคนให้ความสำคัญกับมิตรภาพ ใครก็ตามที่อยู่ในสายตาของนาง ไม่มีการแบ่งแยกชนชั้น คนเช่นนี้ทำให้คนไว้ใจได้ง่าย ทำให้คนอยากเข้าหา อยากทำความรู้จักสมัยนี้ คนที่มีตำแหน่งมีอ
ต้องเป็นฝีมือเขาแน่!อวิ๋นอิงฝืนยันร่างกายที่อ่อนแรงขึ้น เดินไปข้างหน้าอย่างโซซัดโซเซสองสามก้าว เกือบหมดสติล้มลง“ฮูหยินน้อย!” หมอตำแยรีบเข้าไปประคองนาง “เลือดของเจ้ายังไม่หยุดไหลเลย ลงจากเตียงไม่ได้…”พูดไม่ทันจบ อวิ๋นอิงปัดมือหมอตำแยทิ้ง วิ่งออกไปข้างนอกอย่างสุดชีวิตไม่มีใครสามารถแย่งลูกสาวที่นางต้องแลกมาด้วยชีวิต!นางไม่มีพ่อแม่แล้ว สูญเสียคนที่รักที่สุด นางไม่เหลืออะไรแล้ว ลูกสาวเป็นความหวังเพียงหนึ่งเดียวที่นางจะมีชีวิตอยู่รอดต่อไปใครกล้าแย่งความหวังของนาง นางก็สู้ตายกับคนคนนั้น!หมอตำแยงไล่ตามไปถึงหน้าประตู มองดูนางวิ่งออกไปอย่างโซซัดโซเซ รู้สึกงงงวยไปหมด“เด็ก เด็ก…เด็กคนนี้มันอะไรกันแน่…แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น? รอก่อน! ยังไม่ได้จ่ายค่ารักษาเลยนะ!”“...”บนถนนชาวบ้านเห็นผู้หญิงที่มีเลือดเปื้อนตามร่างกายวิ่งล้มลุกคลุกคลาน คิดว่าเป็นคนบ้าที่มาจากไหนก็ไม่รู้ แต่ละคนตกใจจนพากันหลบ กลัวตัวเองจะติดความโชคร้ายอวิ๋นอิงเหนื่อยมาก ร่างกายถึงขีดจำกัดแล้ว ศีรษะหนักราวกับพันชั่ง ขาทั้งสองข้างล้าจนอ่อนไปหมดแล้ว อาศัยแค่ความแน่วแน่ ต่อให้คลานอย่างสุดชีวิตก็ต้องคลานไปให้ถึงทำเนีย
อวิ๋นอิงรีบปิดปากวิ่งหนี ไม่กล้าส่งเสียงแม้แต่น้อย ทุกวินาทีที่อยู่ในทำเนียบ รู้สึกเหมือนมีคนจ้องมองตัวเองอยู่ตลอดเวลาโดยเฉพาะท้องเด็กคนนี้ยังไม่ทันเกิด ก็ตกไปอยู่ในแผนของผู้อื่นแล้วนางนอนไม่หลับทั้งคืนรอจนรุ่งสาง นางรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก ถ้าหากฝืนยื้อ นางยื้อจิ่งอี้ไม่ไหว หลังจากคิดซ้ำๆ ทิ้งจดหมายไว้หนึ่งฉบับ จากไปเงียบๆ แล้วนางอยากไปจากเจียงหนานหาสถานที่ที่เงียบสงบและไม่มีใครรู้จักนาง คลอดเด็กคนนี้ออกมา และเลี้ยงดูเขาไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับความขัดแย้งทางโลก ไม่อยากสนใจอะไรทั้งสิ้น ไปอยู่สถานที่ใหม่ เริ่มต้นใหม่จากไปอย่างเร่งด่วน พกเพียงเงินมือข้างหนึ่งจับท้อง ฝีเท้าเร่งรีบ เตรียมไปเช่ารถม้าหนึ่งคัน แต่ตอนเดินไปถึงตรงหัวมุม ไม่ระวังถูกเด็กที่เล่นอยู่ตรงนั้นชนท้อง“ซี้ด!”ความเจ็บแล่นไปทั่วร่างมีกระแสอุ่นๆ สายหนึ่งไหลออกจากร่างกายช่วงล่างสีหน้าอวิ๋นอิงเปลี่ยนฉับพลัน มือจับเสื้อผ้าตรงท้องตามสัญชาตญาณ สัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่ตกวูบ เจ็บจนจับกำแพง ทรุดนั่งลงบนพื้นอย่างเข่าอ่อนชาวบ้านที่เดินผ่านมาเห็น กล่าวด้วยความตกใจ“แม่นาง เจ้าไม่เป็นอะไรกระมัง?”“ข้างล
เสียงของเขาทุ้มและเหนื่อยมาก ทั้งที่เพิ่งอายุยี่สิบหกปี แต่ดวงตาที่เต็มไปด้วยความผันผวน เหมือนชายชราใกล้ตายที่ผ่านอะไรมามากมาย นั่งอยู่บนบันได มองดวงอาทิตย์ที่ค่อยๆ ลับขอบฟ้า รอคอยความตายที่จะมาถึงเฟิ่งหรานรู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างยิ่งความรัก เป็นสิ่งที่อันตรายจริงๆชาตินี้เขายอมไม่แตะต้องผู้หญิงเลย“เช่นนั้นก็ไปเถอะ” เขากล่าว “อวิ๋นอิงเกลียดเจ้า เจ้าฝืนอยู่ข้างกายนาง มีแต่จะคอยย้ำเตือนความเจ็บปวดที่นางเคยได้หลับ เกรงว่ามีแต่จะยิ่งเกลียดเจ้า”“พวกเรากลับแคว้นกันเถอะ”กลับแคว้นซีอวี้กลับไปในที่ที่ควรกลับ กลับไปทำสิ่งที่ควรทำ ลืม…คนที่ควรลืมเฟิ่งหรานกล่าว “บางทีไปจากนาง จึงจะสามารถทำให้นางสบายใจจริงๆ ชีวิตจึงจะนับว่าดีขึ้นจริงๆ เจ้าก็ควรกลับแคว้น ทวงคืนสิ่งที่เป็นของเจ้าคืนแล้ว”“ข้าไปหาพระชายา ขอให้นางช่วยรักษากล่องเสียงของเจ้า”“ไม่ต้องแล้ว” จิ่งอี้ปฏิเสธอย่างเรียบเฉยกล่องเสียงที่พังแล้ว เขาไม่อยากรักษายาพิษที่อวิ๋นอิงป้อนเองกับมือ มันหวานเหมือนน้ำผึ้ง ชาตินี้เขาจะไม่รักษา“อวิ๋นอิงเกลียดข้า ก็ให้พิษนี่อยู่ในร่างกายข้า ให้ความเกลียดของนางมีที่ระบาย เช่นนี้จึงจะสามารถทำใ
จิ่งอี้ค่อยๆ หลุบตาลง ความดีใจเมื่อครู่หายไป เหลือเพียงความเศร้าในแววตาของเขา…เขากล้าขอให้อวิ๋นอิงให้อภัยได้อย่างไร?เขาทำกับอวิ๋นอิงเช่นนั้น ทำร้ายนางเช่นนั้น เปลี่ยนเป็นเขา ก็ไม่มีทางให้อภัยตัวเองอวิ๋นอิงเกลียดเขา มันก็สมควรแล้วอวิ๋นอิงวางยาเขา ทำลายกล่องเสียงของเขา เมื่อเทียบกับสิ่งที่เขาเคยทำ มันต่างกันอย่างเห็นได้ชัดเขาแค่สูญเสียกล่องเสียงแต่ความเจ็บปวดทางจิตใจและจิตวิญญาณที่อวิ๋นอิงได้รับ ไม่สามารถลบเลือนได้ทั้งชีวิต“เป็นความผิดของข้า ล้วนเป็นความผิดของข้า…”ไม่ว่าอวิ๋นอิงทำอะไร เขาก็พร้อมรับทุกอย่างนี่คือผลลัพธ์ที่เขาควรได้รับ“ไม่เป็นไร…สมควรแล้ว…อวิ๋นอิงทำถูก…ข้าไม่โทษนาง นางรังเกียจข้า นางเกลียดข้า นางอยากเอาชีวิตข้า ข้ารู้ ข้ารู้ทุกอย่าง…เฟิ่งหราน ข้าไม่เกลียดนาง จริงนะ…ข้า…”เสียงของเขาแข็งขึ้นเรื่อยๆ เบ้าตาก็แดงอย่างรวดเร็วมีหมอกปกคลุมพร่ามัวน้ำตาไหลออกมาพลันเฟิ่งหรานแน่นหน้าอกรู้จักกันนานเช่นนี้ เคยเห็นจิ่งอี้หลั่งน้ำตาแม้แต่หยดเดียวตั้งแต่เมื่อไร? ถูกพ่อแท้ๆ ทิ้ง เขาไม่ร้องไห้ จางเฟยตา เขาก็ไม่ร้องไห้ตอนนี้ เวลานี้ น้ำตาตกเหมือนสายฝน!ผู้ชา
“อ๋อ อวิ๋นอิง”เฟิ่งหรานรู้ว่าเขาเป็นห่วง จึงกล่าวโดยไม่อ้อมค้อมแล้ว“เดิมทีนางหนูนั่นเกลียดเจ้ามาก พูดอะไรก็ไม่ยอมให้อภัยเจ้า แต่ข้าพบว่าเมื่อคืนนางแอบมาเยี่ยมเจ้า ตอนที่จากไป ตาแดงเหมือนเคยร้องไห้”อวิ๋นอิงเอาหน้า ดังนั้นจึงแอบมาตอนกลางคืนเขาหยอกล้อด้วยรอยยิ้ม“ข้าว่าแปดส่วนพวกเจ้าไปกันรอด”“นี่ก็ถือว่าเจ้ายอมเสียสละชีวิต ใช้ความรักของตัวเองทำให้นางหวั่นไหว ตอนนี้ก็ใกล้จะคลอดแล้ว ถ้าหากพวกเจ้าสามารถคืนดีกันได้ เมื่อเด็กคนนี้เกิดมา พ่อเอ็นดู แม่รักใคร่ ไม่ต้องพูดถึงว่ามีความสุขเพียงใดแล้ว”“จึงมอบครอบครัวที่สมบูรณ์ให้เด็ก อย่าให้เด็กเดินตามรอยพวกเรา…”พวกเขาล้วนเป็นคนโชคร้าย รู้ซึ้งถึงความเจ็บปวดของครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์อย่าปล่อยให้ความโชคร้ายของตัวเอง ต้องไปเกิดขึ้นกับเด็กมีประกายความตื่นเต้นฉายในแววตาจิ่งอี้นางมาเยี่ยมเขาแล้ว!ในที่สุดนางก็ยอมให้อภัยเขาแล้วหรือ!เขาตื่นเต้นจนไม่สามารถระงับอารมณ์ ดึงผ้าห่มออกก็จะลุกขึ้นเฟิ่งหรานรีบกดเขาไว้ “เจ้าเพิ่งฟื้น ร่างกายยังอ่อนแอมาก อย่าขยับส่งเดช เจ้าอยากตายหรือ?”จิ่งอี้กล่าว “ดี ใจ…”เสียงยังคงแหบแห้ง “ต่อให้ดีใจ ก็ไม
ช้อนแล้วช้อนแล้ว กระทั่งเห็นก้นถ้วยหลังจากป้อนหมดแล้ว อวิ๋นอิงวางถ้วยยา เช็ดมุมปากของเขา ตอนที่นิ้วสัมผัสโดนผิวหนัง เย็นเหมือนน้ำแข็ง…นี่ไม่ใช่อุณหภูมิร่างกายของคนปกติบางทีเขาอาจจะไม่มีวันฟื้นแล้วจริงๆรู้สึกแสบจมูกเล็กน้อย“เพราะเหตุใดเจ้าต้องใช้เลือดหัวใจของตัวเอง เลี้ยงกู่แพทย์เพื่อข้า? เพราะเหตุใดต้องดื่มยาพิษขวดนั้น ความเป็นความตายของข้าเกี่ยวอะไรกับเจ้า? ทั้งๆ ที่เจ้าไม่ต้องทำเช่นนั้น”“ความโอ่อ่าในอดีตของเจ้าล่ะ? ความเฉียบคมของเจ้าล่ะ? ความแข็งแกร่งของเจ้าล่ะ? ความเด็ดขาดที่หนึ่งหนึ่งไม่เป็นสองของเจ้าล่ะ? ถ้าหากข้าตายแล้ว ก็เป็นไปตามที่เจ้าต้องการไม่ใช่หรือ? เหตุใดเจ้าต้องสนใจข้า?”“จิ่งอี้ ถ้าหากเจ้ายังทำกับข้าเหมือนเมื่อก่อน ข้าจะเกลียดเจ้าไปตลอดชีวิตจริงๆ เกลียดเจ้าจนตาย แต่ต่อมาเจ้าเปลี่ยนไปแล้ว…”“พอเจ้าดีกับข้า ข้าก็…ใจอ่อนแล้ว…”อวิ๋นอิงหลุบตา พูดเบาๆ ด้วยน้ำเสียงที่แข็งเล็กน้อยตัวตนของนาง เป็นเด็กผู้หญิงที่ไร้เดียงสาและตรงไปตรงมา!ใครดีกับนาง นางก็ดีกับคนนั้นท้องใกล้จะเก้าเดือนแล้ว อีกประมาณครึ่งเดือนก็น่าจะคลอดแล้ว นางไม่สามารถลบเลือนความจริงที่จิ่งอี้เ
เฟิงเจิ้งลู่ฉินกลับแคว้นวันที่สามฉู่เชียนหลียังไม่ค่อยชิน ตอนที่ดูจื่อเยี่ยกับเว่ยซีเล่นด้วยกัน มักจะนึกถึงร่างเงาน้อยๆ ที่สามวันที่สี่ เกิดสงครามขึ้นที่ริมแม่น้ำอูหลานอีกครั้ง เฟิงเย่เสวียนยุ่งจนไม่ได้พักทุกวัน นอกจากเวลานอน เวลาอื่นไม่เห็นแม้แต่เงา ส่วนนางก็อยู่บ้านเลี้ยงลูก และคอยเฝ้าดูอาการบาดเจ็บของจิ่งอี้จวินลั่วยวนก็หาโอกาสทุกวัน…แต่น่าเสียดาย เกิดสงครามขึ้น อ๋องเฉินยุ่งมาก นางไม่มีโอกาสเข้าใกล้เลยเป็นเช่นนี้ติดต่อกันหลายวัน รอจนรู้สึกเบื่อ นางกลับเริ่มหันมาสนใจฉู่เชียนหลีแทน พบว่าหลายวันนี้ ฉู่เชียนหลีมักจะไปที่เรือนหลังหนึ่งเกิดความอยากรู้อยากเห็นจึงฉวยโอกาสตอนที่ฉู่เชียนหลีไม่อยู่ แอบเข้าไปในเรือนทันทีที่เข้าไป ก็พบกับผู้ชายคนหนึ่งที่นอนหายใจรวยรินอยู่บนเตียง“เอ๋?”ฉู่เชียนหลีเฝ้าผู้ชายคนนี้ทุกวัน คนคนนี้น่าจะสำคัญกับนางมากกระมัง?เดินเข้าไปดูอย่างละเอียดใกล้ๆหน้าตาไม่เลว แต่หน้าซีดไปหน่อย ถ้าหากไม่ใช่เพราะหน้าอกของเขายังมีการกระพือขึ้นลงเบาๆ นางเกือบคิดว่าเป็นศพนอนอยู่บนเตียง“บาดเจ็บสาหัสเช่นนี้ เหตุใดยังไม่ตาย?”นางชะโงกศีรษะด้วยความอยากรู้อยากเห็น
นางกำนัลรีบอุ้มเด็กเดินเข้าไปฉู่เจียวเจียวรับมาเบาๆ “ฉินเอ๋อร์เป็นเด็กดีนะ ไม่ร้องแล้ว เสด็จแม่อยู่นี่”ตบหลังปลอบใจนางเบาๆทว่าลู่ฉินยิ่งร้องไห้หนักแล้ว“อุแว้!”อ้าปาก เสียงร้องไห้ดังเป็นพิเศษ น้ำตาร่วงเป็นเม็ดๆ ราวกับลูกปัดที่เชือกขาดแก้มทั้งสองข้างแดงก่ำ“อุแว้! ฮือๆ…”นางสะอึกสะอื้น นางกระสับกระส่ายจู่ๆ ก็มาถึงสภาพแวดล้อมที่ไม่รู้จัก รู้สึกไม่ปลอดภัย นางไม่อยากอยู่ที่นี่ นางอยากกลับไปหาท่านแม่“ไม่ร้อง เป็นเด็กดีนะ” ฉู่เจียวเจียวกล่อมนาง “เจ้าเป็นองค์หญิงเพียงหนึ่งเดียวของแคว้นตงหลิง เรียกลมได้ลม เรียกฝนได้ฝน น้ำตาก็เหมือนกับเมล็ดถั่วทองคำ จะร้องไห้ส่งเดชได้อย่างไร?”“เจ้าเลิกร้องได้แล้ว เสด็จแม่ซื้อเครื่องประดับให้เจ้าสองชุด เป็นอย่างไร?”เฟิงเจิ้งลู่ฉิน “อุแว้!”นางกำนัลที่อยู่ข้างๆ “...”อยากพูดแต่ก็ลังเลเห็นได้ชัดว่าฉู่เจียวเจียวเลี้ยงลูกไม่เป็น ไม่มีประสบการณ์ และกล่อมไม่เป็น แม้แต่ท่าอุ้มของนางก็ดูแข็งมาก“ถ้ายังไม่พอ ซื้อบ้านในเมืองหลวงให้เจ้าสองหลัง? ถ้าหากเจ้ารู้สึกเหงา ข้าก็ให้ลูกๆ ของขุนนางเข้าวังมาเล่นกับเจ้า”ฉู่เจียวเจียวกล่อมนาง“วันนี้เป็นวันด