เพียะ!ฉู่เชียนหลีสาวเท้ามาด้านหน้า ยืนอยู่บนบันไดขั้นที่สามหน้าประตู เท้าทั้งสองข้างแยกออกจากกัน มือซ้ายเท้าสะโพก ค่อย ๆ ควักกระบองขนาดใหญ่เท่านิ้วมืออันหนึ่งออกมาคิดจะแตะต้องฉันเหรอ?โลกสวยไปแล้ว!“เฟิงเย่เสวียน ท่านสงสัยไม่ใช่หรือว่าวันนี้ตอนเข้าวัง ฝ่าบาทตรัสอะไรกับข้า? ข้าจะบอกท่านเดี๋ยวนี้”มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย ฉีกยิ้มเย็นชาออกมา“ฝ่าบาทประทานกระบองตีหมาให้ เห็นกระบองนี้ก็เหมือนเห็นฝ่าบาทเสด็จ เหนือกว่าเอาไว้ตีทรราช เบื้องล่างเอาไว้ตีสามี ข้าไม่ถือสาให้ท่านได้ลิ้มลองชิมเนื้อผัดหน่อไม้!”ยกมือขึ้นสะบัด กระบองส่งเสียงเย็นยะเยือกดัง ‘ฟิ้ว’ แรงสั่นสะเทือนดังก้องขึ้นกลางอากาศหนาเท่านิ้วชี้ ฟาดลงไป รับรองได้เห็นเลือดฝีเท้าที่วิ่งมาของเฟิงเย่เสวียนหยุดชะงักลงทันที “ฝ่าบาทประทานกระบองให้เจ้าหรือ?”เห็นเขาเป็นไอ้โง่หรือไง?วันนี้พวกเขาถึงได้ไปล่าสัตว์ที่นอกเมือง กระบอกด้ามนี้เห็นได้ชัดว่านางหักมาจากในป่า ยังคิดจะเอามาข่มขู่เขาอย่างนั้นหรือ?จับโอรสสวรรค์เพื่อสั่งองค์ชายชายหนุ่มหรี่ตา “เจ้าคิดว่าข้าตกใจกลัว?”“เช่นนั้นท่านก็ลองดู!” ฉู่เชียนหลีเชิดหน้าขึ้น “ล้อเลียนโอรสสวร
เฟิงเย่เสวียนถูกตีแล้วตั้งแต่เด็กจนโต ไม่เคยมีในประวัติศาสตร์มาก่อน หาได้ยาก มีชีวิตอยู่มายี่สิบสองปีเต็ม เป็นครั้งแรกที่ถูกผู้หญิงตี อีกทั้งยังต่อหน้าผู้คนมากมายอีกด้วยหน้า ข้างในของเขา ราวกับถูกกดอยู่บนพื้น แล้วถูกถูอย่างรุนแรงสุดยอดเลย!กบฏแล้ว!“ฉู่เชียนหลี!”ชายหนุ่มกำหมัดทั้งสองข้างแน่น ร่างกายพุ่งไปข้างหน้าราวกับลูกธนู กระโจนตัวขึ้นไป เตะจนประตูลอยกระเด็น!ปัง…ประตูสองบานล้มลงบนพื้น กำแพงสั่นสะเทือนจนฝุ่นฟุ้งกระจายทันทีที่ฉู่เชียนหลีนั่งลงก็สังเกตเห็นความผิดปกติ รีบยกก้น กระโดดหน้าต่างหนี“หยุดเดี๋ยวนี้!”ชายหนุ่มวิ่งตามไป พลิกโต๊ะเก้าอี้ล้มคว่ำ ถ้วยชาแตกกระจายพุ่งตัวไปถึงหน้าต่าง เห็นร่างของหญิงสาวกระโดดกำแพง ว่องไวราวกับแมวเขาหรี่ตา ยกฝ่ามือข้างขวาขึ้น ขับเคลื่อนกำลังภายในที่แข็งแกร่งรวมกันที่กลางฝ่ามือ แล้วโจมตีออกไปโครมคราม!เรือนข้างเป็นเรือนที่กันดาร ที่ทรุดโทรมที่สุดหลังหนึ่งของจวนอ๋อง กำแพงก็ผุพัง ถูกน้ำฝนหยดจนเปียก ทันทีที่กำลังภายในโจมตี ก็พังทลายลงมาทันทีไม่ไกลนัก หญิงสาววิ่งอย่างรวดเร็วชายหนุ่มพุ่งตัวตามไปบรรดาคนใช้ยืนอยู่กับที่ จ้องมองเร
อีกอย่างทางจวนอ๋องเฉินทางนี้เรื่องที่ท่านอ๋องกับพระชายาทะเลาะกันตื่นตระหนกกันไปทั่วทั้งจวนอ๋องเฉิน...แต่บรรดาคนรับใช้ไม่กล้าพูดมาก ทำหน้าที่ของตนเอง ราวกับว่าไม่รู้เรื่องอะไรทั้งสิ้น และไม่เห็นอะไรทั้งนั้นหัวสมองของหานเฟิงกลับเต็มไปด้วยความกลัดกลุ้มตอนเช้ายังล่าสัตว์กันอย่างสนุกสนาน เหตุใดตอนกลางคืนถึงได้ทะเลาะกันแบบนี้?ตอนกลางวัน ทั้งสองคนดีกันตอนกลางคืน อยู่ร่วมกันไม่ได้หานเฟิงคิดไม่ตกจริง ๆ จนผมร่วงกำใหญ่ จำต้องถามเยว่เอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้าง เขาถอนหายใจ“แม่นางเยว่เอ๋อร์ ในใจของผู้หญิงอย่างพวกเจ้ากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่?”ทันทีที่เยว่เอ๋อร์ได้ยินประโยคนี้ ก็ถลึงตาทันที“ความหมายของเจ้าคือ นี่เป็นความผิดของพระชายา?!”ทันใดนั้นหายนะครั้งใหญ่ก็มาเยือนหานเฟิงตกใจจนลุกขึ้นยืน รีบโบกมือ “ไม่ได้หมายความเช่นนี้!”“ท่านถามมาเช่นนี้แล้ว ไม่ได้หมายความว่าแบบนี้? ยังจะหมายความอะไรได้อีก?” เยว่เอ๋อร์โมโหแล้ว “ท่านอ๋องรังแกพระชายาแบบนั้น ยังไล่พระชายาออกนอกจวนอีก ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ คนทั่วทั้งจวนเห็นกันหมดแล้ว แต่เจ้ากลับพูดว่าเป็นความผิดของพระชายา!”“เฮอะ พระชายาพูดไว้ไม่ผิดจริ
ท่าทางแทะน่องไก่ของฉู่เชียนหลีหยุดชะงักเล็กน้อยยังไม่ตาย?แต่เฟิงเย่เสวียนพูดอยู่ชัด ๆ ว่า...หานเฟิงเห็นพระชายากับนายท่านทะเลาะกันรุนแรง หลังจากทราบสาเหตุ ก็มาหาพระชายาเป็นอันดับแรก มาอธิบายแทนนายท่านอันที่จริงนี่เป็นเรื่องเข้าใจผิดเขากล่าว “ตอนนี้ แม่ลูกคู่นั้นได้ไปไกลจากเมืองหลวงแล้ว จะไม่กลับมาอีกตลอดไป ท่านอ๋องไม่เพียงไม่ได้ทำร้ายพวกเขา ยังให้เงินจำนวนมากพอกับฮูหยินท่านนั้น อยู่ได้อย่างไรกังวลไปครึ่งค่อนชีวิต”ฉู่เชียนหลีตะลึงงันไปเฟิงเย่เสวียนไม่เคยบอกนางมาก่อน...“ท่านคงจะประหลาดใจมาก เหตุใดนายท่านถึงจะลงมือกับผู้หญิงอ่อนแอ และทารกไร้เดียงสาคู่นั้นใช่หรือไม่” หานเฟิงเห็นว่าพระชายารับฟังคำพูดของเขาแล้ว จึงลากเก้าอี้ออกมาแล้วนั่งลงจ้องมองนาง ถามขึ้นประโยคหนึ่ง“หากอีกฝ่ายฆ่าตระกูลทั้งตระกูล ท่านจะวางความแค้นลง ไม่ใส่ใจได้งั้นหรือ ?”ฉู่เชียนหลีอึ้งไป “หมายความว่าอย่างไร...”หานเฟิงถอนหายใจนายท่านเป็นคนพูดไม่เก่ง เรื่องราวมากมายไม่เคยเอ่ยกับคนอื่น แม้ว่าจะเป็นคนที่ร่วมเรียงเคียงหมอนก็ไม่เอ่ยแม้แต่คำเดียว“ตระกูลเซียว เซียวกุ้ยเฟย”มารดาของนายท่าน“พระชายาอาจจะ
พูดมาตั้งเยอะตั้งแยะ ก็เพื่ออยากจะให้นางไปขอโทษ?นางไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมต้องขอโทษ?หานเฟิงกล่าว “แม่ลูกคู่นั้นไม่ตาย ท่านปรักปรำนายท่าน นายท่านเสียใจ ท่านไปขอโทษ ยอมรับผิดละก็ นายท่านต้องยกโทษให้ท่าน”เขากล่าวโน้มน้าวอย่างจริงใจ“ระหว่างสามีภรรยา ไม่มีอุปสรรคใดที่ก้าวผ่านไปไม่ได้”ฉู่เชียนหลี “?”อ่อถ้าอย่างนั้นก็รบกวนแล้วจริง ๆ เฟิงเย่เสวียนไม่ได้พูดให้ชัดเจน ทำให้นางเข้าใจผิด ผลปรากฏว่ากลับอยากให้นางขอโทษ? ประสาทหรือไงเพื่อเรื่องของเด็ก เถียงกันไม่กี่ประโยค ก็ขู่จะฆ่านาง ถ้าหากนางยอมแพ้ ชีวิตวันข้างหน้าจะขนาดไหน?ทั้งหมดเป็นเพราะทำให้เขาเคยตัว!ฉู่เชียนหลีทำสีหน้าเย็นชา “หานเฟิง เจ้าไม่เคยมีคนรักมาก่อนใช่หรือไม่?”หานเฟิงงุนงงมีคนรัก?คนรัก?ช้าง?ช้างคู่หนึ่ง?[footnoteRef:1] [1: คำว่าคนรักกับช้าในภาษาจีนพ้องเสียงกัน] ฉู่เชียนหลีโยนตะเกียบ ลุกขึ้น “ในเมื่อเจ้าเป็นชายโสด ก็ไม่ควรสอดเรื่องระหว่างสามีภรรยา เจ้าจะไปรู้อะไร”พูดจบ ก็เดินไปเขาไม่เข้าใจเลยสักนิด ตอนที่รับมือกับผู้หญิง เรื่องที่ไม่ควรทำที่สุดก็คือพูดด้วยเหตุผลก่อนหน้านี้เดิมทียังค่อนข้างสงสารเฟิง
ที่จริงฉู่เชียนหลีมาเพื่อหานางอัน แต่กลับถูกปฏิเสธการต้อนรับนอนแล้ว?กวาดสายตามองความมืดมิดภายในห้อง ไม่มีแสงเทียน ไม่มีเสียงเลยแม้แต่น้อยเฮอะหลบหน้าหลบหน้าได้แค่วันเดียว แต่ไม่สามารถหลบหน้าได้ตลอดไป สิ่งที่ฉันอยากรู้ จะช้าหรือเร็วก็ต้องง้างปากของแกได้อยู่ดี!คืนนี้ฉู่เชียนหลีอยู่ที่จวนอัครมหาเสนาบดีฉู่วันต่อมานางเฝ้าอยู่ที่เรือนของนางอันตลอดหนึ่งวันเต็ม นางอันก็เอาแต่นอนตลอดหนึ่งวันเต็ม บอกว่าเป็นโรคลมหนาวอาการหนัก ไม่สามารถลุกได้ ไม่พบใครทั้งนั้นฉู่เชียนหลีไม่รีบร้อนวันที่สามวันนี้ เป็นวันที่พระชายาอ๋องหลีจะกลับจวน จวนอัครมหาเสนาบดีฉู่จัดงานเลี้ยงกลับจวน ต้อนรับการกลับมาของทั้งสองคน ทุกคนในจวนไปรอต้อนรับที่ประตู แน่นอนว่าย่อมรวมถึงนางอันนางอันหลบอยู่ในห้อง คิดถึงลูกสาว แต่ก็หวาดกลัวฉู่เชียนหลี กอดผ้าห่มสองจิตสองใจไม่กล้าออกไป“ฮูหยิน คุณหนูใกล้จะถึงจวนอัครมหาเสนาบดีแล้ว!”หมอมอเฒ่าที่คอยปรนนิบัติถามอย่างไม่เข้าใจ “เหตุใดท่านต้องหวาดกลัวพระชายาอ๋องเฉินขนาดนี้? เมื่อก่อนตอนที่นางอยู่ที่จวนอัครมหาเสนาบดี ขี้ขลาดตาขาว ไม่มีท่าทีคุกคาม เชื่อฟังท่านมาก ไม่กล้าเถียงส
เสแสร้งยังคงเสแสร้งทำไมระหว่างคนกับคนจะซื่อสัตย์ต่อกันหน่อยไม่ได้หรือ?ฉู่เชียนหลีถอนหายใจ “อันอี๋เหนียง ท่านน่าจะเคยได้ยินว่าก่อนหน้านี้ เรื่องที่ข้าช่วยฮูหยินผู้เฒ่าหวังใช่หรือไม่ ข้าเองก็ไม่ปิดบังท่าน ข้าพอมีความรู้เรื่องการรักษาอยู่บ้าง ในมือมียาพิษขวดหนึ่งอยู่พอดี”“ยาพิษนี้เมื่อดื่มลงไปน่ะ ก็จะทำให้คนแก่เร็วขึ้นสิบเท่า หนึ่งวันเท่ากับแก่ลงสิบวัน หนึ่งปีละก็ ก็เท่ากับว่าแก่ลงสิบปี”นางหยิบไดคลอวอสขวดหนึ่งออกมาจากในแขนเสื้อบนขวดของไดคลอวอส ยังพิมพ์ด้วยหัวกะโหลกสีดำอันหนึ่งทันทีที่นางอันเห็นหัวกะโหลกที่น่าตกใจนั่น ก็ถอยหลังไปสองก้าวด้วยจิตใต้สำนึก“เจ้า...เจ้าจะทำอะไร...”ฉู่เชียนหลียิ้มราวกับคนไม่มีพิษภัย “แน่นอนว่าก็ต้องอยากฟังความจริงนะซิ แต่อันอี๋เหนียงไม่ยอมพูด ถ้าเช่นนั้นข้าก็คงคิดหาหนทาง ที่ทำให้ท่านยอมอ้าปากนะสิ”นางถือไดคลอวอสเอาไว้ เดินไปหานางอันพร้อมด้วยรอยยิ้ม“เจ้า...”นางอันถอยหลัง “เจ้า...”สีหน้าหวาดกลัว “ข้า...ข้าเป็นแม่ของเจ้า! หากเจ้าไม่เคารพข้า วันพรุ่งนี้เช้า ทั่วทั้งเมืองหลวงจะต้องรู้ถึงชื่อโหดเหี้ยม และอำมหิตของเจ้า!”แม่?นางดูถูกคำนี้เหลือ
เสียงที่ดังก้องกังวานลอยมา ทำให้บรรดาคนใช้ที่อยู่นอกเรือนได้ยินกันหมดไฉนเลยที่ฉู่เชียนหลีจะไม่รู้เจตนาเล็ก ๆ นั่นของนาง ?เจตนาจะทำให้นางแปดเปื้อน แล้วค่อยให้บรรดาคนรับใช้วิพากษ์วิจารณ์ หนึ่งส่งต่อไปเป็นสิบ สิบส่งต่อไปเป็นร้อย ทำลายชื่อเสียงของนางนางเคยแม้กระทั่งประสบกับความตาย ยังกลัวเรื่องนี้?ฉู่เชียนหลียกมุมปากขึ้นอย่างเย็นชา เดินเข้าไปหานางอันอย่างช้า ๆ “นางแต่งงานไปแล้ว ไม่มีทางที่จะอยู่ที่จวนอัครมหาเสนาบดีฉู่ได้ตลอดไป เจ้าคิดว่าข้างัดปากท่านไม่ได้หรืออย่างไร? สิบวัน ยี่สิบวัน?”“หนึ่งเดือน?”นางเดินเข้าไปใกล้อย่างช้า ๆ นางอันกลับเห็นว่าลูกสาวอยู่ จึงจับข้อศอกของบุตรสาวเอาไว้ เงยหน้าขึ้นมา“ข้าไม่รู้ว่าเจ้ากำลังพูดอะไรเลยสักนิด เจ้าจะต้องบีบบังคับให้ข้าตายถึงจะพอใจใช่หรือไม่? ถ้าหากเจ้าเกลียดข้ามากละก็ ถ้าเช่นนั้นข้าไปตายเสียดีกว่า”เสแสร้งพูดเสียงดังเสียงแผ่กระจายเมื่อบรรดาคนใช้ได้ยิน ก็แอบตกใจที่แท้ พระชายาอ๋องเฉินเป็นคนที่อิทธิพลแข็งแกร่ง ชอบบีบบังคับคนขนาดนี้...แม้แต่มารดาผู้ให้กำเนิดก็ยังจะทำร้าย!ฉู่เชียนหลีฉีกยิ้ม “เช่นนั้นท่านก็ไปตายเสียสิ”“เจ้า!”นา
ทุกคนรออยู่ที่นอกประตูเมือง เฟิงเย่เสวียนขี่ม้าเข้าไปใกล้ สายตาจ้องฉู่เชียนหลีอย่างลึกซึ้งหลายวินาทีฉู่เชียนหลียิ้มระหว่างทั้งสองคน คำพูดมากมายไม่จำเป็นต้องพูด แค่สบตากัน ก็สามารถเข้าใจกันแล้วผ่านไปครู่หนึ่งเขาถอนสายตากลับ กระตุกม้าให้หยุดลง โน้มกายและเอื้อมมือไปรับลูก“ส่งเขาให้ข้า”เฟิงเจิ้งหลียิ้มได้อ่อนโยนมาก ก้าวไปข้างหน้าครึ่งก้าวอย่างเชื่อฟัง ยกมือทั้งสองข้างขึ้นเล็กน้อย ส่งเด็กที่อยู่ในมือออกไป“น้องเจ็ด เดินทางปลอดภัย”เขาเน้นเสียงคำว่า ‘ปลอดภัย’ เป็นพิเศษ เหมือนมีความหมายที่ลึกซึ้งซ่อนอยู่อ๋องเฉินยื่นมือออกมาแล้ว ขณะที่กำลังจะสัมผัสโดนเด็ก เฟิงเจิ้งหลีปล่อยมือกะทันหันทันใดนั้นเด็กสูญเสียแรงยึดเหนี่ยว ร่วงลงไปโดยตรง!“จื่อเยี่ย!”พลันเฟิงเย่เสวียนแน่นหน้าอก กระโดดลงจากม้าด้วยความเร็วที่เร็วที่สุด ก็เห็นอ๋องหลีรับเด็กไว้แล้ว และก็เพราะพริบตาที่เขาเผลอนี้ จึงถูกธนูลับดอกหนึ่งยิงเข้าที่สะบักฉึก…“อาเฉิน!”“ท่านอ๋อง!”เหตุการณ์เกิดขึ้นกะทันหัน ไม่มีใครรับมือทันเวลาเฟิงเจิ้งหลีใช้มือซ้ายอุ้มเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ย มือขวาจับตัวฉู่เชียนหลี ถอยหลังเจ็ดแปดก้าว ขณะ
เฟิงเย่เสวียนเดินออกมาข้างหน้าหนึ่งก้าว “ปล่อยฉู่เชียนหลีกับเด็ก ข้าอยู่เอง เจ้าจับฉู่เชียนหลีไม่มีประโยชน์ มีเพียงจับข้าเท่านั้น เจ้าจึงจะสามารถนั่งราชบัลลังก์ได้อย่างมั่นคง”เฟิงเจิ้งหลีเย้ยหยัน“อย่ามาต่อรองกับข้า ข้ายอมถอยให้แล้ว ถ้าหากยังได้คืบจะเอาศอก ข้าไม่ถือสาที่จะพินาศไปพร้อมกัน”ฉู่เชียนหลีรีบถอยกลับมาจับข้อมือเฟิงเย่เสวียน กล่าวเสียงเบา “เจ้าพาจื่อเยี่ยไป!”“เชียนหลี…”“คนที่เขาต้องการคือข้า มีเพียงเจ้าไปและมีชีวิตรอดต่อไปเท่านั้น จึงจะมีโอกาสพลิกสถานการณ์ จื่อเยี่ยไปแล้ว ข้าจึงจะวางใจ ถึงเวลานั้น เขาก็ไม่มีข้อได้เปรียบอีก และไม่จำเป็นต้องกลัวเขาอีกแล้ว” ฉู่เชียนหลีวิเคราะห์เบาๆ อย่างฉับไวเฟิงเจิ้งหลีไม่มีทางฆ่านางใช้นางคนเดียว แลกกับความปลอดภัยของจื่อเยี่ย แลกกับความปลอดภัยของทุกคน อย่างไรก็ดีกว่าสู้กันตายไปข้างหนึ่ง เลือดนองเหมือนแม่น้ำไม่ใช่ว่านางจะถูกขังอยู่ในเมืองหลวงตลอดไปตราบใดที่ยังมีชีวิต ก็มีโอกาสเฟิงเย่เสวียนรู้ผลได้ผลเสียในนี้ เด็กคนนี้อย่างไรก็ต้องช่วย แต่เขาจะทิ้งฉู่เชียนหลีไว้คนเดียวได้อย่างไร“เชียนหลี ข้ามันไร้ประโยชน์”“ข้าไม่อนุญาตให้เจ
เมื่อพรรคของอ๋องหลีได้ยินเช่นนี้ ก็กลัวทันทีดูท่าทีของพระชายาอ๋องเฉิน นี่กำลังจะเปิดฉากสังหารครั้งใหญ่ในวังชัดๆ!ฆ่าคนติดต่อกันสองคน ไม่กระพริบตาแม้แต่ทีเดียวเลือดกระเซ็นโดนใบหน้า ก็เย็นเฉียบท่าทางที่ชั่วร้ายเหมือนปีศาจนั่น ทำให้ขุนนางหลายคนเกิดความกลัว ลองถามคนทั่วหล้า จะมีสักกี่คนที่ไม่กลัว? อยู่ต่อหน้าความเป็นความตาย ทุกคนล้วนเห็นแก่ตัวพวกเขาไม่อยากตายขุนนางคนหนึ่งกลัวจนพูดติดอ่าง“อ๋อง อ๋องหลี…อย่างไรเด็กที่อยู่ในมือท่านก็เป็นพระนัดดาองค์โต เป็นสายเลือดของราชวงศ์ ถ้าหากฆ่าเขา ในวันข้างหน้า มลทินของท่านจะถูกบันทึกไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์ เกรงว่าจะถูกคนรุ่นหลังด่าทอต่อๆ กันเป็นหมื่นปี”ขุนนางอีกคนก็กล่าวเสียงสั่น“อ๋องเฉินโปรดพิจารณา…”ถ้าหากสู้กันจริงๆ พวกเขาสู้ไม่ไหวอ๋องเฉินมีฮ่องเต้หนุนหลัง มีกองทัพ มีกำลังทหาร อ๋องเฉินเป็นฝ่ายได้เปรียบทุกด้านในมืออ๋องหลี นอกจากพระนัดดาองค์โต ก็ไม่มีเบี้ยอย่างอื่นแล้ว อีกทั้ง ทหารรักษาพระองค์ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ทหารองครักษ์เงาของอ๋องเฉินเมื่อไรที่สู้กัน พวกเขาจะตายกันหมดไม่จำเป็นต้องตายไปครั้งหนึ่ง บางครั้ง เมื่อเห็นว่าพอแล้วก
เฟิงเย่เสวียนแค่ขมวดคิ้วทีหนึ่ง ก็ข่มความเจ็บปวดนี้ลงไปผู้บัญชาการจางฟาดอย่างดุร้ายลองคิดดูเขาที่เป็นขุนนางคนหนึ่ง สามารถใช้แส้ฟาดองค์ชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด นี่เป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจเพียงใด พูดคำนี้ออกไป เขาสามารถอวดสามสิบปียิ่งฟาดยิ่งรู้สึกสนุก ยิ่งฟาดยิ่งแรงเพี๊ยะ!เพี๊ยะๆๆ!ทุกคนร้อนใจจนกระทืบเท้า แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไป อ๋องหลีบ้าไปแล้ว เขาไม่ใช่อ๋องหลีที่เข้าถึงได้ง่ายอีกแล้ว!ฉู่เชียนหลีเพิ่งคิดจะกระโจนเข้าไป ก็ถูกอ๋องหลีสั่งให้คนคุมตัวไปยืนอยู่ข้างๆ บังคับให้นางมองดูต่อหน้าต่อตา“ฉู่เชียนหลี ข้าเคยบอกแล้ว เจ้าจะต้องเสียใจ คนไร้ประโยชน์อย่างเฟิงเย่เสวียน แม้แต่ลูกชายก็ปกป้องไม่ได้ มีประโยชน์อะไร”แววตาเฟิงเจิ้งหลีเปล่งแสงที่บ้าคลั่ง“เขาเป็นแค่คนไร้ประโยชน์ ฝ่าบาทจะให้ความสำคัญกับคนไร้ประโยชน์เช่นนี้ได้อย่างไร? ฉู่เชียนหลี เจ้าว่าเจ้าตาบอดใช่หรือไม่? เจ้าดูสภาพที่สะบักสะบอมของเขาตอนนี้ เหมือนสุนัขตัวหนึ่ง เจ้าก็ยังชอบเขา เช่นนั้นเจ้าก็เป็นสุนัขตัวเมียที่แพศยา”เขายิ้มอย่างชั่วร้าย สิ่งที่พูดออกมายิ่งไม่น่าฟังทุกคนตาแดง อยากพุ่งเข้าไปสับอ๋องหลีเป็นชิ้นๆ เสีย
ผู้ชายที่ร่างกายสูงใหญ่งอหัวเข่า คุกเข่าอยู่ตรงหน้าอ๋องหลีอย่างตั้งตรง แม้อยู่ต่ำกว่า แต่ความสูงศักดิ์ที่แผ่ซ่านออกมาจากกระดูก ไม่ลดน้อยลงเลยสักนิดตลอดหลายปีที่ผ่านมา นอกจากคุกเข่าให้ฮ่องเต้และบรรพชน พวกเขาไม่เคยเห็นอ๋องเฉินคุกเข่าให้ใครเฟิงเจิ้งหลีเห็นดังนี้ แหงนหน้าหัวเราะ“ฮ่าๆๆ!”คิดไม่ถึงจริงๆ เขาจะมีวันนี้ด้วยลูกชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด แพ้ให้กับลูกชายที่ไม่โปรดปรานที่สุด ไม่สะดุดตาที่สุด และยังถูกทุกคนรังแก ความรู้สึกที่อยู่เหนือกว่าเช่นนี้ ทำให้ในใจเขาสาแก่ใจจริงๆ“ฮ่าๆๆๆ เฟิงเย่เสวียน เจ้าก็มีวันนี้ด้วย!”หัวเราะเสร็จ เขารู้สึกว่าความเย่อหยิ่งของอ๋องเฉินมันขัดตาทั้งๆ ที่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบจนต้องคุกเข่า เหตุใดยังอวดดีหยิ่งผยองเช่นนี้?เขาออกคำสั่ง “ก้มหัวเจ้าลงไป”เฟิงเย่เสวียนเม้มปาก ก้มศีรษะลงเขาออกคำสั่งอีกครั้ง “โขกศีรษะ!”“อ๋องหลี ท่านอย่ารังแกให้มันมากนัก! ท่านกับท่านอ๋องของเราเป็นคนรุ่นเดียวกัน ท่านรับการโขกหัวจากเขาไม่ได้! ไม่กลัวบรรพชนรู้แล้ว อายุสั้นหรือ!” พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความโกรธเพิ่งกล่าวจบ ก็ถูกผู้บัญชาการจางถีบจนล้มลงพื้นหลังจากล้มลง ก
“ปล่อยคนของเจ้าแล้ว เจ้าเป็นอิสระแล้ว คืนลูกให้ข้า” ฉู่เชียนหลีจ้องเขาเฟิงเจิ้งหลีเหลือบมองเด็กน้อยในอ้อมแขน ท่าทางที่ร้องไห้จนหน้าแดง เห็นแล้วปวดใจนักคิดว่าแค่นี้ก็จบแล้วหรือ?เขายิ้ม“ฉู่เชียนหลี เหมือนเจ้าจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์นะ?”“?”“……”“เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาต่อรองกับข้า? เด็กอยู่ในมือข้า เป็นหรือตายขึ้นอยู่กับข้า ถึงคราวที่เจ้าต้องมาสอนข้าทำงานตั้งแต่เมื่อไร?”สีหน้าฉู่เชียนหลีเคร่งขรึมทันทีเห็นได้ชัด เขาได้คืบจะเอาศอก“เจ้ายังต้องการอะไรอีก?”“ข้าหรือ” เขาเงยหน้าด้วยรอยยิ้ม กวาดมองทุกคน และตำหนักอันหรูหราหลังนี้ วังหลวงที่กว้างใหญ่แห่งนี้ แผ่นดินที่ดีเช่นนี้เขาต้องการอะไร ยังต้องให้พูดอีกหรือ?แต่ว่า มองดูท่าทางที่ร้อนใจของฉู่เชียนหลี เขาเกิดอยากสนุก ต้องการระบายความคับข้องใจที่ได้รับในสองวันนี้ออกมาให้หมดลูบแก้มของเด็กน้อยพลางกล่าว“อยากได้ลูกคืน ไม่มีปัญหา มันก็ต้องดูว่าอ๋องเฉินมีความจริงใจหรือไม่”เงียบไปครู่หนึ่ง“อืม หรือไม่อ๋องเฉินคุกเข่า โขกหัวให้ข้าสามครั้ง ข้าก็คืนลูกให้เจ้า เป็นอย่างไร?”ฉู่เชียนหลีโมโหแล้วด้วยนิสัยที่ยอมหนึ่งก้าว จะเอาสิบก้าวข
“เจ้า!”ฉู่เชียนหลีถูกความเฉยเมยของนางยั่วจนโมโหแล้ว ยิ่งคิดไม่ถึงว่าใต้ฟ้าจะมีแม่ที่ไร้ความรับผิดชอบเช่นนี้มันก็จริงฉู่เจียวเจียวกับเฟิงเจิ้งหลี ถ้าไม่เหมือนกันก็คงอยู่ด้วยกันไม่ได้ ไม่มีอะไรที่พวกเขาสองสามีภรรยาทำไม่ลงรอหลังจากลู่ฉินเติบโต รู้ว่าตัวเองมีแม่เช่นนี้ ไม่รู้ว่าจะเศร้าเพียงใด!“ฉู่เชียนหลี เฟิงเย่เสวียน พวกเจ้าเลิกพูดไร้สาระได้แล้ว รีบปล่อยตัวอ๋องหลี ความอดทนข้ามีขีดจำกัด!” ฉู่เจียวเจียวกล่าวอย่างเย็นชา“จะเอาชีวิตของลูกชาย หรือจะปล่อยคน พวกเจ้าเลือกเอง”อย่างไรนางก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้วไม่ดิ้นรน ตายสถานเดียวดิ้นรน เดิมพัน ยังมีโอกาสสายตาเฟิงเย่เสวียนเคร่งขรึมมาก หางตาเหลือบมองหานเฟิง หานเฟิงเข้าใจทันที เขาซ่อนมือไว้ที่หลัง และทำท่าสัญญาณมือไปที่ด้านหลังมือธนูเตรียมพร้อมจู่ๆ ฉู่เจียวเจียวก็กล่าวเสริมอีกประโยคอย่างเย็นชา “พวกเจ้าสามารถลองดูได้ ดูสิว่าการเคลื่อนไหวของพวกเจ้าไว หรือมีดที่อยู่ในมือข้าเร็ว”“ต่อให้ข้าตาย การฆ่าเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ยก็ใช้เวลาแค่พริบตาเดียว”ฉู่เชียนหลีสั่งให้มือธนูหยุดทันที “ปล่อยคน!”อย่าทำอะไรบุ่มบ่ามผู้หญิงคนนี้มันเป็นผู
พลันฉู่เชียนหลีแน่นหน้าอก“หยุดนะ…”“อย่าเข้ามา!”ฉู่เจียวเจียวถอยหลังสามก้าว มือซ้ายจับเด็ก มือขวาถือมีดสั้น มีดสั้นที่แวววาวจ่ออยู่บนผิวอันบอบบางของเด็ก กรีดจนรอยเลือดออกแล้วเลือดไหลออกมาแล้ว“จู่ๆ เจ้าก็มาเป็นห่วงข้า และยังพยายามอยากอุ้มลูกทุกวิถีทาง ข้าก็รู้แล้วว่าเจ้าไม่ได้มีเจตนาดี”นางยิ้มอย่างเย็นชา“เหอะ! ดูเหมือนฮ่องเต้ที่แกไม่ตายสักทีนั่นเป็นคนบอกเรื่องนี้กับเจ้าสินะ!”ไอ้แก่ เป็นอัมพาตเฉียบพลันยังไม่ยอมอยู่อย่างสงบเสงี่ยมอีกต่อให้รู้ความจริงแล้วอย่างไร?ชีวิตของเด็กคนนี้อยู่ในมือนาง“ฉู่เชียนหลีนะฉู่เชียนหลี เจ้าคิดอย่างไรก็คงคิดไม่ถึงกระมังว่า เจ้าเลี้ยงลูกสาวข้า ข้าเลี้ยงลูกชายเจ้า และก็ต้องขอบคุณลูกชายคนดีคนนี้ของเจ้า กลายเป็นตัวช่วยที่สำคัญของอ๋องหลี” นางเผยอมุมปาก รอยยิ้มนั้นน่ากลัวมากฉู่เชียนหลียืนตัวแข็งอยู่ตรงที่เดิม ไม่กล้าขยับ“เจ้าต้องการอะไร?”ฉู่เชียนหลีจ้องมีดสั้นในมือนาง กลัวว่านางจะพลั้งเผลอกรีดโดนคอของเด็กตั้งครรภ์สิบเดือนลูกชายเป็นก้อนเนื้อชิ้นหนึ่งที่ตกลงมาจากร่างกายนางนางไม่กล้าเดิมพัน และเดิมพันไม่ไหวฉู่เจียวเจียวกล่าว “ข้าต้องก
กลางดึกกำลังถึงช่วงที่คนเงียบสงบ คนกลุ่มหนึ่งวิ่งไปที่ตำหนักเจาหยางราวกับคลื่นยักษ์ ตอนที่ใกล้จะถึง ฉู่เชียนหลีตวาดสั่งให้พวกเขาหยุด“พวกเจ้าอยู่ห่างๆ อยากเข้าใกล้!”พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความเป็นห่วง “พระชายา พวกเราต้องไปเอาพระนัดดาองค์โตกลับมา นั่นเป็นเลือดเนื้อของท่านกับท่านอ๋องนะ”“ข้ารู้!”ก็เพราะรู้ จึงไม่ให้พวกเขาเข้าใกล้“ไปทำอะไรคนเยอะแยะ ถ้าหากบีบจนฉู่เจียวเจียวไม่มีทางเลือก นางทำอะไรขึ้นมา…”ฉู่เชียนหลีแทบจะเป็นบ้าแล้ว ร้อนรนเหมือนมดที่อยู่บนกระทะร้อน ทั้งร้อนใจทั้งไม่สบายใจ น้ำเสียงก็ค่อนข้างฉุนเฉียวไม่อยากพูดมาก วิ่งเข้าไปในตำหนักเจาหยางเพียงลำพัง คนอื่นรออยู่ที่ข้างนอก ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามภายในตำหนักฉู่เจียวเจียวกำลังกล่อมจื่อเยี่ย ฉู่เจียวเจียวมาแล้ว นางมองเด็กน้อยที่อ้วนสมบูรณ์ กล่าวโดยไม่เงยหน้า“พระชายาอ๋องเฉิน ลูกของข้าเพิ่งนอนหลับ ”โปรดให้อภัย ข้าอุ้มเขาไว้ ร่างกายหนัก ไม่สะดวกลุกขึ้นยืน สายตาฉู่เชียนหลีมองไปที่ตัวเด็กเด็กน้อยอ้วนสมบูรณ์ ใบหน้าจ้ำม่ำ คิ้วละเอียดอ่อน หน้าตาที่น่ารักน่าเอ็นดู คล้ายเฟิงเจิ้งเว่ยซีแปดส่วนเหตุใดเมื่อก่อนนางไม่สังเกต