อีกอย่างทางจวนอ๋องเฉินทางนี้เรื่องที่ท่านอ๋องกับพระชายาทะเลาะกันตื่นตระหนกกันไปทั่วทั้งจวนอ๋องเฉิน...แต่บรรดาคนรับใช้ไม่กล้าพูดมาก ทำหน้าที่ของตนเอง ราวกับว่าไม่รู้เรื่องอะไรทั้งสิ้น และไม่เห็นอะไรทั้งนั้นหัวสมองของหานเฟิงกลับเต็มไปด้วยความกลัดกลุ้มตอนเช้ายังล่าสัตว์กันอย่างสนุกสนาน เหตุใดตอนกลางคืนถึงได้ทะเลาะกันแบบนี้?ตอนกลางวัน ทั้งสองคนดีกันตอนกลางคืน อยู่ร่วมกันไม่ได้หานเฟิงคิดไม่ตกจริง ๆ จนผมร่วงกำใหญ่ จำต้องถามเยว่เอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้าง เขาถอนหายใจ“แม่นางเยว่เอ๋อร์ ในใจของผู้หญิงอย่างพวกเจ้ากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่?”ทันทีที่เยว่เอ๋อร์ได้ยินประโยคนี้ ก็ถลึงตาทันที“ความหมายของเจ้าคือ นี่เป็นความผิดของพระชายา?!”ทันใดนั้นหายนะครั้งใหญ่ก็มาเยือนหานเฟิงตกใจจนลุกขึ้นยืน รีบโบกมือ “ไม่ได้หมายความเช่นนี้!”“ท่านถามมาเช่นนี้แล้ว ไม่ได้หมายความว่าแบบนี้? ยังจะหมายความอะไรได้อีก?” เยว่เอ๋อร์โมโหแล้ว “ท่านอ๋องรังแกพระชายาแบบนั้น ยังไล่พระชายาออกนอกจวนอีก ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ คนทั่วทั้งจวนเห็นกันหมดแล้ว แต่เจ้ากลับพูดว่าเป็นความผิดของพระชายา!”“เฮอะ พระชายาพูดไว้ไม่ผิดจริ
ท่าทางแทะน่องไก่ของฉู่เชียนหลีหยุดชะงักเล็กน้อยยังไม่ตาย?แต่เฟิงเย่เสวียนพูดอยู่ชัด ๆ ว่า...หานเฟิงเห็นพระชายากับนายท่านทะเลาะกันรุนแรง หลังจากทราบสาเหตุ ก็มาหาพระชายาเป็นอันดับแรก มาอธิบายแทนนายท่านอันที่จริงนี่เป็นเรื่องเข้าใจผิดเขากล่าว “ตอนนี้ แม่ลูกคู่นั้นได้ไปไกลจากเมืองหลวงแล้ว จะไม่กลับมาอีกตลอดไป ท่านอ๋องไม่เพียงไม่ได้ทำร้ายพวกเขา ยังให้เงินจำนวนมากพอกับฮูหยินท่านนั้น อยู่ได้อย่างไรกังวลไปครึ่งค่อนชีวิต”ฉู่เชียนหลีตะลึงงันไปเฟิงเย่เสวียนไม่เคยบอกนางมาก่อน...“ท่านคงจะประหลาดใจมาก เหตุใดนายท่านถึงจะลงมือกับผู้หญิงอ่อนแอ และทารกไร้เดียงสาคู่นั้นใช่หรือไม่” หานเฟิงเห็นว่าพระชายารับฟังคำพูดของเขาแล้ว จึงลากเก้าอี้ออกมาแล้วนั่งลงจ้องมองนาง ถามขึ้นประโยคหนึ่ง“หากอีกฝ่ายฆ่าตระกูลทั้งตระกูล ท่านจะวางความแค้นลง ไม่ใส่ใจได้งั้นหรือ ?”ฉู่เชียนหลีอึ้งไป “หมายความว่าอย่างไร...”หานเฟิงถอนหายใจนายท่านเป็นคนพูดไม่เก่ง เรื่องราวมากมายไม่เคยเอ่ยกับคนอื่น แม้ว่าจะเป็นคนที่ร่วมเรียงเคียงหมอนก็ไม่เอ่ยแม้แต่คำเดียว“ตระกูลเซียว เซียวกุ้ยเฟย”มารดาของนายท่าน“พระชายาอาจจะ
พูดมาตั้งเยอะตั้งแยะ ก็เพื่ออยากจะให้นางไปขอโทษ?นางไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมต้องขอโทษ?หานเฟิงกล่าว “แม่ลูกคู่นั้นไม่ตาย ท่านปรักปรำนายท่าน นายท่านเสียใจ ท่านไปขอโทษ ยอมรับผิดละก็ นายท่านต้องยกโทษให้ท่าน”เขากล่าวโน้มน้าวอย่างจริงใจ“ระหว่างสามีภรรยา ไม่มีอุปสรรคใดที่ก้าวผ่านไปไม่ได้”ฉู่เชียนหลี “?”อ่อถ้าอย่างนั้นก็รบกวนแล้วจริง ๆ เฟิงเย่เสวียนไม่ได้พูดให้ชัดเจน ทำให้นางเข้าใจผิด ผลปรากฏว่ากลับอยากให้นางขอโทษ? ประสาทหรือไงเพื่อเรื่องของเด็ก เถียงกันไม่กี่ประโยค ก็ขู่จะฆ่านาง ถ้าหากนางยอมแพ้ ชีวิตวันข้างหน้าจะขนาดไหน?ทั้งหมดเป็นเพราะทำให้เขาเคยตัว!ฉู่เชียนหลีทำสีหน้าเย็นชา “หานเฟิง เจ้าไม่เคยมีคนรักมาก่อนใช่หรือไม่?”หานเฟิงงุนงงมีคนรัก?คนรัก?ช้าง?ช้างคู่หนึ่ง?[footnoteRef:1] [1: คำว่าคนรักกับช้าในภาษาจีนพ้องเสียงกัน] ฉู่เชียนหลีโยนตะเกียบ ลุกขึ้น “ในเมื่อเจ้าเป็นชายโสด ก็ไม่ควรสอดเรื่องระหว่างสามีภรรยา เจ้าจะไปรู้อะไร”พูดจบ ก็เดินไปเขาไม่เข้าใจเลยสักนิด ตอนที่รับมือกับผู้หญิง เรื่องที่ไม่ควรทำที่สุดก็คือพูดด้วยเหตุผลก่อนหน้านี้เดิมทียังค่อนข้างสงสารเฟิง
ที่จริงฉู่เชียนหลีมาเพื่อหานางอัน แต่กลับถูกปฏิเสธการต้อนรับนอนแล้ว?กวาดสายตามองความมืดมิดภายในห้อง ไม่มีแสงเทียน ไม่มีเสียงเลยแม้แต่น้อยเฮอะหลบหน้าหลบหน้าได้แค่วันเดียว แต่ไม่สามารถหลบหน้าได้ตลอดไป สิ่งที่ฉันอยากรู้ จะช้าหรือเร็วก็ต้องง้างปากของแกได้อยู่ดี!คืนนี้ฉู่เชียนหลีอยู่ที่จวนอัครมหาเสนาบดีฉู่วันต่อมานางเฝ้าอยู่ที่เรือนของนางอันตลอดหนึ่งวันเต็ม นางอันก็เอาแต่นอนตลอดหนึ่งวันเต็ม บอกว่าเป็นโรคลมหนาวอาการหนัก ไม่สามารถลุกได้ ไม่พบใครทั้งนั้นฉู่เชียนหลีไม่รีบร้อนวันที่สามวันนี้ เป็นวันที่พระชายาอ๋องหลีจะกลับจวน จวนอัครมหาเสนาบดีฉู่จัดงานเลี้ยงกลับจวน ต้อนรับการกลับมาของทั้งสองคน ทุกคนในจวนไปรอต้อนรับที่ประตู แน่นอนว่าย่อมรวมถึงนางอันนางอันหลบอยู่ในห้อง คิดถึงลูกสาว แต่ก็หวาดกลัวฉู่เชียนหลี กอดผ้าห่มสองจิตสองใจไม่กล้าออกไป“ฮูหยิน คุณหนูใกล้จะถึงจวนอัครมหาเสนาบดีแล้ว!”หมอมอเฒ่าที่คอยปรนนิบัติถามอย่างไม่เข้าใจ “เหตุใดท่านต้องหวาดกลัวพระชายาอ๋องเฉินขนาดนี้? เมื่อก่อนตอนที่นางอยู่ที่จวนอัครมหาเสนาบดี ขี้ขลาดตาขาว ไม่มีท่าทีคุกคาม เชื่อฟังท่านมาก ไม่กล้าเถียงส
เสแสร้งยังคงเสแสร้งทำไมระหว่างคนกับคนจะซื่อสัตย์ต่อกันหน่อยไม่ได้หรือ?ฉู่เชียนหลีถอนหายใจ “อันอี๋เหนียง ท่านน่าจะเคยได้ยินว่าก่อนหน้านี้ เรื่องที่ข้าช่วยฮูหยินผู้เฒ่าหวังใช่หรือไม่ ข้าเองก็ไม่ปิดบังท่าน ข้าพอมีความรู้เรื่องการรักษาอยู่บ้าง ในมือมียาพิษขวดหนึ่งอยู่พอดี”“ยาพิษนี้เมื่อดื่มลงไปน่ะ ก็จะทำให้คนแก่เร็วขึ้นสิบเท่า หนึ่งวันเท่ากับแก่ลงสิบวัน หนึ่งปีละก็ ก็เท่ากับว่าแก่ลงสิบปี”นางหยิบไดคลอวอสขวดหนึ่งออกมาจากในแขนเสื้อบนขวดของไดคลอวอส ยังพิมพ์ด้วยหัวกะโหลกสีดำอันหนึ่งทันทีที่นางอันเห็นหัวกะโหลกที่น่าตกใจนั่น ก็ถอยหลังไปสองก้าวด้วยจิตใต้สำนึก“เจ้า...เจ้าจะทำอะไร...”ฉู่เชียนหลียิ้มราวกับคนไม่มีพิษภัย “แน่นอนว่าก็ต้องอยากฟังความจริงนะซิ แต่อันอี๋เหนียงไม่ยอมพูด ถ้าเช่นนั้นข้าก็คงคิดหาหนทาง ที่ทำให้ท่านยอมอ้าปากนะสิ”นางถือไดคลอวอสเอาไว้ เดินไปหานางอันพร้อมด้วยรอยยิ้ม“เจ้า...”นางอันถอยหลัง “เจ้า...”สีหน้าหวาดกลัว “ข้า...ข้าเป็นแม่ของเจ้า! หากเจ้าไม่เคารพข้า วันพรุ่งนี้เช้า ทั่วทั้งเมืองหลวงจะต้องรู้ถึงชื่อโหดเหี้ยม และอำมหิตของเจ้า!”แม่?นางดูถูกคำนี้เหลือ
เสียงที่ดังก้องกังวานลอยมา ทำให้บรรดาคนใช้ที่อยู่นอกเรือนได้ยินกันหมดไฉนเลยที่ฉู่เชียนหลีจะไม่รู้เจตนาเล็ก ๆ นั่นของนาง ?เจตนาจะทำให้นางแปดเปื้อน แล้วค่อยให้บรรดาคนรับใช้วิพากษ์วิจารณ์ หนึ่งส่งต่อไปเป็นสิบ สิบส่งต่อไปเป็นร้อย ทำลายชื่อเสียงของนางนางเคยแม้กระทั่งประสบกับความตาย ยังกลัวเรื่องนี้?ฉู่เชียนหลียกมุมปากขึ้นอย่างเย็นชา เดินเข้าไปหานางอันอย่างช้า ๆ “นางแต่งงานไปแล้ว ไม่มีทางที่จะอยู่ที่จวนอัครมหาเสนาบดีฉู่ได้ตลอดไป เจ้าคิดว่าข้างัดปากท่านไม่ได้หรืออย่างไร? สิบวัน ยี่สิบวัน?”“หนึ่งเดือน?”นางเดินเข้าไปใกล้อย่างช้า ๆ นางอันกลับเห็นว่าลูกสาวอยู่ จึงจับข้อศอกของบุตรสาวเอาไว้ เงยหน้าขึ้นมา“ข้าไม่รู้ว่าเจ้ากำลังพูดอะไรเลยสักนิด เจ้าจะต้องบีบบังคับให้ข้าตายถึงจะพอใจใช่หรือไม่? ถ้าหากเจ้าเกลียดข้ามากละก็ ถ้าเช่นนั้นข้าไปตายเสียดีกว่า”เสแสร้งพูดเสียงดังเสียงแผ่กระจายเมื่อบรรดาคนใช้ได้ยิน ก็แอบตกใจที่แท้ พระชายาอ๋องเฉินเป็นคนที่อิทธิพลแข็งแกร่ง ชอบบีบบังคับคนขนาดนี้...แม้แต่มารดาผู้ให้กำเนิดก็ยังจะทำร้าย!ฉู่เชียนหลีฉีกยิ้ม “เช่นนั้นท่านก็ไปตายเสียสิ”“เจ้า!”นา
สองสามีภรรยาประคองฉู่เจียวเจียวขึ้นมาอย่าง ‘อ่อนโยน’ พร้อมทั้งปัดฝุ่นบนตัวให้นางด้วย ‘ความสนิท’ ราวกับครอบครัวเดียวกันฉู่เจียวเจียว “?”เหตุใดใบหน้าของคนถึงเปลี่ยนได้เร็วกว่าการพลิกหน้าหนังสือเสียอีก?อ๋องหลีเดินเข้ามา พอดีนางเบะปาก กำลังจะทำตัวน่าสงสาร แต่ยังไม่ทันเอ่ยปาก เสียงของชายหนุ่มก็ดังลอยมาพร้อมกันรอยยิ้ม“อ๋องเฉินก็อยู่”เฟิงเย่เสวียนเหลือบตามอง เสียงเรียบเฉย “วันนี้พระชายาอ๋องหลีกลับจวน พระชายาคิดถึงพี่สาว สองพี่น้องสนิทกันตั้งแต่เด็ก ข้าเลยมาด้วยเพื่อร่วมสนุก”เขาพูดประโยคนี้ ฉู่เชียนหลีไม่เชื่อเลยแม้แต่นิดเดียวตอนที่ชายหนุ่มแสดงละคร ก็ไม่มีเรื่องของหญิงสาวแล้วจริง ๆฉู่เจียวเจียวอ้าปาก “ท่านอ๋อง...”“ให้พวกนางสองสาวคุยเรื่องส่วนตัวของผู้หญิงเถอะ ท่านกับข้าไม่ได้เจอหน้ากันหลายวัน วันแต่งงานวันนั้นคนเยอะ ไม่ได้ต้อนรับเจ้าเป็นอย่างดี มิสู้ถือโอกาสในวันนี้ ดื่มด้วยกันเสียหน่อย?” เฟิงเจิ้งหลีเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้ม น้ำเสียงอ่อนโยนราวกับลมฉู่เจียวเจียว “ท่าน...”“ได้”เฟิงเย่เสวียนพยักหน้า ก้าวเท้าเดินออกไปพร้อมกับเฟิงเจิ้งหลีฉู่เจียวเจียวถลึงตา “...”นางยังพูดไม
“เจียวเจียว แม่ก็รอเสวยสุขแล้วนะ เจ้าน่ะจะได้ดิบได้ดีเพราะลูกชาย แม่ก็จะได้อานิสงส์ไปด้วย หลานชายคนโตของฝ่าบาทเชียวนะ จะต้องมีคนอิจฉาไม่น้อย”“เจียวเจียว เจ้าจะต้องเพิ่มอารมณ์ให้มากขึ้น พูดกับเจ้าตามตรง เมื่อสองวันก่อนแม่ได้เจอกับฮูหยินเฒ่าคนหนึ่ง ขอยาสมุนไพรให้กำเนิดลูกชายมาแผ่นหนึ่ง ได้ข่าวว่า คนที่กินยาตามตำรา ได้ลูกชายทุกคน”“เจียวเจียว...”“แม่!”นางอันจมดิ่งอยู่ในโลกของตนเอง พูดฉอด ๆ ตอนที่กำลังพูดด้วยความจริงจัง ในที่สุดฉู่เจียวเจียวก็ตะคอกเสียงต่ำอย่างอดไม่ได้ ตัดบทนางเงยหน้าขึ้น สีหน้าแย่เป็นอย่างยิ่งบรรยากาศก็แปลกประหลาดเป็นอย่างมาก“อ๋องหลีเขา...ไม่เคยแตะต้องข้าเลยสักนิด...”พระชายาอ๋องหลีกลับจวน จวนอัครมหาเสนาบดีฉู่คึกคักหลังมื้ออาหาร กลับจวนเฟิงเจิ้งหลีกับฉู่เจียวเจียวเดินออกไปพร้อมกัน ฉู่เจียวเจียวขึ้นรถม้า เขายืนเอามือไพล่หลังอยู่ที่เดิม ไม่มีเจตนาที่จะนั่งรถคันเดียวกันคนขับรถม้ายกแส้ยาวขึ้นกำลังจะขับรถม้าออกไป“ช้าก่อน!”ฉู่เจียวเจียวเอ่ยปากพูดอย่างอดไม่ได้ แหวกม่านหน้าต่าง จ้องมองชายหนุ่มชุดขาว ท่าทางอ่อนโยน เห็นได้ชัดว่าอยู่ใกล้มาก แต่กลับมีความรู้สึ