อีกอย่างทางจวนอ๋องเฉินทางนี้เรื่องที่ท่านอ๋องกับพระชายาทะเลาะกันตื่นตระหนกกันไปทั่วทั้งจวนอ๋องเฉิน...แต่บรรดาคนรับใช้ไม่กล้าพูดมาก ทำหน้าที่ของตนเอง ราวกับว่าไม่รู้เรื่องอะไรทั้งสิ้น และไม่เห็นอะไรทั้งนั้นหัวสมองของหานเฟิงกลับเต็มไปด้วยความกลัดกลุ้มตอนเช้ายังล่าสัตว์กันอย่างสนุกสนาน เหตุใดตอนกลางคืนถึงได้ทะเลาะกันแบบนี้?ตอนกลางวัน ทั้งสองคนดีกันตอนกลางคืน อยู่ร่วมกันไม่ได้หานเฟิงคิดไม่ตกจริง ๆ จนผมร่วงกำใหญ่ จำต้องถามเยว่เอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้าง เขาถอนหายใจ“แม่นางเยว่เอ๋อร์ ในใจของผู้หญิงอย่างพวกเจ้ากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่?”ทันทีที่เยว่เอ๋อร์ได้ยินประโยคนี้ ก็ถลึงตาทันที“ความหมายของเจ้าคือ นี่เป็นความผิดของพระชายา?!”ทันใดนั้นหายนะครั้งใหญ่ก็มาเยือนหานเฟิงตกใจจนลุกขึ้นยืน รีบโบกมือ “ไม่ได้หมายความเช่นนี้!”“ท่านถามมาเช่นนี้แล้ว ไม่ได้หมายความว่าแบบนี้? ยังจะหมายความอะไรได้อีก?” เยว่เอ๋อร์โมโหแล้ว “ท่านอ๋องรังแกพระชายาแบบนั้น ยังไล่พระชายาออกนอกจวนอีก ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ คนทั่วทั้งจวนเห็นกันหมดแล้ว แต่เจ้ากลับพูดว่าเป็นความผิดของพระชายา!”“เฮอะ พระชายาพูดไว้ไม่ผิดจริ
ท่าทางแทะน่องไก่ของฉู่เชียนหลีหยุดชะงักเล็กน้อยยังไม่ตาย?แต่เฟิงเย่เสวียนพูดอยู่ชัด ๆ ว่า...หานเฟิงเห็นพระชายากับนายท่านทะเลาะกันรุนแรง หลังจากทราบสาเหตุ ก็มาหาพระชายาเป็นอันดับแรก มาอธิบายแทนนายท่านอันที่จริงนี่เป็นเรื่องเข้าใจผิดเขากล่าว “ตอนนี้ แม่ลูกคู่นั้นได้ไปไกลจากเมืองหลวงแล้ว จะไม่กลับมาอีกตลอดไป ท่านอ๋องไม่เพียงไม่ได้ทำร้ายพวกเขา ยังให้เงินจำนวนมากพอกับฮูหยินท่านนั้น อยู่ได้อย่างไรกังวลไปครึ่งค่อนชีวิต”ฉู่เชียนหลีตะลึงงันไปเฟิงเย่เสวียนไม่เคยบอกนางมาก่อน...“ท่านคงจะประหลาดใจมาก เหตุใดนายท่านถึงจะลงมือกับผู้หญิงอ่อนแอ และทารกไร้เดียงสาคู่นั้นใช่หรือไม่” หานเฟิงเห็นว่าพระชายารับฟังคำพูดของเขาแล้ว จึงลากเก้าอี้ออกมาแล้วนั่งลงจ้องมองนาง ถามขึ้นประโยคหนึ่ง“หากอีกฝ่ายฆ่าตระกูลทั้งตระกูล ท่านจะวางความแค้นลง ไม่ใส่ใจได้งั้นหรือ ?”ฉู่เชียนหลีอึ้งไป “หมายความว่าอย่างไร...”หานเฟิงถอนหายใจนายท่านเป็นคนพูดไม่เก่ง เรื่องราวมากมายไม่เคยเอ่ยกับคนอื่น แม้ว่าจะเป็นคนที่ร่วมเรียงเคียงหมอนก็ไม่เอ่ยแม้แต่คำเดียว“ตระกูลเซียว เซียวกุ้ยเฟย”มารดาของนายท่าน“พระชายาอาจจะ
พูดมาตั้งเยอะตั้งแยะ ก็เพื่ออยากจะให้นางไปขอโทษ?นางไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมต้องขอโทษ?หานเฟิงกล่าว “แม่ลูกคู่นั้นไม่ตาย ท่านปรักปรำนายท่าน นายท่านเสียใจ ท่านไปขอโทษ ยอมรับผิดละก็ นายท่านต้องยกโทษให้ท่าน”เขากล่าวโน้มน้าวอย่างจริงใจ“ระหว่างสามีภรรยา ไม่มีอุปสรรคใดที่ก้าวผ่านไปไม่ได้”ฉู่เชียนหลี “?”อ่อถ้าอย่างนั้นก็รบกวนแล้วจริง ๆ เฟิงเย่เสวียนไม่ได้พูดให้ชัดเจน ทำให้นางเข้าใจผิด ผลปรากฏว่ากลับอยากให้นางขอโทษ? ประสาทหรือไงเพื่อเรื่องของเด็ก เถียงกันไม่กี่ประโยค ก็ขู่จะฆ่านาง ถ้าหากนางยอมแพ้ ชีวิตวันข้างหน้าจะขนาดไหน?ทั้งหมดเป็นเพราะทำให้เขาเคยตัว!ฉู่เชียนหลีทำสีหน้าเย็นชา “หานเฟิง เจ้าไม่เคยมีคนรักมาก่อนใช่หรือไม่?”หานเฟิงงุนงงมีคนรัก?คนรัก?ช้าง?ช้างคู่หนึ่ง?[footnoteRef:1] [1: คำว่าคนรักกับช้าในภาษาจีนพ้องเสียงกัน] ฉู่เชียนหลีโยนตะเกียบ ลุกขึ้น “ในเมื่อเจ้าเป็นชายโสด ก็ไม่ควรสอดเรื่องระหว่างสามีภรรยา เจ้าจะไปรู้อะไร”พูดจบ ก็เดินไปเขาไม่เข้าใจเลยสักนิด ตอนที่รับมือกับผู้หญิง เรื่องที่ไม่ควรทำที่สุดก็คือพูดด้วยเหตุผลก่อนหน้านี้เดิมทียังค่อนข้างสงสารเฟิง
ที่จริงฉู่เชียนหลีมาเพื่อหานางอัน แต่กลับถูกปฏิเสธการต้อนรับนอนแล้ว?กวาดสายตามองความมืดมิดภายในห้อง ไม่มีแสงเทียน ไม่มีเสียงเลยแม้แต่น้อยเฮอะหลบหน้าหลบหน้าได้แค่วันเดียว แต่ไม่สามารถหลบหน้าได้ตลอดไป สิ่งที่ฉันอยากรู้ จะช้าหรือเร็วก็ต้องง้างปากของแกได้อยู่ดี!คืนนี้ฉู่เชียนหลีอยู่ที่จวนอัครมหาเสนาบดีฉู่วันต่อมานางเฝ้าอยู่ที่เรือนของนางอันตลอดหนึ่งวันเต็ม นางอันก็เอาแต่นอนตลอดหนึ่งวันเต็ม บอกว่าเป็นโรคลมหนาวอาการหนัก ไม่สามารถลุกได้ ไม่พบใครทั้งนั้นฉู่เชียนหลีไม่รีบร้อนวันที่สามวันนี้ เป็นวันที่พระชายาอ๋องหลีจะกลับจวน จวนอัครมหาเสนาบดีฉู่จัดงานเลี้ยงกลับจวน ต้อนรับการกลับมาของทั้งสองคน ทุกคนในจวนไปรอต้อนรับที่ประตู แน่นอนว่าย่อมรวมถึงนางอันนางอันหลบอยู่ในห้อง คิดถึงลูกสาว แต่ก็หวาดกลัวฉู่เชียนหลี กอดผ้าห่มสองจิตสองใจไม่กล้าออกไป“ฮูหยิน คุณหนูใกล้จะถึงจวนอัครมหาเสนาบดีแล้ว!”หมอมอเฒ่าที่คอยปรนนิบัติถามอย่างไม่เข้าใจ “เหตุใดท่านต้องหวาดกลัวพระชายาอ๋องเฉินขนาดนี้? เมื่อก่อนตอนที่นางอยู่ที่จวนอัครมหาเสนาบดี ขี้ขลาดตาขาว ไม่มีท่าทีคุกคาม เชื่อฟังท่านมาก ไม่กล้าเถียงส
เสแสร้งยังคงเสแสร้งทำไมระหว่างคนกับคนจะซื่อสัตย์ต่อกันหน่อยไม่ได้หรือ?ฉู่เชียนหลีถอนหายใจ “อันอี๋เหนียง ท่านน่าจะเคยได้ยินว่าก่อนหน้านี้ เรื่องที่ข้าช่วยฮูหยินผู้เฒ่าหวังใช่หรือไม่ ข้าเองก็ไม่ปิดบังท่าน ข้าพอมีความรู้เรื่องการรักษาอยู่บ้าง ในมือมียาพิษขวดหนึ่งอยู่พอดี”“ยาพิษนี้เมื่อดื่มลงไปน่ะ ก็จะทำให้คนแก่เร็วขึ้นสิบเท่า หนึ่งวันเท่ากับแก่ลงสิบวัน หนึ่งปีละก็ ก็เท่ากับว่าแก่ลงสิบปี”นางหยิบไดคลอวอสขวดหนึ่งออกมาจากในแขนเสื้อบนขวดของไดคลอวอส ยังพิมพ์ด้วยหัวกะโหลกสีดำอันหนึ่งทันทีที่นางอันเห็นหัวกะโหลกที่น่าตกใจนั่น ก็ถอยหลังไปสองก้าวด้วยจิตใต้สำนึก“เจ้า...เจ้าจะทำอะไร...”ฉู่เชียนหลียิ้มราวกับคนไม่มีพิษภัย “แน่นอนว่าก็ต้องอยากฟังความจริงนะซิ แต่อันอี๋เหนียงไม่ยอมพูด ถ้าเช่นนั้นข้าก็คงคิดหาหนทาง ที่ทำให้ท่านยอมอ้าปากนะสิ”นางถือไดคลอวอสเอาไว้ เดินไปหานางอันพร้อมด้วยรอยยิ้ม“เจ้า...”นางอันถอยหลัง “เจ้า...”สีหน้าหวาดกลัว “ข้า...ข้าเป็นแม่ของเจ้า! หากเจ้าไม่เคารพข้า วันพรุ่งนี้เช้า ทั่วทั้งเมืองหลวงจะต้องรู้ถึงชื่อโหดเหี้ยม และอำมหิตของเจ้า!”แม่?นางดูถูกคำนี้เหลือ
เสียงที่ดังก้องกังวานลอยมา ทำให้บรรดาคนใช้ที่อยู่นอกเรือนได้ยินกันหมดไฉนเลยที่ฉู่เชียนหลีจะไม่รู้เจตนาเล็ก ๆ นั่นของนาง ?เจตนาจะทำให้นางแปดเปื้อน แล้วค่อยให้บรรดาคนรับใช้วิพากษ์วิจารณ์ หนึ่งส่งต่อไปเป็นสิบ สิบส่งต่อไปเป็นร้อย ทำลายชื่อเสียงของนางนางเคยแม้กระทั่งประสบกับความตาย ยังกลัวเรื่องนี้?ฉู่เชียนหลียกมุมปากขึ้นอย่างเย็นชา เดินเข้าไปหานางอันอย่างช้า ๆ “นางแต่งงานไปแล้ว ไม่มีทางที่จะอยู่ที่จวนอัครมหาเสนาบดีฉู่ได้ตลอดไป เจ้าคิดว่าข้างัดปากท่านไม่ได้หรืออย่างไร? สิบวัน ยี่สิบวัน?”“หนึ่งเดือน?”นางเดินเข้าไปใกล้อย่างช้า ๆ นางอันกลับเห็นว่าลูกสาวอยู่ จึงจับข้อศอกของบุตรสาวเอาไว้ เงยหน้าขึ้นมา“ข้าไม่รู้ว่าเจ้ากำลังพูดอะไรเลยสักนิด เจ้าจะต้องบีบบังคับให้ข้าตายถึงจะพอใจใช่หรือไม่? ถ้าหากเจ้าเกลียดข้ามากละก็ ถ้าเช่นนั้นข้าไปตายเสียดีกว่า”เสแสร้งพูดเสียงดังเสียงแผ่กระจายเมื่อบรรดาคนใช้ได้ยิน ก็แอบตกใจที่แท้ พระชายาอ๋องเฉินเป็นคนที่อิทธิพลแข็งแกร่ง ชอบบีบบังคับคนขนาดนี้...แม้แต่มารดาผู้ให้กำเนิดก็ยังจะทำร้าย!ฉู่เชียนหลีฉีกยิ้ม “เช่นนั้นท่านก็ไปตายเสียสิ”“เจ้า!”นา
สองสามีภรรยาประคองฉู่เจียวเจียวขึ้นมาอย่าง ‘อ่อนโยน’ พร้อมทั้งปัดฝุ่นบนตัวให้นางด้วย ‘ความสนิท’ ราวกับครอบครัวเดียวกันฉู่เจียวเจียว “?”เหตุใดใบหน้าของคนถึงเปลี่ยนได้เร็วกว่าการพลิกหน้าหนังสือเสียอีก?อ๋องหลีเดินเข้ามา พอดีนางเบะปาก กำลังจะทำตัวน่าสงสาร แต่ยังไม่ทันเอ่ยปาก เสียงของชายหนุ่มก็ดังลอยมาพร้อมกันรอยยิ้ม“อ๋องเฉินก็อยู่”เฟิงเย่เสวียนเหลือบตามอง เสียงเรียบเฉย “วันนี้พระชายาอ๋องหลีกลับจวน พระชายาคิดถึงพี่สาว สองพี่น้องสนิทกันตั้งแต่เด็ก ข้าเลยมาด้วยเพื่อร่วมสนุก”เขาพูดประโยคนี้ ฉู่เชียนหลีไม่เชื่อเลยแม้แต่นิดเดียวตอนที่ชายหนุ่มแสดงละคร ก็ไม่มีเรื่องของหญิงสาวแล้วจริง ๆฉู่เจียวเจียวอ้าปาก “ท่านอ๋อง...”“ให้พวกนางสองสาวคุยเรื่องส่วนตัวของผู้หญิงเถอะ ท่านกับข้าไม่ได้เจอหน้ากันหลายวัน วันแต่งงานวันนั้นคนเยอะ ไม่ได้ต้อนรับเจ้าเป็นอย่างดี มิสู้ถือโอกาสในวันนี้ ดื่มด้วยกันเสียหน่อย?” เฟิงเจิ้งหลีเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้ม น้ำเสียงอ่อนโยนราวกับลมฉู่เจียวเจียว “ท่าน...”“ได้”เฟิงเย่เสวียนพยักหน้า ก้าวเท้าเดินออกไปพร้อมกับเฟิงเจิ้งหลีฉู่เจียวเจียวถลึงตา “...”นางยังพูดไม
“เจียวเจียว แม่ก็รอเสวยสุขแล้วนะ เจ้าน่ะจะได้ดิบได้ดีเพราะลูกชาย แม่ก็จะได้อานิสงส์ไปด้วย หลานชายคนโตของฝ่าบาทเชียวนะ จะต้องมีคนอิจฉาไม่น้อย”“เจียวเจียว เจ้าจะต้องเพิ่มอารมณ์ให้มากขึ้น พูดกับเจ้าตามตรง เมื่อสองวันก่อนแม่ได้เจอกับฮูหยินเฒ่าคนหนึ่ง ขอยาสมุนไพรให้กำเนิดลูกชายมาแผ่นหนึ่ง ได้ข่าวว่า คนที่กินยาตามตำรา ได้ลูกชายทุกคน”“เจียวเจียว...”“แม่!”นางอันจมดิ่งอยู่ในโลกของตนเอง พูดฉอด ๆ ตอนที่กำลังพูดด้วยความจริงจัง ในที่สุดฉู่เจียวเจียวก็ตะคอกเสียงต่ำอย่างอดไม่ได้ ตัดบทนางเงยหน้าขึ้น สีหน้าแย่เป็นอย่างยิ่งบรรยากาศก็แปลกประหลาดเป็นอย่างมาก“อ๋องหลีเขา...ไม่เคยแตะต้องข้าเลยสักนิด...”พระชายาอ๋องหลีกลับจวน จวนอัครมหาเสนาบดีฉู่คึกคักหลังมื้ออาหาร กลับจวนเฟิงเจิ้งหลีกับฉู่เจียวเจียวเดินออกไปพร้อมกัน ฉู่เจียวเจียวขึ้นรถม้า เขายืนเอามือไพล่หลังอยู่ที่เดิม ไม่มีเจตนาที่จะนั่งรถคันเดียวกันคนขับรถม้ายกแส้ยาวขึ้นกำลังจะขับรถม้าออกไป“ช้าก่อน!”ฉู่เจียวเจียวเอ่ยปากพูดอย่างอดไม่ได้ แหวกม่านหน้าต่าง จ้องมองชายหนุ่มชุดขาว ท่าทางอ่อนโยน เห็นได้ชัดว่าอยู่ใกล้มาก แต่กลับมีความรู้สึ
เหล่าทหารตื่นตัวขึ้นมาทันที ทุกคนพากันหันไปมอง ก็เห็นร่างเงาสีดำวิ่งผ่าน สีหน้าเปลี่ยนฉับพลัน“แย่แล้ว!”“มีคนลอบโจมตี!”เสียงตะโกนทำให้ทุกคนตื่นตัว และคนหกเจ็ดสิบคนที่อยู่ใกล้ที่สุดก็รีบวิ่งมา พบฉู่เชียนหลีและคนอื่นแล้ว“จับพวกเขา!”ชักอาวุธออกมาโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ลงมือโดยตรงฉู่เชียนหลีเห็นท่าไม่ดี ทำได้เพียงถือกระบี่ต่อสู้กับพวกเขา“เผด็จศึกโดยเร็ว อย่ายืดเยื้อ เน้นช่วยคนเป็นหลัก!”ยิ่งสู้นาน ก็จะยิ่งดึงดูดคนมามากขึ้นฉวยโอกาสตอนที่การเคลื่อนไหวของที่นี่ยังไม่กระจายออกไป รีบจัดการโดยเร็ว ช่วยอ๋องเฉินออกมา และรีบถอนกำลัง นี่จึงจะเป็นกลยุทธ์ที่ดีที่สุด“เจ้าค่ะ!”หานอิ๋งชักกระบี่ พาเหล่าองครักษ์ลับพุ่งออกไป เริ่มสู้กับเหล่าทหาร“ลงมือ!”จวินอี้หลินตวาดเบาๆ เขาดึงน้องสาวมาไว้ในอ้อมแขน ใช้มือข้างหนึ่งถือกระบี่ ต่อสู้กับทหารเหล่านั้นจนโกลาหลไปหมดทันใดนั้น ประกายดาบ เงากระบี่ เสียงตะโกน การต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือดปัง!เคร้ง!“อ่า!”“พู่!”“ฉึก!”ในการต่อสู้ที่ดุเดือด มีคนล้มลง มีคนได้รับบาดเจ็บ มีคนกระอักเลือด ชั้นวาง ท่อนไม้ กาน้ำ ของต่างๆ ล้มเกลื่อนพื้นวุ่นวายไป
หลังจากฉู่เชียนหลีรวบรวมคนในเวลาที่สั้นที่สุดเท่าที่จะทำได้ ขณะเตรียมตัวออกเดินทาง ได้พบกับองค์ชายรองแคว้นหนานยวนหลังจากรู้จุดประสงค์การมาของเขา นางขมวดคิ้วแน่นองค์ชายรองเข้าร่วม นางย่อมยินดี แต่สายตาของนางมองไปที่จวินลั่วยวนโดยตรง กล่าวอย่างตรงไปตรงมา“นาง ไปไม่ได้”นิ้วชี้ชี้ไปทางจวินลั่วยวนโดยตรง“!”จวินลั่วยวนกระทืบเท้าทันที “เพราะอะไร!”แม้แต่เสด็จพี่รองก็ตอบตกลงแล้ว นางไปได้ไม่ได้ เกี่ยวอะไรกับฉู่เชียนหลี?“อ๋องเฉินถูกจับ พวกเราเป็นพันธมิตรกัน ข้าช่วยออกแรงอีกส่วนมันจะเป็นอะไร? เจ้าคิดว่าอาศัยแค่เจ้าคนเดียว สามารถช่วยอ๋องเฉินได้หรือ?”“การมีคนเพิ่มขึ้นหนึ่งคน ก็เท่ากับมีกำลังเพิ่มขึ้นหนึ่งส่วน จิตใจเจ้าคับแคบมาก ช่วยเปิดใจหน่อยได้หรือไม่?”เมื่อหานอิ๋งได้ยินคำพูดนี้ ก็จะพุ่งเข้าไปด้วยความหงุดหงิดทันทีพระชายาของพวกเขา ถึงคราวที่คนนอกจะมาสั่งสอนตั้งแต่เมื่อไร?คนที่ท่านอ๋องยังไม่ยอมตำหนิเลย จะปล่อยให้ขยะอย่างนางมารังแกได้อย่างไร?“หานอิ๋ง”ฉู่เชียนหลีห้ามนาง มีปัญหาน้อยลงดีกว่ามีปัญหาเพิ่ม อย่าทะเลาะกัน“พระชายา…”“ช่างเถอะ”จวินอี้หลินจับมือของจวินลั่วยวนแล้วก
เนื่องจากอ๋องเฉินถูกจับ บรรยากาศในทำเนียบจึงตึงเครียดมาก ทุกคนตั้งสติ ฟังคำสั่งของพระชายา ยืนเฝ้าประจำจุดของตัวเองอย่างเข้มงวดฉู่เชียนหลีออกคำสั่งปิดข่าว ห้ามแพร่งพรายเด็ดขาด เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดความตื่นตระหนกที่ไม่จำเป็นนอกทำเนียบอีกด้านของถนนจวินลั่วยวนนั่งอยู่บนบันได ระหว่างเข่าที่ชนกัน มีลูกอมที่เพิ่งซื้อมาวางอยู่หลายถุงนางกัดไม้เสียบเล็กๆ ไว้ พลางเลียลูกอม ดวงตาที่สวยงามคู่นั้น มองเห็นที่ทหารที่วิ่งไปวิ่งมาด้วยสีหน้าร้อนใจ จากประตูใหญ่ของทำเนียบที่เปิดกว้าง เหมือนกับว่าเกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้นนางหรี่ตาเลียมุมปาก“หวานจัง”ซวงซวงกล่าวเสียงเบา “องค์หญิง ขนมนี่หวานเกินไป ท่านกินน้อยหน่อย ระวังฟันผุนะเจ้าคะ”“ซวงซวง ขนมนี่ไม่หวาน ความหมายของข้าคือ ข้ามีความสุข”จวินลั่วยวนลุกขึ้นยืน โยนถุงลูกอมให้ซวงซวง อมไว้ในปากหนึ่งชิ้น เดินกระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุขซวงซวงสงสัยมีความสุข?มีความสุขอะไร?ก็แค่กินขนม ก็มีความสุขเช่นนี้แล้ว? หรือเป็นเพราะองค์ชายรองมา องค์หญิงมีความสุขมาก?ศาลาพักม้าจวินลั่วยวนเพิ่งกลับมา เห็นผู้ชายคนหนึ่งที่ท่าทางเหมือนรองแม่ทัพ กำลังรายง
ฉู่เชียนหลีเป็นคนประเภทชอบลงมือทำ พูดแล้วก็ทำเลยบ่ายวันนั้น อวิ๋นอิงก็ไปซื้อเรียนสำหรับเด็กมาแล้ว ในหนังสือมีภาพว่า และตัวอักษรขนาดใหญ่ เหมาะกับเด็กอายุสามสี่ขวบที่เพิ่งหัดอ่านฉู่เชียนหลีถือหนังสือ สอนเด็กทั้งสองอย่างอดทน“แมลงปอ”“เว่ยซี จื่อเยี่ย ดู อันนี้เรียกว่าแมลงปอ มีปีกยาวๆ หนึ่งคู่ และยังมีตาที่โต”“นี่คือผีเสื้อ มา อ่านตามแม่ ฮวาหูเตี๋ย”เว่ยซีมองนมจนน้ำลายไหล ดูน่าสงสารมากจื่อเยี่ยอ้าปากส่งเสียงอีอาๆ แต่พูดไม่ชัด ไม่สามารถออกเสียงที่ถูกต้อง หัดพูดจนแก้มสีชมพูจะกลายเป็นสีแดงแล้ว“ฮวา…ฝู…ฝู…ฝูเตี๋ย…”“ไม่ถูก ฮวาหูเตี๋ย”“ฮวา…ฝู…เตีย…เตียเตี่ย!”พลันจื่อเยี่ยตาเป็นประกาย จู่ๆ ก็โบกมือน้อยเหมือนผีเสื้อกระพือปีก ปากก็ตะโกนอย่างสนุกสนาน“เตียเตี่ย!”ความหมายของเขาเหมือนกำลังบอกว่า เตียเตี่ย[1]เป็นผีเสื้อ “...”อวิ๋นอิงอุ้มเจี๋ยวเจี๋ยวยืนดูที่ข้างๆ รู้สึกเพียงภาพนี้โหดร้ายและไร้มนุษยธรรมมาก จู่ๆ ก็สงสารเว่ยซีกับจื่อเยี่ยอย่างอธิบายไม่ถูกเด็กบ้านอื่นเริ่มเรียนตอนอายุห้าขวบแต่ของพระชายา หนึ่งขวบก็เริ่มเรียนแล้วนางก้มหน้า มองใบหน้าเล็กของลูกสาว กล่าวเสียงเบา
สองวันต่อจากนั้น ค่อนข้างสงบเพียงแต่สงครามกำลังจะปะทุขึ้นแล้ว เมื่อครึ่งเดือนก่อน อ๋องเฉินยึดเมืองเจียหนานได้ในคราวเดียว เพื่อโต้ตอบ ฮ่องเต้หลีเลือกที่จะร่วมมือกับแคว้นซีอวี้ ได้รับม้าศึก อาวุธ และยอดทหารที่หนึ่งคนสามารถสู้สิบคน เตรียมพร้อมลงสนามรบทุกเมื่อ สงครามดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ“กลับมาอย่างปลอดภัยนะ”ฉู่เชียนหลีผูกสายรัดเอวของเสื้อเกราะอ่อน สวมเสื้อเพ้าชั้นนอก และจัดแจงให้เฟิงเย่เสวียน ก่อนออกเดินทาง โอบเอวของเขาไม่ยอมปล่อยเป็นเวลานานเฟิงเย่เสวียนลูบศีรษะน้อยๆ ของนาง“อยู่บ้านดูแลเว่ยซีกับจื่อเยี่ยให้ดี อย่างมากข้าไปสองวันก็กลับ”“ระวังตัวด้วย”“อืม”จูบกลางหว่างคิ้วของนาง ถือกระบี่เดินจากไปฉู่เชียนหลีไปส่งถึงประตูใหญ่ กระทั่งมองไม่เห็นแผ่นหลังของเขา จึงจะกลับจวนร่างกายของอวิ๋นอิงฟื้นตัวได้ดี สีหน้าก็ดูดีขึ้นมาก มีกู่แพทย์คอยบำรุงรักษา สุขภาพของนางค่อยๆ ดีขึ้น และไม่กระอักเลือดแล้ว“พระชายา งานเลี้ยงอายุครบหนึ่งปีของเว่ยซีกับจื่อเยี่ย จะเชิญใครบ้างเจ้าค่ะ?” อวิ๋นอิงกำลังวางแผนพริบตาเดียว ยังเหลืออีกเจ็ดวัน เจ้าเด็กน้อยทั้งสองก็จะอายุหนึ่งปีแล้วเวลาผ่านไปเร็วมาก
เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าจวินลั่วยวนเปลี่ยนฉับพลัน กลิ่นอายรอบกายขรึมลง มีความตื่นตระหนกสายหนึ่งแลบผ่านแววตาอย่างรวดเร็วพริบตาเดียวไม่นานก็สงบลง บนใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ“ท่านหมายความว่าอย่างไร?”“นี่ท่านพูดอะไรของท่าน!”นางสะบัดมือของจวินชิงอวี่หลุด ลุกขึ้นยืน ทั่วร่างเต็มไปด้วยความโกรธที่ถูกปรักปรำ“ข้าเป็นน้องสาวแท้ๆ ของท่าน ท่านกลับคิดว่าข้าทำเรื่องที่ไร้มโนธรรมเช่นนี้? เสด็จพี่สาม ก่อนที่ท่านจะพูด เคยถามใจตัวเองดูหรือไม่!”นางคำรามออกมาอย่างแค้นเคืองต่อความไม่เป็นธรรม ดวงตาก็กลายเป็นสีแดงไปแล้วจวินชิงอวี่รักนางมาก ตั้งแต่เล็กจนโต ไม่เคยตำหนินางแม้แต่คำเดียวแต่…“ยวนเอ๋อร์ เดิมทีคนที่วางยา เป็นคนตัดฟืนของทำเนียบเจียงหนาน รับคำสั่งจากฮองเฮาตงหลิง วางยาพิษทำร้ายพี่น้องฝาแฝด ถูกพระชายาอ๋องเฉินจับได้”“แต่เมื่อวานเจ้าส่งคนไปทำเนียบ คนตัดฟืนคนนี้ก็มาอยู่ที่ศาลาพักม้าแล้ว”“กลางคืน เสด็จแม่ก็ถูกพิษแล้ว”นำทั้งหมดนี้มาเชื่อมโยงกัน จะไม่ให้เขาสงสัยได้อย่างไร?จวินลั่วยวนเบิกตากว้าง“ข้าเป็นห่วงความร่วมมือของแคว้นหนานยวนกับอ๋องเฉิน ส่งคนไปลองถามดู ท่านกลับคิดว่าข้าติดสิ
ความจริงเป็นไปตามที่ฉู่เชียนหลีคาดการณ์หลังจากจวินชิงอวี่ตามจวินลั่วยวนทัน ปลอบใจนางอยู่นาน เขารับประกันและใช้คำพูดดีๆ สารพัด จึงจะสามารถทำให้น้องสาวหายโกรธกลับถึงศาลาพักมา ก็พลบค่ำแล้วฮองเฮาหนานยวนฟื้นแล้ว“เสด็จแม่ ท่านฟื้นแล้ว!”“เสด็จแม่ ท่านรู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือไม่? เจ็บคอหรือไม่?”จวินชิงอวี่ถามอย่างประหม่า จวินลั่วยวนรินน้ำอุ่นมาหนึ่งแก้ว ทั้งสองเฝ้าอยู่ที่หน้าเตียง มองมารดาด้วยความห่วงใยฮองเฮาหนานยวนรู้สึกเจ็บแบบแสบร้อนในลำคอ แค่ขยับเล็กน้อยก็เจ็บแสบมาก แม้กลืนน้ำก็เจ็บจนหน้าซีดนางเม้มปาก ไม่พูดสักคำจวินชิงอวี่จับมือของนาง กล่าวอย่างปวดใจ“เสด็จแม่ ท่านไม่ต้องกังวล พวกเราใช้ยาที่ดีที่สุดแล้ว ต้องดีขึ้นแน่นอน ทักษะการแพทย์ของพระชายาอ๋องเฉินเลิศล้ำ มีนางอยู่ ท่านจะต้องหายดีแน่นอน”จวินลั่วยวนพยักหน้า“ใช่แล้ว เสด็จแม่ ท่านก็อย่าเสียใจไปเลย อีกสามถึงห้าปีก็หายแล้ว”“...”คำพูดนี้ ฟังดูก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรแต่หากตั้งใจฟัง สำหรับฮองเฮาหนานยวนที่ชอบร้องเพลง ไม่ใช่จงใจพูดเสียดสีหรอกหรือ?ฮองเฮาหนานยวนถือแก้วน้ำ พิงอยู่ตรงหัวเตียง ค่อยๆ หลุบตา พูดไม่ออก และไม่อยา
จวินลั่วยวนตื่นตระหนกแล้วนางคิดไม่ถึงว่าตัวเองจะตกหลุมพรางของฉู่เชียนหลี ตอนนี้ไม่สามารถทำให้นางตาย และยังทำให้เสด็จพี่สามสงสัย ไม่เพียงไม่ได้อะไรเลย แถมยังเสียอีกต่างหาก“เสด็จ เสด็จพี่สาม…”จบแล้ว!นางจะสูญเสียความรักของเสด็จพี่สามไม่ได้!จะปล่อยให้นางแพศยาฉู่เชียนหลีทำสำเร็จไม่ได้เด็ดขาด!สมองของจวินลั่วยวนแล่นอย่างรวดเร็ว ในเวลาสั้นๆ สองวินาที คิดแผนรับมือได้แล้ว เบ้าตาแดงก่ำโดยตรง มีน้ำตาไหลออกมาจากดวงตาที่กลมโต นางกล่าว“เสด็จพี่สาม ดีจังที่ท่านไม่เป็นอะไร!”“ข้าได้ยินซวงซวงบอกว่าท่านกับพระชายาอ๋องเฉินออกมาด้วยกัน และยังมาสถานที่ลับเช่นนี้อีก ข้าคิดว่าพวกท่านทำ…เรื่องอะไรที่ให้คนอื่นรู้ไม่ได้เสียอีก”“ข้าเป็นห่วงท่านจึงตามมา เสด็จพี่สาม ท่านไม่โทษข้ากระมัง?”น้ำตาแห่งความกังวลและไร้เดียงสาไหลออกมาจากหางตาของนางจวินชิงอวี่ชะงักเล็กน้อย“เป็นห่วง?”“ใช่แล้ว ท่านเป็นพี่ชายของข้า พระชายาอ๋องเฉินก็เป็นผู้หญิงที่มีสามีแล้ว พวกท่านสองคนอยู่ในห้องเดียวกัน และยังอยู่ด้วยกันนานเช่นนี้ จะไม่ให้คิดมากได้อย่างไร?”ทุกคำพูดของจวินลั่วยวนฟังดูมีเหตุผลมาก“ข้าคิดว่าพวกท่านกำลัง…
หลังจากหัวเราะอย่างเย้ยหยัน นางไม่พูดอะไรอีก โคจรกำลังภายใน ประสานฝ่ามือกับจวินชิงอวี่จวินชิงอวี่รู้สึกเพียงมีกำลังภายในที่เย็นเฉียบสายหนึ่งไหลเข้าสู่ร่างกาย ความเย็นและความร้อนประสานกัน ปรับสมดุลให้กันและกัน เขารีบหลับตา โคจรเคล็ดวิชาเหมันต์ภายในห้อง เข้าสู่ความเงียบ…นอกประตูองครักษ์ลับเฝ้าไว้นอกประตูใหญ่ รถม้าคันหนึ่งค่อยๆ แล่นเข้ามาหยุดอยู่ที่ตรงข้ามกับบ้าน มือเล็กๆ ที่ขาวนวลข้างหนึ่งเลิกม่านขึ้น แล้วกระโดดลงมา“ที่นี่หรือ?”จวินลั่วยวนยืนอย่างมั่นคง เงยหน้ามองไปเป็นสถานที่ที่เงียบสงบซวงซวงกล่าวเสียงเบา “เจ้าค่ะองค์หญิง องค์ชายสามกับพระชายาอ๋องเฉินเข้าไปข้างในสามเค่อแล้ว”จวินลั่วยวนหรี่ตา“แม้แต่โรคร้อนก็สามารถรักษา ฉู่เชียนหลีคนนี้พอจะมีความสามารถอยู่บ้าง”ทักษะการแพทย์ดี มีประโยชน์อะไร?สุดท้ายก็ต้องตายอยู่ดีไม่ใช่หรือ?เมื่อวานตอนอยู่หอน้ำชา ได้ยินบทสนทนาของพวกเขาสองคน เมื่อไรที่เริ่มรักษา ห้ามถูกขัดจังหวะเด็ดขาด จะส่งผลให้กำลังภายในย้อนกลับ ทั้งสองจะกระอักเลือดจนตายขอแค่นางบุกเข้าไป ก็สามารถเอาชีวิตของฉู่เชียนหลีเพียงแต่…น่าเสียดายน่าเสียดายที่เสด็จ