“เจียวเจียว แม่ก็รอเสวยสุขแล้วนะ เจ้าน่ะจะได้ดิบได้ดีเพราะลูกชาย แม่ก็จะได้อานิสงส์ไปด้วย หลานชายคนโตของฝ่าบาทเชียวนะ จะต้องมีคนอิจฉาไม่น้อย”“เจียวเจียว เจ้าจะต้องเพิ่มอารมณ์ให้มากขึ้น พูดกับเจ้าตามตรง เมื่อสองวันก่อนแม่ได้เจอกับฮูหยินเฒ่าคนหนึ่ง ขอยาสมุนไพรให้กำเนิดลูกชายมาแผ่นหนึ่ง ได้ข่าวว่า คนที่กินยาตามตำรา ได้ลูกชายทุกคน”“เจียวเจียว...”“แม่!”นางอันจมดิ่งอยู่ในโลกของตนเอง พูดฉอด ๆ ตอนที่กำลังพูดด้วยความจริงจัง ในที่สุดฉู่เจียวเจียวก็ตะคอกเสียงต่ำอย่างอดไม่ได้ ตัดบทนางเงยหน้าขึ้น สีหน้าแย่เป็นอย่างยิ่งบรรยากาศก็แปลกประหลาดเป็นอย่างมาก“อ๋องหลีเขา...ไม่เคยแตะต้องข้าเลยสักนิด...”พระชายาอ๋องหลีกลับจวน จวนอัครมหาเสนาบดีฉู่คึกคักหลังมื้ออาหาร กลับจวนเฟิงเจิ้งหลีกับฉู่เจียวเจียวเดินออกไปพร้อมกัน ฉู่เจียวเจียวขึ้นรถม้า เขายืนเอามือไพล่หลังอยู่ที่เดิม ไม่มีเจตนาที่จะนั่งรถคันเดียวกันคนขับรถม้ายกแส้ยาวขึ้นกำลังจะขับรถม้าออกไป“ช้าก่อน!”ฉู่เจียวเจียวเอ่ยปากพูดอย่างอดไม่ได้ แหวกม่านหน้าต่าง จ้องมองชายหนุ่มชุดขาว ท่าทางอ่อนโยน เห็นได้ชัดว่าอยู่ใกล้มาก แต่กลับมีความรู้สึ
เฟิงเย่เสวียนกลับรู้โชคดี ที่สามารถได้ยินความในใจของนาง ไม่อย่างนั้นละก็ไม่รู้ถึงความคิดของคน ๆ หนึ่ง ว่าจะมากมายขนาดนี้อีกทั้ง ยังหน้าหนาขนาดนี้!“ฉู่เชียนหลี? เจ้าไม่เชื่อข้าก่อน สงสัยในนิสัยของข้า คนที่ควรจะน้อยใจควรเป็นข้าไม่ใช่หรือ”อยู่ด้วยกันมาตั้งนานขนาดนี้ ผ่านเรื่องราวมามากมาย ในสายตาของนาง เขาเป็นคนที่แยกแยะถูกผิดไม่ได้ เข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์?อยากจะแหวกอกนาง แล้วควักหัวใจของนางออกมา ดูว่าข้างในใส่อะไรเอาไว้!มีเขาอยู่หรือไม่กันแน่!ฉู่เชียนหลีก้มหน้า เงียบไปเล็กน้อย——เป็นเพราะตัวเองไม่พูดให้ชัด ยังจะมาโทษฉันอีก? ถ้าตอนนั้นนายอธิบายสักหน่อย ฉันจะเข้าใจผิดเหรอ? นายทำตัวเอง“...”เฟิงเย่เสวียนหน้าหมอง “พูดมา! ในสายตาของเจ้า ข้าเป็นคนอย่างไรกันแน่!”ฉู่เชียนหลีก้มหน้า นิ้วเขี่ยแขนเสื้อ คิดอย่างจริงจังขึ้นมา——ถึงแม้ว่านายจะอารมณ์ฉุนเฉียว นิสัยแย่ ขี้โมโห แต่เมื่อเผชิญหน้ากับชาวบ้าน ก็นับว่าเป็นคนดี——ปราบโจรภูเขากว่างหนิง ช่วยชาวบ้านผู้บริสุทธิ์เอาไว้เยอะแยะ ตอนลาดตระเวนทางใต้ ก็ช่วยเหลือคนเอาไว้ตั้งมากมายขนาดนั้น เรื่องการทำงาน นายมักจะอยู่ในห้องหนังสือครึ่งคืน จริง
เฟิงเย่เสวียนถามตัวเอง เมื่อครู่นี้เขาไม่ได้พูดคำที่รุนแรงเลยแม้แต่ประโยคเดียว แล้วก็ยังแฝงไปด้วยทัศนคติที่ดี มาตามหาฉู่เชียนหลีด้วยความจริงใจ ไม่ได้มีเจตนาที่จะดุนางเขาสาบานรถม้ามาถึงจวนอ๋องเฉินไม่รอให้จอดสนิท ฉู่เชียนหลีก็เปิดม่าน กระโดดลงไป บุ้ยปากอย่างไม่พอใจ“ผู้ชายก็เป็นแบบนี้ทุกคน ให้แสงหน่อยก็สว่างไสวขึ้นมาเลย ทำไม ท่านพูดแค่ไม่กี่ประโยค ข้าก็ต้องรักท่านจนหัวปักหัวปำเลยอย่างนั้นหรือ? ถ้าเช่นนั้นข้าจะพูดบ้างสักสองประโยค...”เฟิงเย่เสวียนหูตั้ง “เจ้าพูดมาสิ! ข้ารออยู่”“...”ฉู่เชียนหลีค้อนเขาทีหนึ่งอย่างอารมณ์เสีย สะบัดก้น แล้วเดินเข้าไปในจวนสีหน้าของชายหนุ่มอ่อนโยน ริมฝีปากบางยกขึ้นแฝงไปด้วยรอยยิ้ม “เชียนหลี รอข้าด้วย”“เดินชักช้า ท่านขาเป๋หรืออย่างไร!”“...”หากวันใดเชียนหลีเหมือนสตรีนางอื่น รู้หนังสือรู้มารยาท ดูแลสามีสั่งสอนลูก อ่อนโยนสง่างาม สามีเป็นทุกสิ่งทุกอย่าง เชื่อฟังทำตัวดี...อย่าคิดเลยนอกเสียจากว่าฟ้าถล่มแต่เขาชื่นชอบท่าทางแยกเขี้ยวยิงฟัน หยิ่งผยองของนางมีเพียงหนึ่งเดียวน่ารักที่สุดดูดีชายหนุ่มเดินเอามือไพล่หลัง เดินตามด้านหลังช้า ๆ ฉู
ป้องกันคนเลว หรือป้องกันนางกันแน่?เพ่งเล็งเป้าหมายชัดเจนขนาดนี้?“กำแพงเรือนสูงพอแล้ว ถ้าหากจะเพิ่มความสูงอีกละก็ ก็คงบังแสงแดดแล้ว”“มาอาบแดดที่เรือนหานเฟิงของข้าเป็นอย่างไร?”ถุย!ทำไมไม่พูดตรง ๆ ไปเลย ว่าจะให้ไปอาบแดดบนเตียงนอนของเขา“อย่างมากก็เพิ่มความสูงครึ่งเมตร”“หนึ่งเมตร”“ครึ่งเมตร จะสูงกว่านี้ไม่ได้แล้ว”“ข้าไตร่ตรองถึงความปลอดภัยของเชียนหลี ถ้าหากวันหนึ่งมีนักฆ่าลักลอบเข้ามาจะอันตรายมาก ทำอะไรก็ควรระมัดระวังไว้ก่อน”“ถ้าเช่นนั้นกำแพงนี้ก็ไม่ต้องซ่อมแล้ว เปิดเอาไว้แบบนี้เถอะ ถ้าคนเลวมา จะได้สะดวกให้ข้าหนี”“...”พ่อบ้านเฒ่าที่อยู่ด้านข้างเห็นทั้งสองคนต่อปากต่อคำ พูดเร็วขึ้นเรื่อย ๆ พูดไปพูดมา ก็ทำท่าจะทะเลาะกันขึ้นมาอีก ปวดหัวขึ้นมาทันที รีบก้าวไปข้างหน้าราวกับเหาะ“พระชายา นี่คือแผนการซ่อมแซม เชิญท่านดู!”เฟิงเย่เสวียนขมวดคิ้ว มองพ่อบ้านเฒ่าเข้าข้างคนอื่น?พ่อบ้านเฒ่าแอบส่งสายตาให้เขา ท่านอ๋อง แค่มองก็รู้ว่าท่านเด็กเกินไป ไม่มีประสบการณ์ครอบครัวปรองดองสามัคคีในครอบครัวหนึ่ง ขอเพียงแค่ผู้หญิงมีความสุข ทั้งครอบครัวก็จะมีความสุขถ้าหากผู้หญิงไม่มีความสุ
ฉู่เชียนหลีชะงักเล็กน้อยถ้าหากว่าเลือกแล้ว...“เท่าที่รู้ รัชทายาทเป็นคนเจ้าชู้ ถึงแม้ว่าในจวนจะมีพระชายารัชทายาทอยู่แล้ว แต่กลับควบคุมนิสัยของเขาไม่ได้เลยแม้แต่น้อย ถ้าหากเขาเลือกคนที่ท่านแนะนำ อาจจะเป็นเพราะชื่นชอบจริง ๆ”“แต่ก็อาจจะเป็นเพราะ...มีแผนการอื่น”ถ้าหากนางเป็นรัชทายาท เป็นศัตรูคู่แค้นกับเฟิงเย่เสวียน ย่อมบีบคั้นคนทั้งหมดของเฟิงเย่เสวียนเลือกที่จะรับอนุ ก็ต้องยึดหลักที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเองด้วยทันใดนั้น ก็ได้กลิ่นแผนการชั่วร้ายบางอย่างนางปิดสมุดที่อยู่ในมือ ส่งคืนให้พ่อบ้าน “เช่นนั้นก็อย่าแนะนำเลย ก็พูดว่าที่ท่านนี้ไม่มีตัวเลือกที่เหมาะสม เลือกพระชายารองไม่ใช่แต่งตั้งพระชายารัชทายาท คงจะไม่ได้เข้มงวดขนาดนั้น”ไม่เข้าร่วมเรื่องนี้ ต่อให้มีแผนการใหญ่กว่านี้ ก็เป็นแค่การคุยโวเฟิงเย่เสวียนกลับไม่ใช่ไม่คิดแบบนี้ แต่ฝ่าบาทได้ทรงตรัสแล้ว“เชียนหลีอาจจะยังไม่รู้ ฝ่าบาทอบรมสั่งสอนบรรดาองค์ชายตั้งแต่เด็ก พี่น้องปรองดอง ห้ามทะเลาะกัน ฆ่าแกงกัน ตลอดเวลาที่ผ่านมา ทำล้วนเป็นคนกลาง เพื่อรักษาความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้อง รวมทั้งครั้งนี้ด้วย”ถ้าหากเขาไม่แนะนำใครสักคน รัชทายา
เฟิงเย่เสวียนพยายามจะเผาไม้ให้ได้ ตบโต๊ะลุกขึ้นยืนด้วยท่าทางที่มีอำนาจ สั่นสะเทือนจนคนใช้ทั้งหมดคุกเข่าลงบนพื้น หวาดกลัวเป็นอย่างยิ่งฉู่เชียนหลีเลียเศษขนมที่อยู่บนนิ้วมืออย่างใจเย็น ควักไม้พระราชทานออกมาท่าทีสบาย ๆ“...”เฟิงเย่เสวียนนั่งลงไปเงียบ ๆ มองบรรดาคนใช้ที่อยู่ด้านข้าง กล่าวสบถ“มัวอึ้งอะไรกันอยู่? ยังไม่รีบก่อกำแพงอีก!”“ขอรับ ๆ!”บรรดาคนใช้ตกใจรีบไปก่อกำแพงอย่างรวดเร็ว ไม่กล้าพูดมากแม้แต่คำเดียวท่านอ๋อง ท่านรังแกพระชายาไม่ได้ ก็มาด่าพวกเราที่ยังเด็ก ไร้ความสามารถ ไร้ความรู้ น่าสงสาร ต้อยต่ำ จะมากเกินไปหน่อยหรือไม่...หลังจากผ่านไปสองเค่อเฟิงเย่เสวียนเดินกลับไปอย่างกลุ้มใจ ทันทีที่เขาจากไป เยว่เอ๋อร์ผ่อนคลายขึ้นมาเล็กน้อย ดึงพระชายามาพูดคุยด้วยความดีใจเล่าเรื่องนี่ เล่าเรื่องนั้น พูดไปพูดมา ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรถึงได้คิดถึงหานเฟิงขึ้นมาคิ้วงามขมวดแน่นขึ้น“พระชายา ท่านคงไม่ทราบว่าองครักษ์ลับข้างกายของท่านอ๋องคนนั้นเกินไปขนาดไหน! เขาพูดว่า ท่านกับท่านอ๋องทะเลาะกัน ทั้งหมดเป็นความผิดของท่าน ยังจะให้ท่านขอโทษ ข้าควบคุมตัวเองไม่อยู่จริง ๆ จึงด่าเขาไปฉอดใหญ่”อง
ดวงตาหลิงเชียนอี้กลอกหนึ่งรอบ กล่าวด้วยน้ำเสียงเหมือนหลอกล่อ“น้าสะใภ้ เสื้อผ้าของท่านสกปรกมากเช่นนี้ ใส่ออกไปเกรงว่าจะไม่เหมาะสมกระมัง? หมิงเฮ่าเซวียนเป็นฐานใหญ่ของข้า ข้างในมีเสื้อผ้าที่สวยงามหลากหลาย รับรองว่าท่านต้องชอบ!”ใต้ฟ้า จะมีผู้หญิงคนใดที่สามารถต้านทานเสน่ห์ของเงินทองไข่มุกอัญมณีและผ้าที่ดีที่สุด?มีผู้หญิงคนใดบ้างไม่รักงาม?“นอกจากเสื้อผ้าที่มาใหม่ ยังมีอัญมณี เครื่องประดับ หยกร้อน…ขอแค่ท่านชอบ ข้าซื้อให้ท่านทั้งหมด!” เขาตบหน้าอกอย่างใจป้ำ พร้อมทุ่มหมดตัวจินตนาการไม่ยาก เงินหนึ่งล้านตำลึงที่พ่อของเขาให้เขา น่าจะถูกผลาญจนหมดเช่นนี้เวลาเดียวกัน เขายิ่งคุยโม้เท่าไร ในใจฉู่เชียนหลียิ่งเกิดความสงสัยไม่มีปัญหาไม่เข้าวัดจู่ๆ ก็ใจดีเช่นนี้ ต้องมีแผนแน่นอน!ฉู่เชียนหลีมองเด็กหนุ่มด้วยสายตาลึกซึ้ง เจตนายิ้มไปไม่ถึงส่วนลึกของแววตา“จะกล้าให้ท่านโหวน้อยสิ้นเปลืองได้อย่างไร ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นข้าไม่ออกไปเที่ยวแล้ว ข้าจะกลับไปรอที่จวน”“หยุดรถ!”“เอ๋…” หลิงเชียนอี้รีบดึงข้อมือของนาง “ไม่เปลี่ยนแล้ว ไม่เปลี่ยนแล้ว แล้วแต่ท่านเลย เหตุใดถึงยังโกรธด้วย”คุยกันแล้วว่
ภายในลานเรือนอันสวยงาม ท่ามกลางคุณหนูชนชั้นสูงมากมาย มีคุณหนูสวมชุดผ้าโปร่งสีชมพู และรูปร่างเพรียวบางคนหนึ่งล้มอยู่บนพื้น ฝ่ามือถลอก กรีดร้องด้วยความเจ็บปวดและมีผู้หญิงสวมชุดสีแดงเหมือนไฟ ระหว่างคิ้วเย่อหยิ่งเย็นชาคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้านาง ใบหน้าที่สวยงามอย่างยิ่ง คางที่เชิดขึ้นเล็กน้อย มีกลิ่นอายอันสูงศักดิ์ที่ไม่อาจล่วงเกินแผ่ซ่านตั้งแต่หัวจรดเท้าคุณหนูใหญ่ตระกูลฉู่——ฉู่หงหลวน!นางยกมือขึ้น โยนปิ่นปักผมฝังพลอยทับทิมที่ทำจากทองคำบริสุทธิ์ลงพื้น กล่าวด้วยรอยยิ้มเย็นชา“หลิ่วซวงเสวีย เจ้าเป็นถึงลูกสาวของใต้เท้าหลิ่ว แต่กลับขโมยทรัพย์สินของข้า ใช้วิธีการที่ต่ำช้าเช่นนี้ ยังกล้าเพ้อฝันคิดจะเป็นพระชายารองรัชทายาทอีกหรือ?”มีเหล่าคุณหนูไม่น้อยมามุงดูหลิ่วซวงเสวียที่สวมชุดผ้าโปร่งสีชมพูส่ายศีรษะ“ข้าไม่ได้…ข้าไม่ได้ทำ…ไม่รู้ว่ามันมาอยู่ในกระเป๋าข้าได้อย่างไร ข้าไม่รู้…”“จะบอกว่ามันมีขา วิ่งไปอยู่บนตัวเจ้าเองอย่างนั้นหรือ?” ฉู่หงหลวนหรี่ตาหงส์ลง ความแหลมคมในแววตาบีบคั้นคนยิ่งนัก“ใครก็ได้ รีบไปเชิญใต้เท้าหลิ่วมา ให้เขามาดูให้ชัดเจนว่าลูกสาวตัวเองเป็นหัวขโมย!”เมื่อสิ้นน้ำเสียงที่
อันธพาลเจ็บจนกรีดร้องเหมือนหมูโดนเชือด “อ๊ะๆ!”ยังไม่ทันได้พักหายใจ ก็โดนถีบจนไปกลิ้งอยู่บนพื้น รองเท้าปักลายดอกไม้เหยียบลงบนหน้าอก หนักจนทำให้เขาหายใจไม่ออก กระอักเลือดออกมา“พู่!”เขากอดต้นขาของอวิ๋นอิง อยากดิ้นให้หลุด แต่หาของอวิ๋นอิงกดทับอยู่บนร่างกายของเขาเหมือนเหล็กกล้า และเขาก็เหมือนกับปลาตัวหนึ่งที่ถูกตอกตะปูอยู่บนเขียง พยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แต่ก็ดิ้นไม่หลุดเจอผีแล้ว!ทั้งที่นางผอมเช่นนี้ เหตุใดจึงมีแรงมากเช่นนี้?ผู้หญิงคนนี้ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือ?ชาวบ้านก็ตะลึงเช่นกันอวิ๋นอิงอุ้มลูกสาวไว้ด้วยมือข้างเดียว ค่อยๆ ก้มลง ยกฝ่ามืออีกข้าง เหวี่ยงไปที่ใบหน้าของอันธพาลโดยตรง“ข้าสั่งให้เจ้าเก็บ”เพียะ!“ไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ?”เพียะ!“หูหนวกหรือ?”เพียะ!หนึ่งประโยค หนึ่งฝ่ามือ ตบจนอันธพาลหันซ้ายหันขวา มุมปากแตกมีเลือดไหล หูอื้อ สะบักสะบอมเหมือนสุนัขจรจัดตัวหนึ่ง ไม่หลงเหลือความฮึกเหิมของก่อนหน้านี้เลย“ลูกพี่!”ลิ่วล้อสามคนคว้าโต๊ะเก้าอี้และท่อนไม้ที่อยู่ข้างๆ ฟาดไปทางอวิ๋นอิงอย่างแรงอวิ๋นอิงกระโดนหมุนตัวเตะพวกเขาสามคนจนลอยกระเด็นออกไปไกลเจ็ดแปดเมตร โดยไม่หั
ตงหลิงเจียงหนาน ทำเนียบสามเดือนที่พระชายาจากไป อ๋องเฉินเอาแต่เก็บตัว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลก หานเฟิงต้องรับผิดชอบงานแทนทุกอย่าง เมื่อนานวันเข้า โลกภายนอกต่างกำลังคาดเดา จิตใจของอ๋องเฉินได้รับกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ล้มแล้วลุกไม่ขึ้น เกรงว่าเหลือเวลาอีกไม่นานแล้วช่วงนี้ ในที่สุดอาการบาดเจ็บของจิ่งอี้ก็ดีขึ้นแล้วอาการบาดเจ็บทางกระดูกหรือเส้นเอ็น ต้องรักษาอย่างน้อยหนึ่งร้อยวันในที่สุดกระดูกซี่โครงที่หักสองซี่ก็หายดีแล้ว สามารถขี่ม้าได้แล้ว ตอนนั้นเขาบอกว่าจะนำทัพกลับแคว้นซีอวี้ทันทีแต่ก่อนไป เขาถามเหมือนไม่ใส่ใจ“เหตุใดไม่เจอแม่นางอวิ๋นอิงเลย?”จ้านหูจริงจังขึ้นมาทันที เขาตอบ“องค์ชายใหญ่ ข้าจะส่งคนไปสืบเดี๋ยวนี้!”“ไม่ต้อง”หลังจากปฏิเสธอย่างเฉยเมย ปีนขึ้นหลังม้า ขี่ออกไปคนเดียวแล้วจ้านหู “?”หมายความว่าอย่างไร?ตอนที่องค์ชายใหญ่หมดสติ แม้อวิ๋นอิงบอกว่าไม่สนใจ แต่แอบมาเยี่ยมองค์ชายใหญ่ตอนดึกดื่นเวลาที่ไม่มีคนองค์ชายใหญ่ก็อีกคน ทั้งที่คิดถึงอวิ๋นอิง แต่ไม่ยอมรับในใจของพวกเขาสองคนล้วนมีอีกฝ่าย ลูกสาวก็อายุเกือบครึ่งขวบแล้ว เหตุใดไม่ลองเปิดใจสักนิดแล้วอยู่ด้วยกันเลย
คืนแรกที่มาถึงต่างโลก ฉู่เชียนหลีฝันในความฝัน นางอยู่บนสนามรบ สู้จนตัวตาย เลือดไหลเป็นแม่น้ำ น่าสลดใจนัก…ในความฝัน นางได้ต่อสู้ร่วมกับชายคนหนึ่งที่มองไม่เห็นใบหน้า ร่วมเป็นร่วมตาย และยังมีเสียงที่นุ่มนิ่มของเด็ก เรียก ‘ท่านแม่’ ครั้งแล้วครั้งเล่าในความฝัน ราวกับนางได้รับความอยุติธรรมครั้งใหญ่ หัวใจเจ็บปวด และพยายามอธิบายสุดชีวิต แต่พวกคนที่เรียกตัวเองว่า ‘ครอบครัว’ ไม่เชื่อนาง และยังบีบคั้นนางสู่เส้นทางที่สิ้นหวังในความฝัน…มีคนกำลังเรียกนาง‘เชียนหลี…เชียนหลี…’ฉึก!ฉู่เชียนหลีลืมตาฉับพลัน ท้องฟ้าข้างนอกสว่างแล้ว แสงแดดอุ่นๆ ยามเช้าสาดส่องเข้ามา สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของอากาศ สงบมากนางรู้สึกเวียนศีรษะ และแน่นหน้าอกราวกับนางอยู่ในความฝันอันยาวนานจริงๆนางได้รับความอยุติธรรมนางถูกคนในครอบครัวฆ่าตายแต่เหตุใดนางจำผู้ชายที่เรียกนาง และภาพที่เรียกนางว่า ‘ท่านแม่’ ไม่ได้เลย“องค์หญิง ท่านตื่นแล้ว”เมื่ออ้ายอ้ายได้ยินเสียง ถือกะละมังน้ำอุ่นกับเครื่องใช้เข้ามาปรนนิบัติฉู่เชียนหลีนวดขมับ อยู่ในอาการเหม่อลอย แขนขาอ่อนแรง ไม่มีแรงขยับ ดึงผ้าห่มออก ลงจากเตียง สวมรองเท้
สาวใช้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็รีบฝนหมึกอย่างเชื่อฟังมองดูองค์หญิงรีบหยิบพู่กัน เขียนอะไรบางอย่าง ท่าทางที่รีบร้อนนั่น เมื่อก่อนเวลาที่นังเป็นห่วงคุณชายเซิ่น ยังไม่รีบร้อนเช่นนี้เลยองค์หญิงกระโดดสระน้ำ หมดสติไปสามวัน หลังจากฟื้น ก็เปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย?นิสัยเปลี่ยนไปน้ำเสียงเปลี่ยนไปแต่เมื่อลองตั้งใจมอง องค์หญิงยังคงเป็นองค์หญิง ยังคงเป็นใบหน้าที่คุ้นเคยฉู่เชียนหลีเขียนอย่างรวดเร็ว…อ๋องเฉินเป็นอย่างไรบ้าง ข้าอยู่แคว้นหนานยวน…พลางเขียน พลางกล่าวอย่างรีบร้อน “รีบไปหาคน ช่วยข้าส่งจดหมายฉบับนี้ไปให้อ๋องเฉินที่ตงหลิงเจียงหนาน”นางอยากบอกความจริงกับเฟิงเย่เสวียน ต่อให้ตนลืมแล้ว แต่เฟิงเย่เสวียนจำนางได้เขาจะต้องมาหานางแน่นอนไม่ช้าก็เร็วสักวัน พวกเขาครอบครัวสี่คนจะอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา“อ๋องเฉินแห่งตงหลิงเจียงหนาน?”สาวใช้เกาศีรษะด้วยความสงสัย “องค์หญิง ท่านส่งจดหมายให้อ๋องเฉินทำไม? ท่านรู้จักอ๋องเฉินตั้งแต่เมื่อไร?”ฉู่เชียนหลีรีบกล่าว“อธิบายกับเจ้าไม่ได้ แต่ความสัมพันธ์ของข้ากับอ๋องเฉินไม่ธรรมดา…อ๋องเฉิน? อ๋องเฉินตงหลิง?”เงยหน้าฉับพลัน“ข้ารู้จักอ๋องเฉ
ทุกคน “...”สีหน้าฮ่องเต้หนานยวนดูไม่ดีนัก เซิ่ยซือเฉินเป็นแค่บัณฑิตคนหนึ่ง เพื่อบัณฑิตคนหนึ่ง ต้องทุ่มสุดตัวเช่นนี้เลย ต้องตื่นเต้นเช่นนี้เลย?ในฐานะองค์หญิง ไม่ควรมองให้ไกลกว่านี้หน่อยหรือ?เพื่อป้องกันจวินลั่วยวนทำร้ายตัวเอง เขาออกคำสั่ง มัดมือและเท้าของนางโดยตรงจวินลั่วยวนขยับไม่ได้แล้วเห็นท่าทางที่จะยิ้มไม่ยิ้มของฉู่เชียนหลี และยังเลิกคิ้วอย่างยั่วยุ นางโมโหจนแทบกัดลิ้นฆ่าตัวตายหลังจากเหตุการณ์ที่วุ่นวาย ไปจากตำหนักองค์หญิงฉู่เชียนหลีกับหลิงอี้ซิงเดินเคียงข้างกันจากไป เมื่ออารมณ์ดี จังหวะการเดินก็ผ่อนคลายเป็นพิเศษ อดไม่ได้ที่จะฮัมเพลงเบาๆฮัมไปฮัมมา จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าหลิงอี้ซิงเป็นผู้มีจิตใจเมตตา อุทิศตนให้กับความดีและคุณธรรมหยุดฝีเท้าหันไปถาม “ท่านพี่ ท่านน่าจะเห็นกระมัง ว่าข้าจงใจรังแกจวินลั่วยวน?”หลิงอี้ซิงเดินตามปกติ สายตามองไปข้างหน้า พยักหน้าอย่างเกียจคร้าน ตอบสั้นๆ เพียงคำเดียว“อืม”“ท่านไม่รู้สึกว่าข้านิสัยไม่ดีหรือ?”เขาหยุดเดินหันมามองนาง กล่าวอย่างจริงจัง “ที่เจ้ารังแกนาง นั่นก็ต้องเป็นเพราะนางล่วงเกินเจ้าก่อนแน่นอน ล้วนเป็นความผิดของนาง”เขาไ
“ยวนเอ๋อร์! ยวนเอ๋อร์!” ฮ่องเต้หนานยวนร้อนใจจนหน้าถอดสี “ใครก็ได้ ใครก็ได้รีบมาเร็ว ยวนเอ๋อร์เสียเลือดมากเกินไป หมดสติไปแล้ว!”จวินลั่วยวนที่ ‘เสียเลือดมากเกินไปจนหมดสติ’ “...”เจ้าน่ะสิที่เสียเลือดมากเกินไปเจ้าเสียเลือดมากเกินไปทั้งครอบครัว!หมอหลวงมาอย่างรวดเร็ว หลังจากทำแผลให้จวินลั่วยวนเสร็จ ถอนหายใจด้วยความกังวล “สามเดือนแล้ว ในที่สุดเอ็นขององค์หญิงก็เชื่อมต่อกัน คิดไม่ถึงว่าขาดอีกแล้ว ความพยายามในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาล้วนสูญเปล่า” ต่อจากนี้ก็ต้องใช้เวลาอีกสามเดือน เปิดบาดแผล บำรุงเอ็นทุกวันเมื่อฉู่เชียนหลีได้ยินคำนี้ เบ้าตาแดงฉับพลัน“ล้วนเป็นความผิดของข้า…”นางดึงชายเสื้อของหลิงอี้ซิง กล่าวเสียงสะอึก“ท่านพี่ ข้ามันไม่ดี ต้องเป็นเพราะเรื่องของคุณชายเซิ่นแน่ องค์โกรธข้า ไม่ชอบข้า จึงฟาดมือของตัวเองใส่เสา เพื่อเป็นการแสดงความรังเกียจต่อข้า”“ข้าทำร้ายนาง ฮือๆ…”หลิงอี้ซิงรักน้องสาว ทุกคนในแคว้นหนานยวนรู้เรื่องนี้แล้วฮ่องเต้หนานยวนกล่าวโทษนางได้อย่างไร?กลับกัน เขายังต้องขอร้องหลิงอี้ซิงทักษะการทำนายของหลิงอี้ซิงมีเพียงหนึ่งเดียวในใต้ฟ้า ตลอดหลายปีที่เขานั่งตำแหน
ระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน นางค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้เตียง จวินลั่วยวนนอนหลับแล้ว ไม่ได้เคลื่อนไหวเป็นเวลานาน หน้าซีดซูบผอม เหลือแต่หนังหุ้มกระดูกฉู่เชียนหลีเหลือบมองแวบหนึ่ง“เหตุใดข้อมือของนางยังมีเลือด?”สามเดือนแล้ว แผลยังไม่หาย?นางกำนัลที่อยู่ข้างๆ ตอบ“หมอหลวงบอกว่า จะใช้ยาพิเศษรักษาเอ็นมือและเท้าที่ขาดขององค์หญิง จำเป็นต้องเปิดแผล ขยับเอ็นที่ขาดไปรวมกันทุกวัน จนกระทั่งเชื่อมต่อกัน”“ฮืม?”ฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วด้วยความสนใจเช่นนี้ก็เท่ากับว่า จวินลั่วยวนต้องทนกับความเจ็บปวดที่ใช้มีดเปิดปากแผลทุกวันติดต่อกันสามเดือนเต็มๆ น่าสังเวชน่าจะเจ็บมากกระมัง?นางค่อยๆ นั่งลง จับข้อมือของจวินลั่วยวนเบาๆ มองผ้าพันแผลที่ถูกพันห้าหกรอบอย่างครุ่นคิดทันใดนั้นออกแรงกดที่นิ้ว“ซี้ด…!”จวินลั่วยวนเจ็บจนตื่น ลืมตาทันทีฉู่เชียนหลีรีบปล่อยมือ “โอ๊ย…ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจแตะตัวท่าน ดูท่านเจ็บมากเลยนะ ขอโทษจริงๆ”“!”หลินเหยี่ยมาอยู่ในตำหนักของนางได้อย่างไร?นางรังเกียจผู้หญิงคนนี้ที่สุด!อาศัยที่พี่ชายของตัวเองเป็นราชครู แสร้งทำเป็นช่วยเหลือชาวบ้าน ทำแต่ความดีทุกวัน มีแต่คนบอกว่าองค์หญ
เซิ่นสือเฉิน “?”เหตุใดวันนี้รู้สึกว่าหลิงเหยี่ยแปลกๆ?เมื่อก่อนนางชอบเขามากเลยไม่ใช่หรือ? เวลาที่เขาอ่านหนังสือ นางชอบมาอยู่ข้างๆ ฝนหมึกพัดลมให้เขา เวลาที่เขาเขียนหนังสือ นางชอบแอบที่นอกหน้าต่าง จับจิ้งหรีดเล่น เวลาที่เขางีบหลับ นางมักจะชงชาหิมะชั้นดีมาให้เขานางยังบอกว่าจะแต่งงานกับเขาคนเดียวเหตุใดแค่วันเดียว ก็ปล่อยวางได้แล้ว?“องค์หญิงหลิง ข้าขอโทษ” เขากล่าวอย่างรู้สึกผิดที่จริงเขาก็ชอบหลิงเหยี่ยเช่นกัน แต่องค์หญิงยวนบอกเขาว่าหลิงเหยี่ยนิสัยไม่ดี ชอบรังแกคนรับใช้ หาเรื่องชาวบ้าน ใส่ร้ายโยนความผิดให้ผู้อื่นด้วยวิธีที่น่ารังเกียจ และทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายเขาเป็นคนเรียนหนังสือ นิสัยซื่อตรง ไม่สามารถยอมรับคนที่จิตใจอำมหิตอย่างหลิงเหยี่ยเมื่อเปรียบเทียบกัน เขาชอบจวินลั่วยวนที่ไร้เดียงสา จิตใจดี และร่าเริงมากกว่า“เมื่อก่อนท่านส่งข้าเรียนหนังสือ ช่วยข้าหาอาจารย์ ใช้เส้นสาย ทำให้ข้าสอบติดขุนนาง…บุญคุณส่วนนี้ ข้า ข้าทำได้เพียงตอบแทนท่านชาติหน้าแล้ว…”ฉู่เชียนหลียิ้มอย่างอ่อนโยน“ไม่เป็นไร แค่เรื่องเล็กน้อย”“ได้ยินมาว่าองค์หญิงยวนได้รับบาดเจ็บ พวกเราเข้าวังไปดูนางกันเ
องค์หญิง?คุณชายเซิ่น?ฉู่เชียนหลีไม่ได้รับความทรงจำใดๆ เพิ่งมาที่นี่ครั้งแรก สับสนและงงงวยเล็กน้อยยังไม่ทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีเสียงฝีเท้าที่ยุ่งเหยิงและเสียงต่อต้านดังมาจากนอกประตู “ใต้เท้าหลิง! ใต้เท้าหลิง ต่อให้ท่านบีบคั้นข้าจนตาย ข้าก็ไม่แต่งงานกับนาง!”“ตั้งแต่ต้นจนจบ ในใจข้ามีเพียงองค์หญิงยวนเอ๋อร์เท่านั้น!”ยวนเอ๋อร์?องค์หญิง?ฉู่เชียนหลีเงยหน้ามองไป เห็นชายหนุ่มสวมชุดเพ้าสีขาวและที่ครอบผมหยก กำลังลากผู้ชายที่ท่าทางสุภาพเหมือนคนเรียนหนังสือเข้ามานางตระหนักถึงบางอย่าง รีบดึงสาวใช้ที่อยู่ข้างกายมาถามเบาๆ“ที่นี่คือแคว้นหนานยวน?”สาวใช้ “?”องค์หญิงเป็นอะไรไป?เหตุใดถามคำถามเช่นนี้?“องค์หญิง ท่าน…”“อย่าพูดไร้สาระ ตอบข้า!”สาวใช้ตกใจ รีบกล่าว “ท่านคือหลิงเหยี่ย องค์หญิงต่างแซ่ของแคว้นหนานยวน ใต้เท้าคือมหาราชครูของแคว้นหนวนยวน เป็นพี่ชายแท้ๆ ของท่าน เพราะใต้เท้าชำนาญการทำนาย เคยช่วยแคว้นสามครั้ง สร้างคุณประโยชน์มากมาย ท่านจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์หญิงต่างแซ่…”คำพูดที่เหลือ ฉู่เชียนหลีมองข้ามโดยตรงสิ่งเดียวที่นางคิดคือ นางถูกส่งมาเป็นองค์หญิงต่างแซ่ อีกท