ดวงตาหลิงเชียนอี้กลอกหนึ่งรอบ กล่าวด้วยน้ำเสียงเหมือนหลอกล่อ“น้าสะใภ้ เสื้อผ้าของท่านสกปรกมากเช่นนี้ ใส่ออกไปเกรงว่าจะไม่เหมาะสมกระมัง? หมิงเฮ่าเซวียนเป็นฐานใหญ่ของข้า ข้างในมีเสื้อผ้าที่สวยงามหลากหลาย รับรองว่าท่านต้องชอบ!”ใต้ฟ้า จะมีผู้หญิงคนใดที่สามารถต้านทานเสน่ห์ของเงินทองไข่มุกอัญมณีและผ้าที่ดีที่สุด?มีผู้หญิงคนใดบ้างไม่รักงาม?“นอกจากเสื้อผ้าที่มาใหม่ ยังมีอัญมณี เครื่องประดับ หยกร้อน…ขอแค่ท่านชอบ ข้าซื้อให้ท่านทั้งหมด!” เขาตบหน้าอกอย่างใจป้ำ พร้อมทุ่มหมดตัวจินตนาการไม่ยาก เงินหนึ่งล้านตำลึงที่พ่อของเขาให้เขา น่าจะถูกผลาญจนหมดเช่นนี้เวลาเดียวกัน เขายิ่งคุยโม้เท่าไร ในใจฉู่เชียนหลียิ่งเกิดความสงสัยไม่มีปัญหาไม่เข้าวัดจู่ๆ ก็ใจดีเช่นนี้ ต้องมีแผนแน่นอน!ฉู่เชียนหลีมองเด็กหนุ่มด้วยสายตาลึกซึ้ง เจตนายิ้มไปไม่ถึงส่วนลึกของแววตา“จะกล้าให้ท่านโหวน้อยสิ้นเปลืองได้อย่างไร ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นข้าไม่ออกไปเที่ยวแล้ว ข้าจะกลับไปรอที่จวน”“หยุดรถ!”“เอ๋…” หลิงเชียนอี้รีบดึงข้อมือของนาง “ไม่เปลี่ยนแล้ว ไม่เปลี่ยนแล้ว แล้วแต่ท่านเลย เหตุใดถึงยังโกรธด้วย”คุยกันแล้วว่
ภายในลานเรือนอันสวยงาม ท่ามกลางคุณหนูชนชั้นสูงมากมาย มีคุณหนูสวมชุดผ้าโปร่งสีชมพู และรูปร่างเพรียวบางคนหนึ่งล้มอยู่บนพื้น ฝ่ามือถลอก กรีดร้องด้วยความเจ็บปวดและมีผู้หญิงสวมชุดสีแดงเหมือนไฟ ระหว่างคิ้วเย่อหยิ่งเย็นชาคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้านาง ใบหน้าที่สวยงามอย่างยิ่ง คางที่เชิดขึ้นเล็กน้อย มีกลิ่นอายอันสูงศักดิ์ที่ไม่อาจล่วงเกินแผ่ซ่านตั้งแต่หัวจรดเท้าคุณหนูใหญ่ตระกูลฉู่——ฉู่หงหลวน!นางยกมือขึ้น โยนปิ่นปักผมฝังพลอยทับทิมที่ทำจากทองคำบริสุทธิ์ลงพื้น กล่าวด้วยรอยยิ้มเย็นชา“หลิ่วซวงเสวีย เจ้าเป็นถึงลูกสาวของใต้เท้าหลิ่ว แต่กลับขโมยทรัพย์สินของข้า ใช้วิธีการที่ต่ำช้าเช่นนี้ ยังกล้าเพ้อฝันคิดจะเป็นพระชายารองรัชทายาทอีกหรือ?”มีเหล่าคุณหนูไม่น้อยมามุงดูหลิ่วซวงเสวียที่สวมชุดผ้าโปร่งสีชมพูส่ายศีรษะ“ข้าไม่ได้…ข้าไม่ได้ทำ…ไม่รู้ว่ามันมาอยู่ในกระเป๋าข้าได้อย่างไร ข้าไม่รู้…”“จะบอกว่ามันมีขา วิ่งไปอยู่บนตัวเจ้าเองอย่างนั้นหรือ?” ฉู่หงหลวนหรี่ตาหงส์ลง ความแหลมคมในแววตาบีบคั้นคนยิ่งนัก“ใครก็ได้ รีบไปเชิญใต้เท้าหลิ่วมา ให้เขามาดูให้ชัดเจนว่าลูกสาวตัวเองเป็นหัวขโมย!”เมื่อสิ้นน้ำเสียงที่
ทันใดนั้นเขาก็โน้มตัวไปด้านข้าง ขยับเข้าใกล้ฉู่เชียนหลี กล่าวถาม“ตอนนั้นท่านกับเซียวจือฮว่าก็สู้กันอย่างเจ้าตายข้าอยู่ใช่หรือไม่ ต่อมาท่านเอาชนะเซียวจือฮว่าสำเร็จ ก็เลยได้ท่านน้าข้าไปครอบครอง?”เจ้าเด็กคนนี้ ทั้งวันทั้งคืน ในสมองกำลังคิดอะไรอยู่นะ?ฉู่เชียนหลีมองเขาแวบหนึ่ง ให้เขาไปสัมผัสด้วยตนเองนางไม่มีความสนใจต่อกันแย่งชิงความโปรดปรานของผู้หญิง ตอนที่เตรียมกระโดดลงจากกำแพง หางตาเหลือบไปเห็นร่างเงาที่เพรียวบางสายหนึ่งโดยไม่ตั้งใจเป็นผู้หญิงที่แต่งกายสะอาดสะอ้านและถ่อมตน นางนั่งอยู่บนม้านั่งของโถงทางเดิน ก้มศีรษะ อยู่เงียบๆ ไม่สุงสิงกับใครทุกคนล้วนแต่งหน้าทาปากอย่างสวยงาม หวังเพียงรัชทายาทชายตามอง นางกลับแต่งกายธรรมดามากเมื่อครู่ ตอนที่ฉู่หงหลวนสั่งสอนหลิ่วซวงเสวีย ทุกคนต่างมามุงดู มีเพียงนางที่นั่งเงียบๆ อยู่ตรงนั้นมาโดยตลอด ราวกับว่าไม่สนใจใครเลยนางถามกะทันหัน“นั่นใคร?”หลิงเชียนอี้มองไปตามทิศทางที่นางมอง ครุ่นคิดสองวินาที “รู้สึกว่าจะเป็นหลานสาวของใต้เท้าเว่ย”พูดจบ ก็พูดเสริมอีกหนึ่งประโยค“ใต้เท้าเว่ยเป็นผู้ช่วยของน้าข้า นางน่าจะเป็นคนที่ท่านน้าแนะนำ”เอ๋?เฟ
ไม่มีความคิดชั่วๆ?ตั้งแต่ออกมาจากจวนอ๋องเฉิน เขาก็เกลี้ยกล่อมนางให้เปลี่ยนและซื้อเสื้อผ้าไม่หยุด เมื่อครู่ยังคิดจะถีบนางตกน้ำ บีบให้นางจำเป็นต้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ยังกล้าบอกว่าตนเองไม่มีความคิดชั่วๆ?ฉู่เชียนหลีมองดูเขาที่อยู่ในน้ำอย่างยิ้มแย้ม ถามอย่างใจดี“เจ้าเด็กน้อย เจ้าคิดว่าข้าเชื่อหรือไม่?”นางเผยให้เห็นรอยยิ้มที่มีเมตตา อ่อนโยน สุขุม เป็นมิตรและเข้าถึงง่ายรอยยิ้มนี้สะท้อนเข้าไปในดวงตาของเด็กหนุ่ม ทำให้ร่างกายเขาสั่นสะท้าน ทันใดนั้นยิ่งรู้สึกหนาวแล้ว…จบแล้วฉู่เชียนหลีไม่ได้เป็นคนหลอกง่ายทั้งหมดนี้ต้องโทษท่านน้า!ท่านน้าบอกว่ามีไม้ซ่อนอยู่บนตัวฉู่เชียนหลี มันส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาอย่างมาก หวังว่าเขาจะยอมเสียสละตนเองอย่างกล้าหันเพื่อความรักของเขาถ้าหากบอกฉู่เชียนหลี ทำลายความสัมพันธ์ของฉู่เชียนหลีกับท่านน้า เช่นนั้นเขาก็คือคนบาปแล้วหากไม่พูด ฉู่เชียนหลีก็จะเชือดเขาโผล่หัวหดหัวก็ต้องตาย!เชี่ย!ตอนที่หลิงเชียนอี้กำลังกลัดกลุ้ม สมองแล่นฉับพลัน “เป็นฝีมือของท่านน้าข้า!”“ท่านน้าบอกให้ข้าหาวิธีเอาขนาดของท่านมา เขาจะทำเสื้อผ้าให้ท่าน!”ข้ออ้างม
จิ่งอี้วิ่งไปมาอย่างเร่งรีบ หายใจหอบเล็กน้อย ใช้สองมือยื่นเสื้อผ้าให้ฉู่เชียนหลีฉู่เชียนหลีเพิ่งมา ยังไม่ได้พูดอะไรสักคำ เขาก็ส่งเสื้อผ้าที่สะอาดมาแล้วความรู้สึกที่ถูกคนเป็นห่วงมันดีจัง“จิ่งอี้ ขอบคุณมาก” นางใช้สองมือรับมองดูรอยยิ้มที่จริงใจของนาง และดวงตาที่สุกใสเป็นประกาย สวยเป็นพิเศษ แค่ปราดเดียว เขาก็ก้มศีรษะอย่างลนลาน กล่าวอย่างเขินอายเล็กน้อย“คุณหนู ท่านกล่าวหนักแล้ว ล้วนเป็นสิ่งที่ข้าสมควรทำ ถ้าจะพูดขอบคุณ ก็เป็นพวกเราที่ต้องขอบคุณท่าน มอบสถานที่พักให้พวกเราได้อยู่”ฉู่เชียนหลียิ้มแล้วยิ้มอีก จากนั้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เรือนส่วนหลังเปลี่ยนเสร็จ เดินออกมาหลังจากถามทุกคนถึงสถานการณ์ของช่วงนี้ ทุกอย่างดำเนินการอย่างเป็นระเบียบ จู่ๆ นางก็นึกถึงผู้สมัครพระชายารองรัชทายาท ผู้หญิงที่เงียบเป็นพิเศษที่เฟิงเย่เสวียนแนะนำไม่รู้เพราะเหตุใด แต่ชอบนึกถึงบ่อยๆนางครุ่นคิดแล้วกล่าว “จิ่งอี้ เจ้าไปช่วยข้าสืบคนคนหนึ่ง”จวนอ๋องเฉินเพราะไม้พระราชทานอันนั้น ตอนนี้เขาไม่กล้าขึ้นแม้แต่เตียงฉู่เชียนหลี เกิดความไม่พอใจอย่างมาก และสื่อสารกันไม่ดี จึงมอบหมายให้หลิงเชียงอี้ไปจัดการ ส่ว
ตอนที่ฉู่เชียนหลีกลับจวนก็เป็นเวลาพลบค่ำแล้ว“พระชายา ท่านอ๋องบอกว่าจะรอท่านกินข้าวเย็นพร้อมกัน ตอนนี้กำลังยุ่งอยู่กับงานราชการในห้องหนังสือขอรับ” พ่อบ้านพลางสั่งให้เหล่าคนรับใช้ยกอาหาร พลางพูด“บ่าวจะไปเรียกเดี๋ยวนี้ขอรับ”“ไม่ต้อง” ฉู่เชียนหลียังถือกล่องของขวัญในมือ มองดูอาหารที่หลากหลายบนโต๊ะ แล้วมองดูเชือกผูกอันประณีตในมือ นางเลิกคิ้วขึ้น “ข้าไปเรียกเอง”ไปที่ห้องหนังสือเพิ่งเดินเข้าเรือนหานเฟิง ก็เห็นประตูห้องหนังสือเปิดอยู่สามารถมองเห็นเฟิงเย่เสวียนนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานแต่ไกล เขาก้มตัวเล็กน้อย ในมือถือพู่กันที่เรียวยาวหนึ่งด้าม กําลังขยับเบาๆ ท่าทางที่จดจ่อนั้น แผ่เสน่ห์ที่ไร้ลักษณ์อยู่ตลอดเวลาภายใต้แสงเทียนอันอบอุ่น โครงหน้าของเขาอ่อนโยนลงสามส่วน ดวงตาทั้งคู่หลุบลง ขนตาที่ยาวและงอทิ้งเงาที่สวยงามไว้ ชุดผาวสีหมึกอันหรูหราราคาแพงลากพื้น ท่าทางที่หล่อเหลาราวกับภาพวาด ไม่ว่าผู้หญิงคนใดเห็นแล้วก็ต้องรู้สึกแน่นหน้าอกฉู่เชียนหลียืนอยู่ตรงที่เดิม มองไปทางเขาด้วยสายตาลึกซึ้งหากทิ้งบุญคุณความแค้นในอดีต เขาเป็นคนที่ยอดเยี่ยมมากจริงๆ อุทิศตนเพื่อประชาชน ฉลาดหลักแหลม ประสบความส
ฉู่เชียนหลีชมอย่างเต็มปาก ทำให้เฟิงเย่เสวียนปลื้มปีติอย่างยิ่ง พึงพอใจอย่างล้นหลามความตื่นเต้นเช่นนี้ ดีใจยิ่งกว่าชนะสงคราม พึงพอใจยิ่งกว่าได้รับคำชมจากฮ่องเต้ ได้รับการยอมรับจากประชาชน!ฉู่เชียนหลีวางกล่องของขวัญในมือลงบนโต๊ะ “ให้ท่าน”“ข้ามีของขวัญด้วย?”เขารีบวางภาพวาดลง ยกกล่องอันประณีตขึ้น ลูบลวดลายและเชือกผูกบนนั้นอย่างแผ่วเบา อยากเปิดดูจนแทบรอไม่ไหวแล้วดูท่าทางของเขาสิ ดวงตาเป็นประกาย เหมือนเด็กที่ได้รับลูกอมนี่ดูเหมือนจะเป็นครั้งแรกที่ฉู่เชียนหลีอยู่กับเฟิงเย่เสวียนได้อย่างกลมกลืนและเป็นมิตรเช่นนี้ แม้ว่าจะมาอย่างกะทันหัน แต่ไม่รู้สึกรังเกียจนางก้มศีรษะ เตะปลายรองเท้า กล่าวอย่างไม่ใส่ใจ“เจอระหว่างทางกลับ รู้สึกว่าค่อนข้างสวย ก็เลยซื้อมาด้วย ใช้เงินไม่กี่ตำลึง หากท่านไม่ชอบ ก็ให้หานเฟิงไปเถอะ”พูดจบ หมุนกายก็ไปเลย“ข้าไปกินข้าวแล้ว”เฟิงเย่เสวียนเงยหน้า มองแผ่นหลังที่เดินจากไปอย่างเร่งรีบของนาง ริมฝีปากบางโค้งงอ เจตนายิ้มในแววชัดเจนมากเห็นอยู่ว่าทั้งๆ ที่ตั้งใจเลือกให้เขา แต่กลับปากแข็งบอกว่าซื้อไปเรื่อยผู้หญิงปากไม่ตรงกับใจ…เขาวางกล่องของขวัญ ไปที่ห้องโถงห
“เจ้าค่ะ…”เยว่เอ๋อร์ถอนสายบัว เดินออกไปอย่างลังเล เดินหนึ่งก้าวหันกลับมามองสามครั้งอย่างไม่วางใจ หลังจากปิดประตู ยืนเฝ้าอยู่กลางลานเรือนโดยไม่กล้าไปไหนไกลภายในห้อง ทั้งคู่อยู่เพียงลำพังฉู่เชียนหลีปัดผมที่ข้างหูอย่างสงบ หางตาเหลือบมองเฟิงเย่เสวียน“เป็นบ้าอะไรอีก?”นางคุ้นชินกับนิสัยที่ดุร้ายไม่แน่นอนของเขาแล้ว วินาทีก่อนยังอารมณ์ดีอยู่เลย วินาทีต่อมาก็สามารถโกรธจนไฟลุก เปลี่ยนสีหน้าเรียกได้ว่าเหมือนกับพลิกหนังสือ นางถามตนเอง เหมือนว่าก็ไม่ได้ทำเรื่องอะไรที่ผิดต่อเขาเฟิงเย่เสวียนหน้าบึ้ง จ้องนางด้วยสายตาเย็นชา สายตาที่เฉียบคมเหมือนนกอินทรีราวกับจะมองทะลุนาง น้ำเสียงเยือกเย็น“ข้าเป็นบ้า?”ยกเท้าเดินไปข้างหน้า กลิ่นอายบีบคั้น “ฉู่เชียนหลี ไม่ใช่เจ้าหรอกหรือที่ดูหมิ่นข้า!”สิ้นเสียงตวาด เขาหยิบของสิ่งหนึ่งออกจากแขนเสื้อกางเกงเข้ารูปตัวน้อย…สีขาวเล็กมากจริงๆ…เดิมทีเฟิงเย่เสวียนกำลังอาบน้ำอย่างอารมณ์ดี หลังจากอาบน้ำเสร็จ เตรียมเปลี่ยนเป็นของขวัญที่ฉู่เชียนหลีซื้อมาด้วยตนเอง เมื่อหยิบเสื้อขึ้นมาดู พบว่ายังมีเสื้อกับกางเกงชั้นในด้วย เตรียมได้อย่างถี่ถ้วนมากขนาดของเสื้
อันธพาลเจ็บจนกรีดร้องเหมือนหมูโดนเชือด “อ๊ะๆ!”ยังไม่ทันได้พักหายใจ ก็โดนถีบจนไปกลิ้งอยู่บนพื้น รองเท้าปักลายดอกไม้เหยียบลงบนหน้าอก หนักจนทำให้เขาหายใจไม่ออก กระอักเลือดออกมา“พู่!”เขากอดต้นขาของอวิ๋นอิง อยากดิ้นให้หลุด แต่หาของอวิ๋นอิงกดทับอยู่บนร่างกายของเขาเหมือนเหล็กกล้า และเขาก็เหมือนกับปลาตัวหนึ่งที่ถูกตอกตะปูอยู่บนเขียง พยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แต่ก็ดิ้นไม่หลุดเจอผีแล้ว!ทั้งที่นางผอมเช่นนี้ เหตุใดจึงมีแรงมากเช่นนี้?ผู้หญิงคนนี้ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือ?ชาวบ้านก็ตะลึงเช่นกันอวิ๋นอิงอุ้มลูกสาวไว้ด้วยมือข้างเดียว ค่อยๆ ก้มลง ยกฝ่ามืออีกข้าง เหวี่ยงไปที่ใบหน้าของอันธพาลโดยตรง“ข้าสั่งให้เจ้าเก็บ”เพียะ!“ไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ?”เพียะ!“หูหนวกหรือ?”เพียะ!หนึ่งประโยค หนึ่งฝ่ามือ ตบจนอันธพาลหันซ้ายหันขวา มุมปากแตกมีเลือดไหล หูอื้อ สะบักสะบอมเหมือนสุนัขจรจัดตัวหนึ่ง ไม่หลงเหลือความฮึกเหิมของก่อนหน้านี้เลย“ลูกพี่!”ลิ่วล้อสามคนคว้าโต๊ะเก้าอี้และท่อนไม้ที่อยู่ข้างๆ ฟาดไปทางอวิ๋นอิงอย่างแรงอวิ๋นอิงกระโดนหมุนตัวเตะพวกเขาสามคนจนลอยกระเด็นออกไปไกลเจ็ดแปดเมตร โดยไม่หั
ตงหลิงเจียงหนาน ทำเนียบสามเดือนที่พระชายาจากไป อ๋องเฉินเอาแต่เก็บตัว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลก หานเฟิงต้องรับผิดชอบงานแทนทุกอย่าง เมื่อนานวันเข้า โลกภายนอกต่างกำลังคาดเดา จิตใจของอ๋องเฉินได้รับกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ล้มแล้วลุกไม่ขึ้น เกรงว่าเหลือเวลาอีกไม่นานแล้วช่วงนี้ ในที่สุดอาการบาดเจ็บของจิ่งอี้ก็ดีขึ้นแล้วอาการบาดเจ็บทางกระดูกหรือเส้นเอ็น ต้องรักษาอย่างน้อยหนึ่งร้อยวันในที่สุดกระดูกซี่โครงที่หักสองซี่ก็หายดีแล้ว สามารถขี่ม้าได้แล้ว ตอนนั้นเขาบอกว่าจะนำทัพกลับแคว้นซีอวี้ทันทีแต่ก่อนไป เขาถามเหมือนไม่ใส่ใจ“เหตุใดไม่เจอแม่นางอวิ๋นอิงเลย?”จ้านหูจริงจังขึ้นมาทันที เขาตอบ“องค์ชายใหญ่ ข้าจะส่งคนไปสืบเดี๋ยวนี้!”“ไม่ต้อง”หลังจากปฏิเสธอย่างเฉยเมย ปีนขึ้นหลังม้า ขี่ออกไปคนเดียวแล้วจ้านหู “?”หมายความว่าอย่างไร?ตอนที่องค์ชายใหญ่หมดสติ แม้อวิ๋นอิงบอกว่าไม่สนใจ แต่แอบมาเยี่ยมองค์ชายใหญ่ตอนดึกดื่นเวลาที่ไม่มีคนองค์ชายใหญ่ก็อีกคน ทั้งที่คิดถึงอวิ๋นอิง แต่ไม่ยอมรับในใจของพวกเขาสองคนล้วนมีอีกฝ่าย ลูกสาวก็อายุเกือบครึ่งขวบแล้ว เหตุใดไม่ลองเปิดใจสักนิดแล้วอยู่ด้วยกันเลย
คืนแรกที่มาถึงต่างโลก ฉู่เชียนหลีฝันในความฝัน นางอยู่บนสนามรบ สู้จนตัวตาย เลือดไหลเป็นแม่น้ำ น่าสลดใจนัก…ในความฝัน นางได้ต่อสู้ร่วมกับชายคนหนึ่งที่มองไม่เห็นใบหน้า ร่วมเป็นร่วมตาย และยังมีเสียงที่นุ่มนิ่มของเด็ก เรียก ‘ท่านแม่’ ครั้งแล้วครั้งเล่าในความฝัน ราวกับนางได้รับความอยุติธรรมครั้งใหญ่ หัวใจเจ็บปวด และพยายามอธิบายสุดชีวิต แต่พวกคนที่เรียกตัวเองว่า ‘ครอบครัว’ ไม่เชื่อนาง และยังบีบคั้นนางสู่เส้นทางที่สิ้นหวังในความฝัน…มีคนกำลังเรียกนาง‘เชียนหลี…เชียนหลี…’ฉึก!ฉู่เชียนหลีลืมตาฉับพลัน ท้องฟ้าข้างนอกสว่างแล้ว แสงแดดอุ่นๆ ยามเช้าสาดส่องเข้ามา สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของอากาศ สงบมากนางรู้สึกเวียนศีรษะ และแน่นหน้าอกราวกับนางอยู่ในความฝันอันยาวนานจริงๆนางได้รับความอยุติธรรมนางถูกคนในครอบครัวฆ่าตายแต่เหตุใดนางจำผู้ชายที่เรียกนาง และภาพที่เรียกนางว่า ‘ท่านแม่’ ไม่ได้เลย“องค์หญิง ท่านตื่นแล้ว”เมื่ออ้ายอ้ายได้ยินเสียง ถือกะละมังน้ำอุ่นกับเครื่องใช้เข้ามาปรนนิบัติฉู่เชียนหลีนวดขมับ อยู่ในอาการเหม่อลอย แขนขาอ่อนแรง ไม่มีแรงขยับ ดึงผ้าห่มออก ลงจากเตียง สวมรองเท้
สาวใช้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็รีบฝนหมึกอย่างเชื่อฟังมองดูองค์หญิงรีบหยิบพู่กัน เขียนอะไรบางอย่าง ท่าทางที่รีบร้อนนั่น เมื่อก่อนเวลาที่นังเป็นห่วงคุณชายเซิ่น ยังไม่รีบร้อนเช่นนี้เลยองค์หญิงกระโดดสระน้ำ หมดสติไปสามวัน หลังจากฟื้น ก็เปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย?นิสัยเปลี่ยนไปน้ำเสียงเปลี่ยนไปแต่เมื่อลองตั้งใจมอง องค์หญิงยังคงเป็นองค์หญิง ยังคงเป็นใบหน้าที่คุ้นเคยฉู่เชียนหลีเขียนอย่างรวดเร็ว…อ๋องเฉินเป็นอย่างไรบ้าง ข้าอยู่แคว้นหนานยวน…พลางเขียน พลางกล่าวอย่างรีบร้อน “รีบไปหาคน ช่วยข้าส่งจดหมายฉบับนี้ไปให้อ๋องเฉินที่ตงหลิงเจียงหนาน”นางอยากบอกความจริงกับเฟิงเย่เสวียน ต่อให้ตนลืมแล้ว แต่เฟิงเย่เสวียนจำนางได้เขาจะต้องมาหานางแน่นอนไม่ช้าก็เร็วสักวัน พวกเขาครอบครัวสี่คนจะอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา“อ๋องเฉินแห่งตงหลิงเจียงหนาน?”สาวใช้เกาศีรษะด้วยความสงสัย “องค์หญิง ท่านส่งจดหมายให้อ๋องเฉินทำไม? ท่านรู้จักอ๋องเฉินตั้งแต่เมื่อไร?”ฉู่เชียนหลีรีบกล่าว“อธิบายกับเจ้าไม่ได้ แต่ความสัมพันธ์ของข้ากับอ๋องเฉินไม่ธรรมดา…อ๋องเฉิน? อ๋องเฉินตงหลิง?”เงยหน้าฉับพลัน“ข้ารู้จักอ๋องเฉ
ทุกคน “...”สีหน้าฮ่องเต้หนานยวนดูไม่ดีนัก เซิ่ยซือเฉินเป็นแค่บัณฑิตคนหนึ่ง เพื่อบัณฑิตคนหนึ่ง ต้องทุ่มสุดตัวเช่นนี้เลย ต้องตื่นเต้นเช่นนี้เลย?ในฐานะองค์หญิง ไม่ควรมองให้ไกลกว่านี้หน่อยหรือ?เพื่อป้องกันจวินลั่วยวนทำร้ายตัวเอง เขาออกคำสั่ง มัดมือและเท้าของนางโดยตรงจวินลั่วยวนขยับไม่ได้แล้วเห็นท่าทางที่จะยิ้มไม่ยิ้มของฉู่เชียนหลี และยังเลิกคิ้วอย่างยั่วยุ นางโมโหจนแทบกัดลิ้นฆ่าตัวตายหลังจากเหตุการณ์ที่วุ่นวาย ไปจากตำหนักองค์หญิงฉู่เชียนหลีกับหลิงอี้ซิงเดินเคียงข้างกันจากไป เมื่ออารมณ์ดี จังหวะการเดินก็ผ่อนคลายเป็นพิเศษ อดไม่ได้ที่จะฮัมเพลงเบาๆฮัมไปฮัมมา จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าหลิงอี้ซิงเป็นผู้มีจิตใจเมตตา อุทิศตนให้กับความดีและคุณธรรมหยุดฝีเท้าหันไปถาม “ท่านพี่ ท่านน่าจะเห็นกระมัง ว่าข้าจงใจรังแกจวินลั่วยวน?”หลิงอี้ซิงเดินตามปกติ สายตามองไปข้างหน้า พยักหน้าอย่างเกียจคร้าน ตอบสั้นๆ เพียงคำเดียว“อืม”“ท่านไม่รู้สึกว่าข้านิสัยไม่ดีหรือ?”เขาหยุดเดินหันมามองนาง กล่าวอย่างจริงจัง “ที่เจ้ารังแกนาง นั่นก็ต้องเป็นเพราะนางล่วงเกินเจ้าก่อนแน่นอน ล้วนเป็นความผิดของนาง”เขาไ
“ยวนเอ๋อร์! ยวนเอ๋อร์!” ฮ่องเต้หนานยวนร้อนใจจนหน้าถอดสี “ใครก็ได้ ใครก็ได้รีบมาเร็ว ยวนเอ๋อร์เสียเลือดมากเกินไป หมดสติไปแล้ว!”จวินลั่วยวนที่ ‘เสียเลือดมากเกินไปจนหมดสติ’ “...”เจ้าน่ะสิที่เสียเลือดมากเกินไปเจ้าเสียเลือดมากเกินไปทั้งครอบครัว!หมอหลวงมาอย่างรวดเร็ว หลังจากทำแผลให้จวินลั่วยวนเสร็จ ถอนหายใจด้วยความกังวล “สามเดือนแล้ว ในที่สุดเอ็นขององค์หญิงก็เชื่อมต่อกัน คิดไม่ถึงว่าขาดอีกแล้ว ความพยายามในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาล้วนสูญเปล่า” ต่อจากนี้ก็ต้องใช้เวลาอีกสามเดือน เปิดบาดแผล บำรุงเอ็นทุกวันเมื่อฉู่เชียนหลีได้ยินคำนี้ เบ้าตาแดงฉับพลัน“ล้วนเป็นความผิดของข้า…”นางดึงชายเสื้อของหลิงอี้ซิง กล่าวเสียงสะอึก“ท่านพี่ ข้ามันไม่ดี ต้องเป็นเพราะเรื่องของคุณชายเซิ่นแน่ องค์โกรธข้า ไม่ชอบข้า จึงฟาดมือของตัวเองใส่เสา เพื่อเป็นการแสดงความรังเกียจต่อข้า”“ข้าทำร้ายนาง ฮือๆ…”หลิงอี้ซิงรักน้องสาว ทุกคนในแคว้นหนานยวนรู้เรื่องนี้แล้วฮ่องเต้หนานยวนกล่าวโทษนางได้อย่างไร?กลับกัน เขายังต้องขอร้องหลิงอี้ซิงทักษะการทำนายของหลิงอี้ซิงมีเพียงหนึ่งเดียวในใต้ฟ้า ตลอดหลายปีที่เขานั่งตำแหน
ระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน นางค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้เตียง จวินลั่วยวนนอนหลับแล้ว ไม่ได้เคลื่อนไหวเป็นเวลานาน หน้าซีดซูบผอม เหลือแต่หนังหุ้มกระดูกฉู่เชียนหลีเหลือบมองแวบหนึ่ง“เหตุใดข้อมือของนางยังมีเลือด?”สามเดือนแล้ว แผลยังไม่หาย?นางกำนัลที่อยู่ข้างๆ ตอบ“หมอหลวงบอกว่า จะใช้ยาพิเศษรักษาเอ็นมือและเท้าที่ขาดขององค์หญิง จำเป็นต้องเปิดแผล ขยับเอ็นที่ขาดไปรวมกันทุกวัน จนกระทั่งเชื่อมต่อกัน”“ฮืม?”ฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วด้วยความสนใจเช่นนี้ก็เท่ากับว่า จวินลั่วยวนต้องทนกับความเจ็บปวดที่ใช้มีดเปิดปากแผลทุกวันติดต่อกันสามเดือนเต็มๆ น่าสังเวชน่าจะเจ็บมากกระมัง?นางค่อยๆ นั่งลง จับข้อมือของจวินลั่วยวนเบาๆ มองผ้าพันแผลที่ถูกพันห้าหกรอบอย่างครุ่นคิดทันใดนั้นออกแรงกดที่นิ้ว“ซี้ด…!”จวินลั่วยวนเจ็บจนตื่น ลืมตาทันทีฉู่เชียนหลีรีบปล่อยมือ “โอ๊ย…ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจแตะตัวท่าน ดูท่านเจ็บมากเลยนะ ขอโทษจริงๆ”“!”หลินเหยี่ยมาอยู่ในตำหนักของนางได้อย่างไร?นางรังเกียจผู้หญิงคนนี้ที่สุด!อาศัยที่พี่ชายของตัวเองเป็นราชครู แสร้งทำเป็นช่วยเหลือชาวบ้าน ทำแต่ความดีทุกวัน มีแต่คนบอกว่าองค์หญ
เซิ่นสือเฉิน “?”เหตุใดวันนี้รู้สึกว่าหลิงเหยี่ยแปลกๆ?เมื่อก่อนนางชอบเขามากเลยไม่ใช่หรือ? เวลาที่เขาอ่านหนังสือ นางชอบมาอยู่ข้างๆ ฝนหมึกพัดลมให้เขา เวลาที่เขาเขียนหนังสือ นางชอบแอบที่นอกหน้าต่าง จับจิ้งหรีดเล่น เวลาที่เขางีบหลับ นางมักจะชงชาหิมะชั้นดีมาให้เขานางยังบอกว่าจะแต่งงานกับเขาคนเดียวเหตุใดแค่วันเดียว ก็ปล่อยวางได้แล้ว?“องค์หญิงหลิง ข้าขอโทษ” เขากล่าวอย่างรู้สึกผิดที่จริงเขาก็ชอบหลิงเหยี่ยเช่นกัน แต่องค์หญิงยวนบอกเขาว่าหลิงเหยี่ยนิสัยไม่ดี ชอบรังแกคนรับใช้ หาเรื่องชาวบ้าน ใส่ร้ายโยนความผิดให้ผู้อื่นด้วยวิธีที่น่ารังเกียจ และทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายเขาเป็นคนเรียนหนังสือ นิสัยซื่อตรง ไม่สามารถยอมรับคนที่จิตใจอำมหิตอย่างหลิงเหยี่ยเมื่อเปรียบเทียบกัน เขาชอบจวินลั่วยวนที่ไร้เดียงสา จิตใจดี และร่าเริงมากกว่า“เมื่อก่อนท่านส่งข้าเรียนหนังสือ ช่วยข้าหาอาจารย์ ใช้เส้นสาย ทำให้ข้าสอบติดขุนนาง…บุญคุณส่วนนี้ ข้า ข้าทำได้เพียงตอบแทนท่านชาติหน้าแล้ว…”ฉู่เชียนหลียิ้มอย่างอ่อนโยน“ไม่เป็นไร แค่เรื่องเล็กน้อย”“ได้ยินมาว่าองค์หญิงยวนได้รับบาดเจ็บ พวกเราเข้าวังไปดูนางกันเ
องค์หญิง?คุณชายเซิ่น?ฉู่เชียนหลีไม่ได้รับความทรงจำใดๆ เพิ่งมาที่นี่ครั้งแรก สับสนและงงงวยเล็กน้อยยังไม่ทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีเสียงฝีเท้าที่ยุ่งเหยิงและเสียงต่อต้านดังมาจากนอกประตู “ใต้เท้าหลิง! ใต้เท้าหลิง ต่อให้ท่านบีบคั้นข้าจนตาย ข้าก็ไม่แต่งงานกับนาง!”“ตั้งแต่ต้นจนจบ ในใจข้ามีเพียงองค์หญิงยวนเอ๋อร์เท่านั้น!”ยวนเอ๋อร์?องค์หญิง?ฉู่เชียนหลีเงยหน้ามองไป เห็นชายหนุ่มสวมชุดเพ้าสีขาวและที่ครอบผมหยก กำลังลากผู้ชายที่ท่าทางสุภาพเหมือนคนเรียนหนังสือเข้ามานางตระหนักถึงบางอย่าง รีบดึงสาวใช้ที่อยู่ข้างกายมาถามเบาๆ“ที่นี่คือแคว้นหนานยวน?”สาวใช้ “?”องค์หญิงเป็นอะไรไป?เหตุใดถามคำถามเช่นนี้?“องค์หญิง ท่าน…”“อย่าพูดไร้สาระ ตอบข้า!”สาวใช้ตกใจ รีบกล่าว “ท่านคือหลิงเหยี่ย องค์หญิงต่างแซ่ของแคว้นหนานยวน ใต้เท้าคือมหาราชครูของแคว้นหนวนยวน เป็นพี่ชายแท้ๆ ของท่าน เพราะใต้เท้าชำนาญการทำนาย เคยช่วยแคว้นสามครั้ง สร้างคุณประโยชน์มากมาย ท่านจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์หญิงต่างแซ่…”คำพูดที่เหลือ ฉู่เชียนหลีมองข้ามโดยตรงสิ่งเดียวที่นางคิดคือ นางถูกส่งมาเป็นองค์หญิงต่างแซ่ อีกท