ไม่มีความคิดชั่วๆ?ตั้งแต่ออกมาจากจวนอ๋องเฉิน เขาก็เกลี้ยกล่อมนางให้เปลี่ยนและซื้อเสื้อผ้าไม่หยุด เมื่อครู่ยังคิดจะถีบนางตกน้ำ บีบให้นางจำเป็นต้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ยังกล้าบอกว่าตนเองไม่มีความคิดชั่วๆ?ฉู่เชียนหลีมองดูเขาที่อยู่ในน้ำอย่างยิ้มแย้ม ถามอย่างใจดี“เจ้าเด็กน้อย เจ้าคิดว่าข้าเชื่อหรือไม่?”นางเผยให้เห็นรอยยิ้มที่มีเมตตา อ่อนโยน สุขุม เป็นมิตรและเข้าถึงง่ายรอยยิ้มนี้สะท้อนเข้าไปในดวงตาของเด็กหนุ่ม ทำให้ร่างกายเขาสั่นสะท้าน ทันใดนั้นยิ่งรู้สึกหนาวแล้ว…จบแล้วฉู่เชียนหลีไม่ได้เป็นคนหลอกง่ายทั้งหมดนี้ต้องโทษท่านน้า!ท่านน้าบอกว่ามีไม้ซ่อนอยู่บนตัวฉู่เชียนหลี มันส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาอย่างมาก หวังว่าเขาจะยอมเสียสละตนเองอย่างกล้าหันเพื่อความรักของเขาถ้าหากบอกฉู่เชียนหลี ทำลายความสัมพันธ์ของฉู่เชียนหลีกับท่านน้า เช่นนั้นเขาก็คือคนบาปแล้วหากไม่พูด ฉู่เชียนหลีก็จะเชือดเขาโผล่หัวหดหัวก็ต้องตาย!เชี่ย!ตอนที่หลิงเชียนอี้กำลังกลัดกลุ้ม สมองแล่นฉับพลัน “เป็นฝีมือของท่านน้าข้า!”“ท่านน้าบอกให้ข้าหาวิธีเอาขนาดของท่านมา เขาจะทำเสื้อผ้าให้ท่าน!”ข้ออ้างม
จิ่งอี้วิ่งไปมาอย่างเร่งรีบ หายใจหอบเล็กน้อย ใช้สองมือยื่นเสื้อผ้าให้ฉู่เชียนหลีฉู่เชียนหลีเพิ่งมา ยังไม่ได้พูดอะไรสักคำ เขาก็ส่งเสื้อผ้าที่สะอาดมาแล้วความรู้สึกที่ถูกคนเป็นห่วงมันดีจัง“จิ่งอี้ ขอบคุณมาก” นางใช้สองมือรับมองดูรอยยิ้มที่จริงใจของนาง และดวงตาที่สุกใสเป็นประกาย สวยเป็นพิเศษ แค่ปราดเดียว เขาก็ก้มศีรษะอย่างลนลาน กล่าวอย่างเขินอายเล็กน้อย“คุณหนู ท่านกล่าวหนักแล้ว ล้วนเป็นสิ่งที่ข้าสมควรทำ ถ้าจะพูดขอบคุณ ก็เป็นพวกเราที่ต้องขอบคุณท่าน มอบสถานที่พักให้พวกเราได้อยู่”ฉู่เชียนหลียิ้มแล้วยิ้มอีก จากนั้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เรือนส่วนหลังเปลี่ยนเสร็จ เดินออกมาหลังจากถามทุกคนถึงสถานการณ์ของช่วงนี้ ทุกอย่างดำเนินการอย่างเป็นระเบียบ จู่ๆ นางก็นึกถึงผู้สมัครพระชายารองรัชทายาท ผู้หญิงที่เงียบเป็นพิเศษที่เฟิงเย่เสวียนแนะนำไม่รู้เพราะเหตุใด แต่ชอบนึกถึงบ่อยๆนางครุ่นคิดแล้วกล่าว “จิ่งอี้ เจ้าไปช่วยข้าสืบคนคนหนึ่ง”จวนอ๋องเฉินเพราะไม้พระราชทานอันนั้น ตอนนี้เขาไม่กล้าขึ้นแม้แต่เตียงฉู่เชียนหลี เกิดความไม่พอใจอย่างมาก และสื่อสารกันไม่ดี จึงมอบหมายให้หลิงเชียงอี้ไปจัดการ ส่ว
ตอนที่ฉู่เชียนหลีกลับจวนก็เป็นเวลาพลบค่ำแล้ว“พระชายา ท่านอ๋องบอกว่าจะรอท่านกินข้าวเย็นพร้อมกัน ตอนนี้กำลังยุ่งอยู่กับงานราชการในห้องหนังสือขอรับ” พ่อบ้านพลางสั่งให้เหล่าคนรับใช้ยกอาหาร พลางพูด“บ่าวจะไปเรียกเดี๋ยวนี้ขอรับ”“ไม่ต้อง” ฉู่เชียนหลียังถือกล่องของขวัญในมือ มองดูอาหารที่หลากหลายบนโต๊ะ แล้วมองดูเชือกผูกอันประณีตในมือ นางเลิกคิ้วขึ้น “ข้าไปเรียกเอง”ไปที่ห้องหนังสือเพิ่งเดินเข้าเรือนหานเฟิง ก็เห็นประตูห้องหนังสือเปิดอยู่สามารถมองเห็นเฟิงเย่เสวียนนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานแต่ไกล เขาก้มตัวเล็กน้อย ในมือถือพู่กันที่เรียวยาวหนึ่งด้าม กําลังขยับเบาๆ ท่าทางที่จดจ่อนั้น แผ่เสน่ห์ที่ไร้ลักษณ์อยู่ตลอดเวลาภายใต้แสงเทียนอันอบอุ่น โครงหน้าของเขาอ่อนโยนลงสามส่วน ดวงตาทั้งคู่หลุบลง ขนตาที่ยาวและงอทิ้งเงาที่สวยงามไว้ ชุดผาวสีหมึกอันหรูหราราคาแพงลากพื้น ท่าทางที่หล่อเหลาราวกับภาพวาด ไม่ว่าผู้หญิงคนใดเห็นแล้วก็ต้องรู้สึกแน่นหน้าอกฉู่เชียนหลียืนอยู่ตรงที่เดิม มองไปทางเขาด้วยสายตาลึกซึ้งหากทิ้งบุญคุณความแค้นในอดีต เขาเป็นคนที่ยอดเยี่ยมมากจริงๆ อุทิศตนเพื่อประชาชน ฉลาดหลักแหลม ประสบความส
ฉู่เชียนหลีชมอย่างเต็มปาก ทำให้เฟิงเย่เสวียนปลื้มปีติอย่างยิ่ง พึงพอใจอย่างล้นหลามความตื่นเต้นเช่นนี้ ดีใจยิ่งกว่าชนะสงคราม พึงพอใจยิ่งกว่าได้รับคำชมจากฮ่องเต้ ได้รับการยอมรับจากประชาชน!ฉู่เชียนหลีวางกล่องของขวัญในมือลงบนโต๊ะ “ให้ท่าน”“ข้ามีของขวัญด้วย?”เขารีบวางภาพวาดลง ยกกล่องอันประณีตขึ้น ลูบลวดลายและเชือกผูกบนนั้นอย่างแผ่วเบา อยากเปิดดูจนแทบรอไม่ไหวแล้วดูท่าทางของเขาสิ ดวงตาเป็นประกาย เหมือนเด็กที่ได้รับลูกอมนี่ดูเหมือนจะเป็นครั้งแรกที่ฉู่เชียนหลีอยู่กับเฟิงเย่เสวียนได้อย่างกลมกลืนและเป็นมิตรเช่นนี้ แม้ว่าจะมาอย่างกะทันหัน แต่ไม่รู้สึกรังเกียจนางก้มศีรษะ เตะปลายรองเท้า กล่าวอย่างไม่ใส่ใจ“เจอระหว่างทางกลับ รู้สึกว่าค่อนข้างสวย ก็เลยซื้อมาด้วย ใช้เงินไม่กี่ตำลึง หากท่านไม่ชอบ ก็ให้หานเฟิงไปเถอะ”พูดจบ หมุนกายก็ไปเลย“ข้าไปกินข้าวแล้ว”เฟิงเย่เสวียนเงยหน้า มองแผ่นหลังที่เดินจากไปอย่างเร่งรีบของนาง ริมฝีปากบางโค้งงอ เจตนายิ้มในแววชัดเจนมากเห็นอยู่ว่าทั้งๆ ที่ตั้งใจเลือกให้เขา แต่กลับปากแข็งบอกว่าซื้อไปเรื่อยผู้หญิงปากไม่ตรงกับใจ…เขาวางกล่องของขวัญ ไปที่ห้องโถงห
“เจ้าค่ะ…”เยว่เอ๋อร์ถอนสายบัว เดินออกไปอย่างลังเล เดินหนึ่งก้าวหันกลับมามองสามครั้งอย่างไม่วางใจ หลังจากปิดประตู ยืนเฝ้าอยู่กลางลานเรือนโดยไม่กล้าไปไหนไกลภายในห้อง ทั้งคู่อยู่เพียงลำพังฉู่เชียนหลีปัดผมที่ข้างหูอย่างสงบ หางตาเหลือบมองเฟิงเย่เสวียน“เป็นบ้าอะไรอีก?”นางคุ้นชินกับนิสัยที่ดุร้ายไม่แน่นอนของเขาแล้ว วินาทีก่อนยังอารมณ์ดีอยู่เลย วินาทีต่อมาก็สามารถโกรธจนไฟลุก เปลี่ยนสีหน้าเรียกได้ว่าเหมือนกับพลิกหนังสือ นางถามตนเอง เหมือนว่าก็ไม่ได้ทำเรื่องอะไรที่ผิดต่อเขาเฟิงเย่เสวียนหน้าบึ้ง จ้องนางด้วยสายตาเย็นชา สายตาที่เฉียบคมเหมือนนกอินทรีราวกับจะมองทะลุนาง น้ำเสียงเยือกเย็น“ข้าเป็นบ้า?”ยกเท้าเดินไปข้างหน้า กลิ่นอายบีบคั้น “ฉู่เชียนหลี ไม่ใช่เจ้าหรอกหรือที่ดูหมิ่นข้า!”สิ้นเสียงตวาด เขาหยิบของสิ่งหนึ่งออกจากแขนเสื้อกางเกงเข้ารูปตัวน้อย…สีขาวเล็กมากจริงๆ…เดิมทีเฟิงเย่เสวียนกำลังอาบน้ำอย่างอารมณ์ดี หลังจากอาบน้ำเสร็จ เตรียมเปลี่ยนเป็นของขวัญที่ฉู่เชียนหลีซื้อมาด้วยตนเอง เมื่อหยิบเสื้อขึ้นมาดู พบว่ายังมีเสื้อกับกางเกงชั้นในด้วย เตรียมได้อย่างถี่ถ้วนมากขนาดของเสื้
ขณะที่ศีรษะนางกำลังจะกระแทกประตู ประตูถูกเปิดออกจากด้านในฉับพลัน เงาสีหมึกอันสูงศักดิ์สายหนึ่งเดินออกมาแตกต่างจากตอนมาราวกับเป็นคนละคนโดยสิ้นเชิง ตอนมา เมฆหนาปลุกคุม ลมฝนกำลังจะมาตอนไป สายลมฤดูใบไม้ผลิปะทะหน้า อิ่มเอมเป็นพิเศษเยว่เอ๋อร์ “?”นางตะลึงงันโดยตรง ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ภายใต้ความเป็นห่วง รีบวิ่งเข้าไปในห้อง “พระชายา ท่านไม่เป็นอะไร…”เมื่อเห็นใบหน้าที่แดงก่ำของพระชายา ดวงตาเยว่เอ๋อร์เบิกกว้างทันทีสวรรค์!ท่านอ๋องทุบตีพระชายาอย่างรุนแรงภายใต้ความโกรธ ถึงตบหน้าพระชายาจนแดง!พลันเบ้าตานางแดง พุ่งเข้าไปข้างเตียงอย่างปวดใจ “ท่านอ๋องเขาทำกับท่านเช่นนี้ได้อย่างไร! เขาทำลงไปได้อย่างไร จิตใจเขาโหดเหี้ยมมาก!”ร้องไห้อย่างเจ็บปวด!“พระชายา พระชายาที่น่าสงสารของข้า! หรือไม่พวกเราไปจากที่นี่เถอะ!”ฉู่เชียนหลีกระแอมเสียงเบาอย่างกระอักกระอ่วนแค่ก!มือเล็กจับผ้าห่ม คลุมขึ้นข้างบนเล็กน้อย หดคอเข้าไปในผ้าห่มทั้งหมด กล่าวเสียงเบา“คือว่า…เยว่เอ๋อร์ เจ้าอย่าเพิ่งร้อนใจ ข้าไม่เป็นอะไร นี่ก็ดึกแล้ว เจ้ารีบไปพักผ่อนเถอะ นะ ไปเถอะ ไปเถอะ”เยว่เอ๋อร์เย็นวูบในใจเหตุใดจู่ๆ พ
เฟิงเย่เสวียนสวมชุดผาวผ้าแพรสีเสี้ยวจันทร์ ทำให้เค้าโครงส่วนเอวสูงยาว เท้าเหยียบรองเท้าผ้าแพร เอวห้อยจี้หยก ผมสีหมึกรวบสูง มีกลิ่นอายแห่งความสูงศักดิ์ที่ไม่อาจเอื้อมแผ่ซ่านรอบตัว ในความหนักแน่น เผยให้เห็นความเฉียบคมสามส่วน ระหว่างความอ่อนโยน ก็ไม่ขาดความเย่อหยิ่งที่เฉยเมยราวกับเป็นเทพบุตรที่เดินออกมาจากภาพวาด เย่อหยิ่งมีเสน่ห์ไร้ที่ติบรรดาสาวใช้ต่างก็มองกันตาค้าง ดวงตาที่ชื่นชมเป็นประกายราวกับพระอาทิตย์บนท้องฟ้า“ท่านอ๋องงามนัก…”“สวรรค์! นี่คือท่านอ๋องจริงหรือ?”“ตั้งแต่ข้าเข้าจวนมาห้าปี ไม่เคยเห็นท่านอ๋องใส่ชุดสีขาว ก่อนหน้านี้คิดว่าไม่เหมาะ คิดไม่ถึงว่าพอท่านอ๋องใส่แล้ว กลับยิ่งมีเสน่ห์มากขึ้น”ตอนใส่ชุดผาวสีหมึก กลิ่นอายบีบคั้น เย็นชาหยิ่งผยองตอนใส่ชุดสีขาว ลดกลิ่นอายที่บีบคั้นส่วนนั้นไปหลายส่วน และมีความรู้สึกนุ่มนวลเพิ่มขึ้นพ่อบ้านก็ปรบมือตามด้วย ประจบสอพลอทั้งเร็วและแม่น “นี่เป็นชุดที่พระชายาเลือกด้วยมือตัวเอง มีหรือที่สายตาพระชายาจะไม่เฉียบแหลม?”บรรดาบ่าวไพร่ได้ยินแล้ว พากันยกหัวแม่มือ“สวยมาก!”“สายตาของพระชายาหาใช่ที่พวกเราจะเทียบ!”“ข้าโตจนป่านนี้แล้ว ไม่เคย
การคัดเลือกพระชายารองของรัชทายาทในวันนี้ถูกจัดขึ้นในวังหลวง สมาชิกราชวงศ์ทุกคนเข้าร่วม เป็นไปอย่างคึกคักเช้าตรู่นอกประตูวัง มีรถมาจอดอยู่ตรงนั้นห้าหกคัน หลังลงจากรถม้า จะมีขันทีพาเข้าไป เดินผ่านถนนสายยาวของวัง ไปถึงอุทยานหลวงที่ได้รับการจัดอย่างพิถีพิถัน ท่ามกลางแสงแดดที่กำลังดี จัดการคัดเลือกของวันนี้ในอุทยานหลวงที่ดอกไม้บานสะพรั่ง เหล่าคุณหนูชนชั้นสูงที่เข้าร่วมได้สวมเสื้อผ้าที่สวยที่สุด และแสดงกิริยาท่าทางที่งดงามที่สุดออกมา รออยู่ที่นี่นานแล้วเฟิงเย่เสวียนพาฉู่เชียนหลีมาถึง ก็มีคนเข้ามาทักทายทันที“เจ้าเจ็ดมาแล้ว” รัชทายาทเดินเข้ามาอย่างยิ้มแย้ม ทว่าเดินผ่านข้างกายคนทั้งสอง ไม่รอให้ตอบกลับก็ไปเลยเห็นได้ชัดว่าไม่ให้เกียรติฉู่เชียนหลีก็ไม่ได้คิดจะทักทายรัชทายาท มองข้ามเขาโดยตรง ราวกับมองไม่เห็น นางหันหน้าไปอีกด้านหนึ่งเห็นอ๋องหลีพอดีที่บังเอิญคืออ๋องหลีก็เงยหน้าขึ้นสายตาของทั้งสองประสานกันกลางอากาศ หยุดนิ่งไปสองวินาทีผ่านไปครู่หนึ่งฉู่เชียนหลีเอียงศีรษะ พยักหน้าเล็กน้อย ถือเป็นการทักทายเฟิงเจิ้งหลีหยิบจอกเหล้าหยกขาว ชูขึ้นแล้วดื่มหมดจอก ถือเป็นการตอบกลับฉู่
ทุกคนรออยู่ที่นอกประตูเมือง เฟิงเย่เสวียนขี่ม้าเข้าไปใกล้ สายตาจ้องฉู่เชียนหลีอย่างลึกซึ้งหลายวินาทีฉู่เชียนหลียิ้มระหว่างทั้งสองคน คำพูดมากมายไม่จำเป็นต้องพูด แค่สบตากัน ก็สามารถเข้าใจกันแล้วผ่านไปครู่หนึ่งเขาถอนสายตากลับ กระตุกม้าให้หยุดลง โน้มกายและเอื้อมมือไปรับลูก“ส่งเขาให้ข้า”เฟิงเจิ้งหลียิ้มได้อ่อนโยนมาก ก้าวไปข้างหน้าครึ่งก้าวอย่างเชื่อฟัง ยกมือทั้งสองข้างขึ้นเล็กน้อย ส่งเด็กที่อยู่ในมือออกไป“น้องเจ็ด เดินทางปลอดภัย”เขาเน้นเสียงคำว่า ‘ปลอดภัย’ เป็นพิเศษ เหมือนมีความหมายที่ลึกซึ้งซ่อนอยู่อ๋องเฉินยื่นมือออกมาแล้ว ขณะที่กำลังจะสัมผัสโดนเด็ก เฟิงเจิ้งหลีปล่อยมือกะทันหันทันใดนั้นเด็กสูญเสียแรงยึดเหนี่ยว ร่วงลงไปโดยตรง!“จื่อเยี่ย!”พลันเฟิงเย่เสวียนแน่นหน้าอก กระโดดลงจากม้าด้วยความเร็วที่เร็วที่สุด ก็เห็นอ๋องหลีรับเด็กไว้แล้ว และก็เพราะพริบตาที่เขาเผลอนี้ จึงถูกธนูลับดอกหนึ่งยิงเข้าที่สะบักฉึก…“อาเฉิน!”“ท่านอ๋อง!”เหตุการณ์เกิดขึ้นกะทันหัน ไม่มีใครรับมือทันเวลาเฟิงเจิ้งหลีใช้มือซ้ายอุ้มเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ย มือขวาจับตัวฉู่เชียนหลี ถอยหลังเจ็ดแปดก้าว ขณะ
เฟิงเย่เสวียนเดินออกมาข้างหน้าหนึ่งก้าว “ปล่อยฉู่เชียนหลีกับเด็ก ข้าอยู่เอง เจ้าจับฉู่เชียนหลีไม่มีประโยชน์ มีเพียงจับข้าเท่านั้น เจ้าจึงจะสามารถนั่งราชบัลลังก์ได้อย่างมั่นคง”เฟิงเจิ้งหลีเย้ยหยัน“อย่ามาต่อรองกับข้า ข้ายอมถอยให้แล้ว ถ้าหากยังได้คืบจะเอาศอก ข้าไม่ถือสาที่จะพินาศไปพร้อมกัน”ฉู่เชียนหลีรีบถอยกลับมาจับข้อมือเฟิงเย่เสวียน กล่าวเสียงเบา “เจ้าพาจื่อเยี่ยไป!”“เชียนหลี…”“คนที่เขาต้องการคือข้า มีเพียงเจ้าไปและมีชีวิตรอดต่อไปเท่านั้น จึงจะมีโอกาสพลิกสถานการณ์ จื่อเยี่ยไปแล้ว ข้าจึงจะวางใจ ถึงเวลานั้น เขาก็ไม่มีข้อได้เปรียบอีก และไม่จำเป็นต้องกลัวเขาอีกแล้ว” ฉู่เชียนหลีวิเคราะห์เบาๆ อย่างฉับไวเฟิงเจิ้งหลีไม่มีทางฆ่านางใช้นางคนเดียว แลกกับความปลอดภัยของจื่อเยี่ย แลกกับความปลอดภัยของทุกคน อย่างไรก็ดีกว่าสู้กันตายไปข้างหนึ่ง เลือดนองเหมือนแม่น้ำไม่ใช่ว่านางจะถูกขังอยู่ในเมืองหลวงตลอดไปตราบใดที่ยังมีชีวิต ก็มีโอกาสเฟิงเย่เสวียนรู้ผลได้ผลเสียในนี้ เด็กคนนี้อย่างไรก็ต้องช่วย แต่เขาจะทิ้งฉู่เชียนหลีไว้คนเดียวได้อย่างไร“เชียนหลี ข้ามันไร้ประโยชน์”“ข้าไม่อนุญาตให้เจ
เมื่อพรรคของอ๋องหลีได้ยินเช่นนี้ ก็กลัวทันทีดูท่าทีของพระชายาอ๋องเฉิน นี่กำลังจะเปิดฉากสังหารครั้งใหญ่ในวังชัดๆ!ฆ่าคนติดต่อกันสองคน ไม่กระพริบตาแม้แต่ทีเดียวเลือดกระเซ็นโดนใบหน้า ก็เย็นเฉียบท่าทางที่ชั่วร้ายเหมือนปีศาจนั่น ทำให้ขุนนางหลายคนเกิดความกลัว ลองถามคนทั่วหล้า จะมีสักกี่คนที่ไม่กลัว? อยู่ต่อหน้าความเป็นความตาย ทุกคนล้วนเห็นแก่ตัวพวกเขาไม่อยากตายขุนนางคนหนึ่งกลัวจนพูดติดอ่าง“อ๋อง อ๋องหลี…อย่างไรเด็กที่อยู่ในมือท่านก็เป็นพระนัดดาองค์โต เป็นสายเลือดของราชวงศ์ ถ้าหากฆ่าเขา ในวันข้างหน้า มลทินของท่านจะถูกบันทึกไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์ เกรงว่าจะถูกคนรุ่นหลังด่าทอต่อๆ กันเป็นหมื่นปี”ขุนนางอีกคนก็กล่าวเสียงสั่น“อ๋องเฉินโปรดพิจารณา…”ถ้าหากสู้กันจริงๆ พวกเขาสู้ไม่ไหวอ๋องเฉินมีฮ่องเต้หนุนหลัง มีกองทัพ มีกำลังทหาร อ๋องเฉินเป็นฝ่ายได้เปรียบทุกด้านในมืออ๋องหลี นอกจากพระนัดดาองค์โต ก็ไม่มีเบี้ยอย่างอื่นแล้ว อีกทั้ง ทหารรักษาพระองค์ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ทหารองครักษ์เงาของอ๋องเฉินเมื่อไรที่สู้กัน พวกเขาจะตายกันหมดไม่จำเป็นต้องตายไปครั้งหนึ่ง บางครั้ง เมื่อเห็นว่าพอแล้วก
เฟิงเย่เสวียนแค่ขมวดคิ้วทีหนึ่ง ก็ข่มความเจ็บปวดนี้ลงไปผู้บัญชาการจางฟาดอย่างดุร้ายลองคิดดูเขาที่เป็นขุนนางคนหนึ่ง สามารถใช้แส้ฟาดองค์ชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด นี่เป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจเพียงใด พูดคำนี้ออกไป เขาสามารถอวดสามสิบปียิ่งฟาดยิ่งรู้สึกสนุก ยิ่งฟาดยิ่งแรงเพี๊ยะ!เพี๊ยะๆๆ!ทุกคนร้อนใจจนกระทืบเท้า แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไป อ๋องหลีบ้าไปแล้ว เขาไม่ใช่อ๋องหลีที่เข้าถึงได้ง่ายอีกแล้ว!ฉู่เชียนหลีเพิ่งคิดจะกระโจนเข้าไป ก็ถูกอ๋องหลีสั่งให้คนคุมตัวไปยืนอยู่ข้างๆ บังคับให้นางมองดูต่อหน้าต่อตา“ฉู่เชียนหลี ข้าเคยบอกแล้ว เจ้าจะต้องเสียใจ คนไร้ประโยชน์อย่างเฟิงเย่เสวียน แม้แต่ลูกชายก็ปกป้องไม่ได้ มีประโยชน์อะไร”แววตาเฟิงเจิ้งหลีเปล่งแสงที่บ้าคลั่ง“เขาเป็นแค่คนไร้ประโยชน์ ฝ่าบาทจะให้ความสำคัญกับคนไร้ประโยชน์เช่นนี้ได้อย่างไร? ฉู่เชียนหลี เจ้าว่าเจ้าตาบอดใช่หรือไม่? เจ้าดูสภาพที่สะบักสะบอมของเขาตอนนี้ เหมือนสุนัขตัวหนึ่ง เจ้าก็ยังชอบเขา เช่นนั้นเจ้าก็เป็นสุนัขตัวเมียที่แพศยา”เขายิ้มอย่างชั่วร้าย สิ่งที่พูดออกมายิ่งไม่น่าฟังทุกคนตาแดง อยากพุ่งเข้าไปสับอ๋องหลีเป็นชิ้นๆ เสีย
ผู้ชายที่ร่างกายสูงใหญ่งอหัวเข่า คุกเข่าอยู่ตรงหน้าอ๋องหลีอย่างตั้งตรง แม้อยู่ต่ำกว่า แต่ความสูงศักดิ์ที่แผ่ซ่านออกมาจากกระดูก ไม่ลดน้อยลงเลยสักนิดตลอดหลายปีที่ผ่านมา นอกจากคุกเข่าให้ฮ่องเต้และบรรพชน พวกเขาไม่เคยเห็นอ๋องเฉินคุกเข่าให้ใครเฟิงเจิ้งหลีเห็นดังนี้ แหงนหน้าหัวเราะ“ฮ่าๆๆ!”คิดไม่ถึงจริงๆ เขาจะมีวันนี้ด้วยลูกชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด แพ้ให้กับลูกชายที่ไม่โปรดปรานที่สุด ไม่สะดุดตาที่สุด และยังถูกทุกคนรังแก ความรู้สึกที่อยู่เหนือกว่าเช่นนี้ ทำให้ในใจเขาสาแก่ใจจริงๆ“ฮ่าๆๆๆ เฟิงเย่เสวียน เจ้าก็มีวันนี้ด้วย!”หัวเราะเสร็จ เขารู้สึกว่าความเย่อหยิ่งของอ๋องเฉินมันขัดตาทั้งๆ ที่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบจนต้องคุกเข่า เหตุใดยังอวดดีหยิ่งผยองเช่นนี้?เขาออกคำสั่ง “ก้มหัวเจ้าลงไป”เฟิงเย่เสวียนเม้มปาก ก้มศีรษะลงเขาออกคำสั่งอีกครั้ง “โขกศีรษะ!”“อ๋องหลี ท่านอย่ารังแกให้มันมากนัก! ท่านกับท่านอ๋องของเราเป็นคนรุ่นเดียวกัน ท่านรับการโขกหัวจากเขาไม่ได้! ไม่กลัวบรรพชนรู้แล้ว อายุสั้นหรือ!” พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความโกรธเพิ่งกล่าวจบ ก็ถูกผู้บัญชาการจางถีบจนล้มลงพื้นหลังจากล้มลง ก
“ปล่อยคนของเจ้าแล้ว เจ้าเป็นอิสระแล้ว คืนลูกให้ข้า” ฉู่เชียนหลีจ้องเขาเฟิงเจิ้งหลีเหลือบมองเด็กน้อยในอ้อมแขน ท่าทางที่ร้องไห้จนหน้าแดง เห็นแล้วปวดใจนักคิดว่าแค่นี้ก็จบแล้วหรือ?เขายิ้ม“ฉู่เชียนหลี เหมือนเจ้าจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์นะ?”“?”“……”“เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาต่อรองกับข้า? เด็กอยู่ในมือข้า เป็นหรือตายขึ้นอยู่กับข้า ถึงคราวที่เจ้าต้องมาสอนข้าทำงานตั้งแต่เมื่อไร?”สีหน้าฉู่เชียนหลีเคร่งขรึมทันทีเห็นได้ชัด เขาได้คืบจะเอาศอก“เจ้ายังต้องการอะไรอีก?”“ข้าหรือ” เขาเงยหน้าด้วยรอยยิ้ม กวาดมองทุกคน และตำหนักอันหรูหราหลังนี้ วังหลวงที่กว้างใหญ่แห่งนี้ แผ่นดินที่ดีเช่นนี้เขาต้องการอะไร ยังต้องให้พูดอีกหรือ?แต่ว่า มองดูท่าทางที่ร้อนใจของฉู่เชียนหลี เขาเกิดอยากสนุก ต้องการระบายความคับข้องใจที่ได้รับในสองวันนี้ออกมาให้หมดลูบแก้มของเด็กน้อยพลางกล่าว“อยากได้ลูกคืน ไม่มีปัญหา มันก็ต้องดูว่าอ๋องเฉินมีความจริงใจหรือไม่”เงียบไปครู่หนึ่ง“อืม หรือไม่อ๋องเฉินคุกเข่า โขกหัวให้ข้าสามครั้ง ข้าก็คืนลูกให้เจ้า เป็นอย่างไร?”ฉู่เชียนหลีโมโหแล้วด้วยนิสัยที่ยอมหนึ่งก้าว จะเอาสิบก้าวข
“เจ้า!”ฉู่เชียนหลีถูกความเฉยเมยของนางยั่วจนโมโหแล้ว ยิ่งคิดไม่ถึงว่าใต้ฟ้าจะมีแม่ที่ไร้ความรับผิดชอบเช่นนี้มันก็จริงฉู่เจียวเจียวกับเฟิงเจิ้งหลี ถ้าไม่เหมือนกันก็คงอยู่ด้วยกันไม่ได้ ไม่มีอะไรที่พวกเขาสองสามีภรรยาทำไม่ลงรอหลังจากลู่ฉินเติบโต รู้ว่าตัวเองมีแม่เช่นนี้ ไม่รู้ว่าจะเศร้าเพียงใด!“ฉู่เชียนหลี เฟิงเย่เสวียน พวกเจ้าเลิกพูดไร้สาระได้แล้ว รีบปล่อยตัวอ๋องหลี ความอดทนข้ามีขีดจำกัด!” ฉู่เจียวเจียวกล่าวอย่างเย็นชา“จะเอาชีวิตของลูกชาย หรือจะปล่อยคน พวกเจ้าเลือกเอง”อย่างไรนางก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้วไม่ดิ้นรน ตายสถานเดียวดิ้นรน เดิมพัน ยังมีโอกาสสายตาเฟิงเย่เสวียนเคร่งขรึมมาก หางตาเหลือบมองหานเฟิง หานเฟิงเข้าใจทันที เขาซ่อนมือไว้ที่หลัง และทำท่าสัญญาณมือไปที่ด้านหลังมือธนูเตรียมพร้อมจู่ๆ ฉู่เจียวเจียวก็กล่าวเสริมอีกประโยคอย่างเย็นชา “พวกเจ้าสามารถลองดูได้ ดูสิว่าการเคลื่อนไหวของพวกเจ้าไว หรือมีดที่อยู่ในมือข้าเร็ว”“ต่อให้ข้าตาย การฆ่าเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ยก็ใช้เวลาแค่พริบตาเดียว”ฉู่เชียนหลีสั่งให้มือธนูหยุดทันที “ปล่อยคน!”อย่าทำอะไรบุ่มบ่ามผู้หญิงคนนี้มันเป็นผู
พลันฉู่เชียนหลีแน่นหน้าอก“หยุดนะ…”“อย่าเข้ามา!”ฉู่เจียวเจียวถอยหลังสามก้าว มือซ้ายจับเด็ก มือขวาถือมีดสั้น มีดสั้นที่แวววาวจ่ออยู่บนผิวอันบอบบางของเด็ก กรีดจนรอยเลือดออกแล้วเลือดไหลออกมาแล้ว“จู่ๆ เจ้าก็มาเป็นห่วงข้า และยังพยายามอยากอุ้มลูกทุกวิถีทาง ข้าก็รู้แล้วว่าเจ้าไม่ได้มีเจตนาดี”นางยิ้มอย่างเย็นชา“เหอะ! ดูเหมือนฮ่องเต้ที่แกไม่ตายสักทีนั่นเป็นคนบอกเรื่องนี้กับเจ้าสินะ!”ไอ้แก่ เป็นอัมพาตเฉียบพลันยังไม่ยอมอยู่อย่างสงบเสงี่ยมอีกต่อให้รู้ความจริงแล้วอย่างไร?ชีวิตของเด็กคนนี้อยู่ในมือนาง“ฉู่เชียนหลีนะฉู่เชียนหลี เจ้าคิดอย่างไรก็คงคิดไม่ถึงกระมังว่า เจ้าเลี้ยงลูกสาวข้า ข้าเลี้ยงลูกชายเจ้า และก็ต้องขอบคุณลูกชายคนดีคนนี้ของเจ้า กลายเป็นตัวช่วยที่สำคัญของอ๋องหลี” นางเผยอมุมปาก รอยยิ้มนั้นน่ากลัวมากฉู่เชียนหลียืนตัวแข็งอยู่ตรงที่เดิม ไม่กล้าขยับ“เจ้าต้องการอะไร?”ฉู่เชียนหลีจ้องมีดสั้นในมือนาง กลัวว่านางจะพลั้งเผลอกรีดโดนคอของเด็กตั้งครรภ์สิบเดือนลูกชายเป็นก้อนเนื้อชิ้นหนึ่งที่ตกลงมาจากร่างกายนางนางไม่กล้าเดิมพัน และเดิมพันไม่ไหวฉู่เจียวเจียวกล่าว “ข้าต้องก
กลางดึกกำลังถึงช่วงที่คนเงียบสงบ คนกลุ่มหนึ่งวิ่งไปที่ตำหนักเจาหยางราวกับคลื่นยักษ์ ตอนที่ใกล้จะถึง ฉู่เชียนหลีตวาดสั่งให้พวกเขาหยุด“พวกเจ้าอยู่ห่างๆ อยากเข้าใกล้!”พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความเป็นห่วง “พระชายา พวกเราต้องไปเอาพระนัดดาองค์โตกลับมา นั่นเป็นเลือดเนื้อของท่านกับท่านอ๋องนะ”“ข้ารู้!”ก็เพราะรู้ จึงไม่ให้พวกเขาเข้าใกล้“ไปทำอะไรคนเยอะแยะ ถ้าหากบีบจนฉู่เจียวเจียวไม่มีทางเลือก นางทำอะไรขึ้นมา…”ฉู่เชียนหลีแทบจะเป็นบ้าแล้ว ร้อนรนเหมือนมดที่อยู่บนกระทะร้อน ทั้งร้อนใจทั้งไม่สบายใจ น้ำเสียงก็ค่อนข้างฉุนเฉียวไม่อยากพูดมาก วิ่งเข้าไปในตำหนักเจาหยางเพียงลำพัง คนอื่นรออยู่ที่ข้างนอก ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามภายในตำหนักฉู่เจียวเจียวกำลังกล่อมจื่อเยี่ย ฉู่เจียวเจียวมาแล้ว นางมองเด็กน้อยที่อ้วนสมบูรณ์ กล่าวโดยไม่เงยหน้า“พระชายาอ๋องเฉิน ลูกของข้าเพิ่งนอนหลับ ”โปรดให้อภัย ข้าอุ้มเขาไว้ ร่างกายหนัก ไม่สะดวกลุกขึ้นยืน สายตาฉู่เชียนหลีมองไปที่ตัวเด็กเด็กน้อยอ้วนสมบูรณ์ ใบหน้าจ้ำม่ำ คิ้วละเอียดอ่อน หน้าตาที่น่ารักน่าเอ็นดู คล้ายเฟิงเจิ้งเว่ยซีแปดส่วนเหตุใดเมื่อก่อนนางไม่สังเกต