ขณะที่ศีรษะนางกำลังจะกระแทกประตู ประตูถูกเปิดออกจากด้านในฉับพลัน เงาสีหมึกอันสูงศักดิ์สายหนึ่งเดินออกมาแตกต่างจากตอนมาราวกับเป็นคนละคนโดยสิ้นเชิง ตอนมา เมฆหนาปลุกคุม ลมฝนกำลังจะมาตอนไป สายลมฤดูใบไม้ผลิปะทะหน้า อิ่มเอมเป็นพิเศษเยว่เอ๋อร์ “?”นางตะลึงงันโดยตรง ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ภายใต้ความเป็นห่วง รีบวิ่งเข้าไปในห้อง “พระชายา ท่านไม่เป็นอะไร…”เมื่อเห็นใบหน้าที่แดงก่ำของพระชายา ดวงตาเยว่เอ๋อร์เบิกกว้างทันทีสวรรค์!ท่านอ๋องทุบตีพระชายาอย่างรุนแรงภายใต้ความโกรธ ถึงตบหน้าพระชายาจนแดง!พลันเบ้าตานางแดง พุ่งเข้าไปข้างเตียงอย่างปวดใจ “ท่านอ๋องเขาทำกับท่านเช่นนี้ได้อย่างไร! เขาทำลงไปได้อย่างไร จิตใจเขาโหดเหี้ยมมาก!”ร้องไห้อย่างเจ็บปวด!“พระชายา พระชายาที่น่าสงสารของข้า! หรือไม่พวกเราไปจากที่นี่เถอะ!”ฉู่เชียนหลีกระแอมเสียงเบาอย่างกระอักกระอ่วนแค่ก!มือเล็กจับผ้าห่ม คลุมขึ้นข้างบนเล็กน้อย หดคอเข้าไปในผ้าห่มทั้งหมด กล่าวเสียงเบา“คือว่า…เยว่เอ๋อร์ เจ้าอย่าเพิ่งร้อนใจ ข้าไม่เป็นอะไร นี่ก็ดึกแล้ว เจ้ารีบไปพักผ่อนเถอะ นะ ไปเถอะ ไปเถอะ”เยว่เอ๋อร์เย็นวูบในใจเหตุใดจู่ๆ พ
เฟิงเย่เสวียนสวมชุดผาวผ้าแพรสีเสี้ยวจันทร์ ทำให้เค้าโครงส่วนเอวสูงยาว เท้าเหยียบรองเท้าผ้าแพร เอวห้อยจี้หยก ผมสีหมึกรวบสูง มีกลิ่นอายแห่งความสูงศักดิ์ที่ไม่อาจเอื้อมแผ่ซ่านรอบตัว ในความหนักแน่น เผยให้เห็นความเฉียบคมสามส่วน ระหว่างความอ่อนโยน ก็ไม่ขาดความเย่อหยิ่งที่เฉยเมยราวกับเป็นเทพบุตรที่เดินออกมาจากภาพวาด เย่อหยิ่งมีเสน่ห์ไร้ที่ติบรรดาสาวใช้ต่างก็มองกันตาค้าง ดวงตาที่ชื่นชมเป็นประกายราวกับพระอาทิตย์บนท้องฟ้า“ท่านอ๋องงามนัก…”“สวรรค์! นี่คือท่านอ๋องจริงหรือ?”“ตั้งแต่ข้าเข้าจวนมาห้าปี ไม่เคยเห็นท่านอ๋องใส่ชุดสีขาว ก่อนหน้านี้คิดว่าไม่เหมาะ คิดไม่ถึงว่าพอท่านอ๋องใส่แล้ว กลับยิ่งมีเสน่ห์มากขึ้น”ตอนใส่ชุดผาวสีหมึก กลิ่นอายบีบคั้น เย็นชาหยิ่งผยองตอนใส่ชุดสีขาว ลดกลิ่นอายที่บีบคั้นส่วนนั้นไปหลายส่วน และมีความรู้สึกนุ่มนวลเพิ่มขึ้นพ่อบ้านก็ปรบมือตามด้วย ประจบสอพลอทั้งเร็วและแม่น “นี่เป็นชุดที่พระชายาเลือกด้วยมือตัวเอง มีหรือที่สายตาพระชายาจะไม่เฉียบแหลม?”บรรดาบ่าวไพร่ได้ยินแล้ว พากันยกหัวแม่มือ“สวยมาก!”“สายตาของพระชายาหาใช่ที่พวกเราจะเทียบ!”“ข้าโตจนป่านนี้แล้ว ไม่เคย
การคัดเลือกพระชายารองของรัชทายาทในวันนี้ถูกจัดขึ้นในวังหลวง สมาชิกราชวงศ์ทุกคนเข้าร่วม เป็นไปอย่างคึกคักเช้าตรู่นอกประตูวัง มีรถมาจอดอยู่ตรงนั้นห้าหกคัน หลังลงจากรถม้า จะมีขันทีพาเข้าไป เดินผ่านถนนสายยาวของวัง ไปถึงอุทยานหลวงที่ได้รับการจัดอย่างพิถีพิถัน ท่ามกลางแสงแดดที่กำลังดี จัดการคัดเลือกของวันนี้ในอุทยานหลวงที่ดอกไม้บานสะพรั่ง เหล่าคุณหนูชนชั้นสูงที่เข้าร่วมได้สวมเสื้อผ้าที่สวยที่สุด และแสดงกิริยาท่าทางที่งดงามที่สุดออกมา รออยู่ที่นี่นานแล้วเฟิงเย่เสวียนพาฉู่เชียนหลีมาถึง ก็มีคนเข้ามาทักทายทันที“เจ้าเจ็ดมาแล้ว” รัชทายาทเดินเข้ามาอย่างยิ้มแย้ม ทว่าเดินผ่านข้างกายคนทั้งสอง ไม่รอให้ตอบกลับก็ไปเลยเห็นได้ชัดว่าไม่ให้เกียรติฉู่เชียนหลีก็ไม่ได้คิดจะทักทายรัชทายาท มองข้ามเขาโดยตรง ราวกับมองไม่เห็น นางหันหน้าไปอีกด้านหนึ่งเห็นอ๋องหลีพอดีที่บังเอิญคืออ๋องหลีก็เงยหน้าขึ้นสายตาของทั้งสองประสานกันกลางอากาศ หยุดนิ่งไปสองวินาทีผ่านไปครู่หนึ่งฉู่เชียนหลีเอียงศีรษะ พยักหน้าเล็กน้อย ถือเป็นการทักทายเฟิงเจิ้งหลีหยิบจอกเหล้าหยกขาว ชูขึ้นแล้วดื่มหมดจอก ถือเป็นการตอบกลับฉู่
สีหน้าพระชายาอ๋องเฟิงบูดบึ้งทันที ดูน่าเกลียดจนเหมือนกินแมลงวันเข้าไปการไม่มีลูก เป็นความเจ็บปวดทั้งชีวิตของนาง!ขยี้แผลผู้อื่น นังแพศยาที่เลวทราม! “ฉู่เชียนหลี นี่ก็คือท่าทีที่เจ้าพูดกับพี่สะใภ้หรือ?” น้ำเสียงนางเย็นชาราวกับน้ำค้างแข็ง สายตาที่น่ากลัวแทบอยากฉีกร่างฉู่เชียนหลีทั้งเป็นเดี๋ยวนี้ฉู่เชียนหลียืดอกเล็กน้อย เผยให้เห็นรอยยิ้มที่สุภาพจางๆ“ท่านเป็นพระชายา ข้าก็เป็นพระชายา สถานะพวกเราเท่าเทียมกัน พูดกับท่านต้องใช้ท่าทีเช่นไร?”คิดว่าตนเองเป็นฮ่องเต้หรือ?ระหว่างมนุษย์ด้วยกัน เคารพซึ่งกันและกัน เจ้าปฏิบัติต่อข้าอย่างไร ข้าก็ปฏิบัติต่อเจ้าเช่นนั้น มารยาทพื้นฐานแค่นี้ก็ไม่รู้?“อย่างเจ้าเนี่ยนะคิดจะเทียบกับข้า?” พลันพระชายาอ๋องเฟิงยิ้มอย่างเย็นชา หน้าอกกระตุกอย่างดูถูกไปหนึ่งทีชาติกำเนิดนางสูงศักดิ์ ได้รับการเลี้ยงดูอย่างดี เป็นคุณหนูชนชั้นสูงอย่างแท้จริง หาใช่นังชั้นต่ำที่มีชาติกำเนิดมาจากอนุภรรยาสามารถเทียบ?“มิกล้า มิกล้า” ฉู่เชียนหลีก้มศีรษะอย่างถ่อมตน “พระชายาอ๋องเฟิงอายุมากกว่าข้าสิบสองปี หากอายุมากกว่านี้อีกนิด สามารถเป็นแม่ข้าได้แล้ว เมื่อครู่เข้าล่วงเกินแล้ว
ฟังมาถึงตรงนี้ ฉู่เชียนหลีเข้าใจทันทีที่แท้…นี่คือข้อความเร่งรัดให้มีบุตร!“เจ้าใหญ่ จวนเจ้ามีผู้หญิงเยอะที่สุด เหตุใดจึงมีลูกแค่คนเดียว? กลัวเราไม่มีปัญญาเลี้ยงใช่หรือไม่? เจ้าช่างเป็นลูกชายคนโตที่เอาใจใส่เรายิ่งนัก!” การด่าทอด้วยความโกรธของฮ่องเต้มุ่งเป้าไปที่รัชทายาทเฟิงเจิ้งอวี้เป็นคนแรกเฟิงเจิ้งอวี้ลุกขึ้นทันที กล่าวอย่างตระหนกตกใจ “เสด็จพ่อโปรดเย็นพระทัยก่อน หม่อมฉันกำลังพยายามแล้ว ปีหน้าต้องให้พระองค์ได้อุ้มเจ้าตัวน้อยที่จ้ำม่ำแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!”“คำพูดนี้เราฟังจนหูด้านแล้ว เจ้าอายุสามสิบปีแล้ว เจ้าไม่รู้ตัวเลยหรือ?”“...เสด็จพ่อโปรดเย็นพระทัย…”เฟิงเจิ้งอวี้ก้มศีรษะลงแต่โดยดี รัชทายาทแห่งแคว้น เกือบถูกชี้หน้าผากตำหนิแล้วพระชายารัชทายาทสะกิดเด็กผู้หญิงข้างกายเด็กผู้หญิงตัวน้อยที่มัดผมเปียเขาแกะ อายุประมาณสี่ห้าขวบ แต่งตัวน่ารักไร้เดียงสาลุกขึ้นยืน นางถอนสายบัวอย่างเอาจริงเอาจัง กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม“เสด็จปู่อย่ากริ้วเลยเพคะ โกรธแล้วจะทำให้เสียพระพลานามัย ท่านแม่บอกแล้ว จะคลอดน้องชายให้ซือเอ๋อร์หนึ่งคน ซือเอ๋อร์ชอบน้องชาย…”ท่าทางที่อ้อนแอ้นของ
หลังจากการเร่งรัดให้มีบุตรสิ้นสุดลง จึงจะเข้าสู่หัวข้อหลักของวันนี้——เลือกพระชายารอง ขั้นตอนการเลือกพระชายารองคือ : แสดงทีละคนเหล่าคุณหนูขึ้นมาทีละคน แสดงพรสวรรค์ด้านเพลงบทกวี และความรู้ความสามารถทางศิลปะกับดนตรีด้านต่างๆ อย่างเช่น พิณ หมากรุก เขียนอักษร วาดภาพ แล้วนำมารวมกับด้านจริยธรรม สติปัญญา ร่างกาย ผู้ที่มีความโดดเด่นด้านต่างๆ จะได้รับการคัดเลือกนี่เป็นงานเลี้ยงสุดอลังการที่น่าจับตามองอย่างไม่ต้องสงสัยคุณหนูชนชั้นสูงมากมาย ต่างมีความงามของตนเองอยู่ในตัว รูปร่างผอมอ้วนแตกต่างกันไป เหล่าขันทีมองจนตาค้าง ฉู่เชียนหลีก็ดูอย่างจดจ่อเช่นกันบอกตามตรง ที่จริงเด็กผู้หญิงชอบดูหญิงงามมากกว่าคนที่หนึ่ง ลูกสาวขุนนางฝ่ายบุ๋น ขึ้นมาก็ท่องพระราชดำรัสเกี่ยวกับการปกครองแคว้นหนึ่งบท ได้รับการชื่นชมจากฮ่องเต้ ยิ่งได้รับการปรบมือชื่นชมจากทุกคนเป็นหญิงที่มีสติปัญญามากความสามารถท่านหนึ่งคนที่สอง คุณหนูของผู้บัญชาการทหาร สวมชุดจิ้นจวง[footnoteRef:1] วิชากระบี่ที่แสดงออกมาทำเอาทุกคนตาลาย ระหว่างคิ้วอัดแน่นไปด้วยความกล้าหาญที่บีบคั้น แม้แต่ผู้ชายหลายคนก็เทียบไม่ได้ [1: ชุดจิ้งจวน เป็นชุดจ
เหล่าคุณหนูทั้งหลายแสดงความสามารถของตนเองทีละคน ได้รับการชื่นชมและการยอมรับไม่น้อย ทุกคนแลกเปลี่ยนความเห็นกัน บางครั้งก็พยักหน้า บางครั้งก็ส่ายศีรษะ ต่างมีความเห็นของตนเองทั้งหมดดำเนินไปอย่างเป็นระเบียบ…ฉู่เชียนหลีหาเวลาว่างออกไปครู่หนึ่ง ดื่มเหล้าผลไม้เยอะเกินไป ควบคู่กับนั่งนานเกินไป คนก็เยอะ อากาศไม่ถ่ายเท รู้สึกเวียนศีรษะเล็กน้อย จึงออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์ข้างนอกเงียบขึ้นเยอะ อากาศบริสุทธิ์สดชื่น รู้สึกตื่นตัวขึ้นมากในทันทีนางเรียกขันทีคนหนึ่งมา “ห้องสุขาอยู่ทางไหน?”ขันทีตอบอย่างนอบน้อม และชี้ไปทิศทางหนึ่งหลังจากฉู่เชียนหลีกล่าวขอบคุณ ก็ยกเท้าเดินไป ไม่รู้ว่าเดินไปถึงที่ใด ข้างหู มีเสียงที่ยังวัยเยาว์ของเด็กผู้หญิงตัวน้อยดังขึ้น“นางอัปลักษณ์จัง…”ฝีเท้าชะงักมองไปด้านข้าง เห็นองค์หญิงน้อยอันสูงศักดิ์ที่สวมเสื้อผ้าหรูหรา และถือตะกร้าน้อยใบหนึ่งไว้ในมือ เล่นกับเพื่อนเล่นสองคนที่อยู่ในวัยเดียวกัน กำลังเบิกตากลมโตที่สุกใส มองดูฉู่เชียนหลีด้วยความอยากรู้อยากเห็นนางก็คือลูกสาวของรัชทายาท เฟิงเจิ้งซือเพื่อนเล่นวัยเดียวกันพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดองค์หญิง กล่าวด้วยน้ำเส
ลูกสาวขุนนางใหญ่สองคนที่ชื่อเสียวอู่กับเสียวเสวี่ยหดคออย่างค่อนข้างขี้ขลาดขันทีอยู่ที่นี่ หากฉู่เชียนหลีลงมือ ไม่เกินครึ่งชั่วยาม เรื่องนางที่เป็นผู้อาวุโสคนหนึ่งรังแกเด็กก็จะแพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองหลวงถึงเวลานั้น รัชทายาทมาหาเรื่อง ฮ่องเต้ตักเตือน ผู้คนตำหนิด่าทอ ปัญหาร้อยแปดไม่รู้จบฉู่เชียนหลีใช้ดวงตาที่ลึกไม่เห็นก้นบึ้ง มองเฟิงเจิ้งซืออย่างดุร้ายแวบหนึ่ง ตอนดึงมือกลับ ปลายนิ้วเลื่อนผ่านกำไลเฉียนคุนอย่างไม่ใส่ใจจากนั้นก็ไปแล้วขันทีน้อยนึกกลัวในภายหลัง เมื่อครู่ สายตาของพระชายาอ๋องเฉินตอนจากไป…น่ากลัวมากเขาเดินเข้าไปด้วยความตกใจเล็กน้อย กล่าวอย่างนอบน้อม “องค์หญิงซือเอ๋อร์ ท่านออกมานานมากแล้ว บ่าวพาท่านไปที่งานเลี้ยงขอรับ”“ไม่ไป ไม่ไป ผู้หญิงพวกนั้นอัปลักษณ์มาก ยังกล้าเพ้อฝันท่านพ่อข้า ข้าไม่ชอบพวกนางเลยสักนิด ข้าต้องการให้ท่านแม่คลอดน้องชายให้ข้าเท่านั้น!”“องค์หญิงซือเอ๋อร์…”หลังจากนั้นสองเค่อฉู่เชียนหลีกลับถึงงานเลี้ยง การคัดเลือกก็ดำเนินการมาถึงช่วงท้ายแล้ว ทุกคนกำลังปรึกษากัน ส่วนเจตนาของฮ่องเต้คือ นอกจากเลือกพระชายารองรัชทายาท ผู้สมัครคนอื่นที่เหมาะสม ประท
อันธพาลเจ็บจนกรีดร้องเหมือนหมูโดนเชือด “อ๊ะๆ!”ยังไม่ทันได้พักหายใจ ก็โดนถีบจนไปกลิ้งอยู่บนพื้น รองเท้าปักลายดอกไม้เหยียบลงบนหน้าอก หนักจนทำให้เขาหายใจไม่ออก กระอักเลือดออกมา“พู่!”เขากอดต้นขาของอวิ๋นอิง อยากดิ้นให้หลุด แต่หาของอวิ๋นอิงกดทับอยู่บนร่างกายของเขาเหมือนเหล็กกล้า และเขาก็เหมือนกับปลาตัวหนึ่งที่ถูกตอกตะปูอยู่บนเขียง พยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แต่ก็ดิ้นไม่หลุดเจอผีแล้ว!ทั้งที่นางผอมเช่นนี้ เหตุใดจึงมีแรงมากเช่นนี้?ผู้หญิงคนนี้ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือ?ชาวบ้านก็ตะลึงเช่นกันอวิ๋นอิงอุ้มลูกสาวไว้ด้วยมือข้างเดียว ค่อยๆ ก้มลง ยกฝ่ามืออีกข้าง เหวี่ยงไปที่ใบหน้าของอันธพาลโดยตรง“ข้าสั่งให้เจ้าเก็บ”เพียะ!“ไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ?”เพียะ!“หูหนวกหรือ?”เพียะ!หนึ่งประโยค หนึ่งฝ่ามือ ตบจนอันธพาลหันซ้ายหันขวา มุมปากแตกมีเลือดไหล หูอื้อ สะบักสะบอมเหมือนสุนัขจรจัดตัวหนึ่ง ไม่หลงเหลือความฮึกเหิมของก่อนหน้านี้เลย“ลูกพี่!”ลิ่วล้อสามคนคว้าโต๊ะเก้าอี้และท่อนไม้ที่อยู่ข้างๆ ฟาดไปทางอวิ๋นอิงอย่างแรงอวิ๋นอิงกระโดนหมุนตัวเตะพวกเขาสามคนจนลอยกระเด็นออกไปไกลเจ็ดแปดเมตร โดยไม่หั
ตงหลิงเจียงหนาน ทำเนียบสามเดือนที่พระชายาจากไป อ๋องเฉินเอาแต่เก็บตัว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลก หานเฟิงต้องรับผิดชอบงานแทนทุกอย่าง เมื่อนานวันเข้า โลกภายนอกต่างกำลังคาดเดา จิตใจของอ๋องเฉินได้รับกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ล้มแล้วลุกไม่ขึ้น เกรงว่าเหลือเวลาอีกไม่นานแล้วช่วงนี้ ในที่สุดอาการบาดเจ็บของจิ่งอี้ก็ดีขึ้นแล้วอาการบาดเจ็บทางกระดูกหรือเส้นเอ็น ต้องรักษาอย่างน้อยหนึ่งร้อยวันในที่สุดกระดูกซี่โครงที่หักสองซี่ก็หายดีแล้ว สามารถขี่ม้าได้แล้ว ตอนนั้นเขาบอกว่าจะนำทัพกลับแคว้นซีอวี้ทันทีแต่ก่อนไป เขาถามเหมือนไม่ใส่ใจ“เหตุใดไม่เจอแม่นางอวิ๋นอิงเลย?”จ้านหูจริงจังขึ้นมาทันที เขาตอบ“องค์ชายใหญ่ ข้าจะส่งคนไปสืบเดี๋ยวนี้!”“ไม่ต้อง”หลังจากปฏิเสธอย่างเฉยเมย ปีนขึ้นหลังม้า ขี่ออกไปคนเดียวแล้วจ้านหู “?”หมายความว่าอย่างไร?ตอนที่องค์ชายใหญ่หมดสติ แม้อวิ๋นอิงบอกว่าไม่สนใจ แต่แอบมาเยี่ยมองค์ชายใหญ่ตอนดึกดื่นเวลาที่ไม่มีคนองค์ชายใหญ่ก็อีกคน ทั้งที่คิดถึงอวิ๋นอิง แต่ไม่ยอมรับในใจของพวกเขาสองคนล้วนมีอีกฝ่าย ลูกสาวก็อายุเกือบครึ่งขวบแล้ว เหตุใดไม่ลองเปิดใจสักนิดแล้วอยู่ด้วยกันเลย
คืนแรกที่มาถึงต่างโลก ฉู่เชียนหลีฝันในความฝัน นางอยู่บนสนามรบ สู้จนตัวตาย เลือดไหลเป็นแม่น้ำ น่าสลดใจนัก…ในความฝัน นางได้ต่อสู้ร่วมกับชายคนหนึ่งที่มองไม่เห็นใบหน้า ร่วมเป็นร่วมตาย และยังมีเสียงที่นุ่มนิ่มของเด็ก เรียก ‘ท่านแม่’ ครั้งแล้วครั้งเล่าในความฝัน ราวกับนางได้รับความอยุติธรรมครั้งใหญ่ หัวใจเจ็บปวด และพยายามอธิบายสุดชีวิต แต่พวกคนที่เรียกตัวเองว่า ‘ครอบครัว’ ไม่เชื่อนาง และยังบีบคั้นนางสู่เส้นทางที่สิ้นหวังในความฝัน…มีคนกำลังเรียกนาง‘เชียนหลี…เชียนหลี…’ฉึก!ฉู่เชียนหลีลืมตาฉับพลัน ท้องฟ้าข้างนอกสว่างแล้ว แสงแดดอุ่นๆ ยามเช้าสาดส่องเข้ามา สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของอากาศ สงบมากนางรู้สึกเวียนศีรษะ และแน่นหน้าอกราวกับนางอยู่ในความฝันอันยาวนานจริงๆนางได้รับความอยุติธรรมนางถูกคนในครอบครัวฆ่าตายแต่เหตุใดนางจำผู้ชายที่เรียกนาง และภาพที่เรียกนางว่า ‘ท่านแม่’ ไม่ได้เลย“องค์หญิง ท่านตื่นแล้ว”เมื่ออ้ายอ้ายได้ยินเสียง ถือกะละมังน้ำอุ่นกับเครื่องใช้เข้ามาปรนนิบัติฉู่เชียนหลีนวดขมับ อยู่ในอาการเหม่อลอย แขนขาอ่อนแรง ไม่มีแรงขยับ ดึงผ้าห่มออก ลงจากเตียง สวมรองเท้
สาวใช้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็รีบฝนหมึกอย่างเชื่อฟังมองดูองค์หญิงรีบหยิบพู่กัน เขียนอะไรบางอย่าง ท่าทางที่รีบร้อนนั่น เมื่อก่อนเวลาที่นังเป็นห่วงคุณชายเซิ่น ยังไม่รีบร้อนเช่นนี้เลยองค์หญิงกระโดดสระน้ำ หมดสติไปสามวัน หลังจากฟื้น ก็เปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย?นิสัยเปลี่ยนไปน้ำเสียงเปลี่ยนไปแต่เมื่อลองตั้งใจมอง องค์หญิงยังคงเป็นองค์หญิง ยังคงเป็นใบหน้าที่คุ้นเคยฉู่เชียนหลีเขียนอย่างรวดเร็ว…อ๋องเฉินเป็นอย่างไรบ้าง ข้าอยู่แคว้นหนานยวน…พลางเขียน พลางกล่าวอย่างรีบร้อน “รีบไปหาคน ช่วยข้าส่งจดหมายฉบับนี้ไปให้อ๋องเฉินที่ตงหลิงเจียงหนาน”นางอยากบอกความจริงกับเฟิงเย่เสวียน ต่อให้ตนลืมแล้ว แต่เฟิงเย่เสวียนจำนางได้เขาจะต้องมาหานางแน่นอนไม่ช้าก็เร็วสักวัน พวกเขาครอบครัวสี่คนจะอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา“อ๋องเฉินแห่งตงหลิงเจียงหนาน?”สาวใช้เกาศีรษะด้วยความสงสัย “องค์หญิง ท่านส่งจดหมายให้อ๋องเฉินทำไม? ท่านรู้จักอ๋องเฉินตั้งแต่เมื่อไร?”ฉู่เชียนหลีรีบกล่าว“อธิบายกับเจ้าไม่ได้ แต่ความสัมพันธ์ของข้ากับอ๋องเฉินไม่ธรรมดา…อ๋องเฉิน? อ๋องเฉินตงหลิง?”เงยหน้าฉับพลัน“ข้ารู้จักอ๋องเฉ
ทุกคน “...”สีหน้าฮ่องเต้หนานยวนดูไม่ดีนัก เซิ่ยซือเฉินเป็นแค่บัณฑิตคนหนึ่ง เพื่อบัณฑิตคนหนึ่ง ต้องทุ่มสุดตัวเช่นนี้เลย ต้องตื่นเต้นเช่นนี้เลย?ในฐานะองค์หญิง ไม่ควรมองให้ไกลกว่านี้หน่อยหรือ?เพื่อป้องกันจวินลั่วยวนทำร้ายตัวเอง เขาออกคำสั่ง มัดมือและเท้าของนางโดยตรงจวินลั่วยวนขยับไม่ได้แล้วเห็นท่าทางที่จะยิ้มไม่ยิ้มของฉู่เชียนหลี และยังเลิกคิ้วอย่างยั่วยุ นางโมโหจนแทบกัดลิ้นฆ่าตัวตายหลังจากเหตุการณ์ที่วุ่นวาย ไปจากตำหนักองค์หญิงฉู่เชียนหลีกับหลิงอี้ซิงเดินเคียงข้างกันจากไป เมื่ออารมณ์ดี จังหวะการเดินก็ผ่อนคลายเป็นพิเศษ อดไม่ได้ที่จะฮัมเพลงเบาๆฮัมไปฮัมมา จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าหลิงอี้ซิงเป็นผู้มีจิตใจเมตตา อุทิศตนให้กับความดีและคุณธรรมหยุดฝีเท้าหันไปถาม “ท่านพี่ ท่านน่าจะเห็นกระมัง ว่าข้าจงใจรังแกจวินลั่วยวน?”หลิงอี้ซิงเดินตามปกติ สายตามองไปข้างหน้า พยักหน้าอย่างเกียจคร้าน ตอบสั้นๆ เพียงคำเดียว“อืม”“ท่านไม่รู้สึกว่าข้านิสัยไม่ดีหรือ?”เขาหยุดเดินหันมามองนาง กล่าวอย่างจริงจัง “ที่เจ้ารังแกนาง นั่นก็ต้องเป็นเพราะนางล่วงเกินเจ้าก่อนแน่นอน ล้วนเป็นความผิดของนาง”เขาไ
“ยวนเอ๋อร์! ยวนเอ๋อร์!” ฮ่องเต้หนานยวนร้อนใจจนหน้าถอดสี “ใครก็ได้ ใครก็ได้รีบมาเร็ว ยวนเอ๋อร์เสียเลือดมากเกินไป หมดสติไปแล้ว!”จวินลั่วยวนที่ ‘เสียเลือดมากเกินไปจนหมดสติ’ “...”เจ้าน่ะสิที่เสียเลือดมากเกินไปเจ้าเสียเลือดมากเกินไปทั้งครอบครัว!หมอหลวงมาอย่างรวดเร็ว หลังจากทำแผลให้จวินลั่วยวนเสร็จ ถอนหายใจด้วยความกังวล “สามเดือนแล้ว ในที่สุดเอ็นขององค์หญิงก็เชื่อมต่อกัน คิดไม่ถึงว่าขาดอีกแล้ว ความพยายามในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาล้วนสูญเปล่า” ต่อจากนี้ก็ต้องใช้เวลาอีกสามเดือน เปิดบาดแผล บำรุงเอ็นทุกวันเมื่อฉู่เชียนหลีได้ยินคำนี้ เบ้าตาแดงฉับพลัน“ล้วนเป็นความผิดของข้า…”นางดึงชายเสื้อของหลิงอี้ซิง กล่าวเสียงสะอึก“ท่านพี่ ข้ามันไม่ดี ต้องเป็นเพราะเรื่องของคุณชายเซิ่นแน่ องค์โกรธข้า ไม่ชอบข้า จึงฟาดมือของตัวเองใส่เสา เพื่อเป็นการแสดงความรังเกียจต่อข้า”“ข้าทำร้ายนาง ฮือๆ…”หลิงอี้ซิงรักน้องสาว ทุกคนในแคว้นหนานยวนรู้เรื่องนี้แล้วฮ่องเต้หนานยวนกล่าวโทษนางได้อย่างไร?กลับกัน เขายังต้องขอร้องหลิงอี้ซิงทักษะการทำนายของหลิงอี้ซิงมีเพียงหนึ่งเดียวในใต้ฟ้า ตลอดหลายปีที่เขานั่งตำแหน
ระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน นางค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้เตียง จวินลั่วยวนนอนหลับแล้ว ไม่ได้เคลื่อนไหวเป็นเวลานาน หน้าซีดซูบผอม เหลือแต่หนังหุ้มกระดูกฉู่เชียนหลีเหลือบมองแวบหนึ่ง“เหตุใดข้อมือของนางยังมีเลือด?”สามเดือนแล้ว แผลยังไม่หาย?นางกำนัลที่อยู่ข้างๆ ตอบ“หมอหลวงบอกว่า จะใช้ยาพิเศษรักษาเอ็นมือและเท้าที่ขาดขององค์หญิง จำเป็นต้องเปิดแผล ขยับเอ็นที่ขาดไปรวมกันทุกวัน จนกระทั่งเชื่อมต่อกัน”“ฮืม?”ฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วด้วยความสนใจเช่นนี้ก็เท่ากับว่า จวินลั่วยวนต้องทนกับความเจ็บปวดที่ใช้มีดเปิดปากแผลทุกวันติดต่อกันสามเดือนเต็มๆ น่าสังเวชน่าจะเจ็บมากกระมัง?นางค่อยๆ นั่งลง จับข้อมือของจวินลั่วยวนเบาๆ มองผ้าพันแผลที่ถูกพันห้าหกรอบอย่างครุ่นคิดทันใดนั้นออกแรงกดที่นิ้ว“ซี้ด…!”จวินลั่วยวนเจ็บจนตื่น ลืมตาทันทีฉู่เชียนหลีรีบปล่อยมือ “โอ๊ย…ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจแตะตัวท่าน ดูท่านเจ็บมากเลยนะ ขอโทษจริงๆ”“!”หลินเหยี่ยมาอยู่ในตำหนักของนางได้อย่างไร?นางรังเกียจผู้หญิงคนนี้ที่สุด!อาศัยที่พี่ชายของตัวเองเป็นราชครู แสร้งทำเป็นช่วยเหลือชาวบ้าน ทำแต่ความดีทุกวัน มีแต่คนบอกว่าองค์หญ
เซิ่นสือเฉิน “?”เหตุใดวันนี้รู้สึกว่าหลิงเหยี่ยแปลกๆ?เมื่อก่อนนางชอบเขามากเลยไม่ใช่หรือ? เวลาที่เขาอ่านหนังสือ นางชอบมาอยู่ข้างๆ ฝนหมึกพัดลมให้เขา เวลาที่เขาเขียนหนังสือ นางชอบแอบที่นอกหน้าต่าง จับจิ้งหรีดเล่น เวลาที่เขางีบหลับ นางมักจะชงชาหิมะชั้นดีมาให้เขานางยังบอกว่าจะแต่งงานกับเขาคนเดียวเหตุใดแค่วันเดียว ก็ปล่อยวางได้แล้ว?“องค์หญิงหลิง ข้าขอโทษ” เขากล่าวอย่างรู้สึกผิดที่จริงเขาก็ชอบหลิงเหยี่ยเช่นกัน แต่องค์หญิงยวนบอกเขาว่าหลิงเหยี่ยนิสัยไม่ดี ชอบรังแกคนรับใช้ หาเรื่องชาวบ้าน ใส่ร้ายโยนความผิดให้ผู้อื่นด้วยวิธีที่น่ารังเกียจ และทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายเขาเป็นคนเรียนหนังสือ นิสัยซื่อตรง ไม่สามารถยอมรับคนที่จิตใจอำมหิตอย่างหลิงเหยี่ยเมื่อเปรียบเทียบกัน เขาชอบจวินลั่วยวนที่ไร้เดียงสา จิตใจดี และร่าเริงมากกว่า“เมื่อก่อนท่านส่งข้าเรียนหนังสือ ช่วยข้าหาอาจารย์ ใช้เส้นสาย ทำให้ข้าสอบติดขุนนาง…บุญคุณส่วนนี้ ข้า ข้าทำได้เพียงตอบแทนท่านชาติหน้าแล้ว…”ฉู่เชียนหลียิ้มอย่างอ่อนโยน“ไม่เป็นไร แค่เรื่องเล็กน้อย”“ได้ยินมาว่าองค์หญิงยวนได้รับบาดเจ็บ พวกเราเข้าวังไปดูนางกันเ
องค์หญิง?คุณชายเซิ่น?ฉู่เชียนหลีไม่ได้รับความทรงจำใดๆ เพิ่งมาที่นี่ครั้งแรก สับสนและงงงวยเล็กน้อยยังไม่ทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีเสียงฝีเท้าที่ยุ่งเหยิงและเสียงต่อต้านดังมาจากนอกประตู “ใต้เท้าหลิง! ใต้เท้าหลิง ต่อให้ท่านบีบคั้นข้าจนตาย ข้าก็ไม่แต่งงานกับนาง!”“ตั้งแต่ต้นจนจบ ในใจข้ามีเพียงองค์หญิงยวนเอ๋อร์เท่านั้น!”ยวนเอ๋อร์?องค์หญิง?ฉู่เชียนหลีเงยหน้ามองไป เห็นชายหนุ่มสวมชุดเพ้าสีขาวและที่ครอบผมหยก กำลังลากผู้ชายที่ท่าทางสุภาพเหมือนคนเรียนหนังสือเข้ามานางตระหนักถึงบางอย่าง รีบดึงสาวใช้ที่อยู่ข้างกายมาถามเบาๆ“ที่นี่คือแคว้นหนานยวน?”สาวใช้ “?”องค์หญิงเป็นอะไรไป?เหตุใดถามคำถามเช่นนี้?“องค์หญิง ท่าน…”“อย่าพูดไร้สาระ ตอบข้า!”สาวใช้ตกใจ รีบกล่าว “ท่านคือหลิงเหยี่ย องค์หญิงต่างแซ่ของแคว้นหนานยวน ใต้เท้าคือมหาราชครูของแคว้นหนวนยวน เป็นพี่ชายแท้ๆ ของท่าน เพราะใต้เท้าชำนาญการทำนาย เคยช่วยแคว้นสามครั้ง สร้างคุณประโยชน์มากมาย ท่านจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์หญิงต่างแซ่…”คำพูดที่เหลือ ฉู่เชียนหลีมองข้ามโดยตรงสิ่งเดียวที่นางคิดคือ นางถูกส่งมาเป็นองค์หญิงต่างแซ่ อีกท