สีหน้าพระชายาอ๋องเฟิงบูดบึ้งทันที ดูน่าเกลียดจนเหมือนกินแมลงวันเข้าไปการไม่มีลูก เป็นความเจ็บปวดทั้งชีวิตของนาง!ขยี้แผลผู้อื่น นังแพศยาที่เลวทราม! “ฉู่เชียนหลี นี่ก็คือท่าทีที่เจ้าพูดกับพี่สะใภ้หรือ?” น้ำเสียงนางเย็นชาราวกับน้ำค้างแข็ง สายตาที่น่ากลัวแทบอยากฉีกร่างฉู่เชียนหลีทั้งเป็นเดี๋ยวนี้ฉู่เชียนหลียืดอกเล็กน้อย เผยให้เห็นรอยยิ้มที่สุภาพจางๆ“ท่านเป็นพระชายา ข้าก็เป็นพระชายา สถานะพวกเราเท่าเทียมกัน พูดกับท่านต้องใช้ท่าทีเช่นไร?”คิดว่าตนเองเป็นฮ่องเต้หรือ?ระหว่างมนุษย์ด้วยกัน เคารพซึ่งกันและกัน เจ้าปฏิบัติต่อข้าอย่างไร ข้าก็ปฏิบัติต่อเจ้าเช่นนั้น มารยาทพื้นฐานแค่นี้ก็ไม่รู้?“อย่างเจ้าเนี่ยนะคิดจะเทียบกับข้า?” พลันพระชายาอ๋องเฟิงยิ้มอย่างเย็นชา หน้าอกกระตุกอย่างดูถูกไปหนึ่งทีชาติกำเนิดนางสูงศักดิ์ ได้รับการเลี้ยงดูอย่างดี เป็นคุณหนูชนชั้นสูงอย่างแท้จริง หาใช่นังชั้นต่ำที่มีชาติกำเนิดมาจากอนุภรรยาสามารถเทียบ?“มิกล้า มิกล้า” ฉู่เชียนหลีก้มศีรษะอย่างถ่อมตน “พระชายาอ๋องเฟิงอายุมากกว่าข้าสิบสองปี หากอายุมากกว่านี้อีกนิด สามารถเป็นแม่ข้าได้แล้ว เมื่อครู่เข้าล่วงเกินแล้ว
ฟังมาถึงตรงนี้ ฉู่เชียนหลีเข้าใจทันทีที่แท้…นี่คือข้อความเร่งรัดให้มีบุตร!“เจ้าใหญ่ จวนเจ้ามีผู้หญิงเยอะที่สุด เหตุใดจึงมีลูกแค่คนเดียว? กลัวเราไม่มีปัญญาเลี้ยงใช่หรือไม่? เจ้าช่างเป็นลูกชายคนโตที่เอาใจใส่เรายิ่งนัก!” การด่าทอด้วยความโกรธของฮ่องเต้มุ่งเป้าไปที่รัชทายาทเฟิงเจิ้งอวี้เป็นคนแรกเฟิงเจิ้งอวี้ลุกขึ้นทันที กล่าวอย่างตระหนกตกใจ “เสด็จพ่อโปรดเย็นพระทัยก่อน หม่อมฉันกำลังพยายามแล้ว ปีหน้าต้องให้พระองค์ได้อุ้มเจ้าตัวน้อยที่จ้ำม่ำแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!”“คำพูดนี้เราฟังจนหูด้านแล้ว เจ้าอายุสามสิบปีแล้ว เจ้าไม่รู้ตัวเลยหรือ?”“...เสด็จพ่อโปรดเย็นพระทัย…”เฟิงเจิ้งอวี้ก้มศีรษะลงแต่โดยดี รัชทายาทแห่งแคว้น เกือบถูกชี้หน้าผากตำหนิแล้วพระชายารัชทายาทสะกิดเด็กผู้หญิงข้างกายเด็กผู้หญิงตัวน้อยที่มัดผมเปียเขาแกะ อายุประมาณสี่ห้าขวบ แต่งตัวน่ารักไร้เดียงสาลุกขึ้นยืน นางถอนสายบัวอย่างเอาจริงเอาจัง กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม“เสด็จปู่อย่ากริ้วเลยเพคะ โกรธแล้วจะทำให้เสียพระพลานามัย ท่านแม่บอกแล้ว จะคลอดน้องชายให้ซือเอ๋อร์หนึ่งคน ซือเอ๋อร์ชอบน้องชาย…”ท่าทางที่อ้อนแอ้นของ
หลังจากการเร่งรัดให้มีบุตรสิ้นสุดลง จึงจะเข้าสู่หัวข้อหลักของวันนี้——เลือกพระชายารอง ขั้นตอนการเลือกพระชายารองคือ : แสดงทีละคนเหล่าคุณหนูขึ้นมาทีละคน แสดงพรสวรรค์ด้านเพลงบทกวี และความรู้ความสามารถทางศิลปะกับดนตรีด้านต่างๆ อย่างเช่น พิณ หมากรุก เขียนอักษร วาดภาพ แล้วนำมารวมกับด้านจริยธรรม สติปัญญา ร่างกาย ผู้ที่มีความโดดเด่นด้านต่างๆ จะได้รับการคัดเลือกนี่เป็นงานเลี้ยงสุดอลังการที่น่าจับตามองอย่างไม่ต้องสงสัยคุณหนูชนชั้นสูงมากมาย ต่างมีความงามของตนเองอยู่ในตัว รูปร่างผอมอ้วนแตกต่างกันไป เหล่าขันทีมองจนตาค้าง ฉู่เชียนหลีก็ดูอย่างจดจ่อเช่นกันบอกตามตรง ที่จริงเด็กผู้หญิงชอบดูหญิงงามมากกว่าคนที่หนึ่ง ลูกสาวขุนนางฝ่ายบุ๋น ขึ้นมาก็ท่องพระราชดำรัสเกี่ยวกับการปกครองแคว้นหนึ่งบท ได้รับการชื่นชมจากฮ่องเต้ ยิ่งได้รับการปรบมือชื่นชมจากทุกคนเป็นหญิงที่มีสติปัญญามากความสามารถท่านหนึ่งคนที่สอง คุณหนูของผู้บัญชาการทหาร สวมชุดจิ้นจวง[footnoteRef:1] วิชากระบี่ที่แสดงออกมาทำเอาทุกคนตาลาย ระหว่างคิ้วอัดแน่นไปด้วยความกล้าหาญที่บีบคั้น แม้แต่ผู้ชายหลายคนก็เทียบไม่ได้ [1: ชุดจิ้งจวน เป็นชุดจ
เหล่าคุณหนูทั้งหลายแสดงความสามารถของตนเองทีละคน ได้รับการชื่นชมและการยอมรับไม่น้อย ทุกคนแลกเปลี่ยนความเห็นกัน บางครั้งก็พยักหน้า บางครั้งก็ส่ายศีรษะ ต่างมีความเห็นของตนเองทั้งหมดดำเนินไปอย่างเป็นระเบียบ…ฉู่เชียนหลีหาเวลาว่างออกไปครู่หนึ่ง ดื่มเหล้าผลไม้เยอะเกินไป ควบคู่กับนั่งนานเกินไป คนก็เยอะ อากาศไม่ถ่ายเท รู้สึกเวียนศีรษะเล็กน้อย จึงออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์ข้างนอกเงียบขึ้นเยอะ อากาศบริสุทธิ์สดชื่น รู้สึกตื่นตัวขึ้นมากในทันทีนางเรียกขันทีคนหนึ่งมา “ห้องสุขาอยู่ทางไหน?”ขันทีตอบอย่างนอบน้อม และชี้ไปทิศทางหนึ่งหลังจากฉู่เชียนหลีกล่าวขอบคุณ ก็ยกเท้าเดินไป ไม่รู้ว่าเดินไปถึงที่ใด ข้างหู มีเสียงที่ยังวัยเยาว์ของเด็กผู้หญิงตัวน้อยดังขึ้น“นางอัปลักษณ์จัง…”ฝีเท้าชะงักมองไปด้านข้าง เห็นองค์หญิงน้อยอันสูงศักดิ์ที่สวมเสื้อผ้าหรูหรา และถือตะกร้าน้อยใบหนึ่งไว้ในมือ เล่นกับเพื่อนเล่นสองคนที่อยู่ในวัยเดียวกัน กำลังเบิกตากลมโตที่สุกใส มองดูฉู่เชียนหลีด้วยความอยากรู้อยากเห็นนางก็คือลูกสาวของรัชทายาท เฟิงเจิ้งซือเพื่อนเล่นวัยเดียวกันพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดองค์หญิง กล่าวด้วยน้ำเส
ลูกสาวขุนนางใหญ่สองคนที่ชื่อเสียวอู่กับเสียวเสวี่ยหดคออย่างค่อนข้างขี้ขลาดขันทีอยู่ที่นี่ หากฉู่เชียนหลีลงมือ ไม่เกินครึ่งชั่วยาม เรื่องนางที่เป็นผู้อาวุโสคนหนึ่งรังแกเด็กก็จะแพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองหลวงถึงเวลานั้น รัชทายาทมาหาเรื่อง ฮ่องเต้ตักเตือน ผู้คนตำหนิด่าทอ ปัญหาร้อยแปดไม่รู้จบฉู่เชียนหลีใช้ดวงตาที่ลึกไม่เห็นก้นบึ้ง มองเฟิงเจิ้งซืออย่างดุร้ายแวบหนึ่ง ตอนดึงมือกลับ ปลายนิ้วเลื่อนผ่านกำไลเฉียนคุนอย่างไม่ใส่ใจจากนั้นก็ไปแล้วขันทีน้อยนึกกลัวในภายหลัง เมื่อครู่ สายตาของพระชายาอ๋องเฉินตอนจากไป…น่ากลัวมากเขาเดินเข้าไปด้วยความตกใจเล็กน้อย กล่าวอย่างนอบน้อม “องค์หญิงซือเอ๋อร์ ท่านออกมานานมากแล้ว บ่าวพาท่านไปที่งานเลี้ยงขอรับ”“ไม่ไป ไม่ไป ผู้หญิงพวกนั้นอัปลักษณ์มาก ยังกล้าเพ้อฝันท่านพ่อข้า ข้าไม่ชอบพวกนางเลยสักนิด ข้าต้องการให้ท่านแม่คลอดน้องชายให้ข้าเท่านั้น!”“องค์หญิงซือเอ๋อร์…”หลังจากนั้นสองเค่อฉู่เชียนหลีกลับถึงงานเลี้ยง การคัดเลือกก็ดำเนินการมาถึงช่วงท้ายแล้ว ทุกคนกำลังปรึกษากัน ส่วนเจตนาของฮ่องเต้คือ นอกจากเลือกพระชายารองรัชทายาท ผู้สมัครคนอื่นที่เหมาะสม ประท
นางรีบวิ่งเข้าไป แต่ผิวหนังที่อยู่นอกร่มผ้าของเด็ก ไม่มีส่วนใดที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ตรงที่แดงก็แดง ตรงที่บวมก็บวม อยากอุ้มก็ไม่รู้จะเอามือไปวางตรงไหนขันทีน้อยคุกเข่าลงอย่างหวาดกลัว ขอรับโทษอย่างตระหนกตกใจ “องค์หญิงซือเอ๋อร์กำลังเล่นกับคุณหนูน้อยสองท่าน เดิมทีก็เล่นกันอยู่ดีๆ แต่จู่ๆ ก็มีผึ้งฝูงหนึ่งบินมาจากที่ไหนก็ไม่รู้ ไล่ต่อยองค์หญิงซือเอ๋อร์ ไล่อย่างไรก็ไม่ไป…”“ไร้ประโยชน์!”พระชายารัชทายาทถีบขันทีน้อยจนหน้าหงาย อุ้มเด็กขึ้นมา ปวดใจเหมือนถูกมีดกรีดใบหน้าของเด็กผู้หญิงสำคัญเพียงใดแต่ใบหน้าของเด็กกลับไม่มีส่วนไหนที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์!หากทิ้งรอยแผลเป็นไว้…เด็กคือชีวิตของนาง!“เต๋อฝู รีบเรียกหมอหลวง!” ฮ่องเต้กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม เต๋อฝูรีบวิ่งไปที่สำนักหมอหลวงเฟิงเจิ้งอวี้ก็โกรธเช่นกัน “เหตุใดอยู่ดีๆ จึงมีผึ้งบินมา? ในวังหลวงอาจมีผึ้งน้ำตาลที่เก็บน้ำผึ้งบ้าง แต่พวกมันไม่ต่อยคน องค์หญิงไม่ได้ไปยุ่งกับพวกมัน เหตุใดจึงบาดเจ็บเช่นนี้?”ขันทีน้อยกลัวมาก“รัชทายาทโปรดใจเย็น รัชทายาทโปรดใจเย็น! บ่าวก็ไม่รู้เช่นกันขอรับ บ่าว…อ๊า!”“แค่เด็กคนหนึ่งก็ไม่มีปัญญาดู เลี้ยงเส
เป็นฉู่เชียนหลี?ซ่า…ทุกคนมองไปทางฉู่เชียนหลีอย่างตะลึงงัน มีทั้งประหลาดใจ มีทั้งตกตะลึง มีทั้งไม่อยากกล้าเชื่อตามหลักแล้ว พระชายาอ๋องเฉินกับองค์หญิงซือไม่มีความบาดหมางต่อกัน ไม่น่าจะลงมือกับเด็กเล็กอย่างโหดเหี้ยมเช่นนี้เป็นไปได้อย่างไร?พระชายารัชทายาทก็ประหลาดใจเล็กน้อยเช่นกัน รีบกล่าว“ซือเอ๋อร์ ต่อหน้าเสด็จปู่ของเจ้า และมีผู้คนมากมายอยู่ที่นี่ เจ้าห้ามโกหกเด็ดขาด”เฟิงเจิ้งซือใช้นิ้วมือเล็กๆ ที่บวมขยี้ตา น้ำตาเม็ดใหญ่ไหลลงข้างล่าง สะอึกสะอื้น“ไม่ ข้าไม่ได้โกหกนะ ท่านแม่ นางเป็นผู้หญิงชั่ว นางนั่นแหละ…”นางพูดอย่างมั่นใจว่าเป็นฉู่เชียนหลีทุกคนเห็นแล้ว สีหน้าเริ่มแปลกประหลาดอย่างคลุมเครือเด็กอายุห้าขวบไม่มีทางโกหกหรือเป็นฝีมือของพระชายาอ๋องเฉินจริง?“เป็นนาง…”นอกฝูงชน มีเสียงของเด็กผู้หญิงที่วัยเยาว์ดังขึ้น ลูกสาวของขุนนางใหญ่สองคนจูงมือกันเข้ามา สายตาที่มองไปทางฉู่เชียนหลีดูกลัวๆ คอก็หดลงหลายส่วนด้วยความกลัวเช่นกันเสียวอู่พูด “เมื่อครู่พวกเรากับองค์หญิงกำลังเล่นเด็ดดอกไม้ ผู้หญิงชั่วคนนี้ก็จะตีพวกเราแล้ว”เสียวเสวี่ยที่อยู่ด้านข้างพยักหน้ากล่าว “หากไม่ใช่เพร
“เด็กไม่มีทางโกหก…”“ใช่แล้ว องค์หญิงยังเด็กเช่นนั้น ได้รับการศึกษาที่ดีที่สุด และยิ่งเป็นหลานสาวคนโตสายตรงที่ฝ่าบาทให้ความสำคัญ ไม่มีทางโกหก หรือพระชายาอ๋องเฉินทำร้ายเด็กจริง…”ทุกคนหันไปมองหน้ากัน เสียงวิพากษ์วิจารณ์เบามากกระซิบกระซาบแม้ไม่กล้าพูดมาก แต่เสียงซู่ๆ ซ่าๆ ที่เบามากเหล่านี้ ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าสงสัยในความประพฤติของฉู่เชียนหลีทุกคนคิดว่า เด็กอายุยังน้อย คำพูดของเด็กเป็นความจริงเด็กคนหนึ่งโกหก เป็นไปไม่ได้ที่จะโกหกทุกคนเด็กสามคนต่างมั่นใจว่าเป็นพระชายาอ๋องเฉิน แม้แต่ขันทีน้อยก็เห็นกับตา หลักฐานหนักแน่นดั่งขุนเขาแล้ว หรือยังจะผิดได้อีก?ชั่วขณะ สายตาของทุกคนที่มองฉู่เชียนหลีแตกต่างกันออกไป…พระชายารัชทายาทอุ้มเด็กไว้อย่างปวดใจ สองมือสั่นเทาจนไม่กล้าสัมผัสใบหน้าที่เต็มไปด้วยแผล “ลูกแม่…”น้ำตาเม็ดใหญ่ไหล“ลูกแม่ ตกลงเจ้าไปทำเรื่องอะไรที่ผิดต่อฟ้าดิน จึงต้องถูกปฏิบัติอย่างไร้มนุษยธรรมเช่นนี้ พระชายาอ๋องเฉิน ตกลงข้าไปล่วงเกินอะไรเจ้า เจ้ามีความแค้นอะไรก็มาหาข้า ลงมือกับเด็ก เจ้ายังมีสามัญสำนึกหรือไม่?”เงยหน้าฉับพลัน ดวงตาที่ร้องไห้จนแดงเต็มไปด้วยความโกรธและร้
ทุกคนรออยู่ที่นอกประตูเมือง เฟิงเย่เสวียนขี่ม้าเข้าไปใกล้ สายตาจ้องฉู่เชียนหลีอย่างลึกซึ้งหลายวินาทีฉู่เชียนหลียิ้มระหว่างทั้งสองคน คำพูดมากมายไม่จำเป็นต้องพูด แค่สบตากัน ก็สามารถเข้าใจกันแล้วผ่านไปครู่หนึ่งเขาถอนสายตากลับ กระตุกม้าให้หยุดลง โน้มกายและเอื้อมมือไปรับลูก“ส่งเขาให้ข้า”เฟิงเจิ้งหลียิ้มได้อ่อนโยนมาก ก้าวไปข้างหน้าครึ่งก้าวอย่างเชื่อฟัง ยกมือทั้งสองข้างขึ้นเล็กน้อย ส่งเด็กที่อยู่ในมือออกไป“น้องเจ็ด เดินทางปลอดภัย”เขาเน้นเสียงคำว่า ‘ปลอดภัย’ เป็นพิเศษ เหมือนมีความหมายที่ลึกซึ้งซ่อนอยู่อ๋องเฉินยื่นมือออกมาแล้ว ขณะที่กำลังจะสัมผัสโดนเด็ก เฟิงเจิ้งหลีปล่อยมือกะทันหันทันใดนั้นเด็กสูญเสียแรงยึดเหนี่ยว ร่วงลงไปโดยตรง!“จื่อเยี่ย!”พลันเฟิงเย่เสวียนแน่นหน้าอก กระโดดลงจากม้าด้วยความเร็วที่เร็วที่สุด ก็เห็นอ๋องหลีรับเด็กไว้แล้ว และก็เพราะพริบตาที่เขาเผลอนี้ จึงถูกธนูลับดอกหนึ่งยิงเข้าที่สะบักฉึก…“อาเฉิน!”“ท่านอ๋อง!”เหตุการณ์เกิดขึ้นกะทันหัน ไม่มีใครรับมือทันเวลาเฟิงเจิ้งหลีใช้มือซ้ายอุ้มเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ย มือขวาจับตัวฉู่เชียนหลี ถอยหลังเจ็ดแปดก้าว ขณะ
เฟิงเย่เสวียนเดินออกมาข้างหน้าหนึ่งก้าว “ปล่อยฉู่เชียนหลีกับเด็ก ข้าอยู่เอง เจ้าจับฉู่เชียนหลีไม่มีประโยชน์ มีเพียงจับข้าเท่านั้น เจ้าจึงจะสามารถนั่งราชบัลลังก์ได้อย่างมั่นคง”เฟิงเจิ้งหลีเย้ยหยัน“อย่ามาต่อรองกับข้า ข้ายอมถอยให้แล้ว ถ้าหากยังได้คืบจะเอาศอก ข้าไม่ถือสาที่จะพินาศไปพร้อมกัน”ฉู่เชียนหลีรีบถอยกลับมาจับข้อมือเฟิงเย่เสวียน กล่าวเสียงเบา “เจ้าพาจื่อเยี่ยไป!”“เชียนหลี…”“คนที่เขาต้องการคือข้า มีเพียงเจ้าไปและมีชีวิตรอดต่อไปเท่านั้น จึงจะมีโอกาสพลิกสถานการณ์ จื่อเยี่ยไปแล้ว ข้าจึงจะวางใจ ถึงเวลานั้น เขาก็ไม่มีข้อได้เปรียบอีก และไม่จำเป็นต้องกลัวเขาอีกแล้ว” ฉู่เชียนหลีวิเคราะห์เบาๆ อย่างฉับไวเฟิงเจิ้งหลีไม่มีทางฆ่านางใช้นางคนเดียว แลกกับความปลอดภัยของจื่อเยี่ย แลกกับความปลอดภัยของทุกคน อย่างไรก็ดีกว่าสู้กันตายไปข้างหนึ่ง เลือดนองเหมือนแม่น้ำไม่ใช่ว่านางจะถูกขังอยู่ในเมืองหลวงตลอดไปตราบใดที่ยังมีชีวิต ก็มีโอกาสเฟิงเย่เสวียนรู้ผลได้ผลเสียในนี้ เด็กคนนี้อย่างไรก็ต้องช่วย แต่เขาจะทิ้งฉู่เชียนหลีไว้คนเดียวได้อย่างไร“เชียนหลี ข้ามันไร้ประโยชน์”“ข้าไม่อนุญาตให้เจ
เมื่อพรรคของอ๋องหลีได้ยินเช่นนี้ ก็กลัวทันทีดูท่าทีของพระชายาอ๋องเฉิน นี่กำลังจะเปิดฉากสังหารครั้งใหญ่ในวังชัดๆ!ฆ่าคนติดต่อกันสองคน ไม่กระพริบตาแม้แต่ทีเดียวเลือดกระเซ็นโดนใบหน้า ก็เย็นเฉียบท่าทางที่ชั่วร้ายเหมือนปีศาจนั่น ทำให้ขุนนางหลายคนเกิดความกลัว ลองถามคนทั่วหล้า จะมีสักกี่คนที่ไม่กลัว? อยู่ต่อหน้าความเป็นความตาย ทุกคนล้วนเห็นแก่ตัวพวกเขาไม่อยากตายขุนนางคนหนึ่งกลัวจนพูดติดอ่าง“อ๋อง อ๋องหลี…อย่างไรเด็กที่อยู่ในมือท่านก็เป็นพระนัดดาองค์โต เป็นสายเลือดของราชวงศ์ ถ้าหากฆ่าเขา ในวันข้างหน้า มลทินของท่านจะถูกบันทึกไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์ เกรงว่าจะถูกคนรุ่นหลังด่าทอต่อๆ กันเป็นหมื่นปี”ขุนนางอีกคนก็กล่าวเสียงสั่น“อ๋องเฉินโปรดพิจารณา…”ถ้าหากสู้กันจริงๆ พวกเขาสู้ไม่ไหวอ๋องเฉินมีฮ่องเต้หนุนหลัง มีกองทัพ มีกำลังทหาร อ๋องเฉินเป็นฝ่ายได้เปรียบทุกด้านในมืออ๋องหลี นอกจากพระนัดดาองค์โต ก็ไม่มีเบี้ยอย่างอื่นแล้ว อีกทั้ง ทหารรักษาพระองค์ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ทหารองครักษ์เงาของอ๋องเฉินเมื่อไรที่สู้กัน พวกเขาจะตายกันหมดไม่จำเป็นต้องตายไปครั้งหนึ่ง บางครั้ง เมื่อเห็นว่าพอแล้วก
เฟิงเย่เสวียนแค่ขมวดคิ้วทีหนึ่ง ก็ข่มความเจ็บปวดนี้ลงไปผู้บัญชาการจางฟาดอย่างดุร้ายลองคิดดูเขาที่เป็นขุนนางคนหนึ่ง สามารถใช้แส้ฟาดองค์ชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด นี่เป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจเพียงใด พูดคำนี้ออกไป เขาสามารถอวดสามสิบปียิ่งฟาดยิ่งรู้สึกสนุก ยิ่งฟาดยิ่งแรงเพี๊ยะ!เพี๊ยะๆๆ!ทุกคนร้อนใจจนกระทืบเท้า แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไป อ๋องหลีบ้าไปแล้ว เขาไม่ใช่อ๋องหลีที่เข้าถึงได้ง่ายอีกแล้ว!ฉู่เชียนหลีเพิ่งคิดจะกระโจนเข้าไป ก็ถูกอ๋องหลีสั่งให้คนคุมตัวไปยืนอยู่ข้างๆ บังคับให้นางมองดูต่อหน้าต่อตา“ฉู่เชียนหลี ข้าเคยบอกแล้ว เจ้าจะต้องเสียใจ คนไร้ประโยชน์อย่างเฟิงเย่เสวียน แม้แต่ลูกชายก็ปกป้องไม่ได้ มีประโยชน์อะไร”แววตาเฟิงเจิ้งหลีเปล่งแสงที่บ้าคลั่ง“เขาเป็นแค่คนไร้ประโยชน์ ฝ่าบาทจะให้ความสำคัญกับคนไร้ประโยชน์เช่นนี้ได้อย่างไร? ฉู่เชียนหลี เจ้าว่าเจ้าตาบอดใช่หรือไม่? เจ้าดูสภาพที่สะบักสะบอมของเขาตอนนี้ เหมือนสุนัขตัวหนึ่ง เจ้าก็ยังชอบเขา เช่นนั้นเจ้าก็เป็นสุนัขตัวเมียที่แพศยา”เขายิ้มอย่างชั่วร้าย สิ่งที่พูดออกมายิ่งไม่น่าฟังทุกคนตาแดง อยากพุ่งเข้าไปสับอ๋องหลีเป็นชิ้นๆ เสีย
ผู้ชายที่ร่างกายสูงใหญ่งอหัวเข่า คุกเข่าอยู่ตรงหน้าอ๋องหลีอย่างตั้งตรง แม้อยู่ต่ำกว่า แต่ความสูงศักดิ์ที่แผ่ซ่านออกมาจากกระดูก ไม่ลดน้อยลงเลยสักนิดตลอดหลายปีที่ผ่านมา นอกจากคุกเข่าให้ฮ่องเต้และบรรพชน พวกเขาไม่เคยเห็นอ๋องเฉินคุกเข่าให้ใครเฟิงเจิ้งหลีเห็นดังนี้ แหงนหน้าหัวเราะ“ฮ่าๆๆ!”คิดไม่ถึงจริงๆ เขาจะมีวันนี้ด้วยลูกชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด แพ้ให้กับลูกชายที่ไม่โปรดปรานที่สุด ไม่สะดุดตาที่สุด และยังถูกทุกคนรังแก ความรู้สึกที่อยู่เหนือกว่าเช่นนี้ ทำให้ในใจเขาสาแก่ใจจริงๆ“ฮ่าๆๆๆ เฟิงเย่เสวียน เจ้าก็มีวันนี้ด้วย!”หัวเราะเสร็จ เขารู้สึกว่าความเย่อหยิ่งของอ๋องเฉินมันขัดตาทั้งๆ ที่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบจนต้องคุกเข่า เหตุใดยังอวดดีหยิ่งผยองเช่นนี้?เขาออกคำสั่ง “ก้มหัวเจ้าลงไป”เฟิงเย่เสวียนเม้มปาก ก้มศีรษะลงเขาออกคำสั่งอีกครั้ง “โขกศีรษะ!”“อ๋องหลี ท่านอย่ารังแกให้มันมากนัก! ท่านกับท่านอ๋องของเราเป็นคนรุ่นเดียวกัน ท่านรับการโขกหัวจากเขาไม่ได้! ไม่กลัวบรรพชนรู้แล้ว อายุสั้นหรือ!” พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความโกรธเพิ่งกล่าวจบ ก็ถูกผู้บัญชาการจางถีบจนล้มลงพื้นหลังจากล้มลง ก
“ปล่อยคนของเจ้าแล้ว เจ้าเป็นอิสระแล้ว คืนลูกให้ข้า” ฉู่เชียนหลีจ้องเขาเฟิงเจิ้งหลีเหลือบมองเด็กน้อยในอ้อมแขน ท่าทางที่ร้องไห้จนหน้าแดง เห็นแล้วปวดใจนักคิดว่าแค่นี้ก็จบแล้วหรือ?เขายิ้ม“ฉู่เชียนหลี เหมือนเจ้าจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์นะ?”“?”“……”“เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาต่อรองกับข้า? เด็กอยู่ในมือข้า เป็นหรือตายขึ้นอยู่กับข้า ถึงคราวที่เจ้าต้องมาสอนข้าทำงานตั้งแต่เมื่อไร?”สีหน้าฉู่เชียนหลีเคร่งขรึมทันทีเห็นได้ชัด เขาได้คืบจะเอาศอก“เจ้ายังต้องการอะไรอีก?”“ข้าหรือ” เขาเงยหน้าด้วยรอยยิ้ม กวาดมองทุกคน และตำหนักอันหรูหราหลังนี้ วังหลวงที่กว้างใหญ่แห่งนี้ แผ่นดินที่ดีเช่นนี้เขาต้องการอะไร ยังต้องให้พูดอีกหรือ?แต่ว่า มองดูท่าทางที่ร้อนใจของฉู่เชียนหลี เขาเกิดอยากสนุก ต้องการระบายความคับข้องใจที่ได้รับในสองวันนี้ออกมาให้หมดลูบแก้มของเด็กน้อยพลางกล่าว“อยากได้ลูกคืน ไม่มีปัญหา มันก็ต้องดูว่าอ๋องเฉินมีความจริงใจหรือไม่”เงียบไปครู่หนึ่ง“อืม หรือไม่อ๋องเฉินคุกเข่า โขกหัวให้ข้าสามครั้ง ข้าก็คืนลูกให้เจ้า เป็นอย่างไร?”ฉู่เชียนหลีโมโหแล้วด้วยนิสัยที่ยอมหนึ่งก้าว จะเอาสิบก้าวข
“เจ้า!”ฉู่เชียนหลีถูกความเฉยเมยของนางยั่วจนโมโหแล้ว ยิ่งคิดไม่ถึงว่าใต้ฟ้าจะมีแม่ที่ไร้ความรับผิดชอบเช่นนี้มันก็จริงฉู่เจียวเจียวกับเฟิงเจิ้งหลี ถ้าไม่เหมือนกันก็คงอยู่ด้วยกันไม่ได้ ไม่มีอะไรที่พวกเขาสองสามีภรรยาทำไม่ลงรอหลังจากลู่ฉินเติบโต รู้ว่าตัวเองมีแม่เช่นนี้ ไม่รู้ว่าจะเศร้าเพียงใด!“ฉู่เชียนหลี เฟิงเย่เสวียน พวกเจ้าเลิกพูดไร้สาระได้แล้ว รีบปล่อยตัวอ๋องหลี ความอดทนข้ามีขีดจำกัด!” ฉู่เจียวเจียวกล่าวอย่างเย็นชา“จะเอาชีวิตของลูกชาย หรือจะปล่อยคน พวกเจ้าเลือกเอง”อย่างไรนางก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้วไม่ดิ้นรน ตายสถานเดียวดิ้นรน เดิมพัน ยังมีโอกาสสายตาเฟิงเย่เสวียนเคร่งขรึมมาก หางตาเหลือบมองหานเฟิง หานเฟิงเข้าใจทันที เขาซ่อนมือไว้ที่หลัง และทำท่าสัญญาณมือไปที่ด้านหลังมือธนูเตรียมพร้อมจู่ๆ ฉู่เจียวเจียวก็กล่าวเสริมอีกประโยคอย่างเย็นชา “พวกเจ้าสามารถลองดูได้ ดูสิว่าการเคลื่อนไหวของพวกเจ้าไว หรือมีดที่อยู่ในมือข้าเร็ว”“ต่อให้ข้าตาย การฆ่าเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ยก็ใช้เวลาแค่พริบตาเดียว”ฉู่เชียนหลีสั่งให้มือธนูหยุดทันที “ปล่อยคน!”อย่าทำอะไรบุ่มบ่ามผู้หญิงคนนี้มันเป็นผู
พลันฉู่เชียนหลีแน่นหน้าอก“หยุดนะ…”“อย่าเข้ามา!”ฉู่เจียวเจียวถอยหลังสามก้าว มือซ้ายจับเด็ก มือขวาถือมีดสั้น มีดสั้นที่แวววาวจ่ออยู่บนผิวอันบอบบางของเด็ก กรีดจนรอยเลือดออกแล้วเลือดไหลออกมาแล้ว“จู่ๆ เจ้าก็มาเป็นห่วงข้า และยังพยายามอยากอุ้มลูกทุกวิถีทาง ข้าก็รู้แล้วว่าเจ้าไม่ได้มีเจตนาดี”นางยิ้มอย่างเย็นชา“เหอะ! ดูเหมือนฮ่องเต้ที่แกไม่ตายสักทีนั่นเป็นคนบอกเรื่องนี้กับเจ้าสินะ!”ไอ้แก่ เป็นอัมพาตเฉียบพลันยังไม่ยอมอยู่อย่างสงบเสงี่ยมอีกต่อให้รู้ความจริงแล้วอย่างไร?ชีวิตของเด็กคนนี้อยู่ในมือนาง“ฉู่เชียนหลีนะฉู่เชียนหลี เจ้าคิดอย่างไรก็คงคิดไม่ถึงกระมังว่า เจ้าเลี้ยงลูกสาวข้า ข้าเลี้ยงลูกชายเจ้า และก็ต้องขอบคุณลูกชายคนดีคนนี้ของเจ้า กลายเป็นตัวช่วยที่สำคัญของอ๋องหลี” นางเผยอมุมปาก รอยยิ้มนั้นน่ากลัวมากฉู่เชียนหลียืนตัวแข็งอยู่ตรงที่เดิม ไม่กล้าขยับ“เจ้าต้องการอะไร?”ฉู่เชียนหลีจ้องมีดสั้นในมือนาง กลัวว่านางจะพลั้งเผลอกรีดโดนคอของเด็กตั้งครรภ์สิบเดือนลูกชายเป็นก้อนเนื้อชิ้นหนึ่งที่ตกลงมาจากร่างกายนางนางไม่กล้าเดิมพัน และเดิมพันไม่ไหวฉู่เจียวเจียวกล่าว “ข้าต้องก
กลางดึกกำลังถึงช่วงที่คนเงียบสงบ คนกลุ่มหนึ่งวิ่งไปที่ตำหนักเจาหยางราวกับคลื่นยักษ์ ตอนที่ใกล้จะถึง ฉู่เชียนหลีตวาดสั่งให้พวกเขาหยุด“พวกเจ้าอยู่ห่างๆ อยากเข้าใกล้!”พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความเป็นห่วง “พระชายา พวกเราต้องไปเอาพระนัดดาองค์โตกลับมา นั่นเป็นเลือดเนื้อของท่านกับท่านอ๋องนะ”“ข้ารู้!”ก็เพราะรู้ จึงไม่ให้พวกเขาเข้าใกล้“ไปทำอะไรคนเยอะแยะ ถ้าหากบีบจนฉู่เจียวเจียวไม่มีทางเลือก นางทำอะไรขึ้นมา…”ฉู่เชียนหลีแทบจะเป็นบ้าแล้ว ร้อนรนเหมือนมดที่อยู่บนกระทะร้อน ทั้งร้อนใจทั้งไม่สบายใจ น้ำเสียงก็ค่อนข้างฉุนเฉียวไม่อยากพูดมาก วิ่งเข้าไปในตำหนักเจาหยางเพียงลำพัง คนอื่นรออยู่ที่ข้างนอก ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามภายในตำหนักฉู่เจียวเจียวกำลังกล่อมจื่อเยี่ย ฉู่เจียวเจียวมาแล้ว นางมองเด็กน้อยที่อ้วนสมบูรณ์ กล่าวโดยไม่เงยหน้า“พระชายาอ๋องเฉิน ลูกของข้าเพิ่งนอนหลับ ”โปรดให้อภัย ข้าอุ้มเขาไว้ ร่างกายหนัก ไม่สะดวกลุกขึ้นยืน สายตาฉู่เชียนหลีมองไปที่ตัวเด็กเด็กน้อยอ้วนสมบูรณ์ ใบหน้าจ้ำม่ำ คิ้วละเอียดอ่อน หน้าตาที่น่ารักน่าเอ็นดู คล้ายเฟิงเจิ้งเว่ยซีแปดส่วนเหตุใดเมื่อก่อนนางไม่สังเกต