ภายในลานเรือนอันสวยงาม ท่ามกลางคุณหนูชนชั้นสูงมากมาย มีคุณหนูสวมชุดผ้าโปร่งสีชมพู และรูปร่างเพรียวบางคนหนึ่งล้มอยู่บนพื้น ฝ่ามือถลอก กรีดร้องด้วยความเจ็บปวดและมีผู้หญิงสวมชุดสีแดงเหมือนไฟ ระหว่างคิ้วเย่อหยิ่งเย็นชาคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้านาง ใบหน้าที่สวยงามอย่างยิ่ง คางที่เชิดขึ้นเล็กน้อย มีกลิ่นอายอันสูงศักดิ์ที่ไม่อาจล่วงเกินแผ่ซ่านตั้งแต่หัวจรดเท้าคุณหนูใหญ่ตระกูลฉู่——ฉู่หงหลวน!นางยกมือขึ้น โยนปิ่นปักผมฝังพลอยทับทิมที่ทำจากทองคำบริสุทธิ์ลงพื้น กล่าวด้วยรอยยิ้มเย็นชา“หลิ่วซวงเสวีย เจ้าเป็นถึงลูกสาวของใต้เท้าหลิ่ว แต่กลับขโมยทรัพย์สินของข้า ใช้วิธีการที่ต่ำช้าเช่นนี้ ยังกล้าเพ้อฝันคิดจะเป็นพระชายารองรัชทายาทอีกหรือ?”มีเหล่าคุณหนูไม่น้อยมามุงดูหลิ่วซวงเสวียที่สวมชุดผ้าโปร่งสีชมพูส่ายศีรษะ“ข้าไม่ได้…ข้าไม่ได้ทำ…ไม่รู้ว่ามันมาอยู่ในกระเป๋าข้าได้อย่างไร ข้าไม่รู้…”“จะบอกว่ามันมีขา วิ่งไปอยู่บนตัวเจ้าเองอย่างนั้นหรือ?” ฉู่หงหลวนหรี่ตาหงส์ลง ความแหลมคมในแววตาบีบคั้นคนยิ่งนัก“ใครก็ได้ รีบไปเชิญใต้เท้าหลิ่วมา ให้เขามาดูให้ชัดเจนว่าลูกสาวตัวเองเป็นหัวขโมย!”เมื่อสิ้นน้ำเสียงที่
ทันใดนั้นเขาก็โน้มตัวไปด้านข้าง ขยับเข้าใกล้ฉู่เชียนหลี กล่าวถาม“ตอนนั้นท่านกับเซียวจือฮว่าก็สู้กันอย่างเจ้าตายข้าอยู่ใช่หรือไม่ ต่อมาท่านเอาชนะเซียวจือฮว่าสำเร็จ ก็เลยได้ท่านน้าข้าไปครอบครอง?”เจ้าเด็กคนนี้ ทั้งวันทั้งคืน ในสมองกำลังคิดอะไรอยู่นะ?ฉู่เชียนหลีมองเขาแวบหนึ่ง ให้เขาไปสัมผัสด้วยตนเองนางไม่มีความสนใจต่อกันแย่งชิงความโปรดปรานของผู้หญิง ตอนที่เตรียมกระโดดลงจากกำแพง หางตาเหลือบไปเห็นร่างเงาที่เพรียวบางสายหนึ่งโดยไม่ตั้งใจเป็นผู้หญิงที่แต่งกายสะอาดสะอ้านและถ่อมตน นางนั่งอยู่บนม้านั่งของโถงทางเดิน ก้มศีรษะ อยู่เงียบๆ ไม่สุงสิงกับใครทุกคนล้วนแต่งหน้าทาปากอย่างสวยงาม หวังเพียงรัชทายาทชายตามอง นางกลับแต่งกายธรรมดามากเมื่อครู่ ตอนที่ฉู่หงหลวนสั่งสอนหลิ่วซวงเสวีย ทุกคนต่างมามุงดู มีเพียงนางที่นั่งเงียบๆ อยู่ตรงนั้นมาโดยตลอด ราวกับว่าไม่สนใจใครเลยนางถามกะทันหัน“นั่นใคร?”หลิงเชียนอี้มองไปตามทิศทางที่นางมอง ครุ่นคิดสองวินาที “รู้สึกว่าจะเป็นหลานสาวของใต้เท้าเว่ย”พูดจบ ก็พูดเสริมอีกหนึ่งประโยค“ใต้เท้าเว่ยเป็นผู้ช่วยของน้าข้า นางน่าจะเป็นคนที่ท่านน้าแนะนำ”เอ๋?เฟ
ไม่มีความคิดชั่วๆ?ตั้งแต่ออกมาจากจวนอ๋องเฉิน เขาก็เกลี้ยกล่อมนางให้เปลี่ยนและซื้อเสื้อผ้าไม่หยุด เมื่อครู่ยังคิดจะถีบนางตกน้ำ บีบให้นางจำเป็นต้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ยังกล้าบอกว่าตนเองไม่มีความคิดชั่วๆ?ฉู่เชียนหลีมองดูเขาที่อยู่ในน้ำอย่างยิ้มแย้ม ถามอย่างใจดี“เจ้าเด็กน้อย เจ้าคิดว่าข้าเชื่อหรือไม่?”นางเผยให้เห็นรอยยิ้มที่มีเมตตา อ่อนโยน สุขุม เป็นมิตรและเข้าถึงง่ายรอยยิ้มนี้สะท้อนเข้าไปในดวงตาของเด็กหนุ่ม ทำให้ร่างกายเขาสั่นสะท้าน ทันใดนั้นยิ่งรู้สึกหนาวแล้ว…จบแล้วฉู่เชียนหลีไม่ได้เป็นคนหลอกง่ายทั้งหมดนี้ต้องโทษท่านน้า!ท่านน้าบอกว่ามีไม้ซ่อนอยู่บนตัวฉู่เชียนหลี มันส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาอย่างมาก หวังว่าเขาจะยอมเสียสละตนเองอย่างกล้าหันเพื่อความรักของเขาถ้าหากบอกฉู่เชียนหลี ทำลายความสัมพันธ์ของฉู่เชียนหลีกับท่านน้า เช่นนั้นเขาก็คือคนบาปแล้วหากไม่พูด ฉู่เชียนหลีก็จะเชือดเขาโผล่หัวหดหัวก็ต้องตาย!เชี่ย!ตอนที่หลิงเชียนอี้กำลังกลัดกลุ้ม สมองแล่นฉับพลัน “เป็นฝีมือของท่านน้าข้า!”“ท่านน้าบอกให้ข้าหาวิธีเอาขนาดของท่านมา เขาจะทำเสื้อผ้าให้ท่าน!”ข้ออ้างม
จิ่งอี้วิ่งไปมาอย่างเร่งรีบ หายใจหอบเล็กน้อย ใช้สองมือยื่นเสื้อผ้าให้ฉู่เชียนหลีฉู่เชียนหลีเพิ่งมา ยังไม่ได้พูดอะไรสักคำ เขาก็ส่งเสื้อผ้าที่สะอาดมาแล้วความรู้สึกที่ถูกคนเป็นห่วงมันดีจัง“จิ่งอี้ ขอบคุณมาก” นางใช้สองมือรับมองดูรอยยิ้มที่จริงใจของนาง และดวงตาที่สุกใสเป็นประกาย สวยเป็นพิเศษ แค่ปราดเดียว เขาก็ก้มศีรษะอย่างลนลาน กล่าวอย่างเขินอายเล็กน้อย“คุณหนู ท่านกล่าวหนักแล้ว ล้วนเป็นสิ่งที่ข้าสมควรทำ ถ้าจะพูดขอบคุณ ก็เป็นพวกเราที่ต้องขอบคุณท่าน มอบสถานที่พักให้พวกเราได้อยู่”ฉู่เชียนหลียิ้มแล้วยิ้มอีก จากนั้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เรือนส่วนหลังเปลี่ยนเสร็จ เดินออกมาหลังจากถามทุกคนถึงสถานการณ์ของช่วงนี้ ทุกอย่างดำเนินการอย่างเป็นระเบียบ จู่ๆ นางก็นึกถึงผู้สมัครพระชายารองรัชทายาท ผู้หญิงที่เงียบเป็นพิเศษที่เฟิงเย่เสวียนแนะนำไม่รู้เพราะเหตุใด แต่ชอบนึกถึงบ่อยๆนางครุ่นคิดแล้วกล่าว “จิ่งอี้ เจ้าไปช่วยข้าสืบคนคนหนึ่ง”จวนอ๋องเฉินเพราะไม้พระราชทานอันนั้น ตอนนี้เขาไม่กล้าขึ้นแม้แต่เตียงฉู่เชียนหลี เกิดความไม่พอใจอย่างมาก และสื่อสารกันไม่ดี จึงมอบหมายให้หลิงเชียงอี้ไปจัดการ ส่ว
ตอนที่ฉู่เชียนหลีกลับจวนก็เป็นเวลาพลบค่ำแล้ว“พระชายา ท่านอ๋องบอกว่าจะรอท่านกินข้าวเย็นพร้อมกัน ตอนนี้กำลังยุ่งอยู่กับงานราชการในห้องหนังสือขอรับ” พ่อบ้านพลางสั่งให้เหล่าคนรับใช้ยกอาหาร พลางพูด“บ่าวจะไปเรียกเดี๋ยวนี้ขอรับ”“ไม่ต้อง” ฉู่เชียนหลียังถือกล่องของขวัญในมือ มองดูอาหารที่หลากหลายบนโต๊ะ แล้วมองดูเชือกผูกอันประณีตในมือ นางเลิกคิ้วขึ้น “ข้าไปเรียกเอง”ไปที่ห้องหนังสือเพิ่งเดินเข้าเรือนหานเฟิง ก็เห็นประตูห้องหนังสือเปิดอยู่สามารถมองเห็นเฟิงเย่เสวียนนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานแต่ไกล เขาก้มตัวเล็กน้อย ในมือถือพู่กันที่เรียวยาวหนึ่งด้าม กําลังขยับเบาๆ ท่าทางที่จดจ่อนั้น แผ่เสน่ห์ที่ไร้ลักษณ์อยู่ตลอดเวลาภายใต้แสงเทียนอันอบอุ่น โครงหน้าของเขาอ่อนโยนลงสามส่วน ดวงตาทั้งคู่หลุบลง ขนตาที่ยาวและงอทิ้งเงาที่สวยงามไว้ ชุดผาวสีหมึกอันหรูหราราคาแพงลากพื้น ท่าทางที่หล่อเหลาราวกับภาพวาด ไม่ว่าผู้หญิงคนใดเห็นแล้วก็ต้องรู้สึกแน่นหน้าอกฉู่เชียนหลียืนอยู่ตรงที่เดิม มองไปทางเขาด้วยสายตาลึกซึ้งหากทิ้งบุญคุณความแค้นในอดีต เขาเป็นคนที่ยอดเยี่ยมมากจริงๆ อุทิศตนเพื่อประชาชน ฉลาดหลักแหลม ประสบความส
ฉู่เชียนหลีชมอย่างเต็มปาก ทำให้เฟิงเย่เสวียนปลื้มปีติอย่างยิ่ง พึงพอใจอย่างล้นหลามความตื่นเต้นเช่นนี้ ดีใจยิ่งกว่าชนะสงคราม พึงพอใจยิ่งกว่าได้รับคำชมจากฮ่องเต้ ได้รับการยอมรับจากประชาชน!ฉู่เชียนหลีวางกล่องของขวัญในมือลงบนโต๊ะ “ให้ท่าน”“ข้ามีของขวัญด้วย?”เขารีบวางภาพวาดลง ยกกล่องอันประณีตขึ้น ลูบลวดลายและเชือกผูกบนนั้นอย่างแผ่วเบา อยากเปิดดูจนแทบรอไม่ไหวแล้วดูท่าทางของเขาสิ ดวงตาเป็นประกาย เหมือนเด็กที่ได้รับลูกอมนี่ดูเหมือนจะเป็นครั้งแรกที่ฉู่เชียนหลีอยู่กับเฟิงเย่เสวียนได้อย่างกลมกลืนและเป็นมิตรเช่นนี้ แม้ว่าจะมาอย่างกะทันหัน แต่ไม่รู้สึกรังเกียจนางก้มศีรษะ เตะปลายรองเท้า กล่าวอย่างไม่ใส่ใจ“เจอระหว่างทางกลับ รู้สึกว่าค่อนข้างสวย ก็เลยซื้อมาด้วย ใช้เงินไม่กี่ตำลึง หากท่านไม่ชอบ ก็ให้หานเฟิงไปเถอะ”พูดจบ หมุนกายก็ไปเลย“ข้าไปกินข้าวแล้ว”เฟิงเย่เสวียนเงยหน้า มองแผ่นหลังที่เดินจากไปอย่างเร่งรีบของนาง ริมฝีปากบางโค้งงอ เจตนายิ้มในแววชัดเจนมากเห็นอยู่ว่าทั้งๆ ที่ตั้งใจเลือกให้เขา แต่กลับปากแข็งบอกว่าซื้อไปเรื่อยผู้หญิงปากไม่ตรงกับใจ…เขาวางกล่องของขวัญ ไปที่ห้องโถงห
“เจ้าค่ะ…”เยว่เอ๋อร์ถอนสายบัว เดินออกไปอย่างลังเล เดินหนึ่งก้าวหันกลับมามองสามครั้งอย่างไม่วางใจ หลังจากปิดประตู ยืนเฝ้าอยู่กลางลานเรือนโดยไม่กล้าไปไหนไกลภายในห้อง ทั้งคู่อยู่เพียงลำพังฉู่เชียนหลีปัดผมที่ข้างหูอย่างสงบ หางตาเหลือบมองเฟิงเย่เสวียน“เป็นบ้าอะไรอีก?”นางคุ้นชินกับนิสัยที่ดุร้ายไม่แน่นอนของเขาแล้ว วินาทีก่อนยังอารมณ์ดีอยู่เลย วินาทีต่อมาก็สามารถโกรธจนไฟลุก เปลี่ยนสีหน้าเรียกได้ว่าเหมือนกับพลิกหนังสือ นางถามตนเอง เหมือนว่าก็ไม่ได้ทำเรื่องอะไรที่ผิดต่อเขาเฟิงเย่เสวียนหน้าบึ้ง จ้องนางด้วยสายตาเย็นชา สายตาที่เฉียบคมเหมือนนกอินทรีราวกับจะมองทะลุนาง น้ำเสียงเยือกเย็น“ข้าเป็นบ้า?”ยกเท้าเดินไปข้างหน้า กลิ่นอายบีบคั้น “ฉู่เชียนหลี ไม่ใช่เจ้าหรอกหรือที่ดูหมิ่นข้า!”สิ้นเสียงตวาด เขาหยิบของสิ่งหนึ่งออกจากแขนเสื้อกางเกงเข้ารูปตัวน้อย…สีขาวเล็กมากจริงๆ…เดิมทีเฟิงเย่เสวียนกำลังอาบน้ำอย่างอารมณ์ดี หลังจากอาบน้ำเสร็จ เตรียมเปลี่ยนเป็นของขวัญที่ฉู่เชียนหลีซื้อมาด้วยตนเอง เมื่อหยิบเสื้อขึ้นมาดู พบว่ายังมีเสื้อกับกางเกงชั้นในด้วย เตรียมได้อย่างถี่ถ้วนมากขนาดของเสื้
ขณะที่ศีรษะนางกำลังจะกระแทกประตู ประตูถูกเปิดออกจากด้านในฉับพลัน เงาสีหมึกอันสูงศักดิ์สายหนึ่งเดินออกมาแตกต่างจากตอนมาราวกับเป็นคนละคนโดยสิ้นเชิง ตอนมา เมฆหนาปลุกคุม ลมฝนกำลังจะมาตอนไป สายลมฤดูใบไม้ผลิปะทะหน้า อิ่มเอมเป็นพิเศษเยว่เอ๋อร์ “?”นางตะลึงงันโดยตรง ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ภายใต้ความเป็นห่วง รีบวิ่งเข้าไปในห้อง “พระชายา ท่านไม่เป็นอะไร…”เมื่อเห็นใบหน้าที่แดงก่ำของพระชายา ดวงตาเยว่เอ๋อร์เบิกกว้างทันทีสวรรค์!ท่านอ๋องทุบตีพระชายาอย่างรุนแรงภายใต้ความโกรธ ถึงตบหน้าพระชายาจนแดง!พลันเบ้าตานางแดง พุ่งเข้าไปข้างเตียงอย่างปวดใจ “ท่านอ๋องเขาทำกับท่านเช่นนี้ได้อย่างไร! เขาทำลงไปได้อย่างไร จิตใจเขาโหดเหี้ยมมาก!”ร้องไห้อย่างเจ็บปวด!“พระชายา พระชายาที่น่าสงสารของข้า! หรือไม่พวกเราไปจากที่นี่เถอะ!”ฉู่เชียนหลีกระแอมเสียงเบาอย่างกระอักกระอ่วนแค่ก!มือเล็กจับผ้าห่ม คลุมขึ้นข้างบนเล็กน้อย หดคอเข้าไปในผ้าห่มทั้งหมด กล่าวเสียงเบา“คือว่า…เยว่เอ๋อร์ เจ้าอย่าเพิ่งร้อนใจ ข้าไม่เป็นอะไร นี่ก็ดึกแล้ว เจ้ารีบไปพักผ่อนเถอะ นะ ไปเถอะ ไปเถอะ”เยว่เอ๋อร์เย็นวูบในใจเหตุใดจู่ๆ พ