ตอนที่ฉู่เชียนหลีกลับจวนก็เป็นเวลาพลบค่ำแล้ว“พระชายา ท่านอ๋องบอกว่าจะรอท่านกินข้าวเย็นพร้อมกัน ตอนนี้กำลังยุ่งอยู่กับงานราชการในห้องหนังสือขอรับ” พ่อบ้านพลางสั่งให้เหล่าคนรับใช้ยกอาหาร พลางพูด“บ่าวจะไปเรียกเดี๋ยวนี้ขอรับ”“ไม่ต้อง” ฉู่เชียนหลียังถือกล่องของขวัญในมือ มองดูอาหารที่หลากหลายบนโต๊ะ แล้วมองดูเชือกผูกอันประณีตในมือ นางเลิกคิ้วขึ้น “ข้าไปเรียกเอง”ไปที่ห้องหนังสือเพิ่งเดินเข้าเรือนหานเฟิง ก็เห็นประตูห้องหนังสือเปิดอยู่สามารถมองเห็นเฟิงเย่เสวียนนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานแต่ไกล เขาก้มตัวเล็กน้อย ในมือถือพู่กันที่เรียวยาวหนึ่งด้าม กําลังขยับเบาๆ ท่าทางที่จดจ่อนั้น แผ่เสน่ห์ที่ไร้ลักษณ์อยู่ตลอดเวลาภายใต้แสงเทียนอันอบอุ่น โครงหน้าของเขาอ่อนโยนลงสามส่วน ดวงตาทั้งคู่หลุบลง ขนตาที่ยาวและงอทิ้งเงาที่สวยงามไว้ ชุดผาวสีหมึกอันหรูหราราคาแพงลากพื้น ท่าทางที่หล่อเหลาราวกับภาพวาด ไม่ว่าผู้หญิงคนใดเห็นแล้วก็ต้องรู้สึกแน่นหน้าอกฉู่เชียนหลียืนอยู่ตรงที่เดิม มองไปทางเขาด้วยสายตาลึกซึ้งหากทิ้งบุญคุณความแค้นในอดีต เขาเป็นคนที่ยอดเยี่ยมมากจริงๆ อุทิศตนเพื่อประชาชน ฉลาดหลักแหลม ประสบความส
ฉู่เชียนหลีชมอย่างเต็มปาก ทำให้เฟิงเย่เสวียนปลื้มปีติอย่างยิ่ง พึงพอใจอย่างล้นหลามความตื่นเต้นเช่นนี้ ดีใจยิ่งกว่าชนะสงคราม พึงพอใจยิ่งกว่าได้รับคำชมจากฮ่องเต้ ได้รับการยอมรับจากประชาชน!ฉู่เชียนหลีวางกล่องของขวัญในมือลงบนโต๊ะ “ให้ท่าน”“ข้ามีของขวัญด้วย?”เขารีบวางภาพวาดลง ยกกล่องอันประณีตขึ้น ลูบลวดลายและเชือกผูกบนนั้นอย่างแผ่วเบา อยากเปิดดูจนแทบรอไม่ไหวแล้วดูท่าทางของเขาสิ ดวงตาเป็นประกาย เหมือนเด็กที่ได้รับลูกอมนี่ดูเหมือนจะเป็นครั้งแรกที่ฉู่เชียนหลีอยู่กับเฟิงเย่เสวียนได้อย่างกลมกลืนและเป็นมิตรเช่นนี้ แม้ว่าจะมาอย่างกะทันหัน แต่ไม่รู้สึกรังเกียจนางก้มศีรษะ เตะปลายรองเท้า กล่าวอย่างไม่ใส่ใจ“เจอระหว่างทางกลับ รู้สึกว่าค่อนข้างสวย ก็เลยซื้อมาด้วย ใช้เงินไม่กี่ตำลึง หากท่านไม่ชอบ ก็ให้หานเฟิงไปเถอะ”พูดจบ หมุนกายก็ไปเลย“ข้าไปกินข้าวแล้ว”เฟิงเย่เสวียนเงยหน้า มองแผ่นหลังที่เดินจากไปอย่างเร่งรีบของนาง ริมฝีปากบางโค้งงอ เจตนายิ้มในแววชัดเจนมากเห็นอยู่ว่าทั้งๆ ที่ตั้งใจเลือกให้เขา แต่กลับปากแข็งบอกว่าซื้อไปเรื่อยผู้หญิงปากไม่ตรงกับใจ…เขาวางกล่องของขวัญ ไปที่ห้องโถงห
“เจ้าค่ะ…”เยว่เอ๋อร์ถอนสายบัว เดินออกไปอย่างลังเล เดินหนึ่งก้าวหันกลับมามองสามครั้งอย่างไม่วางใจ หลังจากปิดประตู ยืนเฝ้าอยู่กลางลานเรือนโดยไม่กล้าไปไหนไกลภายในห้อง ทั้งคู่อยู่เพียงลำพังฉู่เชียนหลีปัดผมที่ข้างหูอย่างสงบ หางตาเหลือบมองเฟิงเย่เสวียน“เป็นบ้าอะไรอีก?”นางคุ้นชินกับนิสัยที่ดุร้ายไม่แน่นอนของเขาแล้ว วินาทีก่อนยังอารมณ์ดีอยู่เลย วินาทีต่อมาก็สามารถโกรธจนไฟลุก เปลี่ยนสีหน้าเรียกได้ว่าเหมือนกับพลิกหนังสือ นางถามตนเอง เหมือนว่าก็ไม่ได้ทำเรื่องอะไรที่ผิดต่อเขาเฟิงเย่เสวียนหน้าบึ้ง จ้องนางด้วยสายตาเย็นชา สายตาที่เฉียบคมเหมือนนกอินทรีราวกับจะมองทะลุนาง น้ำเสียงเยือกเย็น“ข้าเป็นบ้า?”ยกเท้าเดินไปข้างหน้า กลิ่นอายบีบคั้น “ฉู่เชียนหลี ไม่ใช่เจ้าหรอกหรือที่ดูหมิ่นข้า!”สิ้นเสียงตวาด เขาหยิบของสิ่งหนึ่งออกจากแขนเสื้อกางเกงเข้ารูปตัวน้อย…สีขาวเล็กมากจริงๆ…เดิมทีเฟิงเย่เสวียนกำลังอาบน้ำอย่างอารมณ์ดี หลังจากอาบน้ำเสร็จ เตรียมเปลี่ยนเป็นของขวัญที่ฉู่เชียนหลีซื้อมาด้วยตนเอง เมื่อหยิบเสื้อขึ้นมาดู พบว่ายังมีเสื้อกับกางเกงชั้นในด้วย เตรียมได้อย่างถี่ถ้วนมากขนาดของเสื้
ขณะที่ศีรษะนางกำลังจะกระแทกประตู ประตูถูกเปิดออกจากด้านในฉับพลัน เงาสีหมึกอันสูงศักดิ์สายหนึ่งเดินออกมาแตกต่างจากตอนมาราวกับเป็นคนละคนโดยสิ้นเชิง ตอนมา เมฆหนาปลุกคุม ลมฝนกำลังจะมาตอนไป สายลมฤดูใบไม้ผลิปะทะหน้า อิ่มเอมเป็นพิเศษเยว่เอ๋อร์ “?”นางตะลึงงันโดยตรง ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ภายใต้ความเป็นห่วง รีบวิ่งเข้าไปในห้อง “พระชายา ท่านไม่เป็นอะไร…”เมื่อเห็นใบหน้าที่แดงก่ำของพระชายา ดวงตาเยว่เอ๋อร์เบิกกว้างทันทีสวรรค์!ท่านอ๋องทุบตีพระชายาอย่างรุนแรงภายใต้ความโกรธ ถึงตบหน้าพระชายาจนแดง!พลันเบ้าตานางแดง พุ่งเข้าไปข้างเตียงอย่างปวดใจ “ท่านอ๋องเขาทำกับท่านเช่นนี้ได้อย่างไร! เขาทำลงไปได้อย่างไร จิตใจเขาโหดเหี้ยมมาก!”ร้องไห้อย่างเจ็บปวด!“พระชายา พระชายาที่น่าสงสารของข้า! หรือไม่พวกเราไปจากที่นี่เถอะ!”ฉู่เชียนหลีกระแอมเสียงเบาอย่างกระอักกระอ่วนแค่ก!มือเล็กจับผ้าห่ม คลุมขึ้นข้างบนเล็กน้อย หดคอเข้าไปในผ้าห่มทั้งหมด กล่าวเสียงเบา“คือว่า…เยว่เอ๋อร์ เจ้าอย่าเพิ่งร้อนใจ ข้าไม่เป็นอะไร นี่ก็ดึกแล้ว เจ้ารีบไปพักผ่อนเถอะ นะ ไปเถอะ ไปเถอะ”เยว่เอ๋อร์เย็นวูบในใจเหตุใดจู่ๆ พ
เฟิงเย่เสวียนสวมชุดผาวผ้าแพรสีเสี้ยวจันทร์ ทำให้เค้าโครงส่วนเอวสูงยาว เท้าเหยียบรองเท้าผ้าแพร เอวห้อยจี้หยก ผมสีหมึกรวบสูง มีกลิ่นอายแห่งความสูงศักดิ์ที่ไม่อาจเอื้อมแผ่ซ่านรอบตัว ในความหนักแน่น เผยให้เห็นความเฉียบคมสามส่วน ระหว่างความอ่อนโยน ก็ไม่ขาดความเย่อหยิ่งที่เฉยเมยราวกับเป็นเทพบุตรที่เดินออกมาจากภาพวาด เย่อหยิ่งมีเสน่ห์ไร้ที่ติบรรดาสาวใช้ต่างก็มองกันตาค้าง ดวงตาที่ชื่นชมเป็นประกายราวกับพระอาทิตย์บนท้องฟ้า“ท่านอ๋องงามนัก…”“สวรรค์! นี่คือท่านอ๋องจริงหรือ?”“ตั้งแต่ข้าเข้าจวนมาห้าปี ไม่เคยเห็นท่านอ๋องใส่ชุดสีขาว ก่อนหน้านี้คิดว่าไม่เหมาะ คิดไม่ถึงว่าพอท่านอ๋องใส่แล้ว กลับยิ่งมีเสน่ห์มากขึ้น”ตอนใส่ชุดผาวสีหมึก กลิ่นอายบีบคั้น เย็นชาหยิ่งผยองตอนใส่ชุดสีขาว ลดกลิ่นอายที่บีบคั้นส่วนนั้นไปหลายส่วน และมีความรู้สึกนุ่มนวลเพิ่มขึ้นพ่อบ้านก็ปรบมือตามด้วย ประจบสอพลอทั้งเร็วและแม่น “นี่เป็นชุดที่พระชายาเลือกด้วยมือตัวเอง มีหรือที่สายตาพระชายาจะไม่เฉียบแหลม?”บรรดาบ่าวไพร่ได้ยินแล้ว พากันยกหัวแม่มือ“สวยมาก!”“สายตาของพระชายาหาใช่ที่พวกเราจะเทียบ!”“ข้าโตจนป่านนี้แล้ว ไม่เคย
การคัดเลือกพระชายารองของรัชทายาทในวันนี้ถูกจัดขึ้นในวังหลวง สมาชิกราชวงศ์ทุกคนเข้าร่วม เป็นไปอย่างคึกคักเช้าตรู่นอกประตูวัง มีรถมาจอดอยู่ตรงนั้นห้าหกคัน หลังลงจากรถม้า จะมีขันทีพาเข้าไป เดินผ่านถนนสายยาวของวัง ไปถึงอุทยานหลวงที่ได้รับการจัดอย่างพิถีพิถัน ท่ามกลางแสงแดดที่กำลังดี จัดการคัดเลือกของวันนี้ในอุทยานหลวงที่ดอกไม้บานสะพรั่ง เหล่าคุณหนูชนชั้นสูงที่เข้าร่วมได้สวมเสื้อผ้าที่สวยที่สุด และแสดงกิริยาท่าทางที่งดงามที่สุดออกมา รออยู่ที่นี่นานแล้วเฟิงเย่เสวียนพาฉู่เชียนหลีมาถึง ก็มีคนเข้ามาทักทายทันที“เจ้าเจ็ดมาแล้ว” รัชทายาทเดินเข้ามาอย่างยิ้มแย้ม ทว่าเดินผ่านข้างกายคนทั้งสอง ไม่รอให้ตอบกลับก็ไปเลยเห็นได้ชัดว่าไม่ให้เกียรติฉู่เชียนหลีก็ไม่ได้คิดจะทักทายรัชทายาท มองข้ามเขาโดยตรง ราวกับมองไม่เห็น นางหันหน้าไปอีกด้านหนึ่งเห็นอ๋องหลีพอดีที่บังเอิญคืออ๋องหลีก็เงยหน้าขึ้นสายตาของทั้งสองประสานกันกลางอากาศ หยุดนิ่งไปสองวินาทีผ่านไปครู่หนึ่งฉู่เชียนหลีเอียงศีรษะ พยักหน้าเล็กน้อย ถือเป็นการทักทายเฟิงเจิ้งหลีหยิบจอกเหล้าหยกขาว ชูขึ้นแล้วดื่มหมดจอก ถือเป็นการตอบกลับฉู่
สีหน้าพระชายาอ๋องเฟิงบูดบึ้งทันที ดูน่าเกลียดจนเหมือนกินแมลงวันเข้าไปการไม่มีลูก เป็นความเจ็บปวดทั้งชีวิตของนาง!ขยี้แผลผู้อื่น นังแพศยาที่เลวทราม! “ฉู่เชียนหลี นี่ก็คือท่าทีที่เจ้าพูดกับพี่สะใภ้หรือ?” น้ำเสียงนางเย็นชาราวกับน้ำค้างแข็ง สายตาที่น่ากลัวแทบอยากฉีกร่างฉู่เชียนหลีทั้งเป็นเดี๋ยวนี้ฉู่เชียนหลียืดอกเล็กน้อย เผยให้เห็นรอยยิ้มที่สุภาพจางๆ“ท่านเป็นพระชายา ข้าก็เป็นพระชายา สถานะพวกเราเท่าเทียมกัน พูดกับท่านต้องใช้ท่าทีเช่นไร?”คิดว่าตนเองเป็นฮ่องเต้หรือ?ระหว่างมนุษย์ด้วยกัน เคารพซึ่งกันและกัน เจ้าปฏิบัติต่อข้าอย่างไร ข้าก็ปฏิบัติต่อเจ้าเช่นนั้น มารยาทพื้นฐานแค่นี้ก็ไม่รู้?“อย่างเจ้าเนี่ยนะคิดจะเทียบกับข้า?” พลันพระชายาอ๋องเฟิงยิ้มอย่างเย็นชา หน้าอกกระตุกอย่างดูถูกไปหนึ่งทีชาติกำเนิดนางสูงศักดิ์ ได้รับการเลี้ยงดูอย่างดี เป็นคุณหนูชนชั้นสูงอย่างแท้จริง หาใช่นังชั้นต่ำที่มีชาติกำเนิดมาจากอนุภรรยาสามารถเทียบ?“มิกล้า มิกล้า” ฉู่เชียนหลีก้มศีรษะอย่างถ่อมตน “พระชายาอ๋องเฟิงอายุมากกว่าข้าสิบสองปี หากอายุมากกว่านี้อีกนิด สามารถเป็นแม่ข้าได้แล้ว เมื่อครู่เข้าล่วงเกินแล้ว
ฟังมาถึงตรงนี้ ฉู่เชียนหลีเข้าใจทันทีที่แท้…นี่คือข้อความเร่งรัดให้มีบุตร!“เจ้าใหญ่ จวนเจ้ามีผู้หญิงเยอะที่สุด เหตุใดจึงมีลูกแค่คนเดียว? กลัวเราไม่มีปัญญาเลี้ยงใช่หรือไม่? เจ้าช่างเป็นลูกชายคนโตที่เอาใจใส่เรายิ่งนัก!” การด่าทอด้วยความโกรธของฮ่องเต้มุ่งเป้าไปที่รัชทายาทเฟิงเจิ้งอวี้เป็นคนแรกเฟิงเจิ้งอวี้ลุกขึ้นทันที กล่าวอย่างตระหนกตกใจ “เสด็จพ่อโปรดเย็นพระทัยก่อน หม่อมฉันกำลังพยายามแล้ว ปีหน้าต้องให้พระองค์ได้อุ้มเจ้าตัวน้อยที่จ้ำม่ำแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!”“คำพูดนี้เราฟังจนหูด้านแล้ว เจ้าอายุสามสิบปีแล้ว เจ้าไม่รู้ตัวเลยหรือ?”“...เสด็จพ่อโปรดเย็นพระทัย…”เฟิงเจิ้งอวี้ก้มศีรษะลงแต่โดยดี รัชทายาทแห่งแคว้น เกือบถูกชี้หน้าผากตำหนิแล้วพระชายารัชทายาทสะกิดเด็กผู้หญิงข้างกายเด็กผู้หญิงตัวน้อยที่มัดผมเปียเขาแกะ อายุประมาณสี่ห้าขวบ แต่งตัวน่ารักไร้เดียงสาลุกขึ้นยืน นางถอนสายบัวอย่างเอาจริงเอาจัง กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม“เสด็จปู่อย่ากริ้วเลยเพคะ โกรธแล้วจะทำให้เสียพระพลานามัย ท่านแม่บอกแล้ว จะคลอดน้องชายให้ซือเอ๋อร์หนึ่งคน ซือเอ๋อร์ชอบน้องชาย…”ท่าทางที่อ้อนแอ้นของ