เฟิงเย่เสวียนกลับรู้โชคดี ที่สามารถได้ยินความในใจของนาง ไม่อย่างนั้นละก็ไม่รู้ถึงความคิดของคน ๆ หนึ่ง ว่าจะมากมายขนาดนี้อีกทั้ง ยังหน้าหนาขนาดนี้!“ฉู่เชียนหลี? เจ้าไม่เชื่อข้าก่อน สงสัยในนิสัยของข้า คนที่ควรจะน้อยใจควรเป็นข้าไม่ใช่หรือ”อยู่ด้วยกันมาตั้งนานขนาดนี้ ผ่านเรื่องราวมามากมาย ในสายตาของนาง เขาเป็นคนที่แยกแยะถูกผิดไม่ได้ เข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์?อยากจะแหวกอกนาง แล้วควักหัวใจของนางออกมา ดูว่าข้างในใส่อะไรเอาไว้!มีเขาอยู่หรือไม่กันแน่!ฉู่เชียนหลีก้มหน้า เงียบไปเล็กน้อย——เป็นเพราะตัวเองไม่พูดให้ชัด ยังจะมาโทษฉันอีก? ถ้าตอนนั้นนายอธิบายสักหน่อย ฉันจะเข้าใจผิดเหรอ? นายทำตัวเอง“...”เฟิงเย่เสวียนหน้าหมอง “พูดมา! ในสายตาของเจ้า ข้าเป็นคนอย่างไรกันแน่!”ฉู่เชียนหลีก้มหน้า นิ้วเขี่ยแขนเสื้อ คิดอย่างจริงจังขึ้นมา——ถึงแม้ว่านายจะอารมณ์ฉุนเฉียว นิสัยแย่ ขี้โมโห แต่เมื่อเผชิญหน้ากับชาวบ้าน ก็นับว่าเป็นคนดี——ปราบโจรภูเขากว่างหนิง ช่วยชาวบ้านผู้บริสุทธิ์เอาไว้เยอะแยะ ตอนลาดตระเวนทางใต้ ก็ช่วยเหลือคนเอาไว้ตั้งมากมายขนาดนั้น เรื่องการทำงาน นายมักจะอยู่ในห้องหนังสือครึ่งคืน จริง
เฟิงเย่เสวียนถามตัวเอง เมื่อครู่นี้เขาไม่ได้พูดคำที่รุนแรงเลยแม้แต่ประโยคเดียว แล้วก็ยังแฝงไปด้วยทัศนคติที่ดี มาตามหาฉู่เชียนหลีด้วยความจริงใจ ไม่ได้มีเจตนาที่จะดุนางเขาสาบานรถม้ามาถึงจวนอ๋องเฉินไม่รอให้จอดสนิท ฉู่เชียนหลีก็เปิดม่าน กระโดดลงไป บุ้ยปากอย่างไม่พอใจ“ผู้ชายก็เป็นแบบนี้ทุกคน ให้แสงหน่อยก็สว่างไสวขึ้นมาเลย ทำไม ท่านพูดแค่ไม่กี่ประโยค ข้าก็ต้องรักท่านจนหัวปักหัวปำเลยอย่างนั้นหรือ? ถ้าเช่นนั้นข้าจะพูดบ้างสักสองประโยค...”เฟิงเย่เสวียนหูตั้ง “เจ้าพูดมาสิ! ข้ารออยู่”“...”ฉู่เชียนหลีค้อนเขาทีหนึ่งอย่างอารมณ์เสีย สะบัดก้น แล้วเดินเข้าไปในจวนสีหน้าของชายหนุ่มอ่อนโยน ริมฝีปากบางยกขึ้นแฝงไปด้วยรอยยิ้ม “เชียนหลี รอข้าด้วย”“เดินชักช้า ท่านขาเป๋หรืออย่างไร!”“...”หากวันใดเชียนหลีเหมือนสตรีนางอื่น รู้หนังสือรู้มารยาท ดูแลสามีสั่งสอนลูก อ่อนโยนสง่างาม สามีเป็นทุกสิ่งทุกอย่าง เชื่อฟังทำตัวดี...อย่าคิดเลยนอกเสียจากว่าฟ้าถล่มแต่เขาชื่นชอบท่าทางแยกเขี้ยวยิงฟัน หยิ่งผยองของนางมีเพียงหนึ่งเดียวน่ารักที่สุดดูดีชายหนุ่มเดินเอามือไพล่หลัง เดินตามด้านหลังช้า ๆ ฉู
ป้องกันคนเลว หรือป้องกันนางกันแน่?เพ่งเล็งเป้าหมายชัดเจนขนาดนี้?“กำแพงเรือนสูงพอแล้ว ถ้าหากจะเพิ่มความสูงอีกละก็ ก็คงบังแสงแดดแล้ว”“มาอาบแดดที่เรือนหานเฟิงของข้าเป็นอย่างไร?”ถุย!ทำไมไม่พูดตรง ๆ ไปเลย ว่าจะให้ไปอาบแดดบนเตียงนอนของเขา“อย่างมากก็เพิ่มความสูงครึ่งเมตร”“หนึ่งเมตร”“ครึ่งเมตร จะสูงกว่านี้ไม่ได้แล้ว”“ข้าไตร่ตรองถึงความปลอดภัยของเชียนหลี ถ้าหากวันหนึ่งมีนักฆ่าลักลอบเข้ามาจะอันตรายมาก ทำอะไรก็ควรระมัดระวังไว้ก่อน”“ถ้าเช่นนั้นกำแพงนี้ก็ไม่ต้องซ่อมแล้ว เปิดเอาไว้แบบนี้เถอะ ถ้าคนเลวมา จะได้สะดวกให้ข้าหนี”“...”พ่อบ้านเฒ่าที่อยู่ด้านข้างเห็นทั้งสองคนต่อปากต่อคำ พูดเร็วขึ้นเรื่อย ๆ พูดไปพูดมา ก็ทำท่าจะทะเลาะกันขึ้นมาอีก ปวดหัวขึ้นมาทันที รีบก้าวไปข้างหน้าราวกับเหาะ“พระชายา นี่คือแผนการซ่อมแซม เชิญท่านดู!”เฟิงเย่เสวียนขมวดคิ้ว มองพ่อบ้านเฒ่าเข้าข้างคนอื่น?พ่อบ้านเฒ่าแอบส่งสายตาให้เขา ท่านอ๋อง แค่มองก็รู้ว่าท่านเด็กเกินไป ไม่มีประสบการณ์ครอบครัวปรองดองสามัคคีในครอบครัวหนึ่ง ขอเพียงแค่ผู้หญิงมีความสุข ทั้งครอบครัวก็จะมีความสุขถ้าหากผู้หญิงไม่มีความสุ
ฉู่เชียนหลีชะงักเล็กน้อยถ้าหากว่าเลือกแล้ว...“เท่าที่รู้ รัชทายาทเป็นคนเจ้าชู้ ถึงแม้ว่าในจวนจะมีพระชายารัชทายาทอยู่แล้ว แต่กลับควบคุมนิสัยของเขาไม่ได้เลยแม้แต่น้อย ถ้าหากเขาเลือกคนที่ท่านแนะนำ อาจจะเป็นเพราะชื่นชอบจริง ๆ”“แต่ก็อาจจะเป็นเพราะ...มีแผนการอื่น”ถ้าหากนางเป็นรัชทายาท เป็นศัตรูคู่แค้นกับเฟิงเย่เสวียน ย่อมบีบคั้นคนทั้งหมดของเฟิงเย่เสวียนเลือกที่จะรับอนุ ก็ต้องยึดหลักที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเองด้วยทันใดนั้น ก็ได้กลิ่นแผนการชั่วร้ายบางอย่างนางปิดสมุดที่อยู่ในมือ ส่งคืนให้พ่อบ้าน “เช่นนั้นก็อย่าแนะนำเลย ก็พูดว่าที่ท่านนี้ไม่มีตัวเลือกที่เหมาะสม เลือกพระชายารองไม่ใช่แต่งตั้งพระชายารัชทายาท คงจะไม่ได้เข้มงวดขนาดนั้น”ไม่เข้าร่วมเรื่องนี้ ต่อให้มีแผนการใหญ่กว่านี้ ก็เป็นแค่การคุยโวเฟิงเย่เสวียนกลับไม่ใช่ไม่คิดแบบนี้ แต่ฝ่าบาทได้ทรงตรัสแล้ว“เชียนหลีอาจจะยังไม่รู้ ฝ่าบาทอบรมสั่งสอนบรรดาองค์ชายตั้งแต่เด็ก พี่น้องปรองดอง ห้ามทะเลาะกัน ฆ่าแกงกัน ตลอดเวลาที่ผ่านมา ทำล้วนเป็นคนกลาง เพื่อรักษาความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้อง รวมทั้งครั้งนี้ด้วย”ถ้าหากเขาไม่แนะนำใครสักคน รัชทายา
เฟิงเย่เสวียนพยายามจะเผาไม้ให้ได้ ตบโต๊ะลุกขึ้นยืนด้วยท่าทางที่มีอำนาจ สั่นสะเทือนจนคนใช้ทั้งหมดคุกเข่าลงบนพื้น หวาดกลัวเป็นอย่างยิ่งฉู่เชียนหลีเลียเศษขนมที่อยู่บนนิ้วมืออย่างใจเย็น ควักไม้พระราชทานออกมาท่าทีสบาย ๆ“...”เฟิงเย่เสวียนนั่งลงไปเงียบ ๆ มองบรรดาคนใช้ที่อยู่ด้านข้าง กล่าวสบถ“มัวอึ้งอะไรกันอยู่? ยังไม่รีบก่อกำแพงอีก!”“ขอรับ ๆ!”บรรดาคนใช้ตกใจรีบไปก่อกำแพงอย่างรวดเร็ว ไม่กล้าพูดมากแม้แต่คำเดียวท่านอ๋อง ท่านรังแกพระชายาไม่ได้ ก็มาด่าพวกเราที่ยังเด็ก ไร้ความสามารถ ไร้ความรู้ น่าสงสาร ต้อยต่ำ จะมากเกินไปหน่อยหรือไม่...หลังจากผ่านไปสองเค่อเฟิงเย่เสวียนเดินกลับไปอย่างกลุ้มใจ ทันทีที่เขาจากไป เยว่เอ๋อร์ผ่อนคลายขึ้นมาเล็กน้อย ดึงพระชายามาพูดคุยด้วยความดีใจเล่าเรื่องนี่ เล่าเรื่องนั้น พูดไปพูดมา ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรถึงได้คิดถึงหานเฟิงขึ้นมาคิ้วงามขมวดแน่นขึ้น“พระชายา ท่านคงไม่ทราบว่าองครักษ์ลับข้างกายของท่านอ๋องคนนั้นเกินไปขนาดไหน! เขาพูดว่า ท่านกับท่านอ๋องทะเลาะกัน ทั้งหมดเป็นความผิดของท่าน ยังจะให้ท่านขอโทษ ข้าควบคุมตัวเองไม่อยู่จริง ๆ จึงด่าเขาไปฉอดใหญ่”อง
ดวงตาหลิงเชียนอี้กลอกหนึ่งรอบ กล่าวด้วยน้ำเสียงเหมือนหลอกล่อ“น้าสะใภ้ เสื้อผ้าของท่านสกปรกมากเช่นนี้ ใส่ออกไปเกรงว่าจะไม่เหมาะสมกระมัง? หมิงเฮ่าเซวียนเป็นฐานใหญ่ของข้า ข้างในมีเสื้อผ้าที่สวยงามหลากหลาย รับรองว่าท่านต้องชอบ!”ใต้ฟ้า จะมีผู้หญิงคนใดที่สามารถต้านทานเสน่ห์ของเงินทองไข่มุกอัญมณีและผ้าที่ดีที่สุด?มีผู้หญิงคนใดบ้างไม่รักงาม?“นอกจากเสื้อผ้าที่มาใหม่ ยังมีอัญมณี เครื่องประดับ หยกร้อน…ขอแค่ท่านชอบ ข้าซื้อให้ท่านทั้งหมด!” เขาตบหน้าอกอย่างใจป้ำ พร้อมทุ่มหมดตัวจินตนาการไม่ยาก เงินหนึ่งล้านตำลึงที่พ่อของเขาให้เขา น่าจะถูกผลาญจนหมดเช่นนี้เวลาเดียวกัน เขายิ่งคุยโม้เท่าไร ในใจฉู่เชียนหลียิ่งเกิดความสงสัยไม่มีปัญหาไม่เข้าวัดจู่ๆ ก็ใจดีเช่นนี้ ต้องมีแผนแน่นอน!ฉู่เชียนหลีมองเด็กหนุ่มด้วยสายตาลึกซึ้ง เจตนายิ้มไปไม่ถึงส่วนลึกของแววตา“จะกล้าให้ท่านโหวน้อยสิ้นเปลืองได้อย่างไร ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นข้าไม่ออกไปเที่ยวแล้ว ข้าจะกลับไปรอที่จวน”“หยุดรถ!”“เอ๋…” หลิงเชียนอี้รีบดึงข้อมือของนาง “ไม่เปลี่ยนแล้ว ไม่เปลี่ยนแล้ว แล้วแต่ท่านเลย เหตุใดถึงยังโกรธด้วย”คุยกันแล้วว่
ภายในลานเรือนอันสวยงาม ท่ามกลางคุณหนูชนชั้นสูงมากมาย มีคุณหนูสวมชุดผ้าโปร่งสีชมพู และรูปร่างเพรียวบางคนหนึ่งล้มอยู่บนพื้น ฝ่ามือถลอก กรีดร้องด้วยความเจ็บปวดและมีผู้หญิงสวมชุดสีแดงเหมือนไฟ ระหว่างคิ้วเย่อหยิ่งเย็นชาคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้านาง ใบหน้าที่สวยงามอย่างยิ่ง คางที่เชิดขึ้นเล็กน้อย มีกลิ่นอายอันสูงศักดิ์ที่ไม่อาจล่วงเกินแผ่ซ่านตั้งแต่หัวจรดเท้าคุณหนูใหญ่ตระกูลฉู่——ฉู่หงหลวน!นางยกมือขึ้น โยนปิ่นปักผมฝังพลอยทับทิมที่ทำจากทองคำบริสุทธิ์ลงพื้น กล่าวด้วยรอยยิ้มเย็นชา“หลิ่วซวงเสวีย เจ้าเป็นถึงลูกสาวของใต้เท้าหลิ่ว แต่กลับขโมยทรัพย์สินของข้า ใช้วิธีการที่ต่ำช้าเช่นนี้ ยังกล้าเพ้อฝันคิดจะเป็นพระชายารองรัชทายาทอีกหรือ?”มีเหล่าคุณหนูไม่น้อยมามุงดูหลิ่วซวงเสวียที่สวมชุดผ้าโปร่งสีชมพูส่ายศีรษะ“ข้าไม่ได้…ข้าไม่ได้ทำ…ไม่รู้ว่ามันมาอยู่ในกระเป๋าข้าได้อย่างไร ข้าไม่รู้…”“จะบอกว่ามันมีขา วิ่งไปอยู่บนตัวเจ้าเองอย่างนั้นหรือ?” ฉู่หงหลวนหรี่ตาหงส์ลง ความแหลมคมในแววตาบีบคั้นคนยิ่งนัก“ใครก็ได้ รีบไปเชิญใต้เท้าหลิ่วมา ให้เขามาดูให้ชัดเจนว่าลูกสาวตัวเองเป็นหัวขโมย!”เมื่อสิ้นน้ำเสียงที่
ทันใดนั้นเขาก็โน้มตัวไปด้านข้าง ขยับเข้าใกล้ฉู่เชียนหลี กล่าวถาม“ตอนนั้นท่านกับเซียวจือฮว่าก็สู้กันอย่างเจ้าตายข้าอยู่ใช่หรือไม่ ต่อมาท่านเอาชนะเซียวจือฮว่าสำเร็จ ก็เลยได้ท่านน้าข้าไปครอบครอง?”เจ้าเด็กคนนี้ ทั้งวันทั้งคืน ในสมองกำลังคิดอะไรอยู่นะ?ฉู่เชียนหลีมองเขาแวบหนึ่ง ให้เขาไปสัมผัสด้วยตนเองนางไม่มีความสนใจต่อกันแย่งชิงความโปรดปรานของผู้หญิง ตอนที่เตรียมกระโดดลงจากกำแพง หางตาเหลือบไปเห็นร่างเงาที่เพรียวบางสายหนึ่งโดยไม่ตั้งใจเป็นผู้หญิงที่แต่งกายสะอาดสะอ้านและถ่อมตน นางนั่งอยู่บนม้านั่งของโถงทางเดิน ก้มศีรษะ อยู่เงียบๆ ไม่สุงสิงกับใครทุกคนล้วนแต่งหน้าทาปากอย่างสวยงาม หวังเพียงรัชทายาทชายตามอง นางกลับแต่งกายธรรมดามากเมื่อครู่ ตอนที่ฉู่หงหลวนสั่งสอนหลิ่วซวงเสวีย ทุกคนต่างมามุงดู มีเพียงนางที่นั่งเงียบๆ อยู่ตรงนั้นมาโดยตลอด ราวกับว่าไม่สนใจใครเลยนางถามกะทันหัน“นั่นใคร?”หลิงเชียนอี้มองไปตามทิศทางที่นางมอง ครุ่นคิดสองวินาที “รู้สึกว่าจะเป็นหลานสาวของใต้เท้าเว่ย”พูดจบ ก็พูดเสริมอีกหนึ่งประโยค“ใต้เท้าเว่ยเป็นผู้ช่วยของน้าข้า นางน่าจะเป็นคนที่ท่านน้าแนะนำ”เอ๋?เฟ
ทุกคนรออยู่ที่นอกประตูเมือง เฟิงเย่เสวียนขี่ม้าเข้าไปใกล้ สายตาจ้องฉู่เชียนหลีอย่างลึกซึ้งหลายวินาทีฉู่เชียนหลียิ้มระหว่างทั้งสองคน คำพูดมากมายไม่จำเป็นต้องพูด แค่สบตากัน ก็สามารถเข้าใจกันแล้วผ่านไปครู่หนึ่งเขาถอนสายตากลับ กระตุกม้าให้หยุดลง โน้มกายและเอื้อมมือไปรับลูก“ส่งเขาให้ข้า”เฟิงเจิ้งหลียิ้มได้อ่อนโยนมาก ก้าวไปข้างหน้าครึ่งก้าวอย่างเชื่อฟัง ยกมือทั้งสองข้างขึ้นเล็กน้อย ส่งเด็กที่อยู่ในมือออกไป“น้องเจ็ด เดินทางปลอดภัย”เขาเน้นเสียงคำว่า ‘ปลอดภัย’ เป็นพิเศษ เหมือนมีความหมายที่ลึกซึ้งซ่อนอยู่อ๋องเฉินยื่นมือออกมาแล้ว ขณะที่กำลังจะสัมผัสโดนเด็ก เฟิงเจิ้งหลีปล่อยมือกะทันหันทันใดนั้นเด็กสูญเสียแรงยึดเหนี่ยว ร่วงลงไปโดยตรง!“จื่อเยี่ย!”พลันเฟิงเย่เสวียนแน่นหน้าอก กระโดดลงจากม้าด้วยความเร็วที่เร็วที่สุด ก็เห็นอ๋องหลีรับเด็กไว้แล้ว และก็เพราะพริบตาที่เขาเผลอนี้ จึงถูกธนูลับดอกหนึ่งยิงเข้าที่สะบักฉึก…“อาเฉิน!”“ท่านอ๋อง!”เหตุการณ์เกิดขึ้นกะทันหัน ไม่มีใครรับมือทันเวลาเฟิงเจิ้งหลีใช้มือซ้ายอุ้มเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ย มือขวาจับตัวฉู่เชียนหลี ถอยหลังเจ็ดแปดก้าว ขณะ
เฟิงเย่เสวียนเดินออกมาข้างหน้าหนึ่งก้าว “ปล่อยฉู่เชียนหลีกับเด็ก ข้าอยู่เอง เจ้าจับฉู่เชียนหลีไม่มีประโยชน์ มีเพียงจับข้าเท่านั้น เจ้าจึงจะสามารถนั่งราชบัลลังก์ได้อย่างมั่นคง”เฟิงเจิ้งหลีเย้ยหยัน“อย่ามาต่อรองกับข้า ข้ายอมถอยให้แล้ว ถ้าหากยังได้คืบจะเอาศอก ข้าไม่ถือสาที่จะพินาศไปพร้อมกัน”ฉู่เชียนหลีรีบถอยกลับมาจับข้อมือเฟิงเย่เสวียน กล่าวเสียงเบา “เจ้าพาจื่อเยี่ยไป!”“เชียนหลี…”“คนที่เขาต้องการคือข้า มีเพียงเจ้าไปและมีชีวิตรอดต่อไปเท่านั้น จึงจะมีโอกาสพลิกสถานการณ์ จื่อเยี่ยไปแล้ว ข้าจึงจะวางใจ ถึงเวลานั้น เขาก็ไม่มีข้อได้เปรียบอีก และไม่จำเป็นต้องกลัวเขาอีกแล้ว” ฉู่เชียนหลีวิเคราะห์เบาๆ อย่างฉับไวเฟิงเจิ้งหลีไม่มีทางฆ่านางใช้นางคนเดียว แลกกับความปลอดภัยของจื่อเยี่ย แลกกับความปลอดภัยของทุกคน อย่างไรก็ดีกว่าสู้กันตายไปข้างหนึ่ง เลือดนองเหมือนแม่น้ำไม่ใช่ว่านางจะถูกขังอยู่ในเมืองหลวงตลอดไปตราบใดที่ยังมีชีวิต ก็มีโอกาสเฟิงเย่เสวียนรู้ผลได้ผลเสียในนี้ เด็กคนนี้อย่างไรก็ต้องช่วย แต่เขาจะทิ้งฉู่เชียนหลีไว้คนเดียวได้อย่างไร“เชียนหลี ข้ามันไร้ประโยชน์”“ข้าไม่อนุญาตให้เจ
เมื่อพรรคของอ๋องหลีได้ยินเช่นนี้ ก็กลัวทันทีดูท่าทีของพระชายาอ๋องเฉิน นี่กำลังจะเปิดฉากสังหารครั้งใหญ่ในวังชัดๆ!ฆ่าคนติดต่อกันสองคน ไม่กระพริบตาแม้แต่ทีเดียวเลือดกระเซ็นโดนใบหน้า ก็เย็นเฉียบท่าทางที่ชั่วร้ายเหมือนปีศาจนั่น ทำให้ขุนนางหลายคนเกิดความกลัว ลองถามคนทั่วหล้า จะมีสักกี่คนที่ไม่กลัว? อยู่ต่อหน้าความเป็นความตาย ทุกคนล้วนเห็นแก่ตัวพวกเขาไม่อยากตายขุนนางคนหนึ่งกลัวจนพูดติดอ่าง“อ๋อง อ๋องหลี…อย่างไรเด็กที่อยู่ในมือท่านก็เป็นพระนัดดาองค์โต เป็นสายเลือดของราชวงศ์ ถ้าหากฆ่าเขา ในวันข้างหน้า มลทินของท่านจะถูกบันทึกไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์ เกรงว่าจะถูกคนรุ่นหลังด่าทอต่อๆ กันเป็นหมื่นปี”ขุนนางอีกคนก็กล่าวเสียงสั่น“อ๋องเฉินโปรดพิจารณา…”ถ้าหากสู้กันจริงๆ พวกเขาสู้ไม่ไหวอ๋องเฉินมีฮ่องเต้หนุนหลัง มีกองทัพ มีกำลังทหาร อ๋องเฉินเป็นฝ่ายได้เปรียบทุกด้านในมืออ๋องหลี นอกจากพระนัดดาองค์โต ก็ไม่มีเบี้ยอย่างอื่นแล้ว อีกทั้ง ทหารรักษาพระองค์ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ทหารองครักษ์เงาของอ๋องเฉินเมื่อไรที่สู้กัน พวกเขาจะตายกันหมดไม่จำเป็นต้องตายไปครั้งหนึ่ง บางครั้ง เมื่อเห็นว่าพอแล้วก
เฟิงเย่เสวียนแค่ขมวดคิ้วทีหนึ่ง ก็ข่มความเจ็บปวดนี้ลงไปผู้บัญชาการจางฟาดอย่างดุร้ายลองคิดดูเขาที่เป็นขุนนางคนหนึ่ง สามารถใช้แส้ฟาดองค์ชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด นี่เป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจเพียงใด พูดคำนี้ออกไป เขาสามารถอวดสามสิบปียิ่งฟาดยิ่งรู้สึกสนุก ยิ่งฟาดยิ่งแรงเพี๊ยะ!เพี๊ยะๆๆ!ทุกคนร้อนใจจนกระทืบเท้า แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไป อ๋องหลีบ้าไปแล้ว เขาไม่ใช่อ๋องหลีที่เข้าถึงได้ง่ายอีกแล้ว!ฉู่เชียนหลีเพิ่งคิดจะกระโจนเข้าไป ก็ถูกอ๋องหลีสั่งให้คนคุมตัวไปยืนอยู่ข้างๆ บังคับให้นางมองดูต่อหน้าต่อตา“ฉู่เชียนหลี ข้าเคยบอกแล้ว เจ้าจะต้องเสียใจ คนไร้ประโยชน์อย่างเฟิงเย่เสวียน แม้แต่ลูกชายก็ปกป้องไม่ได้ มีประโยชน์อะไร”แววตาเฟิงเจิ้งหลีเปล่งแสงที่บ้าคลั่ง“เขาเป็นแค่คนไร้ประโยชน์ ฝ่าบาทจะให้ความสำคัญกับคนไร้ประโยชน์เช่นนี้ได้อย่างไร? ฉู่เชียนหลี เจ้าว่าเจ้าตาบอดใช่หรือไม่? เจ้าดูสภาพที่สะบักสะบอมของเขาตอนนี้ เหมือนสุนัขตัวหนึ่ง เจ้าก็ยังชอบเขา เช่นนั้นเจ้าก็เป็นสุนัขตัวเมียที่แพศยา”เขายิ้มอย่างชั่วร้าย สิ่งที่พูดออกมายิ่งไม่น่าฟังทุกคนตาแดง อยากพุ่งเข้าไปสับอ๋องหลีเป็นชิ้นๆ เสีย
ผู้ชายที่ร่างกายสูงใหญ่งอหัวเข่า คุกเข่าอยู่ตรงหน้าอ๋องหลีอย่างตั้งตรง แม้อยู่ต่ำกว่า แต่ความสูงศักดิ์ที่แผ่ซ่านออกมาจากกระดูก ไม่ลดน้อยลงเลยสักนิดตลอดหลายปีที่ผ่านมา นอกจากคุกเข่าให้ฮ่องเต้และบรรพชน พวกเขาไม่เคยเห็นอ๋องเฉินคุกเข่าให้ใครเฟิงเจิ้งหลีเห็นดังนี้ แหงนหน้าหัวเราะ“ฮ่าๆๆ!”คิดไม่ถึงจริงๆ เขาจะมีวันนี้ด้วยลูกชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด แพ้ให้กับลูกชายที่ไม่โปรดปรานที่สุด ไม่สะดุดตาที่สุด และยังถูกทุกคนรังแก ความรู้สึกที่อยู่เหนือกว่าเช่นนี้ ทำให้ในใจเขาสาแก่ใจจริงๆ“ฮ่าๆๆๆ เฟิงเย่เสวียน เจ้าก็มีวันนี้ด้วย!”หัวเราะเสร็จ เขารู้สึกว่าความเย่อหยิ่งของอ๋องเฉินมันขัดตาทั้งๆ ที่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบจนต้องคุกเข่า เหตุใดยังอวดดีหยิ่งผยองเช่นนี้?เขาออกคำสั่ง “ก้มหัวเจ้าลงไป”เฟิงเย่เสวียนเม้มปาก ก้มศีรษะลงเขาออกคำสั่งอีกครั้ง “โขกศีรษะ!”“อ๋องหลี ท่านอย่ารังแกให้มันมากนัก! ท่านกับท่านอ๋องของเราเป็นคนรุ่นเดียวกัน ท่านรับการโขกหัวจากเขาไม่ได้! ไม่กลัวบรรพชนรู้แล้ว อายุสั้นหรือ!” พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความโกรธเพิ่งกล่าวจบ ก็ถูกผู้บัญชาการจางถีบจนล้มลงพื้นหลังจากล้มลง ก
“ปล่อยคนของเจ้าแล้ว เจ้าเป็นอิสระแล้ว คืนลูกให้ข้า” ฉู่เชียนหลีจ้องเขาเฟิงเจิ้งหลีเหลือบมองเด็กน้อยในอ้อมแขน ท่าทางที่ร้องไห้จนหน้าแดง เห็นแล้วปวดใจนักคิดว่าแค่นี้ก็จบแล้วหรือ?เขายิ้ม“ฉู่เชียนหลี เหมือนเจ้าจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์นะ?”“?”“……”“เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาต่อรองกับข้า? เด็กอยู่ในมือข้า เป็นหรือตายขึ้นอยู่กับข้า ถึงคราวที่เจ้าต้องมาสอนข้าทำงานตั้งแต่เมื่อไร?”สีหน้าฉู่เชียนหลีเคร่งขรึมทันทีเห็นได้ชัด เขาได้คืบจะเอาศอก“เจ้ายังต้องการอะไรอีก?”“ข้าหรือ” เขาเงยหน้าด้วยรอยยิ้ม กวาดมองทุกคน และตำหนักอันหรูหราหลังนี้ วังหลวงที่กว้างใหญ่แห่งนี้ แผ่นดินที่ดีเช่นนี้เขาต้องการอะไร ยังต้องให้พูดอีกหรือ?แต่ว่า มองดูท่าทางที่ร้อนใจของฉู่เชียนหลี เขาเกิดอยากสนุก ต้องการระบายความคับข้องใจที่ได้รับในสองวันนี้ออกมาให้หมดลูบแก้มของเด็กน้อยพลางกล่าว“อยากได้ลูกคืน ไม่มีปัญหา มันก็ต้องดูว่าอ๋องเฉินมีความจริงใจหรือไม่”เงียบไปครู่หนึ่ง“อืม หรือไม่อ๋องเฉินคุกเข่า โขกหัวให้ข้าสามครั้ง ข้าก็คืนลูกให้เจ้า เป็นอย่างไร?”ฉู่เชียนหลีโมโหแล้วด้วยนิสัยที่ยอมหนึ่งก้าว จะเอาสิบก้าวข
“เจ้า!”ฉู่เชียนหลีถูกความเฉยเมยของนางยั่วจนโมโหแล้ว ยิ่งคิดไม่ถึงว่าใต้ฟ้าจะมีแม่ที่ไร้ความรับผิดชอบเช่นนี้มันก็จริงฉู่เจียวเจียวกับเฟิงเจิ้งหลี ถ้าไม่เหมือนกันก็คงอยู่ด้วยกันไม่ได้ ไม่มีอะไรที่พวกเขาสองสามีภรรยาทำไม่ลงรอหลังจากลู่ฉินเติบโต รู้ว่าตัวเองมีแม่เช่นนี้ ไม่รู้ว่าจะเศร้าเพียงใด!“ฉู่เชียนหลี เฟิงเย่เสวียน พวกเจ้าเลิกพูดไร้สาระได้แล้ว รีบปล่อยตัวอ๋องหลี ความอดทนข้ามีขีดจำกัด!” ฉู่เจียวเจียวกล่าวอย่างเย็นชา“จะเอาชีวิตของลูกชาย หรือจะปล่อยคน พวกเจ้าเลือกเอง”อย่างไรนางก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้วไม่ดิ้นรน ตายสถานเดียวดิ้นรน เดิมพัน ยังมีโอกาสสายตาเฟิงเย่เสวียนเคร่งขรึมมาก หางตาเหลือบมองหานเฟิง หานเฟิงเข้าใจทันที เขาซ่อนมือไว้ที่หลัง และทำท่าสัญญาณมือไปที่ด้านหลังมือธนูเตรียมพร้อมจู่ๆ ฉู่เจียวเจียวก็กล่าวเสริมอีกประโยคอย่างเย็นชา “พวกเจ้าสามารถลองดูได้ ดูสิว่าการเคลื่อนไหวของพวกเจ้าไว หรือมีดที่อยู่ในมือข้าเร็ว”“ต่อให้ข้าตาย การฆ่าเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ยก็ใช้เวลาแค่พริบตาเดียว”ฉู่เชียนหลีสั่งให้มือธนูหยุดทันที “ปล่อยคน!”อย่าทำอะไรบุ่มบ่ามผู้หญิงคนนี้มันเป็นผู
พลันฉู่เชียนหลีแน่นหน้าอก“หยุดนะ…”“อย่าเข้ามา!”ฉู่เจียวเจียวถอยหลังสามก้าว มือซ้ายจับเด็ก มือขวาถือมีดสั้น มีดสั้นที่แวววาวจ่ออยู่บนผิวอันบอบบางของเด็ก กรีดจนรอยเลือดออกแล้วเลือดไหลออกมาแล้ว“จู่ๆ เจ้าก็มาเป็นห่วงข้า และยังพยายามอยากอุ้มลูกทุกวิถีทาง ข้าก็รู้แล้วว่าเจ้าไม่ได้มีเจตนาดี”นางยิ้มอย่างเย็นชา“เหอะ! ดูเหมือนฮ่องเต้ที่แกไม่ตายสักทีนั่นเป็นคนบอกเรื่องนี้กับเจ้าสินะ!”ไอ้แก่ เป็นอัมพาตเฉียบพลันยังไม่ยอมอยู่อย่างสงบเสงี่ยมอีกต่อให้รู้ความจริงแล้วอย่างไร?ชีวิตของเด็กคนนี้อยู่ในมือนาง“ฉู่เชียนหลีนะฉู่เชียนหลี เจ้าคิดอย่างไรก็คงคิดไม่ถึงกระมังว่า เจ้าเลี้ยงลูกสาวข้า ข้าเลี้ยงลูกชายเจ้า และก็ต้องขอบคุณลูกชายคนดีคนนี้ของเจ้า กลายเป็นตัวช่วยที่สำคัญของอ๋องหลี” นางเผยอมุมปาก รอยยิ้มนั้นน่ากลัวมากฉู่เชียนหลียืนตัวแข็งอยู่ตรงที่เดิม ไม่กล้าขยับ“เจ้าต้องการอะไร?”ฉู่เชียนหลีจ้องมีดสั้นในมือนาง กลัวว่านางจะพลั้งเผลอกรีดโดนคอของเด็กตั้งครรภ์สิบเดือนลูกชายเป็นก้อนเนื้อชิ้นหนึ่งที่ตกลงมาจากร่างกายนางนางไม่กล้าเดิมพัน และเดิมพันไม่ไหวฉู่เจียวเจียวกล่าว “ข้าต้องก
กลางดึกกำลังถึงช่วงที่คนเงียบสงบ คนกลุ่มหนึ่งวิ่งไปที่ตำหนักเจาหยางราวกับคลื่นยักษ์ ตอนที่ใกล้จะถึง ฉู่เชียนหลีตวาดสั่งให้พวกเขาหยุด“พวกเจ้าอยู่ห่างๆ อยากเข้าใกล้!”พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความเป็นห่วง “พระชายา พวกเราต้องไปเอาพระนัดดาองค์โตกลับมา นั่นเป็นเลือดเนื้อของท่านกับท่านอ๋องนะ”“ข้ารู้!”ก็เพราะรู้ จึงไม่ให้พวกเขาเข้าใกล้“ไปทำอะไรคนเยอะแยะ ถ้าหากบีบจนฉู่เจียวเจียวไม่มีทางเลือก นางทำอะไรขึ้นมา…”ฉู่เชียนหลีแทบจะเป็นบ้าแล้ว ร้อนรนเหมือนมดที่อยู่บนกระทะร้อน ทั้งร้อนใจทั้งไม่สบายใจ น้ำเสียงก็ค่อนข้างฉุนเฉียวไม่อยากพูดมาก วิ่งเข้าไปในตำหนักเจาหยางเพียงลำพัง คนอื่นรออยู่ที่ข้างนอก ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามภายในตำหนักฉู่เจียวเจียวกำลังกล่อมจื่อเยี่ย ฉู่เจียวเจียวมาแล้ว นางมองเด็กน้อยที่อ้วนสมบูรณ์ กล่าวโดยไม่เงยหน้า“พระชายาอ๋องเฉิน ลูกของข้าเพิ่งนอนหลับ ”โปรดให้อภัย ข้าอุ้มเขาไว้ ร่างกายหนัก ไม่สะดวกลุกขึ้นยืน สายตาฉู่เชียนหลีมองไปที่ตัวเด็กเด็กน้อยอ้วนสมบูรณ์ ใบหน้าจ้ำม่ำ คิ้วละเอียดอ่อน หน้าตาที่น่ารักน่าเอ็นดู คล้ายเฟิงเจิ้งเว่ยซีแปดส่วนเหตุใดเมื่อก่อนนางไม่สังเกต