นางอันเบิกตากว้าง ดวงตาแทบหลุดออกมาแล้ว ตกใจจนเกือบหายใจไม่ออกกลิ่นอายอันน่ายำเกรงที่ส่งมาจากตัวนาง ความรุนแรงที่บอกไม่ถูกตรงหว่างคิ้วนั่น น้ำเสียงที่เย็นชาจนถึงขีดสุดนั่น ราวกับนำความหวาดกลัวไปให้จิตวิญญาณที่อยู่ในส่วนลึกของนางนางรู้สึกหวาดกลัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน…ใบมีดบางแต่เย็นเฉียบจ่ออยู่ตรงคอ นางรู้สึกเพียงมือเท้าเย็นวูบ ร่างกายสั่นสะท้าน ราวกับถูกแขวนอยู่กลางอากาศ สามารถตกลงมาตายได้ทุกเมื่อ“เออ…เออ…” ตกใจจนพูดอะไรไม่ออกฉู่เชียนหลีเหลือบมองนาง “ข้าจะนับถึงสาม เจ้าให้หรือไม่ให้?”เมื่อสิ้นเสียง ก็อ้าปากทันที“สาม!”พริบตานั้น นางกำมีดผ่าตัดแน่น จ่อไปที่กระเดือกของนางอัน นางอันส่งเสียงที่เหมือนดิ้นรนก่อนตายออกมา“ให้เจ้า!”กึก…นางเข่าอ่อนล้มคุกเข่าลงพื้น ขวดยาสีขาวกลิ้งออกมาจากแขนเสื้อ คลานอยู่บนพื้นอย่างอ่อนระทวย กุมหน้าอก หอบหายใจอย่างแรง สีหน้าซีดขาวราวกับคนตายฉู่เชียนหลีก้มลงไปเก็บขวดยา จากนั้นเปิดออกลองดมดมแค่ทีเดียว ก็รู้ว่าเป็นของจริงหรือของปลอมนางอันตกใจจนไม่เหลือสภาพชิ้นดีก็ไหนว่านับสามไม่ใช่หรือ?หนึ่งกับสองล่ะ?เมื่อครู่ นางไม่มีโอกาสแม้แต่จ
“ท่านอ๋อง รายชื่อของขวัญอวยพรจัดแจงออกมาเรียบร้อยแล้วขอรับ พูดถึงก็แปลก จวนอ๋องเฉินส่งของขวัญอวยพรมาสองส่วน” พ่อบ้านถือสมุดพับประทับร้อนสีทองหนึ่งเล่มเดินเข้ามาเขาเปิดไปที่หน้าหนึ่ง ชี้บันทึกการมอบของขวัญด้านบน ครุ่นคิดอย่างไม่เข้าใจ“ตามหลักแล้วจวนอ๋องเฉินมอบหนึ่งส่วนก็พอแล้ว แต่อ๋องเฉินหนึ่งส่วน พระชายาอ๋องเฉินหนึ่งส่วน มีที่ไหนสามีภรรยาแยกกันมอบ น่าแปลก…”แววตาเฟิงเจิ้งหลีเป็นประกายเล็กน้อย รีบกล่าว“นำของขวัญอวยพรที่พระชายาอ๋องเฉินมอบมาให้ข้า!”งานแต่งอ๋องหลี คึกคักต่อเนื่องจนถึงช่วงเย็นยามราตรีมาเยือน แขกเหรื่อแยกย้าย รถม้าสีดำที่เรียบง่ายค่อยๆ ขับมาจอดนอกจวนอ๋องเฉินฉู่เชียนหลีกระโดดลงมาคนแรก ดื่มเหล้าไปเล็กน้อย นางบิดขี้เกียจด้วยอาการมึนเมา จากนั้นก็เดินเข้าจวนไปอย่างสบายใจเซียวจือฮว่าที่ลงมาคนที่สองเห็นแล้ว กล่าวอย่างเอาใจใส่แต่รู้ความ“เฉิน ท่านยังไม่ได้เข้าจวนเลย พี่หญิงกลับมองข้ามท่าน เดินเข้าไปเองแล้ว ไม่เห็นท่านอยู่ในสายตาเกินไปแล้วกระมัง?”เฟิงเย่เสวียนกระโดดลงพื้นอย่างนุ่มนวล ยืนมือไขว้หลัง กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย“ในบ้านไม่จำเป็นต้องเคร่งเรื่องพิธีการ”
เรือนข้าง“พระชายา ท่านกลับมาแล้วหรือเจ้าคะ!”เมื่อเห็นฉู่เชียนหลี เยว่เอ๋อร์กับเจ้าดำน้อยกระโจนเข้าไปพลันคิ้วของเยว่เอ๋อร์ขมวดทันที “ท่านเป็นผู้หญิง ดื่มเหล้าได้อย่างไร…และยังดื่มมากเช่นนี้ เหม็นจังเลย!”เจ้าดำน้อยแลบลิ้นแฮ่ๆ เลียใบหน้าฉู่เชียนหลีหนามบนลิ้นของมัน แทงฉู่เชียนหลีจนเจ็บ ทำให้สร่างเมาไปหกเจ็ดส่วน พลันนางกดหัวของเจ้าดำน้อย ก็เริ่มจิกมั่วทันที“หมาป่าตัวผู้ ห้ามลวนลามข้า!”สองมือกดหัวหมาป่าไว้ ตะโกนคำว่าม้าหนึ่งคำ ก็กระโดดขึ้นคร่อมนั่งบนหลังหมาป่า แล้วดึงหูทั้งสองข้างของมัน ไม่ว่าเจ้าดำสะบัดอย่างไรก็สะบัดไม่หลุดเยว่เอ๋อร์หัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก รีบไปเตรียมเตาเล็กจุดไฟ ต้มน้ำแกงสร่างเมาทันทีด้านข้าง หนึ่งคนหนึ่งหมาป่าเล่นกันพอประมาณแล้ว ก็พากันเข้าไปผิงไฟกลางคืน ลมเย็นเล็กน้อยฉู่เชียนหลียกก้นนั่งลงบนหางหมาป่าที่มีขนปุกปุย มือเท้าคาง มองดูเปลวไฟที่สั่นไหว ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่“พระชายา ท่านกำลังคิดอะไรอยู่หรือ?”เยว่เอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะถาม“กำลังคิดเรื่องเสน่ห์ของตัวบุคคลกับการสืบพันธุ์ของมนุษย์”เยว่เอ๋อร์ “?”ที่จริงก็คือเรื่องของหานมู่ซีคนคนนี
ล่าสัตว์ครั้งแรก ฉู่เชียนหลีคาดหวังเล็กน้อย นางได้เตรียมมีดสั้น เชือก เสื้อผ้าและสิ่งต่างๆ แล้วก็จะพาเยว่เอ๋อร์กับเจ้าดำน้อยไปด้วย และ…ทว่าวันต่อมามีหมอมอเฒ่าคนหนึ่งมาจากในวัง “พระชายาอ๋องเฉิน ถงเฟยเรียกพบเจ้าค่ะ”ฉู่เชียนหลีตะลึงงันโดยตรงเยว่เอ๋อร์รีบเข้าไปกระซิบข้างหูเบาๆ “พระชายา ถงเฟยเป็นแม่เลี้ยงที่ดูแลอ๋องเฉินโต และเป็นสาวใช้คนสนิทที่รับใช้เซียวกุ้ยเฟยในตอนนั้น หลังจากเซียวกุ้ยเฟยตาย เนื่องจากนางมีความดีความชอบเลี้ยงดูอ๋องเฉิน จึงถูกฝ่าบาทแต่งตั้งเป็นถงเฟยโดยเฉพาะ”ถงเฟยนับว่าเป็นแม่ครึ่งหนึ่งของอ๋องเฉิน มีพระคุณในการเลี้ยงดูอย่างใหญ่หลวงฉู่เชียนหลีเข้าใจอย่างคร่าวๆ ในคืนงานเลี้ยงฉลองชัย เฟิงเย่เสวียนบอกจะไปเยี่ยมเสด็จแม่ น่าจะเป็นถงเฟยท่านนี้กระมังเพียงแต่นางกับถงเฟยไม่เคยพบกัน และไม่มีความสัมพันธ์ใดๆ เหตุใดจู่ๆ จึงเรียกนาง?หมอมอแก่ก้มเอวอย่างนอบน้อม “พระชายาอ๋องเฉิน เกี้ยวที่เข้าวังรออยู่นอกจวนแล้ว บ่าวไปรอท่านข้างนอกเจ้าค่ะ”พูดจบก็เดินออกไปแล้วฉู่เชียนหลีขมวดคิ้ว “ถงเฟยเรียกข้ากะทันหัน ต้องมีเรื่องแน่ ยิ่งกว่านั้นไม่ใช่เรื่องดีอะไร ไม่ไปได้หรือไม่?”เยว่เอ
เมื่อน้ำเสียงที่มาพร้อมกับเสียงสะอื้นลอยออกมา ถงเฟยหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กออกมาเช็ดน้ำตาให้เซียวจือฮว่า “ไอ้หยา โตจนป่านนี้แล้ว ยังร้องไห้อีก ไม่อายหรือ?”“ฮือ…”เมื่อได้ยินคำนี้ เซียวจือฮว่ายิ่งร้องไห้หนักพลันอ้าปาก เสียง ‘แง’ ดังเป็นพิเศษ น้ำตาเม็ดใหญ่ราวกับลูกปัดยิ่งไหลลงอย่างต่อเนื่อง“เอาละๆๆ ไม่ร้องแล้ว”“แง!”ฉู่เชียนหลี “...”เซียวจือฮว่าน้อยใจจนเหมือนเด็กที่มีน้ำหนักสามร้อยชั่ง และฉู่เชียนหลีก็คือคนที่รังแกนาง เป็นผู้ก่อเหตุที่ชั่วร้ายถงเฟยปลอบสองสามคำ สุดท้ายปลอบไม่ไหวแล้วจริงๆ หมดหนทางแล้ว จึงมองไปทางฉู่เชียนหลีอย่างช่วยไม่ได้“เด็กคนนี้ ส่งหนังสือเข้าวังตั้งแต่เช้าตรู่ บอกว่าอ๋องเฉินจะไล่นางไปอยู่สวนชานเมือง ไม่อนุญาตให้นางกลับจวนอ๋องเฉินอีก นี่ก็เลยมางอแงกับข้าแล้ว”ฉู่เชียนหลีได้ยินแล้วตะลึงงันเฟิงเย่เสวียนถึงกับยอมไล่เซียวจือฮว่า?ข้างหู เสียงของเขาดังสะท้อนกะทันหัน——‘ให้เวลาข้าหน่อย ข้าจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย’นั่นเขาพูดเล่นไม่ใช่หรือ?เขาถึงกับจะไล่เซียวจือฮว่าจริงๆ?!พริบตานั้น มีความรู้สึกที่แปลกประหลาดเสี้ยวหนึ่งพุ่งพรวดเข้ามาในใจฉู่เชียนหลี
เซียวจือฮว่า “?”ชาติกำเนิดถงเฟยเป็นสามัญชน เนื่องจากเลี้ยงดูอ๋องเฉินมีความดีความชอบ จึงถูกแต่งตั้งเป็นนางสนม อาศัยอยู่ในวัง แต่ว่าความเจริญรุ่งเรืองในวังหลวงไม่ได้บั่นทอนเนื้อแท้ของนาง นางกระทำการอย่างถ่อมตนมาโดยตลอด ใช้ชีวิตเพียงลำพัง น้อยครั้งจะออกจากตำหนัก ปกติเมื่อมีเวลาว่างก็จะสวดมนต์ภาวนาอยู่ในห้องเซียวจือฮว่าไม่พอใจแล้ว “เสด็จแม่…”นางเม้มปาก ท่าทางน้อยใจ “จือฮว่าจะถูกไล่ออกจากจวนอ๋องเฉินอยู่แล้ว…”ถงเฟยตบหลังมือเซียวจือฮว่า กล่าวปลอบอย่างมีความอดทน “จือฮว่า เจ้าอย่าเพิ่งร้อนใจ เมื่อครู่ข้าเพิ่งสั่งสอนพระชายา พระชายานางรู้ว่าควรจะทำอย่างไร”“เสด็จแม่ แต่ว่า…”ถงเฟยพูดขัดทันที“หมอมอ เตรียมน้ำ ล้างมือ! พวกเจ้าสองคนตามข้าไปสวดมนต์ จิตใจสงบแล้ว ปัญหามากมายก็จะคิดได้เอง เมื่อคิดได้แล้ว ก็จะไม่ทะเลาะกันอีก”ชีวิตที่แสนสั้นสามหมื่นกว่าวันของมนุษย์ มีความสุขก็หนึ่งวัน ไม่มีความสุขก็หนึ่งวันเช่นกัน เหตุใดจึงไม่เปิดใจ ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเล่า?มักจะถือสาข้อเท็จจริงบนปาก ชนะหรือพ่ายแพ้ในไม่กี่คำ ทำตัวเองโมโห สร้างบาปปาก มีความหมายอะไร?ฉู่เชียนหลีพยักหน้าอย่างเป็นเด็กดี “เจ้
เซียวจือฮว่า “แบๆๆๆๆ”ฉู่เชียนหลี “นำมอฮอลตันนอตอลาเยเย นำมอออลีเย พอลูกิดตีชอปอลาแย…”ทั้งสองนั่งอยู่ข้างหลังถงเฟย สวดมนต์ตามนาง เสียงที่แผ่วเบามากล่องลอยอยู่ในห้องทำสมาธิ กลิ่นธูปเทียนลอยเตะจมูก ทำให้จิตใจสงบเป็นพิเศษไม่มีการทะเลาะไม่มีการโต้เถียงไม่มีการใช้งอแงใช้อุบายปล่อยวางทุกสิ่งในโลกนี้ นอกจากความเป็นความตาย เรื่องอื่นก็ไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ทันใดนั้น จิตใจของฉู่เชียนหลีราวกับเปิดกว้างขึ้นมากหลังจากนั้นครึ่งชั่วยามบทพระสูตรสิ้นสุดหนึ่งจบถงเฟยค่อยๆ ปิดหนังสือสวดมนต์ ว่างลงข้างๆ บักฮื้อ หันมามองทั้งสองคนด้วยรอยยิ้ม “ทั่วหล้า มีข้อพิพาท การแก่งแย่ง คดีความเป็นความตายมากมาย ทั้งหมดนี้ล้วนเกิดจากอารมณ์ชั่ววูบ”“แต่เมื่อใจเย็นลง พิจารณาอย่างละเอียด หลายสิ่งหลายอย่างไม่จำเป็นต้องโต้แย้ง พลังชีวิตของมนุษย์มีขีดจำกัด นำหัวใจไปวางไว้ในตำแหน่งที่ควรจะวาง จึงจะเปลืองแรงน้อยแต่ได้ผลกำไลมาก”นางสั่งสอนด้วยเสียงที่อ่อนโยนฉู่เชียนหลีรับคำสอนอย่างจริงใจ “เสด็จแม่ ท่านพูดถูก เปิดใจให้กว้าง สามารถรองรับแม่น้ำร้อยสาย เมื่อยืนอยู่บนที่สูง สามารถมองได้ไกล จึงเห็นเรื่องราวมาก
“อ่า!”เสียงนี่ไม่ใช่เสียงกำไลแตก แต่เป็นเสียงฝ่ามือที่ดังชัดเจนเสียงร้องนี่ไม่ใช่ปวดใจที่กำไลตกแตก แต่เป็นเสียงกรีดร้องที่เหมือนฆ่าหมูของเซียวจือฮว่าเห็นเพียง เซียวจือฮว่าโดนตบจนหมุนอยู่ตรงที่เดิมสองรอบ สุดท้ายเซล้มลงพื้น ศีรษะเอียงไปด้านหนึ่ง มวยผมเบี้ยว ปิ่นระย้าทองห้อยตกมาอยู่ที่ข้างหู บนใบหน้ายิ่งมีรอยฝ่ามือสีแดงปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อหันไปมองอีกด้าน ฉู่เชียนหลีสวมกำไลเฉียนคุนเข้าข้อมืออย่างใจเย็น จากนั้นนวดฝ่ามือที่เริ่มแดงอย่างเกียจคร้าน ท่าทางสูงศักดิ์ที่เกียจคร้านเหมือนแมวนั่น ราวกับคนที่ลงมือเมื่อครู่ไม่ใช่นางหมอมอเฒ่าสะดุ้งตกใจ แต่เมื่อตั้งสติได้ รีบทำสัญญามือ สั่งให้นางกำนัลหลายคนถอยออกไป ส่วนตนเองก็รีบเข้าไปในห้องทำสมาธิเช่นกัน นางไม่เห็นอะไรเลย…ผ่านไปสักพักเซียวจือฮว่าลูบแก้มที่เจ็บจนชา หันคอที่แข็งทื่อมา เงยหน้ามองไปทางฉู่เชียนหลีที่อยู่เบื้องสูง ตะลึงงันอยู่นาน“เจ้า…เจ้าตบข้า…”เหอะฉู่เชียนหลีหัวเราะอย่างเย็นชา “ข้าเป็นชายาเอก ส่วนเจ้าเป็นอนุ หรือนายหญิงของครอบครัวจัดการอนุเล็กๆ คนหนึ่ง ต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าก่อน?”กล้าแตะต้องกำไลเฉียนคุนของนาง
เมื่อพรรคของอ๋องหลีได้ยินเช่นนี้ ก็กลัวทันทีดูท่าทีของพระชายาอ๋องเฉิน นี่กำลังจะเปิดฉากสังหารครั้งใหญ่ในวังชัดๆ!ฆ่าคนติดต่อกันสองคน ไม่กระพริบตาแม้แต่ทีเดียวเลือดกระเซ็นโดนใบหน้า ก็เย็นเฉียบท่าทางที่ชั่วร้ายเหมือนปีศาจนั่น ทำให้ขุนนางหลายคนเกิดความกลัว ลองถามคนทั่วหล้า จะมีสักกี่คนที่ไม่กลัว? อยู่ต่อหน้าความเป็นความตาย ทุกคนล้วนเห็นแก่ตัวพวกเขาไม่อยากตายขุนนางคนหนึ่งกลัวจนพูดติดอ่าง“อ๋อง อ๋องหลี…อย่างไรเด็กที่อยู่ในมือท่านก็เป็นพระนัดดาองค์โต เป็นสายเลือดของราชวงศ์ ถ้าหากฆ่าเขา ในวันข้างหน้า มลทินของท่านจะถูกบันทึกไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์ เกรงว่าจะถูกคนรุ่นหลังด่าทอต่อๆ กันเป็นหมื่นปี”ขุนนางอีกคนก็กล่าวเสียงสั่น“อ๋องเฉินโปรดพิจารณา…”ถ้าหากสู้กันจริงๆ พวกเขาสู้ไม่ไหวอ๋องเฉินมีฮ่องเต้หนุนหลัง มีกองทัพ มีกำลังทหาร อ๋องเฉินเป็นฝ่ายได้เปรียบทุกด้านในมืออ๋องหลี นอกจากพระนัดดาองค์โต ก็ไม่มีเบี้ยอย่างอื่นแล้ว อีกทั้ง ทหารรักษาพระองค์ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ทหารองครักษ์เงาของอ๋องเฉินเมื่อไรที่สู้กัน พวกเขาจะตายกันหมดไม่จำเป็นต้องตายไปครั้งหนึ่ง บางครั้ง เมื่อเห็นว่าพอแล้วก
เฟิงเย่เสวียนแค่ขมวดคิ้วทีหนึ่ง ก็ข่มความเจ็บปวดนี้ลงไปผู้บัญชาการจางฟาดอย่างดุร้ายลองคิดดูเขาที่เป็นขุนนางคนหนึ่ง สามารถใช้แส้ฟาดองค์ชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด นี่เป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจเพียงใด พูดคำนี้ออกไป เขาสามารถอวดสามสิบปียิ่งฟาดยิ่งรู้สึกสนุก ยิ่งฟาดยิ่งแรงเพี๊ยะ!เพี๊ยะๆๆ!ทุกคนร้อนใจจนกระทืบเท้า แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไป อ๋องหลีบ้าไปแล้ว เขาไม่ใช่อ๋องหลีที่เข้าถึงได้ง่ายอีกแล้ว!ฉู่เชียนหลีเพิ่งคิดจะกระโจนเข้าไป ก็ถูกอ๋องหลีสั่งให้คนคุมตัวไปยืนอยู่ข้างๆ บังคับให้นางมองดูต่อหน้าต่อตา“ฉู่เชียนหลี ข้าเคยบอกแล้ว เจ้าจะต้องเสียใจ คนไร้ประโยชน์อย่างเฟิงเย่เสวียน แม้แต่ลูกชายก็ปกป้องไม่ได้ มีประโยชน์อะไร”แววตาเฟิงเจิ้งหลีเปล่งแสงที่บ้าคลั่ง“เขาเป็นแค่คนไร้ประโยชน์ ฝ่าบาทจะให้ความสำคัญกับคนไร้ประโยชน์เช่นนี้ได้อย่างไร? ฉู่เชียนหลี เจ้าว่าเจ้าตาบอดใช่หรือไม่? เจ้าดูสภาพที่สะบักสะบอมของเขาตอนนี้ เหมือนสุนัขตัวหนึ่ง เจ้าก็ยังชอบเขา เช่นนั้นเจ้าก็เป็นสุนัขตัวเมียที่แพศยา”เขายิ้มอย่างชั่วร้าย สิ่งที่พูดออกมายิ่งไม่น่าฟังทุกคนตาแดง อยากพุ่งเข้าไปสับอ๋องหลีเป็นชิ้นๆ เสีย
ผู้ชายที่ร่างกายสูงใหญ่งอหัวเข่า คุกเข่าอยู่ตรงหน้าอ๋องหลีอย่างตั้งตรง แม้อยู่ต่ำกว่า แต่ความสูงศักดิ์ที่แผ่ซ่านออกมาจากกระดูก ไม่ลดน้อยลงเลยสักนิดตลอดหลายปีที่ผ่านมา นอกจากคุกเข่าให้ฮ่องเต้และบรรพชน พวกเขาไม่เคยเห็นอ๋องเฉินคุกเข่าให้ใครเฟิงเจิ้งหลีเห็นดังนี้ แหงนหน้าหัวเราะ“ฮ่าๆๆ!”คิดไม่ถึงจริงๆ เขาจะมีวันนี้ด้วยลูกชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด แพ้ให้กับลูกชายที่ไม่โปรดปรานที่สุด ไม่สะดุดตาที่สุด และยังถูกทุกคนรังแก ความรู้สึกที่อยู่เหนือกว่าเช่นนี้ ทำให้ในใจเขาสาแก่ใจจริงๆ“ฮ่าๆๆๆ เฟิงเย่เสวียน เจ้าก็มีวันนี้ด้วย!”หัวเราะเสร็จ เขารู้สึกว่าความเย่อหยิ่งของอ๋องเฉินมันขัดตาทั้งๆ ที่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบจนต้องคุกเข่า เหตุใดยังอวดดีหยิ่งผยองเช่นนี้?เขาออกคำสั่ง “ก้มหัวเจ้าลงไป”เฟิงเย่เสวียนเม้มปาก ก้มศีรษะลงเขาออกคำสั่งอีกครั้ง “โขกศีรษะ!”“อ๋องหลี ท่านอย่ารังแกให้มันมากนัก! ท่านกับท่านอ๋องของเราเป็นคนรุ่นเดียวกัน ท่านรับการโขกหัวจากเขาไม่ได้! ไม่กลัวบรรพชนรู้แล้ว อายุสั้นหรือ!” พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความโกรธเพิ่งกล่าวจบ ก็ถูกผู้บัญชาการจางถีบจนล้มลงพื้นหลังจากล้มลง ก
“ปล่อยคนของเจ้าแล้ว เจ้าเป็นอิสระแล้ว คืนลูกให้ข้า” ฉู่เชียนหลีจ้องเขาเฟิงเจิ้งหลีเหลือบมองเด็กน้อยในอ้อมแขน ท่าทางที่ร้องไห้จนหน้าแดง เห็นแล้วปวดใจนักคิดว่าแค่นี้ก็จบแล้วหรือ?เขายิ้ม“ฉู่เชียนหลี เหมือนเจ้าจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์นะ?”“?”“……”“เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาต่อรองกับข้า? เด็กอยู่ในมือข้า เป็นหรือตายขึ้นอยู่กับข้า ถึงคราวที่เจ้าต้องมาสอนข้าทำงานตั้งแต่เมื่อไร?”สีหน้าฉู่เชียนหลีเคร่งขรึมทันทีเห็นได้ชัด เขาได้คืบจะเอาศอก“เจ้ายังต้องการอะไรอีก?”“ข้าหรือ” เขาเงยหน้าด้วยรอยยิ้ม กวาดมองทุกคน และตำหนักอันหรูหราหลังนี้ วังหลวงที่กว้างใหญ่แห่งนี้ แผ่นดินที่ดีเช่นนี้เขาต้องการอะไร ยังต้องให้พูดอีกหรือ?แต่ว่า มองดูท่าทางที่ร้อนใจของฉู่เชียนหลี เขาเกิดอยากสนุก ต้องการระบายความคับข้องใจที่ได้รับในสองวันนี้ออกมาให้หมดลูบแก้มของเด็กน้อยพลางกล่าว“อยากได้ลูกคืน ไม่มีปัญหา มันก็ต้องดูว่าอ๋องเฉินมีความจริงใจหรือไม่”เงียบไปครู่หนึ่ง“อืม หรือไม่อ๋องเฉินคุกเข่า โขกหัวให้ข้าสามครั้ง ข้าก็คืนลูกให้เจ้า เป็นอย่างไร?”ฉู่เชียนหลีโมโหแล้วด้วยนิสัยที่ยอมหนึ่งก้าว จะเอาสิบก้าวข
“เจ้า!”ฉู่เชียนหลีถูกความเฉยเมยของนางยั่วจนโมโหแล้ว ยิ่งคิดไม่ถึงว่าใต้ฟ้าจะมีแม่ที่ไร้ความรับผิดชอบเช่นนี้มันก็จริงฉู่เจียวเจียวกับเฟิงเจิ้งหลี ถ้าไม่เหมือนกันก็คงอยู่ด้วยกันไม่ได้ ไม่มีอะไรที่พวกเขาสองสามีภรรยาทำไม่ลงรอหลังจากลู่ฉินเติบโต รู้ว่าตัวเองมีแม่เช่นนี้ ไม่รู้ว่าจะเศร้าเพียงใด!“ฉู่เชียนหลี เฟิงเย่เสวียน พวกเจ้าเลิกพูดไร้สาระได้แล้ว รีบปล่อยตัวอ๋องหลี ความอดทนข้ามีขีดจำกัด!” ฉู่เจียวเจียวกล่าวอย่างเย็นชา“จะเอาชีวิตของลูกชาย หรือจะปล่อยคน พวกเจ้าเลือกเอง”อย่างไรนางก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้วไม่ดิ้นรน ตายสถานเดียวดิ้นรน เดิมพัน ยังมีโอกาสสายตาเฟิงเย่เสวียนเคร่งขรึมมาก หางตาเหลือบมองหานเฟิง หานเฟิงเข้าใจทันที เขาซ่อนมือไว้ที่หลัง และทำท่าสัญญาณมือไปที่ด้านหลังมือธนูเตรียมพร้อมจู่ๆ ฉู่เจียวเจียวก็กล่าวเสริมอีกประโยคอย่างเย็นชา “พวกเจ้าสามารถลองดูได้ ดูสิว่าการเคลื่อนไหวของพวกเจ้าไว หรือมีดที่อยู่ในมือข้าเร็ว”“ต่อให้ข้าตาย การฆ่าเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ยก็ใช้เวลาแค่พริบตาเดียว”ฉู่เชียนหลีสั่งให้มือธนูหยุดทันที “ปล่อยคน!”อย่าทำอะไรบุ่มบ่ามผู้หญิงคนนี้มันเป็นผู
พลันฉู่เชียนหลีแน่นหน้าอก“หยุดนะ…”“อย่าเข้ามา!”ฉู่เจียวเจียวถอยหลังสามก้าว มือซ้ายจับเด็ก มือขวาถือมีดสั้น มีดสั้นที่แวววาวจ่ออยู่บนผิวอันบอบบางของเด็ก กรีดจนรอยเลือดออกแล้วเลือดไหลออกมาแล้ว“จู่ๆ เจ้าก็มาเป็นห่วงข้า และยังพยายามอยากอุ้มลูกทุกวิถีทาง ข้าก็รู้แล้วว่าเจ้าไม่ได้มีเจตนาดี”นางยิ้มอย่างเย็นชา“เหอะ! ดูเหมือนฮ่องเต้ที่แกไม่ตายสักทีนั่นเป็นคนบอกเรื่องนี้กับเจ้าสินะ!”ไอ้แก่ เป็นอัมพาตเฉียบพลันยังไม่ยอมอยู่อย่างสงบเสงี่ยมอีกต่อให้รู้ความจริงแล้วอย่างไร?ชีวิตของเด็กคนนี้อยู่ในมือนาง“ฉู่เชียนหลีนะฉู่เชียนหลี เจ้าคิดอย่างไรก็คงคิดไม่ถึงกระมังว่า เจ้าเลี้ยงลูกสาวข้า ข้าเลี้ยงลูกชายเจ้า และก็ต้องขอบคุณลูกชายคนดีคนนี้ของเจ้า กลายเป็นตัวช่วยที่สำคัญของอ๋องหลี” นางเผยอมุมปาก รอยยิ้มนั้นน่ากลัวมากฉู่เชียนหลียืนตัวแข็งอยู่ตรงที่เดิม ไม่กล้าขยับ“เจ้าต้องการอะไร?”ฉู่เชียนหลีจ้องมีดสั้นในมือนาง กลัวว่านางจะพลั้งเผลอกรีดโดนคอของเด็กตั้งครรภ์สิบเดือนลูกชายเป็นก้อนเนื้อชิ้นหนึ่งที่ตกลงมาจากร่างกายนางนางไม่กล้าเดิมพัน และเดิมพันไม่ไหวฉู่เจียวเจียวกล่าว “ข้าต้องก
กลางดึกกำลังถึงช่วงที่คนเงียบสงบ คนกลุ่มหนึ่งวิ่งไปที่ตำหนักเจาหยางราวกับคลื่นยักษ์ ตอนที่ใกล้จะถึง ฉู่เชียนหลีตวาดสั่งให้พวกเขาหยุด“พวกเจ้าอยู่ห่างๆ อยากเข้าใกล้!”พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความเป็นห่วง “พระชายา พวกเราต้องไปเอาพระนัดดาองค์โตกลับมา นั่นเป็นเลือดเนื้อของท่านกับท่านอ๋องนะ”“ข้ารู้!”ก็เพราะรู้ จึงไม่ให้พวกเขาเข้าใกล้“ไปทำอะไรคนเยอะแยะ ถ้าหากบีบจนฉู่เจียวเจียวไม่มีทางเลือก นางทำอะไรขึ้นมา…”ฉู่เชียนหลีแทบจะเป็นบ้าแล้ว ร้อนรนเหมือนมดที่อยู่บนกระทะร้อน ทั้งร้อนใจทั้งไม่สบายใจ น้ำเสียงก็ค่อนข้างฉุนเฉียวไม่อยากพูดมาก วิ่งเข้าไปในตำหนักเจาหยางเพียงลำพัง คนอื่นรออยู่ที่ข้างนอก ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามภายในตำหนักฉู่เจียวเจียวกำลังกล่อมจื่อเยี่ย ฉู่เจียวเจียวมาแล้ว นางมองเด็กน้อยที่อ้วนสมบูรณ์ กล่าวโดยไม่เงยหน้า“พระชายาอ๋องเฉิน ลูกของข้าเพิ่งนอนหลับ ”โปรดให้อภัย ข้าอุ้มเขาไว้ ร่างกายหนัก ไม่สะดวกลุกขึ้นยืน สายตาฉู่เชียนหลีมองไปที่ตัวเด็กเด็กน้อยอ้วนสมบูรณ์ ใบหน้าจ้ำม่ำ คิ้วละเอียดอ่อน หน้าตาที่น่ารักน่าเอ็นดู คล้ายเฟิงเจิ้งเว่ยซีแปดส่วนเหตุใดเมื่อก่อนนางไม่สังเกต
อวิ๋นอิงถูกนางทำเอาตกใจจนหน้าซีด รีบถาม“พระชายา มีอะไรหรือ? เหตุใดกะทันหันเช่นนี้?”“รีบไป!”มือทั้งสองข้างของฉู่เชียนหลีเย็นเฉียบ เสียงนั้นเกือบจะคำรามออกมา แม้แต่คอก็กำลังสั่นสะเทือนคนข้างล่างไม่กล้ารอช้า รีบไปตามหาคนทันทีเฟิงเย่เสวียนประหม่า “เชียนหลี นี่เจ้าเป็นอะไร?”“ข้าอาจจะเข้าใจผิด อาจจะทำผิดพลาด ข้าอาจจะ…ข้า ข้า…” ฉู่เชียนหลีพูดวนไม่ปะติดปะต่อ พูดอยู่ดีๆ เบ้าตาก็แดงแล้วหัวใจเหมือนถูกแมวข่วน กระสับกระส่ายนางกุมเสื้อตรงหน้าอก หายใจอย่างอึดอัดขออย่าให้มันเป็นเรื่องจริง…ขออย่า…นางทรมานจังนางไม่ใช่แม่ที่ดี กลัวรู้ความจริง แต่ก็อยากรู้ความจริงหลังจากนั้นครึ่งชั่วยาม ผู้คนร้อยกว่าคนเข้าวังในคืนนั้น มีคนของจวนอ๋องเฉิน หมอ หมอตำแย ผู้ช่วยหมอ และยังมีองครักษ์ลับ ทหารยาม หมอหญิงเว่ยก็อยู่เมื่อหนึ่งเดือนกว่าก่อน ตอนที่ฉู่เชียนหลีคลอดลูก คนเหล่านี้อยู่ในเหตุการณ์ทุกคนเมื่อฉู่เชียนหลีเห็นพวกเขา รีบถามทันที“วันที่ข้าคลอดลูก เคยมีคนแปลกหน้ามาหรือไม่?”ทุกคนหันมองกันและกัน ล้วนส่ายศีรษะ“พระชายา เรื่องสำคัญอย่างท่านคลอดลูก พวกเราจับตาดูอย่างเข้มงวด ในจวนมีแต่คนข
นางกำนัลรีบนำพู่กันมาฉู่เชียนหลีเอาพู่กันจุ่มน้ำหมึก แล้วใส่ในมือฮ่องเต้ร่างกายของฮ่องเต้เป็นอัมพาต ไม่ควบคุมมือไม่ได้ ไม่สามารถจับพู่กันด้วยซ้ำ ปากของเขาเบี้ยว ใช้แรงทั้งหมดหนีบด้ามพู่กันด้วยนิ้วชี้กับนิ้วกลาง อาศัยแรงกระตุกของร่างกาย ลงพู่กันบนกระดาษอย่างเบี้ยวไปเบี้ยวมาเพียงไม่กี่ขีด เขียนอย่างยากลำบาก บนหน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อแนวเฉียง…แนวตั้ง…สองคำ ทั้งหมดสี่ขีดเขียนเสร็จ พู่กันก็ร่วงตกบนพื้น เขาเหนื่อยจนหอบบนเตียง ขยับไม่ได้อีกแล้ว“ลูกชาย…” อวิ๋นอิงอุทานเบาๆ “คนที่ฝ่าบาทคิดถึงคือลูกชาย?”ฉู่เชียนหลีถือกระดาษ แม้สองคำนี้เขียนได้คดเคี้ยวมาก แต่เนื่องจากลายเส้นเรียบง่าย จึงมองออกในปราดเดียวว่ามันคือคำว่า ‘ลูกชาย’นี่เขาอยากบอกอะไรนาง?“หรือเป็นอ๋องหลี?” อวิ๋นอิงคาดเดาฉู่เชียนหลีส่ายศีรษะโดยไม่ต้องคิด“อ๋องหลีวางยาพิษเขา กบฏวังชิงราชบัลลังก์ มีความทะเยอทะยาน ฝ่าบาทไม่มีทางคิดถึงอ๋องหลี”นางกล่าววิเคราะห์“ส่วนอ๋องหลีหลังจากขึ้นบัลลังก์ ไม่ฆ่าผู้บริสุทธิ์ องค์ชายท่านอื่นอยู่อย่างสงบเสงี่ยมเหมือนเมื่อก่อน ไม่มีอันตราย ฮ่องเต้ก็ไม่มีทางคิดถึงองค์ชายท่านอื่น”อวิ๋