Share

บทที่ 258

Author: สกุลหยางมีบุตรสาว
เรือนข้าง

“พระชายา ท่านกลับมาแล้วหรือเจ้าคะ!”

เมื่อเห็นฉู่เชียนหลี เยว่เอ๋อร์กับเจ้าดำน้อยกระโจนเข้าไป

พลันคิ้วของเยว่เอ๋อร์ขมวดทันที “ท่านเป็นผู้หญิง ดื่มเหล้าได้อย่างไร…และยังดื่มมากเช่นนี้ เหม็นจังเลย!”

เจ้าดำน้อยแลบลิ้นแฮ่ๆ เลียใบหน้าฉู่เชียนหลี

หนามบนลิ้นของมัน แทงฉู่เชียนหลีจนเจ็บ ทำให้สร่างเมาไปหกเจ็ดส่วน พลันนางกดหัวของเจ้าดำน้อย ก็เริ่มจิกมั่วทันที

“หมาป่าตัวผู้ ห้ามลวนลามข้า!”

สองมือกดหัวหมาป่าไว้ ตะโกนคำว่าม้าหนึ่งคำ ก็กระโดดขึ้นคร่อมนั่งบนหลังหมาป่า แล้วดึงหูทั้งสองข้างของมัน ไม่ว่าเจ้าดำสะบัดอย่างไรก็สะบัดไม่หลุด

เยว่เอ๋อร์หัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก รีบไปเตรียมเตาเล็กจุดไฟ ต้มน้ำแกงสร่างเมาทันที

ด้านข้าง หนึ่งคนหนึ่งหมาป่าเล่นกันพอประมาณแล้ว ก็พากันเข้าไปผิงไฟ

กลางคืน ลมเย็นเล็กน้อย

ฉู่เชียนหลียกก้นนั่งลงบนหางหมาป่าที่มีขนปุกปุย มือเท้าคาง มองดูเปลวไฟที่สั่นไหว ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

“พระชายา ท่านกำลังคิดอะไรอยู่หรือ?”

เยว่เอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะถาม

“กำลังคิดเรื่องเสน่ห์ของตัวบุคคลกับการสืบพันธุ์ของมนุษย์”

เยว่เอ๋อร์ “?”

ที่จริงก็คือเรื่องของหานมู่ซี

คนคนนี
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • ท่านอ๋องอ่านใจกับชายาแพทย์ทะลุมิติ   บทที่ 259

    ล่าสัตว์ครั้งแรก ฉู่เชียนหลีคาดหวังเล็กน้อย นางได้เตรียมมีดสั้น เชือก เสื้อผ้าและสิ่งต่างๆ แล้วก็จะพาเยว่เอ๋อร์กับเจ้าดำน้อยไปด้วย และ…ทว่าวันต่อมามีหมอมอเฒ่าคนหนึ่งมาจากในวัง “พระชายาอ๋องเฉิน ถงเฟยเรียกพบเจ้าค่ะ”ฉู่เชียนหลีตะลึงงันโดยตรงเยว่เอ๋อร์รีบเข้าไปกระซิบข้างหูเบาๆ “พระชายา ถงเฟยเป็นแม่เลี้ยงที่ดูแลอ๋องเฉินโต และเป็นสาวใช้คนสนิทที่รับใช้เซียวกุ้ยเฟยในตอนนั้น หลังจากเซียวกุ้ยเฟยตาย เนื่องจากนางมีความดีความชอบเลี้ยงดูอ๋องเฉิน จึงถูกฝ่าบาทแต่งตั้งเป็นถงเฟยโดยเฉพาะ”ถงเฟยนับว่าเป็นแม่ครึ่งหนึ่งของอ๋องเฉิน มีพระคุณในการเลี้ยงดูอย่างใหญ่หลวงฉู่เชียนหลีเข้าใจอย่างคร่าวๆ ในคืนงานเลี้ยงฉลองชัย เฟิงเย่เสวียนบอกจะไปเยี่ยมเสด็จแม่ น่าจะเป็นถงเฟยท่านนี้กระมังเพียงแต่นางกับถงเฟยไม่เคยพบกัน และไม่มีความสัมพันธ์ใดๆ เหตุใดจู่ๆ จึงเรียกนาง?หมอมอแก่ก้มเอวอย่างนอบน้อม “พระชายาอ๋องเฉิน เกี้ยวที่เข้าวังรออยู่นอกจวนแล้ว บ่าวไปรอท่านข้างนอกเจ้าค่ะ”พูดจบก็เดินออกไปแล้วฉู่เชียนหลีขมวดคิ้ว “ถงเฟยเรียกข้ากะทันหัน ต้องมีเรื่องแน่ ยิ่งกว่านั้นไม่ใช่เรื่องดีอะไร ไม่ไปได้หรือไม่?”เยว่เอ

  • ท่านอ๋องอ่านใจกับชายาแพทย์ทะลุมิติ   บทที่ 260

    เมื่อน้ำเสียงที่มาพร้อมกับเสียงสะอื้นลอยออกมา ถงเฟยหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กออกมาเช็ดน้ำตาให้เซียวจือฮว่า “ไอ้หยา โตจนป่านนี้แล้ว ยังร้องไห้อีก ไม่อายหรือ?”“ฮือ…”เมื่อได้ยินคำนี้ เซียวจือฮว่ายิ่งร้องไห้หนักพลันอ้าปาก เสียง ‘แง’ ดังเป็นพิเศษ น้ำตาเม็ดใหญ่ราวกับลูกปัดยิ่งไหลลงอย่างต่อเนื่อง“เอาละๆๆ ไม่ร้องแล้ว”“แง!”ฉู่เชียนหลี “...”เซียวจือฮว่าน้อยใจจนเหมือนเด็กที่มีน้ำหนักสามร้อยชั่ง และฉู่เชียนหลีก็คือคนที่รังแกนาง เป็นผู้ก่อเหตุที่ชั่วร้ายถงเฟยปลอบสองสามคำ สุดท้ายปลอบไม่ไหวแล้วจริงๆ หมดหนทางแล้ว จึงมองไปทางฉู่เชียนหลีอย่างช่วยไม่ได้“เด็กคนนี้ ส่งหนังสือเข้าวังตั้งแต่เช้าตรู่ บอกว่าอ๋องเฉินจะไล่นางไปอยู่สวนชานเมือง ไม่อนุญาตให้นางกลับจวนอ๋องเฉินอีก นี่ก็เลยมางอแงกับข้าแล้ว”ฉู่เชียนหลีได้ยินแล้วตะลึงงันเฟิงเย่เสวียนถึงกับยอมไล่เซียวจือฮว่า?ข้างหู เสียงของเขาดังสะท้อนกะทันหัน——‘ให้เวลาข้าหน่อย ข้าจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย’นั่นเขาพูดเล่นไม่ใช่หรือ?เขาถึงกับจะไล่เซียวจือฮว่าจริงๆ?!พริบตานั้น มีความรู้สึกที่แปลกประหลาดเสี้ยวหนึ่งพุ่งพรวดเข้ามาในใจฉู่เชียนหลี

  • ท่านอ๋องอ่านใจกับชายาแพทย์ทะลุมิติ   บทที่ 261

    เซียวจือฮว่า “?”ชาติกำเนิดถงเฟยเป็นสามัญชน เนื่องจากเลี้ยงดูอ๋องเฉินมีความดีความชอบ จึงถูกแต่งตั้งเป็นนางสนม อาศัยอยู่ในวัง แต่ว่าความเจริญรุ่งเรืองในวังหลวงไม่ได้บั่นทอนเนื้อแท้ของนาง นางกระทำการอย่างถ่อมตนมาโดยตลอด ใช้ชีวิตเพียงลำพัง น้อยครั้งจะออกจากตำหนัก ปกติเมื่อมีเวลาว่างก็จะสวดมนต์ภาวนาอยู่ในห้องเซียวจือฮว่าไม่พอใจแล้ว “เสด็จแม่…”นางเม้มปาก ท่าทางน้อยใจ “จือฮว่าจะถูกไล่ออกจากจวนอ๋องเฉินอยู่แล้ว…”ถงเฟยตบหลังมือเซียวจือฮว่า กล่าวปลอบอย่างมีความอดทน “จือฮว่า เจ้าอย่าเพิ่งร้อนใจ เมื่อครู่ข้าเพิ่งสั่งสอนพระชายา พระชายานางรู้ว่าควรจะทำอย่างไร”“เสด็จแม่ แต่ว่า…”ถงเฟยพูดขัดทันที“หมอมอ เตรียมน้ำ ล้างมือ! พวกเจ้าสองคนตามข้าไปสวดมนต์ จิตใจสงบแล้ว ปัญหามากมายก็จะคิดได้เอง เมื่อคิดได้แล้ว ก็จะไม่ทะเลาะกันอีก”ชีวิตที่แสนสั้นสามหมื่นกว่าวันของมนุษย์ มีความสุขก็หนึ่งวัน ไม่มีความสุขก็หนึ่งวันเช่นกัน เหตุใดจึงไม่เปิดใจ ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเล่า?มักจะถือสาข้อเท็จจริงบนปาก ชนะหรือพ่ายแพ้ในไม่กี่คำ ทำตัวเองโมโห สร้างบาปปาก มีความหมายอะไร?ฉู่เชียนหลีพยักหน้าอย่างเป็นเด็กดี “เจ้

  • ท่านอ๋องอ่านใจกับชายาแพทย์ทะลุมิติ   บทที่ 262

    เซียวจือฮว่า “แบๆๆๆๆ”ฉู่เชียนหลี “นำมอฮอลตันนอตอลาเยเย นำมอออลีเย พอลูกิดตีชอปอลาแย…”ทั้งสองนั่งอยู่ข้างหลังถงเฟย สวดมนต์ตามนาง เสียงที่แผ่วเบามากล่องลอยอยู่ในห้องทำสมาธิ กลิ่นธูปเทียนลอยเตะจมูก ทำให้จิตใจสงบเป็นพิเศษไม่มีการทะเลาะไม่มีการโต้เถียงไม่มีการใช้งอแงใช้อุบายปล่อยวางทุกสิ่งในโลกนี้ นอกจากความเป็นความตาย เรื่องอื่นก็ไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ทันใดนั้น จิตใจของฉู่เชียนหลีราวกับเปิดกว้างขึ้นมากหลังจากนั้นครึ่งชั่วยามบทพระสูตรสิ้นสุดหนึ่งจบถงเฟยค่อยๆ ปิดหนังสือสวดมนต์ ว่างลงข้างๆ บักฮื้อ หันมามองทั้งสองคนด้วยรอยยิ้ม “ทั่วหล้า มีข้อพิพาท การแก่งแย่ง คดีความเป็นความตายมากมาย ทั้งหมดนี้ล้วนเกิดจากอารมณ์ชั่ววูบ”“แต่เมื่อใจเย็นลง พิจารณาอย่างละเอียด หลายสิ่งหลายอย่างไม่จำเป็นต้องโต้แย้ง พลังชีวิตของมนุษย์มีขีดจำกัด นำหัวใจไปวางไว้ในตำแหน่งที่ควรจะวาง จึงจะเปลืองแรงน้อยแต่ได้ผลกำไลมาก”นางสั่งสอนด้วยเสียงที่อ่อนโยนฉู่เชียนหลีรับคำสอนอย่างจริงใจ “เสด็จแม่ ท่านพูดถูก เปิดใจให้กว้าง สามารถรองรับแม่น้ำร้อยสาย เมื่อยืนอยู่บนที่สูง สามารถมองได้ไกล จึงเห็นเรื่องราวมาก

  • ท่านอ๋องอ่านใจกับชายาแพทย์ทะลุมิติ   บทที่ 263

    “อ่า!”เสียงนี่ไม่ใช่เสียงกำไลแตก แต่เป็นเสียงฝ่ามือที่ดังชัดเจนเสียงร้องนี่ไม่ใช่ปวดใจที่กำไลตกแตก แต่เป็นเสียงกรีดร้องที่เหมือนฆ่าหมูของเซียวจือฮว่าเห็นเพียง เซียวจือฮว่าโดนตบจนหมุนอยู่ตรงที่เดิมสองรอบ สุดท้ายเซล้มลงพื้น ศีรษะเอียงไปด้านหนึ่ง มวยผมเบี้ยว ปิ่นระย้าทองห้อยตกมาอยู่ที่ข้างหู บนใบหน้ายิ่งมีรอยฝ่ามือสีแดงปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อหันไปมองอีกด้าน ฉู่เชียนหลีสวมกำไลเฉียนคุนเข้าข้อมืออย่างใจเย็น จากนั้นนวดฝ่ามือที่เริ่มแดงอย่างเกียจคร้าน ท่าทางสูงศักดิ์ที่เกียจคร้านเหมือนแมวนั่น ราวกับคนที่ลงมือเมื่อครู่ไม่ใช่นางหมอมอเฒ่าสะดุ้งตกใจ แต่เมื่อตั้งสติได้ รีบทำสัญญามือ สั่งให้นางกำนัลหลายคนถอยออกไป ส่วนตนเองก็รีบเข้าไปในห้องทำสมาธิเช่นกัน นางไม่เห็นอะไรเลย…ผ่านไปสักพักเซียวจือฮว่าลูบแก้มที่เจ็บจนชา หันคอที่แข็งทื่อมา เงยหน้ามองไปทางฉู่เชียนหลีที่อยู่เบื้องสูง ตะลึงงันอยู่นาน“เจ้า…เจ้าตบข้า…”เหอะฉู่เชียนหลีหัวเราะอย่างเย็นชา “ข้าเป็นชายาเอก ส่วนเจ้าเป็นอนุ หรือนายหญิงของครอบครัวจัดการอนุเล็กๆ คนหนึ่ง ต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าก่อน?”กล้าแตะต้องกำไลเฉียนคุนของนาง

  • ท่านอ๋องอ่านใจกับชายาแพทย์ทะลุมิติ   บทที่ 264

    ฉู่เชียนหลีครุ่นคิดสองวินาที ยกเท้ากำลังจะไป นอกตำหนัก มีเสียงรายงานลากยาวดังขึ้น“อ๋องเฉินเสด็จ…”“ท่านอ๋อง!”พลันสีหน้าเซียวจือฮว่าดีใจ จากนั้นเบ้าตาแดงก่ำ กุมหน้าอก รีบวิ่งออกไปข้างนอก“ท่านอ๋อง ท่านต้องออกหน้าแทนฮว่าเอ๋อร์นะ…”เฟิงเย่เสวียนเพิ่งเลิกว่าราชกิจ เมื่อได้ยินเรื่องที่ฉู่เชียนหลีเข้าวัง กลัวว่านางจะรับมือไม่ไหว จึงรีบมาที่ตำหนักกว่างอันทันที ใครจะรู้ว่าเซียวจือฮว่าก็อยู่ด้วยเช่นกันเขาขมวดคิ้ว “เจ้าไปสวนชานเมืองแล้วไม่ใช่หรือ?”พลันเซียวจือฮว่าปวดใจ ยิ่งน้อยใจแล้วแทบรอไม่ไหวที่จะไล่นางไปถึงเช่นนี้เลยหรือ?นางเอียงศีรษะเล็กน้อย แสดงใบหน้าครึ่งที่ได้รับบาดเจ็บของตนเองต่อหน้าเฟิงเย่เสวียน “เดิมทีฮว่าเอ๋อร์อยากเข้าวังเยี่ยมเสด็จแม่ แต่ใครจะรู้ว่าพระชายาคุยไม่ถูกกัน ก็ลงมือกับข้าเลย ข้า…”“ลูกแม่!”พูดไม่ทันจบ ถงเฟยวิ่งออกจากห้องทำสมาธิ กอดเฟิงเย่เสวียนก็เริ่มร้องไห้“ลูกแม่ แม่ไร้ประโยชน์ แม่ทำอะไรไม่ได้จริงๆ พวกนางทะเลาะกันหนักมาก แม่พูดแทรกไม่ได้แม้แต่คำเดียว ห้ามปรามจนเสียงแหบก็ไม่มีประโยชน์ พวกนางสองคนทะเลาะกันในตำหนักกว่างอันถึงขั้นนี้ ไม่สู้ยกตำหนักกว่างอัน

  • ท่านอ๋องอ่านใจกับชายาแพทย์ทะลุมิติ   บทที่ 265

    ฉู่เชียนหลี “เจ้าฝันไปเถอะ!”——จะไปล่าสัตว์หรือไม่ไปมีแค่สองอย่าง ตะกร้าธนูเหรอ? ฉันอูลาร่านา·ฉู่เชียนหลีไม่มีทางแบก!เฟิงเย่เสวียน “...”ขันทีที่อยู่ด้านข้างกลับถลนตาทั้งคู่อ๋องเฉินจับก้นพระชายาอ๋องเฉินกลางวันแสกๆ ในวังหลวง… เฟิงเย่เสวียนหันไปมองฉับพลัน เขาด่าทอ “มองอะไร ตาเฒ่า!”“!”เบญจมาศขันทีหดเกร็ง รีบก้มศีรษะลง ไม่กล้าพูดมากแม้แต่คำเดียว เดินนำทางอยู่ด้านหน้าอย่างนอบน้อมอุทยานดอกไม้ฉู่เชียนหลีเดินเข้าไป ตอนที่เฟิงเย่เสวียนจะเดินตาม ขันทีเข้ามาขวางไว้“อ๋องเฉินโปรดหยุดก่อน ฝ่าบาทบอกว่าต้องการพบพระชายาอ๋องเฉิน ไม่ได้บอกว่าจะเรียกท่าน”เขา “...”มีเรื่องอะไรที่ลูกชายแท้ๆ อย่างเขาฟังไม่ได้?ภายในอุทยานดอกไม้ ทิวทัศน์รื่นรมย์ โครงสร้าง การตกแต่ง ฮวงจุ้ยล้วนเป็นเลิศ ภูเขาจำลองตั้งตระหง่าน สายน้ำไหลริน ดอกไม้เบ่งบาน แสงแดดอบอุ่นอีกด้านหนึ่งของทางเดินที่ปูด้วยหินกรวด ร่างเงาสีเหลืองสว่างสายหนึ่งนั่งอย่างสุขุมอยู่ตรงนั้นฉู่เชียนหลีรีบเดินเข้าไป“ถวายพระพรฝ่าบาท ขอฝ่าบาทอายุยืนหมื่นปี หมื่นหมื่นปี”ฮ่องเต้เงยหน้าขึ้น ม้วนเก็บหนังสือที่อยู่ในมือ จากนั้นวางลง ถามด้วยร

  • ท่านอ๋องอ่านใจกับชายาแพทย์ทะลุมิติ   บทที่ 266

    ฉู่เชียนหลี “...”อยากได้แต่กลับแสดงออกอย่างอ้อมค้อนเช่นนี้? เพียงแต่ จะเอาของของนางก็ต้องมีอะไรมาแลกฉู่เชียนหลีกลอกตาเบาๆ ทันใดนั้นก็ถอนสายบัว กล่าวอย่างจริงใจ“แค่เสด็จพ่อทรงเกษมสำราญ ก็คือวาสนาขอหม่อมฉันแล้วเพคะ แม้นาฬิกาพกเรือนนี้จะเป็นมรดกตกทอดมาจากบรรพบุรุษของท่านแม่ มีความหมายที่สำคัญมาก แต่ขอแค่เสด็จพ่อพอพระทัย หม่อมฉันยินดีถวายทุกอย่างเพคะ!”เมื่อฮ่องเต้ได้ยินคำพูดนี้ นาฬิกาพกเรือนเล็กๆ หนักพันชั่งขึ้นมาทันทีมันคือมรดกตกทอดของตระกูลสมบัติล้ำค่าเช่นนี้ เขาจะมีหน้าไปรับไว้ได้อย่างไร?รีบคืนกลับไปทันที “เมียเจ้าเจ็ด ในเมื่อมารดาของเจ้าเป็นคนมอบให้ เจ้าก็รีบเอากลับไปเก็บไว้เถอะ เราไม่เอา!”“การได้รับการโปรดปรานจากเสด็จพ่อ ก็คือความหมายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในการดำรงอยู่ของนาฬิกาพกเรือนนี้เพคะ”ฉู่เชียนหลีใช้สองมือดันนาฬิกาพกกลับไป กล่าวอย่างรู้ความมาก“ทรงเป็นถึงโอรสสวรรค์ ทุกสิ่งบนแคว้นตงหลิงล้วนเป็นของพระองค์ หม่อมฉันจะกล้าผูกขาดไว้เพียงคนเดียวได้อย่างไร? ต่อให้เป็นของดีแค่ไหน มีเพียงอยู่บนมือของคนมีความสามารถ จึงจะดึงประโยชน์ออกมาได้มากที่สุด”“เสด็จพ่อ ท่านโปรดรับไว

Latest chapter

  • ท่านอ๋องอ่านใจกับชายาแพทย์ทะลุมิติ   บทที่ 1120

    แผนการดำเนินไปอย่างราบรื่นวันรุ่งขึ้น ตอนเย็น ทหารรักษาพระองค์ที่เฝ้าอยู่นอกตำหนักเจาหยางถอนกำลังจริงๆ ฉู่เชียนหลีอุ้มลูกไปถึงสถานที่นัดหมายกับฉู่เจียวเจียว ขึ้นรถม้าคันหนึ่งที่ออกจากวังเพื่อไปซื้อวัตถุดิบอาหารด่านตรวจประตูวังทหารรักษาพระองค์จะตรวจสอบ แต่ขันทีที่ขับรถม้ามีสิทธิพิเศษผ่านทาง จึงสามารถออกจากวังหลวงอย่างราบรื่นรถม้าแล่นไปถึงตรอกแห่งหนึ่ง ที่นั่นมีรถม้าจอดอยู่หนึ่งคันรถม้าสองคันแล่นขนานกัน และตอนที่ไม่มีคนสังเกต คนบนรถม้ากระโดดจากรถม้าคันนี้ ไปยังรถม้าคันนั้นเวลานี้ รถม้าแยกทางกันที่ปลายถนนคันหนึ่งแล่นไปทางซ้าย คันหนึ่งแล่นไปทางขวาฉู่เจียวเจียวยืนอยู่บนหอคอยสูง มองดูจากระยะไกล เมื่อเห็นว่าถึงเวลาแล้ว เผยอมุมปากอย่างเย็นชาฉู่เชียนหลี เจ้ารนหาที่ตายเอง!“ลงมือ!”ทหารรักษาพระองค์เคลื่อนไหวทันที!ในเมืองหลวง ผู้คนสัญจรไปมา ใกล้จะปีใหม่แล้ว พ่อค้าขายของปีใหม่เยอะเป็นพิเศษ ถนนทั้งสายทั้งคึกคักทั้งเบียดเสียด“หยุดรถ”รถม้าจอดตรงหน้าตรอกแห่งหนึ่งที่มีคนค่อนข้างน้อย ฉู่เชียนหลีอุ้มลูกลงจากรถม้า วิ่งเข้าไปในตรอก หาร้านค้าร้านหนึ่งที่ไม่สะดุดตาป้ายหน้าประตูร้า

  • ท่านอ๋องอ่านใจกับชายาแพทย์ทะลุมิติ   บทที่ 1119

    ฉู่เชียนหลีประหลาดใจเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าจะได้ยินคำพูดนี้เฟิงเจิ้งหลีกักตัวนางนานเช่นนี้ ก็เพื่อใช้ประโยชน์จากนางกับจื่อเยี่ย ควบคุมเฟิงเย่เสวียนในวันข้างหน้า ฉู่เจียวเจียวกลับยินดีปล่อยนาง?“ข้าจริงจัง”น้ำเสียงฉู่เจียวเจียวเย็นชา“เจ้าเดินเตร่ไปเตร่มาใต้จมูกข้าทุกวัน มันขัดตาข้า มันกวนใจข้า ชีวิตเจ้าไม่มีความสุข ชีวิตข้าก็ไม่มีความสุข เหตุใดไม่สงเคราะห์กันและกันล่ะ?”นางส่งเขาออกไปนางคืนฝ่าบาทให้เขา“เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้ากำลังพูดอะไรอยู่?” ฉู่เชียนหลีถาม “เมื่อฝ่าบาทรู้เรื่องนี้ เจ้าจะดับความโกรธของเขาอย่างไร?”“เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องสนใจ ข้ามีวิธีของข้า ไม่เช่นนั้น ข้าก็ไม่ต้องเป็นฮองเฮาแล้ว”ส่งฉู่เชียนหลีออกวัง เรื่องเล็กน้อยแค่นี้นางยังทำได้“ฉู่เชียนหลี เจ้าลองคิดดูดีๆ”“ครึ่งปีมานี้ สถานการณ์สงครามคับขัน เพื่อที่จะช่วยเจ้า เฟิงเย่เสวียนยอมหันกระบี่ใส่ฝ่าบาท ถ้าหากเจ้ากลับไปอยู่ข้างกายเฟิงเย่เสวียน สองกองทัพสงบ เจ้ากับข้าก็จะมีชีวิตที่ดี”“เหตุใดเจ้าต้องจับฝ่าบาทไม่ยอมปล่อย?”ฉู่เจียวเจียววิเคราะห์เสียงเย็นนางทนไม่ไหวกับชีวิตแม่หม้ายเช่นนี้แล้ว มีเพียงฉู่เชียนหลัไ

  • ท่านอ๋องอ่านใจกับชายาแพทย์ทะลุมิติ   บทที่ 1118

    เพียะ!ก่อนที่ฝ่ามือจะตบลงมา ฉู่เชียนหลีคว้าข้อมือของนางไว้อย่างแม่นยำ “ดูผู้ชายของตัวเองไม่ดีเอง ไม่ควรทบทวนปัญหาของตัวเองก่อนหรือ?”นางยิ้มอย่างเย้ยหยัน“ฉู่เจียวเจียว เจ้านี่มันไม่ไหวจริงๆ รู้จักแต่ระบายความโกรธใส่ข้า มัดใจของผู้ชายไม่ได้ ต่อให้ข้าไปแล้ว ก็ยังมีข้าอีกเป็นหมื่นเป็นพัน”สีหน้าฉู่เจียวเจียวน่าเกลียดมาก“ฉู่เชียนหลี!”นางพูดเรื่องที่ไร้ยางอายเช่นนี้อย่างมั่นใจได้อย่างไร? น่ายกย่องมากเลย?นางยั่วยวนฝ่าบาทโดยที่หน้าไม่แดง ไม่รู้สึกผิด หน้าตายเช่นนี้ได้อย่างไร?ใต้ฟ้า เหตุใดจึงมีคนที่ไร้ยางอายเช่นนี้?ฉู่เชียนหลียิ้ม “อีกอย่างนะ เขาเป็นฮ่องเต้ สามตำหนักหกเรือน เจ็ดสิบสองสนม ก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรือ? เจ้าในฐานะฮองเฮา จิตใจคับแคบเช่นนี้ได้อย่างไร?”“กรี๊ดๆ!”ฉู่เจียวเจียวโมโหจนกรีดร้อง ยกมืออีกข้างก็เหวี่ยงออกไปทันทีฉู่เชียนหลีเอี้ยวตัวไปด้านข้าง หลบพร้อมกับคว้ามือของนางไว้“ฉู่เชียนหลี เจ้ามันหน้าไม่อาย! เจ้ามันเป็นของเก่าที่เคยหลับนอนกับเฟิงเย่เสวียน มีสิทธิ์อะไรมาเข้าใกล้ฝ่าบาท! ต่อให้ฝ่าบาทมีสามตำหนักหกเรือน นั่นก็ล้วนเป็นผู้หญิงที่บริสุทธิ์!”“ใช่สิ ฝ่า

  • ท่านอ๋องอ่านใจกับชายาแพทย์ทะลุมิติ   บทที่ 1117

    “นม!”เจ้าหนูน้อยโบกมืออย่างจริงจังและดื้อรั้น เหมือนกำลังเป็นปรปักษ์กับนาง ใบหน้าน้อยๆ มุดเข้าไปในอก สองมือก็ดึงทั้งๆ ที่กินอิ่มแล้ว ยังจะมุดเข้าไปในอกนางอีกเมื่อนางกำนัลที่อยู่ข้างๆ เห็น อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ“แม่นางฉู่ พระนัดดาองค์โตติดท่านจัง เหมือนท่านจึงจะเป็นแม่แท้ๆ ของเขา…”กล่าวจบ รู้ตัวว่าพลั้งปาก นางตกใจจนหน้าซีด รีบหุบปากทันที มีข่าวลือจากโลกภายนอกเกี่ยวกับตัวตนของพระนัดดาองค์โตราษฎรวิภากษ์วิจารณ์ มารดาบังเกิดเกล้าของพระนัดดาองค์โตคือฉู่เชียนหลี ไม่ใช่ฉู่เจียวเจียว และก็มีคนคิดว่าคือฉู่เจียวเจียวเช่นกัน แต่สำหรับสถานการณ์โดยรวม ทุกคนถกเถียงกันเงียบๆ ในวังก็มีข้อกังขาเช่นกัน คนที่รู้ความจริงก็มีน้อยมากฉู่เชียนหลีเพียงแค่ยิ้มแล้วยิ้มอีก ไม่ได้ถือสาการพลั้งปากของนางกำนัล“อีอา…”เจ้าหนูน้อยมุดอยู่ในอ้อมแขนของนางครึ่งค่อนวัน ล้วงป้ายหยกมังกรชิ้นหนึ่งออกมาแกว่งเล่นฉู่เชียนหลีจับมือน้อยๆ ของเขาอย่างหมดหนทาง“ท่านบรรพบุรุษน้อย ของสิ่งนี้เล่นไม่ได้ นี่เป็นของที่ฮ่องเต้มอบให้ข้า”ป้ายหยกมังกร!เมื่อนางกำนัลอีกคนเห็นของสิ่งนี้ เบิกปากกว้างด้วยความตกใจ นี่เป็นของที่

  • ท่านอ๋องอ่านใจกับชายาแพทย์ทะลุมิติ   บทที่ 1116

    หัวข้อสนทนาการเฉลิมฉลองปีใหม่ได้เปลี่ยนเป็นเรื่องสงคราม สีหน้าเฟิงเจิ้งหลีเคร่งขรึม“เจ้าคุยเล่นไม่เป็น”ฉู่เชียนหลียิ้มแล้วยิ้มอีก เสยผมที่ข้างหูขึ้น“เจ้าไม่คุยกับข้าก็ได้ แต่เหมือนเจ้ามักจะชอบมาหาเรื่องไม่สบอารมณ์ใส่ตัวเองที่ข้า”“...”ก็จริงทุกครั้งที่อยู่กับนาง ตอนมาอารมณ์ดี ตอนกลับยากจะควบคุมอารมณ์เฟิงเจิ้งหลีเหลือบมองท่าทางที่คิดไม่ดีไม่ร้ายของนาง รู้ว่านางจงใจ ถ้าหากโมโหจริงๆ ก็สมใจนางแล้วเขาพ่นลมออกจากจมูกอย่างไม่สบอารมณ์“ข้าชอบถูกทรมาน”คำตอบนี้พอใจแล้วกระมังฉู่เชียนหลี ‘อืม’ คำหนึ่ง ยิ้มจนคิ้วโก่ง “ถ้าหากสู้กันขึ้นมาจริงๆ ถึงเวลาเจ้าผลักพวกเราสองแม่ลูกออกไปก็พอ มีข้ากับจื่อเยี่ยอยู่ เฟิงเย่เสวียนไม่มีทางชนะ”นางกล่าวด้วยรอยยิ้ม ส่วนซ่อนอารมณ์ที่แท้จริงอย่างไรไว้ในแววตา ไม่มีใครสามารถคาดเดา มองไม่ออก เดาไม่ถูกเฟิงเจิ้งหลีเงียบไปครู่หนึ่ง“ข้าไม่มีเจตนาใช้ประโยชน์จากเจ้า”ทุกคนล้วนเป็นผู้ใหญ่แล้ว เอาคำพูดที่น่าฟังเหล่านี้ไปพูดให้ผีฟังเถอะนี่ก็นานมากแล้ว จื่อเยี่ยนอนกลางวันน่าจะตื่นแล้วฉู่เชียนหลีถือตำราแพทย์ หมุนกายเดินลงจากหอคอย มุ่งหน้าไปยังทิศทางขอ

  • ท่านอ๋องอ่านใจกับชายาแพทย์ทะลุมิติ   บทที่ 1115

    เวลาผ่านไปเร็วมาก วันแล้ววันเล่า พริบตาเดียว ก็กลายเป็นวันที่หนาวที่สุดของฤดูหนาวปีนี้หิมะตกแล้วสภาพอากาศมืดครึ้ม มีเกล็ดหิมะตกลงมาจากบนท้องฟ้า บางคนกางร่ม บางคนดึงเสื้อให้กระชับ บางคนซุกมืออยู่ในแขนเสื้อ ต่างคนต่างเดินอย่างเร่งรีบบนหอคอยของประตูวังฉู่เชียนหลีนั่งอยู่ตรงนั้นเงียบๆ มีตำราแพทย์เล่มหนึ่งกางอยู่บนหัวเข่า เกล็ดหิมะที่เขาบริสุทธิ์ตกลงบนผมของนาง ดวงตาที่หลุบลงนั่น ท่าทางที่ตั้งใจอ่านตำรานั่น ดูสงบเป็นพิเศษเฟิงเจิ้งหลียืนห่างออกไปห้าหกเมตร เฝ้าดูอยู่ไกลๆ ไม่อยากเข้าไปรบกวนนางนางยกมือ รับเกล็ดหิมะสองสามก้อนไม่นานก็ละลายกลายเป็นน้ำบนฝ่ามือเย็นๆเวลาผ่านไปเร็วจริงๆ พริบตาเดียวก็ปีใหม่แล้วนั่งอยู่บนหอคอยทุกวัน เฝ้าดูราษฎรที่เดินผ่านไปมา ฟังพวกเขาสนทนากัน อ่านตำราแพทย์ เลี้ยงลูก แม้ชีวิตสงบ แต่ก็ไม่น่าเบื่อนางให้ความสนใจเรื่องสงครามอยู่ตลอดเวลาเนื่องจากเมืองเทียนสู่เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจที่สำคัญของแคว้นตงหลิง แตะต้องส่งเดช รากฐานเสียหาย ศึกนี้ยืดเยื้อมาเป็นเวลาสองเดือนเต็มๆ ยังไม่เริ่มปะทะกันถอนสายตากลับ มองตำราแพทย์ พลิกหน้ากระดาษอย่างไม่ใส่ใจ ตอนเหลือบม

  • ท่านอ๋องอ่านใจกับชายาแพทย์ทะลุมิติ   บทที่ 1114

    อวิ๋นอิงหุบปาก หลุบตาลง ไม่ได้พูดอะไรต่อจิ่งอี้อุ้มเด็กไว้ สายตามองท้องที่นูนเล็กน้อยของนาง หมื่นพันคำพูดติดอยู่ในลำคอ มุมปากเผยอขึ้นอย่างขมขื่นเขาแค่อยากพูดคุยกับนางเป็นห่วงนาง มองดูนาง ต่อให้นางระบายอารมณ์ใส่เขา ในใจของเขาก็ยังรู้สึกดีขึ้น แต่ไม่ใช่ทำเหมือนเป็นคนแปลกหน้าอาศัยเด็ก เขาเข้าใกล้นางอย่างระมัดระวัง“เจ้า…ช่วงนี้กินยาดีๆ หรือไม่? ร่างกายยังดีหรือไม่?”อวิ๋นอิงขมวดคิ้ว ไม่พูด ไม่ตอบ เหมือนไม่ได้ยิน“ลูกทรมานเจ้าหรือไม่?”“อวิ๋นอิง…”จู่ๆ นางก็เดินเข้าไปแย่งเด็กคืนมา หมุนกายกล่าว “ถ้าคุณชายจิ่งไม่มีธุระอะไร ก็รีบไปเถอะ ตอนนี้เหมือนทุกคนจะยุ่งมากกระมัง”นางส่งแขกอย่างห่างเหินนางยังคงไม่อยากพูดอะไรกับเขามากสีหน้าจิ่งอี้ขมขื่น มองแผ่นหลังที่ผอมบางของนาง “อวิ๋นอิง ขอบคุณมากที่เจ้ายอมเก็บเด็กคนนี้ไว้”เด็กคนนี้คือสะพานเพียงหนึ่งเดียวระหว่างพวกเขาเขาไม่กล้าคิดเลยว่านางจะยอมคลอดเด็กคนนี้ออกเขารู้ว่าความผิดที่ตัวเองทำไม่สมควรให้อภัย และไม่กล้าขอให้นางให้อภัย หวังเพียงสามารถมองดูนางกับลูกมีความสุข แม้เขาต้องสูญเสียทุกอย่างก็ยินดี“ขอบคุณมาก…”“ขอบคุณเจ้าจริงๆ…

  • ท่านอ๋องอ่านใจกับชายาแพทย์ทะลุมิติ   บทที่ 1113

    อวิ๋นอิงเข้าไปในเรือนอีกหลังหนึ่งมีเสียงร้องไห้ของเด็กดังออกมาจากภายในห้อง เว่ยซีนอนอยู่ในเปลโยก เพิ่งกินอิ่ม เรียบร้อยมาก ไม่ร้องไห้ไม่งอแง กำลังเล่นกระดิ่งในมืออย่างมีความสุขกลับกันเป็นลู่ฉินที่ร้องไห้ไม่หยุดเสียวอู่อุ้มนางไว้ ทั้งป้อนนม ทั้งกล่อม ทั้งเดินไปเดินมา ทั้งอุ้ม ทั้งตบ วิธีที่ใช้ได้ก็ใช้จนหมดแล้ว ก็ยังไม่สามารถกล่อมนางหยุดร้องไห้ได้ เหนื่อยจนเหงื่อท่วมตัวเมื่อเห็นผู้มา ก็เหมือนเห็นผู้ช่วยชีวิต รีบกล่าว“พี่อวิ๋นอิง คุณหนูรองร้องไห้ไม่หยุดเลย ข้าไม่รู้จะกล่อมอย่างไรแล้ว ควรทำอย่างไรดี!”“เอามาให้ข้าอุ้ม”อวิ๋นอิงวางถาดลงบนโต๊ะ รับลู่ฉินน้อยมา เช็ดน้ำตาบนใบหน้าของนาง เริ่มกล่อมเบาๆ“เอายามาให้ข้า”หัวใจของลู่ฉินไม่ปกติตั้งแต่เกิด ก่อนหน้านี้คิดว่าเพราะพระชายาตั้งครรภ์ลูกฝาแฝด ลู่ฉินได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ ตอนนี้มาคิดดู น่าจะเป็นเพราะตอนที่ฉู่เจียวเจียวตั้งครรภ์ ขาดความสุข อารมณ์ไม่ดี กินไม่อิ่ม นอนไม่หลับ ดังนั้นลูกที่เกิดมาจึงไม่แข็งแรงถูกฉู่เจียวเจียวบีบจนเป็นโรคความผิดของผู้ใหญ่ ส่งผลกระทบต่อเด็กที่ไม่รู้อะไรเสียวอู่ถือชามยาเข้ามา หลังจากเป่าจนเย็น ก

  • ท่านอ๋องอ่านใจกับชายาแพทย์ทะลุมิติ   บทที่ 1112

    เวลานี้ห่างออกไปพันลี้ ดินแดนเจียงหนาน สี่ฤดูดั่งวสันตฤดู  สภาพอากาศอบอุ่น เป็นสถานที่อยู่อาศัยและพักผ่อนชั้นเยี่ยม เจียงหนานทำเนียบมีการเฝ้าอย่างแน่นหนา คนแปลกหน้าห้ามเข้าใกล้ เหล่าทหารสวมชุดเกราะ อาวุธครบมือ เฝ้าระวังอยู่ตลอดเวลา มีคนวิ่งเข้าวิ่งออกเป็นระยะ แม้แต่ในอากาศก็เต็มไปด้วยอารมณ์ของความกดดันและเคร่งขรึม ภายในห้องหนังสือภาพแผนที่แคว้นตงหลิงติดอยู่บนกำแพง บนนั้นถูกทำเครื่องหมาย วาดวงกลม ปักธงเล็กๆ และอื่นๆหลายเส้นทาง สองมือเฟิงเย่เสวียนยันอยู่บนโต๊ะ กำลังอธิบายแผนการเดินทัพครั้งต่อไปอย่างเป็นระเบียบมีคนนั่งจนเต็มทั้งสองด้านของโต๊ะยาว พวกเขาตั้งใจฟัง พยักหน้าเป็นระยะ“รวบรวมกำลังทหารพร้อมแล้ว พวกเราจะโจมตีเมืองเทียนสู่เมื่อไร?” ผู้ว่าการเจียงหนานถาม“ผู้คนในเมืองเทียนสู่ล้วนเป็นราษฎรของแคว้นเรา เพื่อลดความเสียหายให้ได้มากที่สุด ข้าขอแนะนำให้เจรจาก่อน แล้วค่อยโจมตี” จิ่งอี้กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมคนของสำนักอู๋จี๋ก็เข้าร่วมด้วยเช่นกัน ทุกคนช่วยกันออกแรงหานอิ๋งกล่าว“ตลอดทางที่ฝ่ามา พวกเราอยากใช้วิธีที่สันติ แต่เฟิงเจิ้งหลียอมหรือ? เขาไม่เพียงไม่ยอม และยังใช

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status