ฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วขึ้นสีหน้าเฟิงเย่เสวียนดูน่าเกลียด คลั่ง โมโห ก็ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นครั้งสองครั้งแล้ว ครั้งนี้ นางไม่ได้ล่วงเกินเขา จะโวยวายก็มาไม่ถึงตัวนางก้าวเท้ายาวเดินเข้าไปเป็นอย่างที่คิด ผู้ชายบางคนนั่งอยู่ข้างโต๊ะ จ้องนางด้วยสีหน้าเคร่งขรึมท่าทางนั้น เหมือนกับว่านางเป็นหนี้เขาหลายหมื่นตำลึงเงิน“ทำไม?” นางเดินเข้าไป “ใครล่วงเกินเจ้าแล้ว?”ดึงเก้าอี้มานั่งลง พลางรินชาให้ตนเองหนึ่งแก้วเฟิงเย่เสวียนเอาแต่จ้องนาง เสียงที่ทุ้มต่ำยากจะแยกแยะว่าโกรธหรือดีใจ “ดูเหมือนว่าพระชายาจะออกจากบ้านทุกวันเลยนะ ไปทำอะไรหรือ?”คำถามที่มาอย่างฉับพลัน ทำให้ฉู่เชียนหลีจับต้นชนปลายไม่ถูกเมื่อก่อนเขาไม่เคยยุ่งเรื่องเหล่านี้ จู่ๆ เขาก็ถาม สีหน้ายังเคร่งขรึมมาก ต้องมีสาเหตุแน่นอนหรือนางขยันออกจากจวนเกินไป ทำให้เขาไม่พอใจ? “เดินตลาดไง”“เหตุใดเดินตลาดไม่พาสาวใช้ไปด้วย?” เฟิงเย่เสวียนจี้ถามต่อด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม เหมือนสอบปากคำมาก “แล้วเหตุใดจึงไม่มีสิ่งของที่ซื้อล่ะ?”ฉู่เชียนหลีขมวดคิ้ว “ใครบอกว่าเดินตลาดก็ต้องซื้อของเลย”“เดินตลาดทุกวัน มีอะไรน่าเดิน?”ฉู่เชียนหลีถูกซักถามจน
อ้าปากหุบปากก็เป็นเซียวจือฮว่า!ตอนนี้เฟิงเย่เสวียนไม่อยากได้ยินสามคำนี้ สิ่งที่เขาต้องการในเวลานี้คือ คนที่อยู่ในใจนางต้องเป็นเขา! เป็นความซื่อสัตย์ที่แท้จริงที่นางมีต่อเขา ความซื่อสัตย์ของร่างกายและหัวใจ“เซียวจือฮว่ากับเจ้าไม่ได้ขัดแย้งกัน เจ้าเป็นพระชายาของเจ้า ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีก็พอแล้ว!”เขาลากนาง เดินไปทางเตียงนอนฉู่เชียนหลีรีบกอดเสา สองขาหนีบไว้แน่น กล่าวเสียงดัง“ทั้งที่เจ้ารู้ว่าข้าต้องการอะไร และสิ่งที่ข้าต้องการเจ้าก็ให้ไม่ได้ อย่ามายุ่งกับข้า!”ทันใดนั้น คำพูดประโยคหนึ่งดังก้องอยู่ในสมองของเฟิงเย่เสวียนหนึ่งชีวิต หนึ่งชาติ เคียงคู่กัน…เฟิงเย่เสวียนชะงักเล็กน้อยหนึ่งชีวิต หนึ่งชาติ เคียงคู่กันหากจะให้เขาเลือกระหว่างเซียวจือฮว่ากับฉู่เชียนหลีให้ได้…มองไปทางศีรษะที่เชิดขึ้นของฉู่เชียนหลี ท่าทางที่ดื้อด้านเหมือนกับหมาป่าน้อย ดวงตาที่เปล่งประกายคู่นั้นเต็มไปด้วยสติปัญญาและการพึ่งพาตนเอง แผ่แรงดึงดูดที่มองไม่เห็นเขาจ้องนางอย่างลึกซึ้ง แววตาก็ค่อยๆ ขรึมลงผ่านไปพักใหญ่ริมฝีปากเปิด“ให้เวลาข้าหน่อย ข้าจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย”ฉู่เชียนหลีถลนตาอย่าง
นางงับเขาไว้ก็ช่างเถอะ แต่ยังฉีกกระชากเหยื่อเหมือนหมาป่า ส่ายศีรษะ กระชากแรง ส่งเสียงคำราม ‘ฟ่อๆ’ ในลำคอเบาๆ เหมือนสัญชาตญาณสัตว์ป่ามากฝ่ามือใหญ่เฟิงเย่เสวียนจับหลังศีรษะนาง น้ำเสียงเคร่งขรึม“ปล่อย”“อ๊าๆ!”ไม่เพียงไม่ปล่อย แถมยังกัดแรงขึ้นคิ้วดาบของเขาคลายออก ไม่สนใจแล้ว ฝ่ามือใหญ่เลื่อนลงไปจับเอวเล็กของนางไว้ฉู่เชียนหลีรีบเงยหน้าหลบอย่างความรู้สึกไวทันที“เฟิงเย่เสวียน เจ้าอย่ามาบ้ากับข้า หากเจ้ากล้าบีบคั้นให้ข้าหลับนอนกับเจ้า ข้าจะกัดเจ้าให้ตายไปเลย!”ถลนตา แยกเขี้ยว ขนทั้งร่างตั้งตรง ท่าทางเหมือนแมวน้อยที่ยากจะทำให้เชื่องเฟิงเย่เสวียนหัวเราะ “เล่นไพ่?”นับว่าเป็นคำศัพท์ที่แปลกใหม่น่าสนใจ“เจ้าเป็นชายาของข้า ไม่นอนกับข้าจะนอนกับใคร? หากผู้ชายคนอื่นแตะโดนแม้แต่ปลายนิ้วของเจ้า ข้าจะสับเขาให้เป็นหมื่นชิ้น บดกระดูกโปรยทิ้ง” เฟิงเย่เสวียนมองดูนางด้วยรอยยิ้มลึกซึ้ง ทว่าน้ำเสียงที่เป็นมิตรกลับทำให้ร่างกายสั่นสะท้าน ขนลุกขนพองท่าทางที่ไม่โกรธแต่มีความน่าเกรงขามนั่น ไม่ใช่แค่พูดไปอย่างนั้น เขาสามารถคุยกับนางอย่างยิ้มแย้ม วินาทีต่อมา ก็สามารถฆ่าคนอย่างยิ้มแย้มเช่นกันฉู่เ
นอกเรือนข้างเฟิงเย่เสวียนเดินออกมาพร้อมกับเสียงหัวเราะ รอยยิ้มที่มุมปากหุบไม่ลงเสียทีหานเฟิงปรากฏตัว เมื่อเห็นรอยยิ้มแปลกๆ บนใบหน้าเขา ตะลึงงันไปครู่หนึ่ง ก็ไหนว่าพระชายากับผู้ชายแปลกหน้า…เหตุใดนายท่านยังหัวเราะได้เริงร่าเช่นนี้?“นายท่าน ท่าน!” เขารีบเดินเข้าไป “แม้ข้าน้อยเชื่อในนิสัยของพระชายา แต่ก่อนที่พระชายาจะแต่งงานกับท่านอ๋อง นางกับคุณชายตระกูลหานเป็นเพื่อนกันตั้งแต่วัยเด็ก มีความสัมพันธ์ถึงสิบปีเต็ม หากลับหลังท่าน พวกเขา…”เฟิงเย่เสวียนยกฝ่ามือขึ้น ห้ามคำพูดของหานเฟิง หัวเราะอยู่สักพักก็ยังหยุดไม่ได้“นางไม่มีทางทำเช่นนั้น”เขารู้จักกลิ่นบนร่างกายฉู่เชียนหลีเป็นอย่างดี แม้นางด่าเขาในใจทุกวัน แต่ความประพฤติของนางเที่ยงตรง แยกแยะผิดถูก สิ่งที่ไม่ควรทำจะไม่ทำเด็ดขาดเซียวจือฮว่าน่าจะมองคนผิดหานเฟิงกลับไม่เข้าใจแต่นี่พระชายารองเซียวเป็นคนพูดเองเขาติดตามนายท่านสิบกว่าปีแล้ว พระชายารองเซียวก็ติดตามนายท่านสิบกว่าปีเช่นกัน เขากับพระชายารองเซียวก็นับว่าเติบโตมาด้วยกัน พระชายารองเซียวไม่น่าจะโกหกมองดูรอยยิ้มที่ยังไม่หายไปตรงมุมปากของนายท่าน ยิ่งสงสัยแล้ว“แล้วนายท่านท
หมาป่าขาวขนาดใหญ่ลงสู่พื้นพร้อมกับสายลม กรงเล็บอันแหลมคมขูดพื้น สายตาพกพาความดุร้าย เซียวจือฮว่าตกใจจนล้มก้นจ้ำเบ้า หน้าถอดสี เสียงกรีดร้องทำให้คนในเรือนตกใจเยว่เอ๋อร์วิ่งออกมาเป็นคนแรก “พระชายารองเซียว เหตุใดจึงเป็นท่าน…”“เกิดอะไรขึ้น?”ฉู่เชียนหลีถือถ้วยข้าวต้มไว้ในมือ นางจับขอบถ้วย เดินไปพลาง เงยหน้ากินไปพลาง“นายหญิง ท่านไม่เป็นอะไรกระมังเจ้าคะ!” เป่าอวี้รีบประคองเซียวจือฮว่า เซียวจือฮว่าเห็นหมาป่าตัวนั้น นางถึงกับเข่าอ่อนยืนไม่ไหวคุณหนูที่ถูกเลี้ยงดูในเรือนส่วนหลัง อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย การเดินทาง ทุกอย่างล้วนมีคนปรนนิบัติ สิบนิ้วไม่เคยทำงานหยาบ จะเคยเห็นหมาป่ายักษ์ที่ดุร้ายเชื่องยากและสามารถกินคนได้อย่างไร?สีหน้าเซียวจือฮว่าซีดขาว เกือบจับผ้าเช็ดหน้าในมือไม่อยู่ เงยหน้ามองไปทางฉู่เชียนหลีที่กินข้าวต้มอย่างสบายใจ น้ำตาแทบทะลักออกมาแล้วเป่าอวี้โมโหมาก “ใครก็ได้ ลากหมาป่าที่ชนพระชายารองเซียวตัวนี้ไปตีให้ตาย!”คนรับใช้สองคนกำลังจะก้าวเข้าไป เยว่เอ๋อร์ตะคอก“ดูสิว่าใครกล้า!”นางก้าวออกมา ยืนขวางอยู่ตรงหน้าเจ้าดำน้อย กางมือทั้งสองข้างออกเพื่อปกป้องมัน“หมา
เซียวจือฮว่าถูกเป่าอวี้ประคองไป งงงวยไปหมด “ท่านอ๋อง ความหมายของฮว่าเอ๋อร์คือ…ท่านอ๋อง…”เฟิงเย่เสวียนยกมือ “ข้าเข้าใจความหมายของเจ้า ในเรือนพระชายามีสัตว์ร้ายขนาดใหญ่ ต่อไปเจ้าจะไม่มาอีกแล้ว”เซียวจือฮว่า “?”“อีกอย่าง เลี้ยงสัตว์เลี้ยงเป็นสิทธิ์ของพระชายา ในเมื่อรู้ว่าอันตราย ก็ไม่ต้องมาเรือนของพระชายาอีก หากรู้ว่าอันตราย ก็ยังมา เช่นนั้นก็สมน้ำหน้าแล้ว!”เฟิงเย่เสวียนยืนอยู่หน้าฉู่เชียนหลี ดวงตาสีหมึกที่เฉียบคมเหมือนนกอินทรีกวาดมองพวกบ่าวไพร่บรรดาบ่าวไพร่เกร็งหนังศีรษะ พากันก้มหน้าพูดพร้อมกัน“พวกเราน้อมรับคำสั่งท่านอ๋อง”จากนี้ไป หากไม่มีเรื่องสำคัญ จะไม่มารบกวนพระชายาอีกฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วขึ้น นับว่าได้ความสงบกลับคืนมาแล้ว เพียงแต่“เจ้าพูดก็ส่วนพูด แย่งข้าวต้มของข้าทำไม?”พลันเอื้อมมือออกไปแย่งชามข้าวต้มกลับมาจากมือเฟิงเย่เสวียน เงยหน้าดื่มไปหนึ่งคำ เดินกลับเข้าเรือนอย่างสบายใจ——อ๋องหลีจะแต่งงาน ฉันควรซื้อของขวัญแบบไหนให้เขาดีนะ?เฟิงเย่เสวียนเงี่ยหูฟัง ได้ยินเสียงในใจของนางแล้วของขวัญอวยพรสำหรับงานแต่งอ๋องหลีย่อมต้องถูกจัดเตรียมโดยจวนอ๋องเฉิน หรือนางจะมอบของขวัญ
สีหน้าของเฟิงเย่เสวียนค่อยๆ มืดลง มองดูฉู่เชียนหลีที่ ‘ท่าทางจริงจัง’ กัดฟันกรามแทบหักฝ่ามือใหญ่ที่กำช้อนแน่นขึ้นเจ็ดส่วน คำพูดที่อดทนต่อความโกรธเล็ดลอดออกจากไรฟัน“จริง หรือ!”ฉู่เชียนหลียิ่งพยักหน้าอย่างจริงจัง “ใช่แล้ว ท่านอ๋อง ความหวังดีส่วนนี้ของเจ้า อ๋องหลีต้องเข้าใจแน่นอน”——เจ้าแม่กวนอิมปางประทานบุตรนะ ฮ่าๆๆ!——คนเห็นแต่แม่ผัวมอบให้ลูกสะใภ้ แม่มอบให้ลูกชาย ยายมอบให้หลานชายหลานสาว ยังไม่เคยเห็นผู้ชายมอบให้พี่น้องมาก่อน สมองของเฟิงเย่เสวียนต้องพังแน่เลย!——ทำสงครามจนเพี้ยนไปแล้วมั้งสีหน้าของเฟิงเย่เสวียนยิ่งมืดครึ้มทันที กำช้อนแน่นอีกนิดก็หักแล้ว กัดฟันแน่น“นี่คือความในใจของพระชายาหรือ?”ฉู่เชียนหลีทำหน้าเคร่งขรึม “หรือข้าจะโกหกเจ้า?”——นายมันวัตถุโบราณ ความคิดยังเป็นศักดินา ทำไมนายไม่มอบลูกประคำ พระพุทธรูปเลยละ?นางกล่าว “ท่านอ๋อง ท่านดูเจ้าแม่กวนอิมปางประทานบุตรองค์นี้สิ เนื้อหยกที่ใช้แกะสลักเป็นของชั้นดี มูลค่าไม่ธรรมดา ก้อนใหญ่เช่นนี้ยิ่งประเมินค่าไม่ได้ ไม่ว่าใครได้รับของขวัญเช่นนี้ ก็พึงพอใจมากแน่นอน”——เชี่ย เจ้าแม่กวนอิม นายเก็บไว้คลอดลูกเองเถอะ ฮ่าๆๆ!——ข
ร้านอัญมณีตามชื่อร้านเลย ข้างในมีอัญมณี ไข่มุก สายสร้อยและสิ่งของล้ำค่าอย่างอื่นมากมาย คุณภาพดีเยี่ยม พวกมันถูกแปรรูปขัดเกลา ทำเป็นเครื่องประดับที่สวยงามต่างๆปิ่นปักผม กำไล ปิ่นระย้า ต่างหู แหวน…อลังการมากมายนับไม่ถ้วนเครื่องประดับต่างๆ ถูกวางเรียงรายอยู่ในชั้นวาง ประณีตและมีมูลค่าในเวลาเดียวกันภายในร้าน มีแขกไม่น้อยพอฉู่เชียนหลีเพิ่งพาเยว่เอ๋อร์กับพ่อบ้านก้าวเข้าไป ก็มีลูกจ้างคนหนึ่งเดินเข้ามาต้อนรับด้วยรอยยิ้ม“คุณหนู อยากดูเครื่องประดับแบบไหนขอรับ เครื่องประดับศีรษะ? เครื่องประดับหู? หรือบนมือ หรือตรงส่วนอื่นๆ”ฉู่เชียนหลีกวาดสายตามองแวบหนึ่ง ยกเท้าเดินไปทางชั้นวางที่ใกล้ที่สุด“ดูไปเรื่อยๆ”ภายในชั้นวาง แหวนสำหรับสวมนิ้วก้อยที่ฝังพลอยทับทิมตั้งอยู่ในกล่องผ้าแพร จี้หัวเสือนักษัตรที่แกะสลักจากทองคำวางอยู่ตรงนั้น และยังมีปิ่นขนนกหงส์แกว่งไปมา และยังมี…เยอะมากจนตาลายตั้งแต่เล็กจนโต เยว่เอ๋อร์ยังไม่เคยเห็นเครื่องประดับมากมายเช่นนี้ อดไม่ได้ที่จะชี้จี้ทองนักษัตรหัวเสือชิ้นนั้นด้วยความชอบ ดวงตาลุกวาวเป็นประกาย“พระชายา ดูสิ น่ารักจัง! คุณหนูสามเกิดปีเสือ นางต้องชอบแน่นอน!