“น้องหญิง ข้าจะบอกเจ้านะ ชั้นหนึ่งของร้านอัญมณีแห่งนี้ล้วนเป็นของทั่วไป ของดีจริงๆ อยู่บนชั้นสอง”ฉู่เจียวเจียวควงแขนฉู่เชียนหลีด้วยรอยยิ้ม สองพี่น้องขึ้นไปบนชั้นสองอย่างสนิทสนมลูกจ้างเจ็ดแปดคนเดินตามหลังอย่างถ่อมตนเป็นพิเศษ ทั้งยกน้ำชา ทั้งรินน้ำดื่ม ทั้งแนะนำอย่างละเอียด ปรนนิบัติแขกสำคัญทั้งสองท่านอย่างเอาใจใส่ชั้นสอง สิ่งของที่จัดวางล้วนเป็นของคุณภาพชั้นเยี่ยม ฉู่เจียวเจียวถูกใจปิ่นระย้าทองขนนกหงส์ที่วางอยู่ตรงกลางชั้นวางในปราดเดียว “น้องหญิง เจ้าดู!”งามมาก!หรูหรามาก!ลูกจ้างรีบก้าวออกมาข้างหน้าอย่างตาดี กล่าวอธิบาย “สายตาคุณหนูสามเฉียบแหลมยิ่งนัก! ขนนกหงส์ชิ้นนี้ของสมบัติประจำร้านของเรา โครงของมันแกะสลักมาจากซากกระดูกหงส์โบราณ บนขนนกทุกเส้นฝังพลอยทับทิมแปดด้านอันประณีต ดูดซับแสงแห่งฟ้าดิน ส่องทะลุสีสันแห่งสรรพสิ่ง…”เขาอธิบายเป็นชุดเมื่อดูราคา : สองหมื่นตำลึงในอกของฉู่เจียวเจียวมีตั๋วเงินค่าหนึ่งพันกว่าตำลึง แต่สายตากลับจ้องขนนกหงส์ที่เปล่งประกายชิ้นนี้ไม่กะพริบตา ราวกับถูกตรึงอยู่ตรงนั้น ขยับไปไหนไม่ได้แล้วในแววตาเต็มไปด้วยความกระหายงามมาก!หากในวันแต่งงาน
ฉู่เจียวเจียวควงแขนฉู่เชียนหลีมาถึงชั้นหนึ่ง ข้างหลังมีลูกจ้างเดินตามเจ็ดแปดคน บนโต๊ะจ่ายเงิน มีกล่องหีบห่อยี่สิบกว่าใบวางอยู่ตรงนั้น การใช้จ่ายอย่างใจป้ำดึงดูดสายตาที่อิจฉาของแขกไม่น้อยยิ่งมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เบาๆ“เครื่องประดับทุกชิ้นในร้านอัญมณีราคาแพงมาก สามารถซื้อหนึ่งชิ้นก็ร่ำรวยมากแล้ว คุณหนูสามฉู่ถึงกับซื้อยี่สิบกว่าชิ้นในคราวเดียว!”“สวรรค์ ช่างอิจฉานัก นี่ต้องใช้เงินเท่าไร นางต้องมีเงินเท่าไร!”“ใกล้จะถึงงานแต่งของคุณหนูสามฉู่กับอ๋องหลีแล้ว ข้าได้ยินมาว่าอ๋องหลีโปรดปรานคุณหนูสามฉู่มาก ยิ่งกว่านั้นยังนำเงินเก็บทั้งหมดของตัวเองออกมา เพียงเพื่อปลอบหญิงงามยิ้ม”“ช่างน่าอิจฉายิ่งนัก…”ปลายหูฉู่เจียวเจียวขยับเล็กน้อย เก็บเอาคำพูดเหล่านั้นเข้าหูทั้งหมด คางที่หยิ่งผยองเชิดขึ้น รับความสนใจอย่างเต็มที่ ราวกับตนเองก็คือดวงจันทร์ที่แขวนอยู่บนท้องฟ้านางควงแขนฉู่เชียนหลี พูดเสียงดัง “คิดเงิน!”เถ้าแก่ยิ้มจนตาหรี่เหลือแค่รอยแยกเส้นเดียวแล้ว ลูกคิดเสียงดังต๊อกๆ“คุณหนูสาม ทั้งหมดสี่หมื่นสามพันตำลึงขอรับ ไม่ทราบว่าเป็นเงินสด หรือตั๋วเงินฝากเฉียนจวง[footnoteRef:1]? จะให้พวกเราช่วยส
ออกจากร้านอัญมณีตามถนนตอกซอกซอยเต็มไปด้วยผู้คนสัญจรไปมา พ่อค้าแม่ค้าตะโกนเร่ขายของ สินค้านานาชนิดล้นหลาม คึกคักมากฉู่เชียนหลีพลางเดินพลางดูเยว่เอ๋อร์เดินตามอยู่ข้างๆ นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในร้านอัญมณีก่อนหน้านี้ นางอดไม่ได้ที่จะถามด้วยความสงสัย“พระชายา คุณหนูสามซื้อเครื่องประดับราคาสี่หมื่นสามพันตำลึงในคราวเดียว นางมีเงินมากมายเช่นนั้นตั้งแต่เมื่อไร?”คิดตามเบี้ยเดือนเดือนละห้าตำลึงของคุณหนูสาม ต่อให้นางไม่กินไม่ดื่มสิบชาติ ก็ไม่มีปัญญาซื้อมากมายเช่นนั้นอันอี๋เหนียงก็ไม่มีเงินมากเช่นนั้นอ๋องหลีจะจัดงานแต่งครั้งใหญ่ จำเป็นต้องใช้เงิน ยิ่งไม่มีทางมีเงินเหลือให้คุณหนูสามแล้วฉู่เชียนหลีเดินไปเรื่อยๆ “นางอยากให้ข้าจ่าย”“หา นี่…” เยว่เอ๋อร์ประหลาดใจ“ตั้งแต่เล็กจนโต นางวางท่าบาตรใหญ่กับข้าจนเคยตัว เมื่อก่อน นางสั่งให้ข้าทำอะไร ต่อให้ข้าไม่ยินยอม ก็จะบังคับให้ข้าทำ นางติดนิสัยพูดหนึ่งไม่เป็นสอง คิดว่าวันนี้ข้าจะจ่ายเงินให้เงิน”เมื่อเยว่เอ๋อร์ได้ยินคำพูดนี้ ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ “นางรังแกท่านเช่นนี้ ท่านยังจะเลือกของขวัญแต่งงานให้นางด้วยตัวเองอีก?”“ใครว่าข้าจะมอบให้ฉู่เ
ทองหนึ่งตำลึงเท่ากับเงินหนึ่งร้องตำลึง ทองแท่งแท่งนี้อย่างน้อยก็สองชั่ง เท่ากับหนึ่งแสนตำลึง…นี่มันล้ำค่าเกินไปแล้ว!“เจ้าไปเอาทองมากมายเช่นนี้มาจากไหน?” เฟิงเย่เสวียนถามอย่างตะลึงงัน“ตอนกลับจากเมืองเซียงหนาน บังเอิญเจอถ้ำแห่งหนึ่ง เก็บมาจากที่นั่น”เฟิงเย่เสวียนหน้าบึ้ง “เจ้าเห็นข้าเป็นคนโง่หรือ?”ฉู่เชียนหลีถอนหายใจ มองหน้าเขาอย่างสัตย์จริง “ท่านอ๋อง ข้าจะโกหกท่านได้อย่างไร? ข้าคือคนที่ซื่อสัตย์ที่สุดในโลกแล้ว”——นายมันคนโง่อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?——มีที่ไหนแต่งงานมอบเจ้าแม่กวนอิมปางประทานบุตร? ฉันว่านายแต่งงานมาตั้งนานแล้ว ก็ยังไม่เห็นมีลูกสักคน เจ้าแม่กวนอิมปางประทานบุตรองค์นี้เก็บไว้ให้นายใช้เองน่าจะเหมาะกว่า เขากัดฟัน “...ฉู่เชียนหลี!”“ข้าอยู่นี่!” ฉู่เชียนหลีขานรับเสียงดัง “ไม่ทราบว่าท่านอ๋องมีอะไรจะสั่ง? มีเรื่องสงสัยอะไรหรือ? ข้าจะบอกทุกอย่างที่ข้ารู้ จะไม่ปิดบังแม้แต่น้อย”——มีแต่คนไร้ความสามารถ ถึงจะตะโกนชื่อคนอื่นด้วยความโกรธแบบนี้! แยกเขี้ยวโชว์กรงเล็บ วางมาดใหญ่โตให้คนดู คนมีของเขาลงมือตั้งนานแล้ว!“...”เขาลงมือได้หรือ?เขากล้าลงมือหรือ?ผู้หญิงคนนี้ปากคอ
ทุกคนส่งเสียงฮือฮาอย่างคึกคัก บางคนอยากเห็นเจ้าสาว บางคนอยากจุดประทัด บางคนอยากตะโกน เจ้าคำ ข้าคำวุ่นวายไปหมด สายตาของเฟิงเจิ้งหลีกลับหยุดอยู่ที่ตัวฉู่เชียนหลีดวงตาที่อ่อนโยนในอดีตคู่นั้น ในวันนี้ ภายใต้การหนุนเสริมของชุดมงคลสีแดงขนาดใหญ่ เวลานี้ หยุดนิ่งอยู่บนร่างกายฉู่เชียนหลี ราวกับมีความหมายลึกซึ้งที่คลุมเครือแฝงอยู่… หลังจากนั้นสองนาทีฉู่เชียนหลีที่อยู่ในฝูงชนราวกับรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง เงยหน้าหันไปมองก็เห็นเจ้าบ่าวพลิกตัวลงจากม้า เดินไปทางเกี้ยว รับเจ้าสาวออกมามองซ้ายมองขวา ทุกคนต่างกำลังส่งเสียงฮือฮาอย่างคึกคักเมื่อครู่ใครจ้องนาง?หรือนางคิดไปเอง?รับเจ้าสาวเข้าประตูไหว้ฟ้าดินพิธีเสร็จสิ้น…หลังจากเสร็จสิ้นพิธีแต่ละขั้นตอน เจ้าสาวถูกประคองเข้าห้องหอ บรรดาแขกถือจอกเหล้ากรูกันเข้าไป“ขอแสดงความยินดีกับอ๋องหลี!”“ยินดีด้วย ยินดีด้วย!”“ขอน้อมแสดงความยินดีกับอ๋องหลี พระชายาอ๋องหลี รักกันตลอดไป มีลูกในเร็ววัน…”แม้อ๋องหลีไม่ได้รับความโปรดปราน แต่พิธีแต่งงานของเขาจัดอย่างเคร่งครัดตามกฎขององค์ชาย และช่วงก่อน เขายังตามอ๋องเฉินไปลาดตระเวนทางใต้ด้วยแม้ตอนนี้เขาไม่
“ทั่วหล้า เจ้าไม่เชื่อใครก็ได้ แต่สิ่งที่ไม่ควรสงสัยมากที่สุดก็คือความรู้สึกที่ข้ามีต่อเจ้า!”หานมู่ซีเดินพุ่งพรวดเข้าไป ยัดปิ่นปักผมที่แกะสลักเป็นรูปปลาใส่มือนาง“ตั้งแต่เล็กจนโต เจ้าชอบกินปลาที่สุด แม้เป็นลายปักบนเสื้อผ้า รูปบนรองเท้า หรือแม้แต่ปิ่นปักผม เจ้าก็ชอบปลาน้อย”“เจ้าบอกว่าปลาน้อยอยู่ในน้ำมันเป็นอิสระ ไม่มีข้อผูกมัดใดๆ เป็นสิ่งที่เจ้าชอบที่สุด!”สิ่งที่นางเคยพูด เขาจำได้ทั้งหมดความชอบของนาง เขารู้ทุกอย่างเขารักนางมากจริงๆ!ไม่ไกลออกไป เซียวจือฮว่าซ่อนอยู่ตรงนั้น เก็บภาพทุกอย่างเข้าไปในดวงตา…ฉู่เชียนหลีสะบัดปิ่นออก “หากเจ้าชอบข้า ก็อย่ามารบกวนข้าอีก การปรากฏตัวของเจ้ามีแต่จะทำให้ข้าลำบาก!”“เจ้ากำลังพูดเพราะโกรธ” หานมู่ซีมองนาง “คำพูดใดของเจ้าเป็นของจริง คำพูดใดของเจ้าเป็นของปลอม มีหรือที่ข้ายังจะไม่รู้? เจ้าวางใจได้ ข้าจะพยายามปีนขึ้นไปให้สูง แต่งเจ้าเป็นภรรยาในวันข้างหน้า”“...”ประสาท!ฉู่เชียนหลีด่าทอก็ไม่ยอมไป จะตีก็ลงมือไม่ได้ ผู้ชายหน้าด้านเหมือนแมลงวัน บินไปบินมาส่งเสียงหึ่งๆ อยู่ข้างหู น่ารำคาญมากทันใดนั้น เสียงตะคอกสายหนึ่งดังขึ้นกลางอากาศ“พวกเจ้
บนชั้นสองของเรือนที่งามเรียบง่าย ที่นี่เป็นที่ตั้งของเรือนหอนางอันมาอยู่กับลูกสาว กระทั่งก่อนเข้าหอจึงจะสามารถไปจากที่นี่ มองจากชั้นสองที่อยู่เบื้องสูงลงไป ที่จริง ก่อนหน้านี้นางเห็นเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดหานมู่ซีเป็นฝ่ายเข้าหาฉู่เชียนหลีฉู่เชียนหลีต่อต้านมาโดยตลอด เป็นหานมู่ซีที่พยายามเข้าไปเกาะแกะเหมือนปลิงดูดเลือดมองดูคนกลุ่มใหญ่กำลังมุ่งดูที่ไม่ไกลออกไปนัก นางขมวดคิ้ว จะลุกขึ้นทันที“ท่านแม่ อย่าไป!”ฉู่เจียวเจียวที่สวมชุดแต่งงานคว้ามือนางอันไว้ พลันดึงนางกลับมา สั่งให้หมอมอแก่สองคนออกจากห้อง จึงจะกล่าว“ข้ารู้ว่าท่านอยากไปทำอะไร แต่จับชู้ต้องจับเป็นคู่ อ๋องเฉินเห็นกับตาตัวเอง ท่านคิดว่าอ๋องเฉินจะยอมฟังคำพูดของท่านหรือ?”“ทั่วหล้า มีผู้ชายคนไหนบ้างที่สามารถอดทนต่อความอัปยศเช่นนี้?”หากเป็นนาง จะหย่าฉู่เชียนหลีทันทีแน่นอนยิ่งกว่านั้นเป็นอ๋องเฉิน?ฉู่เชียนหลีถูกหย่าแน่!นางอันมองออกไปข้างนอก อยู่ห่างกันพอสมควร จึงฟังไม่ชัดว่าคนเหล่านั้นกำลังพูดอะไร “ข้าไปช่วยนางอธิบายสักสองคำ ฉู่เชียนหลีเป็นพระชายาอ๋องเฉิน บางทีในวันข้างหน้าอาจสามารถช่วยเจ้า…”“นางเป็นแค่คนไม่รู้จั
หานเฟิงออกโรงเอง เขาจับหานมู่ซี “คุณชายหาน ล่วงเกินแล้ว!”ทุกคนตกใจจะโบยจริงหรือ?ไม่ใช่กระมัง!บิดาของหานมู่ซีมาอย่างเร่งรีบ ได้ยินคำพูดของอ๋องเฉิน เขาตกใจมาก ทั้งคำนับทั้งโขกศีรษะ และขอความเมตตา“อ๋องเฉินโปรดใจเย็น! เจ้าลูกสุนัขเขาไม่มีเจตนาล่วงเกินพระชายาอ๋องเฉินขอรับ!”หานเฟิงได้ยินแล้ว ถามกลับอย่างเย็นชา “ฮืม? ไม่มีเจตนา? ความหมายของใต้เท้าหานคือพระชายาไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจ เป็นฝ่ายล่อลวงคุณชายหานอย่างนั้นหรือ?”“ข้า…”บิดาของหานมู่ซีชะงักทันที ไม่กล้าพูดอีกหานเฟิงจับหานมู่ซีที่พยายามดิ้นรนมือไขว้หลังออกไป ที่เกิดเหตุ ทุกคนหันไปมองหน้ากัน ไม่มีใครกล้าพูดอะไรมาก และยิ่งไม่กล้าคาดเดาความหมายของอ๋องเฉินส่งเดชฉู่เชียนหลีสะบัดมือเฟิงเย่เสวียนออก พลางนวดข้อมืออย่างเกียจคร้าน พลางถอนหายใจกล่าวอย่างใจเย็น“เฮ้อ สังคมเสื่อมโทรมลงทุกวัน ทุกคนช่างตาบอดจริงๆ ทองคำที่ส่องประกายวิบวับไม่เอา กลับชอบเก็บของเก่า คนคนนี้น่าจะเป็นพวกหน้าโง่กระมัง”มือเท้าเอว แกว่งเท้าเล็ก เดินจากไปอย่างสบายใจแล้วทุกคน “...”คำพูดนี้กำลังด่าพวกเขาไม่ใช่หรือ?แต่เมื่อลองคิดดีๆ ก็มีเหตุผลนะ!หากพวก