ฉู่เจียวเจียวควงแขนฉู่เชียนหลีมาถึงชั้นหนึ่ง ข้างหลังมีลูกจ้างเดินตามเจ็ดแปดคน บนโต๊ะจ่ายเงิน มีกล่องหีบห่อยี่สิบกว่าใบวางอยู่ตรงนั้น การใช้จ่ายอย่างใจป้ำดึงดูดสายตาที่อิจฉาของแขกไม่น้อยยิ่งมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เบาๆ“เครื่องประดับทุกชิ้นในร้านอัญมณีราคาแพงมาก สามารถซื้อหนึ่งชิ้นก็ร่ำรวยมากแล้ว คุณหนูสามฉู่ถึงกับซื้อยี่สิบกว่าชิ้นในคราวเดียว!”“สวรรค์ ช่างอิจฉานัก นี่ต้องใช้เงินเท่าไร นางต้องมีเงินเท่าไร!”“ใกล้จะถึงงานแต่งของคุณหนูสามฉู่กับอ๋องหลีแล้ว ข้าได้ยินมาว่าอ๋องหลีโปรดปรานคุณหนูสามฉู่มาก ยิ่งกว่านั้นยังนำเงินเก็บทั้งหมดของตัวเองออกมา เพียงเพื่อปลอบหญิงงามยิ้ม”“ช่างน่าอิจฉายิ่งนัก…”ปลายหูฉู่เจียวเจียวขยับเล็กน้อย เก็บเอาคำพูดเหล่านั้นเข้าหูทั้งหมด คางที่หยิ่งผยองเชิดขึ้น รับความสนใจอย่างเต็มที่ ราวกับตนเองก็คือดวงจันทร์ที่แขวนอยู่บนท้องฟ้านางควงแขนฉู่เชียนหลี พูดเสียงดัง “คิดเงิน!”เถ้าแก่ยิ้มจนตาหรี่เหลือแค่รอยแยกเส้นเดียวแล้ว ลูกคิดเสียงดังต๊อกๆ“คุณหนูสาม ทั้งหมดสี่หมื่นสามพันตำลึงขอรับ ไม่ทราบว่าเป็นเงินสด หรือตั๋วเงินฝากเฉียนจวง[footnoteRef:1]? จะให้พวกเราช่วยส
ออกจากร้านอัญมณีตามถนนตอกซอกซอยเต็มไปด้วยผู้คนสัญจรไปมา พ่อค้าแม่ค้าตะโกนเร่ขายของ สินค้านานาชนิดล้นหลาม คึกคักมากฉู่เชียนหลีพลางเดินพลางดูเยว่เอ๋อร์เดินตามอยู่ข้างๆ นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในร้านอัญมณีก่อนหน้านี้ นางอดไม่ได้ที่จะถามด้วยความสงสัย“พระชายา คุณหนูสามซื้อเครื่องประดับราคาสี่หมื่นสามพันตำลึงในคราวเดียว นางมีเงินมากมายเช่นนั้นตั้งแต่เมื่อไร?”คิดตามเบี้ยเดือนเดือนละห้าตำลึงของคุณหนูสาม ต่อให้นางไม่กินไม่ดื่มสิบชาติ ก็ไม่มีปัญญาซื้อมากมายเช่นนั้นอันอี๋เหนียงก็ไม่มีเงินมากเช่นนั้นอ๋องหลีจะจัดงานแต่งครั้งใหญ่ จำเป็นต้องใช้เงิน ยิ่งไม่มีทางมีเงินเหลือให้คุณหนูสามแล้วฉู่เชียนหลีเดินไปเรื่อยๆ “นางอยากให้ข้าจ่าย”“หา นี่…” เยว่เอ๋อร์ประหลาดใจ“ตั้งแต่เล็กจนโต นางวางท่าบาตรใหญ่กับข้าจนเคยตัว เมื่อก่อน นางสั่งให้ข้าทำอะไร ต่อให้ข้าไม่ยินยอม ก็จะบังคับให้ข้าทำ นางติดนิสัยพูดหนึ่งไม่เป็นสอง คิดว่าวันนี้ข้าจะจ่ายเงินให้เงิน”เมื่อเยว่เอ๋อร์ได้ยินคำพูดนี้ ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ “นางรังแกท่านเช่นนี้ ท่านยังจะเลือกของขวัญแต่งงานให้นางด้วยตัวเองอีก?”“ใครว่าข้าจะมอบให้ฉู่เ
ทองหนึ่งตำลึงเท่ากับเงินหนึ่งร้องตำลึง ทองแท่งแท่งนี้อย่างน้อยก็สองชั่ง เท่ากับหนึ่งแสนตำลึง…นี่มันล้ำค่าเกินไปแล้ว!“เจ้าไปเอาทองมากมายเช่นนี้มาจากไหน?” เฟิงเย่เสวียนถามอย่างตะลึงงัน“ตอนกลับจากเมืองเซียงหนาน บังเอิญเจอถ้ำแห่งหนึ่ง เก็บมาจากที่นั่น”เฟิงเย่เสวียนหน้าบึ้ง “เจ้าเห็นข้าเป็นคนโง่หรือ?”ฉู่เชียนหลีถอนหายใจ มองหน้าเขาอย่างสัตย์จริง “ท่านอ๋อง ข้าจะโกหกท่านได้อย่างไร? ข้าคือคนที่ซื่อสัตย์ที่สุดในโลกแล้ว”——นายมันคนโง่อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?——มีที่ไหนแต่งงานมอบเจ้าแม่กวนอิมปางประทานบุตร? ฉันว่านายแต่งงานมาตั้งนานแล้ว ก็ยังไม่เห็นมีลูกสักคน เจ้าแม่กวนอิมปางประทานบุตรองค์นี้เก็บไว้ให้นายใช้เองน่าจะเหมาะกว่า เขากัดฟัน “...ฉู่เชียนหลี!”“ข้าอยู่นี่!” ฉู่เชียนหลีขานรับเสียงดัง “ไม่ทราบว่าท่านอ๋องมีอะไรจะสั่ง? มีเรื่องสงสัยอะไรหรือ? ข้าจะบอกทุกอย่างที่ข้ารู้ จะไม่ปิดบังแม้แต่น้อย”——มีแต่คนไร้ความสามารถ ถึงจะตะโกนชื่อคนอื่นด้วยความโกรธแบบนี้! แยกเขี้ยวโชว์กรงเล็บ วางมาดใหญ่โตให้คนดู คนมีของเขาลงมือตั้งนานแล้ว!“...”เขาลงมือได้หรือ?เขากล้าลงมือหรือ?ผู้หญิงคนนี้ปากคอ
ทุกคนส่งเสียงฮือฮาอย่างคึกคัก บางคนอยากเห็นเจ้าสาว บางคนอยากจุดประทัด บางคนอยากตะโกน เจ้าคำ ข้าคำวุ่นวายไปหมด สายตาของเฟิงเจิ้งหลีกลับหยุดอยู่ที่ตัวฉู่เชียนหลีดวงตาที่อ่อนโยนในอดีตคู่นั้น ในวันนี้ ภายใต้การหนุนเสริมของชุดมงคลสีแดงขนาดใหญ่ เวลานี้ หยุดนิ่งอยู่บนร่างกายฉู่เชียนหลี ราวกับมีความหมายลึกซึ้งที่คลุมเครือแฝงอยู่… หลังจากนั้นสองนาทีฉู่เชียนหลีที่อยู่ในฝูงชนราวกับรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง เงยหน้าหันไปมองก็เห็นเจ้าบ่าวพลิกตัวลงจากม้า เดินไปทางเกี้ยว รับเจ้าสาวออกมามองซ้ายมองขวา ทุกคนต่างกำลังส่งเสียงฮือฮาอย่างคึกคักเมื่อครู่ใครจ้องนาง?หรือนางคิดไปเอง?รับเจ้าสาวเข้าประตูไหว้ฟ้าดินพิธีเสร็จสิ้น…หลังจากเสร็จสิ้นพิธีแต่ละขั้นตอน เจ้าสาวถูกประคองเข้าห้องหอ บรรดาแขกถือจอกเหล้ากรูกันเข้าไป“ขอแสดงความยินดีกับอ๋องหลี!”“ยินดีด้วย ยินดีด้วย!”“ขอน้อมแสดงความยินดีกับอ๋องหลี พระชายาอ๋องหลี รักกันตลอดไป มีลูกในเร็ววัน…”แม้อ๋องหลีไม่ได้รับความโปรดปราน แต่พิธีแต่งงานของเขาจัดอย่างเคร่งครัดตามกฎขององค์ชาย และช่วงก่อน เขายังตามอ๋องเฉินไปลาดตระเวนทางใต้ด้วยแม้ตอนนี้เขาไม่
“ทั่วหล้า เจ้าไม่เชื่อใครก็ได้ แต่สิ่งที่ไม่ควรสงสัยมากที่สุดก็คือความรู้สึกที่ข้ามีต่อเจ้า!”หานมู่ซีเดินพุ่งพรวดเข้าไป ยัดปิ่นปักผมที่แกะสลักเป็นรูปปลาใส่มือนาง“ตั้งแต่เล็กจนโต เจ้าชอบกินปลาที่สุด แม้เป็นลายปักบนเสื้อผ้า รูปบนรองเท้า หรือแม้แต่ปิ่นปักผม เจ้าก็ชอบปลาน้อย”“เจ้าบอกว่าปลาน้อยอยู่ในน้ำมันเป็นอิสระ ไม่มีข้อผูกมัดใดๆ เป็นสิ่งที่เจ้าชอบที่สุด!”สิ่งที่นางเคยพูด เขาจำได้ทั้งหมดความชอบของนาง เขารู้ทุกอย่างเขารักนางมากจริงๆ!ไม่ไกลออกไป เซียวจือฮว่าซ่อนอยู่ตรงนั้น เก็บภาพทุกอย่างเข้าไปในดวงตา…ฉู่เชียนหลีสะบัดปิ่นออก “หากเจ้าชอบข้า ก็อย่ามารบกวนข้าอีก การปรากฏตัวของเจ้ามีแต่จะทำให้ข้าลำบาก!”“เจ้ากำลังพูดเพราะโกรธ” หานมู่ซีมองนาง “คำพูดใดของเจ้าเป็นของจริง คำพูดใดของเจ้าเป็นของปลอม มีหรือที่ข้ายังจะไม่รู้? เจ้าวางใจได้ ข้าจะพยายามปีนขึ้นไปให้สูง แต่งเจ้าเป็นภรรยาในวันข้างหน้า”“...”ประสาท!ฉู่เชียนหลีด่าทอก็ไม่ยอมไป จะตีก็ลงมือไม่ได้ ผู้ชายหน้าด้านเหมือนแมลงวัน บินไปบินมาส่งเสียงหึ่งๆ อยู่ข้างหู น่ารำคาญมากทันใดนั้น เสียงตะคอกสายหนึ่งดังขึ้นกลางอากาศ“พวกเจ้
บนชั้นสองของเรือนที่งามเรียบง่าย ที่นี่เป็นที่ตั้งของเรือนหอนางอันมาอยู่กับลูกสาว กระทั่งก่อนเข้าหอจึงจะสามารถไปจากที่นี่ มองจากชั้นสองที่อยู่เบื้องสูงลงไป ที่จริง ก่อนหน้านี้นางเห็นเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดหานมู่ซีเป็นฝ่ายเข้าหาฉู่เชียนหลีฉู่เชียนหลีต่อต้านมาโดยตลอด เป็นหานมู่ซีที่พยายามเข้าไปเกาะแกะเหมือนปลิงดูดเลือดมองดูคนกลุ่มใหญ่กำลังมุ่งดูที่ไม่ไกลออกไปนัก นางขมวดคิ้ว จะลุกขึ้นทันที“ท่านแม่ อย่าไป!”ฉู่เจียวเจียวที่สวมชุดแต่งงานคว้ามือนางอันไว้ พลันดึงนางกลับมา สั่งให้หมอมอแก่สองคนออกจากห้อง จึงจะกล่าว“ข้ารู้ว่าท่านอยากไปทำอะไร แต่จับชู้ต้องจับเป็นคู่ อ๋องเฉินเห็นกับตาตัวเอง ท่านคิดว่าอ๋องเฉินจะยอมฟังคำพูดของท่านหรือ?”“ทั่วหล้า มีผู้ชายคนไหนบ้างที่สามารถอดทนต่อความอัปยศเช่นนี้?”หากเป็นนาง จะหย่าฉู่เชียนหลีทันทีแน่นอนยิ่งกว่านั้นเป็นอ๋องเฉิน?ฉู่เชียนหลีถูกหย่าแน่!นางอันมองออกไปข้างนอก อยู่ห่างกันพอสมควร จึงฟังไม่ชัดว่าคนเหล่านั้นกำลังพูดอะไร “ข้าไปช่วยนางอธิบายสักสองคำ ฉู่เชียนหลีเป็นพระชายาอ๋องเฉิน บางทีในวันข้างหน้าอาจสามารถช่วยเจ้า…”“นางเป็นแค่คนไม่รู้จั
หานเฟิงออกโรงเอง เขาจับหานมู่ซี “คุณชายหาน ล่วงเกินแล้ว!”ทุกคนตกใจจะโบยจริงหรือ?ไม่ใช่กระมัง!บิดาของหานมู่ซีมาอย่างเร่งรีบ ได้ยินคำพูดของอ๋องเฉิน เขาตกใจมาก ทั้งคำนับทั้งโขกศีรษะ และขอความเมตตา“อ๋องเฉินโปรดใจเย็น! เจ้าลูกสุนัขเขาไม่มีเจตนาล่วงเกินพระชายาอ๋องเฉินขอรับ!”หานเฟิงได้ยินแล้ว ถามกลับอย่างเย็นชา “ฮืม? ไม่มีเจตนา? ความหมายของใต้เท้าหานคือพระชายาไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจ เป็นฝ่ายล่อลวงคุณชายหานอย่างนั้นหรือ?”“ข้า…”บิดาของหานมู่ซีชะงักทันที ไม่กล้าพูดอีกหานเฟิงจับหานมู่ซีที่พยายามดิ้นรนมือไขว้หลังออกไป ที่เกิดเหตุ ทุกคนหันไปมองหน้ากัน ไม่มีใครกล้าพูดอะไรมาก และยิ่งไม่กล้าคาดเดาความหมายของอ๋องเฉินส่งเดชฉู่เชียนหลีสะบัดมือเฟิงเย่เสวียนออก พลางนวดข้อมืออย่างเกียจคร้าน พลางถอนหายใจกล่าวอย่างใจเย็น“เฮ้อ สังคมเสื่อมโทรมลงทุกวัน ทุกคนช่างตาบอดจริงๆ ทองคำที่ส่องประกายวิบวับไม่เอา กลับชอบเก็บของเก่า คนคนนี้น่าจะเป็นพวกหน้าโง่กระมัง”มือเท้าเอว แกว่งเท้าเล็ก เดินจากไปอย่างสบายใจแล้วทุกคน “...”คำพูดนี้กำลังด่าพวกเขาไม่ใช่หรือ?แต่เมื่อลองคิดดีๆ ก็มีเหตุผลนะ!หากพวก
ภายในห้องหอ ได้รับการประดับประดาจนกลายเป็นสีแดงทั้งห้อง เหมาะแก่การยินดีเป็นพิเศษตามกฎแล้ว ผู้หญิงออกเรือน มารดาห้ามตามมาด้วย แต่ฉู่เจียวเจียวอาศัยเรื่องนี้ หยั่งเชิงความรักที่อ๋องหลีมีต่อนาง อ๋องหลีตอบตกลงให้นางอันมาอยู่ด้วยอ๋องหลีตามใจนาง เท่ากับอ๋องหลีรักนางนางอันอยู่กับลูกสาว สอนขั้นตอนและกฎเกณฑ์ของคืนเข้าหอ เมื่อพูดถึงเรื่องบางเรื่อง ฉู่เจียวเจียวยังเขินอายจนหน้าแดง…ก๊อกๆ… นอกประตู เสียงที่นอบน้อมดังขึ้น“ฮูหยินอัน เกือบจะได้เวลาแล้ว ท่านควรไปแล้ว”ฉู่เจียวเจียวจะต้องเผชิญหน้าอ๋องหลีคนเดียวแล้ว คิดแล้วก็เขินอายจริงๆนางอันตบหลังมือนาง ลุกขึ้นยืน “เจียวเจียว จำคำพูดที่แม่พูดกับเจ้าเมื่อครู่ให้ดี ไม่ต้องกลัว อ๋องหลีมีเจ้าแค่คนเดียว เขาจะโปรดปรานเจ้าคนเดียว ข้าจะไปดูว่าทางฉู่เชียนหลีเป็นอย่างไรบ้างแล้ว”ปัจจุบัน อ๋องหลีลาดตระเวนทางใต้ ได้รับการยอมรับจากฮ่องเต้ เพิ่งได้แสดงความสามารถเชื่อว่าด้วยความสามารถของอ๋องหลี จะต้องโดดเด่นท่ามกลางเหล่าองค์ชายแน่นอนฉู่เจียวเจียววางสองมือทับกันบนหัวเข่า นั่งตัวตรงอย่างสง่างาม ใช้สายตาส่งนางอันออกไป“ท่านแม่ ท่านไปดูสภาพที่น่าเ
เมื่อพรรคของอ๋องหลีได้ยินเช่นนี้ ก็กลัวทันทีดูท่าทีของพระชายาอ๋องเฉิน นี่กำลังจะเปิดฉากสังหารครั้งใหญ่ในวังชัดๆ!ฆ่าคนติดต่อกันสองคน ไม่กระพริบตาแม้แต่ทีเดียวเลือดกระเซ็นโดนใบหน้า ก็เย็นเฉียบท่าทางที่ชั่วร้ายเหมือนปีศาจนั่น ทำให้ขุนนางหลายคนเกิดความกลัว ลองถามคนทั่วหล้า จะมีสักกี่คนที่ไม่กลัว? อยู่ต่อหน้าความเป็นความตาย ทุกคนล้วนเห็นแก่ตัวพวกเขาไม่อยากตายขุนนางคนหนึ่งกลัวจนพูดติดอ่าง“อ๋อง อ๋องหลี…อย่างไรเด็กที่อยู่ในมือท่านก็เป็นพระนัดดาองค์โต เป็นสายเลือดของราชวงศ์ ถ้าหากฆ่าเขา ในวันข้างหน้า มลทินของท่านจะถูกบันทึกไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์ เกรงว่าจะถูกคนรุ่นหลังด่าทอต่อๆ กันเป็นหมื่นปี”ขุนนางอีกคนก็กล่าวเสียงสั่น“อ๋องเฉินโปรดพิจารณา…”ถ้าหากสู้กันจริงๆ พวกเขาสู้ไม่ไหวอ๋องเฉินมีฮ่องเต้หนุนหลัง มีกองทัพ มีกำลังทหาร อ๋องเฉินเป็นฝ่ายได้เปรียบทุกด้านในมืออ๋องหลี นอกจากพระนัดดาองค์โต ก็ไม่มีเบี้ยอย่างอื่นแล้ว อีกทั้ง ทหารรักษาพระองค์ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ทหารองครักษ์เงาของอ๋องเฉินเมื่อไรที่สู้กัน พวกเขาจะตายกันหมดไม่จำเป็นต้องตายไปครั้งหนึ่ง บางครั้ง เมื่อเห็นว่าพอแล้วก
เฟิงเย่เสวียนแค่ขมวดคิ้วทีหนึ่ง ก็ข่มความเจ็บปวดนี้ลงไปผู้บัญชาการจางฟาดอย่างดุร้ายลองคิดดูเขาที่เป็นขุนนางคนหนึ่ง สามารถใช้แส้ฟาดองค์ชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด นี่เป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจเพียงใด พูดคำนี้ออกไป เขาสามารถอวดสามสิบปียิ่งฟาดยิ่งรู้สึกสนุก ยิ่งฟาดยิ่งแรงเพี๊ยะ!เพี๊ยะๆๆ!ทุกคนร้อนใจจนกระทืบเท้า แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไป อ๋องหลีบ้าไปแล้ว เขาไม่ใช่อ๋องหลีที่เข้าถึงได้ง่ายอีกแล้ว!ฉู่เชียนหลีเพิ่งคิดจะกระโจนเข้าไป ก็ถูกอ๋องหลีสั่งให้คนคุมตัวไปยืนอยู่ข้างๆ บังคับให้นางมองดูต่อหน้าต่อตา“ฉู่เชียนหลี ข้าเคยบอกแล้ว เจ้าจะต้องเสียใจ คนไร้ประโยชน์อย่างเฟิงเย่เสวียน แม้แต่ลูกชายก็ปกป้องไม่ได้ มีประโยชน์อะไร”แววตาเฟิงเจิ้งหลีเปล่งแสงที่บ้าคลั่ง“เขาเป็นแค่คนไร้ประโยชน์ ฝ่าบาทจะให้ความสำคัญกับคนไร้ประโยชน์เช่นนี้ได้อย่างไร? ฉู่เชียนหลี เจ้าว่าเจ้าตาบอดใช่หรือไม่? เจ้าดูสภาพที่สะบักสะบอมของเขาตอนนี้ เหมือนสุนัขตัวหนึ่ง เจ้าก็ยังชอบเขา เช่นนั้นเจ้าก็เป็นสุนัขตัวเมียที่แพศยา”เขายิ้มอย่างชั่วร้าย สิ่งที่พูดออกมายิ่งไม่น่าฟังทุกคนตาแดง อยากพุ่งเข้าไปสับอ๋องหลีเป็นชิ้นๆ เสีย
ผู้ชายที่ร่างกายสูงใหญ่งอหัวเข่า คุกเข่าอยู่ตรงหน้าอ๋องหลีอย่างตั้งตรง แม้อยู่ต่ำกว่า แต่ความสูงศักดิ์ที่แผ่ซ่านออกมาจากกระดูก ไม่ลดน้อยลงเลยสักนิดตลอดหลายปีที่ผ่านมา นอกจากคุกเข่าให้ฮ่องเต้และบรรพชน พวกเขาไม่เคยเห็นอ๋องเฉินคุกเข่าให้ใครเฟิงเจิ้งหลีเห็นดังนี้ แหงนหน้าหัวเราะ“ฮ่าๆๆ!”คิดไม่ถึงจริงๆ เขาจะมีวันนี้ด้วยลูกชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด แพ้ให้กับลูกชายที่ไม่โปรดปรานที่สุด ไม่สะดุดตาที่สุด และยังถูกทุกคนรังแก ความรู้สึกที่อยู่เหนือกว่าเช่นนี้ ทำให้ในใจเขาสาแก่ใจจริงๆ“ฮ่าๆๆๆ เฟิงเย่เสวียน เจ้าก็มีวันนี้ด้วย!”หัวเราะเสร็จ เขารู้สึกว่าความเย่อหยิ่งของอ๋องเฉินมันขัดตาทั้งๆ ที่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบจนต้องคุกเข่า เหตุใดยังอวดดีหยิ่งผยองเช่นนี้?เขาออกคำสั่ง “ก้มหัวเจ้าลงไป”เฟิงเย่เสวียนเม้มปาก ก้มศีรษะลงเขาออกคำสั่งอีกครั้ง “โขกศีรษะ!”“อ๋องหลี ท่านอย่ารังแกให้มันมากนัก! ท่านกับท่านอ๋องของเราเป็นคนรุ่นเดียวกัน ท่านรับการโขกหัวจากเขาไม่ได้! ไม่กลัวบรรพชนรู้แล้ว อายุสั้นหรือ!” พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความโกรธเพิ่งกล่าวจบ ก็ถูกผู้บัญชาการจางถีบจนล้มลงพื้นหลังจากล้มลง ก
“ปล่อยคนของเจ้าแล้ว เจ้าเป็นอิสระแล้ว คืนลูกให้ข้า” ฉู่เชียนหลีจ้องเขาเฟิงเจิ้งหลีเหลือบมองเด็กน้อยในอ้อมแขน ท่าทางที่ร้องไห้จนหน้าแดง เห็นแล้วปวดใจนักคิดว่าแค่นี้ก็จบแล้วหรือ?เขายิ้ม“ฉู่เชียนหลี เหมือนเจ้าจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์นะ?”“?”“……”“เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาต่อรองกับข้า? เด็กอยู่ในมือข้า เป็นหรือตายขึ้นอยู่กับข้า ถึงคราวที่เจ้าต้องมาสอนข้าทำงานตั้งแต่เมื่อไร?”สีหน้าฉู่เชียนหลีเคร่งขรึมทันทีเห็นได้ชัด เขาได้คืบจะเอาศอก“เจ้ายังต้องการอะไรอีก?”“ข้าหรือ” เขาเงยหน้าด้วยรอยยิ้ม กวาดมองทุกคน และตำหนักอันหรูหราหลังนี้ วังหลวงที่กว้างใหญ่แห่งนี้ แผ่นดินที่ดีเช่นนี้เขาต้องการอะไร ยังต้องให้พูดอีกหรือ?แต่ว่า มองดูท่าทางที่ร้อนใจของฉู่เชียนหลี เขาเกิดอยากสนุก ต้องการระบายความคับข้องใจที่ได้รับในสองวันนี้ออกมาให้หมดลูบแก้มของเด็กน้อยพลางกล่าว“อยากได้ลูกคืน ไม่มีปัญหา มันก็ต้องดูว่าอ๋องเฉินมีความจริงใจหรือไม่”เงียบไปครู่หนึ่ง“อืม หรือไม่อ๋องเฉินคุกเข่า โขกหัวให้ข้าสามครั้ง ข้าก็คืนลูกให้เจ้า เป็นอย่างไร?”ฉู่เชียนหลีโมโหแล้วด้วยนิสัยที่ยอมหนึ่งก้าว จะเอาสิบก้าวข
“เจ้า!”ฉู่เชียนหลีถูกความเฉยเมยของนางยั่วจนโมโหแล้ว ยิ่งคิดไม่ถึงว่าใต้ฟ้าจะมีแม่ที่ไร้ความรับผิดชอบเช่นนี้มันก็จริงฉู่เจียวเจียวกับเฟิงเจิ้งหลี ถ้าไม่เหมือนกันก็คงอยู่ด้วยกันไม่ได้ ไม่มีอะไรที่พวกเขาสองสามีภรรยาทำไม่ลงรอหลังจากลู่ฉินเติบโต รู้ว่าตัวเองมีแม่เช่นนี้ ไม่รู้ว่าจะเศร้าเพียงใด!“ฉู่เชียนหลี เฟิงเย่เสวียน พวกเจ้าเลิกพูดไร้สาระได้แล้ว รีบปล่อยตัวอ๋องหลี ความอดทนข้ามีขีดจำกัด!” ฉู่เจียวเจียวกล่าวอย่างเย็นชา“จะเอาชีวิตของลูกชาย หรือจะปล่อยคน พวกเจ้าเลือกเอง”อย่างไรนางก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้วไม่ดิ้นรน ตายสถานเดียวดิ้นรน เดิมพัน ยังมีโอกาสสายตาเฟิงเย่เสวียนเคร่งขรึมมาก หางตาเหลือบมองหานเฟิง หานเฟิงเข้าใจทันที เขาซ่อนมือไว้ที่หลัง และทำท่าสัญญาณมือไปที่ด้านหลังมือธนูเตรียมพร้อมจู่ๆ ฉู่เจียวเจียวก็กล่าวเสริมอีกประโยคอย่างเย็นชา “พวกเจ้าสามารถลองดูได้ ดูสิว่าการเคลื่อนไหวของพวกเจ้าไว หรือมีดที่อยู่ในมือข้าเร็ว”“ต่อให้ข้าตาย การฆ่าเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ยก็ใช้เวลาแค่พริบตาเดียว”ฉู่เชียนหลีสั่งให้มือธนูหยุดทันที “ปล่อยคน!”อย่าทำอะไรบุ่มบ่ามผู้หญิงคนนี้มันเป็นผู
พลันฉู่เชียนหลีแน่นหน้าอก“หยุดนะ…”“อย่าเข้ามา!”ฉู่เจียวเจียวถอยหลังสามก้าว มือซ้ายจับเด็ก มือขวาถือมีดสั้น มีดสั้นที่แวววาวจ่ออยู่บนผิวอันบอบบางของเด็ก กรีดจนรอยเลือดออกแล้วเลือดไหลออกมาแล้ว“จู่ๆ เจ้าก็มาเป็นห่วงข้า และยังพยายามอยากอุ้มลูกทุกวิถีทาง ข้าก็รู้แล้วว่าเจ้าไม่ได้มีเจตนาดี”นางยิ้มอย่างเย็นชา“เหอะ! ดูเหมือนฮ่องเต้ที่แกไม่ตายสักทีนั่นเป็นคนบอกเรื่องนี้กับเจ้าสินะ!”ไอ้แก่ เป็นอัมพาตเฉียบพลันยังไม่ยอมอยู่อย่างสงบเสงี่ยมอีกต่อให้รู้ความจริงแล้วอย่างไร?ชีวิตของเด็กคนนี้อยู่ในมือนาง“ฉู่เชียนหลีนะฉู่เชียนหลี เจ้าคิดอย่างไรก็คงคิดไม่ถึงกระมังว่า เจ้าเลี้ยงลูกสาวข้า ข้าเลี้ยงลูกชายเจ้า และก็ต้องขอบคุณลูกชายคนดีคนนี้ของเจ้า กลายเป็นตัวช่วยที่สำคัญของอ๋องหลี” นางเผยอมุมปาก รอยยิ้มนั้นน่ากลัวมากฉู่เชียนหลียืนตัวแข็งอยู่ตรงที่เดิม ไม่กล้าขยับ“เจ้าต้องการอะไร?”ฉู่เชียนหลีจ้องมีดสั้นในมือนาง กลัวว่านางจะพลั้งเผลอกรีดโดนคอของเด็กตั้งครรภ์สิบเดือนลูกชายเป็นก้อนเนื้อชิ้นหนึ่งที่ตกลงมาจากร่างกายนางนางไม่กล้าเดิมพัน และเดิมพันไม่ไหวฉู่เจียวเจียวกล่าว “ข้าต้องก
กลางดึกกำลังถึงช่วงที่คนเงียบสงบ คนกลุ่มหนึ่งวิ่งไปที่ตำหนักเจาหยางราวกับคลื่นยักษ์ ตอนที่ใกล้จะถึง ฉู่เชียนหลีตวาดสั่งให้พวกเขาหยุด“พวกเจ้าอยู่ห่างๆ อยากเข้าใกล้!”พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความเป็นห่วง “พระชายา พวกเราต้องไปเอาพระนัดดาองค์โตกลับมา นั่นเป็นเลือดเนื้อของท่านกับท่านอ๋องนะ”“ข้ารู้!”ก็เพราะรู้ จึงไม่ให้พวกเขาเข้าใกล้“ไปทำอะไรคนเยอะแยะ ถ้าหากบีบจนฉู่เจียวเจียวไม่มีทางเลือก นางทำอะไรขึ้นมา…”ฉู่เชียนหลีแทบจะเป็นบ้าแล้ว ร้อนรนเหมือนมดที่อยู่บนกระทะร้อน ทั้งร้อนใจทั้งไม่สบายใจ น้ำเสียงก็ค่อนข้างฉุนเฉียวไม่อยากพูดมาก วิ่งเข้าไปในตำหนักเจาหยางเพียงลำพัง คนอื่นรออยู่ที่ข้างนอก ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามภายในตำหนักฉู่เจียวเจียวกำลังกล่อมจื่อเยี่ย ฉู่เจียวเจียวมาแล้ว นางมองเด็กน้อยที่อ้วนสมบูรณ์ กล่าวโดยไม่เงยหน้า“พระชายาอ๋องเฉิน ลูกของข้าเพิ่งนอนหลับ ”โปรดให้อภัย ข้าอุ้มเขาไว้ ร่างกายหนัก ไม่สะดวกลุกขึ้นยืน สายตาฉู่เชียนหลีมองไปที่ตัวเด็กเด็กน้อยอ้วนสมบูรณ์ ใบหน้าจ้ำม่ำ คิ้วละเอียดอ่อน หน้าตาที่น่ารักน่าเอ็นดู คล้ายเฟิงเจิ้งเว่ยซีแปดส่วนเหตุใดเมื่อก่อนนางไม่สังเกต
อวิ๋นอิงถูกนางทำเอาตกใจจนหน้าซีด รีบถาม“พระชายา มีอะไรหรือ? เหตุใดกะทันหันเช่นนี้?”“รีบไป!”มือทั้งสองข้างของฉู่เชียนหลีเย็นเฉียบ เสียงนั้นเกือบจะคำรามออกมา แม้แต่คอก็กำลังสั่นสะเทือนคนข้างล่างไม่กล้ารอช้า รีบไปตามหาคนทันทีเฟิงเย่เสวียนประหม่า “เชียนหลี นี่เจ้าเป็นอะไร?”“ข้าอาจจะเข้าใจผิด อาจจะทำผิดพลาด ข้าอาจจะ…ข้า ข้า…” ฉู่เชียนหลีพูดวนไม่ปะติดปะต่อ พูดอยู่ดีๆ เบ้าตาก็แดงแล้วหัวใจเหมือนถูกแมวข่วน กระสับกระส่ายนางกุมเสื้อตรงหน้าอก หายใจอย่างอึดอัดขออย่าให้มันเป็นเรื่องจริง…ขออย่า…นางทรมานจังนางไม่ใช่แม่ที่ดี กลัวรู้ความจริง แต่ก็อยากรู้ความจริงหลังจากนั้นครึ่งชั่วยาม ผู้คนร้อยกว่าคนเข้าวังในคืนนั้น มีคนของจวนอ๋องเฉิน หมอ หมอตำแย ผู้ช่วยหมอ และยังมีองครักษ์ลับ ทหารยาม หมอหญิงเว่ยก็อยู่เมื่อหนึ่งเดือนกว่าก่อน ตอนที่ฉู่เชียนหลีคลอดลูก คนเหล่านี้อยู่ในเหตุการณ์ทุกคนเมื่อฉู่เชียนหลีเห็นพวกเขา รีบถามทันที“วันที่ข้าคลอดลูก เคยมีคนแปลกหน้ามาหรือไม่?”ทุกคนหันมองกันและกัน ล้วนส่ายศีรษะ“พระชายา เรื่องสำคัญอย่างท่านคลอดลูก พวกเราจับตาดูอย่างเข้มงวด ในจวนมีแต่คนข
นางกำนัลรีบนำพู่กันมาฉู่เชียนหลีเอาพู่กันจุ่มน้ำหมึก แล้วใส่ในมือฮ่องเต้ร่างกายของฮ่องเต้เป็นอัมพาต ไม่ควบคุมมือไม่ได้ ไม่สามารถจับพู่กันด้วยซ้ำ ปากของเขาเบี้ยว ใช้แรงทั้งหมดหนีบด้ามพู่กันด้วยนิ้วชี้กับนิ้วกลาง อาศัยแรงกระตุกของร่างกาย ลงพู่กันบนกระดาษอย่างเบี้ยวไปเบี้ยวมาเพียงไม่กี่ขีด เขียนอย่างยากลำบาก บนหน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อแนวเฉียง…แนวตั้ง…สองคำ ทั้งหมดสี่ขีดเขียนเสร็จ พู่กันก็ร่วงตกบนพื้น เขาเหนื่อยจนหอบบนเตียง ขยับไม่ได้อีกแล้ว“ลูกชาย…” อวิ๋นอิงอุทานเบาๆ “คนที่ฝ่าบาทคิดถึงคือลูกชาย?”ฉู่เชียนหลีถือกระดาษ แม้สองคำนี้เขียนได้คดเคี้ยวมาก แต่เนื่องจากลายเส้นเรียบง่าย จึงมองออกในปราดเดียวว่ามันคือคำว่า ‘ลูกชาย’นี่เขาอยากบอกอะไรนาง?“หรือเป็นอ๋องหลี?” อวิ๋นอิงคาดเดาฉู่เชียนหลีส่ายศีรษะโดยไม่ต้องคิด“อ๋องหลีวางยาพิษเขา กบฏวังชิงราชบัลลังก์ มีความทะเยอทะยาน ฝ่าบาทไม่มีทางคิดถึงอ๋องหลี”นางกล่าววิเคราะห์“ส่วนอ๋องหลีหลังจากขึ้นบัลลังก์ ไม่ฆ่าผู้บริสุทธิ์ องค์ชายท่านอื่นอยู่อย่างสงบเสงี่ยมเหมือนเมื่อก่อน ไม่มีอันตราย ฮ่องเต้ก็ไม่มีทางคิดถึงองค์ชายท่านอื่น”อวิ๋