ภายในห้องหอ ได้รับการประดับประดาจนกลายเป็นสีแดงทั้งห้อง เหมาะแก่การยินดีเป็นพิเศษตามกฎแล้ว ผู้หญิงออกเรือน มารดาห้ามตามมาด้วย แต่ฉู่เจียวเจียวอาศัยเรื่องนี้ หยั่งเชิงความรักที่อ๋องหลีมีต่อนาง อ๋องหลีตอบตกลงให้นางอันมาอยู่ด้วยอ๋องหลีตามใจนาง เท่ากับอ๋องหลีรักนางนางอันอยู่กับลูกสาว สอนขั้นตอนและกฎเกณฑ์ของคืนเข้าหอ เมื่อพูดถึงเรื่องบางเรื่อง ฉู่เจียวเจียวยังเขินอายจนหน้าแดง…ก๊อกๆ… นอกประตู เสียงที่นอบน้อมดังขึ้น“ฮูหยินอัน เกือบจะได้เวลาแล้ว ท่านควรไปแล้ว”ฉู่เจียวเจียวจะต้องเผชิญหน้าอ๋องหลีคนเดียวแล้ว คิดแล้วก็เขินอายจริงๆนางอันตบหลังมือนาง ลุกขึ้นยืน “เจียวเจียว จำคำพูดที่แม่พูดกับเจ้าเมื่อครู่ให้ดี ไม่ต้องกลัว อ๋องหลีมีเจ้าแค่คนเดียว เขาจะโปรดปรานเจ้าคนเดียว ข้าจะไปดูว่าทางฉู่เชียนหลีเป็นอย่างไรบ้างแล้ว”ปัจจุบัน อ๋องหลีลาดตระเวนทางใต้ ได้รับการยอมรับจากฮ่องเต้ เพิ่งได้แสดงความสามารถเชื่อว่าด้วยความสามารถของอ๋องหลี จะต้องโดดเด่นท่ามกลางเหล่าองค์ชายแน่นอนฉู่เจียวเจียววางสองมือทับกันบนหัวเข่า นั่งตัวตรงอย่างสง่างาม ใช้สายตาส่งนางอันออกไป“ท่านแม่ ท่านไปดูสภาพที่น่าเ
จบสิ้นแล้ว!สมองของฉู่เจียวเจียวว่างเปล่าไปชั่วพริบตา : มีผู้ชายแปลกหน้าปรากฏตัวในห้องพระชายาอ๋องหลี แม้จะไม่ได้เกิดอะไรขึ้น แต่มีคนมากมายเช่นนี้ดูอยู่ เมื่อเรื่องนี้เผยแพร่ออกไป ชื่อเสียงป่นปี้!ผู้หญิงเมื่อชื่อเสียงเสื่อมเสีย ไม่ต่างอะไรกับตาย!นางเพิ่งแต่งกับอ๋องหลี ยังไม่ได้เสพสุขแม้แต่วันเดียว นางจะจบสิ้นเช่นนี้ไม่ได้เด็ดขาด!ฉู่เจียวเจียวกำเสื้อผ้าที่หน้าอก พุ่งพรวดเข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้าอ๋องหลี กล่าวอธิบาย“อ๋องหลี ข้าไม่รู้จักผู้ชายคนนี้ จู่ๆ เขาก็เข้ามาในห้องหอ เจตนามิดีมิร้าย โชคดีที่ข้าโยนแจกันแตก ไล่เขาออกไป!”ชุดแต่งงานบนร่างกายนางยังอยู่ในสภาพที่เรียบร้อยดี ไม่มีกระดุมหลุดแม้แต่หนึ่งเม็ด นี่คือเครื่องพิสูจน์ที่ดีที่สุดนางบริสุทธิ์!ชายหนุ่มที่ล้มอยู่ตรงโถงทางเดิน เขากุมข้อมือที่มีเลือดไหลทะลักอย่างเจ็บปวด กล่าวเสียงแหบ“ท่านอ๋อง พระชายาเป็นคนส่งแถบกระดาษให้ข้า สั่งให้ข้ามาห้องหอขอรับ ไม่เช่นนั้น ต่อให้ข้ามีความกล้ามากเพียงใด ข้าก็ไม่กล้าคิดเกินเลยต่อพระชายาแม้แต่น้อย!”เขาหอบหายใจไปพลาง หยิบกระดาษที่ถูกพับไว้หนึ่งแผ่นออกจากหน้าอกไปพลางสีหน้าเฟิงเจิ้งหลีมืดมน ริ
สองแม่ลูกออกคำสั่งฉู่เชียนหลีอย่างชอบธรรม ท่าทางที่มันควรจะเป็นเช่นนี้ เหมือนกำลังออกคำสั่งทาสรับใช้ที่ซื้อมาด้วยเงินฉู่เชียนหลีกลับยิ้มแล้วตกลงใครขอร้องใครกันแน่?ยังมองสถานการณ์ไม่ออกอีกหรือ?นางเผยอมุมปากขึ้นอย่างเย็นชา ฝ่ามือจับแขนนางอันไว้ โน้มตัวอย่างใจเย็น น้ำเสียงที่เบาแต่แปลกประหลาดดังขึ้นข้างหูนางอัน “นี่คือท่าทีของการขอร้องหรือ?”ร่างนางอันสั่นสะท้าน เงยหน้าอย่างตะลึงงัน มองใบหน้าที่ใกล้เพียงแค่เอื้อมและอัปลักษณ์นี้ไม่อยากเชื่อว่าคำพูดนี้ออกมาจากปากของฉู่เชียนหลีวินาทีต่อมา ดวงตาทั้งคู่แดงก่ำ น้ำตาทะลักออกมาเหมือนน้ำพุ“ฉู่เชียนหลี จิตใจเจ้าอำมหิตนัก นี่เจ้ากำลังจะบอกว่าจะทิ้งพี่สาวโดยไม่สนใจหรือ? เกิดเป็นคนจะเนรคุณคนเช่นนี้ไม่ได้ นึกถึงปีนั้น ตอนที่ข้าตั้งครรภ์เจ้า ในฤดูหนาว…”“ในฤดูหนาว ท่านไปซักเสื้อผ้าที่บ่อน้ำ กินข้าวบูดอาหารบูด ถูกฮูหยินหาเรื่อง สู้ชีวิตเพื่อข้า จนเป็นป่วยโรค ข้าดื่มเลือดของท่านโต หากข้าไม่เชื่อฟัง ก็คือคนเนรคุณ”ฉู่เชียนหลีขัดคำพูดของนาง ยิ่งกว่านั้นอย่างท่องออกมาอย่างชำนาญนางอันชะงักไปครู่หนึ่งทั้งๆ ที่เป็นคำพูดสำหรับขอความดีความช
สีหน้าชายหนุ่มซีดขาวราวกับกระดาษ “ข้า ข้าไม่อยากตาย…พระชายาสั่งให้ข้ามาห้องหอจริงๆ ข้าไม่ได้โกหก พระชายาเป็นคน…อ้า!” ฉู่เชียนหลีตบไหล่ชายหนุ่มคนนั้น“จ้องไว้!”พลันเสียงตวาดเบาๆ ทำเอาชายหนุ่มมองไปที่นาฬิกาพกโดยไม่รู้ตัวนาฬิกาพกแกว่งซ้ายแกว่งขวา สายตาของเขามองตามอย่างควบคุมไม่ได้ เมื่อเวลาค่อยๆ ผ่านไป เขารู้สึกวิงเวียน เหมือนตกเข้าไปในวังวนขนาดใหญ่อยากดิ้นรน แต่กลับไม่มีแรงอยากตะโกนสุดเสียง แต่กลับอ้าปากไม่ได้สติของเขาค่อยๆ เลือนราง…ทุกคนมองดูภาพนี้ด้วยความอยากรู้อยากเห็น สีหน้าของแต่ละคนแปลกใหม่ โตจนป่านนี้แล้วไม่เคยเห็นเรื่องที่แปลกประหลาดเช่นนี้มาก่อนนี่กำลังทำอะไร?มีประโยชน์อะไร?ฉู่เชียนหลีพลางแกว่งนาฬิกาพก พลางพูดชี้นำเสียงเบา “ผ่อนคลาย ผ่อนคลาย ตอนนี้เจ้าอยู่บนทุ่งหญ้าผืนใหญ่แล้ว แสงแดดอบอุ่น ม้ายกกลีบเท้า เจ้าเพลิดเพลินกับการวิ่งไปอย่างอิสระของม้ามาก…”มองดูสายตาของชายหนุ่มค่อยๆ หย่อนยาน เริ่มเหม่อลอยเกือบพอประมาณแล้วพลันนางจับนาฬิกาพก เปลี่ยนประเด็นกะทันหัน “มีคนสั่งให้เจ้ามาห้องหอของอ๋องหลีใช่หรือไม่?”ใบหน้าของเขางงงวย ศีรษะโยกเยกเบาๆ เหมือนศพเดินได้ท
งานแต่งอ๋องหลี ที่ห้องหอมี ‘บทแทรก’ เช่นนั้นเข้ามา อารมณ์ที่อยากร่วมสนุกของบรรดาแขกก็ถูกบั่นทอนลงไปเจ็ดส่วนเช่นกันระหว่างงานเลี้ยง ทุกคนกินข้าวและสนทนากัน ไม่มีเรื่องอื่นเกิดขึ้นอีกฉู่เชียนหลีกัดตะเกียบ ไร้ความอยากอาหาร แต่กลับครุ่นคิดอะไรบางอย่างอย่างจริงจังแทนเฟิงเย่เสวียนคีบเนื้อปลาหนึ่งชิ้น ใส่ชามของนาง “กำลังคิดอะไร”“คนที่อยากทำร้ายฉู่เจียวเจียวคือใครกันแน่”ชายหนุ่มคนนั้นพูดถึงครึ่งหนึ่ง ก็ตายกะทันหัน และเนื้อหาที่อยู่บนจดหมายน้อยคืออะไร อีกอย่าง ตอนอ๋องหลีจัดการเรื่องนี้ การกระทำว่องไว แต่ไม่มีอารมณ์ของความโกรธหรือดีใจใดๆ เลยนึกถึงตรงนี้ คิ้วของฉู่เชียนหลียิ่งขมวดแน่นแล้ว“เจ้ารู้สึกว่าตรงไหนมันแปลกๆ หรือไม่ ความบริสุทธิ์ของฉู่เจียวเจียวถูกดูหมิ่น เหมือนอ๋องหลีจะไม่สนใจเลย?”“เมื่อก่อน ข้าสนใจเจ้าหรือ?” เฟิงเย่เสวียนเปลี่ยนมาที่ประเด็นนี้กะทันหันนึกถึงเมื่อก่อน…ช่างน่าเวทนาเกินกว่าจะทนดู!นางแต่งเข้าจวนอ๋องเฉินสามเดือน เซียวจือฮว่าแค่หุบปากหลุบตา ไม่ว่านางทำผิดหรือไม่ ก็จะถูกทุบตีอย่างหนักโดยไม่แยกแยะผิดถูก“ตอนนี้ เกี่ยวกับเรื่องของเจ้า ข้ารู้ทุกอย่างทะลุปรุโ
เมื่อสิ้นเสียงหัวเราะที่มีความหมายลึกซึ้ง จ้องมองดวงตาทั้งคู่ของนางอัน ทำให้หัวใจนางอันสั่นสะท้าน หลบเลี่ยงโดยไม่รู้ตัวและก็เพราะปฏิกิริยาเล็กๆ น้อยๆ ที่ละเอียดอ่อนนี้ ทุกอย่างอยู่นอกเหนือคำพูดฉู่เชียนหลีหมดความอดทน ยื่นมือออกไปโดยตรง“ของที่ข้าต้องการ”ก่อนหน้านี้ นางตอบตกลงช่วยพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของฉู่เจียวเจียว ส่วนนางอันจะมอบอยากถอนพิษปานบนใบหน้าให้นาง นางอันกุมแขนเสื้อข้างซ้าย สองเท้าเดินถอยหลังหนึ่งก้าวเล็ก มีท่าทีของการกลับคำอย่างคลุมเครือ“ยา ยานั่น…มันใช่ว่าวันสองวันก็สามารถปรุงเสร็จได้เสียที่ไหน? ปานนี้อยู่กับเจ้ามาสิบกว่าปีแล้ว หากมันสามารถขจัดออกไปง่ายเช่นนั้น มีหรือที่ข้าจะไม่ให้เจ้า? ทั่วหล้ามีแม่คนไหนบ้างที่ไม่อยากให้ลูกของตัวเองได้ดี?”คำพูดเหล่านี้พูดได้สวยงามมาก แสดงถึงความห่วงใยที่แม่คนหนึ่งมีต่อลูกได้อย่างเปี่ยมล้นแต่เมื่อเข้าหูฉู่เชียนหลี คำแปลที่ได้รับ :ฉู่เจียวเจียวเป็นผู้บริสุทธิ์ ส่วนข้าไม่รักษาคำพูด ไม่อยากมอบยาถอนพิษให้เจ้าแล้วข้ายืนกรานไม่ให้ เจ้าก็ทำอะไรข้าไม่ได้ข้าเป็นแม่ของเจ้า เจ้าคงไม่เอามีดมาจี้คอบีบคั้นข้ากระมังแววตาของฉู่เชียนหลี
นางอันเบิกตากว้าง ดวงตาแทบหลุดออกมาแล้ว ตกใจจนเกือบหายใจไม่ออกกลิ่นอายอันน่ายำเกรงที่ส่งมาจากตัวนาง ความรุนแรงที่บอกไม่ถูกตรงหว่างคิ้วนั่น น้ำเสียงที่เย็นชาจนถึงขีดสุดนั่น ราวกับนำความหวาดกลัวไปให้จิตวิญญาณที่อยู่ในส่วนลึกของนางนางรู้สึกหวาดกลัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน…ใบมีดบางแต่เย็นเฉียบจ่ออยู่ตรงคอ นางรู้สึกเพียงมือเท้าเย็นวูบ ร่างกายสั่นสะท้าน ราวกับถูกแขวนอยู่กลางอากาศ สามารถตกลงมาตายได้ทุกเมื่อ“เออ…เออ…” ตกใจจนพูดอะไรไม่ออกฉู่เชียนหลีเหลือบมองนาง “ข้าจะนับถึงสาม เจ้าให้หรือไม่ให้?”เมื่อสิ้นเสียง ก็อ้าปากทันที“สาม!”พริบตานั้น นางกำมีดผ่าตัดแน่น จ่อไปที่กระเดือกของนางอัน นางอันส่งเสียงที่เหมือนดิ้นรนก่อนตายออกมา“ให้เจ้า!”กึก…นางเข่าอ่อนล้มคุกเข่าลงพื้น ขวดยาสีขาวกลิ้งออกมาจากแขนเสื้อ คลานอยู่บนพื้นอย่างอ่อนระทวย กุมหน้าอก หอบหายใจอย่างแรง สีหน้าซีดขาวราวกับคนตายฉู่เชียนหลีก้มลงไปเก็บขวดยา จากนั้นเปิดออกลองดมดมแค่ทีเดียว ก็รู้ว่าเป็นของจริงหรือของปลอมนางอันตกใจจนไม่เหลือสภาพชิ้นดีก็ไหนว่านับสามไม่ใช่หรือ?หนึ่งกับสองล่ะ?เมื่อครู่ นางไม่มีโอกาสแม้แต่จ
“ท่านอ๋อง รายชื่อของขวัญอวยพรจัดแจงออกมาเรียบร้อยแล้วขอรับ พูดถึงก็แปลก จวนอ๋องเฉินส่งของขวัญอวยพรมาสองส่วน” พ่อบ้านถือสมุดพับประทับร้อนสีทองหนึ่งเล่มเดินเข้ามาเขาเปิดไปที่หน้าหนึ่ง ชี้บันทึกการมอบของขวัญด้านบน ครุ่นคิดอย่างไม่เข้าใจ“ตามหลักแล้วจวนอ๋องเฉินมอบหนึ่งส่วนก็พอแล้ว แต่อ๋องเฉินหนึ่งส่วน พระชายาอ๋องเฉินหนึ่งส่วน มีที่ไหนสามีภรรยาแยกกันมอบ น่าแปลก…”แววตาเฟิงเจิ้งหลีเป็นประกายเล็กน้อย รีบกล่าว“นำของขวัญอวยพรที่พระชายาอ๋องเฉินมอบมาให้ข้า!”งานแต่งอ๋องหลี คึกคักต่อเนื่องจนถึงช่วงเย็นยามราตรีมาเยือน แขกเหรื่อแยกย้าย รถม้าสีดำที่เรียบง่ายค่อยๆ ขับมาจอดนอกจวนอ๋องเฉินฉู่เชียนหลีกระโดดลงมาคนแรก ดื่มเหล้าไปเล็กน้อย นางบิดขี้เกียจด้วยอาการมึนเมา จากนั้นก็เดินเข้าจวนไปอย่างสบายใจเซียวจือฮว่าที่ลงมาคนที่สองเห็นแล้ว กล่าวอย่างเอาใจใส่แต่รู้ความ“เฉิน ท่านยังไม่ได้เข้าจวนเลย พี่หญิงกลับมองข้ามท่าน เดินเข้าไปเองแล้ว ไม่เห็นท่านอยู่ในสายตาเกินไปแล้วกระมัง?”เฟิงเย่เสวียนกระโดดลงพื้นอย่างนุ่มนวล ยืนมือไขว้หลัง กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย“ในบ้านไม่จำเป็นต้องเคร่งเรื่องพิธีการ”
อันธพาลเจ็บจนกรีดร้องเหมือนหมูโดนเชือด “อ๊ะๆ!”ยังไม่ทันได้พักหายใจ ก็โดนถีบจนไปกลิ้งอยู่บนพื้น รองเท้าปักลายดอกไม้เหยียบลงบนหน้าอก หนักจนทำให้เขาหายใจไม่ออก กระอักเลือดออกมา“พู่!”เขากอดต้นขาของอวิ๋นอิง อยากดิ้นให้หลุด แต่หาของอวิ๋นอิงกดทับอยู่บนร่างกายของเขาเหมือนเหล็กกล้า และเขาก็เหมือนกับปลาตัวหนึ่งที่ถูกตอกตะปูอยู่บนเขียง พยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แต่ก็ดิ้นไม่หลุดเจอผีแล้ว!ทั้งที่นางผอมเช่นนี้ เหตุใดจึงมีแรงมากเช่นนี้?ผู้หญิงคนนี้ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือ?ชาวบ้านก็ตะลึงเช่นกันอวิ๋นอิงอุ้มลูกสาวไว้ด้วยมือข้างเดียว ค่อยๆ ก้มลง ยกฝ่ามืออีกข้าง เหวี่ยงไปที่ใบหน้าของอันธพาลโดยตรง“ข้าสั่งให้เจ้าเก็บ”เพียะ!“ไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ?”เพียะ!“หูหนวกหรือ?”เพียะ!หนึ่งประโยค หนึ่งฝ่ามือ ตบจนอันธพาลหันซ้ายหันขวา มุมปากแตกมีเลือดไหล หูอื้อ สะบักสะบอมเหมือนสุนัขจรจัดตัวหนึ่ง ไม่หลงเหลือความฮึกเหิมของก่อนหน้านี้เลย“ลูกพี่!”ลิ่วล้อสามคนคว้าโต๊ะเก้าอี้และท่อนไม้ที่อยู่ข้างๆ ฟาดไปทางอวิ๋นอิงอย่างแรงอวิ๋นอิงกระโดนหมุนตัวเตะพวกเขาสามคนจนลอยกระเด็นออกไปไกลเจ็ดแปดเมตร โดยไม่หั
ตงหลิงเจียงหนาน ทำเนียบสามเดือนที่พระชายาจากไป อ๋องเฉินเอาแต่เก็บตัว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลก หานเฟิงต้องรับผิดชอบงานแทนทุกอย่าง เมื่อนานวันเข้า โลกภายนอกต่างกำลังคาดเดา จิตใจของอ๋องเฉินได้รับกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ล้มแล้วลุกไม่ขึ้น เกรงว่าเหลือเวลาอีกไม่นานแล้วช่วงนี้ ในที่สุดอาการบาดเจ็บของจิ่งอี้ก็ดีขึ้นแล้วอาการบาดเจ็บทางกระดูกหรือเส้นเอ็น ต้องรักษาอย่างน้อยหนึ่งร้อยวันในที่สุดกระดูกซี่โครงที่หักสองซี่ก็หายดีแล้ว สามารถขี่ม้าได้แล้ว ตอนนั้นเขาบอกว่าจะนำทัพกลับแคว้นซีอวี้ทันทีแต่ก่อนไป เขาถามเหมือนไม่ใส่ใจ“เหตุใดไม่เจอแม่นางอวิ๋นอิงเลย?”จ้านหูจริงจังขึ้นมาทันที เขาตอบ“องค์ชายใหญ่ ข้าจะส่งคนไปสืบเดี๋ยวนี้!”“ไม่ต้อง”หลังจากปฏิเสธอย่างเฉยเมย ปีนขึ้นหลังม้า ขี่ออกไปคนเดียวแล้วจ้านหู “?”หมายความว่าอย่างไร?ตอนที่องค์ชายใหญ่หมดสติ แม้อวิ๋นอิงบอกว่าไม่สนใจ แต่แอบมาเยี่ยมองค์ชายใหญ่ตอนดึกดื่นเวลาที่ไม่มีคนองค์ชายใหญ่ก็อีกคน ทั้งที่คิดถึงอวิ๋นอิง แต่ไม่ยอมรับในใจของพวกเขาสองคนล้วนมีอีกฝ่าย ลูกสาวก็อายุเกือบครึ่งขวบแล้ว เหตุใดไม่ลองเปิดใจสักนิดแล้วอยู่ด้วยกันเลย
คืนแรกที่มาถึงต่างโลก ฉู่เชียนหลีฝันในความฝัน นางอยู่บนสนามรบ สู้จนตัวตาย เลือดไหลเป็นแม่น้ำ น่าสลดใจนัก…ในความฝัน นางได้ต่อสู้ร่วมกับชายคนหนึ่งที่มองไม่เห็นใบหน้า ร่วมเป็นร่วมตาย และยังมีเสียงที่นุ่มนิ่มของเด็ก เรียก ‘ท่านแม่’ ครั้งแล้วครั้งเล่าในความฝัน ราวกับนางได้รับความอยุติธรรมครั้งใหญ่ หัวใจเจ็บปวด และพยายามอธิบายสุดชีวิต แต่พวกคนที่เรียกตัวเองว่า ‘ครอบครัว’ ไม่เชื่อนาง และยังบีบคั้นนางสู่เส้นทางที่สิ้นหวังในความฝัน…มีคนกำลังเรียกนาง‘เชียนหลี…เชียนหลี…’ฉึก!ฉู่เชียนหลีลืมตาฉับพลัน ท้องฟ้าข้างนอกสว่างแล้ว แสงแดดอุ่นๆ ยามเช้าสาดส่องเข้ามา สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของอากาศ สงบมากนางรู้สึกเวียนศีรษะ และแน่นหน้าอกราวกับนางอยู่ในความฝันอันยาวนานจริงๆนางได้รับความอยุติธรรมนางถูกคนในครอบครัวฆ่าตายแต่เหตุใดนางจำผู้ชายที่เรียกนาง และภาพที่เรียกนางว่า ‘ท่านแม่’ ไม่ได้เลย“องค์หญิง ท่านตื่นแล้ว”เมื่ออ้ายอ้ายได้ยินเสียง ถือกะละมังน้ำอุ่นกับเครื่องใช้เข้ามาปรนนิบัติฉู่เชียนหลีนวดขมับ อยู่ในอาการเหม่อลอย แขนขาอ่อนแรง ไม่มีแรงขยับ ดึงผ้าห่มออก ลงจากเตียง สวมรองเท้
สาวใช้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็รีบฝนหมึกอย่างเชื่อฟังมองดูองค์หญิงรีบหยิบพู่กัน เขียนอะไรบางอย่าง ท่าทางที่รีบร้อนนั่น เมื่อก่อนเวลาที่นังเป็นห่วงคุณชายเซิ่น ยังไม่รีบร้อนเช่นนี้เลยองค์หญิงกระโดดสระน้ำ หมดสติไปสามวัน หลังจากฟื้น ก็เปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย?นิสัยเปลี่ยนไปน้ำเสียงเปลี่ยนไปแต่เมื่อลองตั้งใจมอง องค์หญิงยังคงเป็นองค์หญิง ยังคงเป็นใบหน้าที่คุ้นเคยฉู่เชียนหลีเขียนอย่างรวดเร็ว…อ๋องเฉินเป็นอย่างไรบ้าง ข้าอยู่แคว้นหนานยวน…พลางเขียน พลางกล่าวอย่างรีบร้อน “รีบไปหาคน ช่วยข้าส่งจดหมายฉบับนี้ไปให้อ๋องเฉินที่ตงหลิงเจียงหนาน”นางอยากบอกความจริงกับเฟิงเย่เสวียน ต่อให้ตนลืมแล้ว แต่เฟิงเย่เสวียนจำนางได้เขาจะต้องมาหานางแน่นอนไม่ช้าก็เร็วสักวัน พวกเขาครอบครัวสี่คนจะอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา“อ๋องเฉินแห่งตงหลิงเจียงหนาน?”สาวใช้เกาศีรษะด้วยความสงสัย “องค์หญิง ท่านส่งจดหมายให้อ๋องเฉินทำไม? ท่านรู้จักอ๋องเฉินตั้งแต่เมื่อไร?”ฉู่เชียนหลีรีบกล่าว“อธิบายกับเจ้าไม่ได้ แต่ความสัมพันธ์ของข้ากับอ๋องเฉินไม่ธรรมดา…อ๋องเฉิน? อ๋องเฉินตงหลิง?”เงยหน้าฉับพลัน“ข้ารู้จักอ๋องเฉ
ทุกคน “...”สีหน้าฮ่องเต้หนานยวนดูไม่ดีนัก เซิ่ยซือเฉินเป็นแค่บัณฑิตคนหนึ่ง เพื่อบัณฑิตคนหนึ่ง ต้องทุ่มสุดตัวเช่นนี้เลย ต้องตื่นเต้นเช่นนี้เลย?ในฐานะองค์หญิง ไม่ควรมองให้ไกลกว่านี้หน่อยหรือ?เพื่อป้องกันจวินลั่วยวนทำร้ายตัวเอง เขาออกคำสั่ง มัดมือและเท้าของนางโดยตรงจวินลั่วยวนขยับไม่ได้แล้วเห็นท่าทางที่จะยิ้มไม่ยิ้มของฉู่เชียนหลี และยังเลิกคิ้วอย่างยั่วยุ นางโมโหจนแทบกัดลิ้นฆ่าตัวตายหลังจากเหตุการณ์ที่วุ่นวาย ไปจากตำหนักองค์หญิงฉู่เชียนหลีกับหลิงอี้ซิงเดินเคียงข้างกันจากไป เมื่ออารมณ์ดี จังหวะการเดินก็ผ่อนคลายเป็นพิเศษ อดไม่ได้ที่จะฮัมเพลงเบาๆฮัมไปฮัมมา จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าหลิงอี้ซิงเป็นผู้มีจิตใจเมตตา อุทิศตนให้กับความดีและคุณธรรมหยุดฝีเท้าหันไปถาม “ท่านพี่ ท่านน่าจะเห็นกระมัง ว่าข้าจงใจรังแกจวินลั่วยวน?”หลิงอี้ซิงเดินตามปกติ สายตามองไปข้างหน้า พยักหน้าอย่างเกียจคร้าน ตอบสั้นๆ เพียงคำเดียว“อืม”“ท่านไม่รู้สึกว่าข้านิสัยไม่ดีหรือ?”เขาหยุดเดินหันมามองนาง กล่าวอย่างจริงจัง “ที่เจ้ารังแกนาง นั่นก็ต้องเป็นเพราะนางล่วงเกินเจ้าก่อนแน่นอน ล้วนเป็นความผิดของนาง”เขาไ
“ยวนเอ๋อร์! ยวนเอ๋อร์!” ฮ่องเต้หนานยวนร้อนใจจนหน้าถอดสี “ใครก็ได้ ใครก็ได้รีบมาเร็ว ยวนเอ๋อร์เสียเลือดมากเกินไป หมดสติไปแล้ว!”จวินลั่วยวนที่ ‘เสียเลือดมากเกินไปจนหมดสติ’ “...”เจ้าน่ะสิที่เสียเลือดมากเกินไปเจ้าเสียเลือดมากเกินไปทั้งครอบครัว!หมอหลวงมาอย่างรวดเร็ว หลังจากทำแผลให้จวินลั่วยวนเสร็จ ถอนหายใจด้วยความกังวล “สามเดือนแล้ว ในที่สุดเอ็นขององค์หญิงก็เชื่อมต่อกัน คิดไม่ถึงว่าขาดอีกแล้ว ความพยายามในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาล้วนสูญเปล่า” ต่อจากนี้ก็ต้องใช้เวลาอีกสามเดือน เปิดบาดแผล บำรุงเอ็นทุกวันเมื่อฉู่เชียนหลีได้ยินคำนี้ เบ้าตาแดงฉับพลัน“ล้วนเป็นความผิดของข้า…”นางดึงชายเสื้อของหลิงอี้ซิง กล่าวเสียงสะอึก“ท่านพี่ ข้ามันไม่ดี ต้องเป็นเพราะเรื่องของคุณชายเซิ่นแน่ องค์โกรธข้า ไม่ชอบข้า จึงฟาดมือของตัวเองใส่เสา เพื่อเป็นการแสดงความรังเกียจต่อข้า”“ข้าทำร้ายนาง ฮือๆ…”หลิงอี้ซิงรักน้องสาว ทุกคนในแคว้นหนานยวนรู้เรื่องนี้แล้วฮ่องเต้หนานยวนกล่าวโทษนางได้อย่างไร?กลับกัน เขายังต้องขอร้องหลิงอี้ซิงทักษะการทำนายของหลิงอี้ซิงมีเพียงหนึ่งเดียวในใต้ฟ้า ตลอดหลายปีที่เขานั่งตำแหน
ระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน นางค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้เตียง จวินลั่วยวนนอนหลับแล้ว ไม่ได้เคลื่อนไหวเป็นเวลานาน หน้าซีดซูบผอม เหลือแต่หนังหุ้มกระดูกฉู่เชียนหลีเหลือบมองแวบหนึ่ง“เหตุใดข้อมือของนางยังมีเลือด?”สามเดือนแล้ว แผลยังไม่หาย?นางกำนัลที่อยู่ข้างๆ ตอบ“หมอหลวงบอกว่า จะใช้ยาพิเศษรักษาเอ็นมือและเท้าที่ขาดขององค์หญิง จำเป็นต้องเปิดแผล ขยับเอ็นที่ขาดไปรวมกันทุกวัน จนกระทั่งเชื่อมต่อกัน”“ฮืม?”ฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วด้วยความสนใจเช่นนี้ก็เท่ากับว่า จวินลั่วยวนต้องทนกับความเจ็บปวดที่ใช้มีดเปิดปากแผลทุกวันติดต่อกันสามเดือนเต็มๆ น่าสังเวชน่าจะเจ็บมากกระมัง?นางค่อยๆ นั่งลง จับข้อมือของจวินลั่วยวนเบาๆ มองผ้าพันแผลที่ถูกพันห้าหกรอบอย่างครุ่นคิดทันใดนั้นออกแรงกดที่นิ้ว“ซี้ด…!”จวินลั่วยวนเจ็บจนตื่น ลืมตาทันทีฉู่เชียนหลีรีบปล่อยมือ “โอ๊ย…ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจแตะตัวท่าน ดูท่านเจ็บมากเลยนะ ขอโทษจริงๆ”“!”หลินเหยี่ยมาอยู่ในตำหนักของนางได้อย่างไร?นางรังเกียจผู้หญิงคนนี้ที่สุด!อาศัยที่พี่ชายของตัวเองเป็นราชครู แสร้งทำเป็นช่วยเหลือชาวบ้าน ทำแต่ความดีทุกวัน มีแต่คนบอกว่าองค์หญ
เซิ่นสือเฉิน “?”เหตุใดวันนี้รู้สึกว่าหลิงเหยี่ยแปลกๆ?เมื่อก่อนนางชอบเขามากเลยไม่ใช่หรือ? เวลาที่เขาอ่านหนังสือ นางชอบมาอยู่ข้างๆ ฝนหมึกพัดลมให้เขา เวลาที่เขาเขียนหนังสือ นางชอบแอบที่นอกหน้าต่าง จับจิ้งหรีดเล่น เวลาที่เขางีบหลับ นางมักจะชงชาหิมะชั้นดีมาให้เขานางยังบอกว่าจะแต่งงานกับเขาคนเดียวเหตุใดแค่วันเดียว ก็ปล่อยวางได้แล้ว?“องค์หญิงหลิง ข้าขอโทษ” เขากล่าวอย่างรู้สึกผิดที่จริงเขาก็ชอบหลิงเหยี่ยเช่นกัน แต่องค์หญิงยวนบอกเขาว่าหลิงเหยี่ยนิสัยไม่ดี ชอบรังแกคนรับใช้ หาเรื่องชาวบ้าน ใส่ร้ายโยนความผิดให้ผู้อื่นด้วยวิธีที่น่ารังเกียจ และทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายเขาเป็นคนเรียนหนังสือ นิสัยซื่อตรง ไม่สามารถยอมรับคนที่จิตใจอำมหิตอย่างหลิงเหยี่ยเมื่อเปรียบเทียบกัน เขาชอบจวินลั่วยวนที่ไร้เดียงสา จิตใจดี และร่าเริงมากกว่า“เมื่อก่อนท่านส่งข้าเรียนหนังสือ ช่วยข้าหาอาจารย์ ใช้เส้นสาย ทำให้ข้าสอบติดขุนนาง…บุญคุณส่วนนี้ ข้า ข้าทำได้เพียงตอบแทนท่านชาติหน้าแล้ว…”ฉู่เชียนหลียิ้มอย่างอ่อนโยน“ไม่เป็นไร แค่เรื่องเล็กน้อย”“ได้ยินมาว่าองค์หญิงยวนได้รับบาดเจ็บ พวกเราเข้าวังไปดูนางกันเ
องค์หญิง?คุณชายเซิ่น?ฉู่เชียนหลีไม่ได้รับความทรงจำใดๆ เพิ่งมาที่นี่ครั้งแรก สับสนและงงงวยเล็กน้อยยังไม่ทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีเสียงฝีเท้าที่ยุ่งเหยิงและเสียงต่อต้านดังมาจากนอกประตู “ใต้เท้าหลิง! ใต้เท้าหลิง ต่อให้ท่านบีบคั้นข้าจนตาย ข้าก็ไม่แต่งงานกับนาง!”“ตั้งแต่ต้นจนจบ ในใจข้ามีเพียงองค์หญิงยวนเอ๋อร์เท่านั้น!”ยวนเอ๋อร์?องค์หญิง?ฉู่เชียนหลีเงยหน้ามองไป เห็นชายหนุ่มสวมชุดเพ้าสีขาวและที่ครอบผมหยก กำลังลากผู้ชายที่ท่าทางสุภาพเหมือนคนเรียนหนังสือเข้ามานางตระหนักถึงบางอย่าง รีบดึงสาวใช้ที่อยู่ข้างกายมาถามเบาๆ“ที่นี่คือแคว้นหนานยวน?”สาวใช้ “?”องค์หญิงเป็นอะไรไป?เหตุใดถามคำถามเช่นนี้?“องค์หญิง ท่าน…”“อย่าพูดไร้สาระ ตอบข้า!”สาวใช้ตกใจ รีบกล่าว “ท่านคือหลิงเหยี่ย องค์หญิงต่างแซ่ของแคว้นหนานยวน ใต้เท้าคือมหาราชครูของแคว้นหนวนยวน เป็นพี่ชายแท้ๆ ของท่าน เพราะใต้เท้าชำนาญการทำนาย เคยช่วยแคว้นสามครั้ง สร้างคุณประโยชน์มากมาย ท่านจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์หญิงต่างแซ่…”คำพูดที่เหลือ ฉู่เชียนหลีมองข้ามโดยตรงสิ่งเดียวที่นางคิดคือ นางถูกส่งมาเป็นองค์หญิงต่างแซ่ อีกท