ภายในห้องหอ ได้รับการประดับประดาจนกลายเป็นสีแดงทั้งห้อง เหมาะแก่การยินดีเป็นพิเศษตามกฎแล้ว ผู้หญิงออกเรือน มารดาห้ามตามมาด้วย แต่ฉู่เจียวเจียวอาศัยเรื่องนี้ หยั่งเชิงความรักที่อ๋องหลีมีต่อนาง อ๋องหลีตอบตกลงให้นางอันมาอยู่ด้วยอ๋องหลีตามใจนาง เท่ากับอ๋องหลีรักนางนางอันอยู่กับลูกสาว สอนขั้นตอนและกฎเกณฑ์ของคืนเข้าหอ เมื่อพูดถึงเรื่องบางเรื่อง ฉู่เจียวเจียวยังเขินอายจนหน้าแดง…ก๊อกๆ… นอกประตู เสียงที่นอบน้อมดังขึ้น“ฮูหยินอัน เกือบจะได้เวลาแล้ว ท่านควรไปแล้ว”ฉู่เจียวเจียวจะต้องเผชิญหน้าอ๋องหลีคนเดียวแล้ว คิดแล้วก็เขินอายจริงๆนางอันตบหลังมือนาง ลุกขึ้นยืน “เจียวเจียว จำคำพูดที่แม่พูดกับเจ้าเมื่อครู่ให้ดี ไม่ต้องกลัว อ๋องหลีมีเจ้าแค่คนเดียว เขาจะโปรดปรานเจ้าคนเดียว ข้าจะไปดูว่าทางฉู่เชียนหลีเป็นอย่างไรบ้างแล้ว”ปัจจุบัน อ๋องหลีลาดตระเวนทางใต้ ได้รับการยอมรับจากฮ่องเต้ เพิ่งได้แสดงความสามารถเชื่อว่าด้วยความสามารถของอ๋องหลี จะต้องโดดเด่นท่ามกลางเหล่าองค์ชายแน่นอนฉู่เจียวเจียววางสองมือทับกันบนหัวเข่า นั่งตัวตรงอย่างสง่างาม ใช้สายตาส่งนางอันออกไป“ท่านแม่ ท่านไปดูสภาพที่น่าเ
จบสิ้นแล้ว!สมองของฉู่เจียวเจียวว่างเปล่าไปชั่วพริบตา : มีผู้ชายแปลกหน้าปรากฏตัวในห้องพระชายาอ๋องหลี แม้จะไม่ได้เกิดอะไรขึ้น แต่มีคนมากมายเช่นนี้ดูอยู่ เมื่อเรื่องนี้เผยแพร่ออกไป ชื่อเสียงป่นปี้!ผู้หญิงเมื่อชื่อเสียงเสื่อมเสีย ไม่ต่างอะไรกับตาย!นางเพิ่งแต่งกับอ๋องหลี ยังไม่ได้เสพสุขแม้แต่วันเดียว นางจะจบสิ้นเช่นนี้ไม่ได้เด็ดขาด!ฉู่เจียวเจียวกำเสื้อผ้าที่หน้าอก พุ่งพรวดเข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้าอ๋องหลี กล่าวอธิบาย“อ๋องหลี ข้าไม่รู้จักผู้ชายคนนี้ จู่ๆ เขาก็เข้ามาในห้องหอ เจตนามิดีมิร้าย โชคดีที่ข้าโยนแจกันแตก ไล่เขาออกไป!”ชุดแต่งงานบนร่างกายนางยังอยู่ในสภาพที่เรียบร้อยดี ไม่มีกระดุมหลุดแม้แต่หนึ่งเม็ด นี่คือเครื่องพิสูจน์ที่ดีที่สุดนางบริสุทธิ์!ชายหนุ่มที่ล้มอยู่ตรงโถงทางเดิน เขากุมข้อมือที่มีเลือดไหลทะลักอย่างเจ็บปวด กล่าวเสียงแหบ“ท่านอ๋อง พระชายาเป็นคนส่งแถบกระดาษให้ข้า สั่งให้ข้ามาห้องหอขอรับ ไม่เช่นนั้น ต่อให้ข้ามีความกล้ามากเพียงใด ข้าก็ไม่กล้าคิดเกินเลยต่อพระชายาแม้แต่น้อย!”เขาหอบหายใจไปพลาง หยิบกระดาษที่ถูกพับไว้หนึ่งแผ่นออกจากหน้าอกไปพลางสีหน้าเฟิงเจิ้งหลีมืดมน ริ
สองแม่ลูกออกคำสั่งฉู่เชียนหลีอย่างชอบธรรม ท่าทางที่มันควรจะเป็นเช่นนี้ เหมือนกำลังออกคำสั่งทาสรับใช้ที่ซื้อมาด้วยเงินฉู่เชียนหลีกลับยิ้มแล้วตกลงใครขอร้องใครกันแน่?ยังมองสถานการณ์ไม่ออกอีกหรือ?นางเผยอมุมปากขึ้นอย่างเย็นชา ฝ่ามือจับแขนนางอันไว้ โน้มตัวอย่างใจเย็น น้ำเสียงที่เบาแต่แปลกประหลาดดังขึ้นข้างหูนางอัน “นี่คือท่าทีของการขอร้องหรือ?”ร่างนางอันสั่นสะท้าน เงยหน้าอย่างตะลึงงัน มองใบหน้าที่ใกล้เพียงแค่เอื้อมและอัปลักษณ์นี้ไม่อยากเชื่อว่าคำพูดนี้ออกมาจากปากของฉู่เชียนหลีวินาทีต่อมา ดวงตาทั้งคู่แดงก่ำ น้ำตาทะลักออกมาเหมือนน้ำพุ“ฉู่เชียนหลี จิตใจเจ้าอำมหิตนัก นี่เจ้ากำลังจะบอกว่าจะทิ้งพี่สาวโดยไม่สนใจหรือ? เกิดเป็นคนจะเนรคุณคนเช่นนี้ไม่ได้ นึกถึงปีนั้น ตอนที่ข้าตั้งครรภ์เจ้า ในฤดูหนาว…”“ในฤดูหนาว ท่านไปซักเสื้อผ้าที่บ่อน้ำ กินข้าวบูดอาหารบูด ถูกฮูหยินหาเรื่อง สู้ชีวิตเพื่อข้า จนเป็นป่วยโรค ข้าดื่มเลือดของท่านโต หากข้าไม่เชื่อฟัง ก็คือคนเนรคุณ”ฉู่เชียนหลีขัดคำพูดของนาง ยิ่งกว่านั้นอย่างท่องออกมาอย่างชำนาญนางอันชะงักไปครู่หนึ่งทั้งๆ ที่เป็นคำพูดสำหรับขอความดีความช
สีหน้าชายหนุ่มซีดขาวราวกับกระดาษ “ข้า ข้าไม่อยากตาย…พระชายาสั่งให้ข้ามาห้องหอจริงๆ ข้าไม่ได้โกหก พระชายาเป็นคน…อ้า!” ฉู่เชียนหลีตบไหล่ชายหนุ่มคนนั้น“จ้องไว้!”พลันเสียงตวาดเบาๆ ทำเอาชายหนุ่มมองไปที่นาฬิกาพกโดยไม่รู้ตัวนาฬิกาพกแกว่งซ้ายแกว่งขวา สายตาของเขามองตามอย่างควบคุมไม่ได้ เมื่อเวลาค่อยๆ ผ่านไป เขารู้สึกวิงเวียน เหมือนตกเข้าไปในวังวนขนาดใหญ่อยากดิ้นรน แต่กลับไม่มีแรงอยากตะโกนสุดเสียง แต่กลับอ้าปากไม่ได้สติของเขาค่อยๆ เลือนราง…ทุกคนมองดูภาพนี้ด้วยความอยากรู้อยากเห็น สีหน้าของแต่ละคนแปลกใหม่ โตจนป่านนี้แล้วไม่เคยเห็นเรื่องที่แปลกประหลาดเช่นนี้มาก่อนนี่กำลังทำอะไร?มีประโยชน์อะไร?ฉู่เชียนหลีพลางแกว่งนาฬิกาพก พลางพูดชี้นำเสียงเบา “ผ่อนคลาย ผ่อนคลาย ตอนนี้เจ้าอยู่บนทุ่งหญ้าผืนใหญ่แล้ว แสงแดดอบอุ่น ม้ายกกลีบเท้า เจ้าเพลิดเพลินกับการวิ่งไปอย่างอิสระของม้ามาก…”มองดูสายตาของชายหนุ่มค่อยๆ หย่อนยาน เริ่มเหม่อลอยเกือบพอประมาณแล้วพลันนางจับนาฬิกาพก เปลี่ยนประเด็นกะทันหัน “มีคนสั่งให้เจ้ามาห้องหอของอ๋องหลีใช่หรือไม่?”ใบหน้าของเขางงงวย ศีรษะโยกเยกเบาๆ เหมือนศพเดินได้ท
งานแต่งอ๋องหลี ที่ห้องหอมี ‘บทแทรก’ เช่นนั้นเข้ามา อารมณ์ที่อยากร่วมสนุกของบรรดาแขกก็ถูกบั่นทอนลงไปเจ็ดส่วนเช่นกันระหว่างงานเลี้ยง ทุกคนกินข้าวและสนทนากัน ไม่มีเรื่องอื่นเกิดขึ้นอีกฉู่เชียนหลีกัดตะเกียบ ไร้ความอยากอาหาร แต่กลับครุ่นคิดอะไรบางอย่างอย่างจริงจังแทนเฟิงเย่เสวียนคีบเนื้อปลาหนึ่งชิ้น ใส่ชามของนาง “กำลังคิดอะไร”“คนที่อยากทำร้ายฉู่เจียวเจียวคือใครกันแน่”ชายหนุ่มคนนั้นพูดถึงครึ่งหนึ่ง ก็ตายกะทันหัน และเนื้อหาที่อยู่บนจดหมายน้อยคืออะไร อีกอย่าง ตอนอ๋องหลีจัดการเรื่องนี้ การกระทำว่องไว แต่ไม่มีอารมณ์ของความโกรธหรือดีใจใดๆ เลยนึกถึงตรงนี้ คิ้วของฉู่เชียนหลียิ่งขมวดแน่นแล้ว“เจ้ารู้สึกว่าตรงไหนมันแปลกๆ หรือไม่ ความบริสุทธิ์ของฉู่เจียวเจียวถูกดูหมิ่น เหมือนอ๋องหลีจะไม่สนใจเลย?”“เมื่อก่อน ข้าสนใจเจ้าหรือ?” เฟิงเย่เสวียนเปลี่ยนมาที่ประเด็นนี้กะทันหันนึกถึงเมื่อก่อน…ช่างน่าเวทนาเกินกว่าจะทนดู!นางแต่งเข้าจวนอ๋องเฉินสามเดือน เซียวจือฮว่าแค่หุบปากหลุบตา ไม่ว่านางทำผิดหรือไม่ ก็จะถูกทุบตีอย่างหนักโดยไม่แยกแยะผิดถูก“ตอนนี้ เกี่ยวกับเรื่องของเจ้า ข้ารู้ทุกอย่างทะลุปรุโ
เมื่อสิ้นเสียงหัวเราะที่มีความหมายลึกซึ้ง จ้องมองดวงตาทั้งคู่ของนางอัน ทำให้หัวใจนางอันสั่นสะท้าน หลบเลี่ยงโดยไม่รู้ตัวและก็เพราะปฏิกิริยาเล็กๆ น้อยๆ ที่ละเอียดอ่อนนี้ ทุกอย่างอยู่นอกเหนือคำพูดฉู่เชียนหลีหมดความอดทน ยื่นมือออกไปโดยตรง“ของที่ข้าต้องการ”ก่อนหน้านี้ นางตอบตกลงช่วยพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของฉู่เจียวเจียว ส่วนนางอันจะมอบอยากถอนพิษปานบนใบหน้าให้นาง นางอันกุมแขนเสื้อข้างซ้าย สองเท้าเดินถอยหลังหนึ่งก้าวเล็ก มีท่าทีของการกลับคำอย่างคลุมเครือ“ยา ยานั่น…มันใช่ว่าวันสองวันก็สามารถปรุงเสร็จได้เสียที่ไหน? ปานนี้อยู่กับเจ้ามาสิบกว่าปีแล้ว หากมันสามารถขจัดออกไปง่ายเช่นนั้น มีหรือที่ข้าจะไม่ให้เจ้า? ทั่วหล้ามีแม่คนไหนบ้างที่ไม่อยากให้ลูกของตัวเองได้ดี?”คำพูดเหล่านี้พูดได้สวยงามมาก แสดงถึงความห่วงใยที่แม่คนหนึ่งมีต่อลูกได้อย่างเปี่ยมล้นแต่เมื่อเข้าหูฉู่เชียนหลี คำแปลที่ได้รับ :ฉู่เจียวเจียวเป็นผู้บริสุทธิ์ ส่วนข้าไม่รักษาคำพูด ไม่อยากมอบยาถอนพิษให้เจ้าแล้วข้ายืนกรานไม่ให้ เจ้าก็ทำอะไรข้าไม่ได้ข้าเป็นแม่ของเจ้า เจ้าคงไม่เอามีดมาจี้คอบีบคั้นข้ากระมังแววตาของฉู่เชียนหลี
นางอันเบิกตากว้าง ดวงตาแทบหลุดออกมาแล้ว ตกใจจนเกือบหายใจไม่ออกกลิ่นอายอันน่ายำเกรงที่ส่งมาจากตัวนาง ความรุนแรงที่บอกไม่ถูกตรงหว่างคิ้วนั่น น้ำเสียงที่เย็นชาจนถึงขีดสุดนั่น ราวกับนำความหวาดกลัวไปให้จิตวิญญาณที่อยู่ในส่วนลึกของนางนางรู้สึกหวาดกลัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน…ใบมีดบางแต่เย็นเฉียบจ่ออยู่ตรงคอ นางรู้สึกเพียงมือเท้าเย็นวูบ ร่างกายสั่นสะท้าน ราวกับถูกแขวนอยู่กลางอากาศ สามารถตกลงมาตายได้ทุกเมื่อ“เออ…เออ…” ตกใจจนพูดอะไรไม่ออกฉู่เชียนหลีเหลือบมองนาง “ข้าจะนับถึงสาม เจ้าให้หรือไม่ให้?”เมื่อสิ้นเสียง ก็อ้าปากทันที“สาม!”พริบตานั้น นางกำมีดผ่าตัดแน่น จ่อไปที่กระเดือกของนางอัน นางอันส่งเสียงที่เหมือนดิ้นรนก่อนตายออกมา“ให้เจ้า!”กึก…นางเข่าอ่อนล้มคุกเข่าลงพื้น ขวดยาสีขาวกลิ้งออกมาจากแขนเสื้อ คลานอยู่บนพื้นอย่างอ่อนระทวย กุมหน้าอก หอบหายใจอย่างแรง สีหน้าซีดขาวราวกับคนตายฉู่เชียนหลีก้มลงไปเก็บขวดยา จากนั้นเปิดออกลองดมดมแค่ทีเดียว ก็รู้ว่าเป็นของจริงหรือของปลอมนางอันตกใจจนไม่เหลือสภาพชิ้นดีก็ไหนว่านับสามไม่ใช่หรือ?หนึ่งกับสองล่ะ?เมื่อครู่ นางไม่มีโอกาสแม้แต่จ
“ท่านอ๋อง รายชื่อของขวัญอวยพรจัดแจงออกมาเรียบร้อยแล้วขอรับ พูดถึงก็แปลก จวนอ๋องเฉินส่งของขวัญอวยพรมาสองส่วน” พ่อบ้านถือสมุดพับประทับร้อนสีทองหนึ่งเล่มเดินเข้ามาเขาเปิดไปที่หน้าหนึ่ง ชี้บันทึกการมอบของขวัญด้านบน ครุ่นคิดอย่างไม่เข้าใจ“ตามหลักแล้วจวนอ๋องเฉินมอบหนึ่งส่วนก็พอแล้ว แต่อ๋องเฉินหนึ่งส่วน พระชายาอ๋องเฉินหนึ่งส่วน มีที่ไหนสามีภรรยาแยกกันมอบ น่าแปลก…”แววตาเฟิงเจิ้งหลีเป็นประกายเล็กน้อย รีบกล่าว“นำของขวัญอวยพรที่พระชายาอ๋องเฉินมอบมาให้ข้า!”งานแต่งอ๋องหลี คึกคักต่อเนื่องจนถึงช่วงเย็นยามราตรีมาเยือน แขกเหรื่อแยกย้าย รถม้าสีดำที่เรียบง่ายค่อยๆ ขับมาจอดนอกจวนอ๋องเฉินฉู่เชียนหลีกระโดดลงมาคนแรก ดื่มเหล้าไปเล็กน้อย นางบิดขี้เกียจด้วยอาการมึนเมา จากนั้นก็เดินเข้าจวนไปอย่างสบายใจเซียวจือฮว่าที่ลงมาคนที่สองเห็นแล้ว กล่าวอย่างเอาใจใส่แต่รู้ความ“เฉิน ท่านยังไม่ได้เข้าจวนเลย พี่หญิงกลับมองข้ามท่าน เดินเข้าไปเองแล้ว ไม่เห็นท่านอยู่ในสายตาเกินไปแล้วกระมัง?”เฟิงเย่เสวียนกระโดดลงพื้นอย่างนุ่มนวล ยืนมือไขว้หลัง กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย“ในบ้านไม่จำเป็นต้องเคร่งเรื่องพิธีการ”
เมื่อพรรคของอ๋องหลีได้ยินเช่นนี้ ก็กลัวทันทีดูท่าทีของพระชายาอ๋องเฉิน นี่กำลังจะเปิดฉากสังหารครั้งใหญ่ในวังชัดๆ!ฆ่าคนติดต่อกันสองคน ไม่กระพริบตาแม้แต่ทีเดียวเลือดกระเซ็นโดนใบหน้า ก็เย็นเฉียบท่าทางที่ชั่วร้ายเหมือนปีศาจนั่น ทำให้ขุนนางหลายคนเกิดความกลัว ลองถามคนทั่วหล้า จะมีสักกี่คนที่ไม่กลัว? อยู่ต่อหน้าความเป็นความตาย ทุกคนล้วนเห็นแก่ตัวพวกเขาไม่อยากตายขุนนางคนหนึ่งกลัวจนพูดติดอ่าง“อ๋อง อ๋องหลี…อย่างไรเด็กที่อยู่ในมือท่านก็เป็นพระนัดดาองค์โต เป็นสายเลือดของราชวงศ์ ถ้าหากฆ่าเขา ในวันข้างหน้า มลทินของท่านจะถูกบันทึกไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์ เกรงว่าจะถูกคนรุ่นหลังด่าทอต่อๆ กันเป็นหมื่นปี”ขุนนางอีกคนก็กล่าวเสียงสั่น“อ๋องเฉินโปรดพิจารณา…”ถ้าหากสู้กันจริงๆ พวกเขาสู้ไม่ไหวอ๋องเฉินมีฮ่องเต้หนุนหลัง มีกองทัพ มีกำลังทหาร อ๋องเฉินเป็นฝ่ายได้เปรียบทุกด้านในมืออ๋องหลี นอกจากพระนัดดาองค์โต ก็ไม่มีเบี้ยอย่างอื่นแล้ว อีกทั้ง ทหารรักษาพระองค์ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ทหารองครักษ์เงาของอ๋องเฉินเมื่อไรที่สู้กัน พวกเขาจะตายกันหมดไม่จำเป็นต้องตายไปครั้งหนึ่ง บางครั้ง เมื่อเห็นว่าพอแล้วก
เฟิงเย่เสวียนแค่ขมวดคิ้วทีหนึ่ง ก็ข่มความเจ็บปวดนี้ลงไปผู้บัญชาการจางฟาดอย่างดุร้ายลองคิดดูเขาที่เป็นขุนนางคนหนึ่ง สามารถใช้แส้ฟาดองค์ชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด นี่เป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจเพียงใด พูดคำนี้ออกไป เขาสามารถอวดสามสิบปียิ่งฟาดยิ่งรู้สึกสนุก ยิ่งฟาดยิ่งแรงเพี๊ยะ!เพี๊ยะๆๆ!ทุกคนร้อนใจจนกระทืบเท้า แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไป อ๋องหลีบ้าไปแล้ว เขาไม่ใช่อ๋องหลีที่เข้าถึงได้ง่ายอีกแล้ว!ฉู่เชียนหลีเพิ่งคิดจะกระโจนเข้าไป ก็ถูกอ๋องหลีสั่งให้คนคุมตัวไปยืนอยู่ข้างๆ บังคับให้นางมองดูต่อหน้าต่อตา“ฉู่เชียนหลี ข้าเคยบอกแล้ว เจ้าจะต้องเสียใจ คนไร้ประโยชน์อย่างเฟิงเย่เสวียน แม้แต่ลูกชายก็ปกป้องไม่ได้ มีประโยชน์อะไร”แววตาเฟิงเจิ้งหลีเปล่งแสงที่บ้าคลั่ง“เขาเป็นแค่คนไร้ประโยชน์ ฝ่าบาทจะให้ความสำคัญกับคนไร้ประโยชน์เช่นนี้ได้อย่างไร? ฉู่เชียนหลี เจ้าว่าเจ้าตาบอดใช่หรือไม่? เจ้าดูสภาพที่สะบักสะบอมของเขาตอนนี้ เหมือนสุนัขตัวหนึ่ง เจ้าก็ยังชอบเขา เช่นนั้นเจ้าก็เป็นสุนัขตัวเมียที่แพศยา”เขายิ้มอย่างชั่วร้าย สิ่งที่พูดออกมายิ่งไม่น่าฟังทุกคนตาแดง อยากพุ่งเข้าไปสับอ๋องหลีเป็นชิ้นๆ เสีย
ผู้ชายที่ร่างกายสูงใหญ่งอหัวเข่า คุกเข่าอยู่ตรงหน้าอ๋องหลีอย่างตั้งตรง แม้อยู่ต่ำกว่า แต่ความสูงศักดิ์ที่แผ่ซ่านออกมาจากกระดูก ไม่ลดน้อยลงเลยสักนิดตลอดหลายปีที่ผ่านมา นอกจากคุกเข่าให้ฮ่องเต้และบรรพชน พวกเขาไม่เคยเห็นอ๋องเฉินคุกเข่าให้ใครเฟิงเจิ้งหลีเห็นดังนี้ แหงนหน้าหัวเราะ“ฮ่าๆๆ!”คิดไม่ถึงจริงๆ เขาจะมีวันนี้ด้วยลูกชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด แพ้ให้กับลูกชายที่ไม่โปรดปรานที่สุด ไม่สะดุดตาที่สุด และยังถูกทุกคนรังแก ความรู้สึกที่อยู่เหนือกว่าเช่นนี้ ทำให้ในใจเขาสาแก่ใจจริงๆ“ฮ่าๆๆๆ เฟิงเย่เสวียน เจ้าก็มีวันนี้ด้วย!”หัวเราะเสร็จ เขารู้สึกว่าความเย่อหยิ่งของอ๋องเฉินมันขัดตาทั้งๆ ที่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบจนต้องคุกเข่า เหตุใดยังอวดดีหยิ่งผยองเช่นนี้?เขาออกคำสั่ง “ก้มหัวเจ้าลงไป”เฟิงเย่เสวียนเม้มปาก ก้มศีรษะลงเขาออกคำสั่งอีกครั้ง “โขกศีรษะ!”“อ๋องหลี ท่านอย่ารังแกให้มันมากนัก! ท่านกับท่านอ๋องของเราเป็นคนรุ่นเดียวกัน ท่านรับการโขกหัวจากเขาไม่ได้! ไม่กลัวบรรพชนรู้แล้ว อายุสั้นหรือ!” พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความโกรธเพิ่งกล่าวจบ ก็ถูกผู้บัญชาการจางถีบจนล้มลงพื้นหลังจากล้มลง ก
“ปล่อยคนของเจ้าแล้ว เจ้าเป็นอิสระแล้ว คืนลูกให้ข้า” ฉู่เชียนหลีจ้องเขาเฟิงเจิ้งหลีเหลือบมองเด็กน้อยในอ้อมแขน ท่าทางที่ร้องไห้จนหน้าแดง เห็นแล้วปวดใจนักคิดว่าแค่นี้ก็จบแล้วหรือ?เขายิ้ม“ฉู่เชียนหลี เหมือนเจ้าจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์นะ?”“?”“……”“เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาต่อรองกับข้า? เด็กอยู่ในมือข้า เป็นหรือตายขึ้นอยู่กับข้า ถึงคราวที่เจ้าต้องมาสอนข้าทำงานตั้งแต่เมื่อไร?”สีหน้าฉู่เชียนหลีเคร่งขรึมทันทีเห็นได้ชัด เขาได้คืบจะเอาศอก“เจ้ายังต้องการอะไรอีก?”“ข้าหรือ” เขาเงยหน้าด้วยรอยยิ้ม กวาดมองทุกคน และตำหนักอันหรูหราหลังนี้ วังหลวงที่กว้างใหญ่แห่งนี้ แผ่นดินที่ดีเช่นนี้เขาต้องการอะไร ยังต้องให้พูดอีกหรือ?แต่ว่า มองดูท่าทางที่ร้อนใจของฉู่เชียนหลี เขาเกิดอยากสนุก ต้องการระบายความคับข้องใจที่ได้รับในสองวันนี้ออกมาให้หมดลูบแก้มของเด็กน้อยพลางกล่าว“อยากได้ลูกคืน ไม่มีปัญหา มันก็ต้องดูว่าอ๋องเฉินมีความจริงใจหรือไม่”เงียบไปครู่หนึ่ง“อืม หรือไม่อ๋องเฉินคุกเข่า โขกหัวให้ข้าสามครั้ง ข้าก็คืนลูกให้เจ้า เป็นอย่างไร?”ฉู่เชียนหลีโมโหแล้วด้วยนิสัยที่ยอมหนึ่งก้าว จะเอาสิบก้าวข
“เจ้า!”ฉู่เชียนหลีถูกความเฉยเมยของนางยั่วจนโมโหแล้ว ยิ่งคิดไม่ถึงว่าใต้ฟ้าจะมีแม่ที่ไร้ความรับผิดชอบเช่นนี้มันก็จริงฉู่เจียวเจียวกับเฟิงเจิ้งหลี ถ้าไม่เหมือนกันก็คงอยู่ด้วยกันไม่ได้ ไม่มีอะไรที่พวกเขาสองสามีภรรยาทำไม่ลงรอหลังจากลู่ฉินเติบโต รู้ว่าตัวเองมีแม่เช่นนี้ ไม่รู้ว่าจะเศร้าเพียงใด!“ฉู่เชียนหลี เฟิงเย่เสวียน พวกเจ้าเลิกพูดไร้สาระได้แล้ว รีบปล่อยตัวอ๋องหลี ความอดทนข้ามีขีดจำกัด!” ฉู่เจียวเจียวกล่าวอย่างเย็นชา“จะเอาชีวิตของลูกชาย หรือจะปล่อยคน พวกเจ้าเลือกเอง”อย่างไรนางก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้วไม่ดิ้นรน ตายสถานเดียวดิ้นรน เดิมพัน ยังมีโอกาสสายตาเฟิงเย่เสวียนเคร่งขรึมมาก หางตาเหลือบมองหานเฟิง หานเฟิงเข้าใจทันที เขาซ่อนมือไว้ที่หลัง และทำท่าสัญญาณมือไปที่ด้านหลังมือธนูเตรียมพร้อมจู่ๆ ฉู่เจียวเจียวก็กล่าวเสริมอีกประโยคอย่างเย็นชา “พวกเจ้าสามารถลองดูได้ ดูสิว่าการเคลื่อนไหวของพวกเจ้าไว หรือมีดที่อยู่ในมือข้าเร็ว”“ต่อให้ข้าตาย การฆ่าเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ยก็ใช้เวลาแค่พริบตาเดียว”ฉู่เชียนหลีสั่งให้มือธนูหยุดทันที “ปล่อยคน!”อย่าทำอะไรบุ่มบ่ามผู้หญิงคนนี้มันเป็นผู
พลันฉู่เชียนหลีแน่นหน้าอก“หยุดนะ…”“อย่าเข้ามา!”ฉู่เจียวเจียวถอยหลังสามก้าว มือซ้ายจับเด็ก มือขวาถือมีดสั้น มีดสั้นที่แวววาวจ่ออยู่บนผิวอันบอบบางของเด็ก กรีดจนรอยเลือดออกแล้วเลือดไหลออกมาแล้ว“จู่ๆ เจ้าก็มาเป็นห่วงข้า และยังพยายามอยากอุ้มลูกทุกวิถีทาง ข้าก็รู้แล้วว่าเจ้าไม่ได้มีเจตนาดี”นางยิ้มอย่างเย็นชา“เหอะ! ดูเหมือนฮ่องเต้ที่แกไม่ตายสักทีนั่นเป็นคนบอกเรื่องนี้กับเจ้าสินะ!”ไอ้แก่ เป็นอัมพาตเฉียบพลันยังไม่ยอมอยู่อย่างสงบเสงี่ยมอีกต่อให้รู้ความจริงแล้วอย่างไร?ชีวิตของเด็กคนนี้อยู่ในมือนาง“ฉู่เชียนหลีนะฉู่เชียนหลี เจ้าคิดอย่างไรก็คงคิดไม่ถึงกระมังว่า เจ้าเลี้ยงลูกสาวข้า ข้าเลี้ยงลูกชายเจ้า และก็ต้องขอบคุณลูกชายคนดีคนนี้ของเจ้า กลายเป็นตัวช่วยที่สำคัญของอ๋องหลี” นางเผยอมุมปาก รอยยิ้มนั้นน่ากลัวมากฉู่เชียนหลียืนตัวแข็งอยู่ตรงที่เดิม ไม่กล้าขยับ“เจ้าต้องการอะไร?”ฉู่เชียนหลีจ้องมีดสั้นในมือนาง กลัวว่านางจะพลั้งเผลอกรีดโดนคอของเด็กตั้งครรภ์สิบเดือนลูกชายเป็นก้อนเนื้อชิ้นหนึ่งที่ตกลงมาจากร่างกายนางนางไม่กล้าเดิมพัน และเดิมพันไม่ไหวฉู่เจียวเจียวกล่าว “ข้าต้องก
กลางดึกกำลังถึงช่วงที่คนเงียบสงบ คนกลุ่มหนึ่งวิ่งไปที่ตำหนักเจาหยางราวกับคลื่นยักษ์ ตอนที่ใกล้จะถึง ฉู่เชียนหลีตวาดสั่งให้พวกเขาหยุด“พวกเจ้าอยู่ห่างๆ อยากเข้าใกล้!”พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความเป็นห่วง “พระชายา พวกเราต้องไปเอาพระนัดดาองค์โตกลับมา นั่นเป็นเลือดเนื้อของท่านกับท่านอ๋องนะ”“ข้ารู้!”ก็เพราะรู้ จึงไม่ให้พวกเขาเข้าใกล้“ไปทำอะไรคนเยอะแยะ ถ้าหากบีบจนฉู่เจียวเจียวไม่มีทางเลือก นางทำอะไรขึ้นมา…”ฉู่เชียนหลีแทบจะเป็นบ้าแล้ว ร้อนรนเหมือนมดที่อยู่บนกระทะร้อน ทั้งร้อนใจทั้งไม่สบายใจ น้ำเสียงก็ค่อนข้างฉุนเฉียวไม่อยากพูดมาก วิ่งเข้าไปในตำหนักเจาหยางเพียงลำพัง คนอื่นรออยู่ที่ข้างนอก ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามภายในตำหนักฉู่เจียวเจียวกำลังกล่อมจื่อเยี่ย ฉู่เจียวเจียวมาแล้ว นางมองเด็กน้อยที่อ้วนสมบูรณ์ กล่าวโดยไม่เงยหน้า“พระชายาอ๋องเฉิน ลูกของข้าเพิ่งนอนหลับ ”โปรดให้อภัย ข้าอุ้มเขาไว้ ร่างกายหนัก ไม่สะดวกลุกขึ้นยืน สายตาฉู่เชียนหลีมองไปที่ตัวเด็กเด็กน้อยอ้วนสมบูรณ์ ใบหน้าจ้ำม่ำ คิ้วละเอียดอ่อน หน้าตาที่น่ารักน่าเอ็นดู คล้ายเฟิงเจิ้งเว่ยซีแปดส่วนเหตุใดเมื่อก่อนนางไม่สังเกต
อวิ๋นอิงถูกนางทำเอาตกใจจนหน้าซีด รีบถาม“พระชายา มีอะไรหรือ? เหตุใดกะทันหันเช่นนี้?”“รีบไป!”มือทั้งสองข้างของฉู่เชียนหลีเย็นเฉียบ เสียงนั้นเกือบจะคำรามออกมา แม้แต่คอก็กำลังสั่นสะเทือนคนข้างล่างไม่กล้ารอช้า รีบไปตามหาคนทันทีเฟิงเย่เสวียนประหม่า “เชียนหลี นี่เจ้าเป็นอะไร?”“ข้าอาจจะเข้าใจผิด อาจจะทำผิดพลาด ข้าอาจจะ…ข้า ข้า…” ฉู่เชียนหลีพูดวนไม่ปะติดปะต่อ พูดอยู่ดีๆ เบ้าตาก็แดงแล้วหัวใจเหมือนถูกแมวข่วน กระสับกระส่ายนางกุมเสื้อตรงหน้าอก หายใจอย่างอึดอัดขออย่าให้มันเป็นเรื่องจริง…ขออย่า…นางทรมานจังนางไม่ใช่แม่ที่ดี กลัวรู้ความจริง แต่ก็อยากรู้ความจริงหลังจากนั้นครึ่งชั่วยาม ผู้คนร้อยกว่าคนเข้าวังในคืนนั้น มีคนของจวนอ๋องเฉิน หมอ หมอตำแย ผู้ช่วยหมอ และยังมีองครักษ์ลับ ทหารยาม หมอหญิงเว่ยก็อยู่เมื่อหนึ่งเดือนกว่าก่อน ตอนที่ฉู่เชียนหลีคลอดลูก คนเหล่านี้อยู่ในเหตุการณ์ทุกคนเมื่อฉู่เชียนหลีเห็นพวกเขา รีบถามทันที“วันที่ข้าคลอดลูก เคยมีคนแปลกหน้ามาหรือไม่?”ทุกคนหันมองกันและกัน ล้วนส่ายศีรษะ“พระชายา เรื่องสำคัญอย่างท่านคลอดลูก พวกเราจับตาดูอย่างเข้มงวด ในจวนมีแต่คนข
นางกำนัลรีบนำพู่กันมาฉู่เชียนหลีเอาพู่กันจุ่มน้ำหมึก แล้วใส่ในมือฮ่องเต้ร่างกายของฮ่องเต้เป็นอัมพาต ไม่ควบคุมมือไม่ได้ ไม่สามารถจับพู่กันด้วยซ้ำ ปากของเขาเบี้ยว ใช้แรงทั้งหมดหนีบด้ามพู่กันด้วยนิ้วชี้กับนิ้วกลาง อาศัยแรงกระตุกของร่างกาย ลงพู่กันบนกระดาษอย่างเบี้ยวไปเบี้ยวมาเพียงไม่กี่ขีด เขียนอย่างยากลำบาก บนหน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อแนวเฉียง…แนวตั้ง…สองคำ ทั้งหมดสี่ขีดเขียนเสร็จ พู่กันก็ร่วงตกบนพื้น เขาเหนื่อยจนหอบบนเตียง ขยับไม่ได้อีกแล้ว“ลูกชาย…” อวิ๋นอิงอุทานเบาๆ “คนที่ฝ่าบาทคิดถึงคือลูกชาย?”ฉู่เชียนหลีถือกระดาษ แม้สองคำนี้เขียนได้คดเคี้ยวมาก แต่เนื่องจากลายเส้นเรียบง่าย จึงมองออกในปราดเดียวว่ามันคือคำว่า ‘ลูกชาย’นี่เขาอยากบอกอะไรนาง?“หรือเป็นอ๋องหลี?” อวิ๋นอิงคาดเดาฉู่เชียนหลีส่ายศีรษะโดยไม่ต้องคิด“อ๋องหลีวางยาพิษเขา กบฏวังชิงราชบัลลังก์ มีความทะเยอทะยาน ฝ่าบาทไม่มีทางคิดถึงอ๋องหลี”นางกล่าววิเคราะห์“ส่วนอ๋องหลีหลังจากขึ้นบัลลังก์ ไม่ฆ่าผู้บริสุทธิ์ องค์ชายท่านอื่นอยู่อย่างสงบเสงี่ยมเหมือนเมื่อก่อน ไม่มีอันตราย ฮ่องเต้ก็ไม่มีทางคิดถึงองค์ชายท่านอื่น”อวิ๋