ทุกคนส่งเสียงฮือฮาอย่างคึกคัก บางคนอยากเห็นเจ้าสาว บางคนอยากจุดประทัด บางคนอยากตะโกน เจ้าคำ ข้าคำวุ่นวายไปหมด สายตาของเฟิงเจิ้งหลีกลับหยุดอยู่ที่ตัวฉู่เชียนหลีดวงตาที่อ่อนโยนในอดีตคู่นั้น ในวันนี้ ภายใต้การหนุนเสริมของชุดมงคลสีแดงขนาดใหญ่ เวลานี้ หยุดนิ่งอยู่บนร่างกายฉู่เชียนหลี ราวกับมีความหมายลึกซึ้งที่คลุมเครือแฝงอยู่… หลังจากนั้นสองนาทีฉู่เชียนหลีที่อยู่ในฝูงชนราวกับรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง เงยหน้าหันไปมองก็เห็นเจ้าบ่าวพลิกตัวลงจากม้า เดินไปทางเกี้ยว รับเจ้าสาวออกมามองซ้ายมองขวา ทุกคนต่างกำลังส่งเสียงฮือฮาอย่างคึกคักเมื่อครู่ใครจ้องนาง?หรือนางคิดไปเอง?รับเจ้าสาวเข้าประตูไหว้ฟ้าดินพิธีเสร็จสิ้น…หลังจากเสร็จสิ้นพิธีแต่ละขั้นตอน เจ้าสาวถูกประคองเข้าห้องหอ บรรดาแขกถือจอกเหล้ากรูกันเข้าไป“ขอแสดงความยินดีกับอ๋องหลี!”“ยินดีด้วย ยินดีด้วย!”“ขอน้อมแสดงความยินดีกับอ๋องหลี พระชายาอ๋องหลี รักกันตลอดไป มีลูกในเร็ววัน…”แม้อ๋องหลีไม่ได้รับความโปรดปราน แต่พิธีแต่งงานของเขาจัดอย่างเคร่งครัดตามกฎขององค์ชาย และช่วงก่อน เขายังตามอ๋องเฉินไปลาดตระเวนทางใต้ด้วยแม้ตอนนี้เขาไม่
“ทั่วหล้า เจ้าไม่เชื่อใครก็ได้ แต่สิ่งที่ไม่ควรสงสัยมากที่สุดก็คือความรู้สึกที่ข้ามีต่อเจ้า!”หานมู่ซีเดินพุ่งพรวดเข้าไป ยัดปิ่นปักผมที่แกะสลักเป็นรูปปลาใส่มือนาง“ตั้งแต่เล็กจนโต เจ้าชอบกินปลาที่สุด แม้เป็นลายปักบนเสื้อผ้า รูปบนรองเท้า หรือแม้แต่ปิ่นปักผม เจ้าก็ชอบปลาน้อย”“เจ้าบอกว่าปลาน้อยอยู่ในน้ำมันเป็นอิสระ ไม่มีข้อผูกมัดใดๆ เป็นสิ่งที่เจ้าชอบที่สุด!”สิ่งที่นางเคยพูด เขาจำได้ทั้งหมดความชอบของนาง เขารู้ทุกอย่างเขารักนางมากจริงๆ!ไม่ไกลออกไป เซียวจือฮว่าซ่อนอยู่ตรงนั้น เก็บภาพทุกอย่างเข้าไปในดวงตา…ฉู่เชียนหลีสะบัดปิ่นออก “หากเจ้าชอบข้า ก็อย่ามารบกวนข้าอีก การปรากฏตัวของเจ้ามีแต่จะทำให้ข้าลำบาก!”“เจ้ากำลังพูดเพราะโกรธ” หานมู่ซีมองนาง “คำพูดใดของเจ้าเป็นของจริง คำพูดใดของเจ้าเป็นของปลอม มีหรือที่ข้ายังจะไม่รู้? เจ้าวางใจได้ ข้าจะพยายามปีนขึ้นไปให้สูง แต่งเจ้าเป็นภรรยาในวันข้างหน้า”“...”ประสาท!ฉู่เชียนหลีด่าทอก็ไม่ยอมไป จะตีก็ลงมือไม่ได้ ผู้ชายหน้าด้านเหมือนแมลงวัน บินไปบินมาส่งเสียงหึ่งๆ อยู่ข้างหู น่ารำคาญมากทันใดนั้น เสียงตะคอกสายหนึ่งดังขึ้นกลางอากาศ“พวกเจ้
บนชั้นสองของเรือนที่งามเรียบง่าย ที่นี่เป็นที่ตั้งของเรือนหอนางอันมาอยู่กับลูกสาว กระทั่งก่อนเข้าหอจึงจะสามารถไปจากที่นี่ มองจากชั้นสองที่อยู่เบื้องสูงลงไป ที่จริง ก่อนหน้านี้นางเห็นเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดหานมู่ซีเป็นฝ่ายเข้าหาฉู่เชียนหลีฉู่เชียนหลีต่อต้านมาโดยตลอด เป็นหานมู่ซีที่พยายามเข้าไปเกาะแกะเหมือนปลิงดูดเลือดมองดูคนกลุ่มใหญ่กำลังมุ่งดูที่ไม่ไกลออกไปนัก นางขมวดคิ้ว จะลุกขึ้นทันที“ท่านแม่ อย่าไป!”ฉู่เจียวเจียวที่สวมชุดแต่งงานคว้ามือนางอันไว้ พลันดึงนางกลับมา สั่งให้หมอมอแก่สองคนออกจากห้อง จึงจะกล่าว“ข้ารู้ว่าท่านอยากไปทำอะไร แต่จับชู้ต้องจับเป็นคู่ อ๋องเฉินเห็นกับตาตัวเอง ท่านคิดว่าอ๋องเฉินจะยอมฟังคำพูดของท่านหรือ?”“ทั่วหล้า มีผู้ชายคนไหนบ้างที่สามารถอดทนต่อความอัปยศเช่นนี้?”หากเป็นนาง จะหย่าฉู่เชียนหลีทันทีแน่นอนยิ่งกว่านั้นเป็นอ๋องเฉิน?ฉู่เชียนหลีถูกหย่าแน่!นางอันมองออกไปข้างนอก อยู่ห่างกันพอสมควร จึงฟังไม่ชัดว่าคนเหล่านั้นกำลังพูดอะไร “ข้าไปช่วยนางอธิบายสักสองคำ ฉู่เชียนหลีเป็นพระชายาอ๋องเฉิน บางทีในวันข้างหน้าอาจสามารถช่วยเจ้า…”“นางเป็นแค่คนไม่รู้จั
หานเฟิงออกโรงเอง เขาจับหานมู่ซี “คุณชายหาน ล่วงเกินแล้ว!”ทุกคนตกใจจะโบยจริงหรือ?ไม่ใช่กระมัง!บิดาของหานมู่ซีมาอย่างเร่งรีบ ได้ยินคำพูดของอ๋องเฉิน เขาตกใจมาก ทั้งคำนับทั้งโขกศีรษะ และขอความเมตตา“อ๋องเฉินโปรดใจเย็น! เจ้าลูกสุนัขเขาไม่มีเจตนาล่วงเกินพระชายาอ๋องเฉินขอรับ!”หานเฟิงได้ยินแล้ว ถามกลับอย่างเย็นชา “ฮืม? ไม่มีเจตนา? ความหมายของใต้เท้าหานคือพระชายาไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจ เป็นฝ่ายล่อลวงคุณชายหานอย่างนั้นหรือ?”“ข้า…”บิดาของหานมู่ซีชะงักทันที ไม่กล้าพูดอีกหานเฟิงจับหานมู่ซีที่พยายามดิ้นรนมือไขว้หลังออกไป ที่เกิดเหตุ ทุกคนหันไปมองหน้ากัน ไม่มีใครกล้าพูดอะไรมาก และยิ่งไม่กล้าคาดเดาความหมายของอ๋องเฉินส่งเดชฉู่เชียนหลีสะบัดมือเฟิงเย่เสวียนออก พลางนวดข้อมืออย่างเกียจคร้าน พลางถอนหายใจกล่าวอย่างใจเย็น“เฮ้อ สังคมเสื่อมโทรมลงทุกวัน ทุกคนช่างตาบอดจริงๆ ทองคำที่ส่องประกายวิบวับไม่เอา กลับชอบเก็บของเก่า คนคนนี้น่าจะเป็นพวกหน้าโง่กระมัง”มือเท้าเอว แกว่งเท้าเล็ก เดินจากไปอย่างสบายใจแล้วทุกคน “...”คำพูดนี้กำลังด่าพวกเขาไม่ใช่หรือ?แต่เมื่อลองคิดดีๆ ก็มีเหตุผลนะ!หากพวก
ภายในห้องหอ ได้รับการประดับประดาจนกลายเป็นสีแดงทั้งห้อง เหมาะแก่การยินดีเป็นพิเศษตามกฎแล้ว ผู้หญิงออกเรือน มารดาห้ามตามมาด้วย แต่ฉู่เจียวเจียวอาศัยเรื่องนี้ หยั่งเชิงความรักที่อ๋องหลีมีต่อนาง อ๋องหลีตอบตกลงให้นางอันมาอยู่ด้วยอ๋องหลีตามใจนาง เท่ากับอ๋องหลีรักนางนางอันอยู่กับลูกสาว สอนขั้นตอนและกฎเกณฑ์ของคืนเข้าหอ เมื่อพูดถึงเรื่องบางเรื่อง ฉู่เจียวเจียวยังเขินอายจนหน้าแดง…ก๊อกๆ… นอกประตู เสียงที่นอบน้อมดังขึ้น“ฮูหยินอัน เกือบจะได้เวลาแล้ว ท่านควรไปแล้ว”ฉู่เจียวเจียวจะต้องเผชิญหน้าอ๋องหลีคนเดียวแล้ว คิดแล้วก็เขินอายจริงๆนางอันตบหลังมือนาง ลุกขึ้นยืน “เจียวเจียว จำคำพูดที่แม่พูดกับเจ้าเมื่อครู่ให้ดี ไม่ต้องกลัว อ๋องหลีมีเจ้าแค่คนเดียว เขาจะโปรดปรานเจ้าคนเดียว ข้าจะไปดูว่าทางฉู่เชียนหลีเป็นอย่างไรบ้างแล้ว”ปัจจุบัน อ๋องหลีลาดตระเวนทางใต้ ได้รับการยอมรับจากฮ่องเต้ เพิ่งได้แสดงความสามารถเชื่อว่าด้วยความสามารถของอ๋องหลี จะต้องโดดเด่นท่ามกลางเหล่าองค์ชายแน่นอนฉู่เจียวเจียววางสองมือทับกันบนหัวเข่า นั่งตัวตรงอย่างสง่างาม ใช้สายตาส่งนางอันออกไป“ท่านแม่ ท่านไปดูสภาพที่น่าเ
จบสิ้นแล้ว!สมองของฉู่เจียวเจียวว่างเปล่าไปชั่วพริบตา : มีผู้ชายแปลกหน้าปรากฏตัวในห้องพระชายาอ๋องหลี แม้จะไม่ได้เกิดอะไรขึ้น แต่มีคนมากมายเช่นนี้ดูอยู่ เมื่อเรื่องนี้เผยแพร่ออกไป ชื่อเสียงป่นปี้!ผู้หญิงเมื่อชื่อเสียงเสื่อมเสีย ไม่ต่างอะไรกับตาย!นางเพิ่งแต่งกับอ๋องหลี ยังไม่ได้เสพสุขแม้แต่วันเดียว นางจะจบสิ้นเช่นนี้ไม่ได้เด็ดขาด!ฉู่เจียวเจียวกำเสื้อผ้าที่หน้าอก พุ่งพรวดเข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้าอ๋องหลี กล่าวอธิบาย“อ๋องหลี ข้าไม่รู้จักผู้ชายคนนี้ จู่ๆ เขาก็เข้ามาในห้องหอ เจตนามิดีมิร้าย โชคดีที่ข้าโยนแจกันแตก ไล่เขาออกไป!”ชุดแต่งงานบนร่างกายนางยังอยู่ในสภาพที่เรียบร้อยดี ไม่มีกระดุมหลุดแม้แต่หนึ่งเม็ด นี่คือเครื่องพิสูจน์ที่ดีที่สุดนางบริสุทธิ์!ชายหนุ่มที่ล้มอยู่ตรงโถงทางเดิน เขากุมข้อมือที่มีเลือดไหลทะลักอย่างเจ็บปวด กล่าวเสียงแหบ“ท่านอ๋อง พระชายาเป็นคนส่งแถบกระดาษให้ข้า สั่งให้ข้ามาห้องหอขอรับ ไม่เช่นนั้น ต่อให้ข้ามีความกล้ามากเพียงใด ข้าก็ไม่กล้าคิดเกินเลยต่อพระชายาแม้แต่น้อย!”เขาหอบหายใจไปพลาง หยิบกระดาษที่ถูกพับไว้หนึ่งแผ่นออกจากหน้าอกไปพลางสีหน้าเฟิงเจิ้งหลีมืดมน ริ
สองแม่ลูกออกคำสั่งฉู่เชียนหลีอย่างชอบธรรม ท่าทางที่มันควรจะเป็นเช่นนี้ เหมือนกำลังออกคำสั่งทาสรับใช้ที่ซื้อมาด้วยเงินฉู่เชียนหลีกลับยิ้มแล้วตกลงใครขอร้องใครกันแน่?ยังมองสถานการณ์ไม่ออกอีกหรือ?นางเผยอมุมปากขึ้นอย่างเย็นชา ฝ่ามือจับแขนนางอันไว้ โน้มตัวอย่างใจเย็น น้ำเสียงที่เบาแต่แปลกประหลาดดังขึ้นข้างหูนางอัน “นี่คือท่าทีของการขอร้องหรือ?”ร่างนางอันสั่นสะท้าน เงยหน้าอย่างตะลึงงัน มองใบหน้าที่ใกล้เพียงแค่เอื้อมและอัปลักษณ์นี้ไม่อยากเชื่อว่าคำพูดนี้ออกมาจากปากของฉู่เชียนหลีวินาทีต่อมา ดวงตาทั้งคู่แดงก่ำ น้ำตาทะลักออกมาเหมือนน้ำพุ“ฉู่เชียนหลี จิตใจเจ้าอำมหิตนัก นี่เจ้ากำลังจะบอกว่าจะทิ้งพี่สาวโดยไม่สนใจหรือ? เกิดเป็นคนจะเนรคุณคนเช่นนี้ไม่ได้ นึกถึงปีนั้น ตอนที่ข้าตั้งครรภ์เจ้า ในฤดูหนาว…”“ในฤดูหนาว ท่านไปซักเสื้อผ้าที่บ่อน้ำ กินข้าวบูดอาหารบูด ถูกฮูหยินหาเรื่อง สู้ชีวิตเพื่อข้า จนเป็นป่วยโรค ข้าดื่มเลือดของท่านโต หากข้าไม่เชื่อฟัง ก็คือคนเนรคุณ”ฉู่เชียนหลีขัดคำพูดของนาง ยิ่งกว่านั้นอย่างท่องออกมาอย่างชำนาญนางอันชะงักไปครู่หนึ่งทั้งๆ ที่เป็นคำพูดสำหรับขอความดีความช
สีหน้าชายหนุ่มซีดขาวราวกับกระดาษ “ข้า ข้าไม่อยากตาย…พระชายาสั่งให้ข้ามาห้องหอจริงๆ ข้าไม่ได้โกหก พระชายาเป็นคน…อ้า!” ฉู่เชียนหลีตบไหล่ชายหนุ่มคนนั้น“จ้องไว้!”พลันเสียงตวาดเบาๆ ทำเอาชายหนุ่มมองไปที่นาฬิกาพกโดยไม่รู้ตัวนาฬิกาพกแกว่งซ้ายแกว่งขวา สายตาของเขามองตามอย่างควบคุมไม่ได้ เมื่อเวลาค่อยๆ ผ่านไป เขารู้สึกวิงเวียน เหมือนตกเข้าไปในวังวนขนาดใหญ่อยากดิ้นรน แต่กลับไม่มีแรงอยากตะโกนสุดเสียง แต่กลับอ้าปากไม่ได้สติของเขาค่อยๆ เลือนราง…ทุกคนมองดูภาพนี้ด้วยความอยากรู้อยากเห็น สีหน้าของแต่ละคนแปลกใหม่ โตจนป่านนี้แล้วไม่เคยเห็นเรื่องที่แปลกประหลาดเช่นนี้มาก่อนนี่กำลังทำอะไร?มีประโยชน์อะไร?ฉู่เชียนหลีพลางแกว่งนาฬิกาพก พลางพูดชี้นำเสียงเบา “ผ่อนคลาย ผ่อนคลาย ตอนนี้เจ้าอยู่บนทุ่งหญ้าผืนใหญ่แล้ว แสงแดดอบอุ่น ม้ายกกลีบเท้า เจ้าเพลิดเพลินกับการวิ่งไปอย่างอิสระของม้ามาก…”มองดูสายตาของชายหนุ่มค่อยๆ หย่อนยาน เริ่มเหม่อลอยเกือบพอประมาณแล้วพลันนางจับนาฬิกาพก เปลี่ยนประเด็นกะทันหัน “มีคนสั่งให้เจ้ามาห้องหอของอ๋องหลีใช่หรือไม่?”ใบหน้าของเขางงงวย ศีรษะโยกเยกเบาๆ เหมือนศพเดินได้ท
อันธพาลเจ็บจนกรีดร้องเหมือนหมูโดนเชือด “อ๊ะๆ!”ยังไม่ทันได้พักหายใจ ก็โดนถีบจนไปกลิ้งอยู่บนพื้น รองเท้าปักลายดอกไม้เหยียบลงบนหน้าอก หนักจนทำให้เขาหายใจไม่ออก กระอักเลือดออกมา“พู่!”เขากอดต้นขาของอวิ๋นอิง อยากดิ้นให้หลุด แต่หาของอวิ๋นอิงกดทับอยู่บนร่างกายของเขาเหมือนเหล็กกล้า และเขาก็เหมือนกับปลาตัวหนึ่งที่ถูกตอกตะปูอยู่บนเขียง พยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แต่ก็ดิ้นไม่หลุดเจอผีแล้ว!ทั้งที่นางผอมเช่นนี้ เหตุใดจึงมีแรงมากเช่นนี้?ผู้หญิงคนนี้ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือ?ชาวบ้านก็ตะลึงเช่นกันอวิ๋นอิงอุ้มลูกสาวไว้ด้วยมือข้างเดียว ค่อยๆ ก้มลง ยกฝ่ามืออีกข้าง เหวี่ยงไปที่ใบหน้าของอันธพาลโดยตรง“ข้าสั่งให้เจ้าเก็บ”เพียะ!“ไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ?”เพียะ!“หูหนวกหรือ?”เพียะ!หนึ่งประโยค หนึ่งฝ่ามือ ตบจนอันธพาลหันซ้ายหันขวา มุมปากแตกมีเลือดไหล หูอื้อ สะบักสะบอมเหมือนสุนัขจรจัดตัวหนึ่ง ไม่หลงเหลือความฮึกเหิมของก่อนหน้านี้เลย“ลูกพี่!”ลิ่วล้อสามคนคว้าโต๊ะเก้าอี้และท่อนไม้ที่อยู่ข้างๆ ฟาดไปทางอวิ๋นอิงอย่างแรงอวิ๋นอิงกระโดนหมุนตัวเตะพวกเขาสามคนจนลอยกระเด็นออกไปไกลเจ็ดแปดเมตร โดยไม่หั
ตงหลิงเจียงหนาน ทำเนียบสามเดือนที่พระชายาจากไป อ๋องเฉินเอาแต่เก็บตัว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลก หานเฟิงต้องรับผิดชอบงานแทนทุกอย่าง เมื่อนานวันเข้า โลกภายนอกต่างกำลังคาดเดา จิตใจของอ๋องเฉินได้รับกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ล้มแล้วลุกไม่ขึ้น เกรงว่าเหลือเวลาอีกไม่นานแล้วช่วงนี้ ในที่สุดอาการบาดเจ็บของจิ่งอี้ก็ดีขึ้นแล้วอาการบาดเจ็บทางกระดูกหรือเส้นเอ็น ต้องรักษาอย่างน้อยหนึ่งร้อยวันในที่สุดกระดูกซี่โครงที่หักสองซี่ก็หายดีแล้ว สามารถขี่ม้าได้แล้ว ตอนนั้นเขาบอกว่าจะนำทัพกลับแคว้นซีอวี้ทันทีแต่ก่อนไป เขาถามเหมือนไม่ใส่ใจ“เหตุใดไม่เจอแม่นางอวิ๋นอิงเลย?”จ้านหูจริงจังขึ้นมาทันที เขาตอบ“องค์ชายใหญ่ ข้าจะส่งคนไปสืบเดี๋ยวนี้!”“ไม่ต้อง”หลังจากปฏิเสธอย่างเฉยเมย ปีนขึ้นหลังม้า ขี่ออกไปคนเดียวแล้วจ้านหู “?”หมายความว่าอย่างไร?ตอนที่องค์ชายใหญ่หมดสติ แม้อวิ๋นอิงบอกว่าไม่สนใจ แต่แอบมาเยี่ยมองค์ชายใหญ่ตอนดึกดื่นเวลาที่ไม่มีคนองค์ชายใหญ่ก็อีกคน ทั้งที่คิดถึงอวิ๋นอิง แต่ไม่ยอมรับในใจของพวกเขาสองคนล้วนมีอีกฝ่าย ลูกสาวก็อายุเกือบครึ่งขวบแล้ว เหตุใดไม่ลองเปิดใจสักนิดแล้วอยู่ด้วยกันเลย
คืนแรกที่มาถึงต่างโลก ฉู่เชียนหลีฝันในความฝัน นางอยู่บนสนามรบ สู้จนตัวตาย เลือดไหลเป็นแม่น้ำ น่าสลดใจนัก…ในความฝัน นางได้ต่อสู้ร่วมกับชายคนหนึ่งที่มองไม่เห็นใบหน้า ร่วมเป็นร่วมตาย และยังมีเสียงที่นุ่มนิ่มของเด็ก เรียก ‘ท่านแม่’ ครั้งแล้วครั้งเล่าในความฝัน ราวกับนางได้รับความอยุติธรรมครั้งใหญ่ หัวใจเจ็บปวด และพยายามอธิบายสุดชีวิต แต่พวกคนที่เรียกตัวเองว่า ‘ครอบครัว’ ไม่เชื่อนาง และยังบีบคั้นนางสู่เส้นทางที่สิ้นหวังในความฝัน…มีคนกำลังเรียกนาง‘เชียนหลี…เชียนหลี…’ฉึก!ฉู่เชียนหลีลืมตาฉับพลัน ท้องฟ้าข้างนอกสว่างแล้ว แสงแดดอุ่นๆ ยามเช้าสาดส่องเข้ามา สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของอากาศ สงบมากนางรู้สึกเวียนศีรษะ และแน่นหน้าอกราวกับนางอยู่ในความฝันอันยาวนานจริงๆนางได้รับความอยุติธรรมนางถูกคนในครอบครัวฆ่าตายแต่เหตุใดนางจำผู้ชายที่เรียกนาง และภาพที่เรียกนางว่า ‘ท่านแม่’ ไม่ได้เลย“องค์หญิง ท่านตื่นแล้ว”เมื่ออ้ายอ้ายได้ยินเสียง ถือกะละมังน้ำอุ่นกับเครื่องใช้เข้ามาปรนนิบัติฉู่เชียนหลีนวดขมับ อยู่ในอาการเหม่อลอย แขนขาอ่อนแรง ไม่มีแรงขยับ ดึงผ้าห่มออก ลงจากเตียง สวมรองเท้
สาวใช้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็รีบฝนหมึกอย่างเชื่อฟังมองดูองค์หญิงรีบหยิบพู่กัน เขียนอะไรบางอย่าง ท่าทางที่รีบร้อนนั่น เมื่อก่อนเวลาที่นังเป็นห่วงคุณชายเซิ่น ยังไม่รีบร้อนเช่นนี้เลยองค์หญิงกระโดดสระน้ำ หมดสติไปสามวัน หลังจากฟื้น ก็เปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย?นิสัยเปลี่ยนไปน้ำเสียงเปลี่ยนไปแต่เมื่อลองตั้งใจมอง องค์หญิงยังคงเป็นองค์หญิง ยังคงเป็นใบหน้าที่คุ้นเคยฉู่เชียนหลีเขียนอย่างรวดเร็ว…อ๋องเฉินเป็นอย่างไรบ้าง ข้าอยู่แคว้นหนานยวน…พลางเขียน พลางกล่าวอย่างรีบร้อน “รีบไปหาคน ช่วยข้าส่งจดหมายฉบับนี้ไปให้อ๋องเฉินที่ตงหลิงเจียงหนาน”นางอยากบอกความจริงกับเฟิงเย่เสวียน ต่อให้ตนลืมแล้ว แต่เฟิงเย่เสวียนจำนางได้เขาจะต้องมาหานางแน่นอนไม่ช้าก็เร็วสักวัน พวกเขาครอบครัวสี่คนจะอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา“อ๋องเฉินแห่งตงหลิงเจียงหนาน?”สาวใช้เกาศีรษะด้วยความสงสัย “องค์หญิง ท่านส่งจดหมายให้อ๋องเฉินทำไม? ท่านรู้จักอ๋องเฉินตั้งแต่เมื่อไร?”ฉู่เชียนหลีรีบกล่าว“อธิบายกับเจ้าไม่ได้ แต่ความสัมพันธ์ของข้ากับอ๋องเฉินไม่ธรรมดา…อ๋องเฉิน? อ๋องเฉินตงหลิง?”เงยหน้าฉับพลัน“ข้ารู้จักอ๋องเฉ
ทุกคน “...”สีหน้าฮ่องเต้หนานยวนดูไม่ดีนัก เซิ่ยซือเฉินเป็นแค่บัณฑิตคนหนึ่ง เพื่อบัณฑิตคนหนึ่ง ต้องทุ่มสุดตัวเช่นนี้เลย ต้องตื่นเต้นเช่นนี้เลย?ในฐานะองค์หญิง ไม่ควรมองให้ไกลกว่านี้หน่อยหรือ?เพื่อป้องกันจวินลั่วยวนทำร้ายตัวเอง เขาออกคำสั่ง มัดมือและเท้าของนางโดยตรงจวินลั่วยวนขยับไม่ได้แล้วเห็นท่าทางที่จะยิ้มไม่ยิ้มของฉู่เชียนหลี และยังเลิกคิ้วอย่างยั่วยุ นางโมโหจนแทบกัดลิ้นฆ่าตัวตายหลังจากเหตุการณ์ที่วุ่นวาย ไปจากตำหนักองค์หญิงฉู่เชียนหลีกับหลิงอี้ซิงเดินเคียงข้างกันจากไป เมื่ออารมณ์ดี จังหวะการเดินก็ผ่อนคลายเป็นพิเศษ อดไม่ได้ที่จะฮัมเพลงเบาๆฮัมไปฮัมมา จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าหลิงอี้ซิงเป็นผู้มีจิตใจเมตตา อุทิศตนให้กับความดีและคุณธรรมหยุดฝีเท้าหันไปถาม “ท่านพี่ ท่านน่าจะเห็นกระมัง ว่าข้าจงใจรังแกจวินลั่วยวน?”หลิงอี้ซิงเดินตามปกติ สายตามองไปข้างหน้า พยักหน้าอย่างเกียจคร้าน ตอบสั้นๆ เพียงคำเดียว“อืม”“ท่านไม่รู้สึกว่าข้านิสัยไม่ดีหรือ?”เขาหยุดเดินหันมามองนาง กล่าวอย่างจริงจัง “ที่เจ้ารังแกนาง นั่นก็ต้องเป็นเพราะนางล่วงเกินเจ้าก่อนแน่นอน ล้วนเป็นความผิดของนาง”เขาไ
“ยวนเอ๋อร์! ยวนเอ๋อร์!” ฮ่องเต้หนานยวนร้อนใจจนหน้าถอดสี “ใครก็ได้ ใครก็ได้รีบมาเร็ว ยวนเอ๋อร์เสียเลือดมากเกินไป หมดสติไปแล้ว!”จวินลั่วยวนที่ ‘เสียเลือดมากเกินไปจนหมดสติ’ “...”เจ้าน่ะสิที่เสียเลือดมากเกินไปเจ้าเสียเลือดมากเกินไปทั้งครอบครัว!หมอหลวงมาอย่างรวดเร็ว หลังจากทำแผลให้จวินลั่วยวนเสร็จ ถอนหายใจด้วยความกังวล “สามเดือนแล้ว ในที่สุดเอ็นขององค์หญิงก็เชื่อมต่อกัน คิดไม่ถึงว่าขาดอีกแล้ว ความพยายามในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาล้วนสูญเปล่า” ต่อจากนี้ก็ต้องใช้เวลาอีกสามเดือน เปิดบาดแผล บำรุงเอ็นทุกวันเมื่อฉู่เชียนหลีได้ยินคำนี้ เบ้าตาแดงฉับพลัน“ล้วนเป็นความผิดของข้า…”นางดึงชายเสื้อของหลิงอี้ซิง กล่าวเสียงสะอึก“ท่านพี่ ข้ามันไม่ดี ต้องเป็นเพราะเรื่องของคุณชายเซิ่นแน่ องค์โกรธข้า ไม่ชอบข้า จึงฟาดมือของตัวเองใส่เสา เพื่อเป็นการแสดงความรังเกียจต่อข้า”“ข้าทำร้ายนาง ฮือๆ…”หลิงอี้ซิงรักน้องสาว ทุกคนในแคว้นหนานยวนรู้เรื่องนี้แล้วฮ่องเต้หนานยวนกล่าวโทษนางได้อย่างไร?กลับกัน เขายังต้องขอร้องหลิงอี้ซิงทักษะการทำนายของหลิงอี้ซิงมีเพียงหนึ่งเดียวในใต้ฟ้า ตลอดหลายปีที่เขานั่งตำแหน
ระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน นางค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้เตียง จวินลั่วยวนนอนหลับแล้ว ไม่ได้เคลื่อนไหวเป็นเวลานาน หน้าซีดซูบผอม เหลือแต่หนังหุ้มกระดูกฉู่เชียนหลีเหลือบมองแวบหนึ่ง“เหตุใดข้อมือของนางยังมีเลือด?”สามเดือนแล้ว แผลยังไม่หาย?นางกำนัลที่อยู่ข้างๆ ตอบ“หมอหลวงบอกว่า จะใช้ยาพิเศษรักษาเอ็นมือและเท้าที่ขาดขององค์หญิง จำเป็นต้องเปิดแผล ขยับเอ็นที่ขาดไปรวมกันทุกวัน จนกระทั่งเชื่อมต่อกัน”“ฮืม?”ฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วด้วยความสนใจเช่นนี้ก็เท่ากับว่า จวินลั่วยวนต้องทนกับความเจ็บปวดที่ใช้มีดเปิดปากแผลทุกวันติดต่อกันสามเดือนเต็มๆ น่าสังเวชน่าจะเจ็บมากกระมัง?นางค่อยๆ นั่งลง จับข้อมือของจวินลั่วยวนเบาๆ มองผ้าพันแผลที่ถูกพันห้าหกรอบอย่างครุ่นคิดทันใดนั้นออกแรงกดที่นิ้ว“ซี้ด…!”จวินลั่วยวนเจ็บจนตื่น ลืมตาทันทีฉู่เชียนหลีรีบปล่อยมือ “โอ๊ย…ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจแตะตัวท่าน ดูท่านเจ็บมากเลยนะ ขอโทษจริงๆ”“!”หลินเหยี่ยมาอยู่ในตำหนักของนางได้อย่างไร?นางรังเกียจผู้หญิงคนนี้ที่สุด!อาศัยที่พี่ชายของตัวเองเป็นราชครู แสร้งทำเป็นช่วยเหลือชาวบ้าน ทำแต่ความดีทุกวัน มีแต่คนบอกว่าองค์หญ
เซิ่นสือเฉิน “?”เหตุใดวันนี้รู้สึกว่าหลิงเหยี่ยแปลกๆ?เมื่อก่อนนางชอบเขามากเลยไม่ใช่หรือ? เวลาที่เขาอ่านหนังสือ นางชอบมาอยู่ข้างๆ ฝนหมึกพัดลมให้เขา เวลาที่เขาเขียนหนังสือ นางชอบแอบที่นอกหน้าต่าง จับจิ้งหรีดเล่น เวลาที่เขางีบหลับ นางมักจะชงชาหิมะชั้นดีมาให้เขานางยังบอกว่าจะแต่งงานกับเขาคนเดียวเหตุใดแค่วันเดียว ก็ปล่อยวางได้แล้ว?“องค์หญิงหลิง ข้าขอโทษ” เขากล่าวอย่างรู้สึกผิดที่จริงเขาก็ชอบหลิงเหยี่ยเช่นกัน แต่องค์หญิงยวนบอกเขาว่าหลิงเหยี่ยนิสัยไม่ดี ชอบรังแกคนรับใช้ หาเรื่องชาวบ้าน ใส่ร้ายโยนความผิดให้ผู้อื่นด้วยวิธีที่น่ารังเกียจ และทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายเขาเป็นคนเรียนหนังสือ นิสัยซื่อตรง ไม่สามารถยอมรับคนที่จิตใจอำมหิตอย่างหลิงเหยี่ยเมื่อเปรียบเทียบกัน เขาชอบจวินลั่วยวนที่ไร้เดียงสา จิตใจดี และร่าเริงมากกว่า“เมื่อก่อนท่านส่งข้าเรียนหนังสือ ช่วยข้าหาอาจารย์ ใช้เส้นสาย ทำให้ข้าสอบติดขุนนาง…บุญคุณส่วนนี้ ข้า ข้าทำได้เพียงตอบแทนท่านชาติหน้าแล้ว…”ฉู่เชียนหลียิ้มอย่างอ่อนโยน“ไม่เป็นไร แค่เรื่องเล็กน้อย”“ได้ยินมาว่าองค์หญิงยวนได้รับบาดเจ็บ พวกเราเข้าวังไปดูนางกันเ
องค์หญิง?คุณชายเซิ่น?ฉู่เชียนหลีไม่ได้รับความทรงจำใดๆ เพิ่งมาที่นี่ครั้งแรก สับสนและงงงวยเล็กน้อยยังไม่ทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีเสียงฝีเท้าที่ยุ่งเหยิงและเสียงต่อต้านดังมาจากนอกประตู “ใต้เท้าหลิง! ใต้เท้าหลิง ต่อให้ท่านบีบคั้นข้าจนตาย ข้าก็ไม่แต่งงานกับนาง!”“ตั้งแต่ต้นจนจบ ในใจข้ามีเพียงองค์หญิงยวนเอ๋อร์เท่านั้น!”ยวนเอ๋อร์?องค์หญิง?ฉู่เชียนหลีเงยหน้ามองไป เห็นชายหนุ่มสวมชุดเพ้าสีขาวและที่ครอบผมหยก กำลังลากผู้ชายที่ท่าทางสุภาพเหมือนคนเรียนหนังสือเข้ามานางตระหนักถึงบางอย่าง รีบดึงสาวใช้ที่อยู่ข้างกายมาถามเบาๆ“ที่นี่คือแคว้นหนานยวน?”สาวใช้ “?”องค์หญิงเป็นอะไรไป?เหตุใดถามคำถามเช่นนี้?“องค์หญิง ท่าน…”“อย่าพูดไร้สาระ ตอบข้า!”สาวใช้ตกใจ รีบกล่าว “ท่านคือหลิงเหยี่ย องค์หญิงต่างแซ่ของแคว้นหนานยวน ใต้เท้าคือมหาราชครูของแคว้นหนวนยวน เป็นพี่ชายแท้ๆ ของท่าน เพราะใต้เท้าชำนาญการทำนาย เคยช่วยแคว้นสามครั้ง สร้างคุณประโยชน์มากมาย ท่านจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์หญิงต่างแซ่…”คำพูดที่เหลือ ฉู่เชียนหลีมองข้ามโดยตรงสิ่งเดียวที่นางคิดคือ นางถูกส่งมาเป็นองค์หญิงต่างแซ่ อีกท