นางงับเขาไว้ก็ช่างเถอะ แต่ยังฉีกกระชากเหยื่อเหมือนหมาป่า ส่ายศีรษะ กระชากแรง ส่งเสียงคำราม ‘ฟ่อๆ’ ในลำคอเบาๆ เหมือนสัญชาตญาณสัตว์ป่ามากฝ่ามือใหญ่เฟิงเย่เสวียนจับหลังศีรษะนาง น้ำเสียงเคร่งขรึม“ปล่อย”“อ๊าๆ!”ไม่เพียงไม่ปล่อย แถมยังกัดแรงขึ้นคิ้วดาบของเขาคลายออก ไม่สนใจแล้ว ฝ่ามือใหญ่เลื่อนลงไปจับเอวเล็กของนางไว้ฉู่เชียนหลีรีบเงยหน้าหลบอย่างความรู้สึกไวทันที“เฟิงเย่เสวียน เจ้าอย่ามาบ้ากับข้า หากเจ้ากล้าบีบคั้นให้ข้าหลับนอนกับเจ้า ข้าจะกัดเจ้าให้ตายไปเลย!”ถลนตา แยกเขี้ยว ขนทั้งร่างตั้งตรง ท่าทางเหมือนแมวน้อยที่ยากจะทำให้เชื่องเฟิงเย่เสวียนหัวเราะ “เล่นไพ่?”นับว่าเป็นคำศัพท์ที่แปลกใหม่น่าสนใจ“เจ้าเป็นชายาของข้า ไม่นอนกับข้าจะนอนกับใคร? หากผู้ชายคนอื่นแตะโดนแม้แต่ปลายนิ้วของเจ้า ข้าจะสับเขาให้เป็นหมื่นชิ้น บดกระดูกโปรยทิ้ง” เฟิงเย่เสวียนมองดูนางด้วยรอยยิ้มลึกซึ้ง ทว่าน้ำเสียงที่เป็นมิตรกลับทำให้ร่างกายสั่นสะท้าน ขนลุกขนพองท่าทางที่ไม่โกรธแต่มีความน่าเกรงขามนั่น ไม่ใช่แค่พูดไปอย่างนั้น เขาสามารถคุยกับนางอย่างยิ้มแย้ม วินาทีต่อมา ก็สามารถฆ่าคนอย่างยิ้มแย้มเช่นกันฉู่เ
นอกเรือนข้างเฟิงเย่เสวียนเดินออกมาพร้อมกับเสียงหัวเราะ รอยยิ้มที่มุมปากหุบไม่ลงเสียทีหานเฟิงปรากฏตัว เมื่อเห็นรอยยิ้มแปลกๆ บนใบหน้าเขา ตะลึงงันไปครู่หนึ่ง ก็ไหนว่าพระชายากับผู้ชายแปลกหน้า…เหตุใดนายท่านยังหัวเราะได้เริงร่าเช่นนี้?“นายท่าน ท่าน!” เขารีบเดินเข้าไป “แม้ข้าน้อยเชื่อในนิสัยของพระชายา แต่ก่อนที่พระชายาจะแต่งงานกับท่านอ๋อง นางกับคุณชายตระกูลหานเป็นเพื่อนกันตั้งแต่วัยเด็ก มีความสัมพันธ์ถึงสิบปีเต็ม หากลับหลังท่าน พวกเขา…”เฟิงเย่เสวียนยกฝ่ามือขึ้น ห้ามคำพูดของหานเฟิง หัวเราะอยู่สักพักก็ยังหยุดไม่ได้“นางไม่มีทางทำเช่นนั้น”เขารู้จักกลิ่นบนร่างกายฉู่เชียนหลีเป็นอย่างดี แม้นางด่าเขาในใจทุกวัน แต่ความประพฤติของนางเที่ยงตรง แยกแยะผิดถูก สิ่งที่ไม่ควรทำจะไม่ทำเด็ดขาดเซียวจือฮว่าน่าจะมองคนผิดหานเฟิงกลับไม่เข้าใจแต่นี่พระชายารองเซียวเป็นคนพูดเองเขาติดตามนายท่านสิบกว่าปีแล้ว พระชายารองเซียวก็ติดตามนายท่านสิบกว่าปีเช่นกัน เขากับพระชายารองเซียวก็นับว่าเติบโตมาด้วยกัน พระชายารองเซียวไม่น่าจะโกหกมองดูรอยยิ้มที่ยังไม่หายไปตรงมุมปากของนายท่าน ยิ่งสงสัยแล้ว“แล้วนายท่านท
หมาป่าขาวขนาดใหญ่ลงสู่พื้นพร้อมกับสายลม กรงเล็บอันแหลมคมขูดพื้น สายตาพกพาความดุร้าย เซียวจือฮว่าตกใจจนล้มก้นจ้ำเบ้า หน้าถอดสี เสียงกรีดร้องทำให้คนในเรือนตกใจเยว่เอ๋อร์วิ่งออกมาเป็นคนแรก “พระชายารองเซียว เหตุใดจึงเป็นท่าน…”“เกิดอะไรขึ้น?”ฉู่เชียนหลีถือถ้วยข้าวต้มไว้ในมือ นางจับขอบถ้วย เดินไปพลาง เงยหน้ากินไปพลาง“นายหญิง ท่านไม่เป็นอะไรกระมังเจ้าคะ!” เป่าอวี้รีบประคองเซียวจือฮว่า เซียวจือฮว่าเห็นหมาป่าตัวนั้น นางถึงกับเข่าอ่อนยืนไม่ไหวคุณหนูที่ถูกเลี้ยงดูในเรือนส่วนหลัง อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย การเดินทาง ทุกอย่างล้วนมีคนปรนนิบัติ สิบนิ้วไม่เคยทำงานหยาบ จะเคยเห็นหมาป่ายักษ์ที่ดุร้ายเชื่องยากและสามารถกินคนได้อย่างไร?สีหน้าเซียวจือฮว่าซีดขาว เกือบจับผ้าเช็ดหน้าในมือไม่อยู่ เงยหน้ามองไปทางฉู่เชียนหลีที่กินข้าวต้มอย่างสบายใจ น้ำตาแทบทะลักออกมาแล้วเป่าอวี้โมโหมาก “ใครก็ได้ ลากหมาป่าที่ชนพระชายารองเซียวตัวนี้ไปตีให้ตาย!”คนรับใช้สองคนกำลังจะก้าวเข้าไป เยว่เอ๋อร์ตะคอก“ดูสิว่าใครกล้า!”นางก้าวออกมา ยืนขวางอยู่ตรงหน้าเจ้าดำน้อย กางมือทั้งสองข้างออกเพื่อปกป้องมัน“หมา
เซียวจือฮว่าถูกเป่าอวี้ประคองไป งงงวยไปหมด “ท่านอ๋อง ความหมายของฮว่าเอ๋อร์คือ…ท่านอ๋อง…”เฟิงเย่เสวียนยกมือ “ข้าเข้าใจความหมายของเจ้า ในเรือนพระชายามีสัตว์ร้ายขนาดใหญ่ ต่อไปเจ้าจะไม่มาอีกแล้ว”เซียวจือฮว่า “?”“อีกอย่าง เลี้ยงสัตว์เลี้ยงเป็นสิทธิ์ของพระชายา ในเมื่อรู้ว่าอันตราย ก็ไม่ต้องมาเรือนของพระชายาอีก หากรู้ว่าอันตราย ก็ยังมา เช่นนั้นก็สมน้ำหน้าแล้ว!”เฟิงเย่เสวียนยืนอยู่หน้าฉู่เชียนหลี ดวงตาสีหมึกที่เฉียบคมเหมือนนกอินทรีกวาดมองพวกบ่าวไพร่บรรดาบ่าวไพร่เกร็งหนังศีรษะ พากันก้มหน้าพูดพร้อมกัน“พวกเราน้อมรับคำสั่งท่านอ๋อง”จากนี้ไป หากไม่มีเรื่องสำคัญ จะไม่มารบกวนพระชายาอีกฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วขึ้น นับว่าได้ความสงบกลับคืนมาแล้ว เพียงแต่“เจ้าพูดก็ส่วนพูด แย่งข้าวต้มของข้าทำไม?”พลันเอื้อมมือออกไปแย่งชามข้าวต้มกลับมาจากมือเฟิงเย่เสวียน เงยหน้าดื่มไปหนึ่งคำ เดินกลับเข้าเรือนอย่างสบายใจ——อ๋องหลีจะแต่งงาน ฉันควรซื้อของขวัญแบบไหนให้เขาดีนะ?เฟิงเย่เสวียนเงี่ยหูฟัง ได้ยินเสียงในใจของนางแล้วของขวัญอวยพรสำหรับงานแต่งอ๋องหลีย่อมต้องถูกจัดเตรียมโดยจวนอ๋องเฉิน หรือนางจะมอบของขวัญ
สีหน้าของเฟิงเย่เสวียนค่อยๆ มืดลง มองดูฉู่เชียนหลีที่ ‘ท่าทางจริงจัง’ กัดฟันกรามแทบหักฝ่ามือใหญ่ที่กำช้อนแน่นขึ้นเจ็ดส่วน คำพูดที่อดทนต่อความโกรธเล็ดลอดออกจากไรฟัน“จริง หรือ!”ฉู่เชียนหลียิ่งพยักหน้าอย่างจริงจัง “ใช่แล้ว ท่านอ๋อง ความหวังดีส่วนนี้ของเจ้า อ๋องหลีต้องเข้าใจแน่นอน”——เจ้าแม่กวนอิมปางประทานบุตรนะ ฮ่าๆๆ!——คนเห็นแต่แม่ผัวมอบให้ลูกสะใภ้ แม่มอบให้ลูกชาย ยายมอบให้หลานชายหลานสาว ยังไม่เคยเห็นผู้ชายมอบให้พี่น้องมาก่อน สมองของเฟิงเย่เสวียนต้องพังแน่เลย!——ทำสงครามจนเพี้ยนไปแล้วมั้งสีหน้าของเฟิงเย่เสวียนยิ่งมืดครึ้มทันที กำช้อนแน่นอีกนิดก็หักแล้ว กัดฟันแน่น“นี่คือความในใจของพระชายาหรือ?”ฉู่เชียนหลีทำหน้าเคร่งขรึม “หรือข้าจะโกหกเจ้า?”——นายมันวัตถุโบราณ ความคิดยังเป็นศักดินา ทำไมนายไม่มอบลูกประคำ พระพุทธรูปเลยละ?นางกล่าว “ท่านอ๋อง ท่านดูเจ้าแม่กวนอิมปางประทานบุตรองค์นี้สิ เนื้อหยกที่ใช้แกะสลักเป็นของชั้นดี มูลค่าไม่ธรรมดา ก้อนใหญ่เช่นนี้ยิ่งประเมินค่าไม่ได้ ไม่ว่าใครได้รับของขวัญเช่นนี้ ก็พึงพอใจมากแน่นอน”——เชี่ย เจ้าแม่กวนอิม นายเก็บไว้คลอดลูกเองเถอะ ฮ่าๆๆ!——ข
ร้านอัญมณีตามชื่อร้านเลย ข้างในมีอัญมณี ไข่มุก สายสร้อยและสิ่งของล้ำค่าอย่างอื่นมากมาย คุณภาพดีเยี่ยม พวกมันถูกแปรรูปขัดเกลา ทำเป็นเครื่องประดับที่สวยงามต่างๆปิ่นปักผม กำไล ปิ่นระย้า ต่างหู แหวน…อลังการมากมายนับไม่ถ้วนเครื่องประดับต่างๆ ถูกวางเรียงรายอยู่ในชั้นวาง ประณีตและมีมูลค่าในเวลาเดียวกันภายในร้าน มีแขกไม่น้อยพอฉู่เชียนหลีเพิ่งพาเยว่เอ๋อร์กับพ่อบ้านก้าวเข้าไป ก็มีลูกจ้างคนหนึ่งเดินเข้ามาต้อนรับด้วยรอยยิ้ม“คุณหนู อยากดูเครื่องประดับแบบไหนขอรับ เครื่องประดับศีรษะ? เครื่องประดับหู? หรือบนมือ หรือตรงส่วนอื่นๆ”ฉู่เชียนหลีกวาดสายตามองแวบหนึ่ง ยกเท้าเดินไปทางชั้นวางที่ใกล้ที่สุด“ดูไปเรื่อยๆ”ภายในชั้นวาง แหวนสำหรับสวมนิ้วก้อยที่ฝังพลอยทับทิมตั้งอยู่ในกล่องผ้าแพร จี้หัวเสือนักษัตรที่แกะสลักจากทองคำวางอยู่ตรงนั้น และยังมีปิ่นขนนกหงส์แกว่งไปมา และยังมี…เยอะมากจนตาลายตั้งแต่เล็กจนโต เยว่เอ๋อร์ยังไม่เคยเห็นเครื่องประดับมากมายเช่นนี้ อดไม่ได้ที่จะชี้จี้ทองนักษัตรหัวเสือชิ้นนั้นด้วยความชอบ ดวงตาลุกวาวเป็นประกาย“พระชายา ดูสิ น่ารักจัง! คุณหนูสามเกิดปีเสือ นางต้องชอบแน่นอน!
“น้องหญิง ข้าจะบอกเจ้านะ ชั้นหนึ่งของร้านอัญมณีแห่งนี้ล้วนเป็นของทั่วไป ของดีจริงๆ อยู่บนชั้นสอง”ฉู่เจียวเจียวควงแขนฉู่เชียนหลีด้วยรอยยิ้ม สองพี่น้องขึ้นไปบนชั้นสองอย่างสนิทสนมลูกจ้างเจ็ดแปดคนเดินตามหลังอย่างถ่อมตนเป็นพิเศษ ทั้งยกน้ำชา ทั้งรินน้ำดื่ม ทั้งแนะนำอย่างละเอียด ปรนนิบัติแขกสำคัญทั้งสองท่านอย่างเอาใจใส่ชั้นสอง สิ่งของที่จัดวางล้วนเป็นของคุณภาพชั้นเยี่ยม ฉู่เจียวเจียวถูกใจปิ่นระย้าทองขนนกหงส์ที่วางอยู่ตรงกลางชั้นวางในปราดเดียว “น้องหญิง เจ้าดู!”งามมาก!หรูหรามาก!ลูกจ้างรีบก้าวออกมาข้างหน้าอย่างตาดี กล่าวอธิบาย “สายตาคุณหนูสามเฉียบแหลมยิ่งนัก! ขนนกหงส์ชิ้นนี้ของสมบัติประจำร้านของเรา โครงของมันแกะสลักมาจากซากกระดูกหงส์โบราณ บนขนนกทุกเส้นฝังพลอยทับทิมแปดด้านอันประณีต ดูดซับแสงแห่งฟ้าดิน ส่องทะลุสีสันแห่งสรรพสิ่ง…”เขาอธิบายเป็นชุดเมื่อดูราคา : สองหมื่นตำลึงในอกของฉู่เจียวเจียวมีตั๋วเงินค่าหนึ่งพันกว่าตำลึง แต่สายตากลับจ้องขนนกหงส์ที่เปล่งประกายชิ้นนี้ไม่กะพริบตา ราวกับถูกตรึงอยู่ตรงนั้น ขยับไปไหนไม่ได้แล้วในแววตาเต็มไปด้วยความกระหายงามมาก!หากในวันแต่งงาน
ฉู่เจียวเจียวควงแขนฉู่เชียนหลีมาถึงชั้นหนึ่ง ข้างหลังมีลูกจ้างเดินตามเจ็ดแปดคน บนโต๊ะจ่ายเงิน มีกล่องหีบห่อยี่สิบกว่าใบวางอยู่ตรงนั้น การใช้จ่ายอย่างใจป้ำดึงดูดสายตาที่อิจฉาของแขกไม่น้อยยิ่งมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เบาๆ“เครื่องประดับทุกชิ้นในร้านอัญมณีราคาแพงมาก สามารถซื้อหนึ่งชิ้นก็ร่ำรวยมากแล้ว คุณหนูสามฉู่ถึงกับซื้อยี่สิบกว่าชิ้นในคราวเดียว!”“สวรรค์ ช่างอิจฉานัก นี่ต้องใช้เงินเท่าไร นางต้องมีเงินเท่าไร!”“ใกล้จะถึงงานแต่งของคุณหนูสามฉู่กับอ๋องหลีแล้ว ข้าได้ยินมาว่าอ๋องหลีโปรดปรานคุณหนูสามฉู่มาก ยิ่งกว่านั้นยังนำเงินเก็บทั้งหมดของตัวเองออกมา เพียงเพื่อปลอบหญิงงามยิ้ม”“ช่างน่าอิจฉายิ่งนัก…”ปลายหูฉู่เจียวเจียวขยับเล็กน้อย เก็บเอาคำพูดเหล่านั้นเข้าหูทั้งหมด คางที่หยิ่งผยองเชิดขึ้น รับความสนใจอย่างเต็มที่ ราวกับตนเองก็คือดวงจันทร์ที่แขวนอยู่บนท้องฟ้านางควงแขนฉู่เชียนหลี พูดเสียงดัง “คิดเงิน!”เถ้าแก่ยิ้มจนตาหรี่เหลือแค่รอยแยกเส้นเดียวแล้ว ลูกคิดเสียงดังต๊อกๆ“คุณหนูสาม ทั้งหมดสี่หมื่นสามพันตำลึงขอรับ ไม่ทราบว่าเป็นเงินสด หรือตั๋วเงินฝากเฉียนจวง[footnoteRef:1]? จะให้พวกเราช่วยส
เมื่อพรรคของอ๋องหลีได้ยินเช่นนี้ ก็กลัวทันทีดูท่าทีของพระชายาอ๋องเฉิน นี่กำลังจะเปิดฉากสังหารครั้งใหญ่ในวังชัดๆ!ฆ่าคนติดต่อกันสองคน ไม่กระพริบตาแม้แต่ทีเดียวเลือดกระเซ็นโดนใบหน้า ก็เย็นเฉียบท่าทางที่ชั่วร้ายเหมือนปีศาจนั่น ทำให้ขุนนางหลายคนเกิดความกลัว ลองถามคนทั่วหล้า จะมีสักกี่คนที่ไม่กลัว? อยู่ต่อหน้าความเป็นความตาย ทุกคนล้วนเห็นแก่ตัวพวกเขาไม่อยากตายขุนนางคนหนึ่งกลัวจนพูดติดอ่าง“อ๋อง อ๋องหลี…อย่างไรเด็กที่อยู่ในมือท่านก็เป็นพระนัดดาองค์โต เป็นสายเลือดของราชวงศ์ ถ้าหากฆ่าเขา ในวันข้างหน้า มลทินของท่านจะถูกบันทึกไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์ เกรงว่าจะถูกคนรุ่นหลังด่าทอต่อๆ กันเป็นหมื่นปี”ขุนนางอีกคนก็กล่าวเสียงสั่น“อ๋องเฉินโปรดพิจารณา…”ถ้าหากสู้กันจริงๆ พวกเขาสู้ไม่ไหวอ๋องเฉินมีฮ่องเต้หนุนหลัง มีกองทัพ มีกำลังทหาร อ๋องเฉินเป็นฝ่ายได้เปรียบทุกด้านในมืออ๋องหลี นอกจากพระนัดดาองค์โต ก็ไม่มีเบี้ยอย่างอื่นแล้ว อีกทั้ง ทหารรักษาพระองค์ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ทหารองครักษ์เงาของอ๋องเฉินเมื่อไรที่สู้กัน พวกเขาจะตายกันหมดไม่จำเป็นต้องตายไปครั้งหนึ่ง บางครั้ง เมื่อเห็นว่าพอแล้วก
เฟิงเย่เสวียนแค่ขมวดคิ้วทีหนึ่ง ก็ข่มความเจ็บปวดนี้ลงไปผู้บัญชาการจางฟาดอย่างดุร้ายลองคิดดูเขาที่เป็นขุนนางคนหนึ่ง สามารถใช้แส้ฟาดองค์ชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด นี่เป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจเพียงใด พูดคำนี้ออกไป เขาสามารถอวดสามสิบปียิ่งฟาดยิ่งรู้สึกสนุก ยิ่งฟาดยิ่งแรงเพี๊ยะ!เพี๊ยะๆๆ!ทุกคนร้อนใจจนกระทืบเท้า แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไป อ๋องหลีบ้าไปแล้ว เขาไม่ใช่อ๋องหลีที่เข้าถึงได้ง่ายอีกแล้ว!ฉู่เชียนหลีเพิ่งคิดจะกระโจนเข้าไป ก็ถูกอ๋องหลีสั่งให้คนคุมตัวไปยืนอยู่ข้างๆ บังคับให้นางมองดูต่อหน้าต่อตา“ฉู่เชียนหลี ข้าเคยบอกแล้ว เจ้าจะต้องเสียใจ คนไร้ประโยชน์อย่างเฟิงเย่เสวียน แม้แต่ลูกชายก็ปกป้องไม่ได้ มีประโยชน์อะไร”แววตาเฟิงเจิ้งหลีเปล่งแสงที่บ้าคลั่ง“เขาเป็นแค่คนไร้ประโยชน์ ฝ่าบาทจะให้ความสำคัญกับคนไร้ประโยชน์เช่นนี้ได้อย่างไร? ฉู่เชียนหลี เจ้าว่าเจ้าตาบอดใช่หรือไม่? เจ้าดูสภาพที่สะบักสะบอมของเขาตอนนี้ เหมือนสุนัขตัวหนึ่ง เจ้าก็ยังชอบเขา เช่นนั้นเจ้าก็เป็นสุนัขตัวเมียที่แพศยา”เขายิ้มอย่างชั่วร้าย สิ่งที่พูดออกมายิ่งไม่น่าฟังทุกคนตาแดง อยากพุ่งเข้าไปสับอ๋องหลีเป็นชิ้นๆ เสีย
ผู้ชายที่ร่างกายสูงใหญ่งอหัวเข่า คุกเข่าอยู่ตรงหน้าอ๋องหลีอย่างตั้งตรง แม้อยู่ต่ำกว่า แต่ความสูงศักดิ์ที่แผ่ซ่านออกมาจากกระดูก ไม่ลดน้อยลงเลยสักนิดตลอดหลายปีที่ผ่านมา นอกจากคุกเข่าให้ฮ่องเต้และบรรพชน พวกเขาไม่เคยเห็นอ๋องเฉินคุกเข่าให้ใครเฟิงเจิ้งหลีเห็นดังนี้ แหงนหน้าหัวเราะ“ฮ่าๆๆ!”คิดไม่ถึงจริงๆ เขาจะมีวันนี้ด้วยลูกชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด แพ้ให้กับลูกชายที่ไม่โปรดปรานที่สุด ไม่สะดุดตาที่สุด และยังถูกทุกคนรังแก ความรู้สึกที่อยู่เหนือกว่าเช่นนี้ ทำให้ในใจเขาสาแก่ใจจริงๆ“ฮ่าๆๆๆ เฟิงเย่เสวียน เจ้าก็มีวันนี้ด้วย!”หัวเราะเสร็จ เขารู้สึกว่าความเย่อหยิ่งของอ๋องเฉินมันขัดตาทั้งๆ ที่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบจนต้องคุกเข่า เหตุใดยังอวดดีหยิ่งผยองเช่นนี้?เขาออกคำสั่ง “ก้มหัวเจ้าลงไป”เฟิงเย่เสวียนเม้มปาก ก้มศีรษะลงเขาออกคำสั่งอีกครั้ง “โขกศีรษะ!”“อ๋องหลี ท่านอย่ารังแกให้มันมากนัก! ท่านกับท่านอ๋องของเราเป็นคนรุ่นเดียวกัน ท่านรับการโขกหัวจากเขาไม่ได้! ไม่กลัวบรรพชนรู้แล้ว อายุสั้นหรือ!” พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความโกรธเพิ่งกล่าวจบ ก็ถูกผู้บัญชาการจางถีบจนล้มลงพื้นหลังจากล้มลง ก
“ปล่อยคนของเจ้าแล้ว เจ้าเป็นอิสระแล้ว คืนลูกให้ข้า” ฉู่เชียนหลีจ้องเขาเฟิงเจิ้งหลีเหลือบมองเด็กน้อยในอ้อมแขน ท่าทางที่ร้องไห้จนหน้าแดง เห็นแล้วปวดใจนักคิดว่าแค่นี้ก็จบแล้วหรือ?เขายิ้ม“ฉู่เชียนหลี เหมือนเจ้าจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์นะ?”“?”“……”“เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาต่อรองกับข้า? เด็กอยู่ในมือข้า เป็นหรือตายขึ้นอยู่กับข้า ถึงคราวที่เจ้าต้องมาสอนข้าทำงานตั้งแต่เมื่อไร?”สีหน้าฉู่เชียนหลีเคร่งขรึมทันทีเห็นได้ชัด เขาได้คืบจะเอาศอก“เจ้ายังต้องการอะไรอีก?”“ข้าหรือ” เขาเงยหน้าด้วยรอยยิ้ม กวาดมองทุกคน และตำหนักอันหรูหราหลังนี้ วังหลวงที่กว้างใหญ่แห่งนี้ แผ่นดินที่ดีเช่นนี้เขาต้องการอะไร ยังต้องให้พูดอีกหรือ?แต่ว่า มองดูท่าทางที่ร้อนใจของฉู่เชียนหลี เขาเกิดอยากสนุก ต้องการระบายความคับข้องใจที่ได้รับในสองวันนี้ออกมาให้หมดลูบแก้มของเด็กน้อยพลางกล่าว“อยากได้ลูกคืน ไม่มีปัญหา มันก็ต้องดูว่าอ๋องเฉินมีความจริงใจหรือไม่”เงียบไปครู่หนึ่ง“อืม หรือไม่อ๋องเฉินคุกเข่า โขกหัวให้ข้าสามครั้ง ข้าก็คืนลูกให้เจ้า เป็นอย่างไร?”ฉู่เชียนหลีโมโหแล้วด้วยนิสัยที่ยอมหนึ่งก้าว จะเอาสิบก้าวข
“เจ้า!”ฉู่เชียนหลีถูกความเฉยเมยของนางยั่วจนโมโหแล้ว ยิ่งคิดไม่ถึงว่าใต้ฟ้าจะมีแม่ที่ไร้ความรับผิดชอบเช่นนี้มันก็จริงฉู่เจียวเจียวกับเฟิงเจิ้งหลี ถ้าไม่เหมือนกันก็คงอยู่ด้วยกันไม่ได้ ไม่มีอะไรที่พวกเขาสองสามีภรรยาทำไม่ลงรอหลังจากลู่ฉินเติบโต รู้ว่าตัวเองมีแม่เช่นนี้ ไม่รู้ว่าจะเศร้าเพียงใด!“ฉู่เชียนหลี เฟิงเย่เสวียน พวกเจ้าเลิกพูดไร้สาระได้แล้ว รีบปล่อยตัวอ๋องหลี ความอดทนข้ามีขีดจำกัด!” ฉู่เจียวเจียวกล่าวอย่างเย็นชา“จะเอาชีวิตของลูกชาย หรือจะปล่อยคน พวกเจ้าเลือกเอง”อย่างไรนางก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้วไม่ดิ้นรน ตายสถานเดียวดิ้นรน เดิมพัน ยังมีโอกาสสายตาเฟิงเย่เสวียนเคร่งขรึมมาก หางตาเหลือบมองหานเฟิง หานเฟิงเข้าใจทันที เขาซ่อนมือไว้ที่หลัง และทำท่าสัญญาณมือไปที่ด้านหลังมือธนูเตรียมพร้อมจู่ๆ ฉู่เจียวเจียวก็กล่าวเสริมอีกประโยคอย่างเย็นชา “พวกเจ้าสามารถลองดูได้ ดูสิว่าการเคลื่อนไหวของพวกเจ้าไว หรือมีดที่อยู่ในมือข้าเร็ว”“ต่อให้ข้าตาย การฆ่าเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ยก็ใช้เวลาแค่พริบตาเดียว”ฉู่เชียนหลีสั่งให้มือธนูหยุดทันที “ปล่อยคน!”อย่าทำอะไรบุ่มบ่ามผู้หญิงคนนี้มันเป็นผู
พลันฉู่เชียนหลีแน่นหน้าอก“หยุดนะ…”“อย่าเข้ามา!”ฉู่เจียวเจียวถอยหลังสามก้าว มือซ้ายจับเด็ก มือขวาถือมีดสั้น มีดสั้นที่แวววาวจ่ออยู่บนผิวอันบอบบางของเด็ก กรีดจนรอยเลือดออกแล้วเลือดไหลออกมาแล้ว“จู่ๆ เจ้าก็มาเป็นห่วงข้า และยังพยายามอยากอุ้มลูกทุกวิถีทาง ข้าก็รู้แล้วว่าเจ้าไม่ได้มีเจตนาดี”นางยิ้มอย่างเย็นชา“เหอะ! ดูเหมือนฮ่องเต้ที่แกไม่ตายสักทีนั่นเป็นคนบอกเรื่องนี้กับเจ้าสินะ!”ไอ้แก่ เป็นอัมพาตเฉียบพลันยังไม่ยอมอยู่อย่างสงบเสงี่ยมอีกต่อให้รู้ความจริงแล้วอย่างไร?ชีวิตของเด็กคนนี้อยู่ในมือนาง“ฉู่เชียนหลีนะฉู่เชียนหลี เจ้าคิดอย่างไรก็คงคิดไม่ถึงกระมังว่า เจ้าเลี้ยงลูกสาวข้า ข้าเลี้ยงลูกชายเจ้า และก็ต้องขอบคุณลูกชายคนดีคนนี้ของเจ้า กลายเป็นตัวช่วยที่สำคัญของอ๋องหลี” นางเผยอมุมปาก รอยยิ้มนั้นน่ากลัวมากฉู่เชียนหลียืนตัวแข็งอยู่ตรงที่เดิม ไม่กล้าขยับ“เจ้าต้องการอะไร?”ฉู่เชียนหลีจ้องมีดสั้นในมือนาง กลัวว่านางจะพลั้งเผลอกรีดโดนคอของเด็กตั้งครรภ์สิบเดือนลูกชายเป็นก้อนเนื้อชิ้นหนึ่งที่ตกลงมาจากร่างกายนางนางไม่กล้าเดิมพัน และเดิมพันไม่ไหวฉู่เจียวเจียวกล่าว “ข้าต้องก
กลางดึกกำลังถึงช่วงที่คนเงียบสงบ คนกลุ่มหนึ่งวิ่งไปที่ตำหนักเจาหยางราวกับคลื่นยักษ์ ตอนที่ใกล้จะถึง ฉู่เชียนหลีตวาดสั่งให้พวกเขาหยุด“พวกเจ้าอยู่ห่างๆ อยากเข้าใกล้!”พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความเป็นห่วง “พระชายา พวกเราต้องไปเอาพระนัดดาองค์โตกลับมา นั่นเป็นเลือดเนื้อของท่านกับท่านอ๋องนะ”“ข้ารู้!”ก็เพราะรู้ จึงไม่ให้พวกเขาเข้าใกล้“ไปทำอะไรคนเยอะแยะ ถ้าหากบีบจนฉู่เจียวเจียวไม่มีทางเลือก นางทำอะไรขึ้นมา…”ฉู่เชียนหลีแทบจะเป็นบ้าแล้ว ร้อนรนเหมือนมดที่อยู่บนกระทะร้อน ทั้งร้อนใจทั้งไม่สบายใจ น้ำเสียงก็ค่อนข้างฉุนเฉียวไม่อยากพูดมาก วิ่งเข้าไปในตำหนักเจาหยางเพียงลำพัง คนอื่นรออยู่ที่ข้างนอก ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามภายในตำหนักฉู่เจียวเจียวกำลังกล่อมจื่อเยี่ย ฉู่เจียวเจียวมาแล้ว นางมองเด็กน้อยที่อ้วนสมบูรณ์ กล่าวโดยไม่เงยหน้า“พระชายาอ๋องเฉิน ลูกของข้าเพิ่งนอนหลับ ”โปรดให้อภัย ข้าอุ้มเขาไว้ ร่างกายหนัก ไม่สะดวกลุกขึ้นยืน สายตาฉู่เชียนหลีมองไปที่ตัวเด็กเด็กน้อยอ้วนสมบูรณ์ ใบหน้าจ้ำม่ำ คิ้วละเอียดอ่อน หน้าตาที่น่ารักน่าเอ็นดู คล้ายเฟิงเจิ้งเว่ยซีแปดส่วนเหตุใดเมื่อก่อนนางไม่สังเกต
อวิ๋นอิงถูกนางทำเอาตกใจจนหน้าซีด รีบถาม“พระชายา มีอะไรหรือ? เหตุใดกะทันหันเช่นนี้?”“รีบไป!”มือทั้งสองข้างของฉู่เชียนหลีเย็นเฉียบ เสียงนั้นเกือบจะคำรามออกมา แม้แต่คอก็กำลังสั่นสะเทือนคนข้างล่างไม่กล้ารอช้า รีบไปตามหาคนทันทีเฟิงเย่เสวียนประหม่า “เชียนหลี นี่เจ้าเป็นอะไร?”“ข้าอาจจะเข้าใจผิด อาจจะทำผิดพลาด ข้าอาจจะ…ข้า ข้า…” ฉู่เชียนหลีพูดวนไม่ปะติดปะต่อ พูดอยู่ดีๆ เบ้าตาก็แดงแล้วหัวใจเหมือนถูกแมวข่วน กระสับกระส่ายนางกุมเสื้อตรงหน้าอก หายใจอย่างอึดอัดขออย่าให้มันเป็นเรื่องจริง…ขออย่า…นางทรมานจังนางไม่ใช่แม่ที่ดี กลัวรู้ความจริง แต่ก็อยากรู้ความจริงหลังจากนั้นครึ่งชั่วยาม ผู้คนร้อยกว่าคนเข้าวังในคืนนั้น มีคนของจวนอ๋องเฉิน หมอ หมอตำแย ผู้ช่วยหมอ และยังมีองครักษ์ลับ ทหารยาม หมอหญิงเว่ยก็อยู่เมื่อหนึ่งเดือนกว่าก่อน ตอนที่ฉู่เชียนหลีคลอดลูก คนเหล่านี้อยู่ในเหตุการณ์ทุกคนเมื่อฉู่เชียนหลีเห็นพวกเขา รีบถามทันที“วันที่ข้าคลอดลูก เคยมีคนแปลกหน้ามาหรือไม่?”ทุกคนหันมองกันและกัน ล้วนส่ายศีรษะ“พระชายา เรื่องสำคัญอย่างท่านคลอดลูก พวกเราจับตาดูอย่างเข้มงวด ในจวนมีแต่คนข
นางกำนัลรีบนำพู่กันมาฉู่เชียนหลีเอาพู่กันจุ่มน้ำหมึก แล้วใส่ในมือฮ่องเต้ร่างกายของฮ่องเต้เป็นอัมพาต ไม่ควบคุมมือไม่ได้ ไม่สามารถจับพู่กันด้วยซ้ำ ปากของเขาเบี้ยว ใช้แรงทั้งหมดหนีบด้ามพู่กันด้วยนิ้วชี้กับนิ้วกลาง อาศัยแรงกระตุกของร่างกาย ลงพู่กันบนกระดาษอย่างเบี้ยวไปเบี้ยวมาเพียงไม่กี่ขีด เขียนอย่างยากลำบาก บนหน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อแนวเฉียง…แนวตั้ง…สองคำ ทั้งหมดสี่ขีดเขียนเสร็จ พู่กันก็ร่วงตกบนพื้น เขาเหนื่อยจนหอบบนเตียง ขยับไม่ได้อีกแล้ว“ลูกชาย…” อวิ๋นอิงอุทานเบาๆ “คนที่ฝ่าบาทคิดถึงคือลูกชาย?”ฉู่เชียนหลีถือกระดาษ แม้สองคำนี้เขียนได้คดเคี้ยวมาก แต่เนื่องจากลายเส้นเรียบง่าย จึงมองออกในปราดเดียวว่ามันคือคำว่า ‘ลูกชาย’นี่เขาอยากบอกอะไรนาง?“หรือเป็นอ๋องหลี?” อวิ๋นอิงคาดเดาฉู่เชียนหลีส่ายศีรษะโดยไม่ต้องคิด“อ๋องหลีวางยาพิษเขา กบฏวังชิงราชบัลลังก์ มีความทะเยอทะยาน ฝ่าบาทไม่มีทางคิดถึงอ๋องหลี”นางกล่าววิเคราะห์“ส่วนอ๋องหลีหลังจากขึ้นบัลลังก์ ไม่ฆ่าผู้บริสุทธิ์ องค์ชายท่านอื่นอยู่อย่างสงบเสงี่ยมเหมือนเมื่อก่อน ไม่มีอันตราย ฮ่องเต้ก็ไม่มีทางคิดถึงองค์ชายท่านอื่น”อวิ๋