หมาป่าขาวขนาดใหญ่ลงสู่พื้นพร้อมกับสายลม กรงเล็บอันแหลมคมขูดพื้น สายตาพกพาความดุร้าย เซียวจือฮว่าตกใจจนล้มก้นจ้ำเบ้า หน้าถอดสี เสียงกรีดร้องทำให้คนในเรือนตกใจเยว่เอ๋อร์วิ่งออกมาเป็นคนแรก “พระชายารองเซียว เหตุใดจึงเป็นท่าน…”“เกิดอะไรขึ้น?”ฉู่เชียนหลีถือถ้วยข้าวต้มไว้ในมือ นางจับขอบถ้วย เดินไปพลาง เงยหน้ากินไปพลาง“นายหญิง ท่านไม่เป็นอะไรกระมังเจ้าคะ!” เป่าอวี้รีบประคองเซียวจือฮว่า เซียวจือฮว่าเห็นหมาป่าตัวนั้น นางถึงกับเข่าอ่อนยืนไม่ไหวคุณหนูที่ถูกเลี้ยงดูในเรือนส่วนหลัง อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย การเดินทาง ทุกอย่างล้วนมีคนปรนนิบัติ สิบนิ้วไม่เคยทำงานหยาบ จะเคยเห็นหมาป่ายักษ์ที่ดุร้ายเชื่องยากและสามารถกินคนได้อย่างไร?สีหน้าเซียวจือฮว่าซีดขาว เกือบจับผ้าเช็ดหน้าในมือไม่อยู่ เงยหน้ามองไปทางฉู่เชียนหลีที่กินข้าวต้มอย่างสบายใจ น้ำตาแทบทะลักออกมาแล้วเป่าอวี้โมโหมาก “ใครก็ได้ ลากหมาป่าที่ชนพระชายารองเซียวตัวนี้ไปตีให้ตาย!”คนรับใช้สองคนกำลังจะก้าวเข้าไป เยว่เอ๋อร์ตะคอก“ดูสิว่าใครกล้า!”นางก้าวออกมา ยืนขวางอยู่ตรงหน้าเจ้าดำน้อย กางมือทั้งสองข้างออกเพื่อปกป้องมัน“หมา
เซียวจือฮว่าถูกเป่าอวี้ประคองไป งงงวยไปหมด “ท่านอ๋อง ความหมายของฮว่าเอ๋อร์คือ…ท่านอ๋อง…”เฟิงเย่เสวียนยกมือ “ข้าเข้าใจความหมายของเจ้า ในเรือนพระชายามีสัตว์ร้ายขนาดใหญ่ ต่อไปเจ้าจะไม่มาอีกแล้ว”เซียวจือฮว่า “?”“อีกอย่าง เลี้ยงสัตว์เลี้ยงเป็นสิทธิ์ของพระชายา ในเมื่อรู้ว่าอันตราย ก็ไม่ต้องมาเรือนของพระชายาอีก หากรู้ว่าอันตราย ก็ยังมา เช่นนั้นก็สมน้ำหน้าแล้ว!”เฟิงเย่เสวียนยืนอยู่หน้าฉู่เชียนหลี ดวงตาสีหมึกที่เฉียบคมเหมือนนกอินทรีกวาดมองพวกบ่าวไพร่บรรดาบ่าวไพร่เกร็งหนังศีรษะ พากันก้มหน้าพูดพร้อมกัน“พวกเราน้อมรับคำสั่งท่านอ๋อง”จากนี้ไป หากไม่มีเรื่องสำคัญ จะไม่มารบกวนพระชายาอีกฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วขึ้น นับว่าได้ความสงบกลับคืนมาแล้ว เพียงแต่“เจ้าพูดก็ส่วนพูด แย่งข้าวต้มของข้าทำไม?”พลันเอื้อมมือออกไปแย่งชามข้าวต้มกลับมาจากมือเฟิงเย่เสวียน เงยหน้าดื่มไปหนึ่งคำ เดินกลับเข้าเรือนอย่างสบายใจ——อ๋องหลีจะแต่งงาน ฉันควรซื้อของขวัญแบบไหนให้เขาดีนะ?เฟิงเย่เสวียนเงี่ยหูฟัง ได้ยินเสียงในใจของนางแล้วของขวัญอวยพรสำหรับงานแต่งอ๋องหลีย่อมต้องถูกจัดเตรียมโดยจวนอ๋องเฉิน หรือนางจะมอบของขวัญ
สีหน้าของเฟิงเย่เสวียนค่อยๆ มืดลง มองดูฉู่เชียนหลีที่ ‘ท่าทางจริงจัง’ กัดฟันกรามแทบหักฝ่ามือใหญ่ที่กำช้อนแน่นขึ้นเจ็ดส่วน คำพูดที่อดทนต่อความโกรธเล็ดลอดออกจากไรฟัน“จริง หรือ!”ฉู่เชียนหลียิ่งพยักหน้าอย่างจริงจัง “ใช่แล้ว ท่านอ๋อง ความหวังดีส่วนนี้ของเจ้า อ๋องหลีต้องเข้าใจแน่นอน”——เจ้าแม่กวนอิมปางประทานบุตรนะ ฮ่าๆๆ!——คนเห็นแต่แม่ผัวมอบให้ลูกสะใภ้ แม่มอบให้ลูกชาย ยายมอบให้หลานชายหลานสาว ยังไม่เคยเห็นผู้ชายมอบให้พี่น้องมาก่อน สมองของเฟิงเย่เสวียนต้องพังแน่เลย!——ทำสงครามจนเพี้ยนไปแล้วมั้งสีหน้าของเฟิงเย่เสวียนยิ่งมืดครึ้มทันที กำช้อนแน่นอีกนิดก็หักแล้ว กัดฟันแน่น“นี่คือความในใจของพระชายาหรือ?”ฉู่เชียนหลีทำหน้าเคร่งขรึม “หรือข้าจะโกหกเจ้า?”——นายมันวัตถุโบราณ ความคิดยังเป็นศักดินา ทำไมนายไม่มอบลูกประคำ พระพุทธรูปเลยละ?นางกล่าว “ท่านอ๋อง ท่านดูเจ้าแม่กวนอิมปางประทานบุตรองค์นี้สิ เนื้อหยกที่ใช้แกะสลักเป็นของชั้นดี มูลค่าไม่ธรรมดา ก้อนใหญ่เช่นนี้ยิ่งประเมินค่าไม่ได้ ไม่ว่าใครได้รับของขวัญเช่นนี้ ก็พึงพอใจมากแน่นอน”——เชี่ย เจ้าแม่กวนอิม นายเก็บไว้คลอดลูกเองเถอะ ฮ่าๆๆ!——ข
ร้านอัญมณีตามชื่อร้านเลย ข้างในมีอัญมณี ไข่มุก สายสร้อยและสิ่งของล้ำค่าอย่างอื่นมากมาย คุณภาพดีเยี่ยม พวกมันถูกแปรรูปขัดเกลา ทำเป็นเครื่องประดับที่สวยงามต่างๆปิ่นปักผม กำไล ปิ่นระย้า ต่างหู แหวน…อลังการมากมายนับไม่ถ้วนเครื่องประดับต่างๆ ถูกวางเรียงรายอยู่ในชั้นวาง ประณีตและมีมูลค่าในเวลาเดียวกันภายในร้าน มีแขกไม่น้อยพอฉู่เชียนหลีเพิ่งพาเยว่เอ๋อร์กับพ่อบ้านก้าวเข้าไป ก็มีลูกจ้างคนหนึ่งเดินเข้ามาต้อนรับด้วยรอยยิ้ม“คุณหนู อยากดูเครื่องประดับแบบไหนขอรับ เครื่องประดับศีรษะ? เครื่องประดับหู? หรือบนมือ หรือตรงส่วนอื่นๆ”ฉู่เชียนหลีกวาดสายตามองแวบหนึ่ง ยกเท้าเดินไปทางชั้นวางที่ใกล้ที่สุด“ดูไปเรื่อยๆ”ภายในชั้นวาง แหวนสำหรับสวมนิ้วก้อยที่ฝังพลอยทับทิมตั้งอยู่ในกล่องผ้าแพร จี้หัวเสือนักษัตรที่แกะสลักจากทองคำวางอยู่ตรงนั้น และยังมีปิ่นขนนกหงส์แกว่งไปมา และยังมี…เยอะมากจนตาลายตั้งแต่เล็กจนโต เยว่เอ๋อร์ยังไม่เคยเห็นเครื่องประดับมากมายเช่นนี้ อดไม่ได้ที่จะชี้จี้ทองนักษัตรหัวเสือชิ้นนั้นด้วยความชอบ ดวงตาลุกวาวเป็นประกาย“พระชายา ดูสิ น่ารักจัง! คุณหนูสามเกิดปีเสือ นางต้องชอบแน่นอน!
“น้องหญิง ข้าจะบอกเจ้านะ ชั้นหนึ่งของร้านอัญมณีแห่งนี้ล้วนเป็นของทั่วไป ของดีจริงๆ อยู่บนชั้นสอง”ฉู่เจียวเจียวควงแขนฉู่เชียนหลีด้วยรอยยิ้ม สองพี่น้องขึ้นไปบนชั้นสองอย่างสนิทสนมลูกจ้างเจ็ดแปดคนเดินตามหลังอย่างถ่อมตนเป็นพิเศษ ทั้งยกน้ำชา ทั้งรินน้ำดื่ม ทั้งแนะนำอย่างละเอียด ปรนนิบัติแขกสำคัญทั้งสองท่านอย่างเอาใจใส่ชั้นสอง สิ่งของที่จัดวางล้วนเป็นของคุณภาพชั้นเยี่ยม ฉู่เจียวเจียวถูกใจปิ่นระย้าทองขนนกหงส์ที่วางอยู่ตรงกลางชั้นวางในปราดเดียว “น้องหญิง เจ้าดู!”งามมาก!หรูหรามาก!ลูกจ้างรีบก้าวออกมาข้างหน้าอย่างตาดี กล่าวอธิบาย “สายตาคุณหนูสามเฉียบแหลมยิ่งนัก! ขนนกหงส์ชิ้นนี้ของสมบัติประจำร้านของเรา โครงของมันแกะสลักมาจากซากกระดูกหงส์โบราณ บนขนนกทุกเส้นฝังพลอยทับทิมแปดด้านอันประณีต ดูดซับแสงแห่งฟ้าดิน ส่องทะลุสีสันแห่งสรรพสิ่ง…”เขาอธิบายเป็นชุดเมื่อดูราคา : สองหมื่นตำลึงในอกของฉู่เจียวเจียวมีตั๋วเงินค่าหนึ่งพันกว่าตำลึง แต่สายตากลับจ้องขนนกหงส์ที่เปล่งประกายชิ้นนี้ไม่กะพริบตา ราวกับถูกตรึงอยู่ตรงนั้น ขยับไปไหนไม่ได้แล้วในแววตาเต็มไปด้วยความกระหายงามมาก!หากในวันแต่งงาน
ฉู่เจียวเจียวควงแขนฉู่เชียนหลีมาถึงชั้นหนึ่ง ข้างหลังมีลูกจ้างเดินตามเจ็ดแปดคน บนโต๊ะจ่ายเงิน มีกล่องหีบห่อยี่สิบกว่าใบวางอยู่ตรงนั้น การใช้จ่ายอย่างใจป้ำดึงดูดสายตาที่อิจฉาของแขกไม่น้อยยิ่งมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เบาๆ“เครื่องประดับทุกชิ้นในร้านอัญมณีราคาแพงมาก สามารถซื้อหนึ่งชิ้นก็ร่ำรวยมากแล้ว คุณหนูสามฉู่ถึงกับซื้อยี่สิบกว่าชิ้นในคราวเดียว!”“สวรรค์ ช่างอิจฉานัก นี่ต้องใช้เงินเท่าไร นางต้องมีเงินเท่าไร!”“ใกล้จะถึงงานแต่งของคุณหนูสามฉู่กับอ๋องหลีแล้ว ข้าได้ยินมาว่าอ๋องหลีโปรดปรานคุณหนูสามฉู่มาก ยิ่งกว่านั้นยังนำเงินเก็บทั้งหมดของตัวเองออกมา เพียงเพื่อปลอบหญิงงามยิ้ม”“ช่างน่าอิจฉายิ่งนัก…”ปลายหูฉู่เจียวเจียวขยับเล็กน้อย เก็บเอาคำพูดเหล่านั้นเข้าหูทั้งหมด คางที่หยิ่งผยองเชิดขึ้น รับความสนใจอย่างเต็มที่ ราวกับตนเองก็คือดวงจันทร์ที่แขวนอยู่บนท้องฟ้านางควงแขนฉู่เชียนหลี พูดเสียงดัง “คิดเงิน!”เถ้าแก่ยิ้มจนตาหรี่เหลือแค่รอยแยกเส้นเดียวแล้ว ลูกคิดเสียงดังต๊อกๆ“คุณหนูสาม ทั้งหมดสี่หมื่นสามพันตำลึงขอรับ ไม่ทราบว่าเป็นเงินสด หรือตั๋วเงินฝากเฉียนจวง[footnoteRef:1]? จะให้พวกเราช่วยส
ออกจากร้านอัญมณีตามถนนตอกซอกซอยเต็มไปด้วยผู้คนสัญจรไปมา พ่อค้าแม่ค้าตะโกนเร่ขายของ สินค้านานาชนิดล้นหลาม คึกคักมากฉู่เชียนหลีพลางเดินพลางดูเยว่เอ๋อร์เดินตามอยู่ข้างๆ นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในร้านอัญมณีก่อนหน้านี้ นางอดไม่ได้ที่จะถามด้วยความสงสัย“พระชายา คุณหนูสามซื้อเครื่องประดับราคาสี่หมื่นสามพันตำลึงในคราวเดียว นางมีเงินมากมายเช่นนั้นตั้งแต่เมื่อไร?”คิดตามเบี้ยเดือนเดือนละห้าตำลึงของคุณหนูสาม ต่อให้นางไม่กินไม่ดื่มสิบชาติ ก็ไม่มีปัญญาซื้อมากมายเช่นนั้นอันอี๋เหนียงก็ไม่มีเงินมากเช่นนั้นอ๋องหลีจะจัดงานแต่งครั้งใหญ่ จำเป็นต้องใช้เงิน ยิ่งไม่มีทางมีเงินเหลือให้คุณหนูสามแล้วฉู่เชียนหลีเดินไปเรื่อยๆ “นางอยากให้ข้าจ่าย”“หา นี่…” เยว่เอ๋อร์ประหลาดใจ“ตั้งแต่เล็กจนโต นางวางท่าบาตรใหญ่กับข้าจนเคยตัว เมื่อก่อน นางสั่งให้ข้าทำอะไร ต่อให้ข้าไม่ยินยอม ก็จะบังคับให้ข้าทำ นางติดนิสัยพูดหนึ่งไม่เป็นสอง คิดว่าวันนี้ข้าจะจ่ายเงินให้เงิน”เมื่อเยว่เอ๋อร์ได้ยินคำพูดนี้ ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ “นางรังแกท่านเช่นนี้ ท่านยังจะเลือกของขวัญแต่งงานให้นางด้วยตัวเองอีก?”“ใครว่าข้าจะมอบให้ฉู่เ
ทองหนึ่งตำลึงเท่ากับเงินหนึ่งร้องตำลึง ทองแท่งแท่งนี้อย่างน้อยก็สองชั่ง เท่ากับหนึ่งแสนตำลึง…นี่มันล้ำค่าเกินไปแล้ว!“เจ้าไปเอาทองมากมายเช่นนี้มาจากไหน?” เฟิงเย่เสวียนถามอย่างตะลึงงัน“ตอนกลับจากเมืองเซียงหนาน บังเอิญเจอถ้ำแห่งหนึ่ง เก็บมาจากที่นั่น”เฟิงเย่เสวียนหน้าบึ้ง “เจ้าเห็นข้าเป็นคนโง่หรือ?”ฉู่เชียนหลีถอนหายใจ มองหน้าเขาอย่างสัตย์จริง “ท่านอ๋อง ข้าจะโกหกท่านได้อย่างไร? ข้าคือคนที่ซื่อสัตย์ที่สุดในโลกแล้ว”——นายมันคนโง่อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?——มีที่ไหนแต่งงานมอบเจ้าแม่กวนอิมปางประทานบุตร? ฉันว่านายแต่งงานมาตั้งนานแล้ว ก็ยังไม่เห็นมีลูกสักคน เจ้าแม่กวนอิมปางประทานบุตรองค์นี้เก็บไว้ให้นายใช้เองน่าจะเหมาะกว่า เขากัดฟัน “...ฉู่เชียนหลี!”“ข้าอยู่นี่!” ฉู่เชียนหลีขานรับเสียงดัง “ไม่ทราบว่าท่านอ๋องมีอะไรจะสั่ง? มีเรื่องสงสัยอะไรหรือ? ข้าจะบอกทุกอย่างที่ข้ารู้ จะไม่ปิดบังแม้แต่น้อย”——มีแต่คนไร้ความสามารถ ถึงจะตะโกนชื่อคนอื่นด้วยความโกรธแบบนี้! แยกเขี้ยวโชว์กรงเล็บ วางมาดใหญ่โตให้คนดู คนมีของเขาลงมือตั้งนานแล้ว!“...”เขาลงมือได้หรือ?เขากล้าลงมือหรือ?ผู้หญิงคนนี้ปากคอ