มันเป็นหน้ากากน่าเกลียด ปากสีฟ้ามีเขี้ยว ตาสีแดงเขายาว! “สวรรค์!” มีคนมองเห็นแล้ว “นี่…”ฮูหยินอู๋สะดุ้งตกใจ รีบเก็บหน้ากากนั่นยัดเข้าไปในแขนเสื้อโดยไม่สนใจความเจ็บปวดของร่างกายแต่ทุกคนเห็นแล้ว!“ฮูหยินอู๋ ที่แท้เป็นฝีมือของเจ้า!”“หน้ากากปากสีฟ้ามีเขี้ยวนี่…ที่แท้เป็นเจ้า เจ้ายังพูดอย่างมั่นใจว่าเป็นพระชายาอ๋องเฉิน เมื่อครู่ เจ้านี่แหละที่พูดเสียงดังที่สุด! คิดไม่ถึงจริงๆ…”แขกเหรื่อต่างตําหนิด้วยคําพูดที่เฉียบคมหลักฐานมัดตัว ยังคิดจะบ่ายเบี่ยง?ก่อนหน้านี้ฮูหยินอู๋ถูกฉู่เชียนหลีต่อว่า จึงแค้นฝังใจ เดิมทีคิดจะหยอกล้อฮูหยินผู้เฒ่าหวังเล่นๆ เพื่อใส่ร้ายฉู่เชียนหลี ให้นางหลาบจำ แต่ใครจะรู้ว่านางมีความรู้ทักษะการแพทย์ ยิ่งคิดไม่ถึงว่าจะถูกจับได้นางตื่นตระหนกแล้ว“ไม่ ไม่ใช่ข้า…หน้า หน้า…หน้ากากนี่ข้าเก็บได้…ข้าเก็บได้…”ใต้เท้าหวังโกรธแล้ว “ฮูหยินอู๋ ฮูหยินของข้ามีความแค้นอะไรกับเจ้า!”ลูกชายของใต้เท้าหวังก็ตะคอกด้วยความโกรธเช่นกัน “วันนี้หากเจ้าไม่ให้คำอธิบาย อย่าคิดไปจากที่นี่!”“ฮูหยินอู๋ จิตใจเจ้าอำมหิตมาก!”“ไม่ ไม่ใช่ข้า…” ฮูหยินอู๋กลัวมาก นางวิ่งไปหาชายวัยกลางคนคน
ที่แท้เขาไม่เสียใจเพราะเรื่องนี้!ฉู่เชียนหลีมึนงง “เพราะอะไร...”ไม่ใช่บอกว่าทันทีที่ก้าวเข้าสู่ประตูวังหลวงที่ลึกราวกับทะเล ก็จะเป็นจักรพรรดิที่ไร้เมตตาที่สุดงั้นเหรอ? ไม่ใช่บอกว่าคนที่เกิดในวังหลวง ก็จะต้องละทิ้งอารมณ์ความรู้สึก เหยียบย่ำศพเพื่อปีนขึ้นไป ถึงจะไม่กลายเป็นเหยื่อสังเวย?“องค์รัชทายาททำร้ายเขาครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เขากลับอดทนยอมให้เสียทุกครั้ง?”หานเฟิงแอบถอนหายใจเป็นเพราะเกิดในราชวงศ์ ยากที่จะได้รับความรัก นายท่านถึงได้ทะนุถนอมมากเช่นนั้น“พระชายาอาจจะยังไม่ทราบ ตอนที่นายท่านยังเด็ก พี่น้องหลายคนออกล่าสัตว์อยู่ที่ชานเมือง เขาไม่ทันระวังจึงถูกหมาป่าตัวหนึ่งกัดเข้าที่ขา อันตรายเกือบถึงชีวิต เป็นองค์รัชทายาทที่ช่วยชีวิตเขาเอาไว้ ยังแบกเขาจากนอกเมืองกลับวังหลวงด้วย...”ตอนเด็ก พวกพระโอรสเกาะกลุ่มกัน เล่นสนุกโดยไร้ความระแวง มิตรภาพแน่นแฟ้นตามการเติบโตของอายุ เมื่อพวกเขาโตขึ้น รู้ความ ค่อย ๆ เข้าใจถึงความสำคัญของสถานะ ผลประโยชน์ อำนาจ ระหว่างพี่น้องไม่ร่วมมือกัน ห่างกันขึ้นเรื่อย ๆ“หากให้ข้าน้อยพูด หลายปีมานี้ นายท่านไม่มีความทะเยอทะยานใด พระชายาเชื่อหรือไม่?”ฉ
แอ๊ด...ประตูห้องค่อย ๆ ปิดลง แสงของด้านในห้องมืดลงไม่น้อย หมาป่าค่อย ๆ เผยให้เห็นปลายเคี้ยวแหลมคม และกรงเล็บที่แหลมคม จับตัวลูกแกะ เลี้ยวไปทางตั่งนอนเกลี้ยกล่อมเบา ๆ ราวกับการลักพาตัว...ช้าก่อน!เมื่อมองเห็นเตียงนอน ฉู่เชียนหลีราวกับถูกตีแสกหน้า ได้ปฏิกิริยาตอบโต้ขึ้นมาทันควัน ถอยออกมาจากอ้อมกอดของชายหนุ่มฉับพลัน“ดึกมากแล้วจริง ๆ น้อมส่งท่านอ๋อง!”ถอยออกไปสามก้าว โค้งตัวคำนับ เว้นระยะห่างเฟิงเย่เสวียนขมวดคิ้วเล็กน้อย เมื่อครู่นี้ยังดี ๆ อยู่ เกือบจะอยู่บนเตียงแล้ว ผู้หญิงคนนี้...ฉลาดปราดเปรื่องมาก ปฏิกิริยาตอบโต้เร็วมาก ความรู้สึกไวมากเช่นกันอยู่ในจวนยังระแวงเขาขนาดนี้ จุดนี้ไม่ดีไม่ดี ๆ ต้องแก้ไข“เชียนหลี หานเฟิงบอกว่า...”“ข้าจะนอนกับเยว่เอ๋อร์”“?”ยอมนอนกับสาวใช้ แต่ไม่ต้องการเขา หรือว่าเขาเทียบไม่ได้แม้กระทั่งสาวใช้!เห็นชัด ๆ ว่ากำลังงอนเขาอยู่“เชียนหลีเจ้ายังโกรธอยู่?”ฉู่เชียนหลีชะงักเล็กน้อยเขาไม่เอ่ยยังดีก ทันทีที่เขาเอ่ยขึ้น นางก็นึกถึงตอนก่อนหน้านี้ที่เขาดุร้ายขนาดนั้น บีบบังคับนาง ตะคอกนาง ดุนาง...สีหน้าค่อย ๆ ห่อเหี่ยวลง“ท่านอ๋องหรือว่าไม่คว
ฉู่เชียนหลีมีชีวิตมาถึงสองชาติแล้ว ขนาดความตายก็ยังผ่านมาแล้ว ยังมีอะไรที่ไม่เคยเห็นอีก?เธอไม่คิดว่าตัวเองจะแพ้เหลือบตามองชายหนุ่มด้วยรอยยิ้มล้ำลึก ความล้ำลึกในดวงตาราวกับหลุมดำ มองไม่เห็นก้นบึ้ง ทันทีที่มองแวบหนึ่ง ก็ราวกับถูกดูดเข้าไป ทำให้คนอยากจะเข้าใกล้เขาอย่างอดใจไม่ได้เธอยกริมฝีปากขึ้น “ได้”ในเมื่อเขาจงใจหลอกล่อให้เธอติดกับ ถ้าอย่างนั้นเธอก็จะทำให้เขาได้รู้ว่า ‘อะไรถึงเรียกว่าความอันตรายและน่ากลัวของโลกนี้!’“เชียนหลีเชิญ” ชายหนุ่มยกมือขึ้น รัศมีความโค้งของริมฝีปากลึกขึ้นพวกผู้หญิง คำถามที่จะถามก็คงไม่พ้นพวกสีชาดแป้งน้ำ พิณ หมากรุก วาดภาพ พู่กันดนตรีจารีตเป็นต้น ถ้าลึกลงไปอีกสักหน่อย ก็เป็นผู้ชาย ความรัก เขาล้วนตอบได้หมดนอกจากนี้ เขาได้ยินเสียงหัวใจของนางด้วยคืนนี้ ตั่งนอนของเชียนหลี เขาจองเอาไว้แล้ว!มือทั้งสองข้างของฉู่เชียนหลีไพล่หลัง ก้าวเดินสองก้าว คิดอยู่สิบกว่าวินาที ถึงได้เอ่ยปากกล่าว“เมื่อหลายวันก่อน ข้าซื้อไข่ไก่บ้านจำนวนสิบฟองจากยายแก่คนหนึ่ง เอาไปเรียงไว้ในตู้” นางยื่นนิ้วมือออกมาชี้ไปยังตู้ไม้ที่อยู่ด้านข้างใบหนึ่ง“เมื่อวันก่อน หยิบไปสิบฟอง เยว่เ
คืนนี้ฉู่เชียนหลีหลับสบายเป็นพิเศษบางทีอาจจะเป็นเพราะความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการปราบโจรภูเขากว่างหนิงได้คลี่คลายแล้ว บางทีอาจจะเป็นเพราะเมื่อคืนนี้ใครบางคนอยากจะคิดร้ายกับนาง แต่กลับถูกตลบหลังจนน่าอับอาย นางมีความสุขยิ่งนัก แม้กระทั่งแสงแดดในวันถัดมายังงดงามขึ้นไม่น้อยวันรุ่งขึ้นฤดูใบไม้ร่วงอากาศเย็นสบายฉู่เชียนหลีตื่นแต่เช้าตรู่ แต่กลับถูกพ่อบ้านแจ้งว่าให้ไปกินอาหารที่โถงด้านหน้านี่เป็นครั้งแรกของนางที่ได้ไปโถงด้านหน้าเดิมทีคิดว่าเป็นเพราะมีแขกมาเยือนจวน จำต้องเข้าร่วม เมื่อตอนที่ไปถึง กลับพอว่าภายในห้องโถงอันใหญ่โตโอ่อ่า มีเพียงเฟิงเย่เสวียนคนเดียวเท่านั้นที่แท้...เป็นอาหารเช้าของนางกับเขา เป็นครั้งแรกที่พวกเขากินอาหารเช้าด้วยกันอาหารบนโต๊ะมากมายหลากหลาย มีอาหารสิบสองอย่าง การตกแต่งจานงดงาม ทั้งผักและเนื้อปริมาณเหมาะสม กลิ่นหอมคละคลุ้ง ยังมีของหวาน น้ำผลไม้ ชาหอมที่ตั้งใจทำอย่างพิถีพิถัน มาตรฐานสูงยิ่งฉู่เชียนหลีเลือกที่นั่งว่าง แล้วนั่งลงอย่างสง่างาม ทักทายพร้อมรอยยิ้ม“ท่านอ๋องเมื่อคืนหลับสบายดีหรือไม่?”“...”ทันทีที่หญิงสายเอ่ยปาก เฟิงเย่เสวียนก็รู้สึกอัดอั้
วิ่งเร็วมากพ่อบ้านเฒ่ายิ้มจนตาหยีเป็นเส้นตรง จนจะมองไม่เห็นแล้ว “ท่านอ๋อง นี่พระชายากำลังอาย”เฟิงเย่เสวียนเลิกคิ้วนางเขินอายเป็น?น่าประหลาดไม่แน่ว่าตอนนี้นางอาจจะกำลังคิดว่าเหตุใดเขาจึงดีต่อนางเช่นนั้น ไม่ใช่ว่าเขาคิดจะทำร้ายนาง เขาต้องมีแผนการร้ายอะไรอย่างแน่นอน...พ่อบ้านเฒ่ากล่าวทันที “เมื่อครู่นี้ตอนที่พระชายาทานอาหาร บ่าวจ้องเจาะจงมองอยู่หลายครั้ง พบว่าพระชายาค่อนข้างชอบทานหมูเส้นผัดเปรี้ยวหวาน ปลาน้ำแดง หัวปลานึ่งราดพริก ยังค่อนข้างชอบทานเผ็ดอีกด้วย พวกน้ำแกงและอาหารพวกผักที่มีรสจืดพวกนั้น นางไม่แตะต้องเลยสักนิด”เฟิงเย่เสวียนกวาดสายตามองพ่อบ้านเฒ่าอย่างค่อนข้างพึงพอใจแวบหนึ่ง พ่อบ้านเฒ่าทำงานจริงจัง ประสิทธิภาพการทำงานสูง ความคิดรอบคอบ ทำงานละเอียดผิดพลาดน้อย จุดนี้ทำให้พอใจมาก“นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป อาหารในเรือของพระชายาจะต้องมีเจ็ดอย่างเป็นอย่างน้อย ทั้งหมดทำตามรสชาติที่นางชอบ”ชายหนุ่มลุกขึ้น เตรียมที่จะออกไป ทันใดนั้น ก็หันหน้ากลับไป“ยังมีอีกเรื่อง กำชับห้องครัว อย่าใส่ต้นหอม นางไม่ชอบ”พ่อบ้านเฒ่าอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยิ้มอย่างล้ำลึกพระชายาไม่ชอบกิ
จวนอัครมหาเสนาบดีฉู่ภายในเรือนที่งดงามหลังหนึ่ง แสงแดดในฤดูใบไม้ร่วงไม่ได้ร้อนแผดเผา แต่กลับมีความอบอุ่น เมื่อสาดส่องลงมาที่ตัวก็กำลังพอดี สบายอย่างยิ่งภายในศาลา สองคนแม่ลูกกำลังปอกเปลือกองุ่นด้วยท่าทางสง่างาม โบกพัด เสพสุขกับชีวิตอันสุขสบาย“ท่านแม่ ฉู่เชียนหลีได้รับความโปรดปรานจากอ๋องเฉินแล้ว จะกลับมาหรือ?”ฉู่เจียวเจียวเอ่ยปากถามนางอันกรีดกรายเล็บมือที่เรียวยาวอย่างเกียจคร้าน นิ้วดอกกล้วยไม้[footnoteRef:1]เด็ดองุ่น ค่อย ๆ ปอกเปลือกทีละนิด กล่าวด้วยเสียงไม่พอใจ [1: กระบวนท่าวาดมือไม้ กรีดกรายนิ้วที่อ่อนช้อย] “นางเป็นลูกสาวของข้า ข้าเป็นแม่ของนาง นางไม่เชื่อฟังข้า ทั่วทั้งเมืองหลวงจะได้รู้ว่าพระชายาอ๋องเฉินแต่งงานไปแล้ว ก็ลืมมารดา เป็นลูกอกตัญญู”นางกล้าไม่กลับมา?หึ~“ถ้าไม่ใช่เพื่อเจ้า” นางอันกินองุ่นลงไป เช็ดปลายนิ้วจนสะอาด แล้วใช้นิ้วชี้จิ้มไปที่หน้าผากของฉู่เจียวเจียวแรง ๆ“ถ้าหากเจ้าเชื่อฟังคำของแม่ อยู่ให้ห่างจากอ๋องหลีคนนั้น แม่จะต้องทุกข์ใจเพราะเจ้าขนาดนี้หรือ?”“ชอบใครไม่ชอบ ดันจะไปชอบขยะอย่างอ๋องหลีผู้ไร้อำนาจไร้อิทธิพลคนนั้น ทั้งยังไม่ได้รับความโปรดปรานนั่
ฉู่เชียนหลีเงยหน้าทันที “?”ตรวจตราทางใต้?ให้อ๋องเฉินพาอ๋องหลีไปด้วยนางอันค่อย ๆ เอ่ย “ท่านพ่อของเจ้าเห็นด้วยเรื่องการแต่งงานของเจียวเจียวกับอ๋องหลีแล้ว อีกไม่กี่วันในวังหลวงก็จะมีราชโองการลงมา แต่ว่ามารดาผู้ให้กำเนิดของอ๋องหลีจากไปไว ฝ่าบาทก็ไม่ได้โปรดปรานเขาสักเท่าใด เจ้าให้อ๋องเฉินพาเขาไปด้วยบ่อย ๆ”ฉู่เชียนหลีเข้าใจจุดประสงค์ของนางอันทันทีอ๋องหลีไม่ได้รับความโปรดปราน อ๋องเฉินได้รับความโปรดปรานที่สุด นางต้องการให้อ๋องเฉินสนับสนุนอ๋องหลีนี่จะเป็นไปได้อย่างไร!องค์ชายมากมายขนาดนั้น แต่ราชบัลลังก์มีเพียงแค่หนึ่งเดียว คนที่มีโอกาสเป็นจักรพรรดิที่สุด จะสนับสนุนผู้ที่อ่อนแอที่สุดได้อย่างไร?ทันทีที่อ๋องเฉินทำแบบนี้ ฝ่าบาทก็จะระแวงยิ่งไปกว่านั้น เรื่องนี้เกี่ยวพันกับสมาชิกของราชวงศ์ การแก่งแย่งชิงดีระหว่างองค์ชาย ไม่ได้ง่ายเหมือนการแก่งแย่งชิงดีกันในครอบครัวความคิดของนางอันจะใหญ่โตเกินไปหน่อยแล้ว!ฉู่เชียนหลีปฏิเสธทันที “ท่านแม่ ท่านมองอ๋องเฉินง่ายเกินไปแล้ว เขาเป็นถึงองค์ชาย เป็นไปได้อย่างไรที่จะสนับสนุนองค์ชายองค์อื่น? เรื่องนี้หากจัดการไม่ดี จะพลอยเดือดร้อนข้า เดือดร้อน
ฉู่เชียนหลีจากไปห้าที่หก เจียงเป่ยประกาศหนังสือสงครามต่อเจียงหนาน เนื้อหามีอยู่ว่า คืนองค์หญิงเฟิงเจิ้งลู่ฉินภายในสามวัน ไม่คืนยกทัพบุกโจมตีเหตุผลเห็นสมควรอย่างยิ่งขอลูกสาวของตัวเองคืนหลังจากฉู่เชียนหลีรู้ อารมณ์สับสนอย่างบอกไม่ถูก เพราะนางรู้ว่าเฟิงเจิ้งหลีไม่ได้รักเฟิงเจิ้งลู่ฉิน เขาแค่ต้องการใช้ข้ออ้างขอลูกสาวคืน เพื่อบุกโจมตีเจียงหนาน“พระชายา ทำอย่างไรดี?”อวิ๋นอิงถามพื้นห้องถูกปูด้วยพรมหนาๆ เด็กทั้งสามคนวิ่งเล่นบนนั้น สะดุดล้ม ชนกัน กระแทกกัน ถูกพรมปกป้องอย่างดี ไม่ได้รับบาดเจ็บหลายวันที่อยู่ด้วยกัน เด็กทั้งสามคนคุ้นเคยกันแล้ว และเล่นด้วยกันอย่างมีความสุขเจ้าไล่ข้า ข้าไล่เจ้าคลานไป คลานมาเจ้าแย่งขวดนมของข้า ข้าหยิกหน้าของเจ้า พูดอีอาๆ แม้ไม่มีใครฟังเข้าใจฉู่เชียนหลีนั่งอยู่ที่ข้างโต๊ะ มองไปทางลู่ฉินลู่ฉินคลอดก่อนกำหนด รูปร่างผอมและยังมีโรคหัวใจ เหมือนกับตุ๊กตาที่อ่อนแอตัวหนึ่งเฟิงเจิ้งหลีไม่รักนาง ฉู่เจียวเจียวไม่ชอบนาง ถ้าหากนางกลับเจียงเป่ย ยังไม่รู้ว่าต้องเจอกับอะไร…ขณะที่นางกำลังกังวล ลู่ฉินที่กำลังคลานเล่นเหมือนรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง คลานไปที่ตรงหน้า
เฟิงเจิ้งหลีมาถึงตำหนักของไท่ซ่างหวงเหมือนไท่ซ่างหวงคาดการณ์ไว้นานแล้ว กำลังนั่งพิงบนหัวเตียงรอเขา สายตาของสองพ่อลูกบรรจบกันกลางอากาศเกิดความเงียบขึ้นชั่วพริบตาผ่านไปครู้หนึ่ง เฟิงเจิ้งหลีเดินเข้าไปอย่างเหนื่อยล้า “เหตุใดไม่ไป?”เขาทิ้งร่างกายที่หนักอึ้งนั่งลงไป ระหว่างคิ้วเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า แม้แต่เสียงพูดก็แหบ โดยรวมแล้วดูโทรมมากราวกับบาดเจ็บสาหัสสำหรับเขานั่น ถูกคนที่ชอบและเชื่อใจที่สุดหักหลังและทิ้ง ก็คือการทำร้าย ทิ้ง…เขาเกลียดคำนี้ที่สุดในชีวิตไท่ซ่างหวงมองดูลูกชายที่คล้ายเขาห้าส่วนตรงหน้า และคล้ายมารดาของเขาห้าส่วน พริบตาเดียว ลูกชายก็โตเช่นนี้แล้ว และเขาก็ขาดความรักมากมายเหลือเกินในดวงตาที่ขุ่นมัว เผยให้เห็นความรู้สึกผิดหลายส่วน“ถ้าหากข้าไปแล้ว เจ้าจะไม่เหลือญาติแม้แต่คนเดียว”“!”ร่างกายเฟิงเจิ้งหลีสั่นสะท้าน แผ่นหลังแข็งฉับพลันญาติ…ตั้งแต่เล็กจนโต นี่เป็นครั้งแรกที่ท่านพ่อใช้คำนี้เรียกความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขา“หลีเอ๋อร์ ข้ารู้ หลายปีมานี้ พ่อติดค้างเจ้าเยอะมาก พ่อให้ความสำคัญกับบ้านเมืองจนมองข้ามเจ้า ในใจพ่อรู้สึกผิดนัก” ไท่ซ่างหวงกล่าวอย่า
คืนแรกที่ออกจากเมืองหลวงฉู่เชียนหลีนอนไม่หลับ…เมืองหลวงอันไกลโพ้นที่อยู่อีกฟากของแม่น้ำอูหลาน วังหลวงจุดเทียนสว่างไสวในยามค่ำคืนที่มืดมิด เหล่านางกำนัลถือโคมไฟ ก้มหน้าเดินผ่านยังเงียบๆ ไม่มีใครกล้าพูดมากตำหนักเจาหยางทุกที่มืดมิด ไร้ผู้คน และไม่มีเทียนแม้แต่เล่มเดียว เหมือนกับถูกความมืดกลืนกิน เงียบราวกับดินแดนไร้ผู้คนแต่ท่ามกลางความมืดนั่น กลับมีเสียงหายใจเย็นๆ สายหนึ่งเบาจนแทบไม่ได้ยิน เฟิงเจิ้งหลีนั่งอยู่บนบันได ร่างกายของเขากลมกลืนกับความมืดจนมองเห็นแทบไม่ชัด ดวงตาคู่นั้นฉายแสงในความมืด ราวกับจมอยู่ในเหวลึกอันไร้ที่สิ้นสุดในอดีตที่นี่เคยมีเสียงหัวเราะของเด็กๆ เคยมีรอยยิ้มของนาง ท่าทางที่อ่อนโยนของนาง และเสียงอันนุ่มนวลที่พูดคุยกับเขา ภาพเหล่านั้นเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานทั้งหมดยังคงอยู่ในสมองของเขา ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขาชัดเจนมากตราตรึงมากนางเคยพูด อยู่ข้างกายเขา รู้สึกสบายใจมากนางเคยพูด จื่อเยี่ยชอบเขา นางก็จะดีกับเขานางเคยพูด…คำพูดไพเราะนางเป็นคนพูด เรื่องใจร้ายก็นางเป็นคนทำล้วนเป็นนาง!ฉู่เชียนหลี!โกหกเขาครั้งแล้วครั้งเล่า เขาเชื่อครั้งแล้วครั้
“คุณหนูอย่าคิดมาก แม้องค์หญิงแคว้นหนานยวนท่านนี้น่ารังเกียจไปบ้าง แต่นางทำงานเสร็จ ก็น่าจะกลับแคว้นแล้ว ก็แค่เจอกันชั่วคราว ทำอะไรไม่ได้หรอก” จิ่งอี้กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมฉู่เชียนหลีไม่ได้คิดมากอย่างไรก็ตามผู้ชายอย่างเฟิงเย่เสวียนที่อายุยังน้อย รูปร่างหน้าตาโดดเด่น มีฐานะมีอิทธิพล สมบูรณ์แบบไปเสียทุกอย่าง มีผู้หญิงมากมายชอบก็เป็นเรื่องปกติถ้านางจะถือสา คนมากมายเช่นนั้น จะถือสาไหวได้อย่างไร?นางนึกถึงเรื่องของกู่แพทย์ มองจิ่งอี้อย่างจริงจัง เห็นสีหน้าของเขาค่อนข้างซีดเหมือนคนป่วย ก็รู้แล้วว่าเขากำลังใช้ร่างกายตัวเองเลี้ยงกู้แพทย์“เลี้ยงรอดหรือไม่?” นางถามเบาๆมีการบันทึกในตำราโบราณ กู่แพทย์ชนิดนี้อ่อนแอเลี้ยงยาก เผลอไม่ระวังนิดเดียวก็จะตาย สิ่งที่ทำมาก่อนหน้านี้ก็เปล่าประโยชน์จิ่งอี้หลุบตา เสียงเบามาก“เลี้ยงแล้วสามสิบกว่าตัว ในที่สุดก็เลี้ยงรอดสองตัว…”กู่แพทย์สองตัวนี้ ตอนนี้ถูกเขาเก็บไว้ในหน้าอก พกติดตัวไปทุกที่ ต่อให้เป็นเวลานอน ก็จะนำออกมาดูเป็นระยะกลัวว่าพลั้งเผลอนิดเดียว พวกมันก็จะตายฉู่เชียนหลีเหลือบมอง “อวิ๋นอิงรู้หรือไม่?”“นางไม่รู้ขอรับ คุณหนู อย่าพูดถ
เป็นเด็กผู้หญิงอายุประมาณสิบหกสิบเจ็ดปีใบหน้างดงาม การแต่งกายดูขี้เล่นแต่ยังคงสูงศักดิ์ มัดมวยผมและถักเปียหางม้า ซึ่งบ่งบอกว่านางยังไม่แต่งงาน กระโดดออกมาปรากฏตัว ท่าทางที่สดใสร่าเริงนั่น ทำให้ดูเข้าถึงได้ง่ายมากฉู่เชียนหลีเหลือบมอง“เจ้าคือ…”“ข้าชื่อจวินลั่วยวน เป็นองค์หญิงแคว้นหนานยวน”นางแนะนำตัวเอง เสียงนั่นเหมือนนกขมิ้นที่บินออกจากหุบเขา สดใสไพเราะ“อ๋องเฉินกับฮ่องเต้ตงหลิงสู้กัน เสด็จพ่อให้ข้ามาช่วยอ๋องเฉินที่เจียงหนาน ก็เพราะข้าแทรกแซง ฮ่องเต้ตงหลิงจึงให้ความสำคัญกับศึกเมืองเทียนสู่เป็นพิเศษ และลงสนามรบด้วยตัวเอง”ไม่เช่นนั้น ยังไม่สามารถล่อฮ่องเต้ตงหลิงออกมาได้ล่อเสือออกจากถ้ำ พระชายาอ๋องเฉินจึงสามารถกลับมาอย่างปลอดภัยพูดถึงก็ล้วนเป็นผลงานของนางฉู่เชียนหลีเข้าใจแล้วองค์หญิงของแคว้นหนานยวนท่านนี้ ได้ยินมานานแล้วว่าเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของฮ่องเต้หนานยวน เป็นแก้วตาดวงใจที่เหมือนไข่มุกงามบนฝ่ามือ ถูกเอาใจใส่อย่างดีตั้งแต่เด็ก“รบกวนองค์หญิงแล้ว” นางพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม ถือเป็นมารยาทจวินลั่วยวนประหลาดใจเล็กน้อย “?”แค่นี้?ไม่มีแล้ว?พูดแค่สี่คำก็แสดงความขอบค
เด็กน้อยที่ดูกลัวๆ ในตอนแรก เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เหมือนกับเจอที่พึ่งพิง เบ้าตาแดงก่ำ มุดเข้าไปในอ้อมแขนของนาง“อุแว้!”ร้องไห้เสียงดังนางกลัวมากแม่ของนางไม่อยู่ นางถูกคนรับใช้โยนไปโยนมา กินไม่อิ่ม นอนไม่หลับ และยังไม่กล้าร้องไห้ เพราะไม่มีใครกล่อมนางอย่างอ่อนโยนและอดทนเหมือนท่านแม่ในที่สุดก็ได้กลิ่นที่คุ้นเคยแล้วไม่สามารถควบคุมความน้อยใจที่กดเอาไว้ได้อีกต่อไป ปล่อยโฮร้องไห้“ฮือๆ…”สองมือจับเสื้อฉู่เชียนหลี มุดเข้าไปในอกของนางก็ร้องไห้อวิ๋นอิงยกมือขวาขึ้น รีบรับรองทันที “พระชายาวางใจได้ ตอนที่ท่านไม่อยู่ พวกเราดูแลลู่ฉินอย่างดี ไม่มีใครรังแกนางแน่นอน นางน่าจะคิดถึงท่านมาก จึงร้องไห้เช่นนี้”“ท่านไม่รู้หรอก แม้ลู่ฉินยังเล็ก แต่นางรู้ว่าใครเป็นใคร นางจะเอาท่านคนเดียว พึ่งพาท่าน คิดถึงท่าน”หัวใจฉู่เชียนหลีละลายตั้งแต่เด็กคนนี้เกิดมา นางเลี้ยงเองกับมือมาโดยตลอด และความเชื่อใจและการพึ่งพาที่เด็กมีต่อนาง ก็คือการตอบแทนที่ดีที่สุด“ไม่ร้องนะ”นางเช็ดน้ำตาเบาๆ “แม่กลับมาแล้ว ต่อไปจะไม่ไปอีกแล้ว”ในเมื่อเฟิงเจิ้งหลีกับฉู่เจียวเจียวไม่เอาเด็กคนนี้ นางเลี้ยงเอง“แม่…”เสียง
ท้ายที่สุดเฟิงเจิ้งหลีก็ไม่ได้ลงมือกองทัพทั้งสองฝ่ายประจันหน้ากันในระยะไกลทั้งเช่นนี้เฟิงเย่เสวียนกอดฉู่เชียนหลีไว้ จับเชือกบังเหียนม้าแน่น ขี่ม้าจากไปเฟิงเจิ้งหลียืนอยู่ที่ข้างแม่น้ำ ร่างกายที่บอบบางถูกลมเย็นพัดจนเสื้อคลุมพลิ้วไหว สีหน้าซีดเผือด แววตาอ่อนล้า มุมปากยังมีคราบเลือด ยืนมองนิ่งๆ ทั้งเช่นนี้…มอง…รอหลังจากขบวนของอ๋องเฉินหายลับตา เขายังคงยืนอยู่ข้างแม่น้ำ เนิ่นนานก็ไม่ขยับสองเท้าหนักเหมือนถูกถ่วงด้วยตะกั่ว สายตามองตรงไปข้างหน้ากลิ่นอายรอบตัวขรึมมาก สีหน้าแยกไม่ออกว่าดีใจหรือโกรธชั่วขณะ ไม่มีใครกล้าเอ่ยปากหรือเข้าไป…เจียงหนาน เมืองน้ำ[1] อากาศเย็นสบาย สภาพแวดล้อมดีมากขบวนตรงไปที่ทำเนียบ“ท่านอ๋องกลับมาแล้ว!”“พระชายา?!”เมื่อคนที่เข้ามาต้อนรับเห็นฉู่เชียนหลี แต่ละคนเบิกตากว้างด้วยความตกใจก่อน แต่หลังจากนั้นก็ดีใจ“พระชายากลับมาแล้ว!”“พระชายากลับมาแล้ว!”เสียงโห่ร้องด้วยความดีใจดังก้องไปทั่วท้องฟ้า จากหนึ่งเป็นสิบ จากสิบเป็นร้อย ข่าวแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็วอวิ๋นอิง จิ่งอี้ เฟิ่งหราน คนมากมายรีบมาไม่เจอครึ่งปี มิตรภาพยังคงอยู่“พระชายา ในที่สุ
แสงแห่งรุ่งอรุณยามเช้าริบหรี่เวลาหนึ่งคืนเดียว เร่งเดินทางจากเมืองหลวงไปยังแม่น้ำอูหลาน ในช่วงที่ฟ้าใกล้สว่าง คนทั้งกลุ่มข้ามแม่น้ำเมื่อเดินไปถึงครึ่งทาง จุดที่ไกลออกไป มีขบวนอีกกลุ่มมุ่งหน้ามาอย่างเร่งรีบราวกับกระแสน้ำ สายลมเย็นยามเช้าพัดผ่าน เหมือนกับทัพใหญ่เข้าใกล้ชายแดน บรรยากาศที่กดดันอบอวลกลางอากาศหานเฟิง “นายท่าน อ๋องหลีมาแล้ว…”ขบวนสองกลุ่ม พบกันที่แม่น้ำอูหลานเฟิงเย่เสวียนอยู่บนสะพานเฟิงเจิ้งหลีอยู่บนฝั่งหยาดน้ำฟ้าตก สายน้ำไหลเชี่ยว สาดซัดเข้าฝั่ง หยดน้ำกระเซ็น ในอากาศเต็มไปด้วยความหนาวเย็น สองพี่น้องยืนสบตากันจากระยะที่ห่างกันหลายเมตรอยู่ไกลเกินไป แทบมองไม่เห็นอะไรเลยแต่ก็เหมือนกับว่าพวกเขามองเห็นอีกฝ่ายอย่างชัดเจน ใช้สายตาประลองกันเงียบๆ“ฝ่าบาท” รองแม่ทัพเอ่ยปาก “นี่คือโอกาสดีในการกำจัดอ๋องเฉิน ถือโอกาสตอนที่พวกเขายังอยู่บนสะพาน พวกเราระเบิดสะพาน ให้พวกเขาตกลงไปในน้ำที่ไหลเชี่ยว ไม่ตายก็เหลือแค่ครึ่งชีวิตแน่นอน!”เขาคิดว่า นี่เป็นวิธีที่เหมาะสมมากอ๋องเฉินข้ามสะพานไปครึ่งหนึ่งแล้ว ต่อให้วิ่งไปอีกฝั่งของแม่น้ำ อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาครึ่งก้านธูปเวลาครึ่ง
“เป็นไปได้อย่างไร?”นางกล่าวด้วยความประหลาดใจ “เมื่อห้าวันก่อน ข้าคุยกับเขาแล้ว และจัดการทุกอย่างไว้ให้เขาแล้ว เขาสามารถออกจากวังอย่างราบรื่น นอกเสียจาก…”จู่ๆ นางก็เข้าใจอะไรบางอย่าง เสียงค่อยๆ เบาลงเฟิงเย่เสวียนกล่าวต่อ“เขาไม่อยากไป”ใช่!ไท่ซ่างหวงไม่อยากไปมีความเป็นไปได้เพียงหนึ่งเดียวไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ยังอาลัยอาวรณ์ หรือเพราะสาเหตุอื่น เขาจึงเลือกที่จะอยู่เมืองหลวงแต่ถ้าหากเขาอยู่เมืองหลวง เฟิงเจิ้งหลีต้องหาเรื่องเขาแน่นอนฉู่เชียนหลีเป็นห่วง หลังจากครุ่นคิด ก็เดินออกไปข้างนอกแล้ว“ไม่ได้ ข้าต้องกลับวังหลวง ทิ้งเขาไว้ในเมืองหลวงเพียงลำพังไม่ได้”“ไม่ทันแล้ว”เฟิงเย่เสวียนจับข้อมือของนาง กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “การเคลื่อนไหวเมื่อครู่ทำให้ทุกคนรู้ตัวแล้ว เกรงว่าตอนนี้คนสนิทของเฟิงเย่เสวียนกำลังมา เขาก็อยู่ระหว่างทางกลับเช่นกัน เสียเวลาไม่ได้แล้ว”กำลังหลักของเขาอยู่ที่เจียงหนานไม่เหมาะที่จะอยู่เมืองหลวงนาน ครึ่งปีมานี้ วิธีการของเฟิงเจิ้งหลีเหี้ยมโหด กำจัดพวกต่อต้าน รวบอำนาจเข้าด้วยกัน เมืองหลวงเป็นถิ่นของเขา อยู่ในถิ่นของเขา พวกเขาเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบ