คืนนี้ฉู่เชียนหลีหลับสบายเป็นพิเศษบางทีอาจจะเป็นเพราะความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการปราบโจรภูเขากว่างหนิงได้คลี่คลายแล้ว บางทีอาจจะเป็นเพราะเมื่อคืนนี้ใครบางคนอยากจะคิดร้ายกับนาง แต่กลับถูกตลบหลังจนน่าอับอาย นางมีความสุขยิ่งนัก แม้กระทั่งแสงแดดในวันถัดมายังงดงามขึ้นไม่น้อยวันรุ่งขึ้นฤดูใบไม้ร่วงอากาศเย็นสบายฉู่เชียนหลีตื่นแต่เช้าตรู่ แต่กลับถูกพ่อบ้านแจ้งว่าให้ไปกินอาหารที่โถงด้านหน้านี่เป็นครั้งแรกของนางที่ได้ไปโถงด้านหน้าเดิมทีคิดว่าเป็นเพราะมีแขกมาเยือนจวน จำต้องเข้าร่วม เมื่อตอนที่ไปถึง กลับพอว่าภายในห้องโถงอันใหญ่โตโอ่อ่า มีเพียงเฟิงเย่เสวียนคนเดียวเท่านั้นที่แท้...เป็นอาหารเช้าของนางกับเขา เป็นครั้งแรกที่พวกเขากินอาหารเช้าด้วยกันอาหารบนโต๊ะมากมายหลากหลาย มีอาหารสิบสองอย่าง การตกแต่งจานงดงาม ทั้งผักและเนื้อปริมาณเหมาะสม กลิ่นหอมคละคลุ้ง ยังมีของหวาน น้ำผลไม้ ชาหอมที่ตั้งใจทำอย่างพิถีพิถัน มาตรฐานสูงยิ่งฉู่เชียนหลีเลือกที่นั่งว่าง แล้วนั่งลงอย่างสง่างาม ทักทายพร้อมรอยยิ้ม“ท่านอ๋องเมื่อคืนหลับสบายดีหรือไม่?”“...”ทันทีที่หญิงสายเอ่ยปาก เฟิงเย่เสวียนก็รู้สึกอัดอั้
วิ่งเร็วมากพ่อบ้านเฒ่ายิ้มจนตาหยีเป็นเส้นตรง จนจะมองไม่เห็นแล้ว “ท่านอ๋อง นี่พระชายากำลังอาย”เฟิงเย่เสวียนเลิกคิ้วนางเขินอายเป็น?น่าประหลาดไม่แน่ว่าตอนนี้นางอาจจะกำลังคิดว่าเหตุใดเขาจึงดีต่อนางเช่นนั้น ไม่ใช่ว่าเขาคิดจะทำร้ายนาง เขาต้องมีแผนการร้ายอะไรอย่างแน่นอน...พ่อบ้านเฒ่ากล่าวทันที “เมื่อครู่นี้ตอนที่พระชายาทานอาหาร บ่าวจ้องเจาะจงมองอยู่หลายครั้ง พบว่าพระชายาค่อนข้างชอบทานหมูเส้นผัดเปรี้ยวหวาน ปลาน้ำแดง หัวปลานึ่งราดพริก ยังค่อนข้างชอบทานเผ็ดอีกด้วย พวกน้ำแกงและอาหารพวกผักที่มีรสจืดพวกนั้น นางไม่แตะต้องเลยสักนิด”เฟิงเย่เสวียนกวาดสายตามองพ่อบ้านเฒ่าอย่างค่อนข้างพึงพอใจแวบหนึ่ง พ่อบ้านเฒ่าทำงานจริงจัง ประสิทธิภาพการทำงานสูง ความคิดรอบคอบ ทำงานละเอียดผิดพลาดน้อย จุดนี้ทำให้พอใจมาก“นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป อาหารในเรือของพระชายาจะต้องมีเจ็ดอย่างเป็นอย่างน้อย ทั้งหมดทำตามรสชาติที่นางชอบ”ชายหนุ่มลุกขึ้น เตรียมที่จะออกไป ทันใดนั้น ก็หันหน้ากลับไป“ยังมีอีกเรื่อง กำชับห้องครัว อย่าใส่ต้นหอม นางไม่ชอบ”พ่อบ้านเฒ่าอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยิ้มอย่างล้ำลึกพระชายาไม่ชอบกิ
จวนอัครมหาเสนาบดีฉู่ภายในเรือนที่งดงามหลังหนึ่ง แสงแดดในฤดูใบไม้ร่วงไม่ได้ร้อนแผดเผา แต่กลับมีความอบอุ่น เมื่อสาดส่องลงมาที่ตัวก็กำลังพอดี สบายอย่างยิ่งภายในศาลา สองคนแม่ลูกกำลังปอกเปลือกองุ่นด้วยท่าทางสง่างาม โบกพัด เสพสุขกับชีวิตอันสุขสบาย“ท่านแม่ ฉู่เชียนหลีได้รับความโปรดปรานจากอ๋องเฉินแล้ว จะกลับมาหรือ?”ฉู่เจียวเจียวเอ่ยปากถามนางอันกรีดกรายเล็บมือที่เรียวยาวอย่างเกียจคร้าน นิ้วดอกกล้วยไม้[footnoteRef:1]เด็ดองุ่น ค่อย ๆ ปอกเปลือกทีละนิด กล่าวด้วยเสียงไม่พอใจ [1: กระบวนท่าวาดมือไม้ กรีดกรายนิ้วที่อ่อนช้อย] “นางเป็นลูกสาวของข้า ข้าเป็นแม่ของนาง นางไม่เชื่อฟังข้า ทั่วทั้งเมืองหลวงจะได้รู้ว่าพระชายาอ๋องเฉินแต่งงานไปแล้ว ก็ลืมมารดา เป็นลูกอกตัญญู”นางกล้าไม่กลับมา?หึ~“ถ้าไม่ใช่เพื่อเจ้า” นางอันกินองุ่นลงไป เช็ดปลายนิ้วจนสะอาด แล้วใช้นิ้วชี้จิ้มไปที่หน้าผากของฉู่เจียวเจียวแรง ๆ“ถ้าหากเจ้าเชื่อฟังคำของแม่ อยู่ให้ห่างจากอ๋องหลีคนนั้น แม่จะต้องทุกข์ใจเพราะเจ้าขนาดนี้หรือ?”“ชอบใครไม่ชอบ ดันจะไปชอบขยะอย่างอ๋องหลีผู้ไร้อำนาจไร้อิทธิพลคนนั้น ทั้งยังไม่ได้รับความโปรดปรานนั่
ฉู่เชียนหลีเงยหน้าทันที “?”ตรวจตราทางใต้?ให้อ๋องเฉินพาอ๋องหลีไปด้วยนางอันค่อย ๆ เอ่ย “ท่านพ่อของเจ้าเห็นด้วยเรื่องการแต่งงานของเจียวเจียวกับอ๋องหลีแล้ว อีกไม่กี่วันในวังหลวงก็จะมีราชโองการลงมา แต่ว่ามารดาผู้ให้กำเนิดของอ๋องหลีจากไปไว ฝ่าบาทก็ไม่ได้โปรดปรานเขาสักเท่าใด เจ้าให้อ๋องเฉินพาเขาไปด้วยบ่อย ๆ”ฉู่เชียนหลีเข้าใจจุดประสงค์ของนางอันทันทีอ๋องหลีไม่ได้รับความโปรดปราน อ๋องเฉินได้รับความโปรดปรานที่สุด นางต้องการให้อ๋องเฉินสนับสนุนอ๋องหลีนี่จะเป็นไปได้อย่างไร!องค์ชายมากมายขนาดนั้น แต่ราชบัลลังก์มีเพียงแค่หนึ่งเดียว คนที่มีโอกาสเป็นจักรพรรดิที่สุด จะสนับสนุนผู้ที่อ่อนแอที่สุดได้อย่างไร?ทันทีที่อ๋องเฉินทำแบบนี้ ฝ่าบาทก็จะระแวงยิ่งไปกว่านั้น เรื่องนี้เกี่ยวพันกับสมาชิกของราชวงศ์ การแก่งแย่งชิงดีระหว่างองค์ชาย ไม่ได้ง่ายเหมือนการแก่งแย่งชิงดีกันในครอบครัวความคิดของนางอันจะใหญ่โตเกินไปหน่อยแล้ว!ฉู่เชียนหลีปฏิเสธทันที “ท่านแม่ ท่านมองอ๋องเฉินง่ายเกินไปแล้ว เขาเป็นถึงองค์ชาย เป็นไปได้อย่างไรที่จะสนับสนุนองค์ชายองค์อื่น? เรื่องนี้หากจัดการไม่ดี จะพลอยเดือดร้อนข้า เดือดร้อน
น้ำตาไหลออกจากเบ้าตา จ้องมองฉู่เชียนหลีด้วยดวงตาแดงก่ำอย่างเห็นได้ชัด บนใบหน้าเต็มไปด้วยการประณามและน้อยใจ“หากรู้แต่แรกว่าจะเป็นเช่นนี้ ตอนนั้น ข้าตายไปในกองหิมะที่หนาวเหน็บพร้อมกันกับเจ้าเสียดีกว่า จะได้ไม่ต้องรับความไม่ยุติธรามเช่นวันนี้...” นางอันกุมหน้า ร้องได้สะอึกสะอื้น“ชีวิตของข้าลำบากเหลือเกิน...เจ้ามันลูกอกตัญญู...เจ้าเติบโตขึ้นมาได้จากการดื่มเลือดของข้า!”“ท่านแม่...” ฉู่เจียวเจียวกอดท่านแม่เอาไว้ ดวงตาแดงก่ำเช่นเดียวกันฉู่เชียนหลีนั่งตัวแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น เหมือนกับมีก้อนเลือดก้อนหนึ่งอยู่ในลำคอ ติดอยู่ตรงนั้น ออกมาไม่ได้ ลงไปไม่ได้ ติดอยู่ตรงนั้นจนรู้สึกอึดอัดใช่นางเป็นเนื้อก้อนหนึ่งที่ออกมาจากร่างกายของนางอันไม่มีนางอัน นางก็ไม่มีทางเติบใหญ่ได้ไม่ว่านางจะทำอย่างไร บุญคุณที่ให้กำเนิดและเลี้ยงดูมาไม่มีทางตอบแทนได้หมดไปชั่วนิรันดร์...ฉู่เชียนหลีเม้มปาก จ้องมองนางอันที่ร้องไห้อย่างเศร้าโศกไม่หยุด เผยอริมฝีปากออก “ข้า...รับปากท่านก็ได้”นางอันตะลึงงันไปครู่หนึ่ง นางเงยหน้าขึ้นอย่างดีใจ รีบดึงมือทั้งสองข้างของฉู่เชียนหลี“เสียวฉู่ เจ้าตกลงแล้ว?”“เจ้าอย่าโทษท
ฉู่เชียนหลีจับหน้าผาก แล้วนวดคลึงที่บริเวณขมับ “เยว่เอ๋อร์ เจ้ากลับจวนอ๋องเฉินเถอะ ข้าอยากเดินเล่นคนเดียว”เยว่เอ๋อร์เป็นห่วง “พระชายา แต่ว่า...”“ไปเถอะ ข้าโตขนาดนี้ ยังหลงทางได้อีกหรือ?”ฉู่เชียนหลีโบกมือ ไม่รอให้เยว่เอ๋อร์พูดอีก ก็เดินไปแล้วเมืองหลวง คึกคัก คนสัญจรไปมาคนไม่น้อยพากันวิพากษ์วิจารณ์เรื่องเมื่อคืนนี้ของจวนอ๋องมีคนกล่าวว่า อาสะใภ้ของข้าที่ทำงานอยู่จวนอ๋องเล่าว่า ตอนนั้นฮูหยินผู้เฒ่าหวังขาดใจตายไปแล้ว ถูกพระชายาช่วยชีวิตกลับมา ได้ข่าวว่าตอนนางเป็นเด็กเคยถูกคนลึกลับคนหนึ่งช่วยชีวิตเอาไว้ ได้เรียนรู้ฝีมือการรักษาโรคที่ยอดเยี่ยม...”มีคนพูดว่า “ฝีมือการรักษาโรคอะไรกัน ข้าได้ข่าวว่าอันที่จริงเป็นนางที่กุเรื่องขึ้นมาเอง จุดประสงค์ก็เพื่อพิสูจน์ตนเองต่อหน้าของอ๋องเฉิน ก็เพื่ออยากจะแย่งความโปรดปราน”“ข้ายังได้ข่าวมาอีกว่า...”แต่ละคนมีความคิดที่แตกต่างกันออกไปพวกชาวบ้านพากันคาดเดาพร้อมกับจินตนาการ คำที่พูดออกมากลับน่าสนใจฉู่เชียนหลีเดินผ่านกลางฝูงชน เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น จ้องมองผู้คนที่กำลังเดินผ่านไปมามีทั้งผู้หญิงเลี้ยงลูก มีทั้งคู่สามีภรรยาที่เดินซื้อของ
‘ติ่ง’ ในสมัยโบราณบ้าคลั่งกันขนาดนี้เลยเหรอ!บนสนามแข่งขัน ภายใต้แสงแดด บรรดาหนุ่มน้อยแต่ละคนหน้าตาหล่อเหลาแข็งแกร่ง ท่าทางเย่อหยิ่ง หล่อสะดุดตา“ไอ้ลูกหมา กล้าสนใจในตัวของอาเซียง วันนี้ข้าให้เจ้าได้เห็น ว่าอะไรถึงเรียนว่าผู้ชายที่ประสบความสำเร็จ!” หลิงเชียนอี้กุมเชือกบังเหียน พูดกดดัน ใบหน้าที่หล่อเหลาจนถึงขีดสุดทำให้มีเสียงกรีดร้องของหญิงสาวจำนวนนับไม่ถ้วนบนหลังม้าอีกกลุ่มหนึ่ง หยางเหวินเฉิงฉีกยิ้มมุมปากอย่างเยาะหยัน“หลิงเชียนอี้ เจ้าก็แค่อาศัยที่แม่ของเจ้าเป็นองค์หญิงใหญ่ พ่อของเจ้าเป็นท่านโหว ห่างท่านพ่อท่านแม่ไป เจ้าก็ไม่เหลืออะไรแล้ว ยังมีหน้ามาแย่งอาเซียงกับข้าอีกงั้นหรือ?”“ไอ้เด็กเวร!”“เจ้ามันตัวอะไร!”ทั้งสองคนด่ากันไปมาดวงตาทั้งสองคู่ปะทะกันกบางอากาศจนทำให้เกิดประกายไฟที่รุนแรง เสียงดัง‘ซี่ ๆ’ขึ้นทันที ท่าทางสูสีฉู่เชียนหลีสีหน้าตึงเมื่อได้ยินประโยคนี้ ชัดแจ้งว่าทั้งสองคนกำลังแย่งชิง ‘แม่นางอาเซียง’ ผู้นี้อยู่เด็กเหลือขออายุสิบสี่สิบห้าปีสองคน แสดงบทละครตีกัน เพื่อความรัก?อายุที่เพิ่งจะเรียนมัธยมศึกษาปีที่สามจะรู้อะไร ก็มีแต่เรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ตอนที่นางอา
แควก!เป้ากางเกงขาด...ในเวลาเดียวกัน เสียงโห่ร้องในสนามดังขึ้นทันที“ท่านโหวน้อยชนะแล้ว...!” บรรดาสาวน้อยวัยแรกแย้มจำนวนนับไม่ถ้วนส่งเสียงโห่ร้อง ปรบมือ ประทับใจ พากันมองไปทางชายหนุ่มชุดแดงที่จุดเส้นชัย“ท่านโหวน้อย!”ทันใดนั้น ชายหนุ่มราวกับบุตรสวรรค์โปรด ได้รับการสนับสนุนจากทุกคน แล้วก็จ้องมองหยางเหวินเฉิงที่ยังคงฉีกขาอยู่ในสนามแข่ง...ขาทั้งสองข้างแข็งทื่อราวกับพิการไปแล้ว ขยับไม่ได้ไปทันที“คุณชายหยาง เจ้าไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?”“เหวินเฉิง!”เพื่อนสนิททั้งสองคนวิ่งเข้ามาหาอย่างรีบร้อน ประคองหยางเหวินเฉิงซ้ายขวาคนละข้าง หยางเหวินเฉิงเจ็บจนหน้าเขียว เงยหน้ามองไป ก็เห็นหลิงเชียนอี้ถูกทุกคนโอบล้อมเอาไว้ มีเสียงโห่ร้องด้วยความดีใจสีหน้าของเขายิ่งหม่นหมองขึ้นทันทีแหวกฝูงชนออก พุ่งตัวเข้าไปหา ตะคอกเสียงดัง“หลิงเชียนอี้ คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะเล่นสกปรกต่อหน้าทุกคน!”หลิงเชียนอี้หันหน้ากลับไปมอง เหลือบตามองอย่างดูถูก เหยียดหยางเหวินเฉิง ไม่แม้กระทั่งจะมองเขาตรง ๆเพื่อนสนิททั้งสามคนข้างกายเขาก้าวไปข้างหน้ามือทั้งสองข้างของตู้หนิงกอดอก เขย่าขาขวา ยิ้มพร้อมพูดเหน็บแนม “แหม เมื่
เมื่อพรรคของอ๋องหลีได้ยินเช่นนี้ ก็กลัวทันทีดูท่าทีของพระชายาอ๋องเฉิน นี่กำลังจะเปิดฉากสังหารครั้งใหญ่ในวังชัดๆ!ฆ่าคนติดต่อกันสองคน ไม่กระพริบตาแม้แต่ทีเดียวเลือดกระเซ็นโดนใบหน้า ก็เย็นเฉียบท่าทางที่ชั่วร้ายเหมือนปีศาจนั่น ทำให้ขุนนางหลายคนเกิดความกลัว ลองถามคนทั่วหล้า จะมีสักกี่คนที่ไม่กลัว? อยู่ต่อหน้าความเป็นความตาย ทุกคนล้วนเห็นแก่ตัวพวกเขาไม่อยากตายขุนนางคนหนึ่งกลัวจนพูดติดอ่าง“อ๋อง อ๋องหลี…อย่างไรเด็กที่อยู่ในมือท่านก็เป็นพระนัดดาองค์โต เป็นสายเลือดของราชวงศ์ ถ้าหากฆ่าเขา ในวันข้างหน้า มลทินของท่านจะถูกบันทึกไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์ เกรงว่าจะถูกคนรุ่นหลังด่าทอต่อๆ กันเป็นหมื่นปี”ขุนนางอีกคนก็กล่าวเสียงสั่น“อ๋องเฉินโปรดพิจารณา…”ถ้าหากสู้กันจริงๆ พวกเขาสู้ไม่ไหวอ๋องเฉินมีฮ่องเต้หนุนหลัง มีกองทัพ มีกำลังทหาร อ๋องเฉินเป็นฝ่ายได้เปรียบทุกด้านในมืออ๋องหลี นอกจากพระนัดดาองค์โต ก็ไม่มีเบี้ยอย่างอื่นแล้ว อีกทั้ง ทหารรักษาพระองค์ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ทหารองครักษ์เงาของอ๋องเฉินเมื่อไรที่สู้กัน พวกเขาจะตายกันหมดไม่จำเป็นต้องตายไปครั้งหนึ่ง บางครั้ง เมื่อเห็นว่าพอแล้วก
เฟิงเย่เสวียนแค่ขมวดคิ้วทีหนึ่ง ก็ข่มความเจ็บปวดนี้ลงไปผู้บัญชาการจางฟาดอย่างดุร้ายลองคิดดูเขาที่เป็นขุนนางคนหนึ่ง สามารถใช้แส้ฟาดองค์ชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด นี่เป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจเพียงใด พูดคำนี้ออกไป เขาสามารถอวดสามสิบปียิ่งฟาดยิ่งรู้สึกสนุก ยิ่งฟาดยิ่งแรงเพี๊ยะ!เพี๊ยะๆๆ!ทุกคนร้อนใจจนกระทืบเท้า แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไป อ๋องหลีบ้าไปแล้ว เขาไม่ใช่อ๋องหลีที่เข้าถึงได้ง่ายอีกแล้ว!ฉู่เชียนหลีเพิ่งคิดจะกระโจนเข้าไป ก็ถูกอ๋องหลีสั่งให้คนคุมตัวไปยืนอยู่ข้างๆ บังคับให้นางมองดูต่อหน้าต่อตา“ฉู่เชียนหลี ข้าเคยบอกแล้ว เจ้าจะต้องเสียใจ คนไร้ประโยชน์อย่างเฟิงเย่เสวียน แม้แต่ลูกชายก็ปกป้องไม่ได้ มีประโยชน์อะไร”แววตาเฟิงเจิ้งหลีเปล่งแสงที่บ้าคลั่ง“เขาเป็นแค่คนไร้ประโยชน์ ฝ่าบาทจะให้ความสำคัญกับคนไร้ประโยชน์เช่นนี้ได้อย่างไร? ฉู่เชียนหลี เจ้าว่าเจ้าตาบอดใช่หรือไม่? เจ้าดูสภาพที่สะบักสะบอมของเขาตอนนี้ เหมือนสุนัขตัวหนึ่ง เจ้าก็ยังชอบเขา เช่นนั้นเจ้าก็เป็นสุนัขตัวเมียที่แพศยา”เขายิ้มอย่างชั่วร้าย สิ่งที่พูดออกมายิ่งไม่น่าฟังทุกคนตาแดง อยากพุ่งเข้าไปสับอ๋องหลีเป็นชิ้นๆ เสีย
ผู้ชายที่ร่างกายสูงใหญ่งอหัวเข่า คุกเข่าอยู่ตรงหน้าอ๋องหลีอย่างตั้งตรง แม้อยู่ต่ำกว่า แต่ความสูงศักดิ์ที่แผ่ซ่านออกมาจากกระดูก ไม่ลดน้อยลงเลยสักนิดตลอดหลายปีที่ผ่านมา นอกจากคุกเข่าให้ฮ่องเต้และบรรพชน พวกเขาไม่เคยเห็นอ๋องเฉินคุกเข่าให้ใครเฟิงเจิ้งหลีเห็นดังนี้ แหงนหน้าหัวเราะ“ฮ่าๆๆ!”คิดไม่ถึงจริงๆ เขาจะมีวันนี้ด้วยลูกชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด แพ้ให้กับลูกชายที่ไม่โปรดปรานที่สุด ไม่สะดุดตาที่สุด และยังถูกทุกคนรังแก ความรู้สึกที่อยู่เหนือกว่าเช่นนี้ ทำให้ในใจเขาสาแก่ใจจริงๆ“ฮ่าๆๆๆ เฟิงเย่เสวียน เจ้าก็มีวันนี้ด้วย!”หัวเราะเสร็จ เขารู้สึกว่าความเย่อหยิ่งของอ๋องเฉินมันขัดตาทั้งๆ ที่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบจนต้องคุกเข่า เหตุใดยังอวดดีหยิ่งผยองเช่นนี้?เขาออกคำสั่ง “ก้มหัวเจ้าลงไป”เฟิงเย่เสวียนเม้มปาก ก้มศีรษะลงเขาออกคำสั่งอีกครั้ง “โขกศีรษะ!”“อ๋องหลี ท่านอย่ารังแกให้มันมากนัก! ท่านกับท่านอ๋องของเราเป็นคนรุ่นเดียวกัน ท่านรับการโขกหัวจากเขาไม่ได้! ไม่กลัวบรรพชนรู้แล้ว อายุสั้นหรือ!” พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความโกรธเพิ่งกล่าวจบ ก็ถูกผู้บัญชาการจางถีบจนล้มลงพื้นหลังจากล้มลง ก
“ปล่อยคนของเจ้าแล้ว เจ้าเป็นอิสระแล้ว คืนลูกให้ข้า” ฉู่เชียนหลีจ้องเขาเฟิงเจิ้งหลีเหลือบมองเด็กน้อยในอ้อมแขน ท่าทางที่ร้องไห้จนหน้าแดง เห็นแล้วปวดใจนักคิดว่าแค่นี้ก็จบแล้วหรือ?เขายิ้ม“ฉู่เชียนหลี เหมือนเจ้าจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์นะ?”“?”“……”“เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาต่อรองกับข้า? เด็กอยู่ในมือข้า เป็นหรือตายขึ้นอยู่กับข้า ถึงคราวที่เจ้าต้องมาสอนข้าทำงานตั้งแต่เมื่อไร?”สีหน้าฉู่เชียนหลีเคร่งขรึมทันทีเห็นได้ชัด เขาได้คืบจะเอาศอก“เจ้ายังต้องการอะไรอีก?”“ข้าหรือ” เขาเงยหน้าด้วยรอยยิ้ม กวาดมองทุกคน และตำหนักอันหรูหราหลังนี้ วังหลวงที่กว้างใหญ่แห่งนี้ แผ่นดินที่ดีเช่นนี้เขาต้องการอะไร ยังต้องให้พูดอีกหรือ?แต่ว่า มองดูท่าทางที่ร้อนใจของฉู่เชียนหลี เขาเกิดอยากสนุก ต้องการระบายความคับข้องใจที่ได้รับในสองวันนี้ออกมาให้หมดลูบแก้มของเด็กน้อยพลางกล่าว“อยากได้ลูกคืน ไม่มีปัญหา มันก็ต้องดูว่าอ๋องเฉินมีความจริงใจหรือไม่”เงียบไปครู่หนึ่ง“อืม หรือไม่อ๋องเฉินคุกเข่า โขกหัวให้ข้าสามครั้ง ข้าก็คืนลูกให้เจ้า เป็นอย่างไร?”ฉู่เชียนหลีโมโหแล้วด้วยนิสัยที่ยอมหนึ่งก้าว จะเอาสิบก้าวข
“เจ้า!”ฉู่เชียนหลีถูกความเฉยเมยของนางยั่วจนโมโหแล้ว ยิ่งคิดไม่ถึงว่าใต้ฟ้าจะมีแม่ที่ไร้ความรับผิดชอบเช่นนี้มันก็จริงฉู่เจียวเจียวกับเฟิงเจิ้งหลี ถ้าไม่เหมือนกันก็คงอยู่ด้วยกันไม่ได้ ไม่มีอะไรที่พวกเขาสองสามีภรรยาทำไม่ลงรอหลังจากลู่ฉินเติบโต รู้ว่าตัวเองมีแม่เช่นนี้ ไม่รู้ว่าจะเศร้าเพียงใด!“ฉู่เชียนหลี เฟิงเย่เสวียน พวกเจ้าเลิกพูดไร้สาระได้แล้ว รีบปล่อยตัวอ๋องหลี ความอดทนข้ามีขีดจำกัด!” ฉู่เจียวเจียวกล่าวอย่างเย็นชา“จะเอาชีวิตของลูกชาย หรือจะปล่อยคน พวกเจ้าเลือกเอง”อย่างไรนางก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้วไม่ดิ้นรน ตายสถานเดียวดิ้นรน เดิมพัน ยังมีโอกาสสายตาเฟิงเย่เสวียนเคร่งขรึมมาก หางตาเหลือบมองหานเฟิง หานเฟิงเข้าใจทันที เขาซ่อนมือไว้ที่หลัง และทำท่าสัญญาณมือไปที่ด้านหลังมือธนูเตรียมพร้อมจู่ๆ ฉู่เจียวเจียวก็กล่าวเสริมอีกประโยคอย่างเย็นชา “พวกเจ้าสามารถลองดูได้ ดูสิว่าการเคลื่อนไหวของพวกเจ้าไว หรือมีดที่อยู่ในมือข้าเร็ว”“ต่อให้ข้าตาย การฆ่าเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ยก็ใช้เวลาแค่พริบตาเดียว”ฉู่เชียนหลีสั่งให้มือธนูหยุดทันที “ปล่อยคน!”อย่าทำอะไรบุ่มบ่ามผู้หญิงคนนี้มันเป็นผู
พลันฉู่เชียนหลีแน่นหน้าอก“หยุดนะ…”“อย่าเข้ามา!”ฉู่เจียวเจียวถอยหลังสามก้าว มือซ้ายจับเด็ก มือขวาถือมีดสั้น มีดสั้นที่แวววาวจ่ออยู่บนผิวอันบอบบางของเด็ก กรีดจนรอยเลือดออกแล้วเลือดไหลออกมาแล้ว“จู่ๆ เจ้าก็มาเป็นห่วงข้า และยังพยายามอยากอุ้มลูกทุกวิถีทาง ข้าก็รู้แล้วว่าเจ้าไม่ได้มีเจตนาดี”นางยิ้มอย่างเย็นชา“เหอะ! ดูเหมือนฮ่องเต้ที่แกไม่ตายสักทีนั่นเป็นคนบอกเรื่องนี้กับเจ้าสินะ!”ไอ้แก่ เป็นอัมพาตเฉียบพลันยังไม่ยอมอยู่อย่างสงบเสงี่ยมอีกต่อให้รู้ความจริงแล้วอย่างไร?ชีวิตของเด็กคนนี้อยู่ในมือนาง“ฉู่เชียนหลีนะฉู่เชียนหลี เจ้าคิดอย่างไรก็คงคิดไม่ถึงกระมังว่า เจ้าเลี้ยงลูกสาวข้า ข้าเลี้ยงลูกชายเจ้า และก็ต้องขอบคุณลูกชายคนดีคนนี้ของเจ้า กลายเป็นตัวช่วยที่สำคัญของอ๋องหลี” นางเผยอมุมปาก รอยยิ้มนั้นน่ากลัวมากฉู่เชียนหลียืนตัวแข็งอยู่ตรงที่เดิม ไม่กล้าขยับ“เจ้าต้องการอะไร?”ฉู่เชียนหลีจ้องมีดสั้นในมือนาง กลัวว่านางจะพลั้งเผลอกรีดโดนคอของเด็กตั้งครรภ์สิบเดือนลูกชายเป็นก้อนเนื้อชิ้นหนึ่งที่ตกลงมาจากร่างกายนางนางไม่กล้าเดิมพัน และเดิมพันไม่ไหวฉู่เจียวเจียวกล่าว “ข้าต้องก
กลางดึกกำลังถึงช่วงที่คนเงียบสงบ คนกลุ่มหนึ่งวิ่งไปที่ตำหนักเจาหยางราวกับคลื่นยักษ์ ตอนที่ใกล้จะถึง ฉู่เชียนหลีตวาดสั่งให้พวกเขาหยุด“พวกเจ้าอยู่ห่างๆ อยากเข้าใกล้!”พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความเป็นห่วง “พระชายา พวกเราต้องไปเอาพระนัดดาองค์โตกลับมา นั่นเป็นเลือดเนื้อของท่านกับท่านอ๋องนะ”“ข้ารู้!”ก็เพราะรู้ จึงไม่ให้พวกเขาเข้าใกล้“ไปทำอะไรคนเยอะแยะ ถ้าหากบีบจนฉู่เจียวเจียวไม่มีทางเลือก นางทำอะไรขึ้นมา…”ฉู่เชียนหลีแทบจะเป็นบ้าแล้ว ร้อนรนเหมือนมดที่อยู่บนกระทะร้อน ทั้งร้อนใจทั้งไม่สบายใจ น้ำเสียงก็ค่อนข้างฉุนเฉียวไม่อยากพูดมาก วิ่งเข้าไปในตำหนักเจาหยางเพียงลำพัง คนอื่นรออยู่ที่ข้างนอก ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามภายในตำหนักฉู่เจียวเจียวกำลังกล่อมจื่อเยี่ย ฉู่เจียวเจียวมาแล้ว นางมองเด็กน้อยที่อ้วนสมบูรณ์ กล่าวโดยไม่เงยหน้า“พระชายาอ๋องเฉิน ลูกของข้าเพิ่งนอนหลับ ”โปรดให้อภัย ข้าอุ้มเขาไว้ ร่างกายหนัก ไม่สะดวกลุกขึ้นยืน สายตาฉู่เชียนหลีมองไปที่ตัวเด็กเด็กน้อยอ้วนสมบูรณ์ ใบหน้าจ้ำม่ำ คิ้วละเอียดอ่อน หน้าตาที่น่ารักน่าเอ็นดู คล้ายเฟิงเจิ้งเว่ยซีแปดส่วนเหตุใดเมื่อก่อนนางไม่สังเกต
อวิ๋นอิงถูกนางทำเอาตกใจจนหน้าซีด รีบถาม“พระชายา มีอะไรหรือ? เหตุใดกะทันหันเช่นนี้?”“รีบไป!”มือทั้งสองข้างของฉู่เชียนหลีเย็นเฉียบ เสียงนั้นเกือบจะคำรามออกมา แม้แต่คอก็กำลังสั่นสะเทือนคนข้างล่างไม่กล้ารอช้า รีบไปตามหาคนทันทีเฟิงเย่เสวียนประหม่า “เชียนหลี นี่เจ้าเป็นอะไร?”“ข้าอาจจะเข้าใจผิด อาจจะทำผิดพลาด ข้าอาจจะ…ข้า ข้า…” ฉู่เชียนหลีพูดวนไม่ปะติดปะต่อ พูดอยู่ดีๆ เบ้าตาก็แดงแล้วหัวใจเหมือนถูกแมวข่วน กระสับกระส่ายนางกุมเสื้อตรงหน้าอก หายใจอย่างอึดอัดขออย่าให้มันเป็นเรื่องจริง…ขออย่า…นางทรมานจังนางไม่ใช่แม่ที่ดี กลัวรู้ความจริง แต่ก็อยากรู้ความจริงหลังจากนั้นครึ่งชั่วยาม ผู้คนร้อยกว่าคนเข้าวังในคืนนั้น มีคนของจวนอ๋องเฉิน หมอ หมอตำแย ผู้ช่วยหมอ และยังมีองครักษ์ลับ ทหารยาม หมอหญิงเว่ยก็อยู่เมื่อหนึ่งเดือนกว่าก่อน ตอนที่ฉู่เชียนหลีคลอดลูก คนเหล่านี้อยู่ในเหตุการณ์ทุกคนเมื่อฉู่เชียนหลีเห็นพวกเขา รีบถามทันที“วันที่ข้าคลอดลูก เคยมีคนแปลกหน้ามาหรือไม่?”ทุกคนหันมองกันและกัน ล้วนส่ายศีรษะ“พระชายา เรื่องสำคัญอย่างท่านคลอดลูก พวกเราจับตาดูอย่างเข้มงวด ในจวนมีแต่คนข
นางกำนัลรีบนำพู่กันมาฉู่เชียนหลีเอาพู่กันจุ่มน้ำหมึก แล้วใส่ในมือฮ่องเต้ร่างกายของฮ่องเต้เป็นอัมพาต ไม่ควบคุมมือไม่ได้ ไม่สามารถจับพู่กันด้วยซ้ำ ปากของเขาเบี้ยว ใช้แรงทั้งหมดหนีบด้ามพู่กันด้วยนิ้วชี้กับนิ้วกลาง อาศัยแรงกระตุกของร่างกาย ลงพู่กันบนกระดาษอย่างเบี้ยวไปเบี้ยวมาเพียงไม่กี่ขีด เขียนอย่างยากลำบาก บนหน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อแนวเฉียง…แนวตั้ง…สองคำ ทั้งหมดสี่ขีดเขียนเสร็จ พู่กันก็ร่วงตกบนพื้น เขาเหนื่อยจนหอบบนเตียง ขยับไม่ได้อีกแล้ว“ลูกชาย…” อวิ๋นอิงอุทานเบาๆ “คนที่ฝ่าบาทคิดถึงคือลูกชาย?”ฉู่เชียนหลีถือกระดาษ แม้สองคำนี้เขียนได้คดเคี้ยวมาก แต่เนื่องจากลายเส้นเรียบง่าย จึงมองออกในปราดเดียวว่ามันคือคำว่า ‘ลูกชาย’นี่เขาอยากบอกอะไรนาง?“หรือเป็นอ๋องหลี?” อวิ๋นอิงคาดเดาฉู่เชียนหลีส่ายศีรษะโดยไม่ต้องคิด“อ๋องหลีวางยาพิษเขา กบฏวังชิงราชบัลลังก์ มีความทะเยอทะยาน ฝ่าบาทไม่มีทางคิดถึงอ๋องหลี”นางกล่าววิเคราะห์“ส่วนอ๋องหลีหลังจากขึ้นบัลลังก์ ไม่ฆ่าผู้บริสุทธิ์ องค์ชายท่านอื่นอยู่อย่างสงบเสงี่ยมเหมือนเมื่อก่อน ไม่มีอันตราย ฮ่องเต้ก็ไม่มีทางคิดถึงองค์ชายท่านอื่น”อวิ๋