น้ำตาไหลออกจากเบ้าตา จ้องมองฉู่เชียนหลีด้วยดวงตาแดงก่ำอย่างเห็นได้ชัด บนใบหน้าเต็มไปด้วยการประณามและน้อยใจ“หากรู้แต่แรกว่าจะเป็นเช่นนี้ ตอนนั้น ข้าตายไปในกองหิมะที่หนาวเหน็บพร้อมกันกับเจ้าเสียดีกว่า จะได้ไม่ต้องรับความไม่ยุติธรามเช่นวันนี้...” นางอันกุมหน้า ร้องได้สะอึกสะอื้น“ชีวิตของข้าลำบากเหลือเกิน...เจ้ามันลูกอกตัญญู...เจ้าเติบโตขึ้นมาได้จากการดื่มเลือดของข้า!”“ท่านแม่...” ฉู่เจียวเจียวกอดท่านแม่เอาไว้ ดวงตาแดงก่ำเช่นเดียวกันฉู่เชียนหลีนั่งตัวแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น เหมือนกับมีก้อนเลือดก้อนหนึ่งอยู่ในลำคอ ติดอยู่ตรงนั้น ออกมาไม่ได้ ลงไปไม่ได้ ติดอยู่ตรงนั้นจนรู้สึกอึดอัดใช่นางเป็นเนื้อก้อนหนึ่งที่ออกมาจากร่างกายของนางอันไม่มีนางอัน นางก็ไม่มีทางเติบใหญ่ได้ไม่ว่านางจะทำอย่างไร บุญคุณที่ให้กำเนิดและเลี้ยงดูมาไม่มีทางตอบแทนได้หมดไปชั่วนิรันดร์...ฉู่เชียนหลีเม้มปาก จ้องมองนางอันที่ร้องไห้อย่างเศร้าโศกไม่หยุด เผยอริมฝีปากออก “ข้า...รับปากท่านก็ได้”นางอันตะลึงงันไปครู่หนึ่ง นางเงยหน้าขึ้นอย่างดีใจ รีบดึงมือทั้งสองข้างของฉู่เชียนหลี“เสียวฉู่ เจ้าตกลงแล้ว?”“เจ้าอย่าโทษท
ฉู่เชียนหลีจับหน้าผาก แล้วนวดคลึงที่บริเวณขมับ “เยว่เอ๋อร์ เจ้ากลับจวนอ๋องเฉินเถอะ ข้าอยากเดินเล่นคนเดียว”เยว่เอ๋อร์เป็นห่วง “พระชายา แต่ว่า...”“ไปเถอะ ข้าโตขนาดนี้ ยังหลงทางได้อีกหรือ?”ฉู่เชียนหลีโบกมือ ไม่รอให้เยว่เอ๋อร์พูดอีก ก็เดินไปแล้วเมืองหลวง คึกคัก คนสัญจรไปมาคนไม่น้อยพากันวิพากษ์วิจารณ์เรื่องเมื่อคืนนี้ของจวนอ๋องมีคนกล่าวว่า อาสะใภ้ของข้าที่ทำงานอยู่จวนอ๋องเล่าว่า ตอนนั้นฮูหยินผู้เฒ่าหวังขาดใจตายไปแล้ว ถูกพระชายาช่วยชีวิตกลับมา ได้ข่าวว่าตอนนางเป็นเด็กเคยถูกคนลึกลับคนหนึ่งช่วยชีวิตเอาไว้ ได้เรียนรู้ฝีมือการรักษาโรคที่ยอดเยี่ยม...”มีคนพูดว่า “ฝีมือการรักษาโรคอะไรกัน ข้าได้ข่าวว่าอันที่จริงเป็นนางที่กุเรื่องขึ้นมาเอง จุดประสงค์ก็เพื่อพิสูจน์ตนเองต่อหน้าของอ๋องเฉิน ก็เพื่ออยากจะแย่งความโปรดปราน”“ข้ายังได้ข่าวมาอีกว่า...”แต่ละคนมีความคิดที่แตกต่างกันออกไปพวกชาวบ้านพากันคาดเดาพร้อมกับจินตนาการ คำที่พูดออกมากลับน่าสนใจฉู่เชียนหลีเดินผ่านกลางฝูงชน เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น จ้องมองผู้คนที่กำลังเดินผ่านไปมามีทั้งผู้หญิงเลี้ยงลูก มีทั้งคู่สามีภรรยาที่เดินซื้อของ
‘ติ่ง’ ในสมัยโบราณบ้าคลั่งกันขนาดนี้เลยเหรอ!บนสนามแข่งขัน ภายใต้แสงแดด บรรดาหนุ่มน้อยแต่ละคนหน้าตาหล่อเหลาแข็งแกร่ง ท่าทางเย่อหยิ่ง หล่อสะดุดตา“ไอ้ลูกหมา กล้าสนใจในตัวของอาเซียง วันนี้ข้าให้เจ้าได้เห็น ว่าอะไรถึงเรียนว่าผู้ชายที่ประสบความสำเร็จ!” หลิงเชียนอี้กุมเชือกบังเหียน พูดกดดัน ใบหน้าที่หล่อเหลาจนถึงขีดสุดทำให้มีเสียงกรีดร้องของหญิงสาวจำนวนนับไม่ถ้วนบนหลังม้าอีกกลุ่มหนึ่ง หยางเหวินเฉิงฉีกยิ้มมุมปากอย่างเยาะหยัน“หลิงเชียนอี้ เจ้าก็แค่อาศัยที่แม่ของเจ้าเป็นองค์หญิงใหญ่ พ่อของเจ้าเป็นท่านโหว ห่างท่านพ่อท่านแม่ไป เจ้าก็ไม่เหลืออะไรแล้ว ยังมีหน้ามาแย่งอาเซียงกับข้าอีกงั้นหรือ?”“ไอ้เด็กเวร!”“เจ้ามันตัวอะไร!”ทั้งสองคนด่ากันไปมาดวงตาทั้งสองคู่ปะทะกันกบางอากาศจนทำให้เกิดประกายไฟที่รุนแรง เสียงดัง‘ซี่ ๆ’ขึ้นทันที ท่าทางสูสีฉู่เชียนหลีสีหน้าตึงเมื่อได้ยินประโยคนี้ ชัดแจ้งว่าทั้งสองคนกำลังแย่งชิง ‘แม่นางอาเซียง’ ผู้นี้อยู่เด็กเหลือขออายุสิบสี่สิบห้าปีสองคน แสดงบทละครตีกัน เพื่อความรัก?อายุที่เพิ่งจะเรียนมัธยมศึกษาปีที่สามจะรู้อะไร ก็มีแต่เรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ตอนที่นางอา
แควก!เป้ากางเกงขาด...ในเวลาเดียวกัน เสียงโห่ร้องในสนามดังขึ้นทันที“ท่านโหวน้อยชนะแล้ว...!” บรรดาสาวน้อยวัยแรกแย้มจำนวนนับไม่ถ้วนส่งเสียงโห่ร้อง ปรบมือ ประทับใจ พากันมองไปทางชายหนุ่มชุดแดงที่จุดเส้นชัย“ท่านโหวน้อย!”ทันใดนั้น ชายหนุ่มราวกับบุตรสวรรค์โปรด ได้รับการสนับสนุนจากทุกคน แล้วก็จ้องมองหยางเหวินเฉิงที่ยังคงฉีกขาอยู่ในสนามแข่ง...ขาทั้งสองข้างแข็งทื่อราวกับพิการไปแล้ว ขยับไม่ได้ไปทันที“คุณชายหยาง เจ้าไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?”“เหวินเฉิง!”เพื่อนสนิททั้งสองคนวิ่งเข้ามาหาอย่างรีบร้อน ประคองหยางเหวินเฉิงซ้ายขวาคนละข้าง หยางเหวินเฉิงเจ็บจนหน้าเขียว เงยหน้ามองไป ก็เห็นหลิงเชียนอี้ถูกทุกคนโอบล้อมเอาไว้ มีเสียงโห่ร้องด้วยความดีใจสีหน้าของเขายิ่งหม่นหมองขึ้นทันทีแหวกฝูงชนออก พุ่งตัวเข้าไปหา ตะคอกเสียงดัง“หลิงเชียนอี้ คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะเล่นสกปรกต่อหน้าทุกคน!”หลิงเชียนอี้หันหน้ากลับไปมอง เหลือบตามองอย่างดูถูก เหยียดหยางเหวินเฉิง ไม่แม้กระทั่งจะมองเขาตรง ๆเพื่อนสนิททั้งสามคนข้างกายเขาก้าวไปข้างหน้ามือทั้งสองข้างของตู้หนิงกอดอก เขย่าขาขวา ยิ้มพร้อมพูดเหน็บแนม “แหม เมื่
“ได้!”ฉู่เชียนหลีพูดอย่างหนักแน่น จากนั้นก็หยิบขวดกระเบื้องเล็กสีขาวขวดหนึ่งออกมาจากในแขนเสื้อ เทผงละเอียดลงบนฝ่ามือ“คุณชายหยาง ทุกท่าน ดูให้ดี ม้าตัวนี้เป็นตัวที่ท่านโหวน้อยขี่เมื่อครู่ พวกท่านดูขาด้านหลังทั้งสองข้างของมัน มีความผิดปกติหรือไม่?”ตามเสียงที่จบลงของนาง สายตาทุกคนพากันมองไปขนหน้าแน่นบนขาลูกม้า ตัดแต่งอย่างเป็นระเบียบ ขนแผงคอยาวถูกหวีอย่างดี สวยงามสง่า ไม่มีความผิดปกติใด ๆ ไม่รีบร้อนฉู่เชียนหลีก้าวไปข้างหน้า นำผงยาพิเศษทาลงไปบนขาของม้าปรากฏการณ์ประหลาดปรากฏขึ้น~เห็นว่า ขาหลังด้านขวาที่แต่เดิมมีขนหนาแน่น ค่อย ๆ ปรากฏร่องรอยรูปร่างคดเคี้ยว สามสี่รอยขึ้นมา...“นี่มัน?!”ทุกคนจ้องมองฉากนี้อย่างประหลาดใจฉู่เชียนหลีหยิบแส้ยาวออกมา “นี่คือแส้ยาวที่คุณชายหยางใช้ เมื่อตอนแข่งม้าเมื่อครู่นี้”นางนำแส้พันลงไปบนขาหลังของลูกม้า ตรงกันกับสองรอยพอดี!พอดีแบบไม่มีช่องว่างแม้แต่นิดเดียว!“เป็นเจ้า!”หลิงเชียนอี้เห็นฉากนี้ ก้าวไปข้างหน้าด้วยความโมโห “มิน่าเล่าตอนที่ข้าขี่ม้าเมื่อครู่นี้ จู่ ๆ ด้านหลังก็มีแรงหนึ่งกลุ่มหนึ่ง กระชากจนข้าเกือบจะตกจากหลังม้า ที่แท้เป็นเจ้
ทันใดนั้นทิศทางลมก็เปลี่ยน เสียงวิพากษ์วิจารณ์ทั้งหมดย้อนกลับมาทางหยางเหวินเฉิงทั้งเหยียดหยาม ทั้งด่าประจาน ทั้งเย้ยหยัน...“หน้าไม่อาย!”“ก่อนหน้านี้ ข้ายังไม่เชื่อเลยนะ แต่ว่าพระชายาอ๋องเฉินมีฝีมือทางการรักษา เป็นไปไม่ได้ที่จะหลอกลวง ไอ้หยางหน้าด้านหน้าด้านเกินไปแล้ว”“ต่อไป พวกเรารู้จักแค่ท่านโหวน้อย ไม่รู้จักหยางเหวินเฉิงอีกแล้ว!”“ใช่!”บรรดาสาวน้อยวัยแรกแย้มพากันด่าทอหยางเหวินเฉิงอย่างรุนแรง พร้อมทั้งสนับสนุนท่านโหวน้อยหยางเหวินเฉิงเบิกตาด้วยความอึ้งเกิดอะไรขึ้น?ฉู่เชียนหลีอัปลักษณ์ขนาดนี้ ทุกคนไม่ควรเปลี่ยนหัวข้อสนทนา ควรจะโจมตีฉู่เชียนหลีไม่ใช่หรือ?เหตุใดทุกคนจึงหันมาด่าเขาล่ะ?ฉู่เชียนหลียกริมฝีปากขึ้น ส่งเสียงหัวเราะอย่างเย้ยหยันเหน็บแนม บรรดาสาวน้อยกำลังสนใจ ‘รูปโฉมที่สวยงาม’ จะว่างมามองนางที่ไหนกัน? ความคิดชั่ว ๆ ของหยางเหวินเฉิงผิดพลาดแล้ว ยังเข้าตัวเองอีกต่างหากสมน้ำหน้า“คุณชายหยาง ท่านควรคุกเข่าขอโทษท่านโหวน้อยแล้ว” นางยิ้มพูดเตือนสติทุกคนพากันกล่าว “ถูกต้อง!”“คุกเข่าลงไป!”“นี่เป็นสิ่งที่ท่านเป็นคนพูดเอง!”สีหน้าของหยางเหวินเฉิงอึมครึมทันที สีห
เมืองหลวงหมิงฮ่าวเซวียนหอสุราชั้นยอด เป็นสถานที่ชั้นสูงที่ครอบคลุมไปด้วยดนตรีจารีต การเต้นรำ การสนทนา พูดคุยงานราชการ ความเพลิดเพลิน สาวงามและชายบำเรอตลอดจนบริการด้านต่าง ๆ เอาไว้ในที่เดียวภายในห้องส่วนตัวหลิงเชียนอี้หวาดกลัวมาก ขาทั้งสองข้างสั่นเทา ราวกับใบไม้ที่ร่วงหล่นในฤดูใบไม้ร่วง กอดไหเหล้าใบใหญ่ใบหนึ่งเอาไว้ในอ้อมแขน พูดอย่างไรก็ไม่ยอมปล่อยมือบนที่นั่ง ฉู่เชียนหลี “มานี่”“ข้าไม่ไป!”หลิงเชียนอี้กอดไหเหล้าเอาไว้ ปฏิเสธแล้วถอยหลังไปสามก้าวอีกครั้งครั้งก่อน เขาไม่รู้ตัวตนของฉู่เชียนหลี พาฉู่เชียนหลีมาดื่มเหล้า ผลปรากฏว่าถูกท่านน้า...จับเปลื้องผ้าจนตัวล่อนจ้อนครั้งนี้...เขาไม่กล้า!“เพื่อฉลองชัยชนะที่เจ้าแข่งม้าชนะ พวกเรามาดื่มกันสักคนจะจอกสองจอก ให้เบิกบานใจ มีอะไรต้องเครียดกัน?” ฉู่เชียนหลีกล่าวเพื่อนสนิททั้งสามคนต่างพากันพยักหน้า“ถูกต้อง เชียนอี้ ท่าทางหนีหัวซุกหัวซุนของเจ้าหยางเหวินเฉิงนั่น ระบายความโกรธได้ดีจริง ๆ! จะต้องดื่มสักสองจอก ในใจของพวกเราถึงจะเบิกบาน” ตู้หนิงตบโต๊ะ เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง“ปกติเจ้าชอบกินดื่มที่สุดนี่ เหตุใดวันนี้ถึงได้ขี้ขลาดนักล่
“ฮ่า ๆ ๆ!”“ปากดีนักนะ ข้าชอบ!”ชายร่างกำยำที่ใบหน้าดุร้ายคนนั้นพูดจบ ยื่นมือออกไปทางฉู่เชียนหลีอย่างอดรนทนไม่ไหวฉู่เชียนหลีเอี้ยวตัวหลบ แล้วคว้าข้อมือหน้าของเขาเอาไว้ กดลงไปที่จุดลมปราณ ออกแรงบิด“อ๊า!”เสียงร้องเจ็บปวดราวกับหมูถูกเชือด“ลูกพี่!”“แกนังแพศยา คิดไม่ถึงว่าจะกล้าไม่เคารพต่อลูกพี่ของพวกเรา อีกเดี๋ยวจะทำให้เจ้าต้องร้องไห้อ้อนวอน!”ทั้งหกคนพุ่งตัวไปข้างหน้าพร้อมกัน มือสกปรกหลายสิบข้างจะจับฉู่เชียนหลีฉู่เชียนหลีหลบอย่างว่องไว ตอนที่กำลังจะตอบโต้ จู่ ๆ ก็รู้สึกถึงคลื่นความร้อนกลุ่มหนึ่ง ที่บริเวณท้องน้อย“โอ๊ย!”คลื่นความร้อนซัดเข้ามาอย่างรุนแรง พลุ่งพล่านขึ้นมาที่หัวสมองราวกับคลื่นทะเลรุนแรง ทำให้สมองของนางว่างเปล่าไปทันที ร่างกายเหมือนกับถูกสูบพลังทั้งหมดไป แทบจะยืนไม่มั่นคงนางผลักผู้ชายทั้งหลายออกไปอย่างรวดเร็ว แล้วพิงที่กำแพงอย่างอ่อนแรงร้อน...ร้อนมาก...เป็นไปได้อย่างไร...นางไม่ได้แตะต้องของพิเศษอะไร แล้วก็ไม่ได้กินมั่วซั่ว หากมาจากการกินดื่ม เมื่อครู่นี้ก็กินด้วยกันกับหลิงเชียนอี้พวกเขาไม่ทันได้คิดมาก ผู้ชายร่างกำยำหกเจ็ดคนก็กระโจนเข้ามาอีกครั้ง