ทันใดนั้นทิศทางลมก็เปลี่ยน เสียงวิพากษ์วิจารณ์ทั้งหมดย้อนกลับมาทางหยางเหวินเฉิงทั้งเหยียดหยาม ทั้งด่าประจาน ทั้งเย้ยหยัน...“หน้าไม่อาย!”“ก่อนหน้านี้ ข้ายังไม่เชื่อเลยนะ แต่ว่าพระชายาอ๋องเฉินมีฝีมือทางการรักษา เป็นไปไม่ได้ที่จะหลอกลวง ไอ้หยางหน้าด้านหน้าด้านเกินไปแล้ว”“ต่อไป พวกเรารู้จักแค่ท่านโหวน้อย ไม่รู้จักหยางเหวินเฉิงอีกแล้ว!”“ใช่!”บรรดาสาวน้อยวัยแรกแย้มพากันด่าทอหยางเหวินเฉิงอย่างรุนแรง พร้อมทั้งสนับสนุนท่านโหวน้อยหยางเหวินเฉิงเบิกตาด้วยความอึ้งเกิดอะไรขึ้น?ฉู่เชียนหลีอัปลักษณ์ขนาดนี้ ทุกคนไม่ควรเปลี่ยนหัวข้อสนทนา ควรจะโจมตีฉู่เชียนหลีไม่ใช่หรือ?เหตุใดทุกคนจึงหันมาด่าเขาล่ะ?ฉู่เชียนหลียกริมฝีปากขึ้น ส่งเสียงหัวเราะอย่างเย้ยหยันเหน็บแนม บรรดาสาวน้อยกำลังสนใจ ‘รูปโฉมที่สวยงาม’ จะว่างมามองนางที่ไหนกัน? ความคิดชั่ว ๆ ของหยางเหวินเฉิงผิดพลาดแล้ว ยังเข้าตัวเองอีกต่างหากสมน้ำหน้า“คุณชายหยาง ท่านควรคุกเข่าขอโทษท่านโหวน้อยแล้ว” นางยิ้มพูดเตือนสติทุกคนพากันกล่าว “ถูกต้อง!”“คุกเข่าลงไป!”“นี่เป็นสิ่งที่ท่านเป็นคนพูดเอง!”สีหน้าของหยางเหวินเฉิงอึมครึมทันที สีห
เมืองหลวงหมิงฮ่าวเซวียนหอสุราชั้นยอด เป็นสถานที่ชั้นสูงที่ครอบคลุมไปด้วยดนตรีจารีต การเต้นรำ การสนทนา พูดคุยงานราชการ ความเพลิดเพลิน สาวงามและชายบำเรอตลอดจนบริการด้านต่าง ๆ เอาไว้ในที่เดียวภายในห้องส่วนตัวหลิงเชียนอี้หวาดกลัวมาก ขาทั้งสองข้างสั่นเทา ราวกับใบไม้ที่ร่วงหล่นในฤดูใบไม้ร่วง กอดไหเหล้าใบใหญ่ใบหนึ่งเอาไว้ในอ้อมแขน พูดอย่างไรก็ไม่ยอมปล่อยมือบนที่นั่ง ฉู่เชียนหลี “มานี่”“ข้าไม่ไป!”หลิงเชียนอี้กอดไหเหล้าเอาไว้ ปฏิเสธแล้วถอยหลังไปสามก้าวอีกครั้งครั้งก่อน เขาไม่รู้ตัวตนของฉู่เชียนหลี พาฉู่เชียนหลีมาดื่มเหล้า ผลปรากฏว่าถูกท่านน้า...จับเปลื้องผ้าจนตัวล่อนจ้อนครั้งนี้...เขาไม่กล้า!“เพื่อฉลองชัยชนะที่เจ้าแข่งม้าชนะ พวกเรามาดื่มกันสักคนจะจอกสองจอก ให้เบิกบานใจ มีอะไรต้องเครียดกัน?” ฉู่เชียนหลีกล่าวเพื่อนสนิททั้งสามคนต่างพากันพยักหน้า“ถูกต้อง เชียนอี้ ท่าทางหนีหัวซุกหัวซุนของเจ้าหยางเหวินเฉิงนั่น ระบายความโกรธได้ดีจริง ๆ! จะต้องดื่มสักสองจอก ในใจของพวกเราถึงจะเบิกบาน” ตู้หนิงตบโต๊ะ เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง“ปกติเจ้าชอบกินดื่มที่สุดนี่ เหตุใดวันนี้ถึงได้ขี้ขลาดนักล่
“ฮ่า ๆ ๆ!”“ปากดีนักนะ ข้าชอบ!”ชายร่างกำยำที่ใบหน้าดุร้ายคนนั้นพูดจบ ยื่นมือออกไปทางฉู่เชียนหลีอย่างอดรนทนไม่ไหวฉู่เชียนหลีเอี้ยวตัวหลบ แล้วคว้าข้อมือหน้าของเขาเอาไว้ กดลงไปที่จุดลมปราณ ออกแรงบิด“อ๊า!”เสียงร้องเจ็บปวดราวกับหมูถูกเชือด“ลูกพี่!”“แกนังแพศยา คิดไม่ถึงว่าจะกล้าไม่เคารพต่อลูกพี่ของพวกเรา อีกเดี๋ยวจะทำให้เจ้าต้องร้องไห้อ้อนวอน!”ทั้งหกคนพุ่งตัวไปข้างหน้าพร้อมกัน มือสกปรกหลายสิบข้างจะจับฉู่เชียนหลีฉู่เชียนหลีหลบอย่างว่องไว ตอนที่กำลังจะตอบโต้ จู่ ๆ ก็รู้สึกถึงคลื่นความร้อนกลุ่มหนึ่ง ที่บริเวณท้องน้อย“โอ๊ย!”คลื่นความร้อนซัดเข้ามาอย่างรุนแรง พลุ่งพล่านขึ้นมาที่หัวสมองราวกับคลื่นทะเลรุนแรง ทำให้สมองของนางว่างเปล่าไปทันที ร่างกายเหมือนกับถูกสูบพลังทั้งหมดไป แทบจะยืนไม่มั่นคงนางผลักผู้ชายทั้งหลายออกไปอย่างรวดเร็ว แล้วพิงที่กำแพงอย่างอ่อนแรงร้อน...ร้อนมาก...เป็นไปได้อย่างไร...นางไม่ได้แตะต้องของพิเศษอะไร แล้วก็ไม่ได้กินมั่วซั่ว หากมาจากการกินดื่ม เมื่อครู่นี้ก็กินด้วยกันกับหลิงเชียนอี้พวกเขาไม่ทันได้คิดมาก ผู้ชายร่างกำยำหกเจ็ดคนก็กระโจนเข้ามาอีกครั้ง
“พระชายาอ๋องเฉินไม่สบาย รีบไปแจ้งให้อ๋องเฉินทราบเร็ว” ชายหนุ่มอุ้มฉู่เชียนหลีสาวก้าวยาวเข้าไปข้างใน ไม่มีเวลาที่จะอธิบายอย่างละเอียดองครักษ์เหลือบมองหญิงสาวในอ้อมแขนของอ๋องหลีก็ตกใจ รีบวิ่งไปรายงานที่ห้องหนังสือภายในพริบตาเดียวเฟิงเย่เสวียนเดินมาหาอย่างรวดเร็ว “เชียนหลี!”แย่งหญิงสาวมาจากอ้อมแขนของอ๋องหลี เมื่อสัมผัสโดนอุณหภูมิร่างกายที่ร้อนระอุ ใบหน้าที่แดงก่ำของนาง สีหน้าก็อึมครึมทันทีอ๋องหลีอธิบายอย่างรวดเร็ว “เมื่อครู่นี้ตอนที่ข้าเดินผ่านตรอก เห็นพวกอันธพาลกำลังรังแกสตรีอย่างโจ่งแจ้ง ตอนที่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ กลับพบโดยบังเอิญว่าเป็นพระชายาอ๋องเฉิน ตอนที่ข้าพบนาง ก็มีสภาพเช่นนี้แล้ว”เฟิงเย่เสวียนมองอ๋องหลีด้วยสายตาล้ำลึกแวบหนึ่ง“ขอบใจ!”เมื่อคำพูดสองคำจบลง ก็อุ้มหญิงสาวเอาไว้อย่างมั่นคง ใช้วิชาตัวเบา เหาะกลับไปยังเรือนหานเฟิงด้วยความรวดเร็วที่สุดเมื่อก้าวเข้าไปด้านในปัง...“หานอิ๋ง!”เฟิงเย่เสวียนนำฉู่เชียนหลีวางลงบนเตียง ทันทีที่ลุกขึ้น หญิงสาวนำแขนที่นุ่มพันเอาไว้ราวกับงู ลมหายใจอุ่น ๆ รดต้นคอของเขา ทำให้เขาตัวแข็งทื่อดวงตาเคร่งขรึมทันที เอ่อล้นไปด้วยแสงไฟอั
น้ำแข็งจริง ๆ ...น้ำแข็งในฤดูใบไม้ร่วงของเดือนเจ็ด...น้ำแข็งที่ออกมาจากร่างกายของฉู่เชียนหลี...น้ำแข็งละลายกลายเป็นน้ำ จากปลายนิ้วหยดลงบนพื้น แล้วหายไปอย่างไร้ร่องรอยเฟิงเย่เสวียนจ้องมองฝ่ามือที่เปียกชื้น สายตาซับซ้อนเมื่อครู่นี้ เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจน ตรงจุดตันเถียนบริเวณท้องของเชียนหลี กำลังภายในที่ล้ำลึกยิ่งเกิดขึ้น กำลังภายในกลุ่มนี้แข็งแกร่งมาก ทำให้เขาตตะลึงน้ำแข็งนั่น กลับทำให้เขานึกถึง หนังสือวรยุทธ์ล้ำค่าที่สูญหายไปสามร้อยกว่าปีเล่มหนึ่ง——เคล็ดวิชาเหมันต์ในยุทธภพขึ้นมาอากาศรวมตัวกันกลายเป็นน้ำ น้ำรวมตัวกันกลายเป็นน้ำแข็ง น้ำแข็งรวมตัวกันกลายเป็นกระบี่ สังหารคนอย่างไร้ร่องรอยหนังสือวรยุทธ์ล้ำค่าชั้นยอดเล่มนี้ ตอนนั้น ก่อให้เกิดความครึกโครมไปทั่วทั้งใต้หล้า ทำให้หลายคนต่อสู้กัน เพื่อให้ได้ครอบครองมัน จนมีคนบาดเจ็บล้มตายนับไม่ถ้วน แม้กระทั่งเขายังไม่เคยเห็นมาก่อน เพียงแค่ได้ยินมาเท่านั้นเคล็ดวิชาที่ลึกลับทรงพลังเช่นนี้ กลับปรากฏบนตัวของฉู่เชียนหลีเชียนหลี เจ้ายังมีความลับที่ปิดบังข้าเอาไว้อีกเท่าไหร่กันแน่?เฟิงเย่เสวียนจ้องมองฉู่เชียนหลีด้วยสายตาล้ำลึก เม้ม
“ข้า...”ฉู่เชียนหลีแยกไม่ออกว่าเป็นความฝันหรือความจริงสำหรับการกระทำที่ดื่มน้ำร้อนเมื่อครู่นี้ก็ยิ่งอธิบายไม่ได้ เนื่องจากนางไม่ได้รู้สึกไม่สบายใด ๆ ปากและลำคอก็ไม่ได้ถูกลวกภาพลวงตา?นางประคองหน้าผาก ปลายนิ้วกดไปที่ตำแหน่งขมับ รู้สึกปวดหัวเล็กน้อย อดพูดขึ้นไม่ได้“ข้าจำได้ว่าข้าเดินอยู่บนถนนทางกลับจวน เจอเข้ากับไอ้บ้าตัณหากลับพวกหนึ่ง เหตุใดลืมตาขึ้นมาอีกทีก็อยู่ที่จวนแล้วล่ะ?”“เจ้าพบกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันเข้าจริง เป็นอ๋องหลีที่ส่งเจ้ากลับมา”เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เฟิงเย่เสวียนก็หยิกเข้าที่เอวของนางทีหนึ่ง “วันหลัง ถ้าทำให้ข้าเป็นห่วงอีก ก็อย่าได้ฝันว่าจะได้ออกจากจวนตามลำพัง”“อือ...”ฉู่เชียนหลีเจ็บจนทำเสียงเล็กเสียงน้อยอ๋องหลี?อ๋องหลีช่วยนางเอาไว้?อ๋องหลีไม่ใช่องค์ชายไร้ค่าที่พวกผู้คนพูดกันว่ามารดาผู้ให้กำเนิดจากไปไว ทั้งเขายังไม่ได้รับความโปรดปราน ไร้อิทธิพลไร้อำนาจคนนั้นหรือ? คิดไม่ถึงว่าเขาจะช่วยนางเอาไว้ถ้าหากไม่ใช่เขา ไม่รู้ว่านางอาจจะต้องได้เจอกับเรื่องแบบไหนเข้า...ฉู่เชียนหลีเม้มริมฝีปากแน่น มองไปทางเฟิงเย่เสวียน ท่าทางจะพูดแต่ก็ไม่พูดเฟิงเย่เสวียนมองควา
ทันใดนั้น การเรียกขานที่ดังใส ทำให้การกระทำของเฟิงเย่เสวียนชะงักไปเล็กน้อยหลิงเชียนอี้สังเกตเห็นแล้ว ราวกับว่าหาลู่ทางที่ถูกต้อง รีบกอดต้นขาของฉู่เชียนหลีเอาไว้“ท่านน้าสะใภ้ ท่านรีบพูดเกลี้ยกล่อมท่านน้าของข้าเร็ว ท่านน้าของข้านิสัยแย่ ลงมือหนัก ร่างกายบอบบางของข้าผู้เป็นหลานชายต้านทานไม่ไหวหรอก ท่านน้าสะใภ้!”พูด‘ท่านน้าสะใภ้’อย่างชัดถ้อยชัดคำ เรียกได้อย่างคล่องปาก เรียกได้อย่างเสียงดังฟังชัดเรียกจนเหมือนกับว่าเฟิงเย่เสวียนจะอารมณ์ดีไม่น้อยเลิกคิ้วเล็กน้อย ความโกรธในดวงตาจางลงไม่น้อยฉู่เชียนหลีกลับรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก นางกับหลิงเชียนอี้อายุห่างกันไม่มาก นางไม่มีหลานชายโตขนาดนี้“เจ้าลุกขึ้นมาก่อน” นางตบบ่าของหลิงเชียนอี้“ท่านน้าสะใภ้ ข้าไม่กล้า...”หลิงเชียนอี้หดคออย่างน่าสงสาร เม้มปากน้อยใจอย่างยิ่ง หลบที่ด้านหลังของนาง ดวงตาเล็กจ้องมองไปทางชายหนุ่มบางคนอย่างหวาดกลัวขี้ขลาด~น้อยใจ~ปอดแหก~ตอนที่อยู่ด้านนอก เชี่ยวชาญทั้งเที่ยวเล่นดื่มกินมีเรื่อง แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าอ๋องเฉิน กลับขี้ขลาดราวกับลูกหมา ต่อหน้าและลับหลังราวกับคนละคนสองบุคลิกแบบน่ารัก~ฉู่เชียนหล
องค์รัชทายาทจะหาเรื่องนาง?ระยะนี้องค์รัชทายาทเอาแต่เพ่งเล็งจวนอ๋องเฉินตลอดทุกฝีก้าว ยังทำให้นางตกหน้าผาที่ภูเขากว่างหนิงเกือบไม่ได้กลับมานางยังไม่ได้เอาเรื่ององค์รัชทายาทเลย องค์รัชทายาทกลับจะมาหาเรื่องนางน่าตลก“เข้าใจแล้ว” ฉู่เชียนหลีลูบหัวที่นุ่มลื่นของเจ้าดำน้อย ตบที่หัวของมันเบา ๆ เหมือนกับว่ามันเข้าใจคำพูดของฉู่เชียนหลี เงยปลายจมูกไปถูกับฝ่ามือของนางอย่างออดอ้อน เดินตามนางไปคนหนึ่งหมาป่าหนึ่งดำหนึ่งขาวหนึ่งหนึ่งร่างเพรียวบางน่ารัก หนึ่งร่างสูงใหญ่ทรงพลัง เมื่อนำรูปร่างที่ต่างกันสุดขั้วของทั้งสองประเภทมาวางไว้ในฉากเดียวกัน คิดไม่ถึงว่าจะสร้างความกลมกลืนที่แตกต่างหลิงเชียนอี้กัดนิ้วด้วยความหวาดกลัว เดินตามด้านหลังไปทีละก้าวสั้น ๆ อย่างกล้า ๆ กลัว ๆหมาป่าที่ดุร้ายตัวนี้ มีชื่อเสียงเลื่องลือในเมืองหลวง เหตุใดพอมาอยู่ที่ข้างกายของฉู่เชียนหลีก็ว่านอนสอนง่ายราวกับสุนัขตัวหนึ่ง?น่าประหลาดยิ่ง!น่าประหลาดมากจริง ๆ!คนจำนวนไม่น้อยจ้องมองภาพของหญิงสาวกับหมาป่า ตกใจจนถอยหลังกรูดไปหลายก้าว เกือบจะโยนของที่อยู่ในมือออกไป“พระชายา!”“หมาป่า...สวรรค์...”“เหตุใดในจวนถึงมี