เมืองหลวงหมิงฮ่าวเซวียนหอสุราชั้นยอด เป็นสถานที่ชั้นสูงที่ครอบคลุมไปด้วยดนตรีจารีต การเต้นรำ การสนทนา พูดคุยงานราชการ ความเพลิดเพลิน สาวงามและชายบำเรอตลอดจนบริการด้านต่าง ๆ เอาไว้ในที่เดียวภายในห้องส่วนตัวหลิงเชียนอี้หวาดกลัวมาก ขาทั้งสองข้างสั่นเทา ราวกับใบไม้ที่ร่วงหล่นในฤดูใบไม้ร่วง กอดไหเหล้าใบใหญ่ใบหนึ่งเอาไว้ในอ้อมแขน พูดอย่างไรก็ไม่ยอมปล่อยมือบนที่นั่ง ฉู่เชียนหลี “มานี่”“ข้าไม่ไป!”หลิงเชียนอี้กอดไหเหล้าเอาไว้ ปฏิเสธแล้วถอยหลังไปสามก้าวอีกครั้งครั้งก่อน เขาไม่รู้ตัวตนของฉู่เชียนหลี พาฉู่เชียนหลีมาดื่มเหล้า ผลปรากฏว่าถูกท่านน้า...จับเปลื้องผ้าจนตัวล่อนจ้อนครั้งนี้...เขาไม่กล้า!“เพื่อฉลองชัยชนะที่เจ้าแข่งม้าชนะ พวกเรามาดื่มกันสักคนจะจอกสองจอก ให้เบิกบานใจ มีอะไรต้องเครียดกัน?” ฉู่เชียนหลีกล่าวเพื่อนสนิททั้งสามคนต่างพากันพยักหน้า“ถูกต้อง เชียนอี้ ท่าทางหนีหัวซุกหัวซุนของเจ้าหยางเหวินเฉิงนั่น ระบายความโกรธได้ดีจริง ๆ! จะต้องดื่มสักสองจอก ในใจของพวกเราถึงจะเบิกบาน” ตู้หนิงตบโต๊ะ เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง“ปกติเจ้าชอบกินดื่มที่สุดนี่ เหตุใดวันนี้ถึงได้ขี้ขลาดนักล่
“ฮ่า ๆ ๆ!”“ปากดีนักนะ ข้าชอบ!”ชายร่างกำยำที่ใบหน้าดุร้ายคนนั้นพูดจบ ยื่นมือออกไปทางฉู่เชียนหลีอย่างอดรนทนไม่ไหวฉู่เชียนหลีเอี้ยวตัวหลบ แล้วคว้าข้อมือหน้าของเขาเอาไว้ กดลงไปที่จุดลมปราณ ออกแรงบิด“อ๊า!”เสียงร้องเจ็บปวดราวกับหมูถูกเชือด“ลูกพี่!”“แกนังแพศยา คิดไม่ถึงว่าจะกล้าไม่เคารพต่อลูกพี่ของพวกเรา อีกเดี๋ยวจะทำให้เจ้าต้องร้องไห้อ้อนวอน!”ทั้งหกคนพุ่งตัวไปข้างหน้าพร้อมกัน มือสกปรกหลายสิบข้างจะจับฉู่เชียนหลีฉู่เชียนหลีหลบอย่างว่องไว ตอนที่กำลังจะตอบโต้ จู่ ๆ ก็รู้สึกถึงคลื่นความร้อนกลุ่มหนึ่ง ที่บริเวณท้องน้อย“โอ๊ย!”คลื่นความร้อนซัดเข้ามาอย่างรุนแรง พลุ่งพล่านขึ้นมาที่หัวสมองราวกับคลื่นทะเลรุนแรง ทำให้สมองของนางว่างเปล่าไปทันที ร่างกายเหมือนกับถูกสูบพลังทั้งหมดไป แทบจะยืนไม่มั่นคงนางผลักผู้ชายทั้งหลายออกไปอย่างรวดเร็ว แล้วพิงที่กำแพงอย่างอ่อนแรงร้อน...ร้อนมาก...เป็นไปได้อย่างไร...นางไม่ได้แตะต้องของพิเศษอะไร แล้วก็ไม่ได้กินมั่วซั่ว หากมาจากการกินดื่ม เมื่อครู่นี้ก็กินด้วยกันกับหลิงเชียนอี้พวกเขาไม่ทันได้คิดมาก ผู้ชายร่างกำยำหกเจ็ดคนก็กระโจนเข้ามาอีกครั้ง
“พระชายาอ๋องเฉินไม่สบาย รีบไปแจ้งให้อ๋องเฉินทราบเร็ว” ชายหนุ่มอุ้มฉู่เชียนหลีสาวก้าวยาวเข้าไปข้างใน ไม่มีเวลาที่จะอธิบายอย่างละเอียดองครักษ์เหลือบมองหญิงสาวในอ้อมแขนของอ๋องหลีก็ตกใจ รีบวิ่งไปรายงานที่ห้องหนังสือภายในพริบตาเดียวเฟิงเย่เสวียนเดินมาหาอย่างรวดเร็ว “เชียนหลี!”แย่งหญิงสาวมาจากอ้อมแขนของอ๋องหลี เมื่อสัมผัสโดนอุณหภูมิร่างกายที่ร้อนระอุ ใบหน้าที่แดงก่ำของนาง สีหน้าก็อึมครึมทันทีอ๋องหลีอธิบายอย่างรวดเร็ว “เมื่อครู่นี้ตอนที่ข้าเดินผ่านตรอก เห็นพวกอันธพาลกำลังรังแกสตรีอย่างโจ่งแจ้ง ตอนที่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ กลับพบโดยบังเอิญว่าเป็นพระชายาอ๋องเฉิน ตอนที่ข้าพบนาง ก็มีสภาพเช่นนี้แล้ว”เฟิงเย่เสวียนมองอ๋องหลีด้วยสายตาล้ำลึกแวบหนึ่ง“ขอบใจ!”เมื่อคำพูดสองคำจบลง ก็อุ้มหญิงสาวเอาไว้อย่างมั่นคง ใช้วิชาตัวเบา เหาะกลับไปยังเรือนหานเฟิงด้วยความรวดเร็วที่สุดเมื่อก้าวเข้าไปด้านในปัง...“หานอิ๋ง!”เฟิงเย่เสวียนนำฉู่เชียนหลีวางลงบนเตียง ทันทีที่ลุกขึ้น หญิงสาวนำแขนที่นุ่มพันเอาไว้ราวกับงู ลมหายใจอุ่น ๆ รดต้นคอของเขา ทำให้เขาตัวแข็งทื่อดวงตาเคร่งขรึมทันที เอ่อล้นไปด้วยแสงไฟอั
น้ำแข็งจริง ๆ ...น้ำแข็งในฤดูใบไม้ร่วงของเดือนเจ็ด...น้ำแข็งที่ออกมาจากร่างกายของฉู่เชียนหลี...น้ำแข็งละลายกลายเป็นน้ำ จากปลายนิ้วหยดลงบนพื้น แล้วหายไปอย่างไร้ร่องรอยเฟิงเย่เสวียนจ้องมองฝ่ามือที่เปียกชื้น สายตาซับซ้อนเมื่อครู่นี้ เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจน ตรงจุดตันเถียนบริเวณท้องของเชียนหลี กำลังภายในที่ล้ำลึกยิ่งเกิดขึ้น กำลังภายในกลุ่มนี้แข็งแกร่งมาก ทำให้เขาตตะลึงน้ำแข็งนั่น กลับทำให้เขานึกถึง หนังสือวรยุทธ์ล้ำค่าที่สูญหายไปสามร้อยกว่าปีเล่มหนึ่ง——เคล็ดวิชาเหมันต์ในยุทธภพขึ้นมาอากาศรวมตัวกันกลายเป็นน้ำ น้ำรวมตัวกันกลายเป็นน้ำแข็ง น้ำแข็งรวมตัวกันกลายเป็นกระบี่ สังหารคนอย่างไร้ร่องรอยหนังสือวรยุทธ์ล้ำค่าชั้นยอดเล่มนี้ ตอนนั้น ก่อให้เกิดความครึกโครมไปทั่วทั้งใต้หล้า ทำให้หลายคนต่อสู้กัน เพื่อให้ได้ครอบครองมัน จนมีคนบาดเจ็บล้มตายนับไม่ถ้วน แม้กระทั่งเขายังไม่เคยเห็นมาก่อน เพียงแค่ได้ยินมาเท่านั้นเคล็ดวิชาที่ลึกลับทรงพลังเช่นนี้ กลับปรากฏบนตัวของฉู่เชียนหลีเชียนหลี เจ้ายังมีความลับที่ปิดบังข้าเอาไว้อีกเท่าไหร่กันแน่?เฟิงเย่เสวียนจ้องมองฉู่เชียนหลีด้วยสายตาล้ำลึก เม้ม
“ข้า...”ฉู่เชียนหลีแยกไม่ออกว่าเป็นความฝันหรือความจริงสำหรับการกระทำที่ดื่มน้ำร้อนเมื่อครู่นี้ก็ยิ่งอธิบายไม่ได้ เนื่องจากนางไม่ได้รู้สึกไม่สบายใด ๆ ปากและลำคอก็ไม่ได้ถูกลวกภาพลวงตา?นางประคองหน้าผาก ปลายนิ้วกดไปที่ตำแหน่งขมับ รู้สึกปวดหัวเล็กน้อย อดพูดขึ้นไม่ได้“ข้าจำได้ว่าข้าเดินอยู่บนถนนทางกลับจวน เจอเข้ากับไอ้บ้าตัณหากลับพวกหนึ่ง เหตุใดลืมตาขึ้นมาอีกทีก็อยู่ที่จวนแล้วล่ะ?”“เจ้าพบกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันเข้าจริง เป็นอ๋องหลีที่ส่งเจ้ากลับมา”เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เฟิงเย่เสวียนก็หยิกเข้าที่เอวของนางทีหนึ่ง “วันหลัง ถ้าทำให้ข้าเป็นห่วงอีก ก็อย่าได้ฝันว่าจะได้ออกจากจวนตามลำพัง”“อือ...”ฉู่เชียนหลีเจ็บจนทำเสียงเล็กเสียงน้อยอ๋องหลี?อ๋องหลีช่วยนางเอาไว้?อ๋องหลีไม่ใช่องค์ชายไร้ค่าที่พวกผู้คนพูดกันว่ามารดาผู้ให้กำเนิดจากไปไว ทั้งเขายังไม่ได้รับความโปรดปราน ไร้อิทธิพลไร้อำนาจคนนั้นหรือ? คิดไม่ถึงว่าเขาจะช่วยนางเอาไว้ถ้าหากไม่ใช่เขา ไม่รู้ว่านางอาจจะต้องได้เจอกับเรื่องแบบไหนเข้า...ฉู่เชียนหลีเม้มริมฝีปากแน่น มองไปทางเฟิงเย่เสวียน ท่าทางจะพูดแต่ก็ไม่พูดเฟิงเย่เสวียนมองควา
ทันใดนั้น การเรียกขานที่ดังใส ทำให้การกระทำของเฟิงเย่เสวียนชะงักไปเล็กน้อยหลิงเชียนอี้สังเกตเห็นแล้ว ราวกับว่าหาลู่ทางที่ถูกต้อง รีบกอดต้นขาของฉู่เชียนหลีเอาไว้“ท่านน้าสะใภ้ ท่านรีบพูดเกลี้ยกล่อมท่านน้าของข้าเร็ว ท่านน้าของข้านิสัยแย่ ลงมือหนัก ร่างกายบอบบางของข้าผู้เป็นหลานชายต้านทานไม่ไหวหรอก ท่านน้าสะใภ้!”พูด‘ท่านน้าสะใภ้’อย่างชัดถ้อยชัดคำ เรียกได้อย่างคล่องปาก เรียกได้อย่างเสียงดังฟังชัดเรียกจนเหมือนกับว่าเฟิงเย่เสวียนจะอารมณ์ดีไม่น้อยเลิกคิ้วเล็กน้อย ความโกรธในดวงตาจางลงไม่น้อยฉู่เชียนหลีกลับรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก นางกับหลิงเชียนอี้อายุห่างกันไม่มาก นางไม่มีหลานชายโตขนาดนี้“เจ้าลุกขึ้นมาก่อน” นางตบบ่าของหลิงเชียนอี้“ท่านน้าสะใภ้ ข้าไม่กล้า...”หลิงเชียนอี้หดคออย่างน่าสงสาร เม้มปากน้อยใจอย่างยิ่ง หลบที่ด้านหลังของนาง ดวงตาเล็กจ้องมองไปทางชายหนุ่มบางคนอย่างหวาดกลัวขี้ขลาด~น้อยใจ~ปอดแหก~ตอนที่อยู่ด้านนอก เชี่ยวชาญทั้งเที่ยวเล่นดื่มกินมีเรื่อง แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าอ๋องเฉิน กลับขี้ขลาดราวกับลูกหมา ต่อหน้าและลับหลังราวกับคนละคนสองบุคลิกแบบน่ารัก~ฉู่เชียนหล
องค์รัชทายาทจะหาเรื่องนาง?ระยะนี้องค์รัชทายาทเอาแต่เพ่งเล็งจวนอ๋องเฉินตลอดทุกฝีก้าว ยังทำให้นางตกหน้าผาที่ภูเขากว่างหนิงเกือบไม่ได้กลับมานางยังไม่ได้เอาเรื่ององค์รัชทายาทเลย องค์รัชทายาทกลับจะมาหาเรื่องนางน่าตลก“เข้าใจแล้ว” ฉู่เชียนหลีลูบหัวที่นุ่มลื่นของเจ้าดำน้อย ตบที่หัวของมันเบา ๆ เหมือนกับว่ามันเข้าใจคำพูดของฉู่เชียนหลี เงยปลายจมูกไปถูกับฝ่ามือของนางอย่างออดอ้อน เดินตามนางไปคนหนึ่งหมาป่าหนึ่งดำหนึ่งขาวหนึ่งหนึ่งร่างเพรียวบางน่ารัก หนึ่งร่างสูงใหญ่ทรงพลัง เมื่อนำรูปร่างที่ต่างกันสุดขั้วของทั้งสองประเภทมาวางไว้ในฉากเดียวกัน คิดไม่ถึงว่าจะสร้างความกลมกลืนที่แตกต่างหลิงเชียนอี้กัดนิ้วด้วยความหวาดกลัว เดินตามด้านหลังไปทีละก้าวสั้น ๆ อย่างกล้า ๆ กลัว ๆหมาป่าที่ดุร้ายตัวนี้ มีชื่อเสียงเลื่องลือในเมืองหลวง เหตุใดพอมาอยู่ที่ข้างกายของฉู่เชียนหลีก็ว่านอนสอนง่ายราวกับสุนัขตัวหนึ่ง?น่าประหลาดยิ่ง!น่าประหลาดมากจริง ๆ!คนจำนวนไม่น้อยจ้องมองภาพของหญิงสาวกับหมาป่า ตกใจจนถอยหลังกรูดไปหลายก้าว เกือบจะโยนของที่อยู่ในมือออกไป“พระชายา!”“หมาป่า...สวรรค์...”“เหตุใดในจวนถึงมี
ตูม…ราวกับฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ กะทันหัน ผ่าลงกลางกบาลของฉู่เชียนหลี ทำให้สมองของนางว่างเปล่าไปชั่วพริบตานางกับเฟิงเย่เสวียน…นอนด้วยกันแล้ว…พวกเขานอนด้วยกันแล้ว…ในอนาคตนางตั้งใจจะไปจากจวนอ๋องเฉิน… ดวงตาสีหมึกของเฟิงเย่เสวียนหรี่ลงเล็กน้อย มองดูใบหน้าที่ตะลึงงันอย่างเห็นได้ชัดของฉู่เชียนหลี เกิดความสนใจเล็กน้อย เขาเงี่ยหู ตั้งใจฟังเสียงในใจของนาง ได้ยินเพียง——ฉันได้เขาแล้ว? ได้เขาแล้ว? ฉัน…เชี่ย นี่มันเยี่ยมไปเลย!——ในอนาคตรอฉันไปจากจวนอ๋องเฉิน สร้างคฤหาสน์ของตัวเอง เลี้ยงชายบำเรอของตัวเอง เฟิงเย่เสวียนก็คือตัวท็อปในคฤหาสน์ของฉัน! เขา “...”“เหตุใดพระชายาจึงเงียบ?” เขามองนางอย่างลึกซึ้งฉู่เชียนหลีเงยหน้าขึ้น “ข้าตกอยู่ในสถานการณ์ที่คับขัน ท่านอ๋องกับอ๋องหลีลงมือช่วยเหลือพร้อมกัน รู้สึกซาบซึ้งยิ่งนัก”——โชคดีที่ฉันมาจากศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด เปิดกว้างทางความคิด มองเรื่อง ‘เพศ’ ก็ค่อนข้างเปิดกว้างเหมือนกันทุกคนล้วนมีความปรารถนา ความรัก เพศ เงินทอง ชื่อเสียง ผลประโยชน์ นางก็ไม่ยกเว้นเช่นกันในมุมมองของทางการแพทย์ การผ่อนคลายเป็นประโยชน์ต่อร่างกายและจิตใจยิ่งกว่านั้น ตั
ฉู่เชียนหลีจากไปห้าที่หก เจียงเป่ยประกาศหนังสือสงครามต่อเจียงหนาน เนื้อหามีอยู่ว่า คืนองค์หญิงเฟิงเจิ้งลู่ฉินภายในสามวัน ไม่คืนยกทัพบุกโจมตีเหตุผลเห็นสมควรอย่างยิ่งขอลูกสาวของตัวเองคืนหลังจากฉู่เชียนหลีรู้ อารมณ์สับสนอย่างบอกไม่ถูก เพราะนางรู้ว่าเฟิงเจิ้งหลีไม่ได้รักเฟิงเจิ้งลู่ฉิน เขาแค่ต้องการใช้ข้ออ้างขอลูกสาวคืน เพื่อบุกโจมตีเจียงหนาน“พระชายา ทำอย่างไรดี?”อวิ๋นอิงถามพื้นห้องถูกปูด้วยพรมหนาๆ เด็กทั้งสามคนวิ่งเล่นบนนั้น สะดุดล้ม ชนกัน กระแทกกัน ถูกพรมปกป้องอย่างดี ไม่ได้รับบาดเจ็บหลายวันที่อยู่ด้วยกัน เด็กทั้งสามคนคุ้นเคยกันแล้ว และเล่นด้วยกันอย่างมีความสุขเจ้าไล่ข้า ข้าไล่เจ้าคลานไป คลานมาเจ้าแย่งขวดนมของข้า ข้าหยิกหน้าของเจ้า พูดอีอาๆ แม้ไม่มีใครฟังเข้าใจฉู่เชียนหลีนั่งอยู่ที่ข้างโต๊ะ มองไปทางลู่ฉินลู่ฉินคลอดก่อนกำหนด รูปร่างผอมและยังมีโรคหัวใจ เหมือนกับตุ๊กตาที่อ่อนแอตัวหนึ่งเฟิงเจิ้งหลีไม่รักนาง ฉู่เจียวเจียวไม่ชอบนาง ถ้าหากนางกลับเจียงเป่ย ยังไม่รู้ว่าต้องเจอกับอะไร…ขณะที่นางกำลังกังวล ลู่ฉินที่กำลังคลานเล่นเหมือนรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง คลานไปที่ตรงหน้า
เฟิงเจิ้งหลีมาถึงตำหนักของไท่ซ่างหวงเหมือนไท่ซ่างหวงคาดการณ์ไว้นานแล้ว กำลังนั่งพิงบนหัวเตียงรอเขา สายตาของสองพ่อลูกบรรจบกันกลางอากาศเกิดความเงียบขึ้นชั่วพริบตาผ่านไปครู้หนึ่ง เฟิงเจิ้งหลีเดินเข้าไปอย่างเหนื่อยล้า “เหตุใดไม่ไป?”เขาทิ้งร่างกายที่หนักอึ้งนั่งลงไป ระหว่างคิ้วเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า แม้แต่เสียงพูดก็แหบ โดยรวมแล้วดูโทรมมากราวกับบาดเจ็บสาหัสสำหรับเขานั่น ถูกคนที่ชอบและเชื่อใจที่สุดหักหลังและทิ้ง ก็คือการทำร้าย ทิ้ง…เขาเกลียดคำนี้ที่สุดในชีวิตไท่ซ่างหวงมองดูลูกชายที่คล้ายเขาห้าส่วนตรงหน้า และคล้ายมารดาของเขาห้าส่วน พริบตาเดียว ลูกชายก็โตเช่นนี้แล้ว และเขาก็ขาดความรักมากมายเหลือเกินในดวงตาที่ขุ่นมัว เผยให้เห็นความรู้สึกผิดหลายส่วน“ถ้าหากข้าไปแล้ว เจ้าจะไม่เหลือญาติแม้แต่คนเดียว”“!”ร่างกายเฟิงเจิ้งหลีสั่นสะท้าน แผ่นหลังแข็งฉับพลันญาติ…ตั้งแต่เล็กจนโต นี่เป็นครั้งแรกที่ท่านพ่อใช้คำนี้เรียกความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขา“หลีเอ๋อร์ ข้ารู้ หลายปีมานี้ พ่อติดค้างเจ้าเยอะมาก พ่อให้ความสำคัญกับบ้านเมืองจนมองข้ามเจ้า ในใจพ่อรู้สึกผิดนัก” ไท่ซ่างหวงกล่าวอย่า
คืนแรกที่ออกจากเมืองหลวงฉู่เชียนหลีนอนไม่หลับ…เมืองหลวงอันไกลโพ้นที่อยู่อีกฟากของแม่น้ำอูหลาน วังหลวงจุดเทียนสว่างไสวในยามค่ำคืนที่มืดมิด เหล่านางกำนัลถือโคมไฟ ก้มหน้าเดินผ่านยังเงียบๆ ไม่มีใครกล้าพูดมากตำหนักเจาหยางทุกที่มืดมิด ไร้ผู้คน และไม่มีเทียนแม้แต่เล่มเดียว เหมือนกับถูกความมืดกลืนกิน เงียบราวกับดินแดนไร้ผู้คนแต่ท่ามกลางความมืดนั่น กลับมีเสียงหายใจเย็นๆ สายหนึ่งเบาจนแทบไม่ได้ยิน เฟิงเจิ้งหลีนั่งอยู่บนบันได ร่างกายของเขากลมกลืนกับความมืดจนมองเห็นแทบไม่ชัด ดวงตาคู่นั้นฉายแสงในความมืด ราวกับจมอยู่ในเหวลึกอันไร้ที่สิ้นสุดในอดีตที่นี่เคยมีเสียงหัวเราะของเด็กๆ เคยมีรอยยิ้มของนาง ท่าทางที่อ่อนโยนของนาง และเสียงอันนุ่มนวลที่พูดคุยกับเขา ภาพเหล่านั้นเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานทั้งหมดยังคงอยู่ในสมองของเขา ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขาชัดเจนมากตราตรึงมากนางเคยพูด อยู่ข้างกายเขา รู้สึกสบายใจมากนางเคยพูด จื่อเยี่ยชอบเขา นางก็จะดีกับเขานางเคยพูด…คำพูดไพเราะนางเป็นคนพูด เรื่องใจร้ายก็นางเป็นคนทำล้วนเป็นนาง!ฉู่เชียนหลี!โกหกเขาครั้งแล้วครั้งเล่า เขาเชื่อครั้งแล้วครั้
“คุณหนูอย่าคิดมาก แม้องค์หญิงแคว้นหนานยวนท่านนี้น่ารังเกียจไปบ้าง แต่นางทำงานเสร็จ ก็น่าจะกลับแคว้นแล้ว ก็แค่เจอกันชั่วคราว ทำอะไรไม่ได้หรอก” จิ่งอี้กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมฉู่เชียนหลีไม่ได้คิดมากอย่างไรก็ตามผู้ชายอย่างเฟิงเย่เสวียนที่อายุยังน้อย รูปร่างหน้าตาโดดเด่น มีฐานะมีอิทธิพล สมบูรณ์แบบไปเสียทุกอย่าง มีผู้หญิงมากมายชอบก็เป็นเรื่องปกติถ้านางจะถือสา คนมากมายเช่นนั้น จะถือสาไหวได้อย่างไร?นางนึกถึงเรื่องของกู่แพทย์ มองจิ่งอี้อย่างจริงจัง เห็นสีหน้าของเขาค่อนข้างซีดเหมือนคนป่วย ก็รู้แล้วว่าเขากำลังใช้ร่างกายตัวเองเลี้ยงกู้แพทย์“เลี้ยงรอดหรือไม่?” นางถามเบาๆมีการบันทึกในตำราโบราณ กู่แพทย์ชนิดนี้อ่อนแอเลี้ยงยาก เผลอไม่ระวังนิดเดียวก็จะตาย สิ่งที่ทำมาก่อนหน้านี้ก็เปล่าประโยชน์จิ่งอี้หลุบตา เสียงเบามาก“เลี้ยงแล้วสามสิบกว่าตัว ในที่สุดก็เลี้ยงรอดสองตัว…”กู่แพทย์สองตัวนี้ ตอนนี้ถูกเขาเก็บไว้ในหน้าอก พกติดตัวไปทุกที่ ต่อให้เป็นเวลานอน ก็จะนำออกมาดูเป็นระยะกลัวว่าพลั้งเผลอนิดเดียว พวกมันก็จะตายฉู่เชียนหลีเหลือบมอง “อวิ๋นอิงรู้หรือไม่?”“นางไม่รู้ขอรับ คุณหนู อย่าพูดถ
เป็นเด็กผู้หญิงอายุประมาณสิบหกสิบเจ็ดปีใบหน้างดงาม การแต่งกายดูขี้เล่นแต่ยังคงสูงศักดิ์ มัดมวยผมและถักเปียหางม้า ซึ่งบ่งบอกว่านางยังไม่แต่งงาน กระโดดออกมาปรากฏตัว ท่าทางที่สดใสร่าเริงนั่น ทำให้ดูเข้าถึงได้ง่ายมากฉู่เชียนหลีเหลือบมอง“เจ้าคือ…”“ข้าชื่อจวินลั่วยวน เป็นองค์หญิงแคว้นหนานยวน”นางแนะนำตัวเอง เสียงนั่นเหมือนนกขมิ้นที่บินออกจากหุบเขา สดใสไพเราะ“อ๋องเฉินกับฮ่องเต้ตงหลิงสู้กัน เสด็จพ่อให้ข้ามาช่วยอ๋องเฉินที่เจียงหนาน ก็เพราะข้าแทรกแซง ฮ่องเต้ตงหลิงจึงให้ความสำคัญกับศึกเมืองเทียนสู่เป็นพิเศษ และลงสนามรบด้วยตัวเอง”ไม่เช่นนั้น ยังไม่สามารถล่อฮ่องเต้ตงหลิงออกมาได้ล่อเสือออกจากถ้ำ พระชายาอ๋องเฉินจึงสามารถกลับมาอย่างปลอดภัยพูดถึงก็ล้วนเป็นผลงานของนางฉู่เชียนหลีเข้าใจแล้วองค์หญิงของแคว้นหนานยวนท่านนี้ ได้ยินมานานแล้วว่าเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของฮ่องเต้หนานยวน เป็นแก้วตาดวงใจที่เหมือนไข่มุกงามบนฝ่ามือ ถูกเอาใจใส่อย่างดีตั้งแต่เด็ก“รบกวนองค์หญิงแล้ว” นางพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม ถือเป็นมารยาทจวินลั่วยวนประหลาดใจเล็กน้อย “?”แค่นี้?ไม่มีแล้ว?พูดแค่สี่คำก็แสดงความขอบค
เด็กน้อยที่ดูกลัวๆ ในตอนแรก เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เหมือนกับเจอที่พึ่งพิง เบ้าตาแดงก่ำ มุดเข้าไปในอ้อมแขนของนาง“อุแว้!”ร้องไห้เสียงดังนางกลัวมากแม่ของนางไม่อยู่ นางถูกคนรับใช้โยนไปโยนมา กินไม่อิ่ม นอนไม่หลับ และยังไม่กล้าร้องไห้ เพราะไม่มีใครกล่อมนางอย่างอ่อนโยนและอดทนเหมือนท่านแม่ในที่สุดก็ได้กลิ่นที่คุ้นเคยแล้วไม่สามารถควบคุมความน้อยใจที่กดเอาไว้ได้อีกต่อไป ปล่อยโฮร้องไห้“ฮือๆ…”สองมือจับเสื้อฉู่เชียนหลี มุดเข้าไปในอกของนางก็ร้องไห้อวิ๋นอิงยกมือขวาขึ้น รีบรับรองทันที “พระชายาวางใจได้ ตอนที่ท่านไม่อยู่ พวกเราดูแลลู่ฉินอย่างดี ไม่มีใครรังแกนางแน่นอน นางน่าจะคิดถึงท่านมาก จึงร้องไห้เช่นนี้”“ท่านไม่รู้หรอก แม้ลู่ฉินยังเล็ก แต่นางรู้ว่าใครเป็นใคร นางจะเอาท่านคนเดียว พึ่งพาท่าน คิดถึงท่าน”หัวใจฉู่เชียนหลีละลายตั้งแต่เด็กคนนี้เกิดมา นางเลี้ยงเองกับมือมาโดยตลอด และความเชื่อใจและการพึ่งพาที่เด็กมีต่อนาง ก็คือการตอบแทนที่ดีที่สุด“ไม่ร้องนะ”นางเช็ดน้ำตาเบาๆ “แม่กลับมาแล้ว ต่อไปจะไม่ไปอีกแล้ว”ในเมื่อเฟิงเจิ้งหลีกับฉู่เจียวเจียวไม่เอาเด็กคนนี้ นางเลี้ยงเอง“แม่…”เสียง
ท้ายที่สุดเฟิงเจิ้งหลีก็ไม่ได้ลงมือกองทัพทั้งสองฝ่ายประจันหน้ากันในระยะไกลทั้งเช่นนี้เฟิงเย่เสวียนกอดฉู่เชียนหลีไว้ จับเชือกบังเหียนม้าแน่น ขี่ม้าจากไปเฟิงเจิ้งหลียืนอยู่ที่ข้างแม่น้ำ ร่างกายที่บอบบางถูกลมเย็นพัดจนเสื้อคลุมพลิ้วไหว สีหน้าซีดเผือด แววตาอ่อนล้า มุมปากยังมีคราบเลือด ยืนมองนิ่งๆ ทั้งเช่นนี้…มอง…รอหลังจากขบวนของอ๋องเฉินหายลับตา เขายังคงยืนอยู่ข้างแม่น้ำ เนิ่นนานก็ไม่ขยับสองเท้าหนักเหมือนถูกถ่วงด้วยตะกั่ว สายตามองตรงไปข้างหน้ากลิ่นอายรอบตัวขรึมมาก สีหน้าแยกไม่ออกว่าดีใจหรือโกรธชั่วขณะ ไม่มีใครกล้าเอ่ยปากหรือเข้าไป…เจียงหนาน เมืองน้ำ[1] อากาศเย็นสบาย สภาพแวดล้อมดีมากขบวนตรงไปที่ทำเนียบ“ท่านอ๋องกลับมาแล้ว!”“พระชายา?!”เมื่อคนที่เข้ามาต้อนรับเห็นฉู่เชียนหลี แต่ละคนเบิกตากว้างด้วยความตกใจก่อน แต่หลังจากนั้นก็ดีใจ“พระชายากลับมาแล้ว!”“พระชายากลับมาแล้ว!”เสียงโห่ร้องด้วยความดีใจดังก้องไปทั่วท้องฟ้า จากหนึ่งเป็นสิบ จากสิบเป็นร้อย ข่าวแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็วอวิ๋นอิง จิ่งอี้ เฟิ่งหราน คนมากมายรีบมาไม่เจอครึ่งปี มิตรภาพยังคงอยู่“พระชายา ในที่สุ
แสงแห่งรุ่งอรุณยามเช้าริบหรี่เวลาหนึ่งคืนเดียว เร่งเดินทางจากเมืองหลวงไปยังแม่น้ำอูหลาน ในช่วงที่ฟ้าใกล้สว่าง คนทั้งกลุ่มข้ามแม่น้ำเมื่อเดินไปถึงครึ่งทาง จุดที่ไกลออกไป มีขบวนอีกกลุ่มมุ่งหน้ามาอย่างเร่งรีบราวกับกระแสน้ำ สายลมเย็นยามเช้าพัดผ่าน เหมือนกับทัพใหญ่เข้าใกล้ชายแดน บรรยากาศที่กดดันอบอวลกลางอากาศหานเฟิง “นายท่าน อ๋องหลีมาแล้ว…”ขบวนสองกลุ่ม พบกันที่แม่น้ำอูหลานเฟิงเย่เสวียนอยู่บนสะพานเฟิงเจิ้งหลีอยู่บนฝั่งหยาดน้ำฟ้าตก สายน้ำไหลเชี่ยว สาดซัดเข้าฝั่ง หยดน้ำกระเซ็น ในอากาศเต็มไปด้วยความหนาวเย็น สองพี่น้องยืนสบตากันจากระยะที่ห่างกันหลายเมตรอยู่ไกลเกินไป แทบมองไม่เห็นอะไรเลยแต่ก็เหมือนกับว่าพวกเขามองเห็นอีกฝ่ายอย่างชัดเจน ใช้สายตาประลองกันเงียบๆ“ฝ่าบาท” รองแม่ทัพเอ่ยปาก “นี่คือโอกาสดีในการกำจัดอ๋องเฉิน ถือโอกาสตอนที่พวกเขายังอยู่บนสะพาน พวกเราระเบิดสะพาน ให้พวกเขาตกลงไปในน้ำที่ไหลเชี่ยว ไม่ตายก็เหลือแค่ครึ่งชีวิตแน่นอน!”เขาคิดว่า นี่เป็นวิธีที่เหมาะสมมากอ๋องเฉินข้ามสะพานไปครึ่งหนึ่งแล้ว ต่อให้วิ่งไปอีกฝั่งของแม่น้ำ อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาครึ่งก้านธูปเวลาครึ่ง
“เป็นไปได้อย่างไร?”นางกล่าวด้วยความประหลาดใจ “เมื่อห้าวันก่อน ข้าคุยกับเขาแล้ว และจัดการทุกอย่างไว้ให้เขาแล้ว เขาสามารถออกจากวังอย่างราบรื่น นอกเสียจาก…”จู่ๆ นางก็เข้าใจอะไรบางอย่าง เสียงค่อยๆ เบาลงเฟิงเย่เสวียนกล่าวต่อ“เขาไม่อยากไป”ใช่!ไท่ซ่างหวงไม่อยากไปมีความเป็นไปได้เพียงหนึ่งเดียวไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ยังอาลัยอาวรณ์ หรือเพราะสาเหตุอื่น เขาจึงเลือกที่จะอยู่เมืองหลวงแต่ถ้าหากเขาอยู่เมืองหลวง เฟิงเจิ้งหลีต้องหาเรื่องเขาแน่นอนฉู่เชียนหลีเป็นห่วง หลังจากครุ่นคิด ก็เดินออกไปข้างนอกแล้ว“ไม่ได้ ข้าต้องกลับวังหลวง ทิ้งเขาไว้ในเมืองหลวงเพียงลำพังไม่ได้”“ไม่ทันแล้ว”เฟิงเย่เสวียนจับข้อมือของนาง กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “การเคลื่อนไหวเมื่อครู่ทำให้ทุกคนรู้ตัวแล้ว เกรงว่าตอนนี้คนสนิทของเฟิงเย่เสวียนกำลังมา เขาก็อยู่ระหว่างทางกลับเช่นกัน เสียเวลาไม่ได้แล้ว”กำลังหลักของเขาอยู่ที่เจียงหนานไม่เหมาะที่จะอยู่เมืองหลวงนาน ครึ่งปีมานี้ วิธีการของเฟิงเจิ้งหลีเหี้ยมโหด กำจัดพวกต่อต้าน รวบอำนาจเข้าด้วยกัน เมืองหลวงเป็นถิ่นของเขา อยู่ในถิ่นของเขา พวกเขาเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบ