ทันใดนั้น การเรียกขานที่ดังใส ทำให้การกระทำของเฟิงเย่เสวียนชะงักไปเล็กน้อยหลิงเชียนอี้สังเกตเห็นแล้ว ราวกับว่าหาลู่ทางที่ถูกต้อง รีบกอดต้นขาของฉู่เชียนหลีเอาไว้“ท่านน้าสะใภ้ ท่านรีบพูดเกลี้ยกล่อมท่านน้าของข้าเร็ว ท่านน้าของข้านิสัยแย่ ลงมือหนัก ร่างกายบอบบางของข้าผู้เป็นหลานชายต้านทานไม่ไหวหรอก ท่านน้าสะใภ้!”พูด‘ท่านน้าสะใภ้’อย่างชัดถ้อยชัดคำ เรียกได้อย่างคล่องปาก เรียกได้อย่างเสียงดังฟังชัดเรียกจนเหมือนกับว่าเฟิงเย่เสวียนจะอารมณ์ดีไม่น้อยเลิกคิ้วเล็กน้อย ความโกรธในดวงตาจางลงไม่น้อยฉู่เชียนหลีกลับรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก นางกับหลิงเชียนอี้อายุห่างกันไม่มาก นางไม่มีหลานชายโตขนาดนี้“เจ้าลุกขึ้นมาก่อน” นางตบบ่าของหลิงเชียนอี้“ท่านน้าสะใภ้ ข้าไม่กล้า...”หลิงเชียนอี้หดคออย่างน่าสงสาร เม้มปากน้อยใจอย่างยิ่ง หลบที่ด้านหลังของนาง ดวงตาเล็กจ้องมองไปทางชายหนุ่มบางคนอย่างหวาดกลัวขี้ขลาด~น้อยใจ~ปอดแหก~ตอนที่อยู่ด้านนอก เชี่ยวชาญทั้งเที่ยวเล่นดื่มกินมีเรื่อง แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าอ๋องเฉิน กลับขี้ขลาดราวกับลูกหมา ต่อหน้าและลับหลังราวกับคนละคนสองบุคลิกแบบน่ารัก~ฉู่เชียนหล
องค์รัชทายาทจะหาเรื่องนาง?ระยะนี้องค์รัชทายาทเอาแต่เพ่งเล็งจวนอ๋องเฉินตลอดทุกฝีก้าว ยังทำให้นางตกหน้าผาที่ภูเขากว่างหนิงเกือบไม่ได้กลับมานางยังไม่ได้เอาเรื่ององค์รัชทายาทเลย องค์รัชทายาทกลับจะมาหาเรื่องนางน่าตลก“เข้าใจแล้ว” ฉู่เชียนหลีลูบหัวที่นุ่มลื่นของเจ้าดำน้อย ตบที่หัวของมันเบา ๆ เหมือนกับว่ามันเข้าใจคำพูดของฉู่เชียนหลี เงยปลายจมูกไปถูกับฝ่ามือของนางอย่างออดอ้อน เดินตามนางไปคนหนึ่งหมาป่าหนึ่งดำหนึ่งขาวหนึ่งหนึ่งร่างเพรียวบางน่ารัก หนึ่งร่างสูงใหญ่ทรงพลัง เมื่อนำรูปร่างที่ต่างกันสุดขั้วของทั้งสองประเภทมาวางไว้ในฉากเดียวกัน คิดไม่ถึงว่าจะสร้างความกลมกลืนที่แตกต่างหลิงเชียนอี้กัดนิ้วด้วยความหวาดกลัว เดินตามด้านหลังไปทีละก้าวสั้น ๆ อย่างกล้า ๆ กลัว ๆหมาป่าที่ดุร้ายตัวนี้ มีชื่อเสียงเลื่องลือในเมืองหลวง เหตุใดพอมาอยู่ที่ข้างกายของฉู่เชียนหลีก็ว่านอนสอนง่ายราวกับสุนัขตัวหนึ่ง?น่าประหลาดยิ่ง!น่าประหลาดมากจริง ๆ!คนจำนวนไม่น้อยจ้องมองภาพของหญิงสาวกับหมาป่า ตกใจจนถอยหลังกรูดไปหลายก้าว เกือบจะโยนของที่อยู่ในมือออกไป“พระชายา!”“หมาป่า...สวรรค์...”“เหตุใดในจวนถึงมี
ตูม…ราวกับฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ กะทันหัน ผ่าลงกลางกบาลของฉู่เชียนหลี ทำให้สมองของนางว่างเปล่าไปชั่วพริบตานางกับเฟิงเย่เสวียน…นอนด้วยกันแล้ว…พวกเขานอนด้วยกันแล้ว…ในอนาคตนางตั้งใจจะไปจากจวนอ๋องเฉิน… ดวงตาสีหมึกของเฟิงเย่เสวียนหรี่ลงเล็กน้อย มองดูใบหน้าที่ตะลึงงันอย่างเห็นได้ชัดของฉู่เชียนหลี เกิดความสนใจเล็กน้อย เขาเงี่ยหู ตั้งใจฟังเสียงในใจของนาง ได้ยินเพียง——ฉันได้เขาแล้ว? ได้เขาแล้ว? ฉัน…เชี่ย นี่มันเยี่ยมไปเลย!——ในอนาคตรอฉันไปจากจวนอ๋องเฉิน สร้างคฤหาสน์ของตัวเอง เลี้ยงชายบำเรอของตัวเอง เฟิงเย่เสวียนก็คือตัวท็อปในคฤหาสน์ของฉัน! เขา “...”“เหตุใดพระชายาจึงเงียบ?” เขามองนางอย่างลึกซึ้งฉู่เชียนหลีเงยหน้าขึ้น “ข้าตกอยู่ในสถานการณ์ที่คับขัน ท่านอ๋องกับอ๋องหลีลงมือช่วยเหลือพร้อมกัน รู้สึกซาบซึ้งยิ่งนัก”——โชคดีที่ฉันมาจากศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด เปิดกว้างทางความคิด มองเรื่อง ‘เพศ’ ก็ค่อนข้างเปิดกว้างเหมือนกันทุกคนล้วนมีความปรารถนา ความรัก เพศ เงินทอง ชื่อเสียง ผลประโยชน์ นางก็ไม่ยกเว้นเช่นกันในมุมมองของทางการแพทย์ การผ่อนคลายเป็นประโยชน์ต่อร่างกายและจิตใจยิ่งกว่านั้น ตั
ฉู่เชียนหลีกลับพยักหน้าอย่างอารมณ์ดี “ด้วยสถานะของท่าน สมควรแต่งเยอะเช่นนี้จริงๆ”เฟิงเย่เสวียน “?”ก่อนหน้านี้เยว่เอ๋อร์เคยบอกนาง สถานะของอ๋องเฉินสามารถแต่งชายาเอกหนึ่งคน ชายารองสองคน อนุภรรยาสี่คน อี๋เหนียงแปดคน สาวใช้ห้องข้างสิบหกคน…และนางในฐานะชายาเอก เรือนส่วนหลังอยู่ภายใต้การดูแลของนาง นางจำเป็นต้องแบกรับหน้าที่ส่วนนี้ฉู่เชียนหลีเดินออกมาข้างหน้าสองก้าว ถามอย่างใส่ใจ“ท่านอ๋อง ท่านตั้งใจจะรับอนุภรรยาเมื่อไร? สนใจแม่นางตระกูลใด? ข้าจะได้ให้คนส่งสินสอดไปให้”“?”เขาจะรับอนุภรรยา นางกลับไม่สนใจ?!เฟิงเย่เสวียนรู้สึกว่าเหมือนโดนมีดปักกลางหัวใจทันที เขาไม่พอใจแล้วสีหน้ามืดมน คำพูดอันเย็นชาไม่กี่คำเล็ดลอดออกมาจากไรฟัน“พระชายาช่างใส่ใจยิ่งนัก”ฉู่เชียนหลีรู้สถานะของตนเองมาก “ในฐานะที่เป็นพระชายาอ๋องเฉิน นายหญิงของครอบครัว รับอนุภรรยาให้สามี เป็นเรื่องที่ข้าสมควรทำ”สีหน้าของเฟิงเย่เสวียนยิ่งมืดแล้ว “เจ้าบอกว่าจะชีวิตนี้ ชาตินี้ เคียงคู่กันไม่ใช่หรือ?”“ท่านบอกว่าทั่วหล้าไม่มีผู้ชายที่ดีไม่ใช่หรือ? รวมถึงตัวท่านด้วย”“...แต่ข้าจะรับอนุภรรยา เจ้ากลับยินยอม?”“ถูกต้อง ท่
“พระชายา…”สีหน้าของหานเฟิงแทบจะร้องไห้ออกมาอยู่แล้วเขาไม่สามารถทรยศนายท่าน และไม่สามารถล่วงเกินพระชายา ติดอยู่ตรงกลาง กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ร้อนรนจนน้ำตาแทบไหลฉู่เชียนหลีลูบศีรษะของเขา “เป็นเด็กดี พูดเร็ว”สายตาหานเฟิงจ้องมองไปทางห้องหนังสือแวบหนึ่งนายท่าน ขอโทษขอรับ ความลับที่ท่านยังฉี่รดที่นอนตอนอายุหกขวบ เกรงว่าจะเก็บไม่อยู่แล้ว! หานเฟิงสูดลมเข้าลึกๆ หนึ่งที ในเมื่อถูกพระชายาจับจุดอ่อน เขาก็ไม่ดิ้นรนแล้ว“พระชายา ข้าบอกท่านแล้ว ท่านห้ามบอกนายท่านว่าข้าเป็นคนพูดเด็ดขาด”“เจ้าวางใจได้ ข้าจะเก็บเป็นความลับแน่นอน”ประกายแห่งความสนใจฉายในแววตาฉู่เชียนหลี รีบเงี่ยหูขยับเข้าไปใกล้ ค้อมเอวต่ำ ท่าทางลับๆ ล่อๆ เป็นท่าแอบฟังที่ได้มาตรฐานหานเฟิงขยับไปข้างหูนาง พูดเสียงเบาได้ยินกันแค่สองคน“ที่จริงนายท่านเขา…”ไม่ได้!หากพูดความลับที่ฉี่รดที่นอนออกไป รับรองว่าเขาตายเร็วขึ้นแน่คำพูดมาถึงปลายลิ้น รีบเปลี่ยนเรื่อง“ที่จริงนายท่านเขาไม่ได้ชอบพระชายารองเซียว! ท่านเป็นผู้หญิงคนแรกของเขา”ฉู่เชียนหลีตะลึงงันโดยตรงอะไรคือนางเป็นผู้หญิงคนแรกของเฟิงเย่เสวียน?“พระชายาไม่รู้หรอก นา
ทางนี้ฉู่เชียนหลีเดินออกจากเรือนหานเฟิง พ่อบ้านก็วิ่งเข้ามาด้วยสีหน้าร้อนรน “พระชายา!”เขาเดินอย่างเร่งรีบ พลางหอบหายใจ“พระชายา แย่แล้ว! รัชทายาทมาแล้ว สีหน้าของเขาบูดบึ้ง ไม่ยอมไปนั่งห้องโถงหน้า และไม่ยอมดื่มชา พูดแต่ว่าต้องการพบท่านอ๋อง!”ฉู่เชียนหลีได้ยินแล้วหรี่ตาลงเล็กน้อยมาหาถึงที่จริงด้วย“ให้เขารอไปก่อน อีกเดี๋ยวข้าค่อยไป” พูดจบก็หมุนกายไปกวักมือ “เจ้าดำน้อย!”จวนอ๋องเฉิน ห้องโถงหน้าเฟิงเจิ้งอวี้ในชุดผาวสีม่วงนั่งอยู่บนเก้าอี้หลักอย่างสูงส่ง ทุกท่วงท่ากิริยาล้วนแลดูสูงศักดิ์ ระหว่างคิ้วซ่อนกลิ่นอายอันน่าเกรงขามที่เยือกเย็น สายตาเย็นชา รอบกายแผ่กลิ่นอายอันชั่วร้ายที่ไม่ควรล่วงเกินเหล่าบ่าวไพร่ยืนห่างๆ อยู่ข้างนอก แต่ละคนก้มหน้า ไม่กล้าส่งเสียง ไม่กล้าล่วงเกินเวลาผ่านไปประมาณครึ่งก้านธูปเฟิงเย่เสวียนมาแล้ว“พี่ใหญ่มากะทันหัน และไม่ได้บอกกล่าวล่วงหน้า ข้าเสียมารยาทแล้ว” เขาเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มเฟิงเจิ้งอวี้เงยหน้า กวาดมองแวบหนึ่ง กระแทกถ้วยชาในมือลงบนโต๊ะอย่างเย็นชาปัง!เสียงดังก้องอยู่ในอากาศ บรรยากาศก็ตึงเครียดลงในเวลาเดียวกันบรรดาบ่าวไพร่ยิ่งหดไหล่และก
“จวี้เฟิงอะไร?”ฉู่เชียนหลีเงยหน้า เสียงที่เต็มไปด้วยความสงสัยดังกระจายออกไป ทุกคนในห้องโถงล้วนสามารถได้ยินอย่างชัดเจนนางลูบหัวหมาป่า มองไปทางรัชทายาทอย่างไม่เข้าใจ“ไม่ทราบว่ารัชทายาทพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร? จวี้เฟิงอะไร? ขโมยอะไร? ท่านกับอ๋องเฉินต่างก็เป็นคนของราชวงศ์ ใช้คำว่า ‘ขโมย’ ดูเหมือนจะไม่ค่อยเหมาะสมกระมัง?”ที่นี่มีบ่าวไพร่ดูอยู่ตั้งมากมาย ส่วน ‘ขโมย’ ใช้สำหรับพูดถึงนักย่องเบาเฟิงเจิ้งอวี้หรี่ตา มองฉู่เชียนหลีตั้งแต่หัวจรดเท้ามีข่าวลือบอกว่านางมีความรู้ด้านทักษะการแพทย์เมื่อวาน ไม่ได้เกิดอะไรขึ้นกับนาง…“หมาป่าที่อยู่ข้างกายเจ้า มันเป็นหมาป่าเทพแห่งเขาคุนหลุนของข้า จวี้เฟิง แม้ไม่รู้ว่าเจ้าใช้วิธีการอะไรเปลี่ยนสีขนของมันก็ตาม แต่จะบอกว่าข้าดูผิดอย่างนั้นหรือ?”นี่เป็นสัตว์เลี้ยงของเขา!และเป็นอาวุธสังหารที่มีเฉพาะในจวนรัชทายาทของเขา“เอ๋?” ฉู่เชียนหลีเอียงศีรษะ ยิ่งฉงนสงสัยแล้ว “องค์รัชทายาท ท่านเลิกล้อเล่นได้แล้ว มันเป็นแค่หมาป่าตัวใหญ่ธรรมดาตัวหนึ่ง”แววตาของเฟิงเจิ้งอวี้ขรึมลงฉับพลัน มีกลิ่นอายอันชั่วร้ายแผ่ซ่านรอบตัวเมื่อเขาพูดดีก็ควรจะยอมรับผิดทัน
“หยุดเดี๋ยวนี้นะเจ้าดำน้อย!”เมื่อเขี้ยวที่แหลมคมของหมาป่าขาวกำลังจะขย้ำรัชทายาท ฉู่เชียนหลีตะคอกห้ามมันไว้อย่างมือว่องตาไวมันดึงปากของมันกลับมาอย่างเชื่อฟัง แต่กลับจ้องรัชทายาทอย่างดุร้าย มีประกายสีเขียวเข้มฉายอยู่ในแววตา ไม่ว่าสั่งใครก็ไม่กล้าเข้าใกล้ส่งเดชเฟิงเจิ้งอวี้ตกใจเล็กน้อยเมื่อก่อน จวี้เฟิงกินคน…เขี้ยวที่แหลมคมทั้งปากของมัน สามารถฉีกกระชากและบดกระดูกของเหยื่อทุกชนิดตอนที่มันอยากกินเขาอย่างดุร้าย ความกระหายเลือด ความดุร้าย และการฆ่าในชั่วพริบตานั้น ทำให้เขาแอบตกใจเล็กน้อยความน่าเกรงขามนี่ มันคือจวี้เฟิงแน่นอน!“องค์รัชทายาท ต้องขอโทษจริงๆ เจ้าดำน้อยของข้านิสัยไม่ค่อยดี และยิ่งไม่ชอบให้คนแปลกหน้าเข้าใกล้” ฉู่เชียนหลีจูงหมาป่าขาวไปไว้ด้านหลัง จากนั้นขอโทษรัชทายาทด้วยรอยยิ้มจางๆสายตาของเฟิงเจิ้งอวี้จ้องเขม็งหมาป่าขาวตัวนั้นจวี้เฟิง!ของเขา!ถูกแย่ง!“พระชายาอ๋องเฉิน เจ้าต้องรู้ไว้นะ ทั่วหล้าไม่มีเรื่องอะไรที่เป็นความลับ เรื่องทุกอย่างที่เจ้าทำ ล้วนสามารถตรวจสอบ”คำพูดนี้บ่งชี้ไปที่เรื่องฉู่เชียนหลีแย่งจวี้เฟิงจุดจบของการล่วงเกินเขา ทางที่ดีนางอย่าได้ลองดีกว