น้ำแข็งจริง ๆ ...น้ำแข็งในฤดูใบไม้ร่วงของเดือนเจ็ด...น้ำแข็งที่ออกมาจากร่างกายของฉู่เชียนหลี...น้ำแข็งละลายกลายเป็นน้ำ จากปลายนิ้วหยดลงบนพื้น แล้วหายไปอย่างไร้ร่องรอยเฟิงเย่เสวียนจ้องมองฝ่ามือที่เปียกชื้น สายตาซับซ้อนเมื่อครู่นี้ เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจน ตรงจุดตันเถียนบริเวณท้องของเชียนหลี กำลังภายในที่ล้ำลึกยิ่งเกิดขึ้น กำลังภายในกลุ่มนี้แข็งแกร่งมาก ทำให้เขาตตะลึงน้ำแข็งนั่น กลับทำให้เขานึกถึง หนังสือวรยุทธ์ล้ำค่าที่สูญหายไปสามร้อยกว่าปีเล่มหนึ่ง——เคล็ดวิชาเหมันต์ในยุทธภพขึ้นมาอากาศรวมตัวกันกลายเป็นน้ำ น้ำรวมตัวกันกลายเป็นน้ำแข็ง น้ำแข็งรวมตัวกันกลายเป็นกระบี่ สังหารคนอย่างไร้ร่องรอยหนังสือวรยุทธ์ล้ำค่าชั้นยอดเล่มนี้ ตอนนั้น ก่อให้เกิดความครึกโครมไปทั่วทั้งใต้หล้า ทำให้หลายคนต่อสู้กัน เพื่อให้ได้ครอบครองมัน จนมีคนบาดเจ็บล้มตายนับไม่ถ้วน แม้กระทั่งเขายังไม่เคยเห็นมาก่อน เพียงแค่ได้ยินมาเท่านั้นเคล็ดวิชาที่ลึกลับทรงพลังเช่นนี้ กลับปรากฏบนตัวของฉู่เชียนหลีเชียนหลี เจ้ายังมีความลับที่ปิดบังข้าเอาไว้อีกเท่าไหร่กันแน่?เฟิงเย่เสวียนจ้องมองฉู่เชียนหลีด้วยสายตาล้ำลึก เม้ม
“ข้า...”ฉู่เชียนหลีแยกไม่ออกว่าเป็นความฝันหรือความจริงสำหรับการกระทำที่ดื่มน้ำร้อนเมื่อครู่นี้ก็ยิ่งอธิบายไม่ได้ เนื่องจากนางไม่ได้รู้สึกไม่สบายใด ๆ ปากและลำคอก็ไม่ได้ถูกลวกภาพลวงตา?นางประคองหน้าผาก ปลายนิ้วกดไปที่ตำแหน่งขมับ รู้สึกปวดหัวเล็กน้อย อดพูดขึ้นไม่ได้“ข้าจำได้ว่าข้าเดินอยู่บนถนนทางกลับจวน เจอเข้ากับไอ้บ้าตัณหากลับพวกหนึ่ง เหตุใดลืมตาขึ้นมาอีกทีก็อยู่ที่จวนแล้วล่ะ?”“เจ้าพบกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันเข้าจริง เป็นอ๋องหลีที่ส่งเจ้ากลับมา”เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เฟิงเย่เสวียนก็หยิกเข้าที่เอวของนางทีหนึ่ง “วันหลัง ถ้าทำให้ข้าเป็นห่วงอีก ก็อย่าได้ฝันว่าจะได้ออกจากจวนตามลำพัง”“อือ...”ฉู่เชียนหลีเจ็บจนทำเสียงเล็กเสียงน้อยอ๋องหลี?อ๋องหลีช่วยนางเอาไว้?อ๋องหลีไม่ใช่องค์ชายไร้ค่าที่พวกผู้คนพูดกันว่ามารดาผู้ให้กำเนิดจากไปไว ทั้งเขายังไม่ได้รับความโปรดปราน ไร้อิทธิพลไร้อำนาจคนนั้นหรือ? คิดไม่ถึงว่าเขาจะช่วยนางเอาไว้ถ้าหากไม่ใช่เขา ไม่รู้ว่านางอาจจะต้องได้เจอกับเรื่องแบบไหนเข้า...ฉู่เชียนหลีเม้มริมฝีปากแน่น มองไปทางเฟิงเย่เสวียน ท่าทางจะพูดแต่ก็ไม่พูดเฟิงเย่เสวียนมองควา
ทันใดนั้น การเรียกขานที่ดังใส ทำให้การกระทำของเฟิงเย่เสวียนชะงักไปเล็กน้อยหลิงเชียนอี้สังเกตเห็นแล้ว ราวกับว่าหาลู่ทางที่ถูกต้อง รีบกอดต้นขาของฉู่เชียนหลีเอาไว้“ท่านน้าสะใภ้ ท่านรีบพูดเกลี้ยกล่อมท่านน้าของข้าเร็ว ท่านน้าของข้านิสัยแย่ ลงมือหนัก ร่างกายบอบบางของข้าผู้เป็นหลานชายต้านทานไม่ไหวหรอก ท่านน้าสะใภ้!”พูด‘ท่านน้าสะใภ้’อย่างชัดถ้อยชัดคำ เรียกได้อย่างคล่องปาก เรียกได้อย่างเสียงดังฟังชัดเรียกจนเหมือนกับว่าเฟิงเย่เสวียนจะอารมณ์ดีไม่น้อยเลิกคิ้วเล็กน้อย ความโกรธในดวงตาจางลงไม่น้อยฉู่เชียนหลีกลับรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก นางกับหลิงเชียนอี้อายุห่างกันไม่มาก นางไม่มีหลานชายโตขนาดนี้“เจ้าลุกขึ้นมาก่อน” นางตบบ่าของหลิงเชียนอี้“ท่านน้าสะใภ้ ข้าไม่กล้า...”หลิงเชียนอี้หดคออย่างน่าสงสาร เม้มปากน้อยใจอย่างยิ่ง หลบที่ด้านหลังของนาง ดวงตาเล็กจ้องมองไปทางชายหนุ่มบางคนอย่างหวาดกลัวขี้ขลาด~น้อยใจ~ปอดแหก~ตอนที่อยู่ด้านนอก เชี่ยวชาญทั้งเที่ยวเล่นดื่มกินมีเรื่อง แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าอ๋องเฉิน กลับขี้ขลาดราวกับลูกหมา ต่อหน้าและลับหลังราวกับคนละคนสองบุคลิกแบบน่ารัก~ฉู่เชียนหล
องค์รัชทายาทจะหาเรื่องนาง?ระยะนี้องค์รัชทายาทเอาแต่เพ่งเล็งจวนอ๋องเฉินตลอดทุกฝีก้าว ยังทำให้นางตกหน้าผาที่ภูเขากว่างหนิงเกือบไม่ได้กลับมานางยังไม่ได้เอาเรื่ององค์รัชทายาทเลย องค์รัชทายาทกลับจะมาหาเรื่องนางน่าตลก“เข้าใจแล้ว” ฉู่เชียนหลีลูบหัวที่นุ่มลื่นของเจ้าดำน้อย ตบที่หัวของมันเบา ๆ เหมือนกับว่ามันเข้าใจคำพูดของฉู่เชียนหลี เงยปลายจมูกไปถูกับฝ่ามือของนางอย่างออดอ้อน เดินตามนางไปคนหนึ่งหมาป่าหนึ่งดำหนึ่งขาวหนึ่งหนึ่งร่างเพรียวบางน่ารัก หนึ่งร่างสูงใหญ่ทรงพลัง เมื่อนำรูปร่างที่ต่างกันสุดขั้วของทั้งสองประเภทมาวางไว้ในฉากเดียวกัน คิดไม่ถึงว่าจะสร้างความกลมกลืนที่แตกต่างหลิงเชียนอี้กัดนิ้วด้วยความหวาดกลัว เดินตามด้านหลังไปทีละก้าวสั้น ๆ อย่างกล้า ๆ กลัว ๆหมาป่าที่ดุร้ายตัวนี้ มีชื่อเสียงเลื่องลือในเมืองหลวง เหตุใดพอมาอยู่ที่ข้างกายของฉู่เชียนหลีก็ว่านอนสอนง่ายราวกับสุนัขตัวหนึ่ง?น่าประหลาดยิ่ง!น่าประหลาดมากจริง ๆ!คนจำนวนไม่น้อยจ้องมองภาพของหญิงสาวกับหมาป่า ตกใจจนถอยหลังกรูดไปหลายก้าว เกือบจะโยนของที่อยู่ในมือออกไป“พระชายา!”“หมาป่า...สวรรค์...”“เหตุใดในจวนถึงมี
ตูม…ราวกับฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ กะทันหัน ผ่าลงกลางกบาลของฉู่เชียนหลี ทำให้สมองของนางว่างเปล่าไปชั่วพริบตานางกับเฟิงเย่เสวียน…นอนด้วยกันแล้ว…พวกเขานอนด้วยกันแล้ว…ในอนาคตนางตั้งใจจะไปจากจวนอ๋องเฉิน… ดวงตาสีหมึกของเฟิงเย่เสวียนหรี่ลงเล็กน้อย มองดูใบหน้าที่ตะลึงงันอย่างเห็นได้ชัดของฉู่เชียนหลี เกิดความสนใจเล็กน้อย เขาเงี่ยหู ตั้งใจฟังเสียงในใจของนาง ได้ยินเพียง——ฉันได้เขาแล้ว? ได้เขาแล้ว? ฉัน…เชี่ย นี่มันเยี่ยมไปเลย!——ในอนาคตรอฉันไปจากจวนอ๋องเฉิน สร้างคฤหาสน์ของตัวเอง เลี้ยงชายบำเรอของตัวเอง เฟิงเย่เสวียนก็คือตัวท็อปในคฤหาสน์ของฉัน! เขา “...”“เหตุใดพระชายาจึงเงียบ?” เขามองนางอย่างลึกซึ้งฉู่เชียนหลีเงยหน้าขึ้น “ข้าตกอยู่ในสถานการณ์ที่คับขัน ท่านอ๋องกับอ๋องหลีลงมือช่วยเหลือพร้อมกัน รู้สึกซาบซึ้งยิ่งนัก”——โชคดีที่ฉันมาจากศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด เปิดกว้างทางความคิด มองเรื่อง ‘เพศ’ ก็ค่อนข้างเปิดกว้างเหมือนกันทุกคนล้วนมีความปรารถนา ความรัก เพศ เงินทอง ชื่อเสียง ผลประโยชน์ นางก็ไม่ยกเว้นเช่นกันในมุมมองของทางการแพทย์ การผ่อนคลายเป็นประโยชน์ต่อร่างกายและจิตใจยิ่งกว่านั้น ตั
ฉู่เชียนหลีกลับพยักหน้าอย่างอารมณ์ดี “ด้วยสถานะของท่าน สมควรแต่งเยอะเช่นนี้จริงๆ”เฟิงเย่เสวียน “?”ก่อนหน้านี้เยว่เอ๋อร์เคยบอกนาง สถานะของอ๋องเฉินสามารถแต่งชายาเอกหนึ่งคน ชายารองสองคน อนุภรรยาสี่คน อี๋เหนียงแปดคน สาวใช้ห้องข้างสิบหกคน…และนางในฐานะชายาเอก เรือนส่วนหลังอยู่ภายใต้การดูแลของนาง นางจำเป็นต้องแบกรับหน้าที่ส่วนนี้ฉู่เชียนหลีเดินออกมาข้างหน้าสองก้าว ถามอย่างใส่ใจ“ท่านอ๋อง ท่านตั้งใจจะรับอนุภรรยาเมื่อไร? สนใจแม่นางตระกูลใด? ข้าจะได้ให้คนส่งสินสอดไปให้”“?”เขาจะรับอนุภรรยา นางกลับไม่สนใจ?!เฟิงเย่เสวียนรู้สึกว่าเหมือนโดนมีดปักกลางหัวใจทันที เขาไม่พอใจแล้วสีหน้ามืดมน คำพูดอันเย็นชาไม่กี่คำเล็ดลอดออกมาจากไรฟัน“พระชายาช่างใส่ใจยิ่งนัก”ฉู่เชียนหลีรู้สถานะของตนเองมาก “ในฐานะที่เป็นพระชายาอ๋องเฉิน นายหญิงของครอบครัว รับอนุภรรยาให้สามี เป็นเรื่องที่ข้าสมควรทำ”สีหน้าของเฟิงเย่เสวียนยิ่งมืดแล้ว “เจ้าบอกว่าจะชีวิตนี้ ชาตินี้ เคียงคู่กันไม่ใช่หรือ?”“ท่านบอกว่าทั่วหล้าไม่มีผู้ชายที่ดีไม่ใช่หรือ? รวมถึงตัวท่านด้วย”“...แต่ข้าจะรับอนุภรรยา เจ้ากลับยินยอม?”“ถูกต้อง ท่
“พระชายา…”สีหน้าของหานเฟิงแทบจะร้องไห้ออกมาอยู่แล้วเขาไม่สามารถทรยศนายท่าน และไม่สามารถล่วงเกินพระชายา ติดอยู่ตรงกลาง กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ร้อนรนจนน้ำตาแทบไหลฉู่เชียนหลีลูบศีรษะของเขา “เป็นเด็กดี พูดเร็ว”สายตาหานเฟิงจ้องมองไปทางห้องหนังสือแวบหนึ่งนายท่าน ขอโทษขอรับ ความลับที่ท่านยังฉี่รดที่นอนตอนอายุหกขวบ เกรงว่าจะเก็บไม่อยู่แล้ว! หานเฟิงสูดลมเข้าลึกๆ หนึ่งที ในเมื่อถูกพระชายาจับจุดอ่อน เขาก็ไม่ดิ้นรนแล้ว“พระชายา ข้าบอกท่านแล้ว ท่านห้ามบอกนายท่านว่าข้าเป็นคนพูดเด็ดขาด”“เจ้าวางใจได้ ข้าจะเก็บเป็นความลับแน่นอน”ประกายแห่งความสนใจฉายในแววตาฉู่เชียนหลี รีบเงี่ยหูขยับเข้าไปใกล้ ค้อมเอวต่ำ ท่าทางลับๆ ล่อๆ เป็นท่าแอบฟังที่ได้มาตรฐานหานเฟิงขยับไปข้างหูนาง พูดเสียงเบาได้ยินกันแค่สองคน“ที่จริงนายท่านเขา…”ไม่ได้!หากพูดความลับที่ฉี่รดที่นอนออกไป รับรองว่าเขาตายเร็วขึ้นแน่คำพูดมาถึงปลายลิ้น รีบเปลี่ยนเรื่อง“ที่จริงนายท่านเขาไม่ได้ชอบพระชายารองเซียว! ท่านเป็นผู้หญิงคนแรกของเขา”ฉู่เชียนหลีตะลึงงันโดยตรงอะไรคือนางเป็นผู้หญิงคนแรกของเฟิงเย่เสวียน?“พระชายาไม่รู้หรอก นา
ทางนี้ฉู่เชียนหลีเดินออกจากเรือนหานเฟิง พ่อบ้านก็วิ่งเข้ามาด้วยสีหน้าร้อนรน “พระชายา!”เขาเดินอย่างเร่งรีบ พลางหอบหายใจ“พระชายา แย่แล้ว! รัชทายาทมาแล้ว สีหน้าของเขาบูดบึ้ง ไม่ยอมไปนั่งห้องโถงหน้า และไม่ยอมดื่มชา พูดแต่ว่าต้องการพบท่านอ๋อง!”ฉู่เชียนหลีได้ยินแล้วหรี่ตาลงเล็กน้อยมาหาถึงที่จริงด้วย“ให้เขารอไปก่อน อีกเดี๋ยวข้าค่อยไป” พูดจบก็หมุนกายไปกวักมือ “เจ้าดำน้อย!”จวนอ๋องเฉิน ห้องโถงหน้าเฟิงเจิ้งอวี้ในชุดผาวสีม่วงนั่งอยู่บนเก้าอี้หลักอย่างสูงส่ง ทุกท่วงท่ากิริยาล้วนแลดูสูงศักดิ์ ระหว่างคิ้วซ่อนกลิ่นอายอันน่าเกรงขามที่เยือกเย็น สายตาเย็นชา รอบกายแผ่กลิ่นอายอันชั่วร้ายที่ไม่ควรล่วงเกินเหล่าบ่าวไพร่ยืนห่างๆ อยู่ข้างนอก แต่ละคนก้มหน้า ไม่กล้าส่งเสียง ไม่กล้าล่วงเกินเวลาผ่านไปประมาณครึ่งก้านธูปเฟิงเย่เสวียนมาแล้ว“พี่ใหญ่มากะทันหัน และไม่ได้บอกกล่าวล่วงหน้า ข้าเสียมารยาทแล้ว” เขาเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มเฟิงเจิ้งอวี้เงยหน้า กวาดมองแวบหนึ่ง กระแทกถ้วยชาในมือลงบนโต๊ะอย่างเย็นชาปัง!เสียงดังก้องอยู่ในอากาศ บรรยากาศก็ตึงเครียดลงในเวลาเดียวกันบรรดาบ่าวไพร่ยิ่งหดไหล่และก
อันธพาลเจ็บจนกรีดร้องเหมือนหมูโดนเชือด “อ๊ะๆ!”ยังไม่ทันได้พักหายใจ ก็โดนถีบจนไปกลิ้งอยู่บนพื้น รองเท้าปักลายดอกไม้เหยียบลงบนหน้าอก หนักจนทำให้เขาหายใจไม่ออก กระอักเลือดออกมา“พู่!”เขากอดต้นขาของอวิ๋นอิง อยากดิ้นให้หลุด แต่หาของอวิ๋นอิงกดทับอยู่บนร่างกายของเขาเหมือนเหล็กกล้า และเขาก็เหมือนกับปลาตัวหนึ่งที่ถูกตอกตะปูอยู่บนเขียง พยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แต่ก็ดิ้นไม่หลุดเจอผีแล้ว!ทั้งที่นางผอมเช่นนี้ เหตุใดจึงมีแรงมากเช่นนี้?ผู้หญิงคนนี้ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือ?ชาวบ้านก็ตะลึงเช่นกันอวิ๋นอิงอุ้มลูกสาวไว้ด้วยมือข้างเดียว ค่อยๆ ก้มลง ยกฝ่ามืออีกข้าง เหวี่ยงไปที่ใบหน้าของอันธพาลโดยตรง“ข้าสั่งให้เจ้าเก็บ”เพียะ!“ไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ?”เพียะ!“หูหนวกหรือ?”เพียะ!หนึ่งประโยค หนึ่งฝ่ามือ ตบจนอันธพาลหันซ้ายหันขวา มุมปากแตกมีเลือดไหล หูอื้อ สะบักสะบอมเหมือนสุนัขจรจัดตัวหนึ่ง ไม่หลงเหลือความฮึกเหิมของก่อนหน้านี้เลย“ลูกพี่!”ลิ่วล้อสามคนคว้าโต๊ะเก้าอี้และท่อนไม้ที่อยู่ข้างๆ ฟาดไปทางอวิ๋นอิงอย่างแรงอวิ๋นอิงกระโดนหมุนตัวเตะพวกเขาสามคนจนลอยกระเด็นออกไปไกลเจ็ดแปดเมตร โดยไม่หั
ตงหลิงเจียงหนาน ทำเนียบสามเดือนที่พระชายาจากไป อ๋องเฉินเอาแต่เก็บตัว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลก หานเฟิงต้องรับผิดชอบงานแทนทุกอย่าง เมื่อนานวันเข้า โลกภายนอกต่างกำลังคาดเดา จิตใจของอ๋องเฉินได้รับกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ล้มแล้วลุกไม่ขึ้น เกรงว่าเหลือเวลาอีกไม่นานแล้วช่วงนี้ ในที่สุดอาการบาดเจ็บของจิ่งอี้ก็ดีขึ้นแล้วอาการบาดเจ็บทางกระดูกหรือเส้นเอ็น ต้องรักษาอย่างน้อยหนึ่งร้อยวันในที่สุดกระดูกซี่โครงที่หักสองซี่ก็หายดีแล้ว สามารถขี่ม้าได้แล้ว ตอนนั้นเขาบอกว่าจะนำทัพกลับแคว้นซีอวี้ทันทีแต่ก่อนไป เขาถามเหมือนไม่ใส่ใจ“เหตุใดไม่เจอแม่นางอวิ๋นอิงเลย?”จ้านหูจริงจังขึ้นมาทันที เขาตอบ“องค์ชายใหญ่ ข้าจะส่งคนไปสืบเดี๋ยวนี้!”“ไม่ต้อง”หลังจากปฏิเสธอย่างเฉยเมย ปีนขึ้นหลังม้า ขี่ออกไปคนเดียวแล้วจ้านหู “?”หมายความว่าอย่างไร?ตอนที่องค์ชายใหญ่หมดสติ แม้อวิ๋นอิงบอกว่าไม่สนใจ แต่แอบมาเยี่ยมองค์ชายใหญ่ตอนดึกดื่นเวลาที่ไม่มีคนองค์ชายใหญ่ก็อีกคน ทั้งที่คิดถึงอวิ๋นอิง แต่ไม่ยอมรับในใจของพวกเขาสองคนล้วนมีอีกฝ่าย ลูกสาวก็อายุเกือบครึ่งขวบแล้ว เหตุใดไม่ลองเปิดใจสักนิดแล้วอยู่ด้วยกันเลย
คืนแรกที่มาถึงต่างโลก ฉู่เชียนหลีฝันในความฝัน นางอยู่บนสนามรบ สู้จนตัวตาย เลือดไหลเป็นแม่น้ำ น่าสลดใจนัก…ในความฝัน นางได้ต่อสู้ร่วมกับชายคนหนึ่งที่มองไม่เห็นใบหน้า ร่วมเป็นร่วมตาย และยังมีเสียงที่นุ่มนิ่มของเด็ก เรียก ‘ท่านแม่’ ครั้งแล้วครั้งเล่าในความฝัน ราวกับนางได้รับความอยุติธรรมครั้งใหญ่ หัวใจเจ็บปวด และพยายามอธิบายสุดชีวิต แต่พวกคนที่เรียกตัวเองว่า ‘ครอบครัว’ ไม่เชื่อนาง และยังบีบคั้นนางสู่เส้นทางที่สิ้นหวังในความฝัน…มีคนกำลังเรียกนาง‘เชียนหลี…เชียนหลี…’ฉึก!ฉู่เชียนหลีลืมตาฉับพลัน ท้องฟ้าข้างนอกสว่างแล้ว แสงแดดอุ่นๆ ยามเช้าสาดส่องเข้ามา สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของอากาศ สงบมากนางรู้สึกเวียนศีรษะ และแน่นหน้าอกราวกับนางอยู่ในความฝันอันยาวนานจริงๆนางได้รับความอยุติธรรมนางถูกคนในครอบครัวฆ่าตายแต่เหตุใดนางจำผู้ชายที่เรียกนาง และภาพที่เรียกนางว่า ‘ท่านแม่’ ไม่ได้เลย“องค์หญิง ท่านตื่นแล้ว”เมื่ออ้ายอ้ายได้ยินเสียง ถือกะละมังน้ำอุ่นกับเครื่องใช้เข้ามาปรนนิบัติฉู่เชียนหลีนวดขมับ อยู่ในอาการเหม่อลอย แขนขาอ่อนแรง ไม่มีแรงขยับ ดึงผ้าห่มออก ลงจากเตียง สวมรองเท้
สาวใช้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็รีบฝนหมึกอย่างเชื่อฟังมองดูองค์หญิงรีบหยิบพู่กัน เขียนอะไรบางอย่าง ท่าทางที่รีบร้อนนั่น เมื่อก่อนเวลาที่นังเป็นห่วงคุณชายเซิ่น ยังไม่รีบร้อนเช่นนี้เลยองค์หญิงกระโดดสระน้ำ หมดสติไปสามวัน หลังจากฟื้น ก็เปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย?นิสัยเปลี่ยนไปน้ำเสียงเปลี่ยนไปแต่เมื่อลองตั้งใจมอง องค์หญิงยังคงเป็นองค์หญิง ยังคงเป็นใบหน้าที่คุ้นเคยฉู่เชียนหลีเขียนอย่างรวดเร็ว…อ๋องเฉินเป็นอย่างไรบ้าง ข้าอยู่แคว้นหนานยวน…พลางเขียน พลางกล่าวอย่างรีบร้อน “รีบไปหาคน ช่วยข้าส่งจดหมายฉบับนี้ไปให้อ๋องเฉินที่ตงหลิงเจียงหนาน”นางอยากบอกความจริงกับเฟิงเย่เสวียน ต่อให้ตนลืมแล้ว แต่เฟิงเย่เสวียนจำนางได้เขาจะต้องมาหานางแน่นอนไม่ช้าก็เร็วสักวัน พวกเขาครอบครัวสี่คนจะอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา“อ๋องเฉินแห่งตงหลิงเจียงหนาน?”สาวใช้เกาศีรษะด้วยความสงสัย “องค์หญิง ท่านส่งจดหมายให้อ๋องเฉินทำไม? ท่านรู้จักอ๋องเฉินตั้งแต่เมื่อไร?”ฉู่เชียนหลีรีบกล่าว“อธิบายกับเจ้าไม่ได้ แต่ความสัมพันธ์ของข้ากับอ๋องเฉินไม่ธรรมดา…อ๋องเฉิน? อ๋องเฉินตงหลิง?”เงยหน้าฉับพลัน“ข้ารู้จักอ๋องเฉ
ทุกคน “...”สีหน้าฮ่องเต้หนานยวนดูไม่ดีนัก เซิ่ยซือเฉินเป็นแค่บัณฑิตคนหนึ่ง เพื่อบัณฑิตคนหนึ่ง ต้องทุ่มสุดตัวเช่นนี้เลย ต้องตื่นเต้นเช่นนี้เลย?ในฐานะองค์หญิง ไม่ควรมองให้ไกลกว่านี้หน่อยหรือ?เพื่อป้องกันจวินลั่วยวนทำร้ายตัวเอง เขาออกคำสั่ง มัดมือและเท้าของนางโดยตรงจวินลั่วยวนขยับไม่ได้แล้วเห็นท่าทางที่จะยิ้มไม่ยิ้มของฉู่เชียนหลี และยังเลิกคิ้วอย่างยั่วยุ นางโมโหจนแทบกัดลิ้นฆ่าตัวตายหลังจากเหตุการณ์ที่วุ่นวาย ไปจากตำหนักองค์หญิงฉู่เชียนหลีกับหลิงอี้ซิงเดินเคียงข้างกันจากไป เมื่ออารมณ์ดี จังหวะการเดินก็ผ่อนคลายเป็นพิเศษ อดไม่ได้ที่จะฮัมเพลงเบาๆฮัมไปฮัมมา จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าหลิงอี้ซิงเป็นผู้มีจิตใจเมตตา อุทิศตนให้กับความดีและคุณธรรมหยุดฝีเท้าหันไปถาม “ท่านพี่ ท่านน่าจะเห็นกระมัง ว่าข้าจงใจรังแกจวินลั่วยวน?”หลิงอี้ซิงเดินตามปกติ สายตามองไปข้างหน้า พยักหน้าอย่างเกียจคร้าน ตอบสั้นๆ เพียงคำเดียว“อืม”“ท่านไม่รู้สึกว่าข้านิสัยไม่ดีหรือ?”เขาหยุดเดินหันมามองนาง กล่าวอย่างจริงจัง “ที่เจ้ารังแกนาง นั่นก็ต้องเป็นเพราะนางล่วงเกินเจ้าก่อนแน่นอน ล้วนเป็นความผิดของนาง”เขาไ
“ยวนเอ๋อร์! ยวนเอ๋อร์!” ฮ่องเต้หนานยวนร้อนใจจนหน้าถอดสี “ใครก็ได้ ใครก็ได้รีบมาเร็ว ยวนเอ๋อร์เสียเลือดมากเกินไป หมดสติไปแล้ว!”จวินลั่วยวนที่ ‘เสียเลือดมากเกินไปจนหมดสติ’ “...”เจ้าน่ะสิที่เสียเลือดมากเกินไปเจ้าเสียเลือดมากเกินไปทั้งครอบครัว!หมอหลวงมาอย่างรวดเร็ว หลังจากทำแผลให้จวินลั่วยวนเสร็จ ถอนหายใจด้วยความกังวล “สามเดือนแล้ว ในที่สุดเอ็นขององค์หญิงก็เชื่อมต่อกัน คิดไม่ถึงว่าขาดอีกแล้ว ความพยายามในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาล้วนสูญเปล่า” ต่อจากนี้ก็ต้องใช้เวลาอีกสามเดือน เปิดบาดแผล บำรุงเอ็นทุกวันเมื่อฉู่เชียนหลีได้ยินคำนี้ เบ้าตาแดงฉับพลัน“ล้วนเป็นความผิดของข้า…”นางดึงชายเสื้อของหลิงอี้ซิง กล่าวเสียงสะอึก“ท่านพี่ ข้ามันไม่ดี ต้องเป็นเพราะเรื่องของคุณชายเซิ่นแน่ องค์โกรธข้า ไม่ชอบข้า จึงฟาดมือของตัวเองใส่เสา เพื่อเป็นการแสดงความรังเกียจต่อข้า”“ข้าทำร้ายนาง ฮือๆ…”หลิงอี้ซิงรักน้องสาว ทุกคนในแคว้นหนานยวนรู้เรื่องนี้แล้วฮ่องเต้หนานยวนกล่าวโทษนางได้อย่างไร?กลับกัน เขายังต้องขอร้องหลิงอี้ซิงทักษะการทำนายของหลิงอี้ซิงมีเพียงหนึ่งเดียวในใต้ฟ้า ตลอดหลายปีที่เขานั่งตำแหน
ระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน นางค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้เตียง จวินลั่วยวนนอนหลับแล้ว ไม่ได้เคลื่อนไหวเป็นเวลานาน หน้าซีดซูบผอม เหลือแต่หนังหุ้มกระดูกฉู่เชียนหลีเหลือบมองแวบหนึ่ง“เหตุใดข้อมือของนางยังมีเลือด?”สามเดือนแล้ว แผลยังไม่หาย?นางกำนัลที่อยู่ข้างๆ ตอบ“หมอหลวงบอกว่า จะใช้ยาพิเศษรักษาเอ็นมือและเท้าที่ขาดขององค์หญิง จำเป็นต้องเปิดแผล ขยับเอ็นที่ขาดไปรวมกันทุกวัน จนกระทั่งเชื่อมต่อกัน”“ฮืม?”ฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วด้วยความสนใจเช่นนี้ก็เท่ากับว่า จวินลั่วยวนต้องทนกับความเจ็บปวดที่ใช้มีดเปิดปากแผลทุกวันติดต่อกันสามเดือนเต็มๆ น่าสังเวชน่าจะเจ็บมากกระมัง?นางค่อยๆ นั่งลง จับข้อมือของจวินลั่วยวนเบาๆ มองผ้าพันแผลที่ถูกพันห้าหกรอบอย่างครุ่นคิดทันใดนั้นออกแรงกดที่นิ้ว“ซี้ด…!”จวินลั่วยวนเจ็บจนตื่น ลืมตาทันทีฉู่เชียนหลีรีบปล่อยมือ “โอ๊ย…ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจแตะตัวท่าน ดูท่านเจ็บมากเลยนะ ขอโทษจริงๆ”“!”หลินเหยี่ยมาอยู่ในตำหนักของนางได้อย่างไร?นางรังเกียจผู้หญิงคนนี้ที่สุด!อาศัยที่พี่ชายของตัวเองเป็นราชครู แสร้งทำเป็นช่วยเหลือชาวบ้าน ทำแต่ความดีทุกวัน มีแต่คนบอกว่าองค์หญ
เซิ่นสือเฉิน “?”เหตุใดวันนี้รู้สึกว่าหลิงเหยี่ยแปลกๆ?เมื่อก่อนนางชอบเขามากเลยไม่ใช่หรือ? เวลาที่เขาอ่านหนังสือ นางชอบมาอยู่ข้างๆ ฝนหมึกพัดลมให้เขา เวลาที่เขาเขียนหนังสือ นางชอบแอบที่นอกหน้าต่าง จับจิ้งหรีดเล่น เวลาที่เขางีบหลับ นางมักจะชงชาหิมะชั้นดีมาให้เขานางยังบอกว่าจะแต่งงานกับเขาคนเดียวเหตุใดแค่วันเดียว ก็ปล่อยวางได้แล้ว?“องค์หญิงหลิง ข้าขอโทษ” เขากล่าวอย่างรู้สึกผิดที่จริงเขาก็ชอบหลิงเหยี่ยเช่นกัน แต่องค์หญิงยวนบอกเขาว่าหลิงเหยี่ยนิสัยไม่ดี ชอบรังแกคนรับใช้ หาเรื่องชาวบ้าน ใส่ร้ายโยนความผิดให้ผู้อื่นด้วยวิธีที่น่ารังเกียจ และทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายเขาเป็นคนเรียนหนังสือ นิสัยซื่อตรง ไม่สามารถยอมรับคนที่จิตใจอำมหิตอย่างหลิงเหยี่ยเมื่อเปรียบเทียบกัน เขาชอบจวินลั่วยวนที่ไร้เดียงสา จิตใจดี และร่าเริงมากกว่า“เมื่อก่อนท่านส่งข้าเรียนหนังสือ ช่วยข้าหาอาจารย์ ใช้เส้นสาย ทำให้ข้าสอบติดขุนนาง…บุญคุณส่วนนี้ ข้า ข้าทำได้เพียงตอบแทนท่านชาติหน้าแล้ว…”ฉู่เชียนหลียิ้มอย่างอ่อนโยน“ไม่เป็นไร แค่เรื่องเล็กน้อย”“ได้ยินมาว่าองค์หญิงยวนได้รับบาดเจ็บ พวกเราเข้าวังไปดูนางกันเ
องค์หญิง?คุณชายเซิ่น?ฉู่เชียนหลีไม่ได้รับความทรงจำใดๆ เพิ่งมาที่นี่ครั้งแรก สับสนและงงงวยเล็กน้อยยังไม่ทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีเสียงฝีเท้าที่ยุ่งเหยิงและเสียงต่อต้านดังมาจากนอกประตู “ใต้เท้าหลิง! ใต้เท้าหลิง ต่อให้ท่านบีบคั้นข้าจนตาย ข้าก็ไม่แต่งงานกับนาง!”“ตั้งแต่ต้นจนจบ ในใจข้ามีเพียงองค์หญิงยวนเอ๋อร์เท่านั้น!”ยวนเอ๋อร์?องค์หญิง?ฉู่เชียนหลีเงยหน้ามองไป เห็นชายหนุ่มสวมชุดเพ้าสีขาวและที่ครอบผมหยก กำลังลากผู้ชายที่ท่าทางสุภาพเหมือนคนเรียนหนังสือเข้ามานางตระหนักถึงบางอย่าง รีบดึงสาวใช้ที่อยู่ข้างกายมาถามเบาๆ“ที่นี่คือแคว้นหนานยวน?”สาวใช้ “?”องค์หญิงเป็นอะไรไป?เหตุใดถามคำถามเช่นนี้?“องค์หญิง ท่าน…”“อย่าพูดไร้สาระ ตอบข้า!”สาวใช้ตกใจ รีบกล่าว “ท่านคือหลิงเหยี่ย องค์หญิงต่างแซ่ของแคว้นหนานยวน ใต้เท้าคือมหาราชครูของแคว้นหนวนยวน เป็นพี่ชายแท้ๆ ของท่าน เพราะใต้เท้าชำนาญการทำนาย เคยช่วยแคว้นสามครั้ง สร้างคุณประโยชน์มากมาย ท่านจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์หญิงต่างแซ่…”คำพูดที่เหลือ ฉู่เชียนหลีมองข้ามโดยตรงสิ่งเดียวที่นางคิดคือ นางถูกส่งมาเป็นองค์หญิงต่างแซ่ อีกท