น้ำแข็งจริง ๆ ...น้ำแข็งในฤดูใบไม้ร่วงของเดือนเจ็ด...น้ำแข็งที่ออกมาจากร่างกายของฉู่เชียนหลี...น้ำแข็งละลายกลายเป็นน้ำ จากปลายนิ้วหยดลงบนพื้น แล้วหายไปอย่างไร้ร่องรอยเฟิงเย่เสวียนจ้องมองฝ่ามือที่เปียกชื้น สายตาซับซ้อนเมื่อครู่นี้ เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจน ตรงจุดตันเถียนบริเวณท้องของเชียนหลี กำลังภายในที่ล้ำลึกยิ่งเกิดขึ้น กำลังภายในกลุ่มนี้แข็งแกร่งมาก ทำให้เขาตตะลึงน้ำแข็งนั่น กลับทำให้เขานึกถึง หนังสือวรยุทธ์ล้ำค่าที่สูญหายไปสามร้อยกว่าปีเล่มหนึ่ง——เคล็ดวิชาเหมันต์ในยุทธภพขึ้นมาอากาศรวมตัวกันกลายเป็นน้ำ น้ำรวมตัวกันกลายเป็นน้ำแข็ง น้ำแข็งรวมตัวกันกลายเป็นกระบี่ สังหารคนอย่างไร้ร่องรอยหนังสือวรยุทธ์ล้ำค่าชั้นยอดเล่มนี้ ตอนนั้น ก่อให้เกิดความครึกโครมไปทั่วทั้งใต้หล้า ทำให้หลายคนต่อสู้กัน เพื่อให้ได้ครอบครองมัน จนมีคนบาดเจ็บล้มตายนับไม่ถ้วน แม้กระทั่งเขายังไม่เคยเห็นมาก่อน เพียงแค่ได้ยินมาเท่านั้นเคล็ดวิชาที่ลึกลับทรงพลังเช่นนี้ กลับปรากฏบนตัวของฉู่เชียนหลีเชียนหลี เจ้ายังมีความลับที่ปิดบังข้าเอาไว้อีกเท่าไหร่กันแน่?เฟิงเย่เสวียนจ้องมองฉู่เชียนหลีด้วยสายตาล้ำลึก เม้ม
“ข้า...”ฉู่เชียนหลีแยกไม่ออกว่าเป็นความฝันหรือความจริงสำหรับการกระทำที่ดื่มน้ำร้อนเมื่อครู่นี้ก็ยิ่งอธิบายไม่ได้ เนื่องจากนางไม่ได้รู้สึกไม่สบายใด ๆ ปากและลำคอก็ไม่ได้ถูกลวกภาพลวงตา?นางประคองหน้าผาก ปลายนิ้วกดไปที่ตำแหน่งขมับ รู้สึกปวดหัวเล็กน้อย อดพูดขึ้นไม่ได้“ข้าจำได้ว่าข้าเดินอยู่บนถนนทางกลับจวน เจอเข้ากับไอ้บ้าตัณหากลับพวกหนึ่ง เหตุใดลืมตาขึ้นมาอีกทีก็อยู่ที่จวนแล้วล่ะ?”“เจ้าพบกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันเข้าจริง เป็นอ๋องหลีที่ส่งเจ้ากลับมา”เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เฟิงเย่เสวียนก็หยิกเข้าที่เอวของนางทีหนึ่ง “วันหลัง ถ้าทำให้ข้าเป็นห่วงอีก ก็อย่าได้ฝันว่าจะได้ออกจากจวนตามลำพัง”“อือ...”ฉู่เชียนหลีเจ็บจนทำเสียงเล็กเสียงน้อยอ๋องหลี?อ๋องหลีช่วยนางเอาไว้?อ๋องหลีไม่ใช่องค์ชายไร้ค่าที่พวกผู้คนพูดกันว่ามารดาผู้ให้กำเนิดจากไปไว ทั้งเขายังไม่ได้รับความโปรดปราน ไร้อิทธิพลไร้อำนาจคนนั้นหรือ? คิดไม่ถึงว่าเขาจะช่วยนางเอาไว้ถ้าหากไม่ใช่เขา ไม่รู้ว่านางอาจจะต้องได้เจอกับเรื่องแบบไหนเข้า...ฉู่เชียนหลีเม้มริมฝีปากแน่น มองไปทางเฟิงเย่เสวียน ท่าทางจะพูดแต่ก็ไม่พูดเฟิงเย่เสวียนมองควา
ทันใดนั้น การเรียกขานที่ดังใส ทำให้การกระทำของเฟิงเย่เสวียนชะงักไปเล็กน้อยหลิงเชียนอี้สังเกตเห็นแล้ว ราวกับว่าหาลู่ทางที่ถูกต้อง รีบกอดต้นขาของฉู่เชียนหลีเอาไว้“ท่านน้าสะใภ้ ท่านรีบพูดเกลี้ยกล่อมท่านน้าของข้าเร็ว ท่านน้าของข้านิสัยแย่ ลงมือหนัก ร่างกายบอบบางของข้าผู้เป็นหลานชายต้านทานไม่ไหวหรอก ท่านน้าสะใภ้!”พูด‘ท่านน้าสะใภ้’อย่างชัดถ้อยชัดคำ เรียกได้อย่างคล่องปาก เรียกได้อย่างเสียงดังฟังชัดเรียกจนเหมือนกับว่าเฟิงเย่เสวียนจะอารมณ์ดีไม่น้อยเลิกคิ้วเล็กน้อย ความโกรธในดวงตาจางลงไม่น้อยฉู่เชียนหลีกลับรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก นางกับหลิงเชียนอี้อายุห่างกันไม่มาก นางไม่มีหลานชายโตขนาดนี้“เจ้าลุกขึ้นมาก่อน” นางตบบ่าของหลิงเชียนอี้“ท่านน้าสะใภ้ ข้าไม่กล้า...”หลิงเชียนอี้หดคออย่างน่าสงสาร เม้มปากน้อยใจอย่างยิ่ง หลบที่ด้านหลังของนาง ดวงตาเล็กจ้องมองไปทางชายหนุ่มบางคนอย่างหวาดกลัวขี้ขลาด~น้อยใจ~ปอดแหก~ตอนที่อยู่ด้านนอก เชี่ยวชาญทั้งเที่ยวเล่นดื่มกินมีเรื่อง แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าอ๋องเฉิน กลับขี้ขลาดราวกับลูกหมา ต่อหน้าและลับหลังราวกับคนละคนสองบุคลิกแบบน่ารัก~ฉู่เชียนหล
องค์รัชทายาทจะหาเรื่องนาง?ระยะนี้องค์รัชทายาทเอาแต่เพ่งเล็งจวนอ๋องเฉินตลอดทุกฝีก้าว ยังทำให้นางตกหน้าผาที่ภูเขากว่างหนิงเกือบไม่ได้กลับมานางยังไม่ได้เอาเรื่ององค์รัชทายาทเลย องค์รัชทายาทกลับจะมาหาเรื่องนางน่าตลก“เข้าใจแล้ว” ฉู่เชียนหลีลูบหัวที่นุ่มลื่นของเจ้าดำน้อย ตบที่หัวของมันเบา ๆ เหมือนกับว่ามันเข้าใจคำพูดของฉู่เชียนหลี เงยปลายจมูกไปถูกับฝ่ามือของนางอย่างออดอ้อน เดินตามนางไปคนหนึ่งหมาป่าหนึ่งดำหนึ่งขาวหนึ่งหนึ่งร่างเพรียวบางน่ารัก หนึ่งร่างสูงใหญ่ทรงพลัง เมื่อนำรูปร่างที่ต่างกันสุดขั้วของทั้งสองประเภทมาวางไว้ในฉากเดียวกัน คิดไม่ถึงว่าจะสร้างความกลมกลืนที่แตกต่างหลิงเชียนอี้กัดนิ้วด้วยความหวาดกลัว เดินตามด้านหลังไปทีละก้าวสั้น ๆ อย่างกล้า ๆ กลัว ๆหมาป่าที่ดุร้ายตัวนี้ มีชื่อเสียงเลื่องลือในเมืองหลวง เหตุใดพอมาอยู่ที่ข้างกายของฉู่เชียนหลีก็ว่านอนสอนง่ายราวกับสุนัขตัวหนึ่ง?น่าประหลาดยิ่ง!น่าประหลาดมากจริง ๆ!คนจำนวนไม่น้อยจ้องมองภาพของหญิงสาวกับหมาป่า ตกใจจนถอยหลังกรูดไปหลายก้าว เกือบจะโยนของที่อยู่ในมือออกไป“พระชายา!”“หมาป่า...สวรรค์...”“เหตุใดในจวนถึงมี
ตูม…ราวกับฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ กะทันหัน ผ่าลงกลางกบาลของฉู่เชียนหลี ทำให้สมองของนางว่างเปล่าไปชั่วพริบตานางกับเฟิงเย่เสวียน…นอนด้วยกันแล้ว…พวกเขานอนด้วยกันแล้ว…ในอนาคตนางตั้งใจจะไปจากจวนอ๋องเฉิน… ดวงตาสีหมึกของเฟิงเย่เสวียนหรี่ลงเล็กน้อย มองดูใบหน้าที่ตะลึงงันอย่างเห็นได้ชัดของฉู่เชียนหลี เกิดความสนใจเล็กน้อย เขาเงี่ยหู ตั้งใจฟังเสียงในใจของนาง ได้ยินเพียง——ฉันได้เขาแล้ว? ได้เขาแล้ว? ฉัน…เชี่ย นี่มันเยี่ยมไปเลย!——ในอนาคตรอฉันไปจากจวนอ๋องเฉิน สร้างคฤหาสน์ของตัวเอง เลี้ยงชายบำเรอของตัวเอง เฟิงเย่เสวียนก็คือตัวท็อปในคฤหาสน์ของฉัน! เขา “...”“เหตุใดพระชายาจึงเงียบ?” เขามองนางอย่างลึกซึ้งฉู่เชียนหลีเงยหน้าขึ้น “ข้าตกอยู่ในสถานการณ์ที่คับขัน ท่านอ๋องกับอ๋องหลีลงมือช่วยเหลือพร้อมกัน รู้สึกซาบซึ้งยิ่งนัก”——โชคดีที่ฉันมาจากศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด เปิดกว้างทางความคิด มองเรื่อง ‘เพศ’ ก็ค่อนข้างเปิดกว้างเหมือนกันทุกคนล้วนมีความปรารถนา ความรัก เพศ เงินทอง ชื่อเสียง ผลประโยชน์ นางก็ไม่ยกเว้นเช่นกันในมุมมองของทางการแพทย์ การผ่อนคลายเป็นประโยชน์ต่อร่างกายและจิตใจยิ่งกว่านั้น ตั
ฉู่เชียนหลีกลับพยักหน้าอย่างอารมณ์ดี “ด้วยสถานะของท่าน สมควรแต่งเยอะเช่นนี้จริงๆ”เฟิงเย่เสวียน “?”ก่อนหน้านี้เยว่เอ๋อร์เคยบอกนาง สถานะของอ๋องเฉินสามารถแต่งชายาเอกหนึ่งคน ชายารองสองคน อนุภรรยาสี่คน อี๋เหนียงแปดคน สาวใช้ห้องข้างสิบหกคน…และนางในฐานะชายาเอก เรือนส่วนหลังอยู่ภายใต้การดูแลของนาง นางจำเป็นต้องแบกรับหน้าที่ส่วนนี้ฉู่เชียนหลีเดินออกมาข้างหน้าสองก้าว ถามอย่างใส่ใจ“ท่านอ๋อง ท่านตั้งใจจะรับอนุภรรยาเมื่อไร? สนใจแม่นางตระกูลใด? ข้าจะได้ให้คนส่งสินสอดไปให้”“?”เขาจะรับอนุภรรยา นางกลับไม่สนใจ?!เฟิงเย่เสวียนรู้สึกว่าเหมือนโดนมีดปักกลางหัวใจทันที เขาไม่พอใจแล้วสีหน้ามืดมน คำพูดอันเย็นชาไม่กี่คำเล็ดลอดออกมาจากไรฟัน“พระชายาช่างใส่ใจยิ่งนัก”ฉู่เชียนหลีรู้สถานะของตนเองมาก “ในฐานะที่เป็นพระชายาอ๋องเฉิน นายหญิงของครอบครัว รับอนุภรรยาให้สามี เป็นเรื่องที่ข้าสมควรทำ”สีหน้าของเฟิงเย่เสวียนยิ่งมืดแล้ว “เจ้าบอกว่าจะชีวิตนี้ ชาตินี้ เคียงคู่กันไม่ใช่หรือ?”“ท่านบอกว่าทั่วหล้าไม่มีผู้ชายที่ดีไม่ใช่หรือ? รวมถึงตัวท่านด้วย”“...แต่ข้าจะรับอนุภรรยา เจ้ากลับยินยอม?”“ถูกต้อง ท่
“พระชายา…”สีหน้าของหานเฟิงแทบจะร้องไห้ออกมาอยู่แล้วเขาไม่สามารถทรยศนายท่าน และไม่สามารถล่วงเกินพระชายา ติดอยู่ตรงกลาง กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ร้อนรนจนน้ำตาแทบไหลฉู่เชียนหลีลูบศีรษะของเขา “เป็นเด็กดี พูดเร็ว”สายตาหานเฟิงจ้องมองไปทางห้องหนังสือแวบหนึ่งนายท่าน ขอโทษขอรับ ความลับที่ท่านยังฉี่รดที่นอนตอนอายุหกขวบ เกรงว่าจะเก็บไม่อยู่แล้ว! หานเฟิงสูดลมเข้าลึกๆ หนึ่งที ในเมื่อถูกพระชายาจับจุดอ่อน เขาก็ไม่ดิ้นรนแล้ว“พระชายา ข้าบอกท่านแล้ว ท่านห้ามบอกนายท่านว่าข้าเป็นคนพูดเด็ดขาด”“เจ้าวางใจได้ ข้าจะเก็บเป็นความลับแน่นอน”ประกายแห่งความสนใจฉายในแววตาฉู่เชียนหลี รีบเงี่ยหูขยับเข้าไปใกล้ ค้อมเอวต่ำ ท่าทางลับๆ ล่อๆ เป็นท่าแอบฟังที่ได้มาตรฐานหานเฟิงขยับไปข้างหูนาง พูดเสียงเบาได้ยินกันแค่สองคน“ที่จริงนายท่านเขา…”ไม่ได้!หากพูดความลับที่ฉี่รดที่นอนออกไป รับรองว่าเขาตายเร็วขึ้นแน่คำพูดมาถึงปลายลิ้น รีบเปลี่ยนเรื่อง“ที่จริงนายท่านเขาไม่ได้ชอบพระชายารองเซียว! ท่านเป็นผู้หญิงคนแรกของเขา”ฉู่เชียนหลีตะลึงงันโดยตรงอะไรคือนางเป็นผู้หญิงคนแรกของเฟิงเย่เสวียน?“พระชายาไม่รู้หรอก นา
ทางนี้ฉู่เชียนหลีเดินออกจากเรือนหานเฟิง พ่อบ้านก็วิ่งเข้ามาด้วยสีหน้าร้อนรน “พระชายา!”เขาเดินอย่างเร่งรีบ พลางหอบหายใจ“พระชายา แย่แล้ว! รัชทายาทมาแล้ว สีหน้าของเขาบูดบึ้ง ไม่ยอมไปนั่งห้องโถงหน้า และไม่ยอมดื่มชา พูดแต่ว่าต้องการพบท่านอ๋อง!”ฉู่เชียนหลีได้ยินแล้วหรี่ตาลงเล็กน้อยมาหาถึงที่จริงด้วย“ให้เขารอไปก่อน อีกเดี๋ยวข้าค่อยไป” พูดจบก็หมุนกายไปกวักมือ “เจ้าดำน้อย!”จวนอ๋องเฉิน ห้องโถงหน้าเฟิงเจิ้งอวี้ในชุดผาวสีม่วงนั่งอยู่บนเก้าอี้หลักอย่างสูงส่ง ทุกท่วงท่ากิริยาล้วนแลดูสูงศักดิ์ ระหว่างคิ้วซ่อนกลิ่นอายอันน่าเกรงขามที่เยือกเย็น สายตาเย็นชา รอบกายแผ่กลิ่นอายอันชั่วร้ายที่ไม่ควรล่วงเกินเหล่าบ่าวไพร่ยืนห่างๆ อยู่ข้างนอก แต่ละคนก้มหน้า ไม่กล้าส่งเสียง ไม่กล้าล่วงเกินเวลาผ่านไปประมาณครึ่งก้านธูปเฟิงเย่เสวียนมาแล้ว“พี่ใหญ่มากะทันหัน และไม่ได้บอกกล่าวล่วงหน้า ข้าเสียมารยาทแล้ว” เขาเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มเฟิงเจิ้งอวี้เงยหน้า กวาดมองแวบหนึ่ง กระแทกถ้วยชาในมือลงบนโต๊ะอย่างเย็นชาปัง!เสียงดังก้องอยู่ในอากาศ บรรยากาศก็ตึงเครียดลงในเวลาเดียวกันบรรดาบ่าวไพร่ยิ่งหดไหล่และก
เมื่อพรรคของอ๋องหลีได้ยินเช่นนี้ ก็กลัวทันทีดูท่าทีของพระชายาอ๋องเฉิน นี่กำลังจะเปิดฉากสังหารครั้งใหญ่ในวังชัดๆ!ฆ่าคนติดต่อกันสองคน ไม่กระพริบตาแม้แต่ทีเดียวเลือดกระเซ็นโดนใบหน้า ก็เย็นเฉียบท่าทางที่ชั่วร้ายเหมือนปีศาจนั่น ทำให้ขุนนางหลายคนเกิดความกลัว ลองถามคนทั่วหล้า จะมีสักกี่คนที่ไม่กลัว? อยู่ต่อหน้าความเป็นความตาย ทุกคนล้วนเห็นแก่ตัวพวกเขาไม่อยากตายขุนนางคนหนึ่งกลัวจนพูดติดอ่าง“อ๋อง อ๋องหลี…อย่างไรเด็กที่อยู่ในมือท่านก็เป็นพระนัดดาองค์โต เป็นสายเลือดของราชวงศ์ ถ้าหากฆ่าเขา ในวันข้างหน้า มลทินของท่านจะถูกบันทึกไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์ เกรงว่าจะถูกคนรุ่นหลังด่าทอต่อๆ กันเป็นหมื่นปี”ขุนนางอีกคนก็กล่าวเสียงสั่น“อ๋องเฉินโปรดพิจารณา…”ถ้าหากสู้กันจริงๆ พวกเขาสู้ไม่ไหวอ๋องเฉินมีฮ่องเต้หนุนหลัง มีกองทัพ มีกำลังทหาร อ๋องเฉินเป็นฝ่ายได้เปรียบทุกด้านในมืออ๋องหลี นอกจากพระนัดดาองค์โต ก็ไม่มีเบี้ยอย่างอื่นแล้ว อีกทั้ง ทหารรักษาพระองค์ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ทหารองครักษ์เงาของอ๋องเฉินเมื่อไรที่สู้กัน พวกเขาจะตายกันหมดไม่จำเป็นต้องตายไปครั้งหนึ่ง บางครั้ง เมื่อเห็นว่าพอแล้วก
เฟิงเย่เสวียนแค่ขมวดคิ้วทีหนึ่ง ก็ข่มความเจ็บปวดนี้ลงไปผู้บัญชาการจางฟาดอย่างดุร้ายลองคิดดูเขาที่เป็นขุนนางคนหนึ่ง สามารถใช้แส้ฟาดองค์ชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด นี่เป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจเพียงใด พูดคำนี้ออกไป เขาสามารถอวดสามสิบปียิ่งฟาดยิ่งรู้สึกสนุก ยิ่งฟาดยิ่งแรงเพี๊ยะ!เพี๊ยะๆๆ!ทุกคนร้อนใจจนกระทืบเท้า แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไป อ๋องหลีบ้าไปแล้ว เขาไม่ใช่อ๋องหลีที่เข้าถึงได้ง่ายอีกแล้ว!ฉู่เชียนหลีเพิ่งคิดจะกระโจนเข้าไป ก็ถูกอ๋องหลีสั่งให้คนคุมตัวไปยืนอยู่ข้างๆ บังคับให้นางมองดูต่อหน้าต่อตา“ฉู่เชียนหลี ข้าเคยบอกแล้ว เจ้าจะต้องเสียใจ คนไร้ประโยชน์อย่างเฟิงเย่เสวียน แม้แต่ลูกชายก็ปกป้องไม่ได้ มีประโยชน์อะไร”แววตาเฟิงเจิ้งหลีเปล่งแสงที่บ้าคลั่ง“เขาเป็นแค่คนไร้ประโยชน์ ฝ่าบาทจะให้ความสำคัญกับคนไร้ประโยชน์เช่นนี้ได้อย่างไร? ฉู่เชียนหลี เจ้าว่าเจ้าตาบอดใช่หรือไม่? เจ้าดูสภาพที่สะบักสะบอมของเขาตอนนี้ เหมือนสุนัขตัวหนึ่ง เจ้าก็ยังชอบเขา เช่นนั้นเจ้าก็เป็นสุนัขตัวเมียที่แพศยา”เขายิ้มอย่างชั่วร้าย สิ่งที่พูดออกมายิ่งไม่น่าฟังทุกคนตาแดง อยากพุ่งเข้าไปสับอ๋องหลีเป็นชิ้นๆ เสีย
ผู้ชายที่ร่างกายสูงใหญ่งอหัวเข่า คุกเข่าอยู่ตรงหน้าอ๋องหลีอย่างตั้งตรง แม้อยู่ต่ำกว่า แต่ความสูงศักดิ์ที่แผ่ซ่านออกมาจากกระดูก ไม่ลดน้อยลงเลยสักนิดตลอดหลายปีที่ผ่านมา นอกจากคุกเข่าให้ฮ่องเต้และบรรพชน พวกเขาไม่เคยเห็นอ๋องเฉินคุกเข่าให้ใครเฟิงเจิ้งหลีเห็นดังนี้ แหงนหน้าหัวเราะ“ฮ่าๆๆ!”คิดไม่ถึงจริงๆ เขาจะมีวันนี้ด้วยลูกชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด แพ้ให้กับลูกชายที่ไม่โปรดปรานที่สุด ไม่สะดุดตาที่สุด และยังถูกทุกคนรังแก ความรู้สึกที่อยู่เหนือกว่าเช่นนี้ ทำให้ในใจเขาสาแก่ใจจริงๆ“ฮ่าๆๆๆ เฟิงเย่เสวียน เจ้าก็มีวันนี้ด้วย!”หัวเราะเสร็จ เขารู้สึกว่าความเย่อหยิ่งของอ๋องเฉินมันขัดตาทั้งๆ ที่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบจนต้องคุกเข่า เหตุใดยังอวดดีหยิ่งผยองเช่นนี้?เขาออกคำสั่ง “ก้มหัวเจ้าลงไป”เฟิงเย่เสวียนเม้มปาก ก้มศีรษะลงเขาออกคำสั่งอีกครั้ง “โขกศีรษะ!”“อ๋องหลี ท่านอย่ารังแกให้มันมากนัก! ท่านกับท่านอ๋องของเราเป็นคนรุ่นเดียวกัน ท่านรับการโขกหัวจากเขาไม่ได้! ไม่กลัวบรรพชนรู้แล้ว อายุสั้นหรือ!” พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความโกรธเพิ่งกล่าวจบ ก็ถูกผู้บัญชาการจางถีบจนล้มลงพื้นหลังจากล้มลง ก
“ปล่อยคนของเจ้าแล้ว เจ้าเป็นอิสระแล้ว คืนลูกให้ข้า” ฉู่เชียนหลีจ้องเขาเฟิงเจิ้งหลีเหลือบมองเด็กน้อยในอ้อมแขน ท่าทางที่ร้องไห้จนหน้าแดง เห็นแล้วปวดใจนักคิดว่าแค่นี้ก็จบแล้วหรือ?เขายิ้ม“ฉู่เชียนหลี เหมือนเจ้าจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์นะ?”“?”“……”“เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาต่อรองกับข้า? เด็กอยู่ในมือข้า เป็นหรือตายขึ้นอยู่กับข้า ถึงคราวที่เจ้าต้องมาสอนข้าทำงานตั้งแต่เมื่อไร?”สีหน้าฉู่เชียนหลีเคร่งขรึมทันทีเห็นได้ชัด เขาได้คืบจะเอาศอก“เจ้ายังต้องการอะไรอีก?”“ข้าหรือ” เขาเงยหน้าด้วยรอยยิ้ม กวาดมองทุกคน และตำหนักอันหรูหราหลังนี้ วังหลวงที่กว้างใหญ่แห่งนี้ แผ่นดินที่ดีเช่นนี้เขาต้องการอะไร ยังต้องให้พูดอีกหรือ?แต่ว่า มองดูท่าทางที่ร้อนใจของฉู่เชียนหลี เขาเกิดอยากสนุก ต้องการระบายความคับข้องใจที่ได้รับในสองวันนี้ออกมาให้หมดลูบแก้มของเด็กน้อยพลางกล่าว“อยากได้ลูกคืน ไม่มีปัญหา มันก็ต้องดูว่าอ๋องเฉินมีความจริงใจหรือไม่”เงียบไปครู่หนึ่ง“อืม หรือไม่อ๋องเฉินคุกเข่า โขกหัวให้ข้าสามครั้ง ข้าก็คืนลูกให้เจ้า เป็นอย่างไร?”ฉู่เชียนหลีโมโหแล้วด้วยนิสัยที่ยอมหนึ่งก้าว จะเอาสิบก้าวข
“เจ้า!”ฉู่เชียนหลีถูกความเฉยเมยของนางยั่วจนโมโหแล้ว ยิ่งคิดไม่ถึงว่าใต้ฟ้าจะมีแม่ที่ไร้ความรับผิดชอบเช่นนี้มันก็จริงฉู่เจียวเจียวกับเฟิงเจิ้งหลี ถ้าไม่เหมือนกันก็คงอยู่ด้วยกันไม่ได้ ไม่มีอะไรที่พวกเขาสองสามีภรรยาทำไม่ลงรอหลังจากลู่ฉินเติบโต รู้ว่าตัวเองมีแม่เช่นนี้ ไม่รู้ว่าจะเศร้าเพียงใด!“ฉู่เชียนหลี เฟิงเย่เสวียน พวกเจ้าเลิกพูดไร้สาระได้แล้ว รีบปล่อยตัวอ๋องหลี ความอดทนข้ามีขีดจำกัด!” ฉู่เจียวเจียวกล่าวอย่างเย็นชา“จะเอาชีวิตของลูกชาย หรือจะปล่อยคน พวกเจ้าเลือกเอง”อย่างไรนางก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้วไม่ดิ้นรน ตายสถานเดียวดิ้นรน เดิมพัน ยังมีโอกาสสายตาเฟิงเย่เสวียนเคร่งขรึมมาก หางตาเหลือบมองหานเฟิง หานเฟิงเข้าใจทันที เขาซ่อนมือไว้ที่หลัง และทำท่าสัญญาณมือไปที่ด้านหลังมือธนูเตรียมพร้อมจู่ๆ ฉู่เจียวเจียวก็กล่าวเสริมอีกประโยคอย่างเย็นชา “พวกเจ้าสามารถลองดูได้ ดูสิว่าการเคลื่อนไหวของพวกเจ้าไว หรือมีดที่อยู่ในมือข้าเร็ว”“ต่อให้ข้าตาย การฆ่าเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ยก็ใช้เวลาแค่พริบตาเดียว”ฉู่เชียนหลีสั่งให้มือธนูหยุดทันที “ปล่อยคน!”อย่าทำอะไรบุ่มบ่ามผู้หญิงคนนี้มันเป็นผู
พลันฉู่เชียนหลีแน่นหน้าอก“หยุดนะ…”“อย่าเข้ามา!”ฉู่เจียวเจียวถอยหลังสามก้าว มือซ้ายจับเด็ก มือขวาถือมีดสั้น มีดสั้นที่แวววาวจ่ออยู่บนผิวอันบอบบางของเด็ก กรีดจนรอยเลือดออกแล้วเลือดไหลออกมาแล้ว“จู่ๆ เจ้าก็มาเป็นห่วงข้า และยังพยายามอยากอุ้มลูกทุกวิถีทาง ข้าก็รู้แล้วว่าเจ้าไม่ได้มีเจตนาดี”นางยิ้มอย่างเย็นชา“เหอะ! ดูเหมือนฮ่องเต้ที่แกไม่ตายสักทีนั่นเป็นคนบอกเรื่องนี้กับเจ้าสินะ!”ไอ้แก่ เป็นอัมพาตเฉียบพลันยังไม่ยอมอยู่อย่างสงบเสงี่ยมอีกต่อให้รู้ความจริงแล้วอย่างไร?ชีวิตของเด็กคนนี้อยู่ในมือนาง“ฉู่เชียนหลีนะฉู่เชียนหลี เจ้าคิดอย่างไรก็คงคิดไม่ถึงกระมังว่า เจ้าเลี้ยงลูกสาวข้า ข้าเลี้ยงลูกชายเจ้า และก็ต้องขอบคุณลูกชายคนดีคนนี้ของเจ้า กลายเป็นตัวช่วยที่สำคัญของอ๋องหลี” นางเผยอมุมปาก รอยยิ้มนั้นน่ากลัวมากฉู่เชียนหลียืนตัวแข็งอยู่ตรงที่เดิม ไม่กล้าขยับ“เจ้าต้องการอะไร?”ฉู่เชียนหลีจ้องมีดสั้นในมือนาง กลัวว่านางจะพลั้งเผลอกรีดโดนคอของเด็กตั้งครรภ์สิบเดือนลูกชายเป็นก้อนเนื้อชิ้นหนึ่งที่ตกลงมาจากร่างกายนางนางไม่กล้าเดิมพัน และเดิมพันไม่ไหวฉู่เจียวเจียวกล่าว “ข้าต้องก
กลางดึกกำลังถึงช่วงที่คนเงียบสงบ คนกลุ่มหนึ่งวิ่งไปที่ตำหนักเจาหยางราวกับคลื่นยักษ์ ตอนที่ใกล้จะถึง ฉู่เชียนหลีตวาดสั่งให้พวกเขาหยุด“พวกเจ้าอยู่ห่างๆ อยากเข้าใกล้!”พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความเป็นห่วง “พระชายา พวกเราต้องไปเอาพระนัดดาองค์โตกลับมา นั่นเป็นเลือดเนื้อของท่านกับท่านอ๋องนะ”“ข้ารู้!”ก็เพราะรู้ จึงไม่ให้พวกเขาเข้าใกล้“ไปทำอะไรคนเยอะแยะ ถ้าหากบีบจนฉู่เจียวเจียวไม่มีทางเลือก นางทำอะไรขึ้นมา…”ฉู่เชียนหลีแทบจะเป็นบ้าแล้ว ร้อนรนเหมือนมดที่อยู่บนกระทะร้อน ทั้งร้อนใจทั้งไม่สบายใจ น้ำเสียงก็ค่อนข้างฉุนเฉียวไม่อยากพูดมาก วิ่งเข้าไปในตำหนักเจาหยางเพียงลำพัง คนอื่นรออยู่ที่ข้างนอก ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามภายในตำหนักฉู่เจียวเจียวกำลังกล่อมจื่อเยี่ย ฉู่เจียวเจียวมาแล้ว นางมองเด็กน้อยที่อ้วนสมบูรณ์ กล่าวโดยไม่เงยหน้า“พระชายาอ๋องเฉิน ลูกของข้าเพิ่งนอนหลับ ”โปรดให้อภัย ข้าอุ้มเขาไว้ ร่างกายหนัก ไม่สะดวกลุกขึ้นยืน สายตาฉู่เชียนหลีมองไปที่ตัวเด็กเด็กน้อยอ้วนสมบูรณ์ ใบหน้าจ้ำม่ำ คิ้วละเอียดอ่อน หน้าตาที่น่ารักน่าเอ็นดู คล้ายเฟิงเจิ้งเว่ยซีแปดส่วนเหตุใดเมื่อก่อนนางไม่สังเกต
อวิ๋นอิงถูกนางทำเอาตกใจจนหน้าซีด รีบถาม“พระชายา มีอะไรหรือ? เหตุใดกะทันหันเช่นนี้?”“รีบไป!”มือทั้งสองข้างของฉู่เชียนหลีเย็นเฉียบ เสียงนั้นเกือบจะคำรามออกมา แม้แต่คอก็กำลังสั่นสะเทือนคนข้างล่างไม่กล้ารอช้า รีบไปตามหาคนทันทีเฟิงเย่เสวียนประหม่า “เชียนหลี นี่เจ้าเป็นอะไร?”“ข้าอาจจะเข้าใจผิด อาจจะทำผิดพลาด ข้าอาจจะ…ข้า ข้า…” ฉู่เชียนหลีพูดวนไม่ปะติดปะต่อ พูดอยู่ดีๆ เบ้าตาก็แดงแล้วหัวใจเหมือนถูกแมวข่วน กระสับกระส่ายนางกุมเสื้อตรงหน้าอก หายใจอย่างอึดอัดขออย่าให้มันเป็นเรื่องจริง…ขออย่า…นางทรมานจังนางไม่ใช่แม่ที่ดี กลัวรู้ความจริง แต่ก็อยากรู้ความจริงหลังจากนั้นครึ่งชั่วยาม ผู้คนร้อยกว่าคนเข้าวังในคืนนั้น มีคนของจวนอ๋องเฉิน หมอ หมอตำแย ผู้ช่วยหมอ และยังมีองครักษ์ลับ ทหารยาม หมอหญิงเว่ยก็อยู่เมื่อหนึ่งเดือนกว่าก่อน ตอนที่ฉู่เชียนหลีคลอดลูก คนเหล่านี้อยู่ในเหตุการณ์ทุกคนเมื่อฉู่เชียนหลีเห็นพวกเขา รีบถามทันที“วันที่ข้าคลอดลูก เคยมีคนแปลกหน้ามาหรือไม่?”ทุกคนหันมองกันและกัน ล้วนส่ายศีรษะ“พระชายา เรื่องสำคัญอย่างท่านคลอดลูก พวกเราจับตาดูอย่างเข้มงวด ในจวนมีแต่คนข
นางกำนัลรีบนำพู่กันมาฉู่เชียนหลีเอาพู่กันจุ่มน้ำหมึก แล้วใส่ในมือฮ่องเต้ร่างกายของฮ่องเต้เป็นอัมพาต ไม่ควบคุมมือไม่ได้ ไม่สามารถจับพู่กันด้วยซ้ำ ปากของเขาเบี้ยว ใช้แรงทั้งหมดหนีบด้ามพู่กันด้วยนิ้วชี้กับนิ้วกลาง อาศัยแรงกระตุกของร่างกาย ลงพู่กันบนกระดาษอย่างเบี้ยวไปเบี้ยวมาเพียงไม่กี่ขีด เขียนอย่างยากลำบาก บนหน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อแนวเฉียง…แนวตั้ง…สองคำ ทั้งหมดสี่ขีดเขียนเสร็จ พู่กันก็ร่วงตกบนพื้น เขาเหนื่อยจนหอบบนเตียง ขยับไม่ได้อีกแล้ว“ลูกชาย…” อวิ๋นอิงอุทานเบาๆ “คนที่ฝ่าบาทคิดถึงคือลูกชาย?”ฉู่เชียนหลีถือกระดาษ แม้สองคำนี้เขียนได้คดเคี้ยวมาก แต่เนื่องจากลายเส้นเรียบง่าย จึงมองออกในปราดเดียวว่ามันคือคำว่า ‘ลูกชาย’นี่เขาอยากบอกอะไรนาง?“หรือเป็นอ๋องหลี?” อวิ๋นอิงคาดเดาฉู่เชียนหลีส่ายศีรษะโดยไม่ต้องคิด“อ๋องหลีวางยาพิษเขา กบฏวังชิงราชบัลลังก์ มีความทะเยอทะยาน ฝ่าบาทไม่มีทางคิดถึงอ๋องหลี”นางกล่าววิเคราะห์“ส่วนอ๋องหลีหลังจากขึ้นบัลลังก์ ไม่ฆ่าผู้บริสุทธิ์ องค์ชายท่านอื่นอยู่อย่างสงบเสงี่ยมเหมือนเมื่อก่อน ไม่มีอันตราย ฮ่องเต้ก็ไม่มีทางคิดถึงองค์ชายท่านอื่น”อวิ๋