ฉู่เชียนหลีเงยหน้าทันที “?”ตรวจตราทางใต้?ให้อ๋องเฉินพาอ๋องหลีไปด้วยนางอันค่อย ๆ เอ่ย “ท่านพ่อของเจ้าเห็นด้วยเรื่องการแต่งงานของเจียวเจียวกับอ๋องหลีแล้ว อีกไม่กี่วันในวังหลวงก็จะมีราชโองการลงมา แต่ว่ามารดาผู้ให้กำเนิดของอ๋องหลีจากไปไว ฝ่าบาทก็ไม่ได้โปรดปรานเขาสักเท่าใด เจ้าให้อ๋องเฉินพาเขาไปด้วยบ่อย ๆ”ฉู่เชียนหลีเข้าใจจุดประสงค์ของนางอันทันทีอ๋องหลีไม่ได้รับความโปรดปราน อ๋องเฉินได้รับความโปรดปรานที่สุด นางต้องการให้อ๋องเฉินสนับสนุนอ๋องหลีนี่จะเป็นไปได้อย่างไร!องค์ชายมากมายขนาดนั้น แต่ราชบัลลังก์มีเพียงแค่หนึ่งเดียว คนที่มีโอกาสเป็นจักรพรรดิที่สุด จะสนับสนุนผู้ที่อ่อนแอที่สุดได้อย่างไร?ทันทีที่อ๋องเฉินทำแบบนี้ ฝ่าบาทก็จะระแวงยิ่งไปกว่านั้น เรื่องนี้เกี่ยวพันกับสมาชิกของราชวงศ์ การแก่งแย่งชิงดีระหว่างองค์ชาย ไม่ได้ง่ายเหมือนการแก่งแย่งชิงดีกันในครอบครัวความคิดของนางอันจะใหญ่โตเกินไปหน่อยแล้ว!ฉู่เชียนหลีปฏิเสธทันที “ท่านแม่ ท่านมองอ๋องเฉินง่ายเกินไปแล้ว เขาเป็นถึงองค์ชาย เป็นไปได้อย่างไรที่จะสนับสนุนองค์ชายองค์อื่น? เรื่องนี้หากจัดการไม่ดี จะพลอยเดือดร้อนข้า เดือดร้อน
น้ำตาไหลออกจากเบ้าตา จ้องมองฉู่เชียนหลีด้วยดวงตาแดงก่ำอย่างเห็นได้ชัด บนใบหน้าเต็มไปด้วยการประณามและน้อยใจ“หากรู้แต่แรกว่าจะเป็นเช่นนี้ ตอนนั้น ข้าตายไปในกองหิมะที่หนาวเหน็บพร้อมกันกับเจ้าเสียดีกว่า จะได้ไม่ต้องรับความไม่ยุติธรามเช่นวันนี้...” นางอันกุมหน้า ร้องได้สะอึกสะอื้น“ชีวิตของข้าลำบากเหลือเกิน...เจ้ามันลูกอกตัญญู...เจ้าเติบโตขึ้นมาได้จากการดื่มเลือดของข้า!”“ท่านแม่...” ฉู่เจียวเจียวกอดท่านแม่เอาไว้ ดวงตาแดงก่ำเช่นเดียวกันฉู่เชียนหลีนั่งตัวแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น เหมือนกับมีก้อนเลือดก้อนหนึ่งอยู่ในลำคอ ติดอยู่ตรงนั้น ออกมาไม่ได้ ลงไปไม่ได้ ติดอยู่ตรงนั้นจนรู้สึกอึดอัดใช่นางเป็นเนื้อก้อนหนึ่งที่ออกมาจากร่างกายของนางอันไม่มีนางอัน นางก็ไม่มีทางเติบใหญ่ได้ไม่ว่านางจะทำอย่างไร บุญคุณที่ให้กำเนิดและเลี้ยงดูมาไม่มีทางตอบแทนได้หมดไปชั่วนิรันดร์...ฉู่เชียนหลีเม้มปาก จ้องมองนางอันที่ร้องไห้อย่างเศร้าโศกไม่หยุด เผยอริมฝีปากออก “ข้า...รับปากท่านก็ได้”นางอันตะลึงงันไปครู่หนึ่ง นางเงยหน้าขึ้นอย่างดีใจ รีบดึงมือทั้งสองข้างของฉู่เชียนหลี“เสียวฉู่ เจ้าตกลงแล้ว?”“เจ้าอย่าโทษท
ฉู่เชียนหลีจับหน้าผาก แล้วนวดคลึงที่บริเวณขมับ “เยว่เอ๋อร์ เจ้ากลับจวนอ๋องเฉินเถอะ ข้าอยากเดินเล่นคนเดียว”เยว่เอ๋อร์เป็นห่วง “พระชายา แต่ว่า...”“ไปเถอะ ข้าโตขนาดนี้ ยังหลงทางได้อีกหรือ?”ฉู่เชียนหลีโบกมือ ไม่รอให้เยว่เอ๋อร์พูดอีก ก็เดินไปแล้วเมืองหลวง คึกคัก คนสัญจรไปมาคนไม่น้อยพากันวิพากษ์วิจารณ์เรื่องเมื่อคืนนี้ของจวนอ๋องมีคนกล่าวว่า อาสะใภ้ของข้าที่ทำงานอยู่จวนอ๋องเล่าว่า ตอนนั้นฮูหยินผู้เฒ่าหวังขาดใจตายไปแล้ว ถูกพระชายาช่วยชีวิตกลับมา ได้ข่าวว่าตอนนางเป็นเด็กเคยถูกคนลึกลับคนหนึ่งช่วยชีวิตเอาไว้ ได้เรียนรู้ฝีมือการรักษาโรคที่ยอดเยี่ยม...”มีคนพูดว่า “ฝีมือการรักษาโรคอะไรกัน ข้าได้ข่าวว่าอันที่จริงเป็นนางที่กุเรื่องขึ้นมาเอง จุดประสงค์ก็เพื่อพิสูจน์ตนเองต่อหน้าของอ๋องเฉิน ก็เพื่ออยากจะแย่งความโปรดปราน”“ข้ายังได้ข่าวมาอีกว่า...”แต่ละคนมีความคิดที่แตกต่างกันออกไปพวกชาวบ้านพากันคาดเดาพร้อมกับจินตนาการ คำที่พูดออกมากลับน่าสนใจฉู่เชียนหลีเดินผ่านกลางฝูงชน เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น จ้องมองผู้คนที่กำลังเดินผ่านไปมามีทั้งผู้หญิงเลี้ยงลูก มีทั้งคู่สามีภรรยาที่เดินซื้อของ
‘ติ่ง’ ในสมัยโบราณบ้าคลั่งกันขนาดนี้เลยเหรอ!บนสนามแข่งขัน ภายใต้แสงแดด บรรดาหนุ่มน้อยแต่ละคนหน้าตาหล่อเหลาแข็งแกร่ง ท่าทางเย่อหยิ่ง หล่อสะดุดตา“ไอ้ลูกหมา กล้าสนใจในตัวของอาเซียง วันนี้ข้าให้เจ้าได้เห็น ว่าอะไรถึงเรียนว่าผู้ชายที่ประสบความสำเร็จ!” หลิงเชียนอี้กุมเชือกบังเหียน พูดกดดัน ใบหน้าที่หล่อเหลาจนถึงขีดสุดทำให้มีเสียงกรีดร้องของหญิงสาวจำนวนนับไม่ถ้วนบนหลังม้าอีกกลุ่มหนึ่ง หยางเหวินเฉิงฉีกยิ้มมุมปากอย่างเยาะหยัน“หลิงเชียนอี้ เจ้าก็แค่อาศัยที่แม่ของเจ้าเป็นองค์หญิงใหญ่ พ่อของเจ้าเป็นท่านโหว ห่างท่านพ่อท่านแม่ไป เจ้าก็ไม่เหลืออะไรแล้ว ยังมีหน้ามาแย่งอาเซียงกับข้าอีกงั้นหรือ?”“ไอ้เด็กเวร!”“เจ้ามันตัวอะไร!”ทั้งสองคนด่ากันไปมาดวงตาทั้งสองคู่ปะทะกันกบางอากาศจนทำให้เกิดประกายไฟที่รุนแรง เสียงดัง‘ซี่ ๆ’ขึ้นทันที ท่าทางสูสีฉู่เชียนหลีสีหน้าตึงเมื่อได้ยินประโยคนี้ ชัดแจ้งว่าทั้งสองคนกำลังแย่งชิง ‘แม่นางอาเซียง’ ผู้นี้อยู่เด็กเหลือขออายุสิบสี่สิบห้าปีสองคน แสดงบทละครตีกัน เพื่อความรัก?อายุที่เพิ่งจะเรียนมัธยมศึกษาปีที่สามจะรู้อะไร ก็มีแต่เรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ตอนที่นางอา
แควก!เป้ากางเกงขาด...ในเวลาเดียวกัน เสียงโห่ร้องในสนามดังขึ้นทันที“ท่านโหวน้อยชนะแล้ว...!” บรรดาสาวน้อยวัยแรกแย้มจำนวนนับไม่ถ้วนส่งเสียงโห่ร้อง ปรบมือ ประทับใจ พากันมองไปทางชายหนุ่มชุดแดงที่จุดเส้นชัย“ท่านโหวน้อย!”ทันใดนั้น ชายหนุ่มราวกับบุตรสวรรค์โปรด ได้รับการสนับสนุนจากทุกคน แล้วก็จ้องมองหยางเหวินเฉิงที่ยังคงฉีกขาอยู่ในสนามแข่ง...ขาทั้งสองข้างแข็งทื่อราวกับพิการไปแล้ว ขยับไม่ได้ไปทันที“คุณชายหยาง เจ้าไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?”“เหวินเฉิง!”เพื่อนสนิททั้งสองคนวิ่งเข้ามาหาอย่างรีบร้อน ประคองหยางเหวินเฉิงซ้ายขวาคนละข้าง หยางเหวินเฉิงเจ็บจนหน้าเขียว เงยหน้ามองไป ก็เห็นหลิงเชียนอี้ถูกทุกคนโอบล้อมเอาไว้ มีเสียงโห่ร้องด้วยความดีใจสีหน้าของเขายิ่งหม่นหมองขึ้นทันทีแหวกฝูงชนออก พุ่งตัวเข้าไปหา ตะคอกเสียงดัง“หลิงเชียนอี้ คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะเล่นสกปรกต่อหน้าทุกคน!”หลิงเชียนอี้หันหน้ากลับไปมอง เหลือบตามองอย่างดูถูก เหยียดหยางเหวินเฉิง ไม่แม้กระทั่งจะมองเขาตรง ๆเพื่อนสนิททั้งสามคนข้างกายเขาก้าวไปข้างหน้ามือทั้งสองข้างของตู้หนิงกอดอก เขย่าขาขวา ยิ้มพร้อมพูดเหน็บแนม “แหม เมื่
“ได้!”ฉู่เชียนหลีพูดอย่างหนักแน่น จากนั้นก็หยิบขวดกระเบื้องเล็กสีขาวขวดหนึ่งออกมาจากในแขนเสื้อ เทผงละเอียดลงบนฝ่ามือ“คุณชายหยาง ทุกท่าน ดูให้ดี ม้าตัวนี้เป็นตัวที่ท่านโหวน้อยขี่เมื่อครู่ พวกท่านดูขาด้านหลังทั้งสองข้างของมัน มีความผิดปกติหรือไม่?”ตามเสียงที่จบลงของนาง สายตาทุกคนพากันมองไปขนหน้าแน่นบนขาลูกม้า ตัดแต่งอย่างเป็นระเบียบ ขนแผงคอยาวถูกหวีอย่างดี สวยงามสง่า ไม่มีความผิดปกติใด ๆ ไม่รีบร้อนฉู่เชียนหลีก้าวไปข้างหน้า นำผงยาพิเศษทาลงไปบนขาของม้าปรากฏการณ์ประหลาดปรากฏขึ้น~เห็นว่า ขาหลังด้านขวาที่แต่เดิมมีขนหนาแน่น ค่อย ๆ ปรากฏร่องรอยรูปร่างคดเคี้ยว สามสี่รอยขึ้นมา...“นี่มัน?!”ทุกคนจ้องมองฉากนี้อย่างประหลาดใจฉู่เชียนหลีหยิบแส้ยาวออกมา “นี่คือแส้ยาวที่คุณชายหยางใช้ เมื่อตอนแข่งม้าเมื่อครู่นี้”นางนำแส้พันลงไปบนขาหลังของลูกม้า ตรงกันกับสองรอยพอดี!พอดีแบบไม่มีช่องว่างแม้แต่นิดเดียว!“เป็นเจ้า!”หลิงเชียนอี้เห็นฉากนี้ ก้าวไปข้างหน้าด้วยความโมโห “มิน่าเล่าตอนที่ข้าขี่ม้าเมื่อครู่นี้ จู่ ๆ ด้านหลังก็มีแรงหนึ่งกลุ่มหนึ่ง กระชากจนข้าเกือบจะตกจากหลังม้า ที่แท้เป็นเจ้
ทันใดนั้นทิศทางลมก็เปลี่ยน เสียงวิพากษ์วิจารณ์ทั้งหมดย้อนกลับมาทางหยางเหวินเฉิงทั้งเหยียดหยาม ทั้งด่าประจาน ทั้งเย้ยหยัน...“หน้าไม่อาย!”“ก่อนหน้านี้ ข้ายังไม่เชื่อเลยนะ แต่ว่าพระชายาอ๋องเฉินมีฝีมือทางการรักษา เป็นไปไม่ได้ที่จะหลอกลวง ไอ้หยางหน้าด้านหน้าด้านเกินไปแล้ว”“ต่อไป พวกเรารู้จักแค่ท่านโหวน้อย ไม่รู้จักหยางเหวินเฉิงอีกแล้ว!”“ใช่!”บรรดาสาวน้อยวัยแรกแย้มพากันด่าทอหยางเหวินเฉิงอย่างรุนแรง พร้อมทั้งสนับสนุนท่านโหวน้อยหยางเหวินเฉิงเบิกตาด้วยความอึ้งเกิดอะไรขึ้น?ฉู่เชียนหลีอัปลักษณ์ขนาดนี้ ทุกคนไม่ควรเปลี่ยนหัวข้อสนทนา ควรจะโจมตีฉู่เชียนหลีไม่ใช่หรือ?เหตุใดทุกคนจึงหันมาด่าเขาล่ะ?ฉู่เชียนหลียกริมฝีปากขึ้น ส่งเสียงหัวเราะอย่างเย้ยหยันเหน็บแนม บรรดาสาวน้อยกำลังสนใจ ‘รูปโฉมที่สวยงาม’ จะว่างมามองนางที่ไหนกัน? ความคิดชั่ว ๆ ของหยางเหวินเฉิงผิดพลาดแล้ว ยังเข้าตัวเองอีกต่างหากสมน้ำหน้า“คุณชายหยาง ท่านควรคุกเข่าขอโทษท่านโหวน้อยแล้ว” นางยิ้มพูดเตือนสติทุกคนพากันกล่าว “ถูกต้อง!”“คุกเข่าลงไป!”“นี่เป็นสิ่งที่ท่านเป็นคนพูดเอง!”สีหน้าของหยางเหวินเฉิงอึมครึมทันที สีห
เมืองหลวงหมิงฮ่าวเซวียนหอสุราชั้นยอด เป็นสถานที่ชั้นสูงที่ครอบคลุมไปด้วยดนตรีจารีต การเต้นรำ การสนทนา พูดคุยงานราชการ ความเพลิดเพลิน สาวงามและชายบำเรอตลอดจนบริการด้านต่าง ๆ เอาไว้ในที่เดียวภายในห้องส่วนตัวหลิงเชียนอี้หวาดกลัวมาก ขาทั้งสองข้างสั่นเทา ราวกับใบไม้ที่ร่วงหล่นในฤดูใบไม้ร่วง กอดไหเหล้าใบใหญ่ใบหนึ่งเอาไว้ในอ้อมแขน พูดอย่างไรก็ไม่ยอมปล่อยมือบนที่นั่ง ฉู่เชียนหลี “มานี่”“ข้าไม่ไป!”หลิงเชียนอี้กอดไหเหล้าเอาไว้ ปฏิเสธแล้วถอยหลังไปสามก้าวอีกครั้งครั้งก่อน เขาไม่รู้ตัวตนของฉู่เชียนหลี พาฉู่เชียนหลีมาดื่มเหล้า ผลปรากฏว่าถูกท่านน้า...จับเปลื้องผ้าจนตัวล่อนจ้อนครั้งนี้...เขาไม่กล้า!“เพื่อฉลองชัยชนะที่เจ้าแข่งม้าชนะ พวกเรามาดื่มกันสักคนจะจอกสองจอก ให้เบิกบานใจ มีอะไรต้องเครียดกัน?” ฉู่เชียนหลีกล่าวเพื่อนสนิททั้งสามคนต่างพากันพยักหน้า“ถูกต้อง เชียนอี้ ท่าทางหนีหัวซุกหัวซุนของเจ้าหยางเหวินเฉิงนั่น ระบายความโกรธได้ดีจริง ๆ! จะต้องดื่มสักสองจอก ในใจของพวกเราถึงจะเบิกบาน” ตู้หนิงตบโต๊ะ เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง“ปกติเจ้าชอบกินดื่มที่สุดนี่ เหตุใดวันนี้ถึงได้ขี้ขลาดนักล่
อันธพาลเจ็บจนกรีดร้องเหมือนหมูโดนเชือด “อ๊ะๆ!”ยังไม่ทันได้พักหายใจ ก็โดนถีบจนไปกลิ้งอยู่บนพื้น รองเท้าปักลายดอกไม้เหยียบลงบนหน้าอก หนักจนทำให้เขาหายใจไม่ออก กระอักเลือดออกมา“พู่!”เขากอดต้นขาของอวิ๋นอิง อยากดิ้นให้หลุด แต่หาของอวิ๋นอิงกดทับอยู่บนร่างกายของเขาเหมือนเหล็กกล้า และเขาก็เหมือนกับปลาตัวหนึ่งที่ถูกตอกตะปูอยู่บนเขียง พยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แต่ก็ดิ้นไม่หลุดเจอผีแล้ว!ทั้งที่นางผอมเช่นนี้ เหตุใดจึงมีแรงมากเช่นนี้?ผู้หญิงคนนี้ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือ?ชาวบ้านก็ตะลึงเช่นกันอวิ๋นอิงอุ้มลูกสาวไว้ด้วยมือข้างเดียว ค่อยๆ ก้มลง ยกฝ่ามืออีกข้าง เหวี่ยงไปที่ใบหน้าของอันธพาลโดยตรง“ข้าสั่งให้เจ้าเก็บ”เพียะ!“ไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ?”เพียะ!“หูหนวกหรือ?”เพียะ!หนึ่งประโยค หนึ่งฝ่ามือ ตบจนอันธพาลหันซ้ายหันขวา มุมปากแตกมีเลือดไหล หูอื้อ สะบักสะบอมเหมือนสุนัขจรจัดตัวหนึ่ง ไม่หลงเหลือความฮึกเหิมของก่อนหน้านี้เลย“ลูกพี่!”ลิ่วล้อสามคนคว้าโต๊ะเก้าอี้และท่อนไม้ที่อยู่ข้างๆ ฟาดไปทางอวิ๋นอิงอย่างแรงอวิ๋นอิงกระโดนหมุนตัวเตะพวกเขาสามคนจนลอยกระเด็นออกไปไกลเจ็ดแปดเมตร โดยไม่หั
ตงหลิงเจียงหนาน ทำเนียบสามเดือนที่พระชายาจากไป อ๋องเฉินเอาแต่เก็บตัว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลก หานเฟิงต้องรับผิดชอบงานแทนทุกอย่าง เมื่อนานวันเข้า โลกภายนอกต่างกำลังคาดเดา จิตใจของอ๋องเฉินได้รับกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ล้มแล้วลุกไม่ขึ้น เกรงว่าเหลือเวลาอีกไม่นานแล้วช่วงนี้ ในที่สุดอาการบาดเจ็บของจิ่งอี้ก็ดีขึ้นแล้วอาการบาดเจ็บทางกระดูกหรือเส้นเอ็น ต้องรักษาอย่างน้อยหนึ่งร้อยวันในที่สุดกระดูกซี่โครงที่หักสองซี่ก็หายดีแล้ว สามารถขี่ม้าได้แล้ว ตอนนั้นเขาบอกว่าจะนำทัพกลับแคว้นซีอวี้ทันทีแต่ก่อนไป เขาถามเหมือนไม่ใส่ใจ“เหตุใดไม่เจอแม่นางอวิ๋นอิงเลย?”จ้านหูจริงจังขึ้นมาทันที เขาตอบ“องค์ชายใหญ่ ข้าจะส่งคนไปสืบเดี๋ยวนี้!”“ไม่ต้อง”หลังจากปฏิเสธอย่างเฉยเมย ปีนขึ้นหลังม้า ขี่ออกไปคนเดียวแล้วจ้านหู “?”หมายความว่าอย่างไร?ตอนที่องค์ชายใหญ่หมดสติ แม้อวิ๋นอิงบอกว่าไม่สนใจ แต่แอบมาเยี่ยมองค์ชายใหญ่ตอนดึกดื่นเวลาที่ไม่มีคนองค์ชายใหญ่ก็อีกคน ทั้งที่คิดถึงอวิ๋นอิง แต่ไม่ยอมรับในใจของพวกเขาสองคนล้วนมีอีกฝ่าย ลูกสาวก็อายุเกือบครึ่งขวบแล้ว เหตุใดไม่ลองเปิดใจสักนิดแล้วอยู่ด้วยกันเลย
คืนแรกที่มาถึงต่างโลก ฉู่เชียนหลีฝันในความฝัน นางอยู่บนสนามรบ สู้จนตัวตาย เลือดไหลเป็นแม่น้ำ น่าสลดใจนัก…ในความฝัน นางได้ต่อสู้ร่วมกับชายคนหนึ่งที่มองไม่เห็นใบหน้า ร่วมเป็นร่วมตาย และยังมีเสียงที่นุ่มนิ่มของเด็ก เรียก ‘ท่านแม่’ ครั้งแล้วครั้งเล่าในความฝัน ราวกับนางได้รับความอยุติธรรมครั้งใหญ่ หัวใจเจ็บปวด และพยายามอธิบายสุดชีวิต แต่พวกคนที่เรียกตัวเองว่า ‘ครอบครัว’ ไม่เชื่อนาง และยังบีบคั้นนางสู่เส้นทางที่สิ้นหวังในความฝัน…มีคนกำลังเรียกนาง‘เชียนหลี…เชียนหลี…’ฉึก!ฉู่เชียนหลีลืมตาฉับพลัน ท้องฟ้าข้างนอกสว่างแล้ว แสงแดดอุ่นๆ ยามเช้าสาดส่องเข้ามา สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของอากาศ สงบมากนางรู้สึกเวียนศีรษะ และแน่นหน้าอกราวกับนางอยู่ในความฝันอันยาวนานจริงๆนางได้รับความอยุติธรรมนางถูกคนในครอบครัวฆ่าตายแต่เหตุใดนางจำผู้ชายที่เรียกนาง และภาพที่เรียกนางว่า ‘ท่านแม่’ ไม่ได้เลย“องค์หญิง ท่านตื่นแล้ว”เมื่ออ้ายอ้ายได้ยินเสียง ถือกะละมังน้ำอุ่นกับเครื่องใช้เข้ามาปรนนิบัติฉู่เชียนหลีนวดขมับ อยู่ในอาการเหม่อลอย แขนขาอ่อนแรง ไม่มีแรงขยับ ดึงผ้าห่มออก ลงจากเตียง สวมรองเท้
สาวใช้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็รีบฝนหมึกอย่างเชื่อฟังมองดูองค์หญิงรีบหยิบพู่กัน เขียนอะไรบางอย่าง ท่าทางที่รีบร้อนนั่น เมื่อก่อนเวลาที่นังเป็นห่วงคุณชายเซิ่น ยังไม่รีบร้อนเช่นนี้เลยองค์หญิงกระโดดสระน้ำ หมดสติไปสามวัน หลังจากฟื้น ก็เปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย?นิสัยเปลี่ยนไปน้ำเสียงเปลี่ยนไปแต่เมื่อลองตั้งใจมอง องค์หญิงยังคงเป็นองค์หญิง ยังคงเป็นใบหน้าที่คุ้นเคยฉู่เชียนหลีเขียนอย่างรวดเร็ว…อ๋องเฉินเป็นอย่างไรบ้าง ข้าอยู่แคว้นหนานยวน…พลางเขียน พลางกล่าวอย่างรีบร้อน “รีบไปหาคน ช่วยข้าส่งจดหมายฉบับนี้ไปให้อ๋องเฉินที่ตงหลิงเจียงหนาน”นางอยากบอกความจริงกับเฟิงเย่เสวียน ต่อให้ตนลืมแล้ว แต่เฟิงเย่เสวียนจำนางได้เขาจะต้องมาหานางแน่นอนไม่ช้าก็เร็วสักวัน พวกเขาครอบครัวสี่คนจะอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา“อ๋องเฉินแห่งตงหลิงเจียงหนาน?”สาวใช้เกาศีรษะด้วยความสงสัย “องค์หญิง ท่านส่งจดหมายให้อ๋องเฉินทำไม? ท่านรู้จักอ๋องเฉินตั้งแต่เมื่อไร?”ฉู่เชียนหลีรีบกล่าว“อธิบายกับเจ้าไม่ได้ แต่ความสัมพันธ์ของข้ากับอ๋องเฉินไม่ธรรมดา…อ๋องเฉิน? อ๋องเฉินตงหลิง?”เงยหน้าฉับพลัน“ข้ารู้จักอ๋องเฉ
ทุกคน “...”สีหน้าฮ่องเต้หนานยวนดูไม่ดีนัก เซิ่ยซือเฉินเป็นแค่บัณฑิตคนหนึ่ง เพื่อบัณฑิตคนหนึ่ง ต้องทุ่มสุดตัวเช่นนี้เลย ต้องตื่นเต้นเช่นนี้เลย?ในฐานะองค์หญิง ไม่ควรมองให้ไกลกว่านี้หน่อยหรือ?เพื่อป้องกันจวินลั่วยวนทำร้ายตัวเอง เขาออกคำสั่ง มัดมือและเท้าของนางโดยตรงจวินลั่วยวนขยับไม่ได้แล้วเห็นท่าทางที่จะยิ้มไม่ยิ้มของฉู่เชียนหลี และยังเลิกคิ้วอย่างยั่วยุ นางโมโหจนแทบกัดลิ้นฆ่าตัวตายหลังจากเหตุการณ์ที่วุ่นวาย ไปจากตำหนักองค์หญิงฉู่เชียนหลีกับหลิงอี้ซิงเดินเคียงข้างกันจากไป เมื่ออารมณ์ดี จังหวะการเดินก็ผ่อนคลายเป็นพิเศษ อดไม่ได้ที่จะฮัมเพลงเบาๆฮัมไปฮัมมา จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าหลิงอี้ซิงเป็นผู้มีจิตใจเมตตา อุทิศตนให้กับความดีและคุณธรรมหยุดฝีเท้าหันไปถาม “ท่านพี่ ท่านน่าจะเห็นกระมัง ว่าข้าจงใจรังแกจวินลั่วยวน?”หลิงอี้ซิงเดินตามปกติ สายตามองไปข้างหน้า พยักหน้าอย่างเกียจคร้าน ตอบสั้นๆ เพียงคำเดียว“อืม”“ท่านไม่รู้สึกว่าข้านิสัยไม่ดีหรือ?”เขาหยุดเดินหันมามองนาง กล่าวอย่างจริงจัง “ที่เจ้ารังแกนาง นั่นก็ต้องเป็นเพราะนางล่วงเกินเจ้าก่อนแน่นอน ล้วนเป็นความผิดของนาง”เขาไ
“ยวนเอ๋อร์! ยวนเอ๋อร์!” ฮ่องเต้หนานยวนร้อนใจจนหน้าถอดสี “ใครก็ได้ ใครก็ได้รีบมาเร็ว ยวนเอ๋อร์เสียเลือดมากเกินไป หมดสติไปแล้ว!”จวินลั่วยวนที่ ‘เสียเลือดมากเกินไปจนหมดสติ’ “...”เจ้าน่ะสิที่เสียเลือดมากเกินไปเจ้าเสียเลือดมากเกินไปทั้งครอบครัว!หมอหลวงมาอย่างรวดเร็ว หลังจากทำแผลให้จวินลั่วยวนเสร็จ ถอนหายใจด้วยความกังวล “สามเดือนแล้ว ในที่สุดเอ็นขององค์หญิงก็เชื่อมต่อกัน คิดไม่ถึงว่าขาดอีกแล้ว ความพยายามในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาล้วนสูญเปล่า” ต่อจากนี้ก็ต้องใช้เวลาอีกสามเดือน เปิดบาดแผล บำรุงเอ็นทุกวันเมื่อฉู่เชียนหลีได้ยินคำนี้ เบ้าตาแดงฉับพลัน“ล้วนเป็นความผิดของข้า…”นางดึงชายเสื้อของหลิงอี้ซิง กล่าวเสียงสะอึก“ท่านพี่ ข้ามันไม่ดี ต้องเป็นเพราะเรื่องของคุณชายเซิ่นแน่ องค์โกรธข้า ไม่ชอบข้า จึงฟาดมือของตัวเองใส่เสา เพื่อเป็นการแสดงความรังเกียจต่อข้า”“ข้าทำร้ายนาง ฮือๆ…”หลิงอี้ซิงรักน้องสาว ทุกคนในแคว้นหนานยวนรู้เรื่องนี้แล้วฮ่องเต้หนานยวนกล่าวโทษนางได้อย่างไร?กลับกัน เขายังต้องขอร้องหลิงอี้ซิงทักษะการทำนายของหลิงอี้ซิงมีเพียงหนึ่งเดียวในใต้ฟ้า ตลอดหลายปีที่เขานั่งตำแหน
ระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน นางค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้เตียง จวินลั่วยวนนอนหลับแล้ว ไม่ได้เคลื่อนไหวเป็นเวลานาน หน้าซีดซูบผอม เหลือแต่หนังหุ้มกระดูกฉู่เชียนหลีเหลือบมองแวบหนึ่ง“เหตุใดข้อมือของนางยังมีเลือด?”สามเดือนแล้ว แผลยังไม่หาย?นางกำนัลที่อยู่ข้างๆ ตอบ“หมอหลวงบอกว่า จะใช้ยาพิเศษรักษาเอ็นมือและเท้าที่ขาดขององค์หญิง จำเป็นต้องเปิดแผล ขยับเอ็นที่ขาดไปรวมกันทุกวัน จนกระทั่งเชื่อมต่อกัน”“ฮืม?”ฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วด้วยความสนใจเช่นนี้ก็เท่ากับว่า จวินลั่วยวนต้องทนกับความเจ็บปวดที่ใช้มีดเปิดปากแผลทุกวันติดต่อกันสามเดือนเต็มๆ น่าสังเวชน่าจะเจ็บมากกระมัง?นางค่อยๆ นั่งลง จับข้อมือของจวินลั่วยวนเบาๆ มองผ้าพันแผลที่ถูกพันห้าหกรอบอย่างครุ่นคิดทันใดนั้นออกแรงกดที่นิ้ว“ซี้ด…!”จวินลั่วยวนเจ็บจนตื่น ลืมตาทันทีฉู่เชียนหลีรีบปล่อยมือ “โอ๊ย…ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจแตะตัวท่าน ดูท่านเจ็บมากเลยนะ ขอโทษจริงๆ”“!”หลินเหยี่ยมาอยู่ในตำหนักของนางได้อย่างไร?นางรังเกียจผู้หญิงคนนี้ที่สุด!อาศัยที่พี่ชายของตัวเองเป็นราชครู แสร้งทำเป็นช่วยเหลือชาวบ้าน ทำแต่ความดีทุกวัน มีแต่คนบอกว่าองค์หญ
เซิ่นสือเฉิน “?”เหตุใดวันนี้รู้สึกว่าหลิงเหยี่ยแปลกๆ?เมื่อก่อนนางชอบเขามากเลยไม่ใช่หรือ? เวลาที่เขาอ่านหนังสือ นางชอบมาอยู่ข้างๆ ฝนหมึกพัดลมให้เขา เวลาที่เขาเขียนหนังสือ นางชอบแอบที่นอกหน้าต่าง จับจิ้งหรีดเล่น เวลาที่เขางีบหลับ นางมักจะชงชาหิมะชั้นดีมาให้เขานางยังบอกว่าจะแต่งงานกับเขาคนเดียวเหตุใดแค่วันเดียว ก็ปล่อยวางได้แล้ว?“องค์หญิงหลิง ข้าขอโทษ” เขากล่าวอย่างรู้สึกผิดที่จริงเขาก็ชอบหลิงเหยี่ยเช่นกัน แต่องค์หญิงยวนบอกเขาว่าหลิงเหยี่ยนิสัยไม่ดี ชอบรังแกคนรับใช้ หาเรื่องชาวบ้าน ใส่ร้ายโยนความผิดให้ผู้อื่นด้วยวิธีที่น่ารังเกียจ และทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายเขาเป็นคนเรียนหนังสือ นิสัยซื่อตรง ไม่สามารถยอมรับคนที่จิตใจอำมหิตอย่างหลิงเหยี่ยเมื่อเปรียบเทียบกัน เขาชอบจวินลั่วยวนที่ไร้เดียงสา จิตใจดี และร่าเริงมากกว่า“เมื่อก่อนท่านส่งข้าเรียนหนังสือ ช่วยข้าหาอาจารย์ ใช้เส้นสาย ทำให้ข้าสอบติดขุนนาง…บุญคุณส่วนนี้ ข้า ข้าทำได้เพียงตอบแทนท่านชาติหน้าแล้ว…”ฉู่เชียนหลียิ้มอย่างอ่อนโยน“ไม่เป็นไร แค่เรื่องเล็กน้อย”“ได้ยินมาว่าองค์หญิงยวนได้รับบาดเจ็บ พวกเราเข้าวังไปดูนางกันเ
องค์หญิง?คุณชายเซิ่น?ฉู่เชียนหลีไม่ได้รับความทรงจำใดๆ เพิ่งมาที่นี่ครั้งแรก สับสนและงงงวยเล็กน้อยยังไม่ทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีเสียงฝีเท้าที่ยุ่งเหยิงและเสียงต่อต้านดังมาจากนอกประตู “ใต้เท้าหลิง! ใต้เท้าหลิง ต่อให้ท่านบีบคั้นข้าจนตาย ข้าก็ไม่แต่งงานกับนาง!”“ตั้งแต่ต้นจนจบ ในใจข้ามีเพียงองค์หญิงยวนเอ๋อร์เท่านั้น!”ยวนเอ๋อร์?องค์หญิง?ฉู่เชียนหลีเงยหน้ามองไป เห็นชายหนุ่มสวมชุดเพ้าสีขาวและที่ครอบผมหยก กำลังลากผู้ชายที่ท่าทางสุภาพเหมือนคนเรียนหนังสือเข้ามานางตระหนักถึงบางอย่าง รีบดึงสาวใช้ที่อยู่ข้างกายมาถามเบาๆ“ที่นี่คือแคว้นหนานยวน?”สาวใช้ “?”องค์หญิงเป็นอะไรไป?เหตุใดถามคำถามเช่นนี้?“องค์หญิง ท่าน…”“อย่าพูดไร้สาระ ตอบข้า!”สาวใช้ตกใจ รีบกล่าว “ท่านคือหลิงเหยี่ย องค์หญิงต่างแซ่ของแคว้นหนานยวน ใต้เท้าคือมหาราชครูของแคว้นหนวนยวน เป็นพี่ชายแท้ๆ ของท่าน เพราะใต้เท้าชำนาญการทำนาย เคยช่วยแคว้นสามครั้ง สร้างคุณประโยชน์มากมาย ท่านจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์หญิงต่างแซ่…”คำพูดที่เหลือ ฉู่เชียนหลีมองข้ามโดยตรงสิ่งเดียวที่นางคิดคือ นางถูกส่งมาเป็นองค์หญิงต่างแซ่ อีกท