“หากเดินไปเส้นทางอื่น จะถูกคนของหน่วยลาดตระเวนเหล่านั้นพบตัวได้ง่ายมาก”หลังฟางอวี่คิดว่าจะถูกพบตัว และถูกจับไปใช้แรงงานบนเกาะหมัวกุ่ยอีกครั้งถึงขั้นที่อาจมีคนจำได้ว่าเขาคือคนที่หนีออกไปจากเกาะหมัวกุ่ยก่อนหน้านี้ สิ่งที่รอเขาอยู่ ก็ยิ่งเป็นจุดจบที่น่าอนาถคิดมาถึงตรงนี้ ฟางอวี่ก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่นเทาด้วยความกลัวอวิ๋นฝูหลิงเก็บสายตากลับมาแม้ว่าแนวปะการังแห่งนี้จะสูงชัน จนคนทั่วไปปีนได้ยากอยู่บ้าง ทว่าสำหรับนางไม่นับว่าเป็นอันใดเลยยิ่งไปกว่านั้นแนวปะการังแห่งนี้ยังถูกน้ำทะเลกัดเซาะมานานหลายปี พื้นผิวจึงขรุขระ นี่ทำให้ระหว่างทางที่ปีนมีจุดที่สามารถใช้เหยียบเท้าได้เยอะมาก ความยากในการปีนขึ้นไปจึงลดระดับลงบ้างสายตาของอวิ๋นฝูหลิงกวาดมองร่างของพวกเทียนเฉวียนทั้งสามคนเทียนเฉวียนมีวรยุทธ์สูงส่ง การปีนแนวปะการังระเกะระกะแห่งนี้จึงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขาแม้แต่น้อยก่อนหน้านี้ฟางอวี่หลบหนีไปจากตรงนี้ คิดว่าเขาคงคุ้นเคยกับแนวปะการังระเกะระกะแห่งนี้เป็นอย่างดี การปีนขึ้นไปย่อมไม่ใช่เรื่องยากเช่นกันยามที่สายตาของอวิ๋นฝูหลิงตกมาอยู่ที่ร่างของลูกพี่อู๋เป็นคนสุดท้าย ก็ชะงักอยู่นานล
เทียนเฉวียนได้ยินเช่นนั้น ก็เกิดสงสัยอยู่ในใจไม่หายเดิมทีเขาคิดว่าอวิ๋นฝูหลิงอยากให้คุมตัวเจ้านั่นไว้ เพื่อจะได้รับรองความปลอดภัยของพวกเขาได้มากขึ้นทว่าความจริงแล้วดูไม่ค่อยเหมือนกับสิ่งที่เขาคิดสักเท่าไรว่าแต่ เรื่องสำคัญกว่าที่อวิ๋นฝูหลิงพูดถึงมันคืออะไรกัน?ยังไม่ทันที่เทียนเฉวียนจะได้คิดอันใดมากมาย เขาเห็นอวิ๋นฝูหลิงหยิบของสีดำ ๆ รูปร่างเหมือนนกออกมาจากในห่อผ้าเดิมทีอวิ๋นฝูหลิงไม่อยากเปิดเผยต่อหน้าเทียนเฉวียนนัก ทว่าสถานการณ์ในยามนี้ไม่ธรรมดา พวกเขาไม่รู้เรื่องการป้องกันบนเกาะหมัวกุ่ยที่แน่ชัด หากขืนเข้าไปทั้งอย่างนี้ จะต้องมีสภาพไม่ต่างกับแมลงวันหัวขาดแน่นอนนางคิดสะระตะไปมา สุดท้ายจึงตัดสินใจคว้าโดรนจากในมิติออกมา ใช้มันสืบส่องสถานการณ์บนเกาะดูเสียก่อนดังนั้นการตรวจสอบด้านบนเกาะครั้งนี้ นางจึงตั้งใจพามาแค่พวกเทียนเฉวียนสามคนเท่านั้นทั้งยังหาข้ออ้างให้ลูกพี่อู่กับฟางอวี่ออกไปที่อื่นที่ให้เทียนเฉวียนรั้งอยู่ ก็เพราะนางต้องการผู้ช่วยหนึ่งคนมาวาดแผนที่สภาพบนเกาะอีกทั้งในลูกน้องกลุ่มนี้ เทียนเฉวียนนั้นซื่อสัตย์และไว้ใจได้ อวิ๋นฝูหลิงเชื่อใจเขาอวิ๋นฝูหลิงบังคับรีโมท
“เจ้าเก็บแผนที่นี้ไว้ มีมันแล้ว จะเคลื่อนไหวได้สะดวกมากขึ้น”“ตรงสามจุดนี้...” อวิ๋นฝูหลิงเอื้อมมือออกไปชี้ที่ตำแหน่งทั้งสามบนแผนที่ จากนั้นจึงพูดต่อไปว่า “ทั้งสามจุดนี้น่าจะเป็นสถานที่ซึ่งคนที่ถูกจับมาบนเกาะต้องใช้แรงงาน เป็นไปได้มากว่าท่านอ๋องกับผู้บัญชาการจั่วจะแฝงตัวอยู่ในนี้ เจ้าต้องให้ความสำคัญกับการค้นหาในทั้งสามจุดนี้” “เมื่อหาตัวท่านอ๋องเจอ ให้แจ้งสถานการณ์แก่ท่านอ๋องให้ชัดเจน แล้วดูว่าท่านอ๋องมีแผนการอะไรหรือไม่?”คิดดูแล้ว เซียวจิ่งอี้น่าจะเข้าใจสถานการณ์บนกาะหมัวกุ่ยแห่งนี้มากกว่าพวกเขาแน่เขาอยู่บนเกาะมานานขนาดนี้ แต่กลับไม่หาโอกาสออกไปเลย คิดแล้วคงจะต้องมีเหตุผลบางอย่างเป็นแน่เทียนเฉวียนพยักหน้าหนัก ๆ “ผู้น้อยจดจำไวแล้วขอรับ”อวิ๋นฝูหลิงนึกถึงเรื่องโดรน ทันใดนั้นจึงกระแอมออกมาเบา ๆ หนึ่งครั้ง แล้วกล่าวว่า “เทียนเฉวียน เมื่อครู่นี้...”อวิ๋นฝูหลิงยังไม่ทันพูดจนจบ เทียนเฉวียนก็พูดขึ้นมาอย่างมีไหวพริบยิ่ง “เมื่อครู่นี้ผู้น้อยไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น ไม่รู้เรื่องอะไรทั้งสิ้น และไม่มีทางพูดอะไรออกไปแน่นอนขอรับ” อวิ๋นฝูหลิงเผยสีหน้าประหนึ่งได้พบเข้ากับเด็กฉลาดสั่งสอนได้
ลูกพี่อู๋ได้ยินเช่นนั้น ไม่พูดพร่ำทำเพลงรีบไต่โขดหินลงไปทันทีทว่าฟางอวี่กลับแปลกใจนักที่นี่เป็นบริเวณที่ขึ้นไปบนเกาะได้โดยไม่ถูกจับง่าย ๆ ที่สุด ก่อนหน้านี้ก็ตกลงแล้วว่าจะขึ้นเกาะจากตรงนี้ กว่าเขากับลูกพี่อู๋จะปีขึ้นมาได้นี่มันไม่ง่ายเลยนะ ทั้งยังรอพวกอวิ๋นฝูหลิงอยู่ข้างบนตั้งนาน แล้วไยตอนนี้อวิ๋นฝูหลิงจะให้พวกเขาลงไปอีก?ฟางอวี่สงสัยไม่หาย กระทั่งยามที่เขาเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง เบื้องหน้าก็ไร้เงาของเทียนเฉวียนแล้วฟางอวี่ได้แต่เก็บงำความสงสัยที่มีอยู่เต็มท้องลงไป ไต่โขดหินลงไปด้านล่างอีกครั้งกับลูกพี่อู๋กระทั่งทั้งสองคนลงมาถึงด้านล่าง ก็เห็นอวิ๋นฝูหลิงกำลังนั่งเอนหลังตากแดดอยู่บนโขดหินก้อนหนึ่งอวิ๋นฝูหลิงได้ยินเสียงความเคลื่อนไหว หันหน้าไปก็เห็นพวกเขาสองคน จึงอธิบายว่า “บนเกาะนี้มีการป้องกันแน่นหนา เป้าหมายของพวกเราทั้งสี่ใหญ่เกินไป เขาเลยลองคิดดู ก็เห็นว่าให้เทียนเฉวียนขึ้นเกาะไปหาตัวคนจะเป็นการดีกว่า”“เขามีวรยุทธ์แข็งแกร่ง วิชาตัวเบาก็ดี เขาไปคนเดียวไม่มีทางถูกจับได้ง่าย ๆ แน่”“ต่อให้ถูกจับได้ ก็หลบหนีออกมาได้ง่าย”คำอธิบายนี้ของอวิ๋นฝูหลิงมีเหตุผลยิ่ง ลูกพี่อู๋กับฟางอวี
ดูท่าคนของเขาจะตามมาถึงบนเกาะหมัวกุ่ยแล้ว แค่ไม่รู้ว่าคนที่มานั้นเป็นใคร?เซียวจิ่งอี้เปลี่ยนความคิด ยกมือขึ้นกุมท้องทันที แล้วส่งเสียงร้อง “โอ๊ย” ออกมาโจวไห่เซิงที่อยู่ใกล้ที่สุดหน้าเปลี่ยนสีทันทีที่เห็นเช่นนั้น รีบเข้ามาประคองเขา “น้องจิ่ง เป็นอะไรไป?”เมื่อวานเซียวจิ่งอี้ช่วยเขาจากแส้ของผู้คุม ในใจโจวไห่เซิงจึงซาบซึ้งในตัวเซียวจิ่งอี้เป็นอย่างยิ่งครั้นยามนี้เห็นเขากุมท้องพลางร้องโอดโอย ความร้อนรนความเป็นกังวลผุดขึ้นมาเต็มหัวใจในชั่วพริบตาจั่วเยี่ยนที่อยู่ห่างพวกเขาไปเจ็ดแปดก้าวเห็นเช่นนั้น ทั้งตกใจทั้งร้อนใจขึ้นมาทันที รีบทิ้งจอบในมือแล้ววิ่งไปทางเซียวจิ่งอี้เขาจะให้เกิดอะไรขึ้นกับเซียวจิ่งอี้ไม่ได้เด็ดขาด!ไหนเลยจะรู้ว่าเขาเพิ่งวิ่งออกไปได้สองก้าว ก็เห็นเข้ากับสายตาของเซียวจิ่งอี้ที่ส่งมาให้เขาจั่วเยี่ยนเข้าใจได้ทันที เซียวจิ่งอี้แกล้งทำเขาชะลอฝีเท้าลงทันทียามนี้เองที่การเคลื่อนไหวของทางนี้เกิดไปดึงดูดความสนใจของผู้คุมพวกนั้นเข้าผู้คุมคนหนึ่งสะบัดแส้ออกมา แล้วตะโกนลั่น “ทำอะไรกัน? แยกย้ายออกไปทำงานเสีย!”เซียวจิ่งอี้กุมท้องไว้ แล้วยิ้มสู้ผู้คุมพลางกล่าวว่า “ใต้เ
อวิ๋นฝูหลิงเอนหลังอยู่บนโขดหิน รองมือทั้งสองข้างไว้ใต้ศีรษะต่างหมอน เหม่อมองออกไปไกลยังท้องทะเลตรงขอบฟ้าลูกพี่อู๋กับฟางอวี่นั่งอยู่ไม่ไกลทั้งสองคนมองไปทางอวิ๋นฝูหลิงอยู่หลายครั้ง อยากจะพูดอะไรสักอย่าง ทว่ากลับลังเลแล้วไม่พูดออกไปไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไร มองดวงตะวันที่ค่อย ๆ เคลื่อนตัวไปทางทิศประจิม ทว่ากลับยังไม่เห็นเทียนเฉวียนกลับมาลูกพี่อู๋อดรู้สึกร้อนรนขึ้นมาในใจไม่ได้ยามนี้เอง อวิ๋นฝูหลิงขยับหูเล็กน้อย จู่ ๆ ก็ผุดกายลุกขึ้นนั่งหลังจากที่ร่างกายของนางได้รับหยดน้ำแห่งจิตวิญญาณจากในมิติมาแล้ว สัมผัสทั้งห้าก็ว่องไวเป็นอย่างยิ่ง ความเคลื่อนไหวภายในรัศมีสามลี้นางล้วนสัมผัสรับรู้ได้นางถึงได้อาบแดดอยู่บนชายหาดได้อย่างสบายอกสบายใจ ไม่กังวลแม้แต่น้อยว่าจะถูกคนบนเกาะหมัวกุ่ยจับได้เพราะทันทีที่มีคนเข้ามาใกล้ นางก็จะรับรู้ได้ทันทียามนี้นางรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของกระแสลมในอากาศ มีคนกำลังมุ่งหน้ามาทางนางและคนที่มาก็ฝีเท้าเบายิ่ง หากมิใช่ว่าประสาทหูนางดีจนน่าตกใจ คงแทบรับรู้ไม่ได้ คิดดูแล้ววิทยายุทธของอีกฝ่ายคงไม่เบา อย่างน้อยที่สุดวิชาตัวเบาก็ดีเยี่ยมอวิ๋นฝูหลิงนึก
แค่ประมาทเพียงเล็กน้อย ก็จะถูกคนเจาะช่องทาง หาโอกาสหลบหนีลงทะเลได้เมื่อมีคนหนีออกไปได้ แล้วแอบไปแจ้งข่าวแก่มือมืดที่อยู่เบื้องหลังและวางแผนเรื่องทั้งหมดนี้ ผลที่ตามมาต้องเลวร้ายจนไม่อยากนึกถึงแน่ฉะนั้นอุบายที่ใช้ยาสลบนี้ เป็นวิธีที่ทั้งสบายใจ ทั้งประหยัดแรงที่สุดจริง ๆอวิ๋นฝูหลิงรีบแสร้งทำเป็นล้วงเข้าไปในแขนเสื้อ แล้วควักยาสลบออกมาสองสามห่อส่งให้เทียนเฉวียน“ยาไม่กี่ห่อนี้ มากพอที่จะทำให้คนนับพันสลบไสลได้”“ใส่ยาลงไปในน้ำหรืออาหาร ไร้สีไร้รส สัมผัสไม่ได้สักนิดเดียว พอกินเข้าไปแล้ว ใช้เวลาไม่เกินห้าลมหายใจก็พากันสลบแล้ว”“สองห่อนี้เป็นควันยาสลบ หากไม่สะดวกลงมือกับอาหารก็จุดควันยาสลบนี่ ขอแค่สูดควันยาสลบนี้เข้าไป ก็จะหมดสติล้มพับทันที”“ห่อนี้เป็นยาแก้ เผื่อว่าพวกเจ้าไม่ระวังจนโดนลูกหลงไปด้วย ก็ให้ใช้ยาแก้นี้”เทียนเฉวียนเก็บยาสลบที่อวิ๋นฝูหลิงให้ไว้เรียบร้อย“ท่านอ๋องบอกว่ายามโหย่วพลลาดตระเวนบนเกาะจะถึงคราวเปลี่ยนกะ และยามนี้ก็จะเป็นเวลาที่กำหนดไว้ให้ทานข้าว ยาวโหย่วเป็นเวลาที่เหมาะแก่การลงมือที่สุด”อวิ๋นฝูหลิงพยักหน้า“ข้าเข้าใจแล้ว เจ้านำความไปบอกแก่ท่านอ๋อง ยามโหย่วข้า
ยามโหย่วอวิ๋นฝูหลิงทำตามแผนที่ได้ตกลงไว้กับเซียวจิ่งอี้ นำคนขึ้นชายหาดโดยไร้สุ้มเสียงหลังจัดการยามที่ด่านรอบนอกทั้งสองแห่ง ก็เปลี่ยนคนที่เฝ้ายามทั้งหมดเป็นคนของพวกเขาเองจะว่าไปแล้ว เพื่อให้จัดการเหล่าแรงงานที่ถูกจับมาบนเกาะเหล่านั้นได้สะดวก ไม่ให้พวกเขาหลบหนี จึงตั้งด่านไว้ตามจุดสำคัญ ๆ ไม่กี่แห่งบนเกาะหมัวกุ่ย และจัดคนไปคอยเฝ้าไว้ส่วนสถานที่อื่น ๆ บ้างก็ปลูกพุ่มหนามไว้ บ้างก็สร้างกำแพงสูงขึ้นมาล้อมไว้ ไม่ให้คนเดินผ่านเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ช่วยทำให้อวิ๋นฝูหลิงเบาใจไปไม่น้อยแต่เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในภายหลัง อวิ๋นฝูหลิงจึงจัดแจงคนคอยลาดตระเวนตามแนวชายหาดไว้ จับตาดูเกาะหมัวกุ่ยทั้งเกาะไว้อย่างแน่นหนา ไม่ปล่อยให้ใครก็ตามหนีออกไปได้เมื่อจัดแจงเรื่องรอบนอกเรียบร้อย อวิ๋นฝูหลิงจึงนำคนเข้าไปในเกาะด้วยตัวเองนางคว้าแผ่นที่ฉบับหนึ่งออกมาดูแผนที่ที่วาดไว้ก่อนหน้านี้ให้เทียนเฉวียนไปแล้ว ส่วนแผ่นนี้เป็นแผ่นี่นางวาดขึ้นมาใหม่ตามที่จดจำได้หลังจากที่นางกลับไปที่เรือใหญ่แล้วอวิ๋นฝูหลิงแยกแยะทิศทาง เข้าเกาะไปตามสัญลักษณ์บนแผนที่ เพื่อไปรวมตัวกับเซียวจิ่งอี้ตลอดทางมานี้ หากพบเข้ากับคนที่
เทียนเฉวียนได้ยินเช่นนั้นก็เข้าใจทันทีว่าท่านอ๋องคิดจะนั่งรอลาภลอยในเมื่อเวินเจาผู้นั้นเป็นนายน้อยเผ่าเยว่ สถานะในเผ่าเยว่ก็ย่อมไม่ธรรมดาหลังจากคนแคว้นเยว่เหล่านั้นรู้ข่าวว่าเวินเจาถูกจับตัวมา จะต้องคิดหาวิธีมาช่วยเขาออกไปเป็นแน่เทียนเฉวียนไปทำตามคำสั่งของเซียวจิ่งอี้ทันทีทว่าหลังจากรอมาสามวัน ก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหวจากทางด้านเวินเจาแม้แต่น้อยเซียวจิ่งอี้ตระหนักได้ว่าตัวเองเจอคู่ต่อสู้เข้าแล้วราชครูแคว้นเยว่หลบหนีเก่งมาก ทำให้ยามนี้เขารู้สึกจนปัญญาอยู่บ้างหากพูดตามหลักการแล้ว คนแคว้นเยว่เหล่านั้นต้องการฟื้นฟูแคว้น ตัวตนของเวินเจาซึ่งมีสายเลือดราชวงศ์ จึงทำให้พวกเขามีเหตุผลอันชอบธรรมมิเช่นนั้นอาศัยเพียงราชครูผู้นั้น คนแคว้นเยว่ที่เหลือจะเชื่อฟังคำสั่งเขาได้อย่างไร?ทว่าหลังจากผ่านไปนาน คนแคว้นเยว่เหล่านั้นกลับไม่มีท่าทีว่าจะมาช่วยเวินเจาแม้แต่น้อยนี่หมายความว่ามองแผนของเขาออกใช่หรือไม่? หรือคิดว่ายามนี้ไม่ใช่จังหวะที่ดีในการช่วยเหลือ จึงกำลังวางแผนและเฝ้าดูอยู่?หรือคนแคว้นเยว่ยอมแพ้เรื่องนายน้อยเวินเจาผู้นี้แล้ว?เซียวจิ่งอี้คิดไปคิดมา ก็รู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ที่คนแ
ทหารชั้นผู้น้อยคนนั้นได้กลิ่นเลือดจาง ๆ สายหนึ่งกลิ่นเลือดจางมาก จนแทบไม่ได้กลิ่นแต่เขาเกิดมาพร้อมจมูกที่อ่อนไหวต่อกลิ่น แค่เพียงกลิ่นจาง ๆ ก็สามารถได้กลิ่นเช่นกันทหารชั้นผู้น้อยรีบเดินหลายก้าว ไล่ตามสือจ่างซึ่งเป็นผู้นำไปยามนี้สือจ่างเดินออกมาจากเรือนแล้ว ทหารชั้นผู้น้อยรีบเดินไปตรงหน้าสือจ่าง และกระซิบไม่กี่ประโยคก้นบึ้งในดวงตาของสือจ่างฉายแววประหลาดใจ และหันกลับไปมองลานบ้านด้านหลังในลานบ้าน ชายวัยกลางคนกับหญิงสาวผู้งดงามเห็นว่าในที่สุดทหารก็ตรวจค้นเสร็จแล้ว จึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกใครจะรู้ว่ายังไม่ทันถอนหายใจเสร็จ ประตูเรือนกลับถูกคนพังเปิดเข้ามาอย่างกะทันหันกลุ่มทหารที่เข้ามาตรวจค้นก่อนหน้านี้บุกเข้ามาอีกครั้งชายวัยกลางคนเห็นเช่นนั้นก็ใจเต้นแรง แต่บนใบหน้ากลับยังสงบ และก้าวออกมาด้วยรอยยิ้มคาดไม่ถึงว่าเขายังไม่ทันได้เอ่ยปาก สือจ่างผู้นั้นซึ่งเป็นหัวหน้าก็ผลักเขาไปด้านข้าง ก่อนออกคำสั่งเสียงเคร่งขรึมว่า “ค้นหาทั้งในและนอกเรือนใหม่อีกครั้ง ค้นให้ละเอียด!”ทหารทุกคนตอบรับ และแยกย้ายไปค้นหาอีกครั้งทันทีทหารชั้นผู้น้อยซึ่งประสาทรับกลิ่นไวยืนอยู่ที่เดิม จมูกขยับฟ
“ขอรับ” เทียนซูรับคำสั่งก่อนจะถอยออกไปผ่านไปไม่นาน เทียนซูก็กลับมา“ท่านอ๋อง ผู้ดูแลหอจินอวี้กับพนักงานยืนยันศพกันหมดแล้วขอรับ แน่ใจแล้วว่าเป็นคนที่อยู่ข้างตัวราชครูแคว้นเยว่ผู้นั้น”เซียวจิ่งอี้ใคร่ครวญครู่หนึ่ง ก่อนถามว่า “คนผู้นี้ถูกจับได้ที่ใด?”“ถูกจับที่ตรอกหูลู่ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของเมืองขอรับ” เทียนซูตอบกลับเซียวจิ่งอี้กล่าวทันที “ไปเอาแผนที่จินโจวมา”ผ่านไปไม่นาน แผนที่จินโจวก็ถูกแขวนขึ้นเซียวจิ่งอี้เดินไปข้างหน้าแผนที่ หาตำแหน่งตรอกหูลู่บนแผนที่เขายื่นมือออกไปแตะบนแผนที่ หลังจากนั้นก็วงขอบเขตโดยประมาณและกล่าวว่า“ถ่ายทอดคำสั่ง ให้คนไปค้นหาทุกซอกทุกมุมของตรอกหูลู่”คนผู้นั้นที่ถูกจับได้ ย่อมไม่ปรากฏตัวที่ตรอกหูลู่โดยไม่มีสาเหตุบางทีสถานที่ซ่อนตัวของพวกเขา อาจจะอยู่ใกล้ตรอกหูลู่นอกจากนี้คนผู้นั้นที่ถูกจับได้ ยังกัดลิ้นปลิดชีพตัวเอง ไม่ให้ความหวังตัวเองว่าจะมีชีวิตรอดเลย เห็นได้ชัดว่าทำเพื่อปกป้องใครบางคนดูท่าคนรอบกายราชครูแคว้นเยว่ผู้นั้นจะจงรักภักดีเป็นอย่างยิ่งการเดินทางมาจินโจวครั้งนี้ของเขา ไม่แน่คนข้างกายที่พามาอาจจะล้วนเป็นคนสนิททั้งสิ้นหากคนสนิทเห
จิตรกรฝีมือดีเช่นนี้ เหตุใดจึงถูกเซียวจิ่งอี้เชิญไปได้ง่าย ๆยิ่งไปกว่านั้นจิตรกรฝีมือดีเหล่านั้นก็ยังไม่เคยเห็นพวกท่านจอมปราชญ์เหวินมาก่อน เหตุใดจึงสามารถวาดภาพเหมือนจากความว่างเปล่าให้เหมือนพวกเขาโดยสมบูรณ์ได้?นอกจากนี้ท่านจอมปราชญ์เหวินอยู่ที่จินโจวมานานแล้ว แต่ไม่เคยได้ยินว่าในจินโจวมีจิตรกรชื่อดังอันใดเลยตั้งแต่เขาหลบหนีจากหอจินอวี้มาจนถึงตอนนี้ ก็ยังผ่านไปไม่พ้นครึ่งวันเสียด้วยซ้ำภายในระยะเวลาอันสั้นถึงเพียงนี้ เหตุใดจึงมีคนที่สามารถวาดภาพพวกเขาออกมาได้มากมายเช่นนี้?ในใจท่านจอมปราชญ์เหวินไม่อยากจะเชื่อแต่เห็นผู้ใต้บังคับบัญชาพูดจาหนักแน่น เขาก็ไม่กล้าคิดไปเองมากเกินไปไม่รู้เพราะเหตุใด เขามักรู้สึกว่าเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเซียวจิ่งอี้ จะมีความแปลกประหลาดมากเสมอบางทีอาจมีคนมากความสามารถอยู่ข้างกายเซียวจิ่งอี้จริง ๆ ซึ่งสามารถวาดภาพเหมือนออกมาได้เหมือนจริงโดยสมบูรณ์ โดยที่อาศัยเพียงคำอธิบายไม่กี่ประโยคยามนี้คนเหล่านี้ที่อยู่ข้างกายเขา ต่างเป็นคนที่เคยปรากฏตัวที่หอจินอวี้หากข้างกายเซียวจิ่งอี้มีจิตรกรฝีมือดีอยู่จริง ๆ เกรงว่าคนเหล่านี้ที่อยู่ข้างกายเขา คงล้วนถูกวาด
ท่านจอมปราชญ์เหวินได้แต่แสร้งทำเป็นผ่านทางมา และรีบพาคนจากไปยามที่ออกมาจากหอจินอวี้ ท่านจอมปราชญ์เหวินก็ถอดหน้ากากออกการสวมหน้ากากเดินบนท้องถนน จะยิ่งดึงดูดความสนใจหลังจากถอดหน้ากาก รูปลักษณ์ของเขาก็ไม่ได้โดดเด่นมากนัก ในฝูงชนจึงแทบไม่มีใครสังเกตเห็นเมื่อคิดว่าแผนการของตนล้มเหลว จนถูกเซียวจิ่งอี้ไล่ล่าราวกับสุนัขไร้บ้านตัวหนึ่ง อีกทั้งนายน้อยเผ่าเยว่เป็นหรือตายก็ไม่อาจรู้ได้ ในใจท่านจอมปราชญ์เหวินจึงหดหู่เป็นอย่างยิ่งเป็นความผิดของเซียวจิ่งอี้!ท่านจอมปราชญ์เหวินรู้สึกราวกับว่าเซียวจิ่งอี้เกิดมาเพื่อเป็นหายนะของเขาเขาวางแผนจัดการเซียวจิ่งอี้หลายครั้ง แต่ก็ถูกอีกฝ่ายหลบเลี่ยงได้ทุกครั้งเมื่อเขาคิดจะฉวยโอกาสสร้างความวุ่นวายให้แคว้นต้าฉี ก็จะถูกเซียวจิ่งอี้ทำลายแผนการเสมอยามนี้เมื่อนึกถึงเซียวจิ่งอี้ ท่านจอมปราชญ์เหวินก็โกรธจนกัดกรามในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ นี้ เขายังไม่มีกำลังที่จะโต้กลับได้รอก่อนเถอะรอให้เขากลับไปที่เมืองหลวง ก็จะสามารถอาศัยอำนาจขององค์ชายสาม จัดการเซียวจิ่งอี้ให้สิ้นซาก!ท่านจอมปราชญ์เหวินกัดฟัน ขณะที่สีหน้ามืดครึ้มผ่านไปครู่หนึ่ง ในที่สุดท่านจอมป
อวิ๋นฝูหลิงยังจำเรื่องที่เซียวจิ่งอี้ขอให้นางวาดภาพเหมือนได้หลังจากพบเซียวจิ่งอี้ ทั้งสองคนก็ไปยังคุกที่ขังผู้ดูแลกับพนักงานของหอจินอวี้ไว้เมื่อพูดถึงแขกผู้มีเกียรติบนชั้นสามของหอจินอวี้ ผู้ดูแลกับพนักงานของหอจินอวี้ก็ต่างจดจำได้เป็นอย่างดีชั้นสามของหอจินอวี้ ไม่ใช่ว่าใครต่างก็มีสิทธิ์ขึ้นไปได้นี่เป็นอุบายที่หอจินอวี้โยนออกมา เป็นวิธีดึงดูดลูกค้าเพื่อสร้างกำไรแบบหนึ่งผู้ที่สามารถขึ้นไปชั้นสามของหอจินอวี้ได้ หมายความว่าเป็นคนที่มีสถานะและทักษะการพนันสูงแต่กลุ่มของท่านจอมปราชญ์เหวิน กลับเป็นเวินเจาพาขึ้นไปด้วยตัวเองนับตั้งแต่เวินจือเหิงนอนป่วยติดเตียง อำนาจทั้งหมดของสกุลเวินก็ตกไปอยู่ในมือของเวินเจาเวินเจาพาคนไปพักอยู่ที่ชั้นสามของหอจินอวี้ ทั้งยังบอกให้ปรนนิบัติกลุ่มของท่านจอมปราชญ์เหวิน เหล่าคนของหอจินอวี้ย่อมไม่กล้าไม่เชื่อฟังไม่ว่าจะเป็นผู้ดูแลของหอจินอวี้ หรือพนักงาน ยามนี้เมื่อถูกขังอยู่ในคุก ทุกคนก็หวาดกลัวอยู่ตลอดเมื่อเห็นการสืบสวนก่อนหน้านี้ของเซียวจิ่งอี้ คนเหล่านี้เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง และออกไปจากคุกโดยเร็ว ทุกคนต่างก็แย่งชิงกันเป็นคนแรกเพราะกล
“พี่สาม ทางด้านเมืองหลวงมีข่าวคราวบ้างหรือไม่?”“พวกท่านปู่โอวหยางคิดค้นเทียบยาใหม่ที่ใช้รักษาผู้ที่ป่วยเพราะขี้ผึ้งทองได้แล้วหรือไม่?”หลังจากค้นพบขี้ผึ้งทอง อวิ๋นฝูหลิงก็ดึงพวกรองเจ้าสำนักโอวหยางกับหมอหลวงจงมาร่วมศึกษาด้วยกัน ทั้งยังเขียนจดหมายส่งให้นายท่านผู้เฒ่าหาง รวมถึงส่งข้อมูลที่เกี่ยวกับชีพจรและการรักษาให้เขาด้วยแม้เมืองหลวงกับจินโจวจะเป็นสถานที่ที่ได้รับผลกระทบจากขี้ผึ้งทองมากที่สุด แต่ก็ไม่อาจรับประกันได้ว่าที่อื่นจะไม่ได้รับผลกระทบถึงอย่างไรการค้าของแคว้นต้าฉีก็เจริญรุ่งเรืองมาก จากใต้ขึ้นเหนือมีพ่อค้ามากมาย บางทีอาจจะมีคนที่เดินทางระหว่างเมืองหลวงกับจินโจว ซื้อขี้ผึ้งทองติดไปด้วยสองสามกล่องก็เป็นได้อวิ๋นฝูหลิงคิดว่านางออกจากเมืองหลวงมาหลายวันถึงเพียงนี้ ไม่รู้ว่าทางด้านเมืองหลวงจะมีความคืบหน้าใหม่อันใดบ้างตั้งแต่อวิ๋นฝูหลิงกลับมาถึงจินโจว ก็ยุ่งอยู่กับการรักษาผู้ป่วยมาโดยตลอด หางซานสุ่ยจึงไม่มีโอกาสได้พูดคุยเป็นการส่วนตัวกับนางตอนนี้เมื่อเห็นว่าอวิ๋นฝูหลิงเป็นฝ่ายถามขึ้นมา หางซานสุ่ยก็นับว่ามีโอกาสแล้วเขาหยิบจดหมายสองสามฉบับออกมาจากในโต๊ะ“จดหมายพวกนี้ถูกส่ง
แม้ว่าราชครูแคว้นเยว่จะหนีไปแล้ว แต่เขาอยู่ที่หอจินอวี้ตั้งหลายวัน จึงมักจะมีช่วงเวลาที่ผ่อนคลายจนเปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงแม้เขาจะใช้หน้ากากปิดบังใบหน้าอยู่เสมอ จึงไม่มีใครเคยเห็นใบหน้าที่แท้จริง แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่คนรอบตัวเขาทุกคนจะสวมหน้ากากกระมัง?เริ่มต้นไล่ไปจากผู้ใต้บังคับบัญชา บางทีอาจจะค้นพบสิ่งใหม่ ๆ ก็เป็นได้เซียวจิ่งอี้ตัดสินใจไต่สวนผู้ดูและกับพนักงานเหล่านั้นของหอจินอวี้ยังมีทักษะการวาดภาพเหมือนอันยอดเยี่ยมของอวิ๋นฝูหลิง จะต้องจับพวกปลาซิวปลาสร้อยพวกนั้นได้เป็นแน่แม้ว่ากลุ่มของราชครูแคว้นเยว่จะฉวยโอกาสวางเพลิงเพื่อหนีออกไปจากหอจินอวี้ แต่ประตูเมืองจินโจวก็ปิดอยู่ ยามนี้พวกเขาคงยังซ่อนตัวอยู่ในเมืองนอกจากนี้ มีบางสิ่งที่ต้องจัดการด้วยเช่นกันเซียวจิ่งอี้ยืนอยู่หน้าประตูสำนักผิงอัน หันกลับมามองอวิ๋นฝูหลิงที่กำลังยุ่งคราหนึ่งเพียงชั่วครู่เดียว เขาก็พลิกร่างขึ้นหลังม้า มุ่งตรงไปยังที่ว่าการเมืองจินโจวครึ่งชั่วยามต่อมา มีประกาศใบหนึ่งถูกนำมาติดไว้ที่ประตูที่ว่าการทั้งยังมีคนตีฆ้องจากที่ว่าการ อ่านเนื้อหาในประกาศไปทั่วเมืองประกาศนี้กล่าวถึงอันตรายของขี้ผึ้งทอง
“ข้าอยากจับคนร้ายที่กระทำความผิด ให้ได้แบบคาหนังคาเขา”“แต่ไม่คิดเลยว่าคนผู้นั้นจะโหดเหี้ยมถึงขั้นเสียสติ ตั้งใจวางเพลิงในหอจินอวี้ เพื่อหลบหนีการไล่ล่า”“เป็นเพราะข้าไม่รอบคอบ ทำให้ผู้บริสุทธิ์ทุกคนต้องตกอยู่ในอันตราย”“วันนี้ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเพราะเหตุเพลิงไหม้ที่หอจินอวี้ ค่ารักษาและค่ายาข้าจะจ่ายให้เอง”“นอกจากนี้ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย จะได้รับห้าตำลึง ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บหนักจะได้รับสิบตำลึง”“ได้ยินว่ามีสองคนที่ถูกไฟไหม้จนบาดเจ็บสาหัส สองคนนี้จะได้รับยี่สิบตำลึง”“เงินเหล่านี้ถือเป็นน้ำใจเล็กน้อยจากข้า ที่อยากจะรักษาร่างกายเหล่าผู้บาดเจ็บ”“ข้าจะให้คนนำเงินมามอบให้ในภายหลัง!”ผู้บาดเจ็บทุกคนได้ยินเช่นนั้น ความไม่พอใจที่สุมอยู่ในอกก็หายไปกว่าครึ่งทันทีตอนนี้เมื่อย้อนคิดดูแล้ว เมื่อคืนยามที่หอจินอวี้ถูกปิดล้อม ผู้นำคนนั้นก็บอกว่าทำเพื่อสืบคดีบางอย่างจริง ๆคิดดูอีกครายามนั้นที่เกิดเพลิงไหม้ ทหารเหล่านั้นก็มิได้บังคับขังพวกเขาไว้ในหอจินอวี้ ทว่ากลับรีบเข้ามาในหอเพื่อดับไฟช่วยคนหากไม่ใช่เพราะเหตุนี้ เกรงว่าพวกเขาคงไม่ใช่แค่ได้รับบาดเจ็บ แต่กว่าครึ่งคงตายตกไปในเหตุเพ