ตอนที่ 4 เกิดอะไรขึ้น (2)
เฟยหลงใช้มือลูบแก้มของตัวเองป้อย ๆหากที่นี่คือสถานที่ในความฝันก่อนหน้านี้จริง ย่อมต้องมีหญิงผู้นั้นอยู่ที่นี่เป็นแน่ เมื่อคิดได้ดังนั้นสองเท้าจึงขยับก้าวเดินอย่างระวัง สองตาเริ่มมองซ้ายเหล่ขวาหาหญิงผู้นั้น แต่ไม่ว่าเธอจะมองหาตรงไหน เดินจนรอบกระท่อมเพียงไร กลับไม่พบบุคคลหรือสิ่งมีชีวิตอื่นที่อยู่ในบริเวณนี้เลยสักนิด
สองเท้าขยับเดินไปรอบตัวกระท่อมอีกครั้งอย่างพิจารณา บรรยากาศที่รับรู้ได้ มีทั้งเย็นและชื้นชวนขนลุกพิกล เธอมองรอบผ่านความสว่างที่มีเพียงโคมไฟเก่าที่จะดับแหล่มิดับแหล่
หลี่เฟยหลงใช้มือสั่นเทา นั้นยื่นไปดันประตูอีกบานให้เปิดออก สายตาคู่คมของเธอปะทะเข้ากับความมืดที่เรียกได้ว่ามืดสนิท ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลยว่าท้องฟ้าในคืนนี้มืดมิดน่ากลัวเพียงใด ด้านนอกนั้นโปรยปรายและปกคลุมไปด้วยฝนเม็ดโตที่กระหน่ำตกลงมาอย่างไม่ขาดสาย
“ฝนตกหนักขนาดนี้เลย.. แล้วนี่มันเรื่องบ้าอะไรเนี่ย”
ยังไม่ทันที่มือของเธอจะดึงประตูบานนั้นมาปิด ท้องฟ้าที่ไม่ได้มีทีท่าว่าจะผ่าหรือส่งเสียงคำราม บัดนี้กลับสว่างวาบก่อนจะดังเปรี้ยงปร้างในชนิดที่ว่ารับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนของอากาศโดยรอบ
เปรี๊ยง!!
“กรี๊ด!!!”
เธอหลับตาลงทันทีเพราะความตกใจ แต่ปลายหางตากลับรู้สึกและมองเห็นสิ่งที่ไม่เป็นธรรมชาติ ก่อนที่ทุกอย่างจะมืดลงอย่างทันควัน เธอนั่งลงอยู่หน้ากระท่อมสองมือปิดหูแน่น ดวงตาปิดสนิท สมองนึกถึงสิ่งที่เห็นเมื่อครู่และมั่นใจว่าสายตาของเธอนั้นไปสะดุดเข้ากับวัตถุประหลาดสีดำขนาดใหญ่แน่นอน
จิตใต้สำนึกของเธอเริ่มประมวลผลด้วยความเร็ว คิดถึงภาพเมื่อครู่ไม่ว่าจะคิดยังไงภาพนั้นก็เหมือนคนที่กำลังนอนแช่น้ำฝนแน่นอน
“หรือว่านั่นจะเป็นนาง”
เฟยหลงลืมตาหันไปมองจุดนั้น ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากกระท่อมนี้มากนักเสียด้วย จะไม่ช่วยก็ดูจะใจจืดใจดำ
“แต่ถ้าไม่ใช่นางละ”
จิตใต้สำนึกเริ่มถกเถียงกันอีกครั้ง หากเป็นคนไม่ดีก็ดูจะเป็นอันตราย ยิ่งสถานการณ์ตอนนี้แล้ว เธอยืนทอดสายตามองผ่านความมืดไปยังจุดนั้นอย่างใช้ความคิด
สุดท้ายแล้วเธอก็ตัดสินใจทำได้แค่หันซ้ายหันขวาหาตัวช่วย ก่อนจะถือวิสาสะหยิบผ้าคลุมผืนโตจากด้านในมาคลุมศีรษะพร้อมทั้งหยิบตะเกียงที่น่าจะมิดชิดแล้วไม่ดับหากโดนน้ำฝน รีบวิ่งออกไปทั้งอย่างนั้น
สองขาเรียวพาให้เธอวิ่งฝ่าห่าฝนมาถึง พบว่านั่นคือคนตัวเป็น ๆ ที่นอนอยู่ด้วยสภาพอิดโรย พร้อมกับกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งลอยมาปะทะจมูกจนรู้สึกสะอิดสะเอียน
“ผู้ชายเหรอ”
“คุณ..คุณคะ!ได้ยินฉันไหมคะ”
คนผู้นี้นอนจมกองเลือดที่ไหลไปกับน้ำที่แม้แต่ในความมืดยังรับรู้ได้เลยว่าบุคคลนี้ต้องได้รับอันตรายหนักมาเป็นแน่ กลิ่นเลือดที่คละคลุ้งยิ่งทำให้เฟยหลงรู้สึกกระอักกระอ่วนอยู่ไม่น้อย ตามประสาคนไม่ชอบเห็นเลือดนั่นแหละนะ
แต่จะปล่อยให้มนุษย์คนหนึ่งนอนตากฝนตายโดยไม่ช่วยก็กระไรอยู่ เธอใช้สองแขนเล็กกึ่งลากกึ่งพยุง ลากให้คนผู้นี้เข้ามาในกระท่อมหลังเล็กอย่างถือวิสาสะราวกับว่าตนนั้นเป็นเจ้าของ
หันมองรอบห้องโดยที่ตัวเธอเองก็ไม่รู้เลยว่าต้องทำอย่างไรต่อ ชุดทำแผลก็ไม่มี พอนึกถึงโรงพยาบาลยิ่งต้องพับความคิดเก็บเข้าไหทันที ทำได้แต่ยืนเก้กังเพราะไม่รู้ว่าต้องจัดการอะไรยังไง และไม่รู้ด้วยว่าบุคคลนี้เป็นใคร เป็นคนดีหรือคนร้าย และสถานการณ์ในตอนนี้ก็ยังน่ากังวลอยู่มาก เพราะในหัวมีแต่ ที่ไหน อะไร ยังไง ลอยเต็มไปหมด
แต่เมื่อเห็นสภาพของคนเบื้องหน้าแล้วเห็นทีเธอก็คงต้องทำอะไรสักอย่าง ถึงแม้จะไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรแต่ร่างกายของเธอก็ขยับไปจัดการถอดชุดของเขาออกด้วยความทุลักทุเล ความรู้สึกที่เหมือนกับว่าร่างกายของเธอนั้นไม่สามารถควบคุมได้ ราวกับว่าว่าทุกอย่างนั้นร่างกายของเธอจัดการไปเองตามสัญชาตญาณ จนเมื่อถึงปราการชั้นสุดท้าย เธอทำได้แต่หลับตาปี๋รีบจัดการให้แล้วเสร็จแบบจำใจ
“ฮื่อ.. พ่อจ๋าแม่จ๋าช่วยลูกด้วย ลูกไม่ได้ตั้งใจเปลื้องผ้าผู้ชายที่ไม่ใช่สามีนะคะ ลูกจำเป็น”
ตอนที่ 5 หมอยาจำเป็น (1)ถึงแม้ว่าเฟยหลงจะงุนงงกับการกระทำของตัวเอง แต่เธอนั้นก็สามารถจัดการเปลื้องผ้าของชายผู้นี้จนอยู่ในสภาพที่เปลือยเปล่าไปเสียแล้วดวงตาทั้งสองหลับปี๋ คลุมท่อนล่างของเขาเอาไว้ด้วยผ้าคลุมผืนใหญ่ เช็ดล้างคราบน้ำฝน คราบเลือดของชายผู้นี้จนสะอาด หาชุดที่คาดว่าใหญ่พอมาสวมให้ก่อนที่ภาพด้านหน้าที่เห็นนั้นจะติดตาไปมากกว่านี้สิ่งที่เฟยหลงเห็นในแวบแรกนั้นคือ บนร่างกายของชายผู้นี้ไร้รอยขีดข่วน เดาได้ว่าน่าจะไม่ใช่แม่ทัพ ทหาร หรือโจรป่าใจโฉด พิจารณาจากผิวพรรณดูคล้ายจะผ่านการบำรุงดูแลมาเป็นอย่างดี นั่นคือชายผู้นี้อาจจะเป็นเพียงจอมเสเพล ที่ดื่มเหล้าเคล้านารีกะมั้ง จะมีก็เพียงรอยแผลใหม่ที่เพิ่งใช้ผ้าทำความสะอาดไปเมื่อสักครู่สองสามรอยเท่านั้นหลังจากเช็ดตัวเขาเรียบร้อย พร้อมทั้งจัดการสวมชุดที่หามาได้เท่าที่มีในกระท่อมหลังนี้ให้เขาแล้ว เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเธอยังไม่ได้ทำแผล เฟยหลงหลับตาลงหายใจเข้าออกเป็นจังหวะ เริ่มตั้งสติของตัวเองให้นิ่งขึ้น ก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดผ้าเพื่อดูบาดแผลนั้นอีกครั้งอย่างใจไม่สู้ดีนัก“ยุบหนอพองหนอ”“แผลลึกขนาดนี้ ไปทำอะไรที่ไหนมาเนี่ย”หมับ!“เอ๊ะ”“เจ้าเป็นใ
ตอนที่ 6 หมอยาจำเป็น (2)ผ่านไปนานเกือบชั่วโมงที่เธอค้นซอกนั้น หาซอกนี้ เมื่อมั่นใจว่าไม่มีแล้วเธอจำเป็นต้องเปิดตำราอีกครั้ง เพื่อที่จะหาแหล่งที่มาของสมุนไพรชนิดที่ต้องการ เพียงไม่นานเธอก็ได้คำตอบที่ต้องการ ไม่รอช้าสองเท้ารีบเดินจ้ำอ้าวไปหยิบหมวกสานใบใหญ่ และโคมไฟดวงน้อยที่มันสลัวจนแทบจะมองไม่เห็น พร้อมทั้งหยิบตะกร้าสานใบเล็กขึ้นมาคล้องแขน ราวกับมันคือกระเป๋าแบรนด์ดังที่เพิ่งนำเข้าจากยุโรป“ไว้ฟื้นมาก่อนเถอะ จะทบต้นทบดอกเลยคอยดู”ในใจเอาแต่นึกก่นด่าโชคชะตาของตนเองว่าเพราะเหตุใด ทำไมต้องมาเจอกับเรื่องราวประหลาดอะไรเช่นนี้ด้วย แต่พอมองหน้าคนผู้นี้แล้วหลี่เฟยหลงทำได้แต่ยืนทำสมาธิอยู่พักใหญ่ ก่อนที่เธอจะลอบถอนหายใจเสียงดังแบบไม่ปกปิดเธอตัดสินใจใช้มือผลักประตูออกไปจนสุด สายฝนยังคงกระหน่ำลงมาอย่างไม่มีทีท่าจะสงบ มองจากความรู้สึกแล้วดูเหมือนจะหนักกว่าก่อนหน้านี้อีกด้วย และยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดในช่วงเวลานี้ แม้ว่าจะไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้ แต่ชีวิตผู้ชายคนนั้นก็ยังคงสำคัญเช่นกัน“ท่องไว้หลี่เฟยหลง คุณธรรมสำคัญกว่าความกลัว ฮึ๊บ!”เธอยืนมองออกไปด้านนอกอย่างพิจารณา แล้วทำได้เพียงแค่ถอนหายใจออกมาอย
ตอนที่ 7 จิ้งจอกตัวน้อยสายตาที่หรี่ลงจนเกือบจะเป็นเส้นตรงกำลังจ้องมองหาเสียงที่ได้ยินผ่านความมืด พร้อมทั้งหันขวับไปตามเสียงร้องน่ารักนั้น เธอจ้องมองอย่างดีแล้วและพบว่าเสียงนั้นมาจากในป่าสมุนไพรที่เธอเพิ่งลุกออกมาได้ไม่นาน เฟยหลงเริ่มขยับขาเข้าไปตามเสียงร้องบางเบานั้นช้า ๆเปรี๊ยง!กรี๊ด!!!อัตราการเต้นของหัวใจแรงขึ้นหลายเท่า สองขาย่อลงสองมืออุดหู ก้มลงกอดตัวเองแน่น ดวงตาทั้งสองข้างหลับลงอัตโนมัติ เมื่อเธอมั่นใจว่าเสียงฟ้าผ่าเงียบหายไปแล้ว เฟยหลงขยับเปลือกตาให้เปิดขึ้นอย่างเชื่องช้า หัวใจที่เต้นรัวไม่เป็นจังหวะเมื่อสักครู่เริ่มปรับลงจนเป็นจังหวะปกติ เธอมองโคมไฟที่กระเด็นไปจนแสงไฟที่เดิมทีก็สลัวอยู่แล้ว ค่อย ๆ ดับลงจนดับสนิท“แย่แล้ว มืดขนาดนี้จะกลับยังไง” เฟยหลงมองโคมไฟนั้นด้วยสายตาที่ละห้อยอย่างหมดอาลัยตายอยากแต่พอนึกขึ้นได้ว่าเธอได้ยินเสียงของอะไรสักอย่างที่มาจากพุ่มสมุนไพรไม่ไกลนัก เธอชั่งใจอยู่นานแต่เพราะเสียงร้องนั้นเริ่มจะดังขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับกำลังหวังจะให้เธอเป็นที่พึ่ง หลี่เฟยหลงเลือกตัดสินใจเดินเข้าไปในพุ่มสมุนไพรนั้นอย่างเชื่องช้างิ๊ง!งิ๊ง~“เอ๋! นี่เจ้าเป็นแมว..หรือหมากั
ตอนที่ 8 ผู้ร่วมชะตาคนใหม่ (1)“ถ้าเจ้ารู้ว่าข้าเป็นปีศาจจิ้งจอกเก้าหาง..เจ้าจะไม่ตกใจจนสิ้นชีพเลยหรือ” เสี่ยวจ๋ายยืนมองเธอผ่านแสงสลัวจากตะเกียงที่ส่องแสงริบหรี่ พร้อมทั้งดึงผ้ามาคลุมกายให้เธออย่างเบามือเปาะ!เพียงแค่เขานั้นดีดนิ้ว แสงไฟในห้องนั้นพร้อมใจกันดับลงจนมืดสนิท จิ้งจอกเก้าหางในร่างมนุษย์เดินสะบัดหางไปจนทั่วด้วยการเรืองแสงจากร่างกายของตน สองเท้าก้าวไปผลักเปิดประตูออก เขามาด้านนอกใช้จมูกสูดดมและสายตาคมกริบมองปราดเดียวก็รู้ได้ว่าที่นี่มีแต่กลิ่นยาและสมุนไพร ถัดจากหม้อยาที่ตั้งอยู่กลางห้องโถงไปนั้นบนเตียงไม้มีร่างของชายผู้หนึ่งที่กำลังหลับใหลอยู่จ๋ายเฉินฉี นั่นคือนามของจิ้งจอกเก้าหางสีขาวแห่งป่าท้อที่เป็นเพื่อนเล่นของเซียนบุปผาอย่าง เหมยซินซู แต่เมื่อไม่กี่ชั่วยามมานี้ระหว่างที่กำลังแอบดื่มสุราดอกท้อ ชมวิวที่เต็มไปด้วยลูกท้อสวรรค์น่ากินทั้งหลาย กลับมีพายุลูกใหญ่พัดผ่านป่าท้ออย่างรวดเร็ว ยังไม่ทันที่จะได้ตกใจก็พัดให้เขานั้นตกลงมายังถงอวิ๋นเมิ่งเสียแล้วยามอิ๋น“เสี่ยวจ๋าย.. เจ้าอยู่ไหนน่ะ” เฟยหลงขยี้หูขยี้ตาเดินออกมาด้วยชุดที่ตนนอนเมื่อคืน พร้อมผ้าคลุมไหล่ผืนบาง ตามหาหมาจิ้งจอก
ตอนที่ 9 ผู้ร่วมชะตาคนใหม่ (2)ชายหนุ่มรูปงามผู้นั้นเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน ราวกับว่ากำลังต่อว่าเธอด้วยสายตาว่าเธอนั้นไม่รู้เรื่องอย่างไรอย่างนั้น แม้ว่าจะไม่อยากสนใจ แต่บุรุษผู้นี้ต้องยอมรับเลยว่าช่างสง่าผ่าเผยราวกับลูกเจ้าขุนคุณนายอะไรเทือกนั้น“แล้วมันกินอะไร” เฟยหลงหันมาถามบุรุษผู้นั้น สายตาจ้องมองเขาที่กำลังเดินลงจากเตียงไม้มายืนยืดตัวเต็มความสูง รอยยิ้มชั่วร้ายกระตุกยกขึ้นที่มุมปากพร้อมกันนั้นเขายังจ้องหน้าเธออย่างมีปริศนา“แล้ว.. เจ้ามีนามว่าอะไรหรือ” เขาไม่ได้ตอบหรือสนใจคำถามเธอเลยแม้แต่น้อย แต่กลับขยับปัดเครื่องแต่งกายจัดแจงเสื้อผ้าของตน ก่อนจะหันมาถามนามของเธอ “นามของข้า.. เจียอวี่ เจ้าเรียกข้าว่าอาอวี่ได้”“ข้า..” หลี่เฟยหลงที่กำลังจะบอกชื่อของตนออกไปว่าเธอมีนามว่าเฟยหลง แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าตัวเธอนั้นยังไม่รู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้ของเธอนั้นเป็นเช่นไร นั่นทำให้เธอได้แต่เงียบไว้“แค่นามของเจ้า.. ก็หวงหรือ” เจียอวี่ไม่เพียงจะถือสา แต่เขากลับเริ่มเดินสำรวจในกระท่อมนี้ทีละจุด จับนั่น วางนี่ ก่อนจะหันมาถามเธอ“หรือว่าเจ้าจะเป็น หมอปรุงยาลึกลับกลางป่า..ผู้นั้น”เจียอวี่เดินมองข
ตอนที่ 10 จิ้งจอกน้อยกลายร่าง“ที่เหลือเจ้าทำ”"ทำ.. ทำอะไร” เฟยหลงหันไปถามเจียอวี่ด้วยความไม่เข้าใจ“ปลานี่ ข้าหามาให้เจ้าแล้ว.. เจ้าก็ควรปรุงมันให้ข้ากินดีหรือไม่” เจียอวี่ชี้นิ้วไปที่ปลาที่เขาเพิ่งไปหามาได้ช้า ๆ“ข้า.. ข้าทำไม่เป็น” เธอเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาเจียอวี่ได้ยินเช่นนั้นได้แต่นิ่งเงียบ ปลาที่ได้มาถูกทิ้งลงตามแรงโน้มถ่วงของโลก เฟยหลงที่เห็นท่าทางหมดอาลัยตายอยากนั้นรู้สึกเสียใจเป็นยิ่งนัก เธอตัดสินใจลุกขึ้นยืนด้วยความเร็ว ตามมาด้วยสายตาของจิ้งจอกน้อยที่มองเธออย่างมีความหวัง“ต.. แต่แค่ปลาย่างก็พอจะได้อยู่”แม้แต่เธอเองก็แทบจะไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองจะเอ่ยออกไปแบบนี้ หลี่เฟยหลงสาวน้อยที่วัน ๆ เอาแต่แต่งนิยายกับสั่งเดลิเวอรี่กำลังจะมาย่างปลาให้ใครไม่รู้กินงั้นหรือ แต่ไหน ๆ ก็เห็นแก่ที่เขาพยายามไปหาปลามาให้เจ้าเสี่ยวจ๋ายแล้วกัน การย่างปลาให้ก็ไม่เท่าไหร่หรอก.. มั้ง“เสี่ยวจ๋ายเจ้าอยากกินปลาสด หรือปลาย่าง” เฟยหลงหันไปถามเจ้าจิ้งจอกน้อย2 ชั่วยามผ่านไป“มาแล้ว” เธอเดินถือไม้ที่มีปลาย่างตัวสีดำเกรียม ยื่นให้เจียอวี่ด้วยใบหน้าที่ตื่นเต้น ก่อนจะยื่นให้จิ้งจอกน้อยหนึ่งตัว แล
ตอนที่ 11 การเดินทางของสามเกลอ“เจ้าจิ้งจอก!” เจียอวี่ทำหน้าเหมือนไม่อยากเชื่อสายตาแต่ก็ใช้เวลาเพียงไม่นาน เพราะต่อมาชายผู้นั้นรีบจ้ำอ้าวเดินลงมายังข้างลำธารที่มีเสี่ยวจ๋ายร่างมนุษย์ยืนอยู่ด้วยความเร็วแสง สองขายาวที่น่ายำเกรงเดินลงมาหยุด มองซ้ายแลขวาจับเสี่ยวจ๋ายหัวสำรวจทุกพื้นที่“เจ้านี่เป็นตัวประหลาดหรือเป็นสิ่งใดกัน”“ข้ามิใช่ตัวประหลาด เจ้าดู!นี่หางของข้าของแท้แน่นอน และข้าเป็นถึงเพื่อนเล่นของเหมยซินซูแห่งป่าท้อเชียวนะ” เสี่ยวจ๋ายเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ดังขึ้น หางทั้งหมดที่มีเริ่มกระดิกดุ๊กดิ๊กอย่างน่ารักน่าชัง“หนึ่ง..สอง..สาม..สี่..” เจียอวี่ขยับนิ้วนับหางของเสี่ยวจ๋ายด้วยความรู้สึกตื่นเต้น แบบเด็กน้อยที่เห็นของเล่นชิ้นใหม่“เก้าหาง ไม่ต้องนับ!” เสี่ยวจ๋ายสะบัดหางทั้งเก้าโชว์อย่างโอ้อวด ภูมิใจ ใบหน้าเชิดขึ้นพร้อมทั้งลอยหน้าลอยตาอย่างน่าหมั่นไส้“เจ้าพูดได้ แล้วเหตุใดเจ้าไม่พูดตั้งแต่แรก” เจียอวี่ยืดตัวเต็มความสูง เท้าเอวจ้องหน้ามองเสี่ยวจ๋ายอย่างหาเรื่อง“ก็ข้าแค่ไม่อยากเสวนากับคนอย่างเจ้า” แต่มีหรือเจ้าจิ้งจอกอย่างเขาจะกลัว เพราะทันทีที่เจียอวี่ยืดตัวเท้าเอว เสี่ยวจ๋ายเองก็ทำท่าเ
ตอนที่ 12 พวกข้าไม่มีเงิน“ไหนเจ้าบอกว่าไม่ไกลมิใช่หรือ.. เหตุใดหมู่บ้านที่เจ้าว่ายังไม่ถึงเสียที” เสี่ยวจ๋ายหันไปถามเจียอวี่ พร้อมทั้งสลับมองใบหน้าที่ไร้อารมณ์ของหลี่เฟยหลง ที่คล้ายกับว่าเธอนั้นเดินด้วยท่าทางที่แสนจะสบาย ไม่ได้แสดงอาการเหน็ดเหนื่อยออกมาเลยแม้แต่น้อย“เจ้าบ่นเช่นนี้.. ข้ากำลังคิดว่าเจ้าเหนื่อยนะเจ้าจิ้งจอก” และเพราะสหายตัวน้อยนี้ช่างน่าหยอกเย้า เจียอวี่ได้ที่จึงหยุดนิ่งไม่ได้ขยับ พร้อมทั้งหันไปมองใบหน้าของเสี่ยวจ๋ายที่ทำหน้าหงิกงออย่างไม่ค่อยจะสบอารมณ์“ข้าไม่ได้เหนื่อย!” แต่เพราะคำพูดที่น่าจะทิ่มแทงหัวใจจึงทำให้จิ้งจอกน้อยอย่างเสี่ยวจ๋ายนั้นสะบัดหน้าหนี ก่อนจะหันขวับมามองที่หลี่เฟยหลงนิ่งอย่างมีความหมาย“เพ่ยเพ่ย.. เจ้าขี่หลังข้าดีหรือไม่” จิ้งจอกน้อยเอ่ยถามสหายซึ่งเป็นสตรีเพียงนางเดียวอย่างอ่อนโยน “ข้าไม่เหนื่อย” แต่เมื่อได้ยินคำตอบของเธอแล้วนั้น เสี่ยวจ๋ายที่มองหน้าเธฮไม่กะพริบได้แสยะยิ้มจนกว้างออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ หลี่เฟยหลงมองหน้าเจ้าจิ้งจอกหัวขาวตัวนี้อย่างชั่งใจ“เช่นนั้น~ ข้าแปลงกายเป็นจิ้งจอกตัวน้อยน่ารักให้เจ้าอุ้มดีหรือไม่.. ขนของข้านั้นนุ่มมาก.. ตัวก็เล็ก
ตอนที่ 98 เจิงฮูหยิน.. ข้ามาแล้วทั้งสี่ยืนมองเจิงอวี้เจินที่ร้องไห้อย่างน่าสงสาร สองแขนของเขากอดร่างกายของภรรยาเอาไว้แน่น ใบหน้าคมประกบจูบลงที่ริมฝีปากของนางก่อนจะขยับเลื่อนไปหอมแก้มทั้งสองข้างของเธอ พร้อมทั้งจุมพิตที่หน้าผากอย่างอ่อนโยนก่อนจะค่อย ๆ ช้อนตัวของเฟยหลงนั้นขึ้นยืนเต็มความสูงเพื่อเดินอุ้มนางไปวางไว้บนเตียง"ข้าขออยู่ส่งนางจนวินาทีสุดท้ายได้หรือไม่" เขาหันมามองท่านยายหลิงไถที่พยักหน้าให้เล็กน้อย เมื่อเขาได้รับอนุญาตแล้วจึงได้ขึ้นไปนอนคู่กันกับเธอบนเตียง สองแขนกอดร่างกายของเธอเอาไว้แน่นอยากสัมผัสไว้ให้นานที่สุด"พวกเจ้าทั้งสองออกไปรอด้านนอกก่อน ข้าจะเตรียมพิธีและเมื่อถึงเวลาอันสมควรข้าจะให้กู่ป๋ายออกไปเรียกพวกเจ้า" สิ้นสุดคำพูดของท่านยายสหายทั้งสองได้มองใบหน้าของเจิงอวี้เจินและหลี่เฟยหลงอีกครั้งก่อนจะเดินออกไปรอด้านนอกอย่างว่าง่าย"กู่ป๋าย.. เจ้ากลัวหรือไม่" แม้ว่าเจิงอวี้เจินนั้นจะได้ยินเสียงของท่านยายและน้องชายของแม่นางเพ่ยเพ่ยคุยกัน แต่เขากลับได้หาสนใจไม่ เขาไม่สนใจเลยว่าทั้งสองจะพูดเรื่องอะไร เขาสนใจเพียงแต่เขาอยากจะกอดร่างกายของภรรยาของเขาเอาไว้ให้นานที่สุด น้ำตาของชาย
ตอนที่ 97 หากนางอยู่ที่นี่.. นางจะเจ็บปวด"เหตุใดเจ้าถึงไม่ยินดี.. ในเมื่อเรื่องนี้เราทั้งสองนั้นได้คุยกันมาก่อนแล้วไม่ใช่หรือ ว่าหากจบเรื่องราวทั้งหมด ข้าจะให้ท่านพ่อของข้าไปสู่ขอเจ้า""ท่านพี่.. ข้ารักท่านอย่างที่ไม่เคยรักชายใดมาก่อน ท่านเป็นคนแรกที่ทำให้ข้ารู้จักคำว่ารัก คำว่าห่วงใย เพียงแต่ท่านหลงลืมไปแล้วอย่างนั้นหรือว่าข้ามิใช่คนในโลกใบนี้ หากเมื่อเราทั้งสองนั้นได้ตกลงปลงใจเข้าร่วมพิธีสมรสในครั้งนี้ หากข้าต้องสลายกลายเป็นเถ้าธุลีท่านจะอยู่อย่างโดดเดี่ยวข้าไม่ยินดีให้ท่านเป็นเช่นนั้น ข้าไม่ยินดีที่ให้งานมงคลสมรสของเราทั้งคู่เป็นสิ่งที่จะเหนี่ยวรั้งท่าน.. ท่านเข้าใจความรู้สึกของข้าหรือไม่""แม่นางหลี่เฟยหลง.. เช่นนั้นเจ้าฟังคำของข้าให้ดี ต่อให้ในโลกใบนี้หรือใบไหน หากเจ้าอยู่ที่ใดข้าขอให้คำมั่นสัญญาต่อฟ้าดินเพื่อเป็นพยาน ข้าจะรักเพียงเจ้าจะติดตามเจ้า ไปทุกที่ หรือต่อให้เจ้าจะทิ้งข้าไว้ในที่แห่งนี้ ทะเลเพลิง ภูเขาน้ำแข็งหรือต้องตายกี่ครั้ง ข้าก็ไม่เสียใจเลยแม้แต่น้อย ขอเพียงแค่ข้าได้รักเจ้าได้ดูแลเจ้าได้อยู่กับเจ้า แม้จะเป็นเพียงหนึ่ง วัน สองวัน เจ็ดวัน หนึ่งเดือน หนึ่งปี หรือตลอดชี
ตอนที่ 96 ข้าไม่ยินดีสำหรับงานมงคลสมรสในครานี้เฟยหลงมองดูแม่นางเพ่ยเพ่ยที่กระโดดโลดเต้นไปมาราวกับว่านางนั้นกำลังทำสิ่งที่เฝ้ารอจนสำเร็จ ด้วยความดีใจของสตรีผู้นี้ที่ดูจะดีใจเกินกว่าปกติทำให้เธอรู้สึกอยากรู้อีกครั้งได้ชะโงกหน้าไปมองที่ตำราเล่มนั้นอีกครา ในตำราหมายเหตุไว้ว่าหากต้องการสิ่งใดให้นึกถึงสิ่งนั้น เป็นการซ้อนวิญญาณของสิ่งมีชีวิตอีกโลกขนานหนึ่ง"สิ่งมีชีวิตอีกโลกหนึ่ง.. เหตุใดในยุคสมัยนี้ถึงรู้เรื่องราวเหล่านี้""ข้าต้องการท่านแม่.. หากข้าสามารถเรียกวิญญาณท่านแม่ได้เรื่องราวพวกนี้ก็จะจบลง แต่หากข้าทำไม่สำเร็จวิญญาณของคนผู้นั้นที่ข้าเรียกมาต้องสะสางเรื่องราวยุ่งเหยิงที่ข้าก่อขึ้นนี้ได้เป็นแน่"แม่นางเพ่ยพูดจบก็ได้วางทุกอย่างลงบนโต๊ะ พร้อมทั้งหยิบเจ้าปลาตัวใหญ่นั้นเดินเข้าไปในครัว แม้ว่าหลี่เฟยหลงจะอยู่ที่นี่อยู่นาน แต่เธอกลับไม่รู้ว่าที่แห่งนี้ส่วนนั้นเป็นครัวที่สามารถทำอาหารได้ เพียงแต่ไม่มีอุปกรณ์ใดที่ใช้ในการทำอาหารอะไรสักอย่าง เธอมองดูแม่นางเพ่ยเพ่ยที่ใช้พลังสีทองของตนในการถอดเกล็ดปลาเสียบไม้แล้วย่าง นางใช้พลังของตนเองในการทำจนหมดสิ้นราวกับไม่ว่าเธอจะไปอยู่ที่แห่งใดย่อมไม่อด
ตอนที่ 95 ซ้อนวิญญาณวิชาต้องห้ามสตรีผู้นี้แผดเสียงดังสนั่นไปทั่วทั้งห้องขัง สาดคำพูดต่อว่าสตรีที่สูงส่งผู้นี้อย่างไม่ได้รู้สึกเกรงกลัว แต่นอกจากที่พระสนมเอกจะไม่ได้รู้สึกโกรธเคืองหรือไม่พอใจแล้ว นางกลับกำลังยกยิ้มอย่างชอบใจสายตาคู่นั้นของแม่นางเพ่ยเพ่ย มองไปทางน้องชายที่ถูกลากออกไป ราวกับหมูหมากาไก่เปรียบเหมือนว่าเขานั้นไม่ใช่สิ่งมีชีวิต ความรู้สึกคับแน่นในอกเริ่มทำให้นางไม่มีทางเลือก หากนางไม่ทำตามคำที่สนมเอกบอก ชีวิตของน้องชายนางไม่รอดแน่ แต่หากนางทำเรื่องที่พระสนมต้องการนั่นถือว่าเป็นเรื่องใหญ่มากสำหรับเธอ หากมันสำเร็จก็ไม่ได้หมายความว่าชีวิตของเธอและน้องชายจะรอด แต่ก็ไม่ได้มีอะไรการันตีว่าทั้งสองจะไม่รอด"เจ้าคิดให้ดีหากเจ้าทำมันสำเร็จข้ารับรองว่าชีวิตของเจ้าและน้องชายเจ้า จะเดินทางออกจากแคว้นฉวางอย่างปลอดภัยหายห่วง.. แต่หากเจ้าไม่ยินดีข้าจะ นำหัวของน้องชายเจ้ามาคืนให้เจ้า.. เจ้าว่าเช่นนี้ดีหรือไม่"แม่นางเพ่ยเพ่ยทำได้เพียงจ้องมองไปที่น้องชายของตนเอง ที่กำลังหายลับไปจนสุดสายตา ก่อนจะสลับมามองพระสนมเอกที่มีนิสัยละโมบโลภมาก เธอไม่รู้เลยว่าทางออกของเธอควรเป็นอย่างไร เธอรู้เพียงแต่ใน
ตอนที่ 94 เจ้ามันปีศาจเธอตะโกนออกมาด้วยเสียงที่ดังก้องกังวานอย่างไม่มีที่สิ้นสุดจนรู้สึกแสบคอ ก่อนจะเด้งตัวมานั่งขัดสมาธิพร้อมทั้งกอดอก อย่างคนที่หงุดหงิด สายตาของเธอกวาดมองไปรอบ ๆ อีกครั้งก่อนจะหลับตาลงเล็กน้อย"ถ้าหงายหลังนอนอีกครั้งจะไปตกที่หลังคาวังหลวงหรือเปล่านะ" แม้ว่าเธอจะคิดเล่น ๆ แต่ทันทีที่เธอหงายหลังนอนลงไปอีกครา ร่างกายของเธอรู้สึกเบาหวิวอีกครั้ง"กำลังเดินทางอีกแล้วสินะ" เธอไม่แม้แต่จะลืมตามามองรอบกาย ทำได้เพียงแค่กอดอกพร้อมปล่อยร่างกายของตัวเองให้ไหลไปตามกระแสลมที่ได้รับฟึ่บ!แต่ครั้งนี้เธอรู้สึกว่าตนเองนั้นตกลงมาที่กองฟางเห็นจะได้ ดวงตาทั้งสองเปิดขึ้นเห็นเพียงแค่ความมืดสนิท เธอค่อย ๆ ใช้มือทั้งสองคลำไปรอบกายรับรู้ได้ว่ามันคือกองฟางจริง ๆ เฟยหลงดันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งพร้อมทั้งสอดสายตามองหาแสงสว่าง"จับมัน!" เธอต้องตกใจเมื่อได้ยินเสียงของผู้ชายคนหนึ่งเอ่ยคำสั่งที่น่ากลัว พร้อมทั้งเสียงฝีเท้าอีกหลายคู่วิ่งเข้ามาในกระท่อมหลังนี้ สองเท้าของเธอก้าวเดินออกไปข้างหน้าตามแสงสว่างที่มีเพียงน้อยนิดนั้น เธอแอบมองจากด้านในเห็นทหารมากมายในชุดดำกำลังจับสองพี่น้องที่ไม่มีทีท่าว่าจะร้
ตอนที่ 93 ความหลังของเพ่ยเพ่ยตู้ม!!แต่ไม่รู้ว่าเป็นเคราะห์ซ้ำหรือกำซัด ทันทีที่ก้นของเธอแตะที่ปุยเมฆขาวนุ่มฟูนั้นร่างกายของเธอก็ได้ตกลงไปในสระน้ำแห่งหนึ่งจนเนื้อตัวเปียกปอนฟู่ว~ทันทีที่เธอนั้นตะเกียกตะกายขึ้นโผล่พ้นน้ำ ริมฝีปากบางได้พ่นลมหายใจออกมาอย่างแรงเพื่อฮุบเอาอากาศด้านบน สายตาของเธอกวาดมองไปรอบกายเห็นกระท่อมที่คุ้นตา เฟยหลงจดจำกระท่อมหลังนี้ได้แม่นยำอย่างไม่มีวันลืม"ทำไมจู่ ๆ ถึงได้กลับมาที่กระท่อมกลางป่าอีกแล้ว" แม้ว่าจะสงสัยอยู่ไม่น้อย แต่บัดนี้หลี่เฟยหลงกำลังตะเกียกตะกายให้ตัวเองขึ้นมาจากในสระ ทันทีที่ร่างกายที่เปียกปอนของเธอปะทะเข้ากับสายลมที่พัดเข้ามาไม่ขาดสายทำให้รู้สึกหนาวเหน็บอยู่ไม่น้อย สองเท้าค่อย ๆ เดินขึ้นไปทางกระท่อมหลังนั้น ทุกอย่างดูไม่ผิดปกติจากที่เธอเห็นก่อนหน้านี้สักเท่าไหร่ เพียงแต่ที่แห่งนี้กลับรู้สึกว่ามีชีวิตชีวามากกว่าเมื่อคราวที่เธอมาในครั้งนั้นอยู่มาก"ท่านยาย.. ยาบำรุงนี้ปรุงอย่างนี้ใช่หรือไม่" ยังไม่ทันที่เธอจะผลักประตูเข้าไป หลี่เฟยหลงได้ยินเสียงของคนผู้หนึ่งดังขึ้นภายในกระท่อมหลังนั้น"ไม่ใช่! สมุนไพรชนิดนี้ไม่สามารถเป็นยาบำรุงได้เจ้าไปเอาชิ้นน
ตอนที่ 92 ข้าเองก็ไม่รู้ว่าจะอยู่รอท่านได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่ทั้งสองเมื่อได้รับการพ้นโทษจึงได้เร่งเดินทางกลับเข้าจวนทันที ระหว่างทางที่เธอและเขาผ่านนั้น ทั้งคู่พบว่ามีประกาศว่าสกุลเจิงเป็นผู้บริสุทธิ์ทำให้ทั้งสองรู้สึกยินดีเป็นอย่างมากทั้งสองเดินทางมาจนถึงหน้าจวน เฟยหลงมองไปยังประตูที่ช่างดูเงียบเหงาจนหัวใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ อวี้เจินปรายตามองใบหน้าของเธอเล็กน้อยส่งยิ้มให้เธอก่อนจะใช้มือหนาคว้าข้อมือของเธอไว้ เขาใช้อีกอีกข้างดันเพื่อเปิดประตูหน้าของจวนสกุลเจิง ทันทีที่ประตูจวนเปิดออก ภาพที่เขาเห็นนั้นทำให้ทั้งสองยิ้มกว้างออกมาด้วยความยินดี ท่านแม่ทัพใหญ่เจิงเถาฮ่วน สหายเจิงเจียอวี่ พร้อมด้วยข้ารับใช้ในจวนทั้งหมดกำลังยืนต้อนรับทั้งสอง อยู่ก่อนแล้ว"ยินดีต้อนรับกลับจวนขอรับท่านพ่อ น้องรอง และทุกท่านด้วย" เจิงอบุตรีจินเอ่ยกับทุกคนด้วยน้ำเสียงสดใสพร้อมด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม"ยินดีต้อนรับแม่ทัพน้อยเจิงกลับบ้าน" และเป็นเสียงของผู้เป็นบิดาของจวนเอ่ยต้อนรับเขาเช่นกัน"ยินดีต้อนรับแม่นางที่พ้นโทษ.. ได้รับคืนความบริสุทธิ์" ก่อนที่แม่ทัพใหญ่จะหันมาพูดกับเธอด้วยใบหน้าที่นึกขอบคุณไม่เพียงเท่านั้
ตอนที่ 91 ปิดคดีเฟยหลงเอ่ยออกมากับตัวเองเบา ๆ เมื่อยามที่เธอนั้นนั่งอยู่ที่ศาลาริมน้ำมองดูดอก บัวด้วยสายตาที่ไม่ยินดียินร้ายเดิมทีแล้วท่านยายบอกว่าร่างกายของอาเพ่ยนั้นจะอยู่ได้อีกหนึ่งเดือน แต่สิ่งที่เธอทำผิดพลาดอีกครั้ง คือพลังของเธอไม่สามารถขับพิษในร่างกายของฮ่องเต้ได้จนหมด หากเป็นเช่นนั้นร่างกายของฮ่องเต้ที่เคยชินกับพิษนี้ จะสามารถสร้างมันขึ้นมาได้ใหม่ สิ่งที่จะทำให้พระองค์หายขาดได้จึงไม่ใช่การขับออก แต่เป็นการดึงพิษทั้งหมดเข้ามาในร่างของเธอต่างหาก"เจ้าอยู่ในวังเบื่อหรือไม่" เสียงของเจิงอวี้เจินดังขึ้นทางด้านหลัง ทำให้เธอนั้นรีบหันไปมองชายอันเป็นที่รักพร้อมทั้งส่งรอยยิ้มให้เขา ก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อยเป็นการตอบรับ"ข้าเบื่อมาก" เธอเดินเข้าไปหาเขาอย่างว่าง่ายก่อนจะใช้สองมือเล็กกอดรอบแขนของเขาเอาไว้อย่างออดอ้อน ใช้ใบหน้าหวานซุกไปที่ทรวงอกของเขาก่อนค่อย ๆ ช้อนสายตาขึ้นมองใบหน้าของบุรุษผู้นี้อวี้เจินหันมองรอบกายซ้ายขวาเล็กน้อยก่อนจะก้มลงจุมพิตที่ริมฝีปากของเธออย่างรวดเร็วแล้วผละออก"ท่านทำอะไรเนี่ย""ก็ที่เจ้าออดอ้อนข้าเช่นนี้ไม่ใช่อยากให้ข้าทำเช่นนี้งั้นหรือ""ท่านไปร่ำเรียนความหน้า
ตอนที่ 90 นับเวลาถอยหลังกับชีวิตที่เหลืออยู่"ความยากลำบากที่หม่อมฉันได้รับ! เด็กสาวที่เคยร่าเริง.. ชื่นชอบการอ่านตำรา ปักผ้า ทำอาหาร มีความสุขกับครอบครัว.. เพียงแค่ชั่วข้ามคืน! ต้องกลายเป็นสตรีที่ไม่มีแม้แต่ที่ซุกหัวนอน! ไม่สามารถบอกใครได้ว่ามาจากตระกูลไหน!”“ทำได้เพียงขอข้าวขอน้ำดั่งขอทานข้างถนน! ไม่มีผู้ใดเหลียวแล.. ซุกหัวนอนตามรางหญ้า บางคราก็ต้องแย่งข้าวกับสุนัขเพื่อประทังชีวิต! โดนทำร้ายหยามเหยียดจนแทบไม่เหลือความเป็นคน! พระองค์รู้หรือไม่กว่าที่หม่อมฉันจะเข้ามาทำให้พระองค์สะดุดตาได้มิใช่เรื่องง่าย ความแค้นที่สุมอยู่ในอกของหม่อมฉันมันเกือบจะสำเร็จอยู่แล้ว.. หากว่านางหมอพิษผู้นั้นไม่หักหลังหม่อมฉัน! ป่านนี้พระองค์ได้ลงไปเฝ้ายมโลกแล้วกับท่านพ่อหม่อมฉันไปแล้ว!""ข้าว่าเจ้าเข้าใจผิดไปใหญ่แล้ว.. ข้ามีเหตุผลของข้า หากเมื่อครานั้นพ่อของเจ้าไม่คิดก่อกบฏข้าย่อมไม่ทำร้ายผู้บริสุทธิ์เป็นแน่""โกหก! พระองค์อย่ามาโกหกกับหม่อมฉัน! พ่อของหม่อมฉันไม่มีทางคิดก่อกบฏเป็นแน่! ท่านใส่ร้ายครอบครัวข้า ฆ่าครอบครัวข้าล้างตระกูลยังไม่พอ.. เวลานี้พระองค์ยังคิดจะใส่ร้ายตระกูลข้า! ท่านยังมีความเป็นคนอยู่หรือ