ตอนที่ 10 จิ้งจอกน้อยกลายร่าง
“ที่เหลือเจ้าทำ”
"ทำ.. ทำอะไร” เฟยหลงหันไปถามเจียอวี่ด้วยความไม่เข้าใจ
“ปลานี่ ข้าหามาให้เจ้าแล้ว.. เจ้าก็ควรปรุงมันให้ข้ากินดีหรือไม่” เจียอวี่ชี้นิ้วไปที่ปลาที่เขาเพิ่งไปหามาได้ช้า ๆ
“ข้า.. ข้าทำไม่เป็น” เธอเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา
เจียอวี่ได้ยินเช่นนั้นได้แต่นิ่งเงียบ ปลาที่ได้มาถูกทิ้งลงตามแรงโน้มถ่วงของโลก เฟยหลงที่เห็นท่าทางหมดอาลัยตายอยากนั้นรู้สึกเสียใจเป็นยิ่งนัก เธอตัดสินใจลุกขึ้นยืนด้วยความเร็ว ตามมาด้วยสายตาของจิ้งจอกน้อยที่มองเธออย่างมีความหวัง
“ต.. แต่แค่ปลาย่างก็พอจะได้อยู่”
แม้แต่เธอเองก็แทบจะไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองจะเอ่ยออกไปแบบนี้ หลี่เฟยหลงสาวน้อยที่วัน ๆ เอาแต่แต่งนิยายกับสั่งเดลิเวอรี่กำลังจะมาย่างปลาให้ใครไม่รู้กินงั้นหรือ แต่ไหน ๆ ก็เห็นแก่ที่เขาพยายามไปหาปลามาให้เจ้าเสี่ยวจ๋ายแล้วกัน การย่างปลาให้ก็ไม่เท่าไหร่หรอก.. มั้ง
“เสี่ยวจ๋ายเจ้าอยากกินปลาสด หรือปลาย่าง” เฟยหลงหันไปถามเจ้าจิ้งจอกน้อย
2 ชั่วยามผ่านไป
“มาแล้ว” เธอเดินถือไม้ที่มีปลาย่างตัวสีดำเกรียม ยื่นให้เจียอวี่ด้วยใบหน้าที่ตื่นเต้น ก่อนจะยื่นให้จิ้งจอกน้อยหนึ่งตัว และเดินมานั่งลงข้าง ๆ พวกเขา
“พวกเจ้ากินสิ”
“มันกินได้.. ใช่ไหม” เจียอวี่ยกปลาย่างมาพลิกซ้ายพลิกขวา ก่อนจะหันไปมองเจ้าจิ้งจอก ที่ยืนสี่ขาหางตั้งเด่ฟูฟ่องจ้องปลานั้นราวกับระแวง
“เจ้าจิ้งจอก ไยเจ้าไม่ลองชิมเสียหน่อย” เจียอวี่ยังคงพูดคุยกับเสี่ยวจ๋าย
“พวกเจ้าไม่กินก็ช่าง ข้ากินเอง” เฟยหลงคว้าปลาย่างทั้งหมดมากองตรงหน้า ก่อนจะทำใจกัดเจ้าปลาย่างนั้นเข้าปากเคี้ยวตุ้ยราวกับว่ามันคืออาหารจากภัตตาคารเลิศรส
“ก..กิน ข้ากิน” ถึงแม้ทั้งคู่จะมีอาการแบ่งรับแบ่งสู้ แต่ก็กินอาหารมื้อนั้นด้วยความรู้สึกเลิศรส.. ละมั้ง “เจ้าถนัดวิชาปรุงยามากใช่หรือไม่”
“ทำไม” เธอเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ระหว่างที่เดินไปหยิบถ้วยยามาให้เจียอวี่ดื่ม
“ข้ามีเรื่องอยากรบกวนเจ้า” เขายื่นมือมารับถ้วยยานั้นแต่ โดยดี ข้างกันนั้นมีเสี่ยวจ๋ายที่กำลังนอนแทะแอปเปิลแอบฟังทั้งคู่อยู่ เฟยหลงมองหน้าเสี่ยวจ๋ายที่ตอนนี้กำลังแทะแอปเปิลได้ด้วยความหมั่นไส้แวบหนึ่งก่อนจะหันมาคุยกับเจียอวี่อีกครั้ง
“เพ่ยเพ่ย” เธอเอ่ยออกมาอย่างไร้เหตุผล ราวกับว่าเธอนั้นก็ไม่รู้ว่าเหตุใดจึงพูดชื่อนี้ออกไป เฟยหลงฉุกคิดเล็กน้อยถึงเมื่อครั้งก่อนที่เธอจะเข้ามาในมิตินี้ ชื่อนี้คือเสียงที่แผ่วเบาที่เธอได้ยินในตอนนั้น “นามของข้า.. เพ่ยเพ่ย”
“ข้าอยากชวนเจ้าเข้าวัง” เจียอวี่เอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง จ้องมองเข้ามาในดวงตาของเธออย่างขอความช่วยเหลือ
“ข้าไม่ปิดบัง เจียอวี่ผู้นี้ได้รับคำสั่งจากท่านผู้นั้น ให้มาตามหาหมอเทวดาที่อยู่แถบนี้”
“หมอเทวดา” เธอเอ่ยย้ำคำพูดของเขาอย่างไม่เข้าใจ หมอเทวดาอะไร หรือว่าหมอเทวดาที่ว่าคือเธองั้นเหรอ
“แต่จากที่ข้าทราบมานั้นเจ้า.. อายุไม่ใกล้เคียงนาง”
“เช่นนั้น จึงไม่ใช่ข้า” เฟยหลงตัดประเด็นเรื่องนี้ทั้งหมด เพราะเดิมทีตอนนี้สิ่งที่เธอควรคิด คือทำยังไงถึงจะออกไปจากมิติบ้าบอนี่ มากกว่าเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องที่ไม่ควรยุ่ง
เจียอวี่ชายผู้นี้ไม่ได้มีในนิยายของเธอ ยิ่งเสี่ยวจ๋ายด้วยแล้ว ในนิยายที่แต่งแค่เรื่องราวในราชสำนัก ไม่ได้กล่าวถึงเทพถึงเซียน นั่นหมายความว่าที่นี่ ไม่ใช่นิยายที่เธอแต่ง
“แต่เจ้ารู้เรื่องพิษ.. ข้าต้องการความช่วยเหลือจากเจ้า”
“ข้าไม่รู้..” เธอยังยืนยันคำเดิม เพราะยิ่งเธอเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องที่โลกนี้มากเท่าไหร่ มันจะยิ่งทำให้เธอหาทางกลับได้มากเท่านั้น หรือว่า..
“ท่านผู้นั้นของเจ้าเป็นใคร” เฟยหลงหันไปถามเขาด้วยน้ำเสียงจริงจัง เจียอวี่ที่มีสีหน้าที่สงสัยแต่ก็เพียงแค่พริบตาเดียวเท่านั้น
“ผู้ที่อยู่เกือบสูงสุด”
“งั้นได้.. ข้าจะไปกับเจ้า” คิดไปคิดมาแล้ว หากอยู่แต่ในป่า อาจจะไม่รู้เรื่องราวอะไร นั่นแปลว่าการจะหาทางกลับไปยิ่งยากขึ้น ถ้าในป่าไม่รู้.. งั้นในวังก็ไม่เลว
“เจ้าอยากให้ข้าช่วยเรื่องใด”
“ตรวจสอบอาการป่วยของฮ่องเต้”
“ในวังไม่มีหมอหลวงหรือ”
“มี.. หากหมอหลวงรักษาได้ ข้าจะเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาตามหาหมอเทวดาหรือ” เจียอวี่ยังคงยียวนกวนประสาท แต่ก็เพียงไม่นาน เพราะต่อมาเขาก็ยกถ้วยยานั้นไปกระดกดื่มจนหมด
“เจ้าดื่มยาแล้วพักผ่อนเถอะ ข้าจะออกไปเดินเล่นเสียหน่อย” เธอเอ่ยออกมา ก่อนจะเดินออกมาด้านนอก
“เช่นนั้น.. เจ้ารับปากข้าแล้วใช่หรือไม่”
“อืม”
สายน้ำที่ไหลผ่านด้านหลังกระท่อมที่ดูจะทรุดโทรม แปลงดอกไม้ที่พากันออกดอกรับลมรับแสงอาทิตย์ เป็นภาพที่สวยงามมากที่หนึ่งสำหรับมนุษย์ที่อยู่ในห้องสี่เหลี่ยมเป็นประจำเช่นเฟยหลง ที่วันหนึ่งจ้องมองแต่หน้าจอคอมพิวเตอร์
“เสพภาพพวกนี้เยอะ ๆ นะเฟยหลง เพราะหลังจากแกออกจากที่นี่ แกอาจจะไม่ได้กลับมาอีกเลยนะ” หลี่เฟยหลงหลับตาชูแขนรับลมอย่างอารมณ์ดี
“เจ้านี่พูดมากเหมือนกันแฮะ” เธอตกใจจนหัวใจเต้นตุ้บตั้บ หันไปมองตามเสียงก็พบว่าจิ้งจอกน้อยสีเทา นอนบนกิ่งไม้ใหญ่ใกล้ลำธารอยู่ก่อนแล้ว
“นี่เจ้า.. เจ้ามาอยู่ตรงนั้นตอนไหนกัน”
“อาเพ่ย.. จะเข้าวังจริงหรือ ที่ถงอวิ๋นเมิ่งนี้มีหลายสิ่งที่ข้าไม่รู้ ข้าเกรงว่าเจ้าจักมีอันตราย”
“เจ้า.. ไม่ต้องไปกับพวกข้าหรอกมันอันตราย ข้าคิดว่าเจ้าควรกลับไปที่ของเจ้ามากกว่า” เฟยหลงดึงชายกระโปรงของตัวเองให้สูงขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะเดินลงไปในลำธารที่เย็นยะเยือก
“ถ้าข้ากลับได้ เจ้าคิดว่าข้าจะมาทนกินปลาไหม้อยู่ที่นี่กับเจ้าเช่นนั้นหรือ” สิ้นสุดคำพูดของจิ้งจอกสีเทาที่นอนสบายใจบนกิ่งไม้ใหญ่ เฟยหลงก้มลงหยิบก้อนหินขนาดเล็กในลำธารโยนไปทางที่เจ้าเสี่ยวจ๋ายนั้นนอนด้วยความรู้สึกหมั่นไส้
“เฮ้ย!” แต่ไม่รู้เพราะเธอโยนแม่น หรือว่าเจ้าจิ้งจอกประหลาดนั้นไม่ทันระวังตัวกันแน่ เพราะทันทีที่ก้อนหินก้อนนั้นลอยไปถึงตัวด้วยความสามารถและความแม่นยำ ในเรื่องการปายางลบใส่หัวเพื่อนในสมัยเรียนของหลี่เฟยหลงแล้ว เจ้าจิ้งจอกสีเทาจำเป็นต้องกระโดดหลบจนตัวของมันนั้นตกจากกิ่งไม้ใหญ่ จากรูปร่างของจิ้งจอกขาวหางเดียวบัดนี้อยู่ในรูปร่างของมนุษย์เพศชาย ที่มีใบหน้าหล่อเหลาเทียบเท่านักแสดงในโลกปัจจุบันเห็นจะได้ ผมสีเทาถึงมัดไว้เป็นอย่างดี พร้อมกันนั้นยังมีหางที่ดูน่าจะนุ่มฟูกำลังแผ่สยายออกมาทีละหาง
“เจ้ามันตัวอะไรกันเนี่ย!” แม้เธอจะรู้สึกตกใจอยู่บ้าง แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเดิมทีเจ้าจิ้งจอกตัวนี้ก็พูดได้และเข้าใจภาษามนุษย์แถมยังมีความสามารถที่ร่างกายนั้นเปล่งแสงได้
และเมื่อยิ่งคิดว่าในนี้คือโลกในนิยาย นั่นหมายความว่าจินตนาการย่อมไม่มีที่สิ้นสุด แล้วความตกใจที่น่าจะมีมากกว่านี้ ก็เหลือเป็นเพียงความน่าเหลือเชื่อเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
“นี่เจ้าไม่ตกใจหรือ” เสี่ยวจ๋ายเดินตรงดิ่งมาที่เธอด้วยท่าทางหงุดหงิด ก่อนจะมายืนเท้าเอวจ้องหน้าเธอเขม็งราวเด็กน้อยที่พร้อมหาเรื่องได้ทุกเมื่อ
“เจ้าพูดได้ก็น่าจะทำข้าตกใจพอแล้ว.. ที่เพิ่มมาก็แค่เจ้ามีร่างเป็นมนุษย์ แค่นี้..” เฟยหลงใช้สายตาคมกริบหลี่ลงเล็กน้อย ก่อนจะยกนิ้วชี้ข้างขวาขึ้นมาส่ายไปส่ายมาส่งให้
“เจ้า!แล้วผู้ใดกันที่เจอข้าครั้งแรก ก็ตกใจก้นแนบพื้นหมดสภาพผู้นั้นเป็นผู้ใดกัน!”
“ไอ้เจ้าจิ้งจอกหัวขาว!” ทั้งสองยืนเถียงกันอยู่ข้างลำธารราวกับเด็กน้อย หางตาของเฟยหลงเหลือบขึ้นไปด้านบนที่ห่างไปไม่ไกลนัก พบว่าเจียอวี่นั้นยืนมองทั้งสองด้วยสายตาเหลือเชื่อ
“เจ้าจิ้งจอก!”
ตอนที่ 11 การเดินทางของสามเกลอ“เจ้าจิ้งจอก!” เจียอวี่ทำหน้าเหมือนไม่อยากเชื่อสายตาแต่ก็ใช้เวลาเพียงไม่นาน เพราะต่อมาชายผู้นั้นรีบจ้ำอ้าวเดินลงมายังข้างลำธารที่มีเสี่ยวจ๋ายร่างมนุษย์ยืนอยู่ด้วยความเร็วแสง สองขายาวที่น่ายำเกรงเดินลงมาหยุด มองซ้ายแลขวาจับเสี่ยวจ๋ายหัวสำรวจทุกพื้นที่“เจ้านี่เป็นตัวประหลาดหรือเป็นสิ่งใดกัน”“ข้ามิใช่ตัวประหลาด เจ้าดู!นี่หางของข้าของแท้แน่นอน และข้าเป็นถึงเพื่อนเล่นของเหมยซินซูแห่งป่าท้อเชียวนะ” เสี่ยวจ๋ายเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ดังขึ้น หางทั้งหมดที่มีเริ่มกระดิกดุ๊กดิ๊กอย่างน่ารักน่าชัง“หนึ่ง..สอง..สาม..สี่..” เจียอวี่ขยับนิ้วนับหางของเสี่ยวจ๋ายด้วยความรู้สึกตื่นเต้น แบบเด็กน้อยที่เห็นของเล่นชิ้นใหม่“เก้าหาง ไม่ต้องนับ!” เสี่ยวจ๋ายสะบัดหางทั้งเก้าโชว์อย่างโอ้อวด ภูมิใจ ใบหน้าเชิดขึ้นพร้อมทั้งลอยหน้าลอยตาอย่างน่าหมั่นไส้“เจ้าพูดได้ แล้วเหตุใดเจ้าไม่พูดตั้งแต่แรก” เจียอวี่ยืดตัวเต็มความสูง เท้าเอวจ้องหน้ามองเสี่ยวจ๋ายอย่างหาเรื่อง“ก็ข้าแค่ไม่อยากเสวนากับคนอย่างเจ้า” แต่มีหรือเจ้าจิ้งจอกอย่างเขาจะกลัว เพราะทันทีที่เจียอวี่ยืดตัวเท้าเอว เสี่ยวจ๋ายเองก็ทำท่าเ
ตอนที่ 12 พวกข้าไม่มีเงิน“ไหนเจ้าบอกว่าไม่ไกลมิใช่หรือ.. เหตุใดหมู่บ้านที่เจ้าว่ายังไม่ถึงเสียที” เสี่ยวจ๋ายหันไปถามเจียอวี่ พร้อมทั้งสลับมองใบหน้าที่ไร้อารมณ์ของหลี่เฟยหลง ที่คล้ายกับว่าเธอนั้นเดินด้วยท่าทางที่แสนจะสบาย ไม่ได้แสดงอาการเหน็ดเหนื่อยออกมาเลยแม้แต่น้อย“เจ้าบ่นเช่นนี้.. ข้ากำลังคิดว่าเจ้าเหนื่อยนะเจ้าจิ้งจอก” และเพราะสหายตัวน้อยนี้ช่างน่าหยอกเย้า เจียอวี่ได้ที่จึงหยุดนิ่งไม่ได้ขยับ พร้อมทั้งหันไปมองใบหน้าของเสี่ยวจ๋ายที่ทำหน้าหงิกงออย่างไม่ค่อยจะสบอารมณ์“ข้าไม่ได้เหนื่อย!” แต่เพราะคำพูดที่น่าจะทิ่มแทงหัวใจจึงทำให้จิ้งจอกน้อยอย่างเสี่ยวจ๋ายนั้นสะบัดหน้าหนี ก่อนจะหันขวับมามองที่หลี่เฟยหลงนิ่งอย่างมีความหมาย“เพ่ยเพ่ย.. เจ้าขี่หลังข้าดีหรือไม่” จิ้งจอกน้อยเอ่ยถามสหายซึ่งเป็นสตรีเพียงนางเดียวอย่างอ่อนโยน “ข้าไม่เหนื่อย” แต่เมื่อได้ยินคำตอบของเธอแล้วนั้น เสี่ยวจ๋ายที่มองหน้าเธฮไม่กะพริบได้แสยะยิ้มจนกว้างออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ หลี่เฟยหลงมองหน้าเจ้าจิ้งจอกหัวขาวตัวนี้อย่างชั่งใจ“เช่นนั้น~ ข้าแปลงกายเป็นจิ้งจอกตัวน้อยน่ารักให้เจ้าอุ้มดีหรือไม่.. ขนของข้านั้นนุ่มมาก.. ตัวก็เล็ก
ตอนที่ 13 ดินแดนแคว้นฉวาง [1]“เมื่อครู่.. เถ้าแก่นั้นพูดว่าม้าสามตัว.. เราออกไปดูก่อนกันก่อนดีหรือไม่” เมื่อเห็นด้วยกับคำพูดของเสี่ยวจ๋าย พวกเขาทั้งสามจึงตัดสินใจลองเปิดประตูนั้นอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้มันกลับถูกเปิดออกอย่างง่ายดาย ราวกับที่แห่งนี้เป็นโรงเตี๊ยมธรรมดาแห่งหนึ่งเมื่อทั้งสามออกมาได้แล้วนั้น ด้านหน้าปรากฏม้าที่ถูกผูกไว้กับต้นไม้สามตัว เจียอวี่เดินเข้าไปตรวจสอบเมื่อเห็นว่าม้าทั้งสามไม่ได้มีกลไก อาคม หรือความผิดปกติใด พวกเขาทั้งหมดพร้อมใจกันหันกลับไปเพื่อที่จะขอบคุณเถ้าแก่โรงเตี๊ยม ก็ต้องยืนนิ่งงันราวกับว่าฝันไป เพราะพื้นที่ตรงนั้นกลับว่างเปล่าราวกับว่าไม่เคยมีโรงเตี๊ยมหลังนั้นมาก่อน“อะไรกันเนี่ย” เฟยหลงยิ่งเพิ่มความสงสัยไม่หาย เธอยืนมองพื้นที่ว่างเปล่านั้นด้วยความรู้สึกไม่อยากเชื่อสายตา ก่อนนี้ตรงนี้มีโรงเตี๊ยมเป็นเรื่องจริง อาหารที่กินก็เรื่องจริง เธอยกมือขึ้นมาลูบหน้าผากมนของตัวเอง ทั้งเจ็บและโนเป็นเรื่องจริง ม้าสามตัวเบื้องหน้าก็เรื่องจริง“ไปได้แล้ว” และยังคงเป็นเจียอวี่ที่ส่งเสียงเรียกให้เธอหลุดจากภวังค์นั้น เธอมองพื้นที่โดยรอบอีกครั้งอย่างนึกสงสัยแต่ก็เพียงแค่นั้น เพร
ตอนที่ 14 ดินแดนแคว้นฉวาง [2] “อาอวี่.. เจ้าพักที่นี่งั้นหรือ” เพราะเธอจำได้ว่าในนิยายของเธอ จวนแห่งนี้คือจวนของแม่ทัพใหญ่เจิงเถาฮ่วน เหตุใดเจียอวี่ถึงพามาที่นี่และเหตุใดเจียอวี่ถึงรู้จักแม่ทัพเจิง หรือว่าที่นี่จะเพียงแค่ชื่อคล้ายกัน อาจจะไม่ใช่แม่ทัพเจิงดั่งในนิยายนั่นก็เป็นได้“นี่คือจวนของท่านพ่อข้า.. แม่ทัพเจิง.. เจิงเถาฮ่วน เจ้าเคยได้ยินนามนี้หรือไม่” เจียอวี่พูดขึ้นด้วยความภูมิใจ สายตา น้ำเสียง แสดงออกถึงความภูมิใจอย่างเห็นได้ชัด“แม่ทัพเจิงเถาฮ่วน.. คือท่านพ่อเจ้างั้นหรือ” แปลก แต่กลับเป็นเรื่องจริง เธอจำได้อย่างดีว่าในนิยายที่เธอแต่งนั้น แม่ทัพใหญ่เจิงเถาฮ่วนไม่มีครอบครัว ไม่ยุ่งสตรี นั่นยิ่งไร้บุตร เหตุใดถึง..“เจ้าอาจจะไม่เคยได้ยินแต่ไม่เป็นไร.. พวกเราเข้าไปด้านในกันก่อนเถอะ” เจียอวี่เอ่ยขึ้นพร้อมทั้งพาอ้อมไปยังโรงเลี้ยงม้า ก่อนจะพากันเดินเข้ามาในจวน“คุณชายรองกลับมาแล้วหรือขอรับ” เสียงของชายที่มีใบหน้าหล่อเหลา สะอาดสะอ้าน แต่การแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่ค่อนข้างจะธรรมดาไปเสียหน่อย เดาว่าน่าจะเป็นบ่าวรับใช้ในจวนเป็นแน่“ข้ากลับมาแล้ว.. เจ้าช่วยบอกคนเตรียมห้องพักให้สหายของข้าสัก
ตอนที่ 15 ลับลมคมใน [1]“ข้าจะรอเจ้า..” แม้จะตอบบุรุษผู้นี้ออกไปด้วยเสียงเข้มแข็งและหนักแน่น แต่ใจส่วนที่ลึกที่สุดของนางแล้วนั้น กลับไม่รู้เลยว่าคำว่าจะกลับไปของจ๋ายเฉินฉีนั้นคือเมื่อใด ไป๋ซูเซียวมองตามหลังของเฉินฉีด้วยสายตาที่ไม่อาจจะคาดเดาความหมายได้ จนร่างของเจ้าจิ้งจอกขาวนั้นหายไปจนพ้นสายตาเซิงเซียนหยุน“เป็นอย่างไรบ้าง.. เจ้าเจอเสี่ยวจ๋ายหรือไม่” เสียงหวานละมุนของเหมยซินซูเซียนบุปผาหนึ่งเดียวแห่งยอดเขาเซิงเซียนหยุน เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ทั้งกังวลและตื่นเต้น เมื่อเห็นว่าสหายซูเซียวนั้นเดินทางกลับมาถึงป่าท้อเมื่อครู่ เมื่อไม่กี่ชั่วยามก่อน ซินซูได้ไหว้วานให้จิ้งจอกขาวเก้าหางหางแดงอย่างเธอนั้น ไปตามหาจิ้งจอกขาวเก้าหางหางฟ้าที่ถูกพายุประหลาดพัดหล่นหายไปเมื่อหลายวันก่อน เธอค่อนข้างมั่นใจ ว่าหากตกลงไปจากป่าท้อนั้นย่อมลงไปโลกมนุษย์เป็นแน่ แต่เมื่อมานั่งตระหนักว่าแล้วเหตุใดเสี่ยวจ๋ายถึงยังไม่กลับมานางก็อดเป็นห่วงไม่ได้“เจอแล้ว.. เจ้าเลิกเป็นห่วงได้แล้ว” ซูเซียวเอ่ยตอบสหายซินซูด้วยท่าทางไร้อารมณ์อย่างเห็นได้ชัดว่านางนั้นอารมณ์ไม่ค่อยจะดีนัก ซินซูจึงทำเพียงมองสหายผู้นี้อย่างเงียบเชียบ
ตอนที่ 16 ลับลมคมใน [2]และเพราะความไม่สบายใจที่สุมอยู่ในอกนั้น ทำให้หลี่เฟยหลงต้องดันตัวเองลุกให้ขึ้นมาอีกครั้ง ใบหน้าหวานเบือนไปจ้องยังประตูหน้าห้องพักอย่างชั่งใจ เธอใช้เวลานั่งจ้องประตูนั้นอยู่เกือบหนึ่งเค่อ สลับกับปรายตามามองยังโต๊ะข้างเตียงอย่างคิดหนักเอาการดวงตาสีน้ำตาลเข้มจ้องมองลูกดอกที่ยังคงปักอยู่ข้างโต๊ะไม้ ก่อนจะเอื้อมมือไปแตะมันอย่างเบามือพร้อมทั้งดึงมันออกมาห่อด้วยผ้าผืนบาง เมื่อรู้สึกว่าหากอยู่เช่นนี้อย่างไรจิตใจก็ไร้ทางที่จะสงบ เฟยหลงจึงตัดสินใจก้าวสองเท้าของเธอย่องอย่างเชื่องช้าราวกับว่าเธอนั้นเป็นโจรย่องเบามายังประตูหน้าห้องพัก เธอเอียงหน้าใช้หูแนบบานไม้เพื่อฟังเสียงของด้านนอก เมื่อเธอไม่ได้ยินเสียงอื่นใดนอกจากความสงัด มือเรียวยกขึ้นมาก่อนจะใช้มันดันประตูไม้บานนั้นให้เปิดออกอย่างเบามือที่สุดใบหน้าหวานยื่นออกมาด้านนอกห้องเพียงเล็กน้อย เธอหรี่สายตากวาดมองซ้ายมองขวาก่อนจะยกยิ้มมุมปากอย่างชอบใจ ในเมื่อด้านนอกห้องพักนั้นไม่มีใครในบริเวณนี้ หลี่เฟยหลงจึงรีบก้าวเท้าออกจากห้องพักอย่างเร็วที่สุด ทำทุกอย่างด้วยความเงียบเชียบพร้อมทั้งปิดประตูห้องลงอย่างเบามือเธอยกสองมือขึ้นม
ตอนที่ 17 โรงน้ำชาหม่าเถา [1]โรงน้ำชาหม่าเถา“เจ้าดื่มสุราได้หรือไม่” เจียอวี่เอ่ยถามหลังจากที่เขานั้นพาเธอเดินมาหยุดหน้าโรงน้ำชามีชื่อ“หม่าเถา..” หลี่เฟยหลงแหงนใบหน้าขึ้น อ่านป้ายชื่อของโรงน้ำชาหลังนี้ ก่อนจะพยักหน้าให้เจียอวี่สองเท้าก้าวเดินตามสหายเข้าไปด้านใน ข้าวของเครื่องใช้ทุกอย่างของที่นี่ไม่ต่างจากในซีรีส์ที่เธอดูเลยสักนิด หลี่เฟยหลงกวาดสายตามองโดยรอบอย่างตื่นตา เมื่อกำลังนึกสนุกคิดว่าตนเองนั้นกำลังอยู่ในซีรีส์เรื่องหนึ่งที่เธอมีโอกาสได้เป็นนักแสดง ทั้งสองเดินผ่านโถงกลางร้านที่มีผู้เฒ่าหนวดขาวท่าทางจะใจดี กำลังนั่งเล่านิทานอย่างออกรสออกชาติ เพราะความอยากรู้อยากเห็น ทำให้สายตาของเธอนั้นจดจ้องผู้เฒ่านั้นอย่างนึกสนใจในเรื่องราวที่เขาเล่าขาน“เจ้าอยากฟังงั้นหรือ.. เช่นนั้นเราไปนั่งด้านบนดีหรือไม่” เจียอวี่หันมาเอ่ยถามเธอด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล เมื่อเห็นว่าเฟยหลงนั้นหยุดเดิน พร้อมทั้งยังยืนมองไปที่นักเล่านิทานอย่างไม่ละสายตา“อืม..” แม้ว่าเธอนั้นจะยังไม่ละสายตาจากชายชราผู้นั้น แต่สองเท้าของเธอกลับยังคงก้าวเดินตามเจียอวี่ไม่ห่างปึก!“โอ๊ย!”แต่อาจเป็นเพราะว่าเธอนั้นจะขาสั้นไปนิดทำให
ตอนที่ 18 โรงน้ำชาหม่าเถา [2] ใบหน้าที่หงิกงอของเจ้าจิ้งจอกเก้าหาง แสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจเป็นอย่างมาก และคาดว่าเสียงของเสี่ยวจ๋ายนั้นน่าจะดังเกินพอดี เพราะเพียงแค่คำพูดของเขาเอ่ยขึ้นมานั้น สายตาของผู้ร่ำสุราทั้งหลายในโรงน้ำชาแห่งนี้ได้ปรายตาขึ้นมาจ้องมองพวกเราทั้งสามเป็นตาเดียวเพราะความคุกรุ่นในสายตาของสหายทั้งหลายที่จ้องมองมานั้น เพียงพอให้ตัวของเสี่ยวจ๋ายเริ่มที่จะสังเกตได้ เพราะทันทีที่ทุกสายตาจ้องมาที่พวกเราเจ้าจิ้งจอกตัวนี้ได้เงยหน้าขึ้นจากโต๊ะช้า ๆ พร้อมทั้งปรายตามองไปรอบโรงน้ำชานี้กระอักกระอ่วน“เฮ้ย!” แต่สิ่งที่สร้างความสงสัยให้กับพวกเขาทั้งสอง ก็คงจะเป็นเจ้าจิ้งจอกสีขาวตัวนี้เพราะเหตุใดเขาถึงได้สะดุ้งตกใจจนทั้งสองเริ่มเห็นหางของเขาด้านหลังราง ๆ“เสี่ยวจ๋าย! เก็บหางของเจ้าเดี๋ยวนี้นะ!” หลี่เฟยหลงที่ตกใจเกรงว่าเรื่องที่เจ้าจิ้งจอกน้อยนี้ไม่ใช่มนุษย์จะแตกออกไป เธฮรีบโยนจอกสุราลงโต๊ะอย่างไม่นึกเสียดายใช้มือทั้งสองไปจับหางทั้งเก้าของเขากดไว้แน่นและตัวของเสี่ยวจ๋ายนั้นคงจะตกใจอยู่ไม่น้อยเช่นกัน เขาหันตามเสียงของเฟยหลงไปมองหางสีขาวนุ่มฟูพร้อมทั้งสะบัดมันเก็บเข้าที่อย่างรวดเร็ว
ตอนที่ 98 เจิงฮูหยิน.. ข้ามาแล้วทั้งสี่ยืนมองเจิงอวี้เจินที่ร้องไห้อย่างน่าสงสาร สองแขนของเขากอดร่างกายของภรรยาเอาไว้แน่น ใบหน้าคมประกบจูบลงที่ริมฝีปากของนางก่อนจะขยับเลื่อนไปหอมแก้มทั้งสองข้างของเธอ พร้อมทั้งจุมพิตที่หน้าผากอย่างอ่อนโยนก่อนจะค่อย ๆ ช้อนตัวของเฟยหลงนั้นขึ้นยืนเต็มความสูงเพื่อเดินอุ้มนางไปวางไว้บนเตียง"ข้าขออยู่ส่งนางจนวินาทีสุดท้ายได้หรือไม่" เขาหันมามองท่านยายหลิงไถที่พยักหน้าให้เล็กน้อย เมื่อเขาได้รับอนุญาตแล้วจึงได้ขึ้นไปนอนคู่กันกับเธอบนเตียง สองแขนกอดร่างกายของเธอเอาไว้แน่นอยากสัมผัสไว้ให้นานที่สุด"พวกเจ้าทั้งสองออกไปรอด้านนอกก่อน ข้าจะเตรียมพิธีและเมื่อถึงเวลาอันสมควรข้าจะให้กู่ป๋ายออกไปเรียกพวกเจ้า" สิ้นสุดคำพูดของท่านยายสหายทั้งสองได้มองใบหน้าของเจิงอวี้เจินและหลี่เฟยหลงอีกครั้งก่อนจะเดินออกไปรอด้านนอกอย่างว่าง่าย"กู่ป๋าย.. เจ้ากลัวหรือไม่" แม้ว่าเจิงอวี้เจินนั้นจะได้ยินเสียงของท่านยายและน้องชายของแม่นางเพ่ยเพ่ยคุยกัน แต่เขากลับได้หาสนใจไม่ เขาไม่สนใจเลยว่าทั้งสองจะพูดเรื่องอะไร เขาสนใจเพียงแต่เขาอยากจะกอดร่างกายของภรรยาของเขาเอาไว้ให้นานที่สุด น้ำตาของชาย
ตอนที่ 97 หากนางอยู่ที่นี่.. นางจะเจ็บปวด"เหตุใดเจ้าถึงไม่ยินดี.. ในเมื่อเรื่องนี้เราทั้งสองนั้นได้คุยกันมาก่อนแล้วไม่ใช่หรือ ว่าหากจบเรื่องราวทั้งหมด ข้าจะให้ท่านพ่อของข้าไปสู่ขอเจ้า""ท่านพี่.. ข้ารักท่านอย่างที่ไม่เคยรักชายใดมาก่อน ท่านเป็นคนแรกที่ทำให้ข้ารู้จักคำว่ารัก คำว่าห่วงใย เพียงแต่ท่านหลงลืมไปแล้วอย่างนั้นหรือว่าข้ามิใช่คนในโลกใบนี้ หากเมื่อเราทั้งสองนั้นได้ตกลงปลงใจเข้าร่วมพิธีสมรสในครั้งนี้ หากข้าต้องสลายกลายเป็นเถ้าธุลีท่านจะอยู่อย่างโดดเดี่ยวข้าไม่ยินดีให้ท่านเป็นเช่นนั้น ข้าไม่ยินดีที่ให้งานมงคลสมรสของเราทั้งคู่เป็นสิ่งที่จะเหนี่ยวรั้งท่าน.. ท่านเข้าใจความรู้สึกของข้าหรือไม่""แม่นางหลี่เฟยหลง.. เช่นนั้นเจ้าฟังคำของข้าให้ดี ต่อให้ในโลกใบนี้หรือใบไหน หากเจ้าอยู่ที่ใดข้าขอให้คำมั่นสัญญาต่อฟ้าดินเพื่อเป็นพยาน ข้าจะรักเพียงเจ้าจะติดตามเจ้า ไปทุกที่ หรือต่อให้เจ้าจะทิ้งข้าไว้ในที่แห่งนี้ ทะเลเพลิง ภูเขาน้ำแข็งหรือต้องตายกี่ครั้ง ข้าก็ไม่เสียใจเลยแม้แต่น้อย ขอเพียงแค่ข้าได้รักเจ้าได้ดูแลเจ้าได้อยู่กับเจ้า แม้จะเป็นเพียงหนึ่ง วัน สองวัน เจ็ดวัน หนึ่งเดือน หนึ่งปี หรือตลอดชี
ตอนที่ 96 ข้าไม่ยินดีสำหรับงานมงคลสมรสในครานี้เฟยหลงมองดูแม่นางเพ่ยเพ่ยที่กระโดดโลดเต้นไปมาราวกับว่านางนั้นกำลังทำสิ่งที่เฝ้ารอจนสำเร็จ ด้วยความดีใจของสตรีผู้นี้ที่ดูจะดีใจเกินกว่าปกติทำให้เธอรู้สึกอยากรู้อีกครั้งได้ชะโงกหน้าไปมองที่ตำราเล่มนั้นอีกครา ในตำราหมายเหตุไว้ว่าหากต้องการสิ่งใดให้นึกถึงสิ่งนั้น เป็นการซ้อนวิญญาณของสิ่งมีชีวิตอีกโลกขนานหนึ่ง"สิ่งมีชีวิตอีกโลกหนึ่ง.. เหตุใดในยุคสมัยนี้ถึงรู้เรื่องราวเหล่านี้""ข้าต้องการท่านแม่.. หากข้าสามารถเรียกวิญญาณท่านแม่ได้เรื่องราวพวกนี้ก็จะจบลง แต่หากข้าทำไม่สำเร็จวิญญาณของคนผู้นั้นที่ข้าเรียกมาต้องสะสางเรื่องราวยุ่งเหยิงที่ข้าก่อขึ้นนี้ได้เป็นแน่"แม่นางเพ่ยพูดจบก็ได้วางทุกอย่างลงบนโต๊ะ พร้อมทั้งหยิบเจ้าปลาตัวใหญ่นั้นเดินเข้าไปในครัว แม้ว่าหลี่เฟยหลงจะอยู่ที่นี่อยู่นาน แต่เธอกลับไม่รู้ว่าที่แห่งนี้ส่วนนั้นเป็นครัวที่สามารถทำอาหารได้ เพียงแต่ไม่มีอุปกรณ์ใดที่ใช้ในการทำอาหารอะไรสักอย่าง เธอมองดูแม่นางเพ่ยเพ่ยที่ใช้พลังสีทองของตนในการถอดเกล็ดปลาเสียบไม้แล้วย่าง นางใช้พลังของตนเองในการทำจนหมดสิ้นราวกับไม่ว่าเธอจะไปอยู่ที่แห่งใดย่อมไม่อด
ตอนที่ 95 ซ้อนวิญญาณวิชาต้องห้ามสตรีผู้นี้แผดเสียงดังสนั่นไปทั่วทั้งห้องขัง สาดคำพูดต่อว่าสตรีที่สูงส่งผู้นี้อย่างไม่ได้รู้สึกเกรงกลัว แต่นอกจากที่พระสนมเอกจะไม่ได้รู้สึกโกรธเคืองหรือไม่พอใจแล้ว นางกลับกำลังยกยิ้มอย่างชอบใจสายตาคู่นั้นของแม่นางเพ่ยเพ่ย มองไปทางน้องชายที่ถูกลากออกไป ราวกับหมูหมากาไก่เปรียบเหมือนว่าเขานั้นไม่ใช่สิ่งมีชีวิต ความรู้สึกคับแน่นในอกเริ่มทำให้นางไม่มีทางเลือก หากนางไม่ทำตามคำที่สนมเอกบอก ชีวิตของน้องชายนางไม่รอดแน่ แต่หากนางทำเรื่องที่พระสนมต้องการนั่นถือว่าเป็นเรื่องใหญ่มากสำหรับเธอ หากมันสำเร็จก็ไม่ได้หมายความว่าชีวิตของเธอและน้องชายจะรอด แต่ก็ไม่ได้มีอะไรการันตีว่าทั้งสองจะไม่รอด"เจ้าคิดให้ดีหากเจ้าทำมันสำเร็จข้ารับรองว่าชีวิตของเจ้าและน้องชายเจ้า จะเดินทางออกจากแคว้นฉวางอย่างปลอดภัยหายห่วง.. แต่หากเจ้าไม่ยินดีข้าจะ นำหัวของน้องชายเจ้ามาคืนให้เจ้า.. เจ้าว่าเช่นนี้ดีหรือไม่"แม่นางเพ่ยเพ่ยทำได้เพียงจ้องมองไปที่น้องชายของตนเอง ที่กำลังหายลับไปจนสุดสายตา ก่อนจะสลับมามองพระสนมเอกที่มีนิสัยละโมบโลภมาก เธอไม่รู้เลยว่าทางออกของเธอควรเป็นอย่างไร เธอรู้เพียงแต่ใน
ตอนที่ 94 เจ้ามันปีศาจเธอตะโกนออกมาด้วยเสียงที่ดังก้องกังวานอย่างไม่มีที่สิ้นสุดจนรู้สึกแสบคอ ก่อนจะเด้งตัวมานั่งขัดสมาธิพร้อมทั้งกอดอก อย่างคนที่หงุดหงิด สายตาของเธอกวาดมองไปรอบ ๆ อีกครั้งก่อนจะหลับตาลงเล็กน้อย"ถ้าหงายหลังนอนอีกครั้งจะไปตกที่หลังคาวังหลวงหรือเปล่านะ" แม้ว่าเธอจะคิดเล่น ๆ แต่ทันทีที่เธอหงายหลังนอนลงไปอีกครา ร่างกายของเธอรู้สึกเบาหวิวอีกครั้ง"กำลังเดินทางอีกแล้วสินะ" เธอไม่แม้แต่จะลืมตามามองรอบกาย ทำได้เพียงแค่กอดอกพร้อมปล่อยร่างกายของตัวเองให้ไหลไปตามกระแสลมที่ได้รับฟึ่บ!แต่ครั้งนี้เธอรู้สึกว่าตนเองนั้นตกลงมาที่กองฟางเห็นจะได้ ดวงตาทั้งสองเปิดขึ้นเห็นเพียงแค่ความมืดสนิท เธอค่อย ๆ ใช้มือทั้งสองคลำไปรอบกายรับรู้ได้ว่ามันคือกองฟางจริง ๆ เฟยหลงดันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งพร้อมทั้งสอดสายตามองหาแสงสว่าง"จับมัน!" เธอต้องตกใจเมื่อได้ยินเสียงของผู้ชายคนหนึ่งเอ่ยคำสั่งที่น่ากลัว พร้อมทั้งเสียงฝีเท้าอีกหลายคู่วิ่งเข้ามาในกระท่อมหลังนี้ สองเท้าของเธอก้าวเดินออกไปข้างหน้าตามแสงสว่างที่มีเพียงน้อยนิดนั้น เธอแอบมองจากด้านในเห็นทหารมากมายในชุดดำกำลังจับสองพี่น้องที่ไม่มีทีท่าว่าจะร้
ตอนที่ 93 ความหลังของเพ่ยเพ่ยตู้ม!!แต่ไม่รู้ว่าเป็นเคราะห์ซ้ำหรือกำซัด ทันทีที่ก้นของเธอแตะที่ปุยเมฆขาวนุ่มฟูนั้นร่างกายของเธอก็ได้ตกลงไปในสระน้ำแห่งหนึ่งจนเนื้อตัวเปียกปอนฟู่ว~ทันทีที่เธอนั้นตะเกียกตะกายขึ้นโผล่พ้นน้ำ ริมฝีปากบางได้พ่นลมหายใจออกมาอย่างแรงเพื่อฮุบเอาอากาศด้านบน สายตาของเธอกวาดมองไปรอบกายเห็นกระท่อมที่คุ้นตา เฟยหลงจดจำกระท่อมหลังนี้ได้แม่นยำอย่างไม่มีวันลืม"ทำไมจู่ ๆ ถึงได้กลับมาที่กระท่อมกลางป่าอีกแล้ว" แม้ว่าจะสงสัยอยู่ไม่น้อย แต่บัดนี้หลี่เฟยหลงกำลังตะเกียกตะกายให้ตัวเองขึ้นมาจากในสระ ทันทีที่ร่างกายที่เปียกปอนของเธอปะทะเข้ากับสายลมที่พัดเข้ามาไม่ขาดสายทำให้รู้สึกหนาวเหน็บอยู่ไม่น้อย สองเท้าค่อย ๆ เดินขึ้นไปทางกระท่อมหลังนั้น ทุกอย่างดูไม่ผิดปกติจากที่เธอเห็นก่อนหน้านี้สักเท่าไหร่ เพียงแต่ที่แห่งนี้กลับรู้สึกว่ามีชีวิตชีวามากกว่าเมื่อคราวที่เธอมาในครั้งนั้นอยู่มาก"ท่านยาย.. ยาบำรุงนี้ปรุงอย่างนี้ใช่หรือไม่" ยังไม่ทันที่เธอจะผลักประตูเข้าไป หลี่เฟยหลงได้ยินเสียงของคนผู้หนึ่งดังขึ้นภายในกระท่อมหลังนั้น"ไม่ใช่! สมุนไพรชนิดนี้ไม่สามารถเป็นยาบำรุงได้เจ้าไปเอาชิ้นน
ตอนที่ 92 ข้าเองก็ไม่รู้ว่าจะอยู่รอท่านได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่ทั้งสองเมื่อได้รับการพ้นโทษจึงได้เร่งเดินทางกลับเข้าจวนทันที ระหว่างทางที่เธอและเขาผ่านนั้น ทั้งคู่พบว่ามีประกาศว่าสกุลเจิงเป็นผู้บริสุทธิ์ทำให้ทั้งสองรู้สึกยินดีเป็นอย่างมากทั้งสองเดินทางมาจนถึงหน้าจวน เฟยหลงมองไปยังประตูที่ช่างดูเงียบเหงาจนหัวใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ อวี้เจินปรายตามองใบหน้าของเธอเล็กน้อยส่งยิ้มให้เธอก่อนจะใช้มือหนาคว้าข้อมือของเธอไว้ เขาใช้อีกอีกข้างดันเพื่อเปิดประตูหน้าของจวนสกุลเจิง ทันทีที่ประตูจวนเปิดออก ภาพที่เขาเห็นนั้นทำให้ทั้งสองยิ้มกว้างออกมาด้วยความยินดี ท่านแม่ทัพใหญ่เจิงเถาฮ่วน สหายเจิงเจียอวี่ พร้อมด้วยข้ารับใช้ในจวนทั้งหมดกำลังยืนต้อนรับทั้งสอง อยู่ก่อนแล้ว"ยินดีต้อนรับกลับจวนขอรับท่านพ่อ น้องรอง และทุกท่านด้วย" เจิงอบุตรีจินเอ่ยกับทุกคนด้วยน้ำเสียงสดใสพร้อมด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม"ยินดีต้อนรับแม่ทัพน้อยเจิงกลับบ้าน" และเป็นเสียงของผู้เป็นบิดาของจวนเอ่ยต้อนรับเขาเช่นกัน"ยินดีต้อนรับแม่นางที่พ้นโทษ.. ได้รับคืนความบริสุทธิ์" ก่อนที่แม่ทัพใหญ่จะหันมาพูดกับเธอด้วยใบหน้าที่นึกขอบคุณไม่เพียงเท่านั้
ตอนที่ 91 ปิดคดีเฟยหลงเอ่ยออกมากับตัวเองเบา ๆ เมื่อยามที่เธอนั้นนั่งอยู่ที่ศาลาริมน้ำมองดูดอก บัวด้วยสายตาที่ไม่ยินดียินร้ายเดิมทีแล้วท่านยายบอกว่าร่างกายของอาเพ่ยนั้นจะอยู่ได้อีกหนึ่งเดือน แต่สิ่งที่เธอทำผิดพลาดอีกครั้ง คือพลังของเธอไม่สามารถขับพิษในร่างกายของฮ่องเต้ได้จนหมด หากเป็นเช่นนั้นร่างกายของฮ่องเต้ที่เคยชินกับพิษนี้ จะสามารถสร้างมันขึ้นมาได้ใหม่ สิ่งที่จะทำให้พระองค์หายขาดได้จึงไม่ใช่การขับออก แต่เป็นการดึงพิษทั้งหมดเข้ามาในร่างของเธอต่างหาก"เจ้าอยู่ในวังเบื่อหรือไม่" เสียงของเจิงอวี้เจินดังขึ้นทางด้านหลัง ทำให้เธอนั้นรีบหันไปมองชายอันเป็นที่รักพร้อมทั้งส่งรอยยิ้มให้เขา ก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อยเป็นการตอบรับ"ข้าเบื่อมาก" เธอเดินเข้าไปหาเขาอย่างว่าง่ายก่อนจะใช้สองมือเล็กกอดรอบแขนของเขาเอาไว้อย่างออดอ้อน ใช้ใบหน้าหวานซุกไปที่ทรวงอกของเขาก่อนค่อย ๆ ช้อนสายตาขึ้นมองใบหน้าของบุรุษผู้นี้อวี้เจินหันมองรอบกายซ้ายขวาเล็กน้อยก่อนจะก้มลงจุมพิตที่ริมฝีปากของเธออย่างรวดเร็วแล้วผละออก"ท่านทำอะไรเนี่ย""ก็ที่เจ้าออดอ้อนข้าเช่นนี้ไม่ใช่อยากให้ข้าทำเช่นนี้งั้นหรือ""ท่านไปร่ำเรียนความหน้า
ตอนที่ 90 นับเวลาถอยหลังกับชีวิตที่เหลืออยู่"ความยากลำบากที่หม่อมฉันได้รับ! เด็กสาวที่เคยร่าเริง.. ชื่นชอบการอ่านตำรา ปักผ้า ทำอาหาร มีความสุขกับครอบครัว.. เพียงแค่ชั่วข้ามคืน! ต้องกลายเป็นสตรีที่ไม่มีแม้แต่ที่ซุกหัวนอน! ไม่สามารถบอกใครได้ว่ามาจากตระกูลไหน!”“ทำได้เพียงขอข้าวขอน้ำดั่งขอทานข้างถนน! ไม่มีผู้ใดเหลียวแล.. ซุกหัวนอนตามรางหญ้า บางคราก็ต้องแย่งข้าวกับสุนัขเพื่อประทังชีวิต! โดนทำร้ายหยามเหยียดจนแทบไม่เหลือความเป็นคน! พระองค์รู้หรือไม่กว่าที่หม่อมฉันจะเข้ามาทำให้พระองค์สะดุดตาได้มิใช่เรื่องง่าย ความแค้นที่สุมอยู่ในอกของหม่อมฉันมันเกือบจะสำเร็จอยู่แล้ว.. หากว่านางหมอพิษผู้นั้นไม่หักหลังหม่อมฉัน! ป่านนี้พระองค์ได้ลงไปเฝ้ายมโลกแล้วกับท่านพ่อหม่อมฉันไปแล้ว!""ข้าว่าเจ้าเข้าใจผิดไปใหญ่แล้ว.. ข้ามีเหตุผลของข้า หากเมื่อครานั้นพ่อของเจ้าไม่คิดก่อกบฏข้าย่อมไม่ทำร้ายผู้บริสุทธิ์เป็นแน่""โกหก! พระองค์อย่ามาโกหกกับหม่อมฉัน! พ่อของหม่อมฉันไม่มีทางคิดก่อกบฏเป็นแน่! ท่านใส่ร้ายครอบครัวข้า ฆ่าครอบครัวข้าล้างตระกูลยังไม่พอ.. เวลานี้พระองค์ยังคิดจะใส่ร้ายตระกูลข้า! ท่านยังมีความเป็นคนอยู่หรือ