ตอนที่ 14 ดินแดนแคว้นฉวาง [2]
“อาอวี่.. เจ้าพักที่นี่งั้นหรือ” เพราะเธอจำได้ว่าในนิยายของเธอ จวนแห่งนี้คือจวนของแม่ทัพใหญ่เจิงเถาฮ่วน เหตุใดเจียอวี่ถึงพามาที่นี่และเหตุใดเจียอวี่ถึงรู้จักแม่ทัพเจิง หรือว่าที่นี่จะเพียงแค่ชื่อคล้ายกัน อาจจะไม่ใช่แม่ทัพเจิงดั่งในนิยายนั่นก็เป็นได้
“นี่คือจวนของท่านพ่อข้า.. แม่ทัพเจิง.. เจิงเถาฮ่วน เจ้าเคยได้ยินนามนี้หรือไม่” เจียอวี่พูดขึ้นด้วยความภูมิใจ สายตา น้ำเสียง แสดงออกถึงความภูมิใจอย่างเห็นได้ชัด
“แม่ทัพเจิงเถาฮ่วน.. คือท่านพ่อเจ้างั้นหรือ” แปลก แต่กลับเป็นเรื่องจริง เธอจำได้อย่างดีว่าในนิยายที่เธอแต่งนั้น แม่ทัพใหญ่เจิงเถาฮ่วนไม่มีครอบครัว ไม่ยุ่งสตรี นั่นยิ่งไร้บุตร เหตุใดถึง..
“เจ้าอาจจะไม่เคยได้ยินแต่ไม่เป็นไร.. พวกเราเข้าไปด้านในกันก่อนเถอะ” เจียอวี่เอ่ยขึ้นพร้อมทั้งพาอ้อมไปยังโรงเลี้ยงม้า ก่อนจะพากันเดินเข้ามาในจวน
“คุณชายรองกลับมาแล้วหรือขอรับ” เสียงของชายที่มีใบหน้าหล่อเหลา สะอาดสะอ้าน แต่การแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่ค่อนข้างจะธรรมดาไปเสียหน่อย เดาว่าน่าจะเป็นบ่าวรับใช้ในจวนเป็นแน่
“ข้ากลับมาแล้ว.. เจ้าช่วยบอกคนเตรียมห้องพักให้สหายของข้าสักสองห้อง” เจียอวี่เอ่ยกับชายผู้นี้ด้วยน้ำเสียงนิ่มนวลก่อนจะพาพวกเขาทั้งสองคนเดินเข้ามายังห้องโถงในเรือนหลัก
หลี่เฟยหลงหันมองโดยรอบ พร้อมทั้งกวาดสายตามองจวนเจิงที่ค่อนข้างใหญ่และกว้างมากด้วยความตื่นเต้น มีเรือนเล็กเรือนน้อยมากมายล้อมรอบ นั่นยิ่งทำให้เธอเข้าใจได้อย่างถ่องแท้ว่าตอนนี้เธอไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าต่อไปเธอนั้นจะพบกับเหตุการณ์ใด ทุกอย่างคล้ายว่าจะเหมือนนิยายที่เธอแต่งอยู่มาก แต่กลับมีหลายอย่างที่ไม่ใช่ มันช่างดูวุ่นวายและต่างจากที่เธอเขียนไว้มากโข ราวกับที่นี่เป็นโลกขนานของนิยายที่เธอแต่งอย่างไรอย่างนั้น
“อาอวี่.. เจ้ากลับมาแล้วงั้นหรือ” เสียงที่ฟังดูน่าเกรงขามแต่กลับนุ่มทุ้มน่าฟังของชายมีอายุ ดังขึ้นทันทีเมื่อพวกเราเหยียบย่างเข้ามาในจวน
“กลับมาแล้วขอรับท่านพ่อ.. สองคนนี้คือสหายร่วมเดินทางของลูกขอรับ” เฟยหลงและเสี่ยวจ๋ายทำความเคารพบุรุษเจ้าของจวนผู้นี้ ก่อนจะถูกเชิญให้มานั่งทานอาหารพร้อมกันอย่างไม่ถือสา ไม่เพียงทานอาหารร่วมกันแต่ทั้งสี่คนกำลังพูดคุยกันเรื่องจิปาถะทั่วไปราวกับว่ารู้จักกันมานาน
ผ่านไปนานกว่าชั่วยามที่เฟยหลงนั่งฟังสองพ่อลูกสนทนากันอย่างออกรสออกชาติ เธอนั่งจิบชาอย่างสบายใจ ก่อนจะหันไปมองเสี่ยวจ๋ายที่พอหนังท้องตึงก็ทำทีขอตัวออกไปเดินเล่น
“ห้องพักพวกเจ้าน่าจะเรียบร้อยแล้ว.. ข้าพาพวกเจ้าไปดู” เจียอวี่พาหลี่เฟยหลงเดินลัดเลาะมายังเรือนด้านหลัง ที่ค่อนข้างไกลจากเรือนหลักพอสมควร ระหว่างทางก็พบเสี่ยวจ๋ายที่แอบนอนใต้ต้นไม้ข้างบ่อบัวด้วยความสบายใจอย่างน่าหมั่นไส้
“มีเวลาไม่มาก.. เด็กทำความสะอาดได้เพียงเท่านี้เจ้าอยู่ได้หรือไม่” เฟยหลงพยักหน้าให้เจียอวี่อย่างไม่ต้องคิด สองเท้าของเธอนั้นเดินเข้ามาด้านในอย่างชื่นชม ห้องพักแห่งนี้จัดได้ว่าสวยงามและสะอาดสะอ้านเป็นอย่างมาก ทั้งกว้างขวางและดูดีมากกว่ากระท่อมที่เธอหลุดเข้าไปหลายเท่า
“ของเจ้าไม่ใช่ที่นี่!” เธอหันไปมองเจียอวี่ที่ดึงชายเสื้อของเสี่ยวจ๋ายเอาไว้ เมื่อเห็นว่าเจ้าจิ้งจอกขาวนั้นปรือตามาแต่เมื่อใดไม่รู้กำลังก้าวเท้าตามเธอเข้ามาด้านใน
“ข้าแค่จะเข้าไปตรวจดูว่าปลอดภัยต่ออาเพ่ยหรือไม่ก็เท่านั้น” ทั้งสองจ้องหน้ากันราวกับจะกินเลือดกินเนื้อและท่าทางของเสี่ยวจ๋ายที่อิดออดก่อนจะถูกเจียอวี่ดึงออกไป ยังห้องข้างกันในเวลาที่รวดเร็ว ภาพที่ทั้งสองถกเถียงกันนั้นยิ่งสร้างความขบขันให้เธอได้เป็นอย่างดี
“คุณชายรองให้ข้าน้อยนำชุดมาให้เจ้าค่ะ” เธอหันไปตามเสียงพบว่าเป็นสาวใช้หน้าตาน่ารักสมวัยนางหนึ่ง เดินถือเสื้อผ้าเข้ามาวางให้อย่างนอบน้อม
“ข้าจะไปอาบน้ำได้ที่ไหนงั้นหรือ” หลี่เฟยหลงเอ่ยถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความเกรงใจ ก่อนที่สาวใช้จะตอบคำถามแล้วเดินกลับออกไปทันที หลี่เฟยหลงใช้เวลาในการทำธุระส่วนตัวของตนเองไม่นานนัก จนเมื่อเธอนั้นกลับเข้ามาด้านในห้องพักอีกครา
ครั้นเมื่อตอนสว่างที่แห่งนี้ค่อนข้างมีชีวิตชีวาอยู่มาก แต่เมื่อตกดึกจวนแห่งนี้ค่อนข้างเงียบสงบจนแทบจะเรียกว่าวังเวงเสียอย่างนั้น เฟยหลงถือวิสาสะเดินออกมานอกจวน สองเท้าก้าวเดินไปเรื่อย กวาดสายตามองนั่นมองนี่ พร้อมทั้งเธอยังพยายามนึกว่าตอนที่เธอแต่งนิยายถึงจวนเจิงนั้น ที่แห่งนี้มีจุดเด่นใดหรือไม่ แต่เมื่อนึกยังไงเธอก็นึกไม่ออกราวกับว่าในเนื้อหานิยายนั้น เธอไม่ได้ให้คุณค่าที่นี่เสียเท่าไหร่ จนเมื่อเธอเดินไปเรื่อย ๆ ตามทางเดินของเรือนนี้
สายตาของเฟยหลงนั้นสะดุดตากับเรือนหลังใหญ่ที่อยู่ห่างไปจากเรือนที่พักค่อนข้างไกล ความรู้สึกถูกชะตาตั้งแต่ครั้งแรกที่พบมันเป็นเช่นนี้นี่เอง เรือนหลังนั้นขนาดไม่ได้ต่างจากเรือนอื่นเสียเท่าไหร่ เพียงแค่โดดเด่นเพราะตั้งอยู่ไกลความวุ่นวาย นั่นอาจจะหมายถึงเจ้าของเรือนนั้นชอบความสงบสุขกระมัง หน้าเรือนหลังนี้มีต้นท้อต้นใหญ่ที่กำลังออกดอกจนเต็มต้น
หลี่เฟยหลงเพ่งสายตามองไปโดยรอบอย่างสนใจใคร่รู้ แต่สิ่งที่สะดุดตาเธอที่สุดนอกจากต้นท้อนั้น คือสิ่งที่อยู่บนต้นท้อมากกว่าที่ดึงความสนใจของสายตาของเธอได้เป็นอย่างดี หลี่เฟยหลงจ้องมองมันเป็นอย่างดีแล้ว เมื่อเห็นว่าสิ่งนั้นคืออะไรสองเท้าของเธอรีบก้าวไปตามทางที่ทอดไปยังเรือนหลังนั้นอย่างเร่งรีบพร้อมรอยยิ้มที่ยกขึ้นที่มุมปาก
“เจ้าจะไปไหน!” แต่ยังไม่ทันที่เธอนั้นจะได้ตรงไปยังเรือนหลังนั้น เป็นเฟยหลงที่ต้องตกใจเมื่อคนที่มาคว้าแขนเธอไว้นั้นคือเสี่ยวจ๋าย ที่เพิ่งเดินออกมาจากด้านหลัง และเขาเองที่กำลังจ้องมองเธอตาเขม็งด้วยสายตาที่ดุดันอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
“เจ้า!” เฟยหลงมองหน้าเสี่ยวจ๋ายอย่างตกใจ พร้อมทั้งสลับไปเพ่งมองไปยังต้นท้อต้นนั้นอีกครั้ง ซึ่งเธอมั่นใจเป็นอย่างมากว่าภาพที่เธอเห็นคือจิ้งจอกสีขาวที่ยืนสะบัดหางบนกิ่งท้อและกำลังมองมาที่เธอเป็นแน่ ทว่าบัดนี้ที่ตรงนั้นกลับว่างเปล่า..
“ก็ข้านะสิ.. เหตุใดทำหน้าราวกับเห็นผี” เสี่ยวจ๋ายอ้าปากหาวพร้อมกับปล่อยแขนของเธอลงอย่างนิ่มนวล
“เจ้าไปนอนเถอะ.. ข้าง่วงแล้ว” เพราะไม่รู้ว่าสิ่งที่เธอเห็นเป็นเพียงสายตาที่พร่าเรือนหรือว่ามันคือเรื่องจริง แต่เชื่อมั่นได้ว่าตอนที่เสี่ยวจ๋ายจับแขนเธอนั้น สายตาของเธอที่ยังจ้องที่ต้นท้อนั้นและเห็นชัดว่ามีจิ้งจอกสีขาวอีกตัว นั่นหมายความว่าไม่น่าจะเป็นเสี่ยวจ๋าย หรือในมิตินี้มีจิ้งจอกเกลื่อนไปหมดกันนะ ไม่สนใจแล้ว!
“เจ้ามาทำไม” เสี่ยวจ๋ายเอ่ยถามหญิงสาวที่นั่งกินลูกท้อด้วยใบหน้าสบายใจ พร้อมทั้งนางยังใช้หางตาจ้องมองลงมาที่เขาก่อนจะเบือนหน้าไปอย่างไม่สนใจคำถามของเขาเท่าไหร่นัก
“เฉินฉี! เจ้าตกลงมาถงอวิ๋นเมิ่งแค่นี้ เหตุใดไม่ยอมกลับขึ้นไปเสียที เจ้าจะบอกว่าเจ้ากลับไม่ถูกงั้นหรือ ที่นี่สำหรับเจ้าแล้วเป็นเพียงสถานที่ผ่อนคลายที่กระดิกนิ้วคราเดียวเจ้าก็กลับได้แล้ว เหตุใดยังอยู่ที่นี่” เธอเอ่ยถามยาวเหยียด พร้อมทั้งกระโดดลงมายืนตรงหน้าเขาใช้สายตาคมกริบจ้องเข้าไปในตาอย่างกดดัน
“ข้า..” และคงเป็นเสี่ยวจ๋ายที่อึกอักไม่ยอมตอบคำถามนั้น จนสตรีด้านหน้าเริ่มมีอาการไม่พอใจขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
“ข้า! ข้า! ข้าอะไรกันเล่า! เจ้าเป็นถึงทายาทของจิ้งจอกเก้าหาง เป็นถึงว่าที่ผู้นำของหุบเขาฉางเฉียน เหตุใดเจ้าถึงมีเวลามัวมาวิ่งเล่นกับมนุษย์ประหลาดเช่นนี้”
“เจ้าหุบปากไปเลยซูเซียว! เจ้าไม่มีสิทธิ์มาว่าร้ายผู้มีพระคุณของข้า”
“หึ! เจ้าคงไม่ได้ถูกใจแม่นางมนุษย์ผู้นั้นจนไม่ยอมกลับหรอกใช่ไหมจ๋ายเฉินฉี!”
“ข้าทำอะไรข้าย่อมมีเหตุผลของข้า”
“แต่เจ้าต้องไม่ลืมว่าเจ้ามีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ.. และข้าจะไม่ยอมให้เจ้าทำผิดพลาดเด็ดขาด”
“เหตุใดข้าต้องมารู้จักจิ้งจอกน่ารำคาญเช่นเจ้ากันนะ” เสี่ยวจ๋ายเอ่ยก่อนจะสะบัดหน้า ก้าวเดินกลับมุ่งหน้าไปทางห้องพัก แต่ทันทีที่เท้าของเขากำลังจะก้าวเข้าไปยังห้องพัก เสี่ยวจ๋ายนั้นได้ปรายหางตากลับไปมองจิ้งจอกขาวอีกตัวที่ยื่นสะบัดหางทั้งเก้าพิงต้นท้อมองเขาด้วยความรู้สึกที่ไม่อาจบรรยายออกมาได้
“ข้าไม่ลืมหน้าที่ของข้าเป็นแน่.. ข้าจะรีบกลับไป” เสี่ยวจ๋ายเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ก่อนจะเดินลับหายไปยังห้องพักโดยที่ไม่หันกลับมาอีกแม้แต่น้อย
“ข้าจะรอเจ้า..”
ตอนที่ 15 ลับลมคมใน [1]“ข้าจะรอเจ้า..” แม้จะตอบบุรุษผู้นี้ออกไปด้วยเสียงเข้มแข็งและหนักแน่น แต่ใจส่วนที่ลึกที่สุดของนางแล้วนั้น กลับไม่รู้เลยว่าคำว่าจะกลับไปของจ๋ายเฉินฉีนั้นคือเมื่อใด ไป๋ซูเซียวมองตามหลังของเฉินฉีด้วยสายตาที่ไม่อาจจะคาดเดาความหมายได้ จนร่างของเจ้าจิ้งจอกขาวนั้นหายไปจนพ้นสายตาเซิงเซียนหยุน“เป็นอย่างไรบ้าง.. เจ้าเจอเสี่ยวจ๋ายหรือไม่” เสียงหวานละมุนของเหมยซินซูเซียนบุปผาหนึ่งเดียวแห่งยอดเขาเซิงเซียนหยุน เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ทั้งกังวลและตื่นเต้น เมื่อเห็นว่าสหายซูเซียวนั้นเดินทางกลับมาถึงป่าท้อเมื่อครู่ เมื่อไม่กี่ชั่วยามก่อน ซินซูได้ไหว้วานให้จิ้งจอกขาวเก้าหางหางแดงอย่างเธอนั้น ไปตามหาจิ้งจอกขาวเก้าหางหางฟ้าที่ถูกพายุประหลาดพัดหล่นหายไปเมื่อหลายวันก่อน เธอค่อนข้างมั่นใจ ว่าหากตกลงไปจากป่าท้อนั้นย่อมลงไปโลกมนุษย์เป็นแน่ แต่เมื่อมานั่งตระหนักว่าแล้วเหตุใดเสี่ยวจ๋ายถึงยังไม่กลับมานางก็อดเป็นห่วงไม่ได้“เจอแล้ว.. เจ้าเลิกเป็นห่วงได้แล้ว” ซูเซียวเอ่ยตอบสหายซินซูด้วยท่าทางไร้อารมณ์อย่างเห็นได้ชัดว่านางนั้นอารมณ์ไม่ค่อยจะดีนัก ซินซูจึงทำเพียงมองสหายผู้นี้อย่างเงียบเชียบ
ตอนที่ 16 ลับลมคมใน [2]และเพราะความไม่สบายใจที่สุมอยู่ในอกนั้น ทำให้หลี่เฟยหลงต้องดันตัวเองลุกให้ขึ้นมาอีกครั้ง ใบหน้าหวานเบือนไปจ้องยังประตูหน้าห้องพักอย่างชั่งใจ เธอใช้เวลานั่งจ้องประตูนั้นอยู่เกือบหนึ่งเค่อ สลับกับปรายตามามองยังโต๊ะข้างเตียงอย่างคิดหนักเอาการดวงตาสีน้ำตาลเข้มจ้องมองลูกดอกที่ยังคงปักอยู่ข้างโต๊ะไม้ ก่อนจะเอื้อมมือไปแตะมันอย่างเบามือพร้อมทั้งดึงมันออกมาห่อด้วยผ้าผืนบาง เมื่อรู้สึกว่าหากอยู่เช่นนี้อย่างไรจิตใจก็ไร้ทางที่จะสงบ เฟยหลงจึงตัดสินใจก้าวสองเท้าของเธอย่องอย่างเชื่องช้าราวกับว่าเธอนั้นเป็นโจรย่องเบามายังประตูหน้าห้องพัก เธอเอียงหน้าใช้หูแนบบานไม้เพื่อฟังเสียงของด้านนอก เมื่อเธอไม่ได้ยินเสียงอื่นใดนอกจากความสงัด มือเรียวยกขึ้นมาก่อนจะใช้มันดันประตูไม้บานนั้นให้เปิดออกอย่างเบามือที่สุดใบหน้าหวานยื่นออกมาด้านนอกห้องเพียงเล็กน้อย เธอหรี่สายตากวาดมองซ้ายมองขวาก่อนจะยกยิ้มมุมปากอย่างชอบใจ ในเมื่อด้านนอกห้องพักนั้นไม่มีใครในบริเวณนี้ หลี่เฟยหลงจึงรีบก้าวเท้าออกจากห้องพักอย่างเร็วที่สุด ทำทุกอย่างด้วยความเงียบเชียบพร้อมทั้งปิดประตูห้องลงอย่างเบามือเธอยกสองมือขึ้นม
ตอนที่ 17 โรงน้ำชาหม่าเถา [1]โรงน้ำชาหม่าเถา“เจ้าดื่มสุราได้หรือไม่” เจียอวี่เอ่ยถามหลังจากที่เขานั้นพาเธอเดินมาหยุดหน้าโรงน้ำชามีชื่อ“หม่าเถา..” หลี่เฟยหลงแหงนใบหน้าขึ้น อ่านป้ายชื่อของโรงน้ำชาหลังนี้ ก่อนจะพยักหน้าให้เจียอวี่สองเท้าก้าวเดินตามสหายเข้าไปด้านใน ข้าวของเครื่องใช้ทุกอย่างของที่นี่ไม่ต่างจากในซีรีส์ที่เธอดูเลยสักนิด หลี่เฟยหลงกวาดสายตามองโดยรอบอย่างตื่นตา เมื่อกำลังนึกสนุกคิดว่าตนเองนั้นกำลังอยู่ในซีรีส์เรื่องหนึ่งที่เธอมีโอกาสได้เป็นนักแสดง ทั้งสองเดินผ่านโถงกลางร้านที่มีผู้เฒ่าหนวดขาวท่าทางจะใจดี กำลังนั่งเล่านิทานอย่างออกรสออกชาติ เพราะความอยากรู้อยากเห็น ทำให้สายตาของเธอนั้นจดจ้องผู้เฒ่านั้นอย่างนึกสนใจในเรื่องราวที่เขาเล่าขาน“เจ้าอยากฟังงั้นหรือ.. เช่นนั้นเราไปนั่งด้านบนดีหรือไม่” เจียอวี่หันมาเอ่ยถามเธอด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล เมื่อเห็นว่าเฟยหลงนั้นหยุดเดิน พร้อมทั้งยังยืนมองไปที่นักเล่านิทานอย่างไม่ละสายตา“อืม..” แม้ว่าเธอนั้นจะยังไม่ละสายตาจากชายชราผู้นั้น แต่สองเท้าของเธอกลับยังคงก้าวเดินตามเจียอวี่ไม่ห่างปึก!“โอ๊ย!”แต่อาจเป็นเพราะว่าเธอนั้นจะขาสั้นไปนิดทำให
ตอนที่ 18 โรงน้ำชาหม่าเถา [2] ใบหน้าที่หงิกงอของเจ้าจิ้งจอกเก้าหาง แสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจเป็นอย่างมาก และคาดว่าเสียงของเสี่ยวจ๋ายนั้นน่าจะดังเกินพอดี เพราะเพียงแค่คำพูดของเขาเอ่ยขึ้นมานั้น สายตาของผู้ร่ำสุราทั้งหลายในโรงน้ำชาแห่งนี้ได้ปรายตาขึ้นมาจ้องมองพวกเราทั้งสามเป็นตาเดียวเพราะความคุกรุ่นในสายตาของสหายทั้งหลายที่จ้องมองมานั้น เพียงพอให้ตัวของเสี่ยวจ๋ายเริ่มที่จะสังเกตได้ เพราะทันทีที่ทุกสายตาจ้องมาที่พวกเราเจ้าจิ้งจอกตัวนี้ได้เงยหน้าขึ้นจากโต๊ะช้า ๆ พร้อมทั้งปรายตามองไปรอบโรงน้ำชานี้กระอักกระอ่วน“เฮ้ย!” แต่สิ่งที่สร้างความสงสัยให้กับพวกเขาทั้งสอง ก็คงจะเป็นเจ้าจิ้งจอกสีขาวตัวนี้เพราะเหตุใดเขาถึงได้สะดุ้งตกใจจนทั้งสองเริ่มเห็นหางของเขาด้านหลังราง ๆ“เสี่ยวจ๋าย! เก็บหางของเจ้าเดี๋ยวนี้นะ!” หลี่เฟยหลงที่ตกใจเกรงว่าเรื่องที่เจ้าจิ้งจอกน้อยนี้ไม่ใช่มนุษย์จะแตกออกไป เธฮรีบโยนจอกสุราลงโต๊ะอย่างไม่นึกเสียดายใช้มือทั้งสองไปจับหางทั้งเก้าของเขากดไว้แน่นและตัวของเสี่ยวจ๋ายนั้นคงจะตกใจอยู่ไม่น้อยเช่นกัน เขาหันตามเสียงของเฟยหลงไปมองหางสีขาวนุ่มฟูพร้อมทั้งสะบัดมันเก็บเข้าที่อย่างรวดเร็ว
ตอนที่ 19 อาเพ่ย.. เจ้าเป็นใคร [1]ยังไม่ทันที่เรื่องราววุ่นวายทั้งหลายจะได้สงบลงเสียสนิท ข้างโต๊ะของพวกเขาได้ปรากฏร่างของบุรุษหน้าหวานผู้หนึ่ง ชายผู้นี้ยืนจ้องมองใบหน้าของเหมยซินซูด้วยใบหน้าที่บึ้งตึงอย่างเอาเรื่องไม่กะพริบ บุรุษผู้นี้ไม่แม้แต่จะชายตามองผู้อื่นที่อยู่รอบโต๊ะนี้เลยแม้แต่น้อย“แล้วใครใช้ให้เจ้าโกหกข้ากัน..” เหมยซินซูตอบชายผู้นั้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่ได้สะทกสะท้านกับอารมณ์ที่ร้อนรนของเขาแต่อย่างใด นางยกมือเรียวขึ้นโบกไปมาให้แม้ว่าเขาจะยังคงจ้องหน้าของเธออย่างต้องการหาเรื่องอยู่เช่นนั้น แต่มีหรือสตรีผู้นี้จะสนใจ เหมยซินซูนั้นหาได้สนใจไม่ มิหนำซ้ำเธอนั่งนิ่งยกจอกสุราของตนเองขึ้นมากระดกดื่ม ปรายตา ท่าทางราวกับว่ากำลังเยาะเย้ยชายผู้นั้น“เจ้า! ข้าไปโกหกอันใดเจ้ากัน” บุรุษใบหน้าหวานที่เฟยหลงจำได้ว่าเขานั้นได้เดินออกจากโรงเตี๊ยมไปแล้วเป็นแน่ บัดนี้กลับมายืนถกเถียงกับเซียนน้อยเช่นนาง หรือบางคราแล้วบุรุษผู้นี้ก็อาจจะมิใช่มนุษย์กัน“เจ้าเอาข้าไปทิ้งไว้กลางป่า.. เพราะเจ้ารู้อยู่เต็มอกว่าข้าจำทางกลับบ้านไม่ได้ มากไปกว่านั้น.. ในป่ามีแต่สัตว์ร้ายเต็มไปหมด เจ้ายังกล้าทิ้งสตรีเช่นข้าไว
ตอนที่ 20 อาเพ่ย.. เจ้าเป็นใคร [2]สิ้นสุดคำถามของเธอนั้นสังเกตเห็นได้ว่าสตรีผู้นี้ทำเพียงปรายตามามองเธอแค่เล็กน้อยด้วยท่าทางน่าหมั่นไส้ไม่น้อย นางดึงใบหน้ากลับไร้ซึ่งคำตอบใดออกมาจากปากนางเช่นเดิมสตรีลึกลับผู้นี้เดินนำเฟยหลงไปยังทางลับสายหนึ่งที่ห่างไกลจากสายตาผู้คนอยู่มากโข ใช้เวลาเพียงไม่นานที่นางเปิดประตูทางลับเดินเข้ามาในเส้นทางที่คล้ายจะเป็นอุโมงค์ขนาดย่อมที่ดูร้อนชื้นจนอึมครึมเฟยหลงกวาดสายตามองอย่างพิจารณาเป็นอย่างดี พยายามเก็บทุกรายละเอียดหวังเพียงแค่ว่าเธอจะสามารถออกจากเส้นทางนี้ได้อย่างปลอดภัย เส้นทางลับนี้มองด้วยสายตาแล้วช่างคล้ายกับเขาวงกตที่มีระยะทางที่วกไปวนมาเธอเดินตามสตรีผู้นี้ไม่ห่างเมื่อคิดว่าหากหลงอยู่ในนี้เธอคงแห้งตายกลายเป็นโครงกระดูกเป็นแน่ สองเท้าน้อยเดินอยู่เกือบสองเค่อเห็นจะได้ จนทั้งสองนั้นมาโผล่อีกฝั่งของอุโมงค์อย่างปลอดภัยทันทีที่เท้าของเฟยหลงออกมาเหยียบพื้นดิน กลิ่นหอมที่คุ้นเคยจากสมุนไพรหลากหลายชนิดได้ลอยปะทะเข้ากับจมูกของเธอราวกับกำลังต้อนรับเธอภาพเบื้องหน้านั้นปรากฏเป็นกระท่อมไม้หลังใหญ่ที่ดูดีกว่ากระท่อมกลางป่าของเธออยู่มากโข เหล่าบรรดากิ่งไม้ ใบหญ
ตอนที่ 21 คนของสนมเอก [1]ยังไม่ทันที่สองเท้าของหลี่เฟยหลงจะได้ก้าวออกไปดูสมุนไพรพวกนั้นตาที่คิดไว้ ด้านหน้าประตูนั้นมีเสียงของสตรีผู้หนึ่งก็ดังขึ้น แม้ว่าการมาของสนมเอกนั้นจะเป็นสิ่งที่เธอปรารถนามาตลอด แต่เมื่อพระองค์มาด้วยพระองค์เองเช่นนี้กลับรู้สึกหวาดกลัวอยู่ไม่น้อย มือเล็กรีบเปิดประตูด้านหลังก่อนจะเดินไปยืนอยู่กลางห้องโถงด้วยอาการวิตกกังวลอยู่ไม่น้อย“พระสนมมาอย่างงั้นเหรอ.. เอายังไงดีหลี่เฟยหลง คิดสิ คิด!” ความว้าวุ่นใจเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน สองเท้าขยับเดินวนไปวนมาอยู่กลางห้องนั้น ดวงตากลมโปรายตาไปจ้องยังประตูด้านหน้าเรือนอย่างเป็นกังวลไม่ละสายตา ปลายเล็บคมข้างหนึ่งขยับจิกลงไปบนหลังมืออีกข้างสลับกันไปมาด้วยท่าทางหวั่นวิตก ท่าทางเช่นนี้จะเกิดขึ้นทุกครั้งเมื่อเธฮนั้นเป็นกังวลอย่างไม่สามารถแก้ให้หายได้“พระสนมเสด็จ~” ดวงตาหวานยังปรายตามองไปยังต้นทางของเสียงสตรีผู้นั้นที่ดังขึ้นอีกครั้ง ความรู้สึกประหม่าและหวาดกลัวเกาะกุมไปทั่วขั้วหัวใจจนเย็นเยือก แม้ว่าจะท่องในใจเป็นเวลาเกือบเจ็ดวัน ว่าสักวันหนึ่งสนมเอกของเรื่องต้องมาหาเธอเป็นแน่ แต่กลับไม่คาดคิดว่าพระองค์นั้นจะมีผลต่อจิตใจของเธอเช่น
ตอนที่ 22 คนของสนมเอก [2]“เช่นนั้นเจ้ารีบไป.. แล้วเจ้านั้นอย่าได้คิดไม่ซื่อหากเจ้ายังห่วงชีวิตน้องชายของเจ้า.. เจ้าเด็กกู่ป๋ายคนนั้นอยู่” หลี่เฟยหลงถึงกับขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจ พระสนมพูดถึงน้องชายงั้นหรือ เห็นทีว่าเรื่องนี้จะมีเรื่องลับลมคมในอะไรมากกว่าที่คิดเสียแล้ว หรือเพราะเรื่องของน้องชายถึงทำให้อาเพ่ยดึงตัวเราเข้ามาในมิตินี้กัน“เช่นนั้นแล้วน้องชายของหม่อมฉัน.. ตอนนี้อยู่ที่ใดหรือเพคะ”“เจ้ารู้เพียงหากงานนี้เจ้าทำสำเร็จโดยที่ไม่พาดพิงมาถึงข้าได้.. น้องชายของเจ้ากลับไปอยู่ในอ้อมอกของเจ้าแน่นอน” พระสนมซิงถานยกยิ้มมุมปากก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูแล้วช่างเยือกเย็นไปถึงขั้วหัวใจ ก่อนที่พระองค์นั้นจะเดินออกไปจากกระท่อมหลังนี้โดยไม่หันหลังกลับ ทิ้งให้เซนติเมตรลี่เฟยหลงยืนงงกับคำพูดของพระองค์อยู่ที่เดิม“เรื่องที่เรามาอยู่ในมิตินี้.. ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับน้องชายของเพ่ยเพ่ยเป็นแน่” เธอสลัดภาพของพระสนมออกจากสมองทันที สองเท้าก้าวยาวอย่างรวดเร็วตามออกไปดูด้านนอก เวลาเพียงชั่วพริบตาแต่กลับพบว่าพื้นที่หน้ากระท่อมนี้ช่างว่างเปล่า ราวกับไม่เคยมีใครมาเยี่ยมเยียนอย่างไรอย่างนั้น“เ
ตอนที่ 98 เจิงฮูหยิน.. ข้ามาแล้วทั้งสี่ยืนมองเจิงอวี้เจินที่ร้องไห้อย่างน่าสงสาร สองแขนของเขากอดร่างกายของภรรยาเอาไว้แน่น ใบหน้าคมประกบจูบลงที่ริมฝีปากของนางก่อนจะขยับเลื่อนไปหอมแก้มทั้งสองข้างของเธอ พร้อมทั้งจุมพิตที่หน้าผากอย่างอ่อนโยนก่อนจะค่อย ๆ ช้อนตัวของเฟยหลงนั้นขึ้นยืนเต็มความสูงเพื่อเดินอุ้มนางไปวางไว้บนเตียง"ข้าขออยู่ส่งนางจนวินาทีสุดท้ายได้หรือไม่" เขาหันมามองท่านยายหลิงไถที่พยักหน้าให้เล็กน้อย เมื่อเขาได้รับอนุญาตแล้วจึงได้ขึ้นไปนอนคู่กันกับเธอบนเตียง สองแขนกอดร่างกายของเธอเอาไว้แน่นอยากสัมผัสไว้ให้นานที่สุด"พวกเจ้าทั้งสองออกไปรอด้านนอกก่อน ข้าจะเตรียมพิธีและเมื่อถึงเวลาอันสมควรข้าจะให้กู่ป๋ายออกไปเรียกพวกเจ้า" สิ้นสุดคำพูดของท่านยายสหายทั้งสองได้มองใบหน้าของเจิงอวี้เจินและหลี่เฟยหลงอีกครั้งก่อนจะเดินออกไปรอด้านนอกอย่างว่าง่าย"กู่ป๋าย.. เจ้ากลัวหรือไม่" แม้ว่าเจิงอวี้เจินนั้นจะได้ยินเสียงของท่านยายและน้องชายของแม่นางเพ่ยเพ่ยคุยกัน แต่เขากลับได้หาสนใจไม่ เขาไม่สนใจเลยว่าทั้งสองจะพูดเรื่องอะไร เขาสนใจเพียงแต่เขาอยากจะกอดร่างกายของภรรยาของเขาเอาไว้ให้นานที่สุด น้ำตาของชาย
ตอนที่ 97 หากนางอยู่ที่นี่.. นางจะเจ็บปวด"เหตุใดเจ้าถึงไม่ยินดี.. ในเมื่อเรื่องนี้เราทั้งสองนั้นได้คุยกันมาก่อนแล้วไม่ใช่หรือ ว่าหากจบเรื่องราวทั้งหมด ข้าจะให้ท่านพ่อของข้าไปสู่ขอเจ้า""ท่านพี่.. ข้ารักท่านอย่างที่ไม่เคยรักชายใดมาก่อน ท่านเป็นคนแรกที่ทำให้ข้ารู้จักคำว่ารัก คำว่าห่วงใย เพียงแต่ท่านหลงลืมไปแล้วอย่างนั้นหรือว่าข้ามิใช่คนในโลกใบนี้ หากเมื่อเราทั้งสองนั้นได้ตกลงปลงใจเข้าร่วมพิธีสมรสในครั้งนี้ หากข้าต้องสลายกลายเป็นเถ้าธุลีท่านจะอยู่อย่างโดดเดี่ยวข้าไม่ยินดีให้ท่านเป็นเช่นนั้น ข้าไม่ยินดีที่ให้งานมงคลสมรสของเราทั้งคู่เป็นสิ่งที่จะเหนี่ยวรั้งท่าน.. ท่านเข้าใจความรู้สึกของข้าหรือไม่""แม่นางหลี่เฟยหลง.. เช่นนั้นเจ้าฟังคำของข้าให้ดี ต่อให้ในโลกใบนี้หรือใบไหน หากเจ้าอยู่ที่ใดข้าขอให้คำมั่นสัญญาต่อฟ้าดินเพื่อเป็นพยาน ข้าจะรักเพียงเจ้าจะติดตามเจ้า ไปทุกที่ หรือต่อให้เจ้าจะทิ้งข้าไว้ในที่แห่งนี้ ทะเลเพลิง ภูเขาน้ำแข็งหรือต้องตายกี่ครั้ง ข้าก็ไม่เสียใจเลยแม้แต่น้อย ขอเพียงแค่ข้าได้รักเจ้าได้ดูแลเจ้าได้อยู่กับเจ้า แม้จะเป็นเพียงหนึ่ง วัน สองวัน เจ็ดวัน หนึ่งเดือน หนึ่งปี หรือตลอดชี
ตอนที่ 96 ข้าไม่ยินดีสำหรับงานมงคลสมรสในครานี้เฟยหลงมองดูแม่นางเพ่ยเพ่ยที่กระโดดโลดเต้นไปมาราวกับว่านางนั้นกำลังทำสิ่งที่เฝ้ารอจนสำเร็จ ด้วยความดีใจของสตรีผู้นี้ที่ดูจะดีใจเกินกว่าปกติทำให้เธอรู้สึกอยากรู้อีกครั้งได้ชะโงกหน้าไปมองที่ตำราเล่มนั้นอีกครา ในตำราหมายเหตุไว้ว่าหากต้องการสิ่งใดให้นึกถึงสิ่งนั้น เป็นการซ้อนวิญญาณของสิ่งมีชีวิตอีกโลกขนานหนึ่ง"สิ่งมีชีวิตอีกโลกหนึ่ง.. เหตุใดในยุคสมัยนี้ถึงรู้เรื่องราวเหล่านี้""ข้าต้องการท่านแม่.. หากข้าสามารถเรียกวิญญาณท่านแม่ได้เรื่องราวพวกนี้ก็จะจบลง แต่หากข้าทำไม่สำเร็จวิญญาณของคนผู้นั้นที่ข้าเรียกมาต้องสะสางเรื่องราวยุ่งเหยิงที่ข้าก่อขึ้นนี้ได้เป็นแน่"แม่นางเพ่ยพูดจบก็ได้วางทุกอย่างลงบนโต๊ะ พร้อมทั้งหยิบเจ้าปลาตัวใหญ่นั้นเดินเข้าไปในครัว แม้ว่าหลี่เฟยหลงจะอยู่ที่นี่อยู่นาน แต่เธอกลับไม่รู้ว่าที่แห่งนี้ส่วนนั้นเป็นครัวที่สามารถทำอาหารได้ เพียงแต่ไม่มีอุปกรณ์ใดที่ใช้ในการทำอาหารอะไรสักอย่าง เธอมองดูแม่นางเพ่ยเพ่ยที่ใช้พลังสีทองของตนในการถอดเกล็ดปลาเสียบไม้แล้วย่าง นางใช้พลังของตนเองในการทำจนหมดสิ้นราวกับไม่ว่าเธอจะไปอยู่ที่แห่งใดย่อมไม่อด
ตอนที่ 95 ซ้อนวิญญาณวิชาต้องห้ามสตรีผู้นี้แผดเสียงดังสนั่นไปทั่วทั้งห้องขัง สาดคำพูดต่อว่าสตรีที่สูงส่งผู้นี้อย่างไม่ได้รู้สึกเกรงกลัว แต่นอกจากที่พระสนมเอกจะไม่ได้รู้สึกโกรธเคืองหรือไม่พอใจแล้ว นางกลับกำลังยกยิ้มอย่างชอบใจสายตาคู่นั้นของแม่นางเพ่ยเพ่ย มองไปทางน้องชายที่ถูกลากออกไป ราวกับหมูหมากาไก่เปรียบเหมือนว่าเขานั้นไม่ใช่สิ่งมีชีวิต ความรู้สึกคับแน่นในอกเริ่มทำให้นางไม่มีทางเลือก หากนางไม่ทำตามคำที่สนมเอกบอก ชีวิตของน้องชายนางไม่รอดแน่ แต่หากนางทำเรื่องที่พระสนมต้องการนั่นถือว่าเป็นเรื่องใหญ่มากสำหรับเธอ หากมันสำเร็จก็ไม่ได้หมายความว่าชีวิตของเธอและน้องชายจะรอด แต่ก็ไม่ได้มีอะไรการันตีว่าทั้งสองจะไม่รอด"เจ้าคิดให้ดีหากเจ้าทำมันสำเร็จข้ารับรองว่าชีวิตของเจ้าและน้องชายเจ้า จะเดินทางออกจากแคว้นฉวางอย่างปลอดภัยหายห่วง.. แต่หากเจ้าไม่ยินดีข้าจะ นำหัวของน้องชายเจ้ามาคืนให้เจ้า.. เจ้าว่าเช่นนี้ดีหรือไม่"แม่นางเพ่ยเพ่ยทำได้เพียงจ้องมองไปที่น้องชายของตนเอง ที่กำลังหายลับไปจนสุดสายตา ก่อนจะสลับมามองพระสนมเอกที่มีนิสัยละโมบโลภมาก เธอไม่รู้เลยว่าทางออกของเธอควรเป็นอย่างไร เธอรู้เพียงแต่ใน
ตอนที่ 94 เจ้ามันปีศาจเธอตะโกนออกมาด้วยเสียงที่ดังก้องกังวานอย่างไม่มีที่สิ้นสุดจนรู้สึกแสบคอ ก่อนจะเด้งตัวมานั่งขัดสมาธิพร้อมทั้งกอดอก อย่างคนที่หงุดหงิด สายตาของเธอกวาดมองไปรอบ ๆ อีกครั้งก่อนจะหลับตาลงเล็กน้อย"ถ้าหงายหลังนอนอีกครั้งจะไปตกที่หลังคาวังหลวงหรือเปล่านะ" แม้ว่าเธอจะคิดเล่น ๆ แต่ทันทีที่เธอหงายหลังนอนลงไปอีกครา ร่างกายของเธอรู้สึกเบาหวิวอีกครั้ง"กำลังเดินทางอีกแล้วสินะ" เธอไม่แม้แต่จะลืมตามามองรอบกาย ทำได้เพียงแค่กอดอกพร้อมปล่อยร่างกายของตัวเองให้ไหลไปตามกระแสลมที่ได้รับฟึ่บ!แต่ครั้งนี้เธอรู้สึกว่าตนเองนั้นตกลงมาที่กองฟางเห็นจะได้ ดวงตาทั้งสองเปิดขึ้นเห็นเพียงแค่ความมืดสนิท เธอค่อย ๆ ใช้มือทั้งสองคลำไปรอบกายรับรู้ได้ว่ามันคือกองฟางจริง ๆ เฟยหลงดันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งพร้อมทั้งสอดสายตามองหาแสงสว่าง"จับมัน!" เธอต้องตกใจเมื่อได้ยินเสียงของผู้ชายคนหนึ่งเอ่ยคำสั่งที่น่ากลัว พร้อมทั้งเสียงฝีเท้าอีกหลายคู่วิ่งเข้ามาในกระท่อมหลังนี้ สองเท้าของเธอก้าวเดินออกไปข้างหน้าตามแสงสว่างที่มีเพียงน้อยนิดนั้น เธอแอบมองจากด้านในเห็นทหารมากมายในชุดดำกำลังจับสองพี่น้องที่ไม่มีทีท่าว่าจะร้
ตอนที่ 93 ความหลังของเพ่ยเพ่ยตู้ม!!แต่ไม่รู้ว่าเป็นเคราะห์ซ้ำหรือกำซัด ทันทีที่ก้นของเธอแตะที่ปุยเมฆขาวนุ่มฟูนั้นร่างกายของเธอก็ได้ตกลงไปในสระน้ำแห่งหนึ่งจนเนื้อตัวเปียกปอนฟู่ว~ทันทีที่เธอนั้นตะเกียกตะกายขึ้นโผล่พ้นน้ำ ริมฝีปากบางได้พ่นลมหายใจออกมาอย่างแรงเพื่อฮุบเอาอากาศด้านบน สายตาของเธอกวาดมองไปรอบกายเห็นกระท่อมที่คุ้นตา เฟยหลงจดจำกระท่อมหลังนี้ได้แม่นยำอย่างไม่มีวันลืม"ทำไมจู่ ๆ ถึงได้กลับมาที่กระท่อมกลางป่าอีกแล้ว" แม้ว่าจะสงสัยอยู่ไม่น้อย แต่บัดนี้หลี่เฟยหลงกำลังตะเกียกตะกายให้ตัวเองขึ้นมาจากในสระ ทันทีที่ร่างกายที่เปียกปอนของเธอปะทะเข้ากับสายลมที่พัดเข้ามาไม่ขาดสายทำให้รู้สึกหนาวเหน็บอยู่ไม่น้อย สองเท้าค่อย ๆ เดินขึ้นไปทางกระท่อมหลังนั้น ทุกอย่างดูไม่ผิดปกติจากที่เธอเห็นก่อนหน้านี้สักเท่าไหร่ เพียงแต่ที่แห่งนี้กลับรู้สึกว่ามีชีวิตชีวามากกว่าเมื่อคราวที่เธอมาในครั้งนั้นอยู่มาก"ท่านยาย.. ยาบำรุงนี้ปรุงอย่างนี้ใช่หรือไม่" ยังไม่ทันที่เธอจะผลักประตูเข้าไป หลี่เฟยหลงได้ยินเสียงของคนผู้หนึ่งดังขึ้นภายในกระท่อมหลังนั้น"ไม่ใช่! สมุนไพรชนิดนี้ไม่สามารถเป็นยาบำรุงได้เจ้าไปเอาชิ้นน
ตอนที่ 92 ข้าเองก็ไม่รู้ว่าจะอยู่รอท่านได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่ทั้งสองเมื่อได้รับการพ้นโทษจึงได้เร่งเดินทางกลับเข้าจวนทันที ระหว่างทางที่เธอและเขาผ่านนั้น ทั้งคู่พบว่ามีประกาศว่าสกุลเจิงเป็นผู้บริสุทธิ์ทำให้ทั้งสองรู้สึกยินดีเป็นอย่างมากทั้งสองเดินทางมาจนถึงหน้าจวน เฟยหลงมองไปยังประตูที่ช่างดูเงียบเหงาจนหัวใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ อวี้เจินปรายตามองใบหน้าของเธอเล็กน้อยส่งยิ้มให้เธอก่อนจะใช้มือหนาคว้าข้อมือของเธอไว้ เขาใช้อีกอีกข้างดันเพื่อเปิดประตูหน้าของจวนสกุลเจิง ทันทีที่ประตูจวนเปิดออก ภาพที่เขาเห็นนั้นทำให้ทั้งสองยิ้มกว้างออกมาด้วยความยินดี ท่านแม่ทัพใหญ่เจิงเถาฮ่วน สหายเจิงเจียอวี่ พร้อมด้วยข้ารับใช้ในจวนทั้งหมดกำลังยืนต้อนรับทั้งสอง อยู่ก่อนแล้ว"ยินดีต้อนรับกลับจวนขอรับท่านพ่อ น้องรอง และทุกท่านด้วย" เจิงอบุตรีจินเอ่ยกับทุกคนด้วยน้ำเสียงสดใสพร้อมด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม"ยินดีต้อนรับแม่ทัพน้อยเจิงกลับบ้าน" และเป็นเสียงของผู้เป็นบิดาของจวนเอ่ยต้อนรับเขาเช่นกัน"ยินดีต้อนรับแม่นางที่พ้นโทษ.. ได้รับคืนความบริสุทธิ์" ก่อนที่แม่ทัพใหญ่จะหันมาพูดกับเธอด้วยใบหน้าที่นึกขอบคุณไม่เพียงเท่านั้
ตอนที่ 91 ปิดคดีเฟยหลงเอ่ยออกมากับตัวเองเบา ๆ เมื่อยามที่เธอนั้นนั่งอยู่ที่ศาลาริมน้ำมองดูดอก บัวด้วยสายตาที่ไม่ยินดียินร้ายเดิมทีแล้วท่านยายบอกว่าร่างกายของอาเพ่ยนั้นจะอยู่ได้อีกหนึ่งเดือน แต่สิ่งที่เธอทำผิดพลาดอีกครั้ง คือพลังของเธอไม่สามารถขับพิษในร่างกายของฮ่องเต้ได้จนหมด หากเป็นเช่นนั้นร่างกายของฮ่องเต้ที่เคยชินกับพิษนี้ จะสามารถสร้างมันขึ้นมาได้ใหม่ สิ่งที่จะทำให้พระองค์หายขาดได้จึงไม่ใช่การขับออก แต่เป็นการดึงพิษทั้งหมดเข้ามาในร่างของเธอต่างหาก"เจ้าอยู่ในวังเบื่อหรือไม่" เสียงของเจิงอวี้เจินดังขึ้นทางด้านหลัง ทำให้เธอนั้นรีบหันไปมองชายอันเป็นที่รักพร้อมทั้งส่งรอยยิ้มให้เขา ก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อยเป็นการตอบรับ"ข้าเบื่อมาก" เธอเดินเข้าไปหาเขาอย่างว่าง่ายก่อนจะใช้สองมือเล็กกอดรอบแขนของเขาเอาไว้อย่างออดอ้อน ใช้ใบหน้าหวานซุกไปที่ทรวงอกของเขาก่อนค่อย ๆ ช้อนสายตาขึ้นมองใบหน้าของบุรุษผู้นี้อวี้เจินหันมองรอบกายซ้ายขวาเล็กน้อยก่อนจะก้มลงจุมพิตที่ริมฝีปากของเธออย่างรวดเร็วแล้วผละออก"ท่านทำอะไรเนี่ย""ก็ที่เจ้าออดอ้อนข้าเช่นนี้ไม่ใช่อยากให้ข้าทำเช่นนี้งั้นหรือ""ท่านไปร่ำเรียนความหน้า
ตอนที่ 90 นับเวลาถอยหลังกับชีวิตที่เหลืออยู่"ความยากลำบากที่หม่อมฉันได้รับ! เด็กสาวที่เคยร่าเริง.. ชื่นชอบการอ่านตำรา ปักผ้า ทำอาหาร มีความสุขกับครอบครัว.. เพียงแค่ชั่วข้ามคืน! ต้องกลายเป็นสตรีที่ไม่มีแม้แต่ที่ซุกหัวนอน! ไม่สามารถบอกใครได้ว่ามาจากตระกูลไหน!”“ทำได้เพียงขอข้าวขอน้ำดั่งขอทานข้างถนน! ไม่มีผู้ใดเหลียวแล.. ซุกหัวนอนตามรางหญ้า บางคราก็ต้องแย่งข้าวกับสุนัขเพื่อประทังชีวิต! โดนทำร้ายหยามเหยียดจนแทบไม่เหลือความเป็นคน! พระองค์รู้หรือไม่กว่าที่หม่อมฉันจะเข้ามาทำให้พระองค์สะดุดตาได้มิใช่เรื่องง่าย ความแค้นที่สุมอยู่ในอกของหม่อมฉันมันเกือบจะสำเร็จอยู่แล้ว.. หากว่านางหมอพิษผู้นั้นไม่หักหลังหม่อมฉัน! ป่านนี้พระองค์ได้ลงไปเฝ้ายมโลกแล้วกับท่านพ่อหม่อมฉันไปแล้ว!""ข้าว่าเจ้าเข้าใจผิดไปใหญ่แล้ว.. ข้ามีเหตุผลของข้า หากเมื่อครานั้นพ่อของเจ้าไม่คิดก่อกบฏข้าย่อมไม่ทำร้ายผู้บริสุทธิ์เป็นแน่""โกหก! พระองค์อย่ามาโกหกกับหม่อมฉัน! พ่อของหม่อมฉันไม่มีทางคิดก่อกบฏเป็นแน่! ท่านใส่ร้ายครอบครัวข้า ฆ่าครอบครัวข้าล้างตระกูลยังไม่พอ.. เวลานี้พระองค์ยังคิดจะใส่ร้ายตระกูลข้า! ท่านยังมีความเป็นคนอยู่หรือ