ตอนที่ 14 ดินแดนแคว้นฉวาง [2]
“อาอวี่.. เจ้าพักที่นี่งั้นหรือ” เพราะเธอจำได้ว่าในนิยายของเธอ จวนแห่งนี้คือจวนของแม่ทัพใหญ่เจิงเถาฮ่วน เหตุใดเจียอวี่ถึงพามาที่นี่และเหตุใดเจียอวี่ถึงรู้จักแม่ทัพเจิง หรือว่าที่นี่จะเพียงแค่ชื่อคล้ายกัน อาจจะไม่ใช่แม่ทัพเจิงดั่งในนิยายนั่นก็เป็นได้
“นี่คือจวนของท่านพ่อข้า.. แม่ทัพเจิง.. เจิงเถาฮ่วน เจ้าเคยได้ยินนามนี้หรือไม่” เจียอวี่พูดขึ้นด้วยความภูมิใจ สายตา น้ำเสียง แสดงออกถึงความภูมิใจอย่างเห็นได้ชัด
“แม่ทัพเจิงเถาฮ่วน.. คือท่านพ่อเจ้างั้นหรือ” แปลก แต่กลับเป็นเรื่องจริง เธอจำได้อย่างดีว่าในนิยายที่เธอแต่งนั้น แม่ทัพใหญ่เจิงเถาฮ่วนไม่มีครอบครัว ไม่ยุ่งสตรี นั่นยิ่งไร้บุตร เหตุใดถึง..
“เจ้าอาจจะไม่เคยได้ยินแต่ไม่เป็นไร.. พวกเราเข้าไปด้านในกันก่อนเถอะ” เจียอวี่เอ่ยขึ้นพร้อมทั้งพาอ้อมไปยังโรงเลี้ยงม้า ก่อนจะพากันเดินเข้ามาในจวน
“คุณชายรองกลับมาแล้วหรือขอรับ” เสียงของชายที่มีใบหน้าหล่อเหลา สะอาดสะอ้าน แต่การแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่ค่อนข้างจะธรรมดาไปเสียหน่อย เดาว่าน่าจะเป็นบ่าวรับใช้ในจวนเป็นแน่
“ข้ากลับมาแล้ว.. เจ้าช่วยบอกคนเตรียมห้องพักให้สหายของข้าสักสองห้อง” เจียอวี่เอ่ยกับชายผู้นี้ด้วยน้ำเสียงนิ่มนวลก่อนจะพาพวกเขาทั้งสองคนเดินเข้ามายังห้องโถงในเรือนหลัก
หลี่เฟยหลงหันมองโดยรอบ พร้อมทั้งกวาดสายตามองจวนเจิงที่ค่อนข้างใหญ่และกว้างมากด้วยความตื่นเต้น มีเรือนเล็กเรือนน้อยมากมายล้อมรอบ นั่นยิ่งทำให้เธอเข้าใจได้อย่างถ่องแท้ว่าตอนนี้เธอไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าต่อไปเธอนั้นจะพบกับเหตุการณ์ใด ทุกอย่างคล้ายว่าจะเหมือนนิยายที่เธอแต่งอยู่มาก แต่กลับมีหลายอย่างที่ไม่ใช่ มันช่างดูวุ่นวายและต่างจากที่เธอเขียนไว้มากโข ราวกับที่นี่เป็นโลกขนานของนิยายที่เธอแต่งอย่างไรอย่างนั้น
“อาอวี่.. เจ้ากลับมาแล้วงั้นหรือ” เสียงที่ฟังดูน่าเกรงขามแต่กลับนุ่มทุ้มน่าฟังของชายมีอายุ ดังขึ้นทันทีเมื่อพวกเราเหยียบย่างเข้ามาในจวน
“กลับมาแล้วขอรับท่านพ่อ.. สองคนนี้คือสหายร่วมเดินทางของลูกขอรับ” เฟยหลงและเสี่ยวจ๋ายทำความเคารพบุรุษเจ้าของจวนผู้นี้ ก่อนจะถูกเชิญให้มานั่งทานอาหารพร้อมกันอย่างไม่ถือสา ไม่เพียงทานอาหารร่วมกันแต่ทั้งสี่คนกำลังพูดคุยกันเรื่องจิปาถะทั่วไปราวกับว่ารู้จักกันมานาน
ผ่านไปนานกว่าชั่วยามที่เฟยหลงนั่งฟังสองพ่อลูกสนทนากันอย่างออกรสออกชาติ เธอนั่งจิบชาอย่างสบายใจ ก่อนจะหันไปมองเสี่ยวจ๋ายที่พอหนังท้องตึงก็ทำทีขอตัวออกไปเดินเล่น
“ห้องพักพวกเจ้าน่าจะเรียบร้อยแล้ว.. ข้าพาพวกเจ้าไปดู” เจียอวี่พาหลี่เฟยหลงเดินลัดเลาะมายังเรือนด้านหลัง ที่ค่อนข้างไกลจากเรือนหลักพอสมควร ระหว่างทางก็พบเสี่ยวจ๋ายที่แอบนอนใต้ต้นไม้ข้างบ่อบัวด้วยความสบายใจอย่างน่าหมั่นไส้
“มีเวลาไม่มาก.. เด็กทำความสะอาดได้เพียงเท่านี้เจ้าอยู่ได้หรือไม่” เฟยหลงพยักหน้าให้เจียอวี่อย่างไม่ต้องคิด สองเท้าของเธอนั้นเดินเข้ามาด้านในอย่างชื่นชม ห้องพักแห่งนี้จัดได้ว่าสวยงามและสะอาดสะอ้านเป็นอย่างมาก ทั้งกว้างขวางและดูดีมากกว่ากระท่อมที่เธอหลุดเข้าไปหลายเท่า
“ของเจ้าไม่ใช่ที่นี่!” เธอหันไปมองเจียอวี่ที่ดึงชายเสื้อของเสี่ยวจ๋ายเอาไว้ เมื่อเห็นว่าเจ้าจิ้งจอกขาวนั้นปรือตามาแต่เมื่อใดไม่รู้กำลังก้าวเท้าตามเธอเข้ามาด้านใน
“ข้าแค่จะเข้าไปตรวจดูว่าปลอดภัยต่ออาเพ่ยหรือไม่ก็เท่านั้น” ทั้งสองจ้องหน้ากันราวกับจะกินเลือดกินเนื้อและท่าทางของเสี่ยวจ๋ายที่อิดออดก่อนจะถูกเจียอวี่ดึงออกไป ยังห้องข้างกันในเวลาที่รวดเร็ว ภาพที่ทั้งสองถกเถียงกันนั้นยิ่งสร้างความขบขันให้เธอได้เป็นอย่างดี
“คุณชายรองให้ข้าน้อยนำชุดมาให้เจ้าค่ะ” เธอหันไปตามเสียงพบว่าเป็นสาวใช้หน้าตาน่ารักสมวัยนางหนึ่ง เดินถือเสื้อผ้าเข้ามาวางให้อย่างนอบน้อม
“ข้าจะไปอาบน้ำได้ที่ไหนงั้นหรือ” หลี่เฟยหลงเอ่ยถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความเกรงใจ ก่อนที่สาวใช้จะตอบคำถามแล้วเดินกลับออกไปทันที หลี่เฟยหลงใช้เวลาในการทำธุระส่วนตัวของตนเองไม่นานนัก จนเมื่อเธอนั้นกลับเข้ามาด้านในห้องพักอีกครา
ครั้นเมื่อตอนสว่างที่แห่งนี้ค่อนข้างมีชีวิตชีวาอยู่มาก แต่เมื่อตกดึกจวนแห่งนี้ค่อนข้างเงียบสงบจนแทบจะเรียกว่าวังเวงเสียอย่างนั้น เฟยหลงถือวิสาสะเดินออกมานอกจวน สองเท้าก้าวเดินไปเรื่อย กวาดสายตามองนั่นมองนี่ พร้อมทั้งเธอยังพยายามนึกว่าตอนที่เธอแต่งนิยายถึงจวนเจิงนั้น ที่แห่งนี้มีจุดเด่นใดหรือไม่ แต่เมื่อนึกยังไงเธอก็นึกไม่ออกราวกับว่าในเนื้อหานิยายนั้น เธอไม่ได้ให้คุณค่าที่นี่เสียเท่าไหร่ จนเมื่อเธอเดินไปเรื่อย ๆ ตามทางเดินของเรือนนี้
สายตาของเฟยหลงนั้นสะดุดตากับเรือนหลังใหญ่ที่อยู่ห่างไปจากเรือนที่พักค่อนข้างไกล ความรู้สึกถูกชะตาตั้งแต่ครั้งแรกที่พบมันเป็นเช่นนี้นี่เอง เรือนหลังนั้นขนาดไม่ได้ต่างจากเรือนอื่นเสียเท่าไหร่ เพียงแค่โดดเด่นเพราะตั้งอยู่ไกลความวุ่นวาย นั่นอาจจะหมายถึงเจ้าของเรือนนั้นชอบความสงบสุขกระมัง หน้าเรือนหลังนี้มีต้นท้อต้นใหญ่ที่กำลังออกดอกจนเต็มต้น
หลี่เฟยหลงเพ่งสายตามองไปโดยรอบอย่างสนใจใคร่รู้ แต่สิ่งที่สะดุดตาเธอที่สุดนอกจากต้นท้อนั้น คือสิ่งที่อยู่บนต้นท้อมากกว่าที่ดึงความสนใจของสายตาของเธอได้เป็นอย่างดี หลี่เฟยหลงจ้องมองมันเป็นอย่างดีแล้ว เมื่อเห็นว่าสิ่งนั้นคืออะไรสองเท้าของเธอรีบก้าวไปตามทางที่ทอดไปยังเรือนหลังนั้นอย่างเร่งรีบพร้อมรอยยิ้มที่ยกขึ้นที่มุมปาก
“เจ้าจะไปไหน!” แต่ยังไม่ทันที่เธอนั้นจะได้ตรงไปยังเรือนหลังนั้น เป็นเฟยหลงที่ต้องตกใจเมื่อคนที่มาคว้าแขนเธอไว้นั้นคือเสี่ยวจ๋าย ที่เพิ่งเดินออกมาจากด้านหลัง และเขาเองที่กำลังจ้องมองเธอตาเขม็งด้วยสายตาที่ดุดันอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
“เจ้า!” เฟยหลงมองหน้าเสี่ยวจ๋ายอย่างตกใจ พร้อมทั้งสลับไปเพ่งมองไปยังต้นท้อต้นนั้นอีกครั้ง ซึ่งเธอมั่นใจเป็นอย่างมากว่าภาพที่เธอเห็นคือจิ้งจอกสีขาวที่ยืนสะบัดหางบนกิ่งท้อและกำลังมองมาที่เธอเป็นแน่ ทว่าบัดนี้ที่ตรงนั้นกลับว่างเปล่า..
“ก็ข้านะสิ.. เหตุใดทำหน้าราวกับเห็นผี” เสี่ยวจ๋ายอ้าปากหาวพร้อมกับปล่อยแขนของเธอลงอย่างนิ่มนวล
“เจ้าไปนอนเถอะ.. ข้าง่วงแล้ว” เพราะไม่รู้ว่าสิ่งที่เธอเห็นเป็นเพียงสายตาที่พร่าเรือนหรือว่ามันคือเรื่องจริง แต่เชื่อมั่นได้ว่าตอนที่เสี่ยวจ๋ายจับแขนเธอนั้น สายตาของเธอที่ยังจ้องที่ต้นท้อนั้นและเห็นชัดว่ามีจิ้งจอกสีขาวอีกตัว นั่นหมายความว่าไม่น่าจะเป็นเสี่ยวจ๋าย หรือในมิตินี้มีจิ้งจอกเกลื่อนไปหมดกันนะ ไม่สนใจแล้ว!
“เจ้ามาทำไม” เสี่ยวจ๋ายเอ่ยถามหญิงสาวที่นั่งกินลูกท้อด้วยใบหน้าสบายใจ พร้อมทั้งนางยังใช้หางตาจ้องมองลงมาที่เขาก่อนจะเบือนหน้าไปอย่างไม่สนใจคำถามของเขาเท่าไหร่นัก
“เฉินฉี! เจ้าตกลงมาถงอวิ๋นเมิ่งแค่นี้ เหตุใดไม่ยอมกลับขึ้นไปเสียที เจ้าจะบอกว่าเจ้ากลับไม่ถูกงั้นหรือ ที่นี่สำหรับเจ้าแล้วเป็นเพียงสถานที่ผ่อนคลายที่กระดิกนิ้วคราเดียวเจ้าก็กลับได้แล้ว เหตุใดยังอยู่ที่นี่” เธอเอ่ยถามยาวเหยียด พร้อมทั้งกระโดดลงมายืนตรงหน้าเขาใช้สายตาคมกริบจ้องเข้าไปในตาอย่างกดดัน
“ข้า..” และคงเป็นเสี่ยวจ๋ายที่อึกอักไม่ยอมตอบคำถามนั้น จนสตรีด้านหน้าเริ่มมีอาการไม่พอใจขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
“ข้า! ข้า! ข้าอะไรกันเล่า! เจ้าเป็นถึงทายาทของจิ้งจอกเก้าหาง เป็นถึงว่าที่ผู้นำของหุบเขาฉางเฉียน เหตุใดเจ้าถึงมีเวลามัวมาวิ่งเล่นกับมนุษย์ประหลาดเช่นนี้”
“เจ้าหุบปากไปเลยซูเซียว! เจ้าไม่มีสิทธิ์มาว่าร้ายผู้มีพระคุณของข้า”
“หึ! เจ้าคงไม่ได้ถูกใจแม่นางมนุษย์ผู้นั้นจนไม่ยอมกลับหรอกใช่ไหมจ๋ายเฉินฉี!”
“ข้าทำอะไรข้าย่อมมีเหตุผลของข้า”
“แต่เจ้าต้องไม่ลืมว่าเจ้ามีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ.. และข้าจะไม่ยอมให้เจ้าทำผิดพลาดเด็ดขาด”
“เหตุใดข้าต้องมารู้จักจิ้งจอกน่ารำคาญเช่นเจ้ากันนะ” เสี่ยวจ๋ายเอ่ยก่อนจะสะบัดหน้า ก้าวเดินกลับมุ่งหน้าไปทางห้องพัก แต่ทันทีที่เท้าของเขากำลังจะก้าวเข้าไปยังห้องพัก เสี่ยวจ๋ายนั้นได้ปรายหางตากลับไปมองจิ้งจอกขาวอีกตัวที่ยื่นสะบัดหางทั้งเก้าพิงต้นท้อมองเขาด้วยความรู้สึกที่ไม่อาจบรรยายออกมาได้
“ข้าไม่ลืมหน้าที่ของข้าเป็นแน่.. ข้าจะรีบกลับไป” เสี่ยวจ๋ายเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ก่อนจะเดินลับหายไปยังห้องพักโดยที่ไม่หันกลับมาอีกแม้แต่น้อย
“ข้าจะรอเจ้า..”
ตอนที่ 15 ลับลมคมใน [1]“ข้าจะรอเจ้า..” แม้จะตอบบุรุษผู้นี้ออกไปด้วยเสียงเข้มแข็งและหนักแน่น แต่ใจส่วนที่ลึกที่สุดของนางแล้วนั้น กลับไม่รู้เลยว่าคำว่าจะกลับไปของจ๋ายเฉินฉีนั้นคือเมื่อใด ไป๋ซูเซียวมองตามหลังของเฉินฉีด้วยสายตาที่ไม่อาจจะคาดเดาความหมายได้ จนร่างของเจ้าจิ้งจอกขาวนั้นหายไปจนพ้นสายตาเซิงเซียนหยุน“เป็นอย่างไรบ้าง.. เจ้าเจอเสี่ยวจ๋ายหรือไม่” เสียงหวานละมุนของเหมยซินซูเซียนบุปผาหนึ่งเดียวแห่งยอดเขาเซิงเซียนหยุน เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ทั้งกังวลและตื่นเต้น เมื่อเห็นว่าสหายซูเซียวนั้นเดินทางกลับมาถึงป่าท้อเมื่อครู่ เมื่อไม่กี่ชั่วยามก่อน ซินซูได้ไหว้วานให้จิ้งจอกขาวเก้าหางหางแดงอย่างเธอนั้น ไปตามหาจิ้งจอกขาวเก้าหางหางฟ้าที่ถูกพายุประหลาดพัดหล่นหายไปเมื่อหลายวันก่อน เธอค่อนข้างมั่นใจ ว่าหากตกลงไปจากป่าท้อนั้นย่อมลงไปโลกมนุษย์เป็นแน่ แต่เมื่อมานั่งตระหนักว่าแล้วเหตุใดเสี่ยวจ๋ายถึงยังไม่กลับมานางก็อดเป็นห่วงไม่ได้“เจอแล้ว.. เจ้าเลิกเป็นห่วงได้แล้ว” ซูเซียวเอ่ยตอบสหายซินซูด้วยท่าทางไร้อารมณ์อย่างเห็นได้ชัดว่านางนั้นอารมณ์ไม่ค่อยจะดีนัก ซินซูจึงทำเพียงมองสหายผู้นี้อย่างเงียบเชียบ
ตอนที่ 16 ลับลมคมใน [2]และเพราะความไม่สบายใจที่สุมอยู่ในอกนั้น ทำให้หลี่เฟยหลงต้องดันตัวเองลุกให้ขึ้นมาอีกครั้ง ใบหน้าหวานเบือนไปจ้องยังประตูหน้าห้องพักอย่างชั่งใจ เธอใช้เวลานั่งจ้องประตูนั้นอยู่เกือบหนึ่งเค่อ สลับกับปรายตามามองยังโต๊ะข้างเตียงอย่างคิดหนักเอาการดวงตาสีน้ำตาลเข้มจ้องมองลูกดอกที่ยังคงปักอยู่ข้างโต๊ะไม้ ก่อนจะเอื้อมมือไปแตะมันอย่างเบามือพร้อมทั้งดึงมันออกมาห่อด้วยผ้าผืนบาง เมื่อรู้สึกว่าหากอยู่เช่นนี้อย่างไรจิตใจก็ไร้ทางที่จะสงบ เฟยหลงจึงตัดสินใจก้าวสองเท้าของเธอย่องอย่างเชื่องช้าราวกับว่าเธอนั้นเป็นโจรย่องเบามายังประตูหน้าห้องพัก เธอเอียงหน้าใช้หูแนบบานไม้เพื่อฟังเสียงของด้านนอก เมื่อเธอไม่ได้ยินเสียงอื่นใดนอกจากความสงัด มือเรียวยกขึ้นมาก่อนจะใช้มันดันประตูไม้บานนั้นให้เปิดออกอย่างเบามือที่สุดใบหน้าหวานยื่นออกมาด้านนอกห้องเพียงเล็กน้อย เธอหรี่สายตากวาดมองซ้ายมองขวาก่อนจะยกยิ้มมุมปากอย่างชอบใจ ในเมื่อด้านนอกห้องพักนั้นไม่มีใครในบริเวณนี้ หลี่เฟยหลงจึงรีบก้าวเท้าออกจากห้องพักอย่างเร็วที่สุด ทำทุกอย่างด้วยความเงียบเชียบพร้อมทั้งปิดประตูห้องลงอย่างเบามือเธอยกสองมือขึ้นม
ตอนที่ 17 โรงน้ำชาหม่าเถา [1]โรงน้ำชาหม่าเถา“เจ้าดื่มสุราได้หรือไม่” เจียอวี่เอ่ยถามหลังจากที่เขานั้นพาเธอเดินมาหยุดหน้าโรงน้ำชามีชื่อ“หม่าเถา..” หลี่เฟยหลงแหงนใบหน้าขึ้น อ่านป้ายชื่อของโรงน้ำชาหลังนี้ ก่อนจะพยักหน้าให้เจียอวี่สองเท้าก้าวเดินตามสหายเข้าไปด้านใน ข้าวของเครื่องใช้ทุกอย่างของที่นี่ไม่ต่างจากในซีรีส์ที่เธอดูเลยสักนิด หลี่เฟยหลงกวาดสายตามองโดยรอบอย่างตื่นตา เมื่อกำลังนึกสนุกคิดว่าตนเองนั้นกำลังอยู่ในซีรีส์เรื่องหนึ่งที่เธอมีโอกาสได้เป็นนักแสดง ทั้งสองเดินผ่านโถงกลางร้านที่มีผู้เฒ่าหนวดขาวท่าทางจะใจดี กำลังนั่งเล่านิทานอย่างออกรสออกชาติ เพราะความอยากรู้อยากเห็น ทำให้สายตาของเธอนั้นจดจ้องผู้เฒ่านั้นอย่างนึกสนใจในเรื่องราวที่เขาเล่าขาน“เจ้าอยากฟังงั้นหรือ.. เช่นนั้นเราไปนั่งด้านบนดีหรือไม่” เจียอวี่หันมาเอ่ยถามเธอด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล เมื่อเห็นว่าเฟยหลงนั้นหยุดเดิน พร้อมทั้งยังยืนมองไปที่นักเล่านิทานอย่างไม่ละสายตา“อืม..” แม้ว่าเธอนั้นจะยังไม่ละสายตาจากชายชราผู้นั้น แต่สองเท้าของเธอกลับยังคงก้าวเดินตามเจียอวี่ไม่ห่างปึก!“โอ๊ย!”แต่อาจเป็นเพราะว่าเธอนั้นจะขาสั้นไปนิดทำให
ตอนที่ 18 โรงน้ำชาหม่าเถา [2] ใบหน้าที่หงิกงอของเจ้าจิ้งจอกเก้าหาง แสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจเป็นอย่างมาก และคาดว่าเสียงของเสี่ยวจ๋ายนั้นน่าจะดังเกินพอดี เพราะเพียงแค่คำพูดของเขาเอ่ยขึ้นมานั้น สายตาของผู้ร่ำสุราทั้งหลายในโรงน้ำชาแห่งนี้ได้ปรายตาขึ้นมาจ้องมองพวกเราทั้งสามเป็นตาเดียวเพราะความคุกรุ่นในสายตาของสหายทั้งหลายที่จ้องมองมานั้น เพียงพอให้ตัวของเสี่ยวจ๋ายเริ่มที่จะสังเกตได้ เพราะทันทีที่ทุกสายตาจ้องมาที่พวกเราเจ้าจิ้งจอกตัวนี้ได้เงยหน้าขึ้นจากโต๊ะช้า ๆ พร้อมทั้งปรายตามองไปรอบโรงน้ำชานี้กระอักกระอ่วน“เฮ้ย!” แต่สิ่งที่สร้างความสงสัยให้กับพวกเขาทั้งสอง ก็คงจะเป็นเจ้าจิ้งจอกสีขาวตัวนี้เพราะเหตุใดเขาถึงได้สะดุ้งตกใจจนทั้งสองเริ่มเห็นหางของเขาด้านหลังราง ๆ“เสี่ยวจ๋าย! เก็บหางของเจ้าเดี๋ยวนี้นะ!” หลี่เฟยหลงที่ตกใจเกรงว่าเรื่องที่เจ้าจิ้งจอกน้อยนี้ไม่ใช่มนุษย์จะแตกออกไป เธฮรีบโยนจอกสุราลงโต๊ะอย่างไม่นึกเสียดายใช้มือทั้งสองไปจับหางทั้งเก้าของเขากดไว้แน่นและตัวของเสี่ยวจ๋ายนั้นคงจะตกใจอยู่ไม่น้อยเช่นกัน เขาหันตามเสียงของเฟยหลงไปมองหางสีขาวนุ่มฟูพร้อมทั้งสะบัดมันเก็บเข้าที่อย่างรวดเร็ว
ตอนที่ 1 ความฝัน (1)ในค่ำคืนที่มีพายุฝนกระหน่ำโปรยปรายลงมาไม่ขาดสาย หลี่เฟยหลง นักเขียนนิยายมีชื่อเจ้าของนามปากกา โหวเมี่ยนเถียว เธอตกอยู่ในห้วงฝันอยู่หลายฉาก ถึงบทในนิยายเรื่องใหม่ล่าสุดที่ตัวเองนั้นกำลังแต่งมาจนใกล้จะถึงครึ่งเรื่องแล้วราวกับว่าตัวของเธอนั้นกำลังเข้าไปเป็นผู้กำกับบทนิยายนั้น เฟยหลงฝันถึงฉากที่หลี่เฟยหลงยังเขียนบรรยายไว้ได้ไม่จบดี ก่อนจะเห็นภาพที่มีหญิงสาวนักปรุงยาผู้หนึ่ง ที่มีใบหน้าละม้ายคล้ายคลึงกับตัวของเธอยิ่งนัก“เอ๊ะ? นั่นใคร.. ทำไมหน้าตาเธอเหมือนกับเราแบบนี้ละ”หญิงสาวผู้นั้นเดินทางเข้าเฝ้าฮ่องเต้เพื่อนำยาที่นางปรุงเสร็จขึ้นถวายแก่พระองค์ที่พำนักอยู่ในห้องทรงงาน เฟยหลงยังคงจดจ้องตั้งใจมองภาพที่เห็นทั้งหมดที่ลอยอยู่ในหัวของเธอราวกับว่าตัวเธอนั้นกำลังดูภาพยนตร์3มิติ'พระองค์ทรงดื่มยาเถิดเพคะ''แม่นางเจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร''พระสนมทรงมีคำสั่งให้หม่อมฉันนำโอสถมาถวายฮ่องเต้เพคะ''อืม.. ขอบใจเจ้ามาก เจ้าวางไว้ตรงนั้นก่อน''พระสนมทรงรับสั่งหม่อมฉันไว้ว่าต้องให้พระองค์ทรงดื่มให้หม่อมฉันเห็นเพคะ พระสนมทรงเป็นห่วงพระองค์มากเพื่อให้อาการป่วยของพระองค์จะได้ดีขึ้นเพคะ’เ
ตอนที่ 2 ความฝัน (2)เฟยหลงพึมพำพรางครุ่นคิด เกรงว่าความฝันนี้อาจจะไม่ใช่เรื่องในนิยายของเธอที่แต่งขึ้น เพราะเธอมั่นใจว่าการจัดวางตัวละครนั้นเธอจัดให้ฮองเฮาและสนมรัก ช่วยเหลือกันและเป็นวังหลังที่ดี แต่ทำไมในความฝันนี้กลับแปลกประหลาดไปหมดราวกับว่าตัวละครในนี้กำลังมีชีวิตเป็นของตัวเองเฟยหลงยังคงฝันต่อเนื่องทั้งอย่างนั้น โดยที่ตัวของเธอเองก็ไม่รู้เลยว่าเธออยู่ส่วนไหนของความฝันกันแน่ ไร้ซึ่งตัวตน ไร้ซึ่งรูปร่าง แต่กลับมองเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้น“หรือเพราะเราเครียดและกดดันกับนิยายเรื่องนี้กันนะ จิตใต้สำนึกถึงพาให้ฝันประหลาดแบบนี้”ยังไม่ทันที่เธอจะได้ใช้ความคิดไปมากกว่านั้น ภาพในห้วงฝันได้ตัดกลับมายังกระท่อมหลังน้อย หญิงผู้นี้ยังคงง่วนอยู่กับตำรายา และเหมือนสวรรค์จะรู้ว่าเมื่อจิตใจของเฟยหลงใคร่รู้ว่าแม่นางผู้นี้กำลังทำอะไรอยู่กันแน่ก็เป็นดั่งใจนึกทุกประการ ทุกอย่างเกิดขึ้นราวกับว่าเธอนั้นเป็นกล้องที่กำลังถ่ายวิดีโอและซูมเข้าซูมออกได้ตามใจ ราวกับเธอสามารถควบคุมความฝันนี้ได้อย่างอิสระอย่างไรอย่างนั้น“ฝันคืนนี้จะว่าไปก็สนุกดีแหะ”แม่นางผู้นั้นยังคงนั่งปรุงยาหลากหลายชนิด บางหม้อแม่นางปรุงแล
ตอนที่ 3 เกิดอะไรขึ้น (1)เสียงสายฟ้าที่ฟาดลงมาจนดังสนั่นหวั่นไหว แสงสว่างวาบจนแสบตา ราวกับว่าดวงตานั้นกำลังถูกไอร้อนจากหม้อหม่าล่าสายพานที่ชอบกินพวยพุ่งใส่จนเกือบจะมืดบอด เป็นเหตุให้เฟยหลงสะดุ้งตื่นจากความฝันนั้น ฝันที่เธอกำลังงุนงงและปะติดปะต่อเรื่องราวที่เห็น ก่อนจะขยับเปลือกตาขึ้นมากะพริบถี่รอบดวงตาสวยยังสัมผัสได้ถึงความแสบร้อน ราวกับว่ามันพึ่งผ่านการร้องไห้หนักมาหมาด ๆ เฟยหลงพยายามใช้สายตาของตนโฟกัสไปรอบกาย ทั้งที่รอบกายของเธอในตอนนี้นั้นมีเพียงความมืดมิด ก่อนจะนึกบางอย่างออกรู้สึกว่าช่วงก่อนหน้านี้เธอจะฝันถึงเรื่องราวอะไรสักอย่าง แต่เมื่อเค้นสมองมากเท่าไหร่กลับนึกออกเพียงไม่กี่อย่าง“หญิงสาว..กระท่อม.. ฮองเฮา.. ฮ่องเต้.. สนม.. แล้วอะไรอีกนะ”เฟยหลงนอนจ้องมองความมืดสนิทอย่างนึกประหลาด ห้องนอนของเธอมืดสนิทเพียงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ไม่มีแม้แต่แสงสว่างจากโคมไฟที่หัวเตียงที่เปิดเป็นประจำ ไม่มีแสงไฟจากโน๊ตบุ๊คเครื่องโปรดที่มักจะอยู่บนเตียงไม่เคยห่างเธอดันตัวเองให้ลุกขึ้นอย่างยากลำบากมือไม้ปัดป่ายไปรอบตัว แต่สัมผัสแรกที่เธอได้รับมันกลับเป็นความแข็งของเตียงไม้ที่ไม่คุ้นเคย ซึ่งแน่นอ
ตอนที่ 4 เกิดอะไรขึ้น (2)เฟยหลงใช้มือลูบแก้มของตัวเองป้อย ๆหากที่นี่คือสถานที่ในความฝันก่อนหน้านี้จริง ย่อมต้องมีหญิงผู้นั้นอยู่ที่นี่เป็นแน่ เมื่อคิดได้ดังนั้นสองเท้าจึงขยับก้าวเดินอย่างระวัง สองตาเริ่มมองซ้ายเหล่ขวาหาหญิงผู้นั้น แต่ไม่ว่าเธอจะมองหาตรงไหน เดินจนรอบกระท่อมเพียงไร กลับไม่พบบุคคลหรือสิ่งมีชีวิตอื่นที่อยู่ในบริเวณนี้เลยสักนิดสองเท้าขยับเดินไปรอบตัวกระท่อมอีกครั้งอย่างพิจารณา บรรยากาศที่รับรู้ได้ มีทั้งเย็นและชื้นชวนขนลุกพิกล เธอมองรอบผ่านความสว่างที่มีเพียงโคมไฟเก่าที่จะดับแหล่มิดับแหล่หลี่เฟยหลงใช้มือสั่นเทา นั้นยื่นไปดันประตูอีกบานให้เปิดออก สายตาคู่คมของเธอปะทะเข้ากับความมืดที่เรียกได้ว่ามืดสนิท ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลยว่าท้องฟ้าในคืนนี้มืดมิดน่ากลัวเพียงใด ด้านนอกนั้นโปรยปรายและปกคลุมไปด้วยฝนเม็ดโตที่กระหน่ำตกลงมาอย่างไม่ขาดสาย“ฝนตกหนักขนาดนี้เลย.. แล้วนี่มันเรื่องบ้าอะไรเนี่ย”ยังไม่ทันที่มือของเธอจะดึงประตูบานนั้นมาปิด ท้องฟ้าที่ไม่ได้มีทีท่าว่าจะผ่าหรือส่งเสียงคำราม บัดนี้กลับสว่างวาบก่อนจะดังเปรี้ยงปร้างในชนิดที่ว่ารับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนของอากาศโดยรอบเปรี๊ยง!!
ตอนที่ 18 โรงน้ำชาหม่าเถา [2] ใบหน้าที่หงิกงอของเจ้าจิ้งจอกเก้าหาง แสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจเป็นอย่างมาก และคาดว่าเสียงของเสี่ยวจ๋ายนั้นน่าจะดังเกินพอดี เพราะเพียงแค่คำพูดของเขาเอ่ยขึ้นมานั้น สายตาของผู้ร่ำสุราทั้งหลายในโรงน้ำชาแห่งนี้ได้ปรายตาขึ้นมาจ้องมองพวกเราทั้งสามเป็นตาเดียวเพราะความคุกรุ่นในสายตาของสหายทั้งหลายที่จ้องมองมานั้น เพียงพอให้ตัวของเสี่ยวจ๋ายเริ่มที่จะสังเกตได้ เพราะทันทีที่ทุกสายตาจ้องมาที่พวกเราเจ้าจิ้งจอกตัวนี้ได้เงยหน้าขึ้นจากโต๊ะช้า ๆ พร้อมทั้งปรายตามองไปรอบโรงน้ำชานี้กระอักกระอ่วน“เฮ้ย!” แต่สิ่งที่สร้างความสงสัยให้กับพวกเขาทั้งสอง ก็คงจะเป็นเจ้าจิ้งจอกสีขาวตัวนี้เพราะเหตุใดเขาถึงได้สะดุ้งตกใจจนทั้งสองเริ่มเห็นหางของเขาด้านหลังราง ๆ“เสี่ยวจ๋าย! เก็บหางของเจ้าเดี๋ยวนี้นะ!” หลี่เฟยหลงที่ตกใจเกรงว่าเรื่องที่เจ้าจิ้งจอกน้อยนี้ไม่ใช่มนุษย์จะแตกออกไป เธฮรีบโยนจอกสุราลงโต๊ะอย่างไม่นึกเสียดายใช้มือทั้งสองไปจับหางทั้งเก้าของเขากดไว้แน่นและตัวของเสี่ยวจ๋ายนั้นคงจะตกใจอยู่ไม่น้อยเช่นกัน เขาหันตามเสียงของเฟยหลงไปมองหางสีขาวนุ่มฟูพร้อมทั้งสะบัดมันเก็บเข้าที่อย่างรวดเร็ว
ตอนที่ 17 โรงน้ำชาหม่าเถา [1]โรงน้ำชาหม่าเถา“เจ้าดื่มสุราได้หรือไม่” เจียอวี่เอ่ยถามหลังจากที่เขานั้นพาเธอเดินมาหยุดหน้าโรงน้ำชามีชื่อ“หม่าเถา..” หลี่เฟยหลงแหงนใบหน้าขึ้น อ่านป้ายชื่อของโรงน้ำชาหลังนี้ ก่อนจะพยักหน้าให้เจียอวี่สองเท้าก้าวเดินตามสหายเข้าไปด้านใน ข้าวของเครื่องใช้ทุกอย่างของที่นี่ไม่ต่างจากในซีรีส์ที่เธอดูเลยสักนิด หลี่เฟยหลงกวาดสายตามองโดยรอบอย่างตื่นตา เมื่อกำลังนึกสนุกคิดว่าตนเองนั้นกำลังอยู่ในซีรีส์เรื่องหนึ่งที่เธอมีโอกาสได้เป็นนักแสดง ทั้งสองเดินผ่านโถงกลางร้านที่มีผู้เฒ่าหนวดขาวท่าทางจะใจดี กำลังนั่งเล่านิทานอย่างออกรสออกชาติ เพราะความอยากรู้อยากเห็น ทำให้สายตาของเธอนั้นจดจ้องผู้เฒ่านั้นอย่างนึกสนใจในเรื่องราวที่เขาเล่าขาน“เจ้าอยากฟังงั้นหรือ.. เช่นนั้นเราไปนั่งด้านบนดีหรือไม่” เจียอวี่หันมาเอ่ยถามเธอด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล เมื่อเห็นว่าเฟยหลงนั้นหยุดเดิน พร้อมทั้งยังยืนมองไปที่นักเล่านิทานอย่างไม่ละสายตา“อืม..” แม้ว่าเธอนั้นจะยังไม่ละสายตาจากชายชราผู้นั้น แต่สองเท้าของเธอกลับยังคงก้าวเดินตามเจียอวี่ไม่ห่างปึก!“โอ๊ย!”แต่อาจเป็นเพราะว่าเธอนั้นจะขาสั้นไปนิดทำให
ตอนที่ 16 ลับลมคมใน [2]และเพราะความไม่สบายใจที่สุมอยู่ในอกนั้น ทำให้หลี่เฟยหลงต้องดันตัวเองลุกให้ขึ้นมาอีกครั้ง ใบหน้าหวานเบือนไปจ้องยังประตูหน้าห้องพักอย่างชั่งใจ เธอใช้เวลานั่งจ้องประตูนั้นอยู่เกือบหนึ่งเค่อ สลับกับปรายตามามองยังโต๊ะข้างเตียงอย่างคิดหนักเอาการดวงตาสีน้ำตาลเข้มจ้องมองลูกดอกที่ยังคงปักอยู่ข้างโต๊ะไม้ ก่อนจะเอื้อมมือไปแตะมันอย่างเบามือพร้อมทั้งดึงมันออกมาห่อด้วยผ้าผืนบาง เมื่อรู้สึกว่าหากอยู่เช่นนี้อย่างไรจิตใจก็ไร้ทางที่จะสงบ เฟยหลงจึงตัดสินใจก้าวสองเท้าของเธอย่องอย่างเชื่องช้าราวกับว่าเธอนั้นเป็นโจรย่องเบามายังประตูหน้าห้องพัก เธอเอียงหน้าใช้หูแนบบานไม้เพื่อฟังเสียงของด้านนอก เมื่อเธอไม่ได้ยินเสียงอื่นใดนอกจากความสงัด มือเรียวยกขึ้นมาก่อนจะใช้มันดันประตูไม้บานนั้นให้เปิดออกอย่างเบามือที่สุดใบหน้าหวานยื่นออกมาด้านนอกห้องเพียงเล็กน้อย เธอหรี่สายตากวาดมองซ้ายมองขวาก่อนจะยกยิ้มมุมปากอย่างชอบใจ ในเมื่อด้านนอกห้องพักนั้นไม่มีใครในบริเวณนี้ หลี่เฟยหลงจึงรีบก้าวเท้าออกจากห้องพักอย่างเร็วที่สุด ทำทุกอย่างด้วยความเงียบเชียบพร้อมทั้งปิดประตูห้องลงอย่างเบามือเธอยกสองมือขึ้นม
ตอนที่ 15 ลับลมคมใน [1]“ข้าจะรอเจ้า..” แม้จะตอบบุรุษผู้นี้ออกไปด้วยเสียงเข้มแข็งและหนักแน่น แต่ใจส่วนที่ลึกที่สุดของนางแล้วนั้น กลับไม่รู้เลยว่าคำว่าจะกลับไปของจ๋ายเฉินฉีนั้นคือเมื่อใด ไป๋ซูเซียวมองตามหลังของเฉินฉีด้วยสายตาที่ไม่อาจจะคาดเดาความหมายได้ จนร่างของเจ้าจิ้งจอกขาวนั้นหายไปจนพ้นสายตาเซิงเซียนหยุน“เป็นอย่างไรบ้าง.. เจ้าเจอเสี่ยวจ๋ายหรือไม่” เสียงหวานละมุนของเหมยซินซูเซียนบุปผาหนึ่งเดียวแห่งยอดเขาเซิงเซียนหยุน เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ทั้งกังวลและตื่นเต้น เมื่อเห็นว่าสหายซูเซียวนั้นเดินทางกลับมาถึงป่าท้อเมื่อครู่ เมื่อไม่กี่ชั่วยามก่อน ซินซูได้ไหว้วานให้จิ้งจอกขาวเก้าหางหางแดงอย่างเธอนั้น ไปตามหาจิ้งจอกขาวเก้าหางหางฟ้าที่ถูกพายุประหลาดพัดหล่นหายไปเมื่อหลายวันก่อน เธอค่อนข้างมั่นใจ ว่าหากตกลงไปจากป่าท้อนั้นย่อมลงไปโลกมนุษย์เป็นแน่ แต่เมื่อมานั่งตระหนักว่าแล้วเหตุใดเสี่ยวจ๋ายถึงยังไม่กลับมานางก็อดเป็นห่วงไม่ได้“เจอแล้ว.. เจ้าเลิกเป็นห่วงได้แล้ว” ซูเซียวเอ่ยตอบสหายซินซูด้วยท่าทางไร้อารมณ์อย่างเห็นได้ชัดว่านางนั้นอารมณ์ไม่ค่อยจะดีนัก ซินซูจึงทำเพียงมองสหายผู้นี้อย่างเงียบเชียบ
ตอนที่ 14 ดินแดนแคว้นฉวาง [2] “อาอวี่.. เจ้าพักที่นี่งั้นหรือ” เพราะเธอจำได้ว่าในนิยายของเธอ จวนแห่งนี้คือจวนของแม่ทัพใหญ่เจิงเถาฮ่วน เหตุใดเจียอวี่ถึงพามาที่นี่และเหตุใดเจียอวี่ถึงรู้จักแม่ทัพเจิง หรือว่าที่นี่จะเพียงแค่ชื่อคล้ายกัน อาจจะไม่ใช่แม่ทัพเจิงดั่งในนิยายนั่นก็เป็นได้“นี่คือจวนของท่านพ่อข้า.. แม่ทัพเจิง.. เจิงเถาฮ่วน เจ้าเคยได้ยินนามนี้หรือไม่” เจียอวี่พูดขึ้นด้วยความภูมิใจ สายตา น้ำเสียง แสดงออกถึงความภูมิใจอย่างเห็นได้ชัด“แม่ทัพเจิงเถาฮ่วน.. คือท่านพ่อเจ้างั้นหรือ” แปลก แต่กลับเป็นเรื่องจริง เธอจำได้อย่างดีว่าในนิยายที่เธอแต่งนั้น แม่ทัพใหญ่เจิงเถาฮ่วนไม่มีครอบครัว ไม่ยุ่งสตรี นั่นยิ่งไร้บุตร เหตุใดถึง..“เจ้าอาจจะไม่เคยได้ยินแต่ไม่เป็นไร.. พวกเราเข้าไปด้านในกันก่อนเถอะ” เจียอวี่เอ่ยขึ้นพร้อมทั้งพาอ้อมไปยังโรงเลี้ยงม้า ก่อนจะพากันเดินเข้ามาในจวน“คุณชายรองกลับมาแล้วหรือขอรับ” เสียงของชายที่มีใบหน้าหล่อเหลา สะอาดสะอ้าน แต่การแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่ค่อนข้างจะธรรมดาไปเสียหน่อย เดาว่าน่าจะเป็นบ่าวรับใช้ในจวนเป็นแน่“ข้ากลับมาแล้ว.. เจ้าช่วยบอกคนเตรียมห้องพักให้สหายของข้าสัก
ตอนที่ 13 ดินแดนแคว้นฉวาง [1]“เมื่อครู่.. เถ้าแก่นั้นพูดว่าม้าสามตัว.. เราออกไปดูก่อนกันก่อนดีหรือไม่” เมื่อเห็นด้วยกับคำพูดของเสี่ยวจ๋าย พวกเขาทั้งสามจึงตัดสินใจลองเปิดประตูนั้นอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้มันกลับถูกเปิดออกอย่างง่ายดาย ราวกับที่แห่งนี้เป็นโรงเตี๊ยมธรรมดาแห่งหนึ่งเมื่อทั้งสามออกมาได้แล้วนั้น ด้านหน้าปรากฏม้าที่ถูกผูกไว้กับต้นไม้สามตัว เจียอวี่เดินเข้าไปตรวจสอบเมื่อเห็นว่าม้าทั้งสามไม่ได้มีกลไก อาคม หรือความผิดปกติใด พวกเขาทั้งหมดพร้อมใจกันหันกลับไปเพื่อที่จะขอบคุณเถ้าแก่โรงเตี๊ยม ก็ต้องยืนนิ่งงันราวกับว่าฝันไป เพราะพื้นที่ตรงนั้นกลับว่างเปล่าราวกับว่าไม่เคยมีโรงเตี๊ยมหลังนั้นมาก่อน“อะไรกันเนี่ย” เฟยหลงยิ่งเพิ่มความสงสัยไม่หาย เธอยืนมองพื้นที่ว่างเปล่านั้นด้วยความรู้สึกไม่อยากเชื่อสายตา ก่อนนี้ตรงนี้มีโรงเตี๊ยมเป็นเรื่องจริง อาหารที่กินก็เรื่องจริง เธอยกมือขึ้นมาลูบหน้าผากมนของตัวเอง ทั้งเจ็บและโนเป็นเรื่องจริง ม้าสามตัวเบื้องหน้าก็เรื่องจริง“ไปได้แล้ว” และยังคงเป็นเจียอวี่ที่ส่งเสียงเรียกให้เธอหลุดจากภวังค์นั้น เธอมองพื้นที่โดยรอบอีกครั้งอย่างนึกสงสัยแต่ก็เพียงแค่นั้น เพร
ตอนที่ 12 พวกข้าไม่มีเงิน“ไหนเจ้าบอกว่าไม่ไกลมิใช่หรือ.. เหตุใดหมู่บ้านที่เจ้าว่ายังไม่ถึงเสียที” เสี่ยวจ๋ายหันไปถามเจียอวี่ พร้อมทั้งสลับมองใบหน้าที่ไร้อารมณ์ของหลี่เฟยหลง ที่คล้ายกับว่าเธอนั้นเดินด้วยท่าทางที่แสนจะสบาย ไม่ได้แสดงอาการเหน็ดเหนื่อยออกมาเลยแม้แต่น้อย“เจ้าบ่นเช่นนี้.. ข้ากำลังคิดว่าเจ้าเหนื่อยนะเจ้าจิ้งจอก” และเพราะสหายตัวน้อยนี้ช่างน่าหยอกเย้า เจียอวี่ได้ที่จึงหยุดนิ่งไม่ได้ขยับ พร้อมทั้งหันไปมองใบหน้าของเสี่ยวจ๋ายที่ทำหน้าหงิกงออย่างไม่ค่อยจะสบอารมณ์“ข้าไม่ได้เหนื่อย!” แต่เพราะคำพูดที่น่าจะทิ่มแทงหัวใจจึงทำให้จิ้งจอกน้อยอย่างเสี่ยวจ๋ายนั้นสะบัดหน้าหนี ก่อนจะหันขวับมามองที่หลี่เฟยหลงนิ่งอย่างมีความหมาย“เพ่ยเพ่ย.. เจ้าขี่หลังข้าดีหรือไม่” จิ้งจอกน้อยเอ่ยถามสหายซึ่งเป็นสตรีเพียงนางเดียวอย่างอ่อนโยน “ข้าไม่เหนื่อย” แต่เมื่อได้ยินคำตอบของเธอแล้วนั้น เสี่ยวจ๋ายที่มองหน้าเธฮไม่กะพริบได้แสยะยิ้มจนกว้างออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ หลี่เฟยหลงมองหน้าเจ้าจิ้งจอกหัวขาวตัวนี้อย่างชั่งใจ“เช่นนั้น~ ข้าแปลงกายเป็นจิ้งจอกตัวน้อยน่ารักให้เจ้าอุ้มดีหรือไม่.. ขนของข้านั้นนุ่มมาก.. ตัวก็เล็ก
ตอนที่ 11 การเดินทางของสามเกลอ“เจ้าจิ้งจอก!” เจียอวี่ทำหน้าเหมือนไม่อยากเชื่อสายตาแต่ก็ใช้เวลาเพียงไม่นาน เพราะต่อมาชายผู้นั้นรีบจ้ำอ้าวเดินลงมายังข้างลำธารที่มีเสี่ยวจ๋ายร่างมนุษย์ยืนอยู่ด้วยความเร็วแสง สองขายาวที่น่ายำเกรงเดินลงมาหยุด มองซ้ายแลขวาจับเสี่ยวจ๋ายหัวสำรวจทุกพื้นที่“เจ้านี่เป็นตัวประหลาดหรือเป็นสิ่งใดกัน”“ข้ามิใช่ตัวประหลาด เจ้าดู!นี่หางของข้าของแท้แน่นอน และข้าเป็นถึงเพื่อนเล่นของเหมยซินซูแห่งป่าท้อเชียวนะ” เสี่ยวจ๋ายเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ดังขึ้น หางทั้งหมดที่มีเริ่มกระดิกดุ๊กดิ๊กอย่างน่ารักน่าชัง“หนึ่ง..สอง..สาม..สี่..” เจียอวี่ขยับนิ้วนับหางของเสี่ยวจ๋ายด้วยความรู้สึกตื่นเต้น แบบเด็กน้อยที่เห็นของเล่นชิ้นใหม่“เก้าหาง ไม่ต้องนับ!” เสี่ยวจ๋ายสะบัดหางทั้งเก้าโชว์อย่างโอ้อวด ภูมิใจ ใบหน้าเชิดขึ้นพร้อมทั้งลอยหน้าลอยตาอย่างน่าหมั่นไส้“เจ้าพูดได้ แล้วเหตุใดเจ้าไม่พูดตั้งแต่แรก” เจียอวี่ยืดตัวเต็มความสูง เท้าเอวจ้องหน้ามองเสี่ยวจ๋ายอย่างหาเรื่อง“ก็ข้าแค่ไม่อยากเสวนากับคนอย่างเจ้า” แต่มีหรือเจ้าจิ้งจอกอย่างเขาจะกลัว เพราะทันทีที่เจียอวี่ยืดตัวเท้าเอว เสี่ยวจ๋ายเองก็ทำท่าเ
ตอนที่ 10 จิ้งจอกน้อยกลายร่าง“ที่เหลือเจ้าทำ”"ทำ.. ทำอะไร” เฟยหลงหันไปถามเจียอวี่ด้วยความไม่เข้าใจ“ปลานี่ ข้าหามาให้เจ้าแล้ว.. เจ้าก็ควรปรุงมันให้ข้ากินดีหรือไม่” เจียอวี่ชี้นิ้วไปที่ปลาที่เขาเพิ่งไปหามาได้ช้า ๆ“ข้า.. ข้าทำไม่เป็น” เธอเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาเจียอวี่ได้ยินเช่นนั้นได้แต่นิ่งเงียบ ปลาที่ได้มาถูกทิ้งลงตามแรงโน้มถ่วงของโลก เฟยหลงที่เห็นท่าทางหมดอาลัยตายอยากนั้นรู้สึกเสียใจเป็นยิ่งนัก เธอตัดสินใจลุกขึ้นยืนด้วยความเร็ว ตามมาด้วยสายตาของจิ้งจอกน้อยที่มองเธออย่างมีความหวัง“ต.. แต่แค่ปลาย่างก็พอจะได้อยู่”แม้แต่เธอเองก็แทบจะไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองจะเอ่ยออกไปแบบนี้ หลี่เฟยหลงสาวน้อยที่วัน ๆ เอาแต่แต่งนิยายกับสั่งเดลิเวอรี่กำลังจะมาย่างปลาให้ใครไม่รู้กินงั้นหรือ แต่ไหน ๆ ก็เห็นแก่ที่เขาพยายามไปหาปลามาให้เจ้าเสี่ยวจ๋ายแล้วกัน การย่างปลาให้ก็ไม่เท่าไหร่หรอก.. มั้ง“เสี่ยวจ๋ายเจ้าอยากกินปลาสด หรือปลาย่าง” เฟยหลงหันไปถามเจ้าจิ้งจอกน้อย2 ชั่วยามผ่านไป“มาแล้ว” เธอเดินถือไม้ที่มีปลาย่างตัวสีดำเกรียม ยื่นให้เจียอวี่ด้วยใบหน้าที่ตื่นเต้น ก่อนจะยื่นให้จิ้งจอกน้อยหนึ่งตัว แล