ตอนที่ 17 โรงน้ำชาหม่าเถา [1]
โรงน้ำชาหม่าเถา
“เจ้าดื่มสุราได้หรือไม่” เจียอวี่เอ่ยถามหลังจากที่เขานั้นพาเธอเดินมาหยุดหน้าโรงน้ำชามีชื่อ
“หม่าเถา..” หลี่เฟยหลงแหงนใบหน้าขึ้น อ่านป้ายชื่อของโรงน้ำชาหลังนี้ ก่อนจะพยักหน้าให้เจียอวี่
สองเท้าก้าวเดินตามสหายเข้าไปด้านใน ข้าวของเครื่องใช้ทุกอย่างของที่นี่ไม่ต่างจากในซีรีส์ที่เธอดูเลยสักนิด หลี่เฟยหลงกวาดสายตามองโดยรอบอย่างตื่นตา เมื่อกำลังนึกสนุกคิดว่าตนเองนั้นกำลังอยู่ในซีรีส์เรื่องหนึ่งที่เธอมีโอกาสได้เป็นนักแสดง ทั้งสองเดินผ่านโถงกลางร้านที่มีผู้เฒ่าหนวดขาวท่าทางจะใจดี กำลังนั่งเล่านิทานอย่างออกรสออกชาติ เพราะความอยากรู้อยากเห็น ทำให้สายตาของเธอนั้นจดจ้องผู้เฒ่านั้นอย่างนึกสนใจในเรื่องราวที่เขาเล่าขาน
“เจ้าอยากฟังงั้นหรือ.. เช่นนั้นเราไปนั่งด้านบนดีหรือไม่” เจียอวี่หันมาเอ่ยถามเธอด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล เมื่อเห็นว่าเฟยหลงนั้นหยุดเดิน พร้อมทั้งยังยืนมองไปที่นักเล่านิทานอย่างไม่ละสายตา
“อืม..” แม้ว่าเธอนั้นจะยังไม่ละสายตาจากชายชราผู้นั้น แต่สองเท้าของเธอกลับยังคงก้าวเดินตามเจียอวี่ไม่ห่าง
ปึก!
“โอ๊ย!”
แต่อาจเป็นเพราะว่าเธอนั้นจะขาสั้นไปนิดทำให้เดินตามสหายไม่ทันและ เพราะเธอไม่ได้มองทางให้ดี ร่างบอบบางของเธอจึงกระแทกเข้ากับมนุษย์อีกคนจนเกือบล้มหน้าคะมำลงไปวัดกับพื้น แต่โชคยังดีที่มนุษย์ผู้นั้นจับเธอไว้ได้ เฟยหลงปรายตามองใบหน้าของชายเบื้องหน้าอย่างตั้งใจพิจารณา แม้ว่าบุรุษผู้นี้ใบหน้าจะดูหวานหยดราวกับสตรี แต่แววตาของเขานั้นช่างแตกต่างอย่างสิ้นเชิง หลี่เฟยหลงจ้องมองเข้าไปในดวงตาสวยคู่นั้นอย่างหลงในมนตร์สะกด สายตาของบุรุษผู้นี้ช่างดุดัน เยือกเย็นและน่ากลัว รับรู้ได้ถึงกลิ่นอายของจิตสังหารจนเธอนั้นรู้สึกขนลุกเป็นครั้งแรกที่เข้ามาในมิติแห่งนี้
‘แม่นางท่านนี้.. เหตุใดท่านถึงมาอยู่ในที่ที่ไม่ใช่ที่ของท่าน’
บุรุษผู้นี้ยืนขึ้นเต็มความสูงขยับพยุงให้เธอนั้นยืนขึ้น แม้จะไม่เข้าใจนักแต่เห็นได้ชัดว่าสายตาของเขานั้นจ้องมองที่เธอด้วยสีหน้าที่ประหลาดใจ แววตาของเขาจ้องมองเข้ามาในตาของเธอราวกับว่าเขานั้นกำลังสะกดจิตให้เธอนั้นไม่อาจละสายตาจากเขาได้ หลี่เฟยหลงได้ยินเสียงของเขาอยู่ในหัว เป็นคำพูดที่ค่อนข้างชัดเจน แม้ว่าริมฝีปากของเขานั้นไม่ได้ขยับเลยแม้แต่น้อย.. บุรุษผู้นี้มิใช่คนธรรมดาทั่วไป
“อาเพ่ย” เสียงของเจิงเจียอวี่ช่วยสะกิดให้เธอนั้นหลุดออกจากภวังค์ของบุรุษผู้นี้
และเมื่อเธอนั้นรู้สึกว่าตนเองได้สติครบถ้วนดีแล้ว รีบกวาดสายตามองหาบุรุษผู้นั้นอีกครั้ง แต่โชคดีอาจมีเพียงคราเดียว หลี่เฟยหลงมองเห็นคนผู้นั้นได้เดินจากเธอไปเสียแล้ว เขาจากไปโดยทิ้งคำถามมากมายไว้ให้เธออย่างคิดไม่ตก ไม่มั่นใจเลยว่าตนเองนั้นคิดมากไปเองหรือไม่ แต่ในมีแวบหนึ่งแม้จะเพียงสั้น เธอมองเห็นว่าดวงตาของชายผู้นั้นเวลาที่จ้องมองเข้ามาในดวงตาของเธอ แวบหนึ่งเธอเห็นดวงตาของเขานั้นมันเป็นประกายสีทองที่สุกสกาวแบบที่ไม่เคยพบจากที่ใดมาก่อน พร้อมทั้งเสียงที่ดังกึกก้องในหัวนั้นด้วย
“อาอวี่.. เจ้ารู้จักบุรุษผู้นั้นหรือไม่” หลี่เฟยหลงปรายตามองสหายก่อนจะชี้นิ้วถามกับเขาอย่างสงสัย
“ข้าไม่เคยพบมาก่อน.. แต่จากใบหน้าและท่าทางที่เห็นเหมือนว่าชายผู้นั้นจะมีชื่อเสียงอยู่บ้างในเมืองนี้.. นามของเขาที่ชาวบ้านเรียกกันน่าจะอันใดนะ.. อ๋อ! เจ้าหมอดูพเนจร.. ข้าคิดว่าเขานั้นค่อนข้างประหลาดคนอยู่มาก เจ้าอยากรู้เพราะเหตุใดงั้นหรือ” เจียอวี่เอ่ยขึ้นเสียงเรียบเฉย สายตาจ้องมองชายผู้นั้นที่กำลังเดินออกจากโรงน้ำชาด้วยท่าทางสบายอารมณ์
“ซังเซวี่ย!” ยังไม่ทันที่ทั้งสองจะละสายตาจากหน้าประตู ได้มีเสียงของสตรีนางหนึ่งดังขึ้นราวกับคนที่โมโหอย่าถึงที่สุด แม่นางผู้นี้ยืนเท้าเอวใช้สายตากวาดมองไปรอบโรงน้ำชาแห่งนี้อย่างมิได้เกรงกลัวผู้ใดเลยแม้แต่น้อย
“ซังเซวี่ย! เจ้าอยู่ที่นี่ใช่หรือไม่! ออกมาเดี๋ยวนี้นะ!” หญิงสาวที่มีใบหน้าหวานหยดย้อยราวกับนางฟ้าบนสวรรค์ ที่ดูแล้วช่างแตกต่างจากกิริยาของเธอในตอนนี้อยู่ไม่น้อย เธอกวาดสายตามองไปรอบโรงน้ำชานี้อีกครั้ง
“แม่นางจิ่ว.. เหตุใดท่านถึงได้มาโวยวายที่นี่อีกแล้วขอรับ” เสี่ยวเอ้อท่านหนึ่งเดินเข้าไปหาแม่นางผู้นั้นที่ไม่ได้มีท่าทางจะสงบเลยแม้แต่น้อย ด้วยท่าทางพะว้าพะวังช่างน่าสงสาร
หลี่เฟยหลงยังคงมองแม่นางผู้นั้นด้วยสายตาที่ชื่นชม นางเป็นสตรีที่งดงามเพียงนี้ แต่ที่ถูกใจเฟยหลงคงเป็นหัวใจของนาง ที่ช่างแกร่งกล้าไร้ความเกรงกลัวผู้ใดนั้นของนางกระมัง ดูแล้วนางน่าจะเป็นบุตรสาวของจวนแม่ทัพใดสักแห่งเป็นแน่.. ถึงมิได้เกรงกลัวผู้ใดเช่นนี้
“อาเพ่ย.. เราขึ้นด้านบนกันก่อน” เสียงของเจียอวี่นั้นเรียกให้เธอนั้นละสายตาจากสตรีผู้นั้นได้เป็นอย่างดี พร้อมทั้งเดินนำเธอขึ้นไปยังด้านบน จัดการหาที่นั่งสำหรับนั่งฟังนักเล่านิทานได้ชัดที่สุด เมื่อทันทีที่ทั้งสองนั่งลงไม่ถึงนาทีนั้น ได้มีเสี่ยวเอ้อนำอาหารมากมายพร้อมทั้งสุรามาวางให้แทบจะทันที
“พวกข้ายังมิได้สั่ง” เฟยหลงหันไปบอกเสี่ยวเอ้อที่ยังวางอาหารได้ไม่ครบดี ทำให้เขานั้นชะงักมือค้างกลางอากาศก่อนจะมองหน้าเจียอวี่อย่างขอความเห็น
“เป็นเมนูที่ข้ามากินเป็นประจำ” เจียอวี่หันไปส่งสัญญาณให้เสี่ยวเอ้อลงอาหารต่อจนครบ เจิงเจียอวี่ยื่นก้อนเงินให้เขาก้อนหนึ่ง ก่อนที่เสี่ยวเอ้อนั้นจะขอตัวแล้วเดินจากไป
“เจ้า.. มาที่เช่นนี้บ่อยงั้นหรือ” เฟยหลงเอ่ยถามออกไปอย่างไม่ได้สนใจในคำตอบของเขานัก ไม่เพียงไม่สนใจเท่านั้น หลี่เฟยหลงยังใช้ตะเกียบขึ้นมาคีบอาหารเข้าปากเคี้ยวตุ้ย ชิมจานนั้น ลิ้มรสจานนี้อย่ามีความสุข
“เป็นเรื่องปกติของมนุษย์.. เจ้าไม่คิดเช่นนั้นหรือ” เจียอวี่เอ่ยตอบพร้อมทั้งยื่นจอกสุราให้ หลี่เฟยหลงได้ยื่นมือไปรับมาด้วยความยิเต็มใจ ในเมื่อต้องใช้ชีวิตในมิตินิยายประหลาดเช่นนี้แล้ว จะมัวเครียดหรือหดหู่อยู่ก็เกรงว่าจะไม่ได้ เช่นนั้นแล้วก็เที่ยว กิน ดื่มให้เต็มที่เลยแล้วกัน เมื่อคิดได้เช่นนั้นจอกเหล้าจอกน้อยได้ถูกมือเรียวของเธอนั้นยกขึ้นดื่มรวดเดียวหมด และเมื่อได้สัมผัสถึงรสชาติของมัน ยิ่งทำให้เธอนั้นตกใจในรสชาติขึ้นอีกเท่าตัว
“อาอวี่.. เจ้านี่เรียกว่าสิ่งใดกัน” เฟยหลงสูดดมกลิ่นของสุราในจอกอย่างหลงใหล แน่นอนว่าเฟยหลงไม่ใช่หญิงสาวกุลสตรีที่ไม่รู้จักสุราเมรัย เพียงแต่ในโลกปัจจุบันนั้นเธอยังไม่เคยพบสุราที่ให้รสชาติที่ดีและกลิ่นที่หอมเช่นสุราจอกนี้มาก่อน
“นี่คือสุราใบไผ่.. และต้องเป็นที่นี่เท่านั้นที่จะได้รสชาตินี้” เจียอวี่สาธยายให้เธอฟังพร้อมทั้งเทให้อีกจอก
“แต่สุรานี้ทำให้เจ้าเลอะเลือนได้.. เช่นนั้นเจ้าดื่มให้น้อยหน่อย” เฟยหลงพยักหน้ารับแบบขอไปที ก่อนที่ใบหน้าของเธอจะเบือนมองไปที่สตรีผู้นั้นที่เดินมานั่งกอดอกฟังนักเล่านิทานด้วยใบหน้าที่บูดเบี้ยว
“อาอวี่.. เจ้าว่าซังเซวี่ยผู้นี้ใบหน้าเป็นเช่นใดกัน”
ปึง!
จอกเหล้าที่กำลังจะเข้าปากเป็นต้องชะงักค้างกลางอากาศ เมื่อมีบุคคลที่สามเดินเข้ามาตบโต๊ะที่ทั้งสองนั่งอยู่จนเกิดเสียงดังลั่นราวกับว่ากำลังจะเกิดเรื่อง นั่นจึงเป็นเหตุให้โต๊ะของพวกเขานั้นเกิดเป็นจุดสนใจขึ้นมาทันที
“พวกเจ้าทิ้งข้าไว้คนเดียวเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร!”
ตอนที่ 18 โรงน้ำชาหม่าเถา [2] ใบหน้าที่หงิกงอของเจ้าจิ้งจอกเก้าหาง แสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจเป็นอย่างมาก และคาดว่าเสียงของเสี่ยวจ๋ายนั้นน่าจะดังเกินพอดี เพราะเพียงแค่คำพูดของเขาเอ่ยขึ้นมานั้น สายตาของผู้ร่ำสุราทั้งหลายในโรงน้ำชาแห่งนี้ได้ปรายตาขึ้นมาจ้องมองพวกเราทั้งสามเป็นตาเดียวเพราะความคุกรุ่นในสายตาของสหายทั้งหลายที่จ้องมองมานั้น เพียงพอให้ตัวของเสี่ยวจ๋ายเริ่มที่จะสังเกตได้ เพราะทันทีที่ทุกสายตาจ้องมาที่พวกเราเจ้าจิ้งจอกตัวนี้ได้เงยหน้าขึ้นจากโต๊ะช้า ๆ พร้อมทั้งปรายตามองไปรอบโรงน้ำชานี้กระอักกระอ่วน“เฮ้ย!” แต่สิ่งที่สร้างความสงสัยให้กับพวกเขาทั้งสอง ก็คงจะเป็นเจ้าจิ้งจอกสีขาวตัวนี้เพราะเหตุใดเขาถึงได้สะดุ้งตกใจจนทั้งสองเริ่มเห็นหางของเขาด้านหลังราง ๆ“เสี่ยวจ๋าย! เก็บหางของเจ้าเดี๋ยวนี้นะ!” หลี่เฟยหลงที่ตกใจเกรงว่าเรื่องที่เจ้าจิ้งจอกน้อยนี้ไม่ใช่มนุษย์จะแตกออกไป เธฮรีบโยนจอกสุราลงโต๊ะอย่างไม่นึกเสียดายใช้มือทั้งสองไปจับหางทั้งเก้าของเขากดไว้แน่นและตัวของเสี่ยวจ๋ายนั้นคงจะตกใจอยู่ไม่น้อยเช่นกัน เขาหันตามเสียงของเฟยหลงไปมองหางสีขาวนุ่มฟูพร้อมทั้งสะบัดมันเก็บเข้าที่อย่างรวดเร็ว
ตอนที่ 19 อาเพ่ย.. เจ้าเป็นใคร [1]ยังไม่ทันที่เรื่องราววุ่นวายทั้งหลายจะได้สงบลงเสียสนิท ข้างโต๊ะของพวกเขาได้ปรากฏร่างของบุรุษหน้าหวานผู้หนึ่ง ชายผู้นี้ยืนจ้องมองใบหน้าของเหมยซินซูด้วยใบหน้าที่บึ้งตึงอย่างเอาเรื่องไม่กะพริบ บุรุษผู้นี้ไม่แม้แต่จะชายตามองผู้อื่นที่อยู่รอบโต๊ะนี้เลยแม้แต่น้อย“แล้วใครใช้ให้เจ้าโกหกข้ากัน..” เหมยซินซูตอบชายผู้นั้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่ได้สะทกสะท้านกับอารมณ์ที่ร้อนรนของเขาแต่อย่างใด นางยกมือเรียวขึ้นโบกไปมาให้แม้ว่าเขาจะยังคงจ้องหน้าของเธออย่างต้องการหาเรื่องอยู่เช่นนั้น แต่มีหรือสตรีผู้นี้จะสนใจ เหมยซินซูนั้นหาได้สนใจไม่ มิหนำซ้ำเธอนั่งนิ่งยกจอกสุราของตนเองขึ้นมากระดกดื่ม ปรายตา ท่าทางราวกับว่ากำลังเยาะเย้ยชายผู้นั้น“เจ้า! ข้าไปโกหกอันใดเจ้ากัน” บุรุษใบหน้าหวานที่เฟยหลงจำได้ว่าเขานั้นได้เดินออกจากโรงเตี๊ยมไปแล้วเป็นแน่ บัดนี้กลับมายืนถกเถียงกับเซียนน้อยเช่นนาง หรือบางคราแล้วบุรุษผู้นี้ก็อาจจะมิใช่มนุษย์กัน“เจ้าเอาข้าไปทิ้งไว้กลางป่า.. เพราะเจ้ารู้อยู่เต็มอกว่าข้าจำทางกลับบ้านไม่ได้ มากไปกว่านั้น.. ในป่ามีแต่สัตว์ร้ายเต็มไปหมด เจ้ายังกล้าทิ้งสตรีเช่นข้าไว
ตอนที่ 20 อาเพ่ย.. เจ้าเป็นใคร [2]สิ้นสุดคำถามของเธอนั้นสังเกตเห็นได้ว่าสตรีผู้นี้ทำเพียงปรายตามามองเธอแค่เล็กน้อยด้วยท่าทางน่าหมั่นไส้ไม่น้อย นางดึงใบหน้ากลับไร้ซึ่งคำตอบใดออกมาจากปากนางเช่นเดิมสตรีลึกลับผู้นี้เดินนำเฟยหลงไปยังทางลับสายหนึ่งที่ห่างไกลจากสายตาผู้คนอยู่มากโข ใช้เวลาเพียงไม่นานที่นางเปิดประตูทางลับเดินเข้ามาในเส้นทางที่คล้ายจะเป็นอุโมงค์ขนาดย่อมที่ดูร้อนชื้นจนอึมครึมเฟยหลงกวาดสายตามองอย่างพิจารณาเป็นอย่างดี พยายามเก็บทุกรายละเอียดหวังเพียงแค่ว่าเธอจะสามารถออกจากเส้นทางนี้ได้อย่างปลอดภัย เส้นทางลับนี้มองด้วยสายตาแล้วช่างคล้ายกับเขาวงกตที่มีระยะทางที่วกไปวนมาเธอเดินตามสตรีผู้นี้ไม่ห่างเมื่อคิดว่าหากหลงอยู่ในนี้เธอคงแห้งตายกลายเป็นโครงกระดูกเป็นแน่ สองเท้าน้อยเดินอยู่เกือบสองเค่อเห็นจะได้ จนทั้งสองนั้นมาโผล่อีกฝั่งของอุโมงค์อย่างปลอดภัยทันทีที่เท้าของเฟยหลงออกมาเหยียบพื้นดิน กลิ่นหอมที่คุ้นเคยจากสมุนไพรหลากหลายชนิดได้ลอยปะทะเข้ากับจมูกของเธอราวกับกำลังต้อนรับเธอภาพเบื้องหน้านั้นปรากฏเป็นกระท่อมไม้หลังใหญ่ที่ดูดีกว่ากระท่อมกลางป่าของเธออยู่มากโข เหล่าบรรดากิ่งไม้ ใบหญ
ตอนที่ 21 คนของสนมเอก [1]ยังไม่ทันที่สองเท้าของหลี่เฟยหลงจะได้ก้าวออกไปดูสมุนไพรพวกนั้นตาที่คิดไว้ ด้านหน้าประตูนั้นมีเสียงของสตรีผู้หนึ่งก็ดังขึ้น แม้ว่าการมาของสนมเอกนั้นจะเป็นสิ่งที่เธอปรารถนามาตลอด แต่เมื่อพระองค์มาด้วยพระองค์เองเช่นนี้กลับรู้สึกหวาดกลัวอยู่ไม่น้อย มือเล็กรีบเปิดประตูด้านหลังก่อนจะเดินไปยืนอยู่กลางห้องโถงด้วยอาการวิตกกังวลอยู่ไม่น้อย“พระสนมมาอย่างงั้นเหรอ.. เอายังไงดีหลี่เฟยหลง คิดสิ คิด!” ความว้าวุ่นใจเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน สองเท้าขยับเดินวนไปวนมาอยู่กลางห้องนั้น ดวงตากลมโปรายตาไปจ้องยังประตูด้านหน้าเรือนอย่างเป็นกังวลไม่ละสายตา ปลายเล็บคมข้างหนึ่งขยับจิกลงไปบนหลังมืออีกข้างสลับกันไปมาด้วยท่าทางหวั่นวิตก ท่าทางเช่นนี้จะเกิดขึ้นทุกครั้งเมื่อเธฮนั้นเป็นกังวลอย่างไม่สามารถแก้ให้หายได้“พระสนมเสด็จ~” ดวงตาหวานยังปรายตามองไปยังต้นทางของเสียงสตรีผู้นั้นที่ดังขึ้นอีกครั้ง ความรู้สึกประหม่าและหวาดกลัวเกาะกุมไปทั่วขั้วหัวใจจนเย็นเยือก แม้ว่าจะท่องในใจเป็นเวลาเกือบเจ็ดวัน ว่าสักวันหนึ่งสนมเอกของเรื่องต้องมาหาเธอเป็นแน่ แต่กลับไม่คาดคิดว่าพระองค์นั้นจะมีผลต่อจิตใจของเธอเช่น
ตอนที่ 22 คนของสนมเอก [2]“เช่นนั้นเจ้ารีบไป.. แล้วเจ้านั้นอย่าได้คิดไม่ซื่อหากเจ้ายังห่วงชีวิตน้องชายของเจ้า.. เจ้าเด็กกู่ป๋ายคนนั้นอยู่” หลี่เฟยหลงถึงกับขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจ พระสนมพูดถึงน้องชายงั้นหรือ เห็นทีว่าเรื่องนี้จะมีเรื่องลับลมคมในอะไรมากกว่าที่คิดเสียแล้ว หรือเพราะเรื่องของน้องชายถึงทำให้อาเพ่ยดึงตัวเราเข้ามาในมิตินี้กัน“เช่นนั้นแล้วน้องชายของหม่อมฉัน.. ตอนนี้อยู่ที่ใดหรือเพคะ”“เจ้ารู้เพียงหากงานนี้เจ้าทำสำเร็จโดยที่ไม่พาดพิงมาถึงข้าได้.. น้องชายของเจ้ากลับไปอยู่ในอ้อมอกของเจ้าแน่นอน” พระสนมซิงถานยกยิ้มมุมปากก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูแล้วช่างเยือกเย็นไปถึงขั้วหัวใจ ก่อนที่พระองค์นั้นจะเดินออกไปจากกระท่อมหลังนี้โดยไม่หันหลังกลับ ทิ้งให้เซนติเมตรลี่เฟยหลงยืนงงกับคำพูดของพระองค์อยู่ที่เดิม“เรื่องที่เรามาอยู่ในมิตินี้.. ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับน้องชายของเพ่ยเพ่ยเป็นแน่” เธอสลัดภาพของพระสนมออกจากสมองทันที สองเท้าก้าวยาวอย่างรวดเร็วตามออกไปดูด้านนอก เวลาเพียงชั่วพริบตาแต่กลับพบว่าพื้นที่หน้ากระท่อมนี้ช่างว่างเปล่า ราวกับไม่เคยมีใครมาเยี่ยมเยียนอย่างไรอย่างนั้น“เ
ตอนที่ 23 ตามหา [1]ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกขยาด เธอหยุดพลิกฝ่ามือของตัวเองก่อนจะคิดไปไหนต่อไหนจนวิตกไปมากกว่านี้ สายตาคมกริบจิกตามองไปยังหม้อดินเผาสีดำทะมึนทั้งหลาย ที่ถูกวางไว้บนก้อนหินขนาดพอเหมาะเรียงกันเป็นระเบียบเรียบร้อยอย่างพิจารณาหากเป็นดั่งที่หลี่เฟยหลงคิด หม้อสีดำทะมึนทุกใบที่อยู่บนก้อนเส้านี้ล้วนมีตัวสมุนไพรที่มีพิษตัวนี้ผสมอยู่ในหม้อด้วยกันทั้งหมด นั่นหมายความว่าทุกหม้อที่อยู่ตรงหน้าของเธอนี้ จะต้องจงใจปรุงยาพิษขึ้นมาไม่ผิดแน่ ร่างสวยยืนนิ่งใช้ดวงตากวาดตามองภาพด้านหน้าอย่างพิจารณาอยู่พักใหญ่ ก่อนจะเดินไปหยุดที่หน้าหม้อยาใบหนึ่งอย่างคิดไม่ตก“ในเมื่อตอนนี้ยาที่ปรุงนี้เย็นชืดหมดแล้ว หากเพียงแค่เปิดดู.. ไม่น่าจะเป็นอะไรร้ายแรงหรอกมั้ง” เหมือนมือของเธอจะไวกว่าความคิด เพราะทันทีที่เฟยหลงนั้นยังคิดไม่ตก ตบตีกับตัวเองว่าจะเปิดออกเพื่อดูสิ่งที่อยู่ด้านในนั้นดีหรือไม่ฝาหม้อดินเผาใบนั้นได้ถูกเปิดออกมาด้วยมือของเธอเสียแล้ว แม้จะตกใจจนมือเรียวชะงักค้างกลางอากาศ แต่เธอยังคงทำใจดีสู้เสือมองฝาหม้อในมือตัวเองอย่างตกใจอยู่แวบหนึ่ง ก่อนจะโน้มใบหน้าหวานมองเข้าไปด้านในอย่างประหม่า หม้อที่มีสมุนไ
ตอนที่ 24 ตามหา [2]“เหตุใดเจ้าถึงลืมข้าแล้ว” เมื่อเธอสังเกตดีแล้วพบว่าสตรีนางนี้สวมชุดนางกำนัน แบบเดียวกับคนของสนมเอก.. เช่นนั้นหรือว่านางไม่ใช่คนดี“แม่นางอย่าเพิ่งโกรธ.. ข้า.. ข้าเพิ่งได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ทำให้ข้านั้นมีอาการหลงลืมไปบ้างชั่วขณะ.. ขอแม่นางได้โปรดอภัย” แม้ชุดนี้จะเป็นนางกำนัลของพระสนมเอกซิงถาน แต่สตรีผู้นี้กลับไม่ได้ดูน่ากลัวแต่อย่างใด“แล้วเหตุใดเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่ได้” เธอเอ่ยถามเล็กน้อยก่อนจะหันไปเลือกผักอีกสองสามอย่าง แบบมิได้สนใจคำตอบสักเท่าไหร่ “ข้าเพียงแค่..” เมื่อประเมินดูจากสถานการณ์ในตอนนี้แล้ว สตรีนางนี้เป็นคนของพระสนมเป็นแน่ นางดูไม่ได้สนใจเลยสักนิดว่าเหตุใดตนเองมายืนอยู่ที่นี่ ไม่มีท่าทีใดที่เป็นผลร้ายเลยสักนิด และที่ผิดคาดปะติดปะต่อมากคือนางดูไม่ได้รังเกียจหรือคิดจะข่มเหงอาเพ่ยเหมือนคนอื่นเลยแม้แต่น้อย“ช่างเรื่องของเจ้าเถอะ.. แต่เมื่อครู่เจ้าบอกว่าได้รับบาดเจ็บงั้นหรือ เช่นนั้นเจ้าไปกับข้าสิ” เธอยื่นก้อนเงินให้พ่อค้าขายผัก ก่อนจะเดินนำหน้าไปหลายก้าวถึงแม้ว่าหลี่เฟยหลงจะงุนงงกับสตรีผู้นี้อยู่ไม่น้อย แต่สำหรับเธอแล้วตอนนี้นางเป็นตัวช่วยเดียวที่สามารถพึ
ตอนที่ 25 ตามหาน้องชาย [1]น้ำเสียงที่แสดงถึงความตกใจที่คุ้นหูดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง ยังไม่ทันที่หลี่เฟยหลงจะได้แสดงอาการตกใจหรือดีใจนั้นออกไป มีฝ่ามือหนาพุ่งมากระชากเรียวแขนของเธอจากทางด้านหลังทั้งสองข้าง สองมือนั้นกระชากด้วยความแรงที่มากพอจะนำพาให้ร่างกายของเธอนั้นปลิวหวือไปตามแรงอย่างว่าง่าย“พวกเจ้า!” และเมื่อดวงตากลมโตนั้นมองเห็นได้ชัด ว่าผู้ที่อยู่ด้านหลังของเธอนั้นเป็นผู้ใด หลี่เฟยหลงเปลี่ยนจากอาการที่กำละงจะตกใจเป็นหันไปกระโดดกอดรอบคอของเจ้าจิ้งจอกน้อยนั้นเอาไว้แน่น สองเท้าของเธอกอดรัดรอบเอวของสหายผู้นี้ราวกับว่าเธอนั้นเป็นเด็กน้อยวัยสามขวบด้วยความรู้สึกที่ทั้งดีใจและโล่งใจทางด้านของเจ้าจิ้งจอกขาวเสี่ยวจ๋ายนั้นก็ได้กอดตอบเธอด้วยความเร็วอย่างไม่เขินอาย มือของเขาลูบหลังของเฟยหลงราวกับว่ากำลังปลอบโยน เธอไม่รู้ตัวมาก่อนเลยว่าที่ผ่านมานั้นเธอเองคิดถึงพวกเขามากเพียงนี้มันเป็นความรู้สึกที่เมื่อเห็นหน้าของพวกเขาทั้งสอง ความหวาดกลัวและอึดอัดใจที่เคยสั่งสมมานั้นได้สลายหายไปอย่างกับมีเวทมนตร์ อาจเป็นเพราะทั้งสามนั้นผ่านเรื่องราวต่าง ๆ มาด้วยกัน ถึงแม้ว่าจะเป็นเวลาที่ไม่นาน แต่สำหรับหล
ตอนที่ 98 เจิงฮูหยิน.. ข้ามาแล้วทั้งสี่ยืนมองเจิงอวี้เจินที่ร้องไห้อย่างน่าสงสาร สองแขนของเขากอดร่างกายของภรรยาเอาไว้แน่น ใบหน้าคมประกบจูบลงที่ริมฝีปากของนางก่อนจะขยับเลื่อนไปหอมแก้มทั้งสองข้างของเธอ พร้อมทั้งจุมพิตที่หน้าผากอย่างอ่อนโยนก่อนจะค่อย ๆ ช้อนตัวของเฟยหลงนั้นขึ้นยืนเต็มความสูงเพื่อเดินอุ้มนางไปวางไว้บนเตียง"ข้าขออยู่ส่งนางจนวินาทีสุดท้ายได้หรือไม่" เขาหันมามองท่านยายหลิงไถที่พยักหน้าให้เล็กน้อย เมื่อเขาได้รับอนุญาตแล้วจึงได้ขึ้นไปนอนคู่กันกับเธอบนเตียง สองแขนกอดร่างกายของเธอเอาไว้แน่นอยากสัมผัสไว้ให้นานที่สุด"พวกเจ้าทั้งสองออกไปรอด้านนอกก่อน ข้าจะเตรียมพิธีและเมื่อถึงเวลาอันสมควรข้าจะให้กู่ป๋ายออกไปเรียกพวกเจ้า" สิ้นสุดคำพูดของท่านยายสหายทั้งสองได้มองใบหน้าของเจิงอวี้เจินและหลี่เฟยหลงอีกครั้งก่อนจะเดินออกไปรอด้านนอกอย่างว่าง่าย"กู่ป๋าย.. เจ้ากลัวหรือไม่" แม้ว่าเจิงอวี้เจินนั้นจะได้ยินเสียงของท่านยายและน้องชายของแม่นางเพ่ยเพ่ยคุยกัน แต่เขากลับได้หาสนใจไม่ เขาไม่สนใจเลยว่าทั้งสองจะพูดเรื่องอะไร เขาสนใจเพียงแต่เขาอยากจะกอดร่างกายของภรรยาของเขาเอาไว้ให้นานที่สุด น้ำตาของชาย
ตอนที่ 97 หากนางอยู่ที่นี่.. นางจะเจ็บปวด"เหตุใดเจ้าถึงไม่ยินดี.. ในเมื่อเรื่องนี้เราทั้งสองนั้นได้คุยกันมาก่อนแล้วไม่ใช่หรือ ว่าหากจบเรื่องราวทั้งหมด ข้าจะให้ท่านพ่อของข้าไปสู่ขอเจ้า""ท่านพี่.. ข้ารักท่านอย่างที่ไม่เคยรักชายใดมาก่อน ท่านเป็นคนแรกที่ทำให้ข้ารู้จักคำว่ารัก คำว่าห่วงใย เพียงแต่ท่านหลงลืมไปแล้วอย่างนั้นหรือว่าข้ามิใช่คนในโลกใบนี้ หากเมื่อเราทั้งสองนั้นได้ตกลงปลงใจเข้าร่วมพิธีสมรสในครั้งนี้ หากข้าต้องสลายกลายเป็นเถ้าธุลีท่านจะอยู่อย่างโดดเดี่ยวข้าไม่ยินดีให้ท่านเป็นเช่นนั้น ข้าไม่ยินดีที่ให้งานมงคลสมรสของเราทั้งคู่เป็นสิ่งที่จะเหนี่ยวรั้งท่าน.. ท่านเข้าใจความรู้สึกของข้าหรือไม่""แม่นางหลี่เฟยหลง.. เช่นนั้นเจ้าฟังคำของข้าให้ดี ต่อให้ในโลกใบนี้หรือใบไหน หากเจ้าอยู่ที่ใดข้าขอให้คำมั่นสัญญาต่อฟ้าดินเพื่อเป็นพยาน ข้าจะรักเพียงเจ้าจะติดตามเจ้า ไปทุกที่ หรือต่อให้เจ้าจะทิ้งข้าไว้ในที่แห่งนี้ ทะเลเพลิง ภูเขาน้ำแข็งหรือต้องตายกี่ครั้ง ข้าก็ไม่เสียใจเลยแม้แต่น้อย ขอเพียงแค่ข้าได้รักเจ้าได้ดูแลเจ้าได้อยู่กับเจ้า แม้จะเป็นเพียงหนึ่ง วัน สองวัน เจ็ดวัน หนึ่งเดือน หนึ่งปี หรือตลอดชี
ตอนที่ 96 ข้าไม่ยินดีสำหรับงานมงคลสมรสในครานี้เฟยหลงมองดูแม่นางเพ่ยเพ่ยที่กระโดดโลดเต้นไปมาราวกับว่านางนั้นกำลังทำสิ่งที่เฝ้ารอจนสำเร็จ ด้วยความดีใจของสตรีผู้นี้ที่ดูจะดีใจเกินกว่าปกติทำให้เธอรู้สึกอยากรู้อีกครั้งได้ชะโงกหน้าไปมองที่ตำราเล่มนั้นอีกครา ในตำราหมายเหตุไว้ว่าหากต้องการสิ่งใดให้นึกถึงสิ่งนั้น เป็นการซ้อนวิญญาณของสิ่งมีชีวิตอีกโลกขนานหนึ่ง"สิ่งมีชีวิตอีกโลกหนึ่ง.. เหตุใดในยุคสมัยนี้ถึงรู้เรื่องราวเหล่านี้""ข้าต้องการท่านแม่.. หากข้าสามารถเรียกวิญญาณท่านแม่ได้เรื่องราวพวกนี้ก็จะจบลง แต่หากข้าทำไม่สำเร็จวิญญาณของคนผู้นั้นที่ข้าเรียกมาต้องสะสางเรื่องราวยุ่งเหยิงที่ข้าก่อขึ้นนี้ได้เป็นแน่"แม่นางเพ่ยพูดจบก็ได้วางทุกอย่างลงบนโต๊ะ พร้อมทั้งหยิบเจ้าปลาตัวใหญ่นั้นเดินเข้าไปในครัว แม้ว่าหลี่เฟยหลงจะอยู่ที่นี่อยู่นาน แต่เธอกลับไม่รู้ว่าที่แห่งนี้ส่วนนั้นเป็นครัวที่สามารถทำอาหารได้ เพียงแต่ไม่มีอุปกรณ์ใดที่ใช้ในการทำอาหารอะไรสักอย่าง เธอมองดูแม่นางเพ่ยเพ่ยที่ใช้พลังสีทองของตนในการถอดเกล็ดปลาเสียบไม้แล้วย่าง นางใช้พลังของตนเองในการทำจนหมดสิ้นราวกับไม่ว่าเธอจะไปอยู่ที่แห่งใดย่อมไม่อด
ตอนที่ 95 ซ้อนวิญญาณวิชาต้องห้ามสตรีผู้นี้แผดเสียงดังสนั่นไปทั่วทั้งห้องขัง สาดคำพูดต่อว่าสตรีที่สูงส่งผู้นี้อย่างไม่ได้รู้สึกเกรงกลัว แต่นอกจากที่พระสนมเอกจะไม่ได้รู้สึกโกรธเคืองหรือไม่พอใจแล้ว นางกลับกำลังยกยิ้มอย่างชอบใจสายตาคู่นั้นของแม่นางเพ่ยเพ่ย มองไปทางน้องชายที่ถูกลากออกไป ราวกับหมูหมากาไก่เปรียบเหมือนว่าเขานั้นไม่ใช่สิ่งมีชีวิต ความรู้สึกคับแน่นในอกเริ่มทำให้นางไม่มีทางเลือก หากนางไม่ทำตามคำที่สนมเอกบอก ชีวิตของน้องชายนางไม่รอดแน่ แต่หากนางทำเรื่องที่พระสนมต้องการนั่นถือว่าเป็นเรื่องใหญ่มากสำหรับเธอ หากมันสำเร็จก็ไม่ได้หมายความว่าชีวิตของเธอและน้องชายจะรอด แต่ก็ไม่ได้มีอะไรการันตีว่าทั้งสองจะไม่รอด"เจ้าคิดให้ดีหากเจ้าทำมันสำเร็จข้ารับรองว่าชีวิตของเจ้าและน้องชายเจ้า จะเดินทางออกจากแคว้นฉวางอย่างปลอดภัยหายห่วง.. แต่หากเจ้าไม่ยินดีข้าจะ นำหัวของน้องชายเจ้ามาคืนให้เจ้า.. เจ้าว่าเช่นนี้ดีหรือไม่"แม่นางเพ่ยเพ่ยทำได้เพียงจ้องมองไปที่น้องชายของตนเอง ที่กำลังหายลับไปจนสุดสายตา ก่อนจะสลับมามองพระสนมเอกที่มีนิสัยละโมบโลภมาก เธอไม่รู้เลยว่าทางออกของเธอควรเป็นอย่างไร เธอรู้เพียงแต่ใน
ตอนที่ 94 เจ้ามันปีศาจเธอตะโกนออกมาด้วยเสียงที่ดังก้องกังวานอย่างไม่มีที่สิ้นสุดจนรู้สึกแสบคอ ก่อนจะเด้งตัวมานั่งขัดสมาธิพร้อมทั้งกอดอก อย่างคนที่หงุดหงิด สายตาของเธอกวาดมองไปรอบ ๆ อีกครั้งก่อนจะหลับตาลงเล็กน้อย"ถ้าหงายหลังนอนอีกครั้งจะไปตกที่หลังคาวังหลวงหรือเปล่านะ" แม้ว่าเธอจะคิดเล่น ๆ แต่ทันทีที่เธอหงายหลังนอนลงไปอีกครา ร่างกายของเธอรู้สึกเบาหวิวอีกครั้ง"กำลังเดินทางอีกแล้วสินะ" เธอไม่แม้แต่จะลืมตามามองรอบกาย ทำได้เพียงแค่กอดอกพร้อมปล่อยร่างกายของตัวเองให้ไหลไปตามกระแสลมที่ได้รับฟึ่บ!แต่ครั้งนี้เธอรู้สึกว่าตนเองนั้นตกลงมาที่กองฟางเห็นจะได้ ดวงตาทั้งสองเปิดขึ้นเห็นเพียงแค่ความมืดสนิท เธอค่อย ๆ ใช้มือทั้งสองคลำไปรอบกายรับรู้ได้ว่ามันคือกองฟางจริง ๆ เฟยหลงดันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งพร้อมทั้งสอดสายตามองหาแสงสว่าง"จับมัน!" เธอต้องตกใจเมื่อได้ยินเสียงของผู้ชายคนหนึ่งเอ่ยคำสั่งที่น่ากลัว พร้อมทั้งเสียงฝีเท้าอีกหลายคู่วิ่งเข้ามาในกระท่อมหลังนี้ สองเท้าของเธอก้าวเดินออกไปข้างหน้าตามแสงสว่างที่มีเพียงน้อยนิดนั้น เธอแอบมองจากด้านในเห็นทหารมากมายในชุดดำกำลังจับสองพี่น้องที่ไม่มีทีท่าว่าจะร้
ตอนที่ 93 ความหลังของเพ่ยเพ่ยตู้ม!!แต่ไม่รู้ว่าเป็นเคราะห์ซ้ำหรือกำซัด ทันทีที่ก้นของเธอแตะที่ปุยเมฆขาวนุ่มฟูนั้นร่างกายของเธอก็ได้ตกลงไปในสระน้ำแห่งหนึ่งจนเนื้อตัวเปียกปอนฟู่ว~ทันทีที่เธอนั้นตะเกียกตะกายขึ้นโผล่พ้นน้ำ ริมฝีปากบางได้พ่นลมหายใจออกมาอย่างแรงเพื่อฮุบเอาอากาศด้านบน สายตาของเธอกวาดมองไปรอบกายเห็นกระท่อมที่คุ้นตา เฟยหลงจดจำกระท่อมหลังนี้ได้แม่นยำอย่างไม่มีวันลืม"ทำไมจู่ ๆ ถึงได้กลับมาที่กระท่อมกลางป่าอีกแล้ว" แม้ว่าจะสงสัยอยู่ไม่น้อย แต่บัดนี้หลี่เฟยหลงกำลังตะเกียกตะกายให้ตัวเองขึ้นมาจากในสระ ทันทีที่ร่างกายที่เปียกปอนของเธอปะทะเข้ากับสายลมที่พัดเข้ามาไม่ขาดสายทำให้รู้สึกหนาวเหน็บอยู่ไม่น้อย สองเท้าค่อย ๆ เดินขึ้นไปทางกระท่อมหลังนั้น ทุกอย่างดูไม่ผิดปกติจากที่เธอเห็นก่อนหน้านี้สักเท่าไหร่ เพียงแต่ที่แห่งนี้กลับรู้สึกว่ามีชีวิตชีวามากกว่าเมื่อคราวที่เธอมาในครั้งนั้นอยู่มาก"ท่านยาย.. ยาบำรุงนี้ปรุงอย่างนี้ใช่หรือไม่" ยังไม่ทันที่เธอจะผลักประตูเข้าไป หลี่เฟยหลงได้ยินเสียงของคนผู้หนึ่งดังขึ้นภายในกระท่อมหลังนั้น"ไม่ใช่! สมุนไพรชนิดนี้ไม่สามารถเป็นยาบำรุงได้เจ้าไปเอาชิ้นน
ตอนที่ 92 ข้าเองก็ไม่รู้ว่าจะอยู่รอท่านได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่ทั้งสองเมื่อได้รับการพ้นโทษจึงได้เร่งเดินทางกลับเข้าจวนทันที ระหว่างทางที่เธอและเขาผ่านนั้น ทั้งคู่พบว่ามีประกาศว่าสกุลเจิงเป็นผู้บริสุทธิ์ทำให้ทั้งสองรู้สึกยินดีเป็นอย่างมากทั้งสองเดินทางมาจนถึงหน้าจวน เฟยหลงมองไปยังประตูที่ช่างดูเงียบเหงาจนหัวใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ อวี้เจินปรายตามองใบหน้าของเธอเล็กน้อยส่งยิ้มให้เธอก่อนจะใช้มือหนาคว้าข้อมือของเธอไว้ เขาใช้อีกอีกข้างดันเพื่อเปิดประตูหน้าของจวนสกุลเจิง ทันทีที่ประตูจวนเปิดออก ภาพที่เขาเห็นนั้นทำให้ทั้งสองยิ้มกว้างออกมาด้วยความยินดี ท่านแม่ทัพใหญ่เจิงเถาฮ่วน สหายเจิงเจียอวี่ พร้อมด้วยข้ารับใช้ในจวนทั้งหมดกำลังยืนต้อนรับทั้งสอง อยู่ก่อนแล้ว"ยินดีต้อนรับกลับจวนขอรับท่านพ่อ น้องรอง และทุกท่านด้วย" เจิงอบุตรีจินเอ่ยกับทุกคนด้วยน้ำเสียงสดใสพร้อมด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม"ยินดีต้อนรับแม่ทัพน้อยเจิงกลับบ้าน" และเป็นเสียงของผู้เป็นบิดาของจวนเอ่ยต้อนรับเขาเช่นกัน"ยินดีต้อนรับแม่นางที่พ้นโทษ.. ได้รับคืนความบริสุทธิ์" ก่อนที่แม่ทัพใหญ่จะหันมาพูดกับเธอด้วยใบหน้าที่นึกขอบคุณไม่เพียงเท่านั้
ตอนที่ 91 ปิดคดีเฟยหลงเอ่ยออกมากับตัวเองเบา ๆ เมื่อยามที่เธอนั้นนั่งอยู่ที่ศาลาริมน้ำมองดูดอก บัวด้วยสายตาที่ไม่ยินดียินร้ายเดิมทีแล้วท่านยายบอกว่าร่างกายของอาเพ่ยนั้นจะอยู่ได้อีกหนึ่งเดือน แต่สิ่งที่เธอทำผิดพลาดอีกครั้ง คือพลังของเธอไม่สามารถขับพิษในร่างกายของฮ่องเต้ได้จนหมด หากเป็นเช่นนั้นร่างกายของฮ่องเต้ที่เคยชินกับพิษนี้ จะสามารถสร้างมันขึ้นมาได้ใหม่ สิ่งที่จะทำให้พระองค์หายขาดได้จึงไม่ใช่การขับออก แต่เป็นการดึงพิษทั้งหมดเข้ามาในร่างของเธอต่างหาก"เจ้าอยู่ในวังเบื่อหรือไม่" เสียงของเจิงอวี้เจินดังขึ้นทางด้านหลัง ทำให้เธอนั้นรีบหันไปมองชายอันเป็นที่รักพร้อมทั้งส่งรอยยิ้มให้เขา ก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อยเป็นการตอบรับ"ข้าเบื่อมาก" เธอเดินเข้าไปหาเขาอย่างว่าง่ายก่อนจะใช้สองมือเล็กกอดรอบแขนของเขาเอาไว้อย่างออดอ้อน ใช้ใบหน้าหวานซุกไปที่ทรวงอกของเขาก่อนค่อย ๆ ช้อนสายตาขึ้นมองใบหน้าของบุรุษผู้นี้อวี้เจินหันมองรอบกายซ้ายขวาเล็กน้อยก่อนจะก้มลงจุมพิตที่ริมฝีปากของเธออย่างรวดเร็วแล้วผละออก"ท่านทำอะไรเนี่ย""ก็ที่เจ้าออดอ้อนข้าเช่นนี้ไม่ใช่อยากให้ข้าทำเช่นนี้งั้นหรือ""ท่านไปร่ำเรียนความหน้า
ตอนที่ 90 นับเวลาถอยหลังกับชีวิตที่เหลืออยู่"ความยากลำบากที่หม่อมฉันได้รับ! เด็กสาวที่เคยร่าเริง.. ชื่นชอบการอ่านตำรา ปักผ้า ทำอาหาร มีความสุขกับครอบครัว.. เพียงแค่ชั่วข้ามคืน! ต้องกลายเป็นสตรีที่ไม่มีแม้แต่ที่ซุกหัวนอน! ไม่สามารถบอกใครได้ว่ามาจากตระกูลไหน!”“ทำได้เพียงขอข้าวขอน้ำดั่งขอทานข้างถนน! ไม่มีผู้ใดเหลียวแล.. ซุกหัวนอนตามรางหญ้า บางคราก็ต้องแย่งข้าวกับสุนัขเพื่อประทังชีวิต! โดนทำร้ายหยามเหยียดจนแทบไม่เหลือความเป็นคน! พระองค์รู้หรือไม่กว่าที่หม่อมฉันจะเข้ามาทำให้พระองค์สะดุดตาได้มิใช่เรื่องง่าย ความแค้นที่สุมอยู่ในอกของหม่อมฉันมันเกือบจะสำเร็จอยู่แล้ว.. หากว่านางหมอพิษผู้นั้นไม่หักหลังหม่อมฉัน! ป่านนี้พระองค์ได้ลงไปเฝ้ายมโลกแล้วกับท่านพ่อหม่อมฉันไปแล้ว!""ข้าว่าเจ้าเข้าใจผิดไปใหญ่แล้ว.. ข้ามีเหตุผลของข้า หากเมื่อครานั้นพ่อของเจ้าไม่คิดก่อกบฏข้าย่อมไม่ทำร้ายผู้บริสุทธิ์เป็นแน่""โกหก! พระองค์อย่ามาโกหกกับหม่อมฉัน! พ่อของหม่อมฉันไม่มีทางคิดก่อกบฏเป็นแน่! ท่านใส่ร้ายครอบครัวข้า ฆ่าครอบครัวข้าล้างตระกูลยังไม่พอ.. เวลานี้พระองค์ยังคิดจะใส่ร้ายตระกูลข้า! ท่านยังมีความเป็นคนอยู่หรือ