ตอนที่ 18 โรงน้ำชาหม่าเถา [2]
ใบหน้าที่หงิกงอของเจ้าจิ้งจอกเก้าหาง แสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจเป็นอย่างมาก และคาดว่าเสียงของเสี่ยวจ๋ายนั้นน่าจะดังเกินพอดี เพราะเพียงแค่คำพูดของเขาเอ่ยขึ้นมานั้น สายตาของผู้ร่ำสุราทั้งหลายในโรงน้ำชาแห่งนี้ได้ปรายตาขึ้นมาจ้องมองพวกเราทั้งสามเป็นตาเดียว
เพราะความคุกรุ่นในสายตาของสหายทั้งหลายที่จ้องมองมานั้น เพียงพอให้ตัวของเสี่ยวจ๋ายเริ่มที่จะสังเกตได้ เพราะทันทีที่ทุกสายตาจ้องมาที่พวกเราเจ้าจิ้งจอกตัวนี้ได้เงยหน้าขึ้นจากโต๊ะช้า ๆ พร้อมทั้งปรายตามองไปรอบโรงน้ำชานี้กระอักกระอ่วน
“เฮ้ย!” แต่สิ่งที่สร้างความสงสัยให้กับพวกเขาทั้งสอง ก็คงจะเป็นเจ้าจิ้งจอกสีขาวตัวนี้เพราะเหตุใดเขาถึงได้สะดุ้งตกใจจนทั้งสองเริ่มเห็นหางของเขาด้านหลังราง ๆ
“เสี่ยวจ๋าย! เก็บหางของเจ้าเดี๋ยวนี้นะ!” หลี่เฟยหลงที่ตกใจเกรงว่าเรื่องที่เจ้าจิ้งจอกน้อยนี้ไม่ใช่มนุษย์จะแตกออกไป เธฮรีบโยนจอกสุราลงโต๊ะอย่างไม่นึกเสียดายใช้มือทั้งสองไปจับหางทั้งเก้าของเขากดไว้แน่น
และตัวของเสี่ยวจ๋ายนั้นคงจะตกใจอยู่ไม่น้อยเช่นกัน เขาหันตามเสียงของเฟยหลงไปมองหางสีขาวนุ่มฟูพร้อมทั้งสะบัดมันเก็บเข้าที่อย่างรวดเร็ว แต่สิ่งที่ผิดปกติสำหรับจิ้งจอกเจ้าเล่ห์เช่นเขานั้น เห็นจะเป็นแววตาที่ตกใจจนวูบไหวอย่างที่ทั้งสองไม่เคยเห็นมาก่อน สายตาของเขานั้นยังคงจ้องมองไปที่สตรีผู้นั้นที่นั่งกอดอกจ้องมองขึ้นมาด้านบนไม่ต่างจากสหายท่านอื่น เพียงตาคนทั่วไปนั้นจะมองทั้งสามสลับกันไปมา แต่สตรีผู้นี้กลับจดจ้องเขม็งเล็งไปที่เสี่ยวจ๋ายเพียงผู้เดียว จิ้งจอกน้อยมองนางด้วยท่าทางเลิ่กลั่ก ไม่เพียงแค่นั้นยังทิ้งตัวนั่งลงไปหลบใต้โต๊ะอย่างหวาดกลัว แสดงอาการออกมาว่าเขานั้นหลบแม่นางผู้นั้นเป็นแน่
“อาจ๋าย.. เจ้ารู้จักแม่นางผู้นั้นงั้นหรือ” เจิงเจียอวี่มองอาการของทั้งสองอยู่นานเอ่ยขึ้นอย่างนึกสงสัย สายตาของเขาจ้องมองแม่นางผู้นั้นสลับกับก้มลงจ้องมองที่ปรากฏจ๋ายอยู่หลายครา และไม่เพียงแค่เจียอวี่เท่านั้นที่นึกสงสัย ยังรวมถึงสายตาของหลี่เฟยหลงอีกด้วย เธอยังคงปรายตามองไปยังสตรีผู้นั้นสลับกับปรายตามาก้มลงมองสหายไม่เลิกเช่นกัน
“ข.. ข้า..” เสี่ยวจ๋ายยังคงก้มตัวนั่งลงใต้โต๊ะราวกับเป็นผู้ร้ายหนีคดีร้ายแรง นั่นเป็นเหตุให้หลี่เฟยหลงเองเกิดคำถามในหัวอยู่มาก เพราะเหตุใดเสี่ยวจ๋ายถึงทำท่าทางหวาดกลัวมนุษย์ผู้นี้ ทั้งที่ก่อนนี้เจ้าจิ้งจอกเอ่ยออกมาเองว่าเขานั้นไม่ค่อยได้ลงมาโลกมนุษย์อย่างถงอวิ๋นเมิ่งสักเท่าไหร่
“อาอวี่.. เจ้าอย่าได้ไปซักไซ้ไล่หาความกับเจ้าจิ้งจอกนักเลย” หลี่เฟยหลงสะบัดศีรษะไล่ความคิดมากมาย มือเรียวเอื้อมไปหยิบจอกสุรา ก่อนจะเทสุราใบไผ่ลงไปจนเต็มขึ้นมายกดื่มอย่างไม่สนใจสหายด้านล่างเสียเท่าไหร่
“ข้าเชื่อว่าเสี่ยวจ๋ายเจ้าคงมีเหตุผลของเจ้า.. ใช่หรือไม่” แม้จะเป็นคำถามที่แสดงออกมาไว้ใจสหายตัวน้อยนี้ แต่กลับคลุมเครือในน้ำเสียงอยู่ไม่น้อย
ยังไม่ทันที่เสี่ยวจ๋ายนั้นจะได้เอ่ยคำใดออกมา เพียงไม่นานนักเฟยหลงปรายตามองเลยด้านหลังของเจียอวี่ออกไปอย่างมีความหมาย ด้านหลังนั้นปรากฏร่างของสตรีใบหน้าหวานผู้นั้น นางกำลังเยื้องกรายเข้ามาใกล้ทั้งสามอย่างกดดัน สายตาของนางยังคงจ้องมองไปที่เสี่ยวจ๋ายอย่างไม่ละสายตาเลยแม้แต่น้อย
“เสี่ยวจ๋าย~” นางหยุดนิ่งห่างจากโต๊ะของพวกเขาเพียงไม่ถึงสองฉื่อ เอ่ยเรียกสหายด้านล่างด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล ที่ต่างจากน้ำเสียงที่ทั้งสองได้ยินก่อนหน้านี้ราวพลิกฝ่ามือ
“ซินซู.. แฮะ ๆ” เจิงเจียอวี่และหลี่เฟยหลงที่เห็นอาการของทั้งสองที่ดูจะเป็นมิตรมากกว่าศรัตรู จึงนั่งเท้าคางเอียงคอมองทั้งสองอย่างพร้อมเพรียง นั่งดื่มสุราใบไผ่จอกแล้วจอกเล่ามองทั้งสองราวกับกำลังดูละครฉากใหญ่
เสี่ยวจ๋ายลุกออกจากใต้โต๊ะก่อนจะยืดตัวเต็มความสูง ยืนขึ้นสงบเสงี่ยมพร้อมทั้งหันไปมองสตรีผู้นี้ด้วยความรู้สึกหลากหลาย แต่เดี๋ยวนะ!
“ซินซู.. ซินซูงั้นหรือ.. หรือว่าท่านคือเหมยซินซูผู้นั้น” เพราะครั้งหนึ่งเสี่ยวจ๋ายเอ่ยถึงหญิงสาวที่ใจดีและแสนจะอ่อนโยนผู้นั้นให้เธอฟังอยู่ไม่น้อย ภาพที่เฟยหลงจินตนาการในครานั้นกับสตรีที่เธอมองเห็นด้วยตาเนื้อในครานี้มันช่าง.. แตกต่างเสียจริง
“แม่นาง.. รู้จักข้าเช่นนั้นหรือ” เหมยซินซูเบนใบหน้าจากเสี่ยวจ๋ายมาเอ่ยถามเฟยหลงด้วยความสงสัยอย่างไม่ปกปิด
“เสี่ยวจ๋ายเคยเอ่ยถึงแม่นางอยู่บ้าง.. ในทางที่ดี” ซินซูขมวดคิ้วเข้าหากันจนเกิดปมราวกับว่าเธอนั้นกำลังกังวลในใจมากกว่ายินดีที่เสี่ยวจ๋ายเอ่ยถึงเธอในโลกมนุษย์นี้
“เช่นนั้น.. แม่นางรู้จักเสี่ยวจ๋ายและข้ามากน้อยเพียงใดกัน” จากการรอบสังเกตของเฟยหลงนั้น รับรู้ได้ถึงความกังวลของแม่นางที่ค่อนข้างมาก เธฮปรายตามองปราดเดียวก็เริ่มเข้าใจนางอยู่บ้าง การแต่งกายของนางในเวลานี้นั้น ความกังวลที่แสดงออกมาทางสีหน้านั้น ยิ่งฐานะของนางที่แท้จริงนั้น คงเป็นเหตุนี้กระมังที่ทำให้นางกังวลถึงเพียงนี้
“สิ่งที่ข้ารู้.. มิได้แปลว่าเป็นสิ่งที่ข้านั้นจะยินดีป่าวประกาศออกไป.. เช่นนั้นแม่นางอย่าได้กังวลไป.. หากแม่นางซินซูไม่รังเกียจ ร่วมดื่มกับพวกข้าสักจอกดีหรือไม่ คิดเสียว่าพวกเรานั้นเป็นสหายกันแล้ว” หลี่เฟยหลงขยับเก้าอี้ข้างตนเองออกให้เซียนน้อยผู้นี้ได้นั่งลงข้างกัน
เหมยซินซูหันไปมองหน้าของเสี่ยวจ๋ายเล็กน้อยอย่างนึกชั่งใจ ก่อนจะเดินมานั่งลงข้างหลี่เฟยหลงอย่างว่าง่าย
“ข้าขอแนะนำตัวเสียหย่อย.. ข้ามีนามว่าเพ่ยเพ่ย”
“ส่วนทางนั้น สหายอีกคนของพวกเรา.. นามว่าเจียอวี่”
“หากทั้งสองไม่นึกรังเกียจ อยากร่วมเป็นสหาย ซินซูดีใจเป็นอย่างมาก.. เช่นนั้นแล้วข้าน้อยซินซูขอใช้เหล้าที่บ่มเองมาดื่มฉลองให้กับสหายทุกท่านดีหรือไม่” แม่จะเหมือนว่าเป็นคำถาม แต่เพียงสิ้นสุดคำพูดของเหมยซินซูแล้วนั้น ไหหยกเขียวที่บรรจุเหล้ามากกว่าสิบไหได้ปรากฏขึ้นบนโต๊ะอย่างน่าประหลาด
“เจ้าจะดื่มงั้นหรือ” เสี่ยวจ๋ายเอ่ยถามซินซูด้วยใบหน้าเป็นห่วง
“เหตุใดแม่นางซินถึงดื่มไม่ได้กัน” หลี่เฟยหลงหันไปถามกับซินซูที่ทำได้เพียงหันมายิ้มให้กับเธอ ก่อนที่เธอนั้นจะขยับนิ้วเพียงเล็กน้อย เหล้าทั้งหมดก็เข้ามาอยู่ในจอกของทั้งสี่อย่างพร้อมเพรียง
“เพื่อสหายทุกท่าน.. ซินซูขอบคุณสหายทั้งสองท่านมาก ที่ช่วยดูแลเสี่ยวจ๋ายสหายของข้า.. เชิญ~” เหมยซินซูยกจอกเหล้าขึ้นดื่ม ก่อนจะตามด้วยทั้งสามที่ยกขึ้นดื่มเช่นกัน
“รสชาตินี้.. ความหอมหวานละมุนลิ้นนี่ทำมาจากสิ่งใดกัน” เจียอวี่หันไปถามแม่นางซินอย่างนึกสงสัย สุราใบไผ่ที่ว่าเลิศรสแล้วนั้นยังต้องพ่ายให้กับสุราของแม่นางซิน รสชาติและกลิ่นของสุราจอกนี้ช่างแตกต่างอยู่มากโข
“เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงได้นำสุราส่วนของข้าไปให้ผู้อื่นกัน!”
ตอนที่ 19 อาเพ่ย.. เจ้าเป็นใคร [1]ยังไม่ทันที่เรื่องราววุ่นวายทั้งหลายจะได้สงบลงเสียสนิท ข้างโต๊ะของพวกเขาได้ปรากฏร่างของบุรุษหน้าหวานผู้หนึ่ง ชายผู้นี้ยืนจ้องมองใบหน้าของเหมยซินซูด้วยใบหน้าที่บึ้งตึงอย่างเอาเรื่องไม่กะพริบ บุรุษผู้นี้ไม่แม้แต่จะชายตามองผู้อื่นที่อยู่รอบโต๊ะนี้เลยแม้แต่น้อย“แล้วใครใช้ให้เจ้าโกหกข้ากัน..” เหมยซินซูตอบชายผู้นั้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่ได้สะทกสะท้านกับอารมณ์ที่ร้อนรนของเขาแต่อย่างใด นางยกมือเรียวขึ้นโบกไปมาให้แม้ว่าเขาจะยังคงจ้องหน้าของเธออย่างต้องการหาเรื่องอยู่เช่นนั้น แต่มีหรือสตรีผู้นี้จะสนใจ เหมยซินซูนั้นหาได้สนใจไม่ มิหนำซ้ำเธอนั่งนิ่งยกจอกสุราของตนเองขึ้นมากระดกดื่ม ปรายตา ท่าทางราวกับว่ากำลังเยาะเย้ยชายผู้นั้น“เจ้า! ข้าไปโกหกอันใดเจ้ากัน” บุรุษใบหน้าหวานที่เฟยหลงจำได้ว่าเขานั้นได้เดินออกจากโรงเตี๊ยมไปแล้วเป็นแน่ บัดนี้กลับมายืนถกเถียงกับเซียนน้อยเช่นนาง หรือบางคราแล้วบุรุษผู้นี้ก็อาจจะมิใช่มนุษย์กัน“เจ้าเอาข้าไปทิ้งไว้กลางป่า.. เพราะเจ้ารู้อยู่เต็มอกว่าข้าจำทางกลับบ้านไม่ได้ มากไปกว่านั้น.. ในป่ามีแต่สัตว์ร้ายเต็มไปหมด เจ้ายังกล้าทิ้งสตรีเช่นข้าไว
ตอนที่ 20 อาเพ่ย.. เจ้าเป็นใคร [2]สิ้นสุดคำถามของเธอนั้นสังเกตเห็นได้ว่าสตรีผู้นี้ทำเพียงปรายตามามองเธอแค่เล็กน้อยด้วยท่าทางน่าหมั่นไส้ไม่น้อย นางดึงใบหน้ากลับไร้ซึ่งคำตอบใดออกมาจากปากนางเช่นเดิมสตรีลึกลับผู้นี้เดินนำเฟยหลงไปยังทางลับสายหนึ่งที่ห่างไกลจากสายตาผู้คนอยู่มากโข ใช้เวลาเพียงไม่นานที่นางเปิดประตูทางลับเดินเข้ามาในเส้นทางที่คล้ายจะเป็นอุโมงค์ขนาดย่อมที่ดูร้อนชื้นจนอึมครึมเฟยหลงกวาดสายตามองอย่างพิจารณาเป็นอย่างดี พยายามเก็บทุกรายละเอียดหวังเพียงแค่ว่าเธอจะสามารถออกจากเส้นทางนี้ได้อย่างปลอดภัย เส้นทางลับนี้มองด้วยสายตาแล้วช่างคล้ายกับเขาวงกตที่มีระยะทางที่วกไปวนมาเธอเดินตามสตรีผู้นี้ไม่ห่างเมื่อคิดว่าหากหลงอยู่ในนี้เธอคงแห้งตายกลายเป็นโครงกระดูกเป็นแน่ สองเท้าน้อยเดินอยู่เกือบสองเค่อเห็นจะได้ จนทั้งสองนั้นมาโผล่อีกฝั่งของอุโมงค์อย่างปลอดภัยทันทีที่เท้าของเฟยหลงออกมาเหยียบพื้นดิน กลิ่นหอมที่คุ้นเคยจากสมุนไพรหลากหลายชนิดได้ลอยปะทะเข้ากับจมูกของเธอราวกับกำลังต้อนรับเธอภาพเบื้องหน้านั้นปรากฏเป็นกระท่อมไม้หลังใหญ่ที่ดูดีกว่ากระท่อมกลางป่าของเธออยู่มากโข เหล่าบรรดากิ่งไม้ ใบหญ
ตอนที่ 21 คนของสนมเอก [1]ยังไม่ทันที่สองเท้าของหลี่เฟยหลงจะได้ก้าวออกไปดูสมุนไพรพวกนั้นตาที่คิดไว้ ด้านหน้าประตูนั้นมีเสียงของสตรีผู้หนึ่งก็ดังขึ้น แม้ว่าการมาของสนมเอกนั้นจะเป็นสิ่งที่เธอปรารถนามาตลอด แต่เมื่อพระองค์มาด้วยพระองค์เองเช่นนี้กลับรู้สึกหวาดกลัวอยู่ไม่น้อย มือเล็กรีบเปิดประตูด้านหลังก่อนจะเดินไปยืนอยู่กลางห้องโถงด้วยอาการวิตกกังวลอยู่ไม่น้อย“พระสนมมาอย่างงั้นเหรอ.. เอายังไงดีหลี่เฟยหลง คิดสิ คิด!” ความว้าวุ่นใจเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน สองเท้าขยับเดินวนไปวนมาอยู่กลางห้องนั้น ดวงตากลมโปรายตาไปจ้องยังประตูด้านหน้าเรือนอย่างเป็นกังวลไม่ละสายตา ปลายเล็บคมข้างหนึ่งขยับจิกลงไปบนหลังมืออีกข้างสลับกันไปมาด้วยท่าทางหวั่นวิตก ท่าทางเช่นนี้จะเกิดขึ้นทุกครั้งเมื่อเธฮนั้นเป็นกังวลอย่างไม่สามารถแก้ให้หายได้“พระสนมเสด็จ~” ดวงตาหวานยังปรายตามองไปยังต้นทางของเสียงสตรีผู้นั้นที่ดังขึ้นอีกครั้ง ความรู้สึกประหม่าและหวาดกลัวเกาะกุมไปทั่วขั้วหัวใจจนเย็นเยือก แม้ว่าจะท่องในใจเป็นเวลาเกือบเจ็ดวัน ว่าสักวันหนึ่งสนมเอกของเรื่องต้องมาหาเธอเป็นแน่ แต่กลับไม่คาดคิดว่าพระองค์นั้นจะมีผลต่อจิตใจของเธอเช่น
ตอนที่ 22 คนของสนมเอก [2]“เช่นนั้นเจ้ารีบไป.. แล้วเจ้านั้นอย่าได้คิดไม่ซื่อหากเจ้ายังห่วงชีวิตน้องชายของเจ้า.. เจ้าเด็กกู่ป๋ายคนนั้นอยู่” หลี่เฟยหลงถึงกับขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจ พระสนมพูดถึงน้องชายงั้นหรือ เห็นทีว่าเรื่องนี้จะมีเรื่องลับลมคมในอะไรมากกว่าที่คิดเสียแล้ว หรือเพราะเรื่องของน้องชายถึงทำให้อาเพ่ยดึงตัวเราเข้ามาในมิตินี้กัน“เช่นนั้นแล้วน้องชายของหม่อมฉัน.. ตอนนี้อยู่ที่ใดหรือเพคะ”“เจ้ารู้เพียงหากงานนี้เจ้าทำสำเร็จโดยที่ไม่พาดพิงมาถึงข้าได้.. น้องชายของเจ้ากลับไปอยู่ในอ้อมอกของเจ้าแน่นอน” พระสนมซิงถานยกยิ้มมุมปากก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูแล้วช่างเยือกเย็นไปถึงขั้วหัวใจ ก่อนที่พระองค์นั้นจะเดินออกไปจากกระท่อมหลังนี้โดยไม่หันหลังกลับ ทิ้งให้เซนติเมตรลี่เฟยหลงยืนงงกับคำพูดของพระองค์อยู่ที่เดิม“เรื่องที่เรามาอยู่ในมิตินี้.. ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับน้องชายของเพ่ยเพ่ยเป็นแน่” เธอสลัดภาพของพระสนมออกจากสมองทันที สองเท้าก้าวยาวอย่างรวดเร็วตามออกไปดูด้านนอก เวลาเพียงชั่วพริบตาแต่กลับพบว่าพื้นที่หน้ากระท่อมนี้ช่างว่างเปล่า ราวกับไม่เคยมีใครมาเยี่ยมเยียนอย่างไรอย่างนั้น“เ
ตอนที่ 23 ตามหา [1]ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกขยาด เธอหยุดพลิกฝ่ามือของตัวเองก่อนจะคิดไปไหนต่อไหนจนวิตกไปมากกว่านี้ สายตาคมกริบจิกตามองไปยังหม้อดินเผาสีดำทะมึนทั้งหลาย ที่ถูกวางไว้บนก้อนหินขนาดพอเหมาะเรียงกันเป็นระเบียบเรียบร้อยอย่างพิจารณาหากเป็นดั่งที่หลี่เฟยหลงคิด หม้อสีดำทะมึนทุกใบที่อยู่บนก้อนเส้านี้ล้วนมีตัวสมุนไพรที่มีพิษตัวนี้ผสมอยู่ในหม้อด้วยกันทั้งหมด นั่นหมายความว่าทุกหม้อที่อยู่ตรงหน้าของเธอนี้ จะต้องจงใจปรุงยาพิษขึ้นมาไม่ผิดแน่ ร่างสวยยืนนิ่งใช้ดวงตากวาดตามองภาพด้านหน้าอย่างพิจารณาอยู่พักใหญ่ ก่อนจะเดินไปหยุดที่หน้าหม้อยาใบหนึ่งอย่างคิดไม่ตก“ในเมื่อตอนนี้ยาที่ปรุงนี้เย็นชืดหมดแล้ว หากเพียงแค่เปิดดู.. ไม่น่าจะเป็นอะไรร้ายแรงหรอกมั้ง” เหมือนมือของเธอจะไวกว่าความคิด เพราะทันทีที่เฟยหลงนั้นยังคิดไม่ตก ตบตีกับตัวเองว่าจะเปิดออกเพื่อดูสิ่งที่อยู่ด้านในนั้นดีหรือไม่ฝาหม้อดินเผาใบนั้นได้ถูกเปิดออกมาด้วยมือของเธอเสียแล้ว แม้จะตกใจจนมือเรียวชะงักค้างกลางอากาศ แต่เธอยังคงทำใจดีสู้เสือมองฝาหม้อในมือตัวเองอย่างตกใจอยู่แวบหนึ่ง ก่อนจะโน้มใบหน้าหวานมองเข้าไปด้านในอย่างประหม่า หม้อที่มีสมุนไ
ตอนที่ 24 ตามหา [2]“เหตุใดเจ้าถึงลืมข้าแล้ว” เมื่อเธอสังเกตดีแล้วพบว่าสตรีนางนี้สวมชุดนางกำนัน แบบเดียวกับคนของสนมเอก.. เช่นนั้นหรือว่านางไม่ใช่คนดี“แม่นางอย่าเพิ่งโกรธ.. ข้า.. ข้าเพิ่งได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ทำให้ข้านั้นมีอาการหลงลืมไปบ้างชั่วขณะ.. ขอแม่นางได้โปรดอภัย” แม้ชุดนี้จะเป็นนางกำนัลของพระสนมเอกซิงถาน แต่สตรีผู้นี้กลับไม่ได้ดูน่ากลัวแต่อย่างใด“แล้วเหตุใดเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่ได้” เธอเอ่ยถามเล็กน้อยก่อนจะหันไปเลือกผักอีกสองสามอย่าง แบบมิได้สนใจคำตอบสักเท่าไหร่ “ข้าเพียงแค่..” เมื่อประเมินดูจากสถานการณ์ในตอนนี้แล้ว สตรีนางนี้เป็นคนของพระสนมเป็นแน่ นางดูไม่ได้สนใจเลยสักนิดว่าเหตุใดตนเองมายืนอยู่ที่นี่ ไม่มีท่าทีใดที่เป็นผลร้ายเลยสักนิด และที่ผิดคาดปะติดปะต่อมากคือนางดูไม่ได้รังเกียจหรือคิดจะข่มเหงอาเพ่ยเหมือนคนอื่นเลยแม้แต่น้อย“ช่างเรื่องของเจ้าเถอะ.. แต่เมื่อครู่เจ้าบอกว่าได้รับบาดเจ็บงั้นหรือ เช่นนั้นเจ้าไปกับข้าสิ” เธอยื่นก้อนเงินให้พ่อค้าขายผัก ก่อนจะเดินนำหน้าไปหลายก้าวถึงแม้ว่าหลี่เฟยหลงจะงุนงงกับสตรีผู้นี้อยู่ไม่น้อย แต่สำหรับเธอแล้วตอนนี้นางเป็นตัวช่วยเดียวที่สามารถพึ
ตอนที่ 25 ตามหาน้องชาย [1]น้ำเสียงที่แสดงถึงความตกใจที่คุ้นหูดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง ยังไม่ทันที่หลี่เฟยหลงจะได้แสดงอาการตกใจหรือดีใจนั้นออกไป มีฝ่ามือหนาพุ่งมากระชากเรียวแขนของเธอจากทางด้านหลังทั้งสองข้าง สองมือนั้นกระชากด้วยความแรงที่มากพอจะนำพาให้ร่างกายของเธอนั้นปลิวหวือไปตามแรงอย่างว่าง่าย“พวกเจ้า!” และเมื่อดวงตากลมโตนั้นมองเห็นได้ชัด ว่าผู้ที่อยู่ด้านหลังของเธอนั้นเป็นผู้ใด หลี่เฟยหลงเปลี่ยนจากอาการที่กำละงจะตกใจเป็นหันไปกระโดดกอดรอบคอของเจ้าจิ้งจอกน้อยนั้นเอาไว้แน่น สองเท้าของเธอกอดรัดรอบเอวของสหายผู้นี้ราวกับว่าเธอนั้นเป็นเด็กน้อยวัยสามขวบด้วยความรู้สึกที่ทั้งดีใจและโล่งใจทางด้านของเจ้าจิ้งจอกขาวเสี่ยวจ๋ายนั้นก็ได้กอดตอบเธอด้วยความเร็วอย่างไม่เขินอาย มือของเขาลูบหลังของเฟยหลงราวกับว่ากำลังปลอบโยน เธอไม่รู้ตัวมาก่อนเลยว่าที่ผ่านมานั้นเธอเองคิดถึงพวกเขามากเพียงนี้มันเป็นความรู้สึกที่เมื่อเห็นหน้าของพวกเขาทั้งสอง ความหวาดกลัวและอึดอัดใจที่เคยสั่งสมมานั้นได้สลายหายไปอย่างกับมีเวทมนตร์ อาจเป็นเพราะทั้งสามนั้นผ่านเรื่องราวต่าง ๆ มาด้วยกัน ถึงแม้ว่าจะเป็นเวลาที่ไม่นาน แต่สำหรับหล
ตอนที่ 26 ตามหาน้องชาย [2]“น้องชาย!” อาจจะเพราะว่าที่ผ่านมาทั้งสองนั้นไม่เคยได้ยินเรื่องน้องชายของอาเพ่ยเลยสักครั้งจะตกใจก็คงไม่แปลกเมื่อหลังจากที่เธอนั้นหายไป จู่ ๆ ก็มีเรื่องน้องชายโผล่มาเช่นนี้“ข้า..” และเพราะเธอเองก็ไม่รู้ว่าจะต้องบอกกับสหายทั้งสองว่าอย่างไร จะบอกว่าเพ่ยเพ่ยนางมีชีวิตเป็นหมอยาในวัง แต่ที่นางปรุงนั้นเป็นเพียงการปรุงยาพิษเช่นนั้นหรือ หากเป็นเช่นนั้นทั้งสองจะเข้าใจว่าเธอมีเรื่องที่ปกปิดมากมายหรือไม่ หรือหากทั้งสองไม่เชื่อใจเธออีกต่อไปจะเข้าใจว่าอาเพ่ยนางจงใจโกหกหรือไม่“อาเพ่ยเจ้ามีสิ่งใดก็พูดมาเถอะ” และอาจเพราะว่านั่นคือเสี่ยวจ๋าย จิ้งจอกหนุ่มที่ใจร้อนไม่ชอบการรอหรือสิ่งที่คลุมเครือเสียเท่าไหร่ การอ้ำอึ้งของเธอจึงเรียกได้ว่าค่อนข้างน่ารำคาญสำหรับเขาไปเสียหน่อยกระมัง“ข้าจำเป็นต้องกลับเข้าไปในวัง..”“เจ้าหมายความว่าเช่นไร” เสี่ยวจ๋ายขมวดคิ้วเข้าหาจนแทบจะเกยกันอยู่รอมร่อด้วยความไม่เข้าใจ“เจ้าต้องการให้ข้าทำสิ่งใดบ้าง” แต่สิ่งที่น่าแปลกใจสำหรับหลี่เฟยหลงผู้นี้ คือเจิงเจียอวี่เขาไม่ได้ดูตกใจกับเรื่องที่ได้ยินมากนัก ใบหน้าของสหายผู้นี้ทั้งสงบ สุขุม และยังดูเยือกเย็นแต
ตอนที่ 98 เจิงฮูหยิน.. ข้ามาแล้วทั้งสี่ยืนมองเจิงอวี้เจินที่ร้องไห้อย่างน่าสงสาร สองแขนของเขากอดร่างกายของภรรยาเอาไว้แน่น ใบหน้าคมประกบจูบลงที่ริมฝีปากของนางก่อนจะขยับเลื่อนไปหอมแก้มทั้งสองข้างของเธอ พร้อมทั้งจุมพิตที่หน้าผากอย่างอ่อนโยนก่อนจะค่อย ๆ ช้อนตัวของเฟยหลงนั้นขึ้นยืนเต็มความสูงเพื่อเดินอุ้มนางไปวางไว้บนเตียง"ข้าขออยู่ส่งนางจนวินาทีสุดท้ายได้หรือไม่" เขาหันมามองท่านยายหลิงไถที่พยักหน้าให้เล็กน้อย เมื่อเขาได้รับอนุญาตแล้วจึงได้ขึ้นไปนอนคู่กันกับเธอบนเตียง สองแขนกอดร่างกายของเธอเอาไว้แน่นอยากสัมผัสไว้ให้นานที่สุด"พวกเจ้าทั้งสองออกไปรอด้านนอกก่อน ข้าจะเตรียมพิธีและเมื่อถึงเวลาอันสมควรข้าจะให้กู่ป๋ายออกไปเรียกพวกเจ้า" สิ้นสุดคำพูดของท่านยายสหายทั้งสองได้มองใบหน้าของเจิงอวี้เจินและหลี่เฟยหลงอีกครั้งก่อนจะเดินออกไปรอด้านนอกอย่างว่าง่าย"กู่ป๋าย.. เจ้ากลัวหรือไม่" แม้ว่าเจิงอวี้เจินนั้นจะได้ยินเสียงของท่านยายและน้องชายของแม่นางเพ่ยเพ่ยคุยกัน แต่เขากลับได้หาสนใจไม่ เขาไม่สนใจเลยว่าทั้งสองจะพูดเรื่องอะไร เขาสนใจเพียงแต่เขาอยากจะกอดร่างกายของภรรยาของเขาเอาไว้ให้นานที่สุด น้ำตาของชาย
ตอนที่ 97 หากนางอยู่ที่นี่.. นางจะเจ็บปวด"เหตุใดเจ้าถึงไม่ยินดี.. ในเมื่อเรื่องนี้เราทั้งสองนั้นได้คุยกันมาก่อนแล้วไม่ใช่หรือ ว่าหากจบเรื่องราวทั้งหมด ข้าจะให้ท่านพ่อของข้าไปสู่ขอเจ้า""ท่านพี่.. ข้ารักท่านอย่างที่ไม่เคยรักชายใดมาก่อน ท่านเป็นคนแรกที่ทำให้ข้ารู้จักคำว่ารัก คำว่าห่วงใย เพียงแต่ท่านหลงลืมไปแล้วอย่างนั้นหรือว่าข้ามิใช่คนในโลกใบนี้ หากเมื่อเราทั้งสองนั้นได้ตกลงปลงใจเข้าร่วมพิธีสมรสในครั้งนี้ หากข้าต้องสลายกลายเป็นเถ้าธุลีท่านจะอยู่อย่างโดดเดี่ยวข้าไม่ยินดีให้ท่านเป็นเช่นนั้น ข้าไม่ยินดีที่ให้งานมงคลสมรสของเราทั้งคู่เป็นสิ่งที่จะเหนี่ยวรั้งท่าน.. ท่านเข้าใจความรู้สึกของข้าหรือไม่""แม่นางหลี่เฟยหลง.. เช่นนั้นเจ้าฟังคำของข้าให้ดี ต่อให้ในโลกใบนี้หรือใบไหน หากเจ้าอยู่ที่ใดข้าขอให้คำมั่นสัญญาต่อฟ้าดินเพื่อเป็นพยาน ข้าจะรักเพียงเจ้าจะติดตามเจ้า ไปทุกที่ หรือต่อให้เจ้าจะทิ้งข้าไว้ในที่แห่งนี้ ทะเลเพลิง ภูเขาน้ำแข็งหรือต้องตายกี่ครั้ง ข้าก็ไม่เสียใจเลยแม้แต่น้อย ขอเพียงแค่ข้าได้รักเจ้าได้ดูแลเจ้าได้อยู่กับเจ้า แม้จะเป็นเพียงหนึ่ง วัน สองวัน เจ็ดวัน หนึ่งเดือน หนึ่งปี หรือตลอดชี
ตอนที่ 96 ข้าไม่ยินดีสำหรับงานมงคลสมรสในครานี้เฟยหลงมองดูแม่นางเพ่ยเพ่ยที่กระโดดโลดเต้นไปมาราวกับว่านางนั้นกำลังทำสิ่งที่เฝ้ารอจนสำเร็จ ด้วยความดีใจของสตรีผู้นี้ที่ดูจะดีใจเกินกว่าปกติทำให้เธอรู้สึกอยากรู้อีกครั้งได้ชะโงกหน้าไปมองที่ตำราเล่มนั้นอีกครา ในตำราหมายเหตุไว้ว่าหากต้องการสิ่งใดให้นึกถึงสิ่งนั้น เป็นการซ้อนวิญญาณของสิ่งมีชีวิตอีกโลกขนานหนึ่ง"สิ่งมีชีวิตอีกโลกหนึ่ง.. เหตุใดในยุคสมัยนี้ถึงรู้เรื่องราวเหล่านี้""ข้าต้องการท่านแม่.. หากข้าสามารถเรียกวิญญาณท่านแม่ได้เรื่องราวพวกนี้ก็จะจบลง แต่หากข้าทำไม่สำเร็จวิญญาณของคนผู้นั้นที่ข้าเรียกมาต้องสะสางเรื่องราวยุ่งเหยิงที่ข้าก่อขึ้นนี้ได้เป็นแน่"แม่นางเพ่ยพูดจบก็ได้วางทุกอย่างลงบนโต๊ะ พร้อมทั้งหยิบเจ้าปลาตัวใหญ่นั้นเดินเข้าไปในครัว แม้ว่าหลี่เฟยหลงจะอยู่ที่นี่อยู่นาน แต่เธอกลับไม่รู้ว่าที่แห่งนี้ส่วนนั้นเป็นครัวที่สามารถทำอาหารได้ เพียงแต่ไม่มีอุปกรณ์ใดที่ใช้ในการทำอาหารอะไรสักอย่าง เธอมองดูแม่นางเพ่ยเพ่ยที่ใช้พลังสีทองของตนในการถอดเกล็ดปลาเสียบไม้แล้วย่าง นางใช้พลังของตนเองในการทำจนหมดสิ้นราวกับไม่ว่าเธอจะไปอยู่ที่แห่งใดย่อมไม่อด
ตอนที่ 95 ซ้อนวิญญาณวิชาต้องห้ามสตรีผู้นี้แผดเสียงดังสนั่นไปทั่วทั้งห้องขัง สาดคำพูดต่อว่าสตรีที่สูงส่งผู้นี้อย่างไม่ได้รู้สึกเกรงกลัว แต่นอกจากที่พระสนมเอกจะไม่ได้รู้สึกโกรธเคืองหรือไม่พอใจแล้ว นางกลับกำลังยกยิ้มอย่างชอบใจสายตาคู่นั้นของแม่นางเพ่ยเพ่ย มองไปทางน้องชายที่ถูกลากออกไป ราวกับหมูหมากาไก่เปรียบเหมือนว่าเขานั้นไม่ใช่สิ่งมีชีวิต ความรู้สึกคับแน่นในอกเริ่มทำให้นางไม่มีทางเลือก หากนางไม่ทำตามคำที่สนมเอกบอก ชีวิตของน้องชายนางไม่รอดแน่ แต่หากนางทำเรื่องที่พระสนมต้องการนั่นถือว่าเป็นเรื่องใหญ่มากสำหรับเธอ หากมันสำเร็จก็ไม่ได้หมายความว่าชีวิตของเธอและน้องชายจะรอด แต่ก็ไม่ได้มีอะไรการันตีว่าทั้งสองจะไม่รอด"เจ้าคิดให้ดีหากเจ้าทำมันสำเร็จข้ารับรองว่าชีวิตของเจ้าและน้องชายเจ้า จะเดินทางออกจากแคว้นฉวางอย่างปลอดภัยหายห่วง.. แต่หากเจ้าไม่ยินดีข้าจะ นำหัวของน้องชายเจ้ามาคืนให้เจ้า.. เจ้าว่าเช่นนี้ดีหรือไม่"แม่นางเพ่ยเพ่ยทำได้เพียงจ้องมองไปที่น้องชายของตนเอง ที่กำลังหายลับไปจนสุดสายตา ก่อนจะสลับมามองพระสนมเอกที่มีนิสัยละโมบโลภมาก เธอไม่รู้เลยว่าทางออกของเธอควรเป็นอย่างไร เธอรู้เพียงแต่ใน
ตอนที่ 94 เจ้ามันปีศาจเธอตะโกนออกมาด้วยเสียงที่ดังก้องกังวานอย่างไม่มีที่สิ้นสุดจนรู้สึกแสบคอ ก่อนจะเด้งตัวมานั่งขัดสมาธิพร้อมทั้งกอดอก อย่างคนที่หงุดหงิด สายตาของเธอกวาดมองไปรอบ ๆ อีกครั้งก่อนจะหลับตาลงเล็กน้อย"ถ้าหงายหลังนอนอีกครั้งจะไปตกที่หลังคาวังหลวงหรือเปล่านะ" แม้ว่าเธอจะคิดเล่น ๆ แต่ทันทีที่เธอหงายหลังนอนลงไปอีกครา ร่างกายของเธอรู้สึกเบาหวิวอีกครั้ง"กำลังเดินทางอีกแล้วสินะ" เธอไม่แม้แต่จะลืมตามามองรอบกาย ทำได้เพียงแค่กอดอกพร้อมปล่อยร่างกายของตัวเองให้ไหลไปตามกระแสลมที่ได้รับฟึ่บ!แต่ครั้งนี้เธอรู้สึกว่าตนเองนั้นตกลงมาที่กองฟางเห็นจะได้ ดวงตาทั้งสองเปิดขึ้นเห็นเพียงแค่ความมืดสนิท เธอค่อย ๆ ใช้มือทั้งสองคลำไปรอบกายรับรู้ได้ว่ามันคือกองฟางจริง ๆ เฟยหลงดันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งพร้อมทั้งสอดสายตามองหาแสงสว่าง"จับมัน!" เธอต้องตกใจเมื่อได้ยินเสียงของผู้ชายคนหนึ่งเอ่ยคำสั่งที่น่ากลัว พร้อมทั้งเสียงฝีเท้าอีกหลายคู่วิ่งเข้ามาในกระท่อมหลังนี้ สองเท้าของเธอก้าวเดินออกไปข้างหน้าตามแสงสว่างที่มีเพียงน้อยนิดนั้น เธอแอบมองจากด้านในเห็นทหารมากมายในชุดดำกำลังจับสองพี่น้องที่ไม่มีทีท่าว่าจะร้
ตอนที่ 93 ความหลังของเพ่ยเพ่ยตู้ม!!แต่ไม่รู้ว่าเป็นเคราะห์ซ้ำหรือกำซัด ทันทีที่ก้นของเธอแตะที่ปุยเมฆขาวนุ่มฟูนั้นร่างกายของเธอก็ได้ตกลงไปในสระน้ำแห่งหนึ่งจนเนื้อตัวเปียกปอนฟู่ว~ทันทีที่เธอนั้นตะเกียกตะกายขึ้นโผล่พ้นน้ำ ริมฝีปากบางได้พ่นลมหายใจออกมาอย่างแรงเพื่อฮุบเอาอากาศด้านบน สายตาของเธอกวาดมองไปรอบกายเห็นกระท่อมที่คุ้นตา เฟยหลงจดจำกระท่อมหลังนี้ได้แม่นยำอย่างไม่มีวันลืม"ทำไมจู่ ๆ ถึงได้กลับมาที่กระท่อมกลางป่าอีกแล้ว" แม้ว่าจะสงสัยอยู่ไม่น้อย แต่บัดนี้หลี่เฟยหลงกำลังตะเกียกตะกายให้ตัวเองขึ้นมาจากในสระ ทันทีที่ร่างกายที่เปียกปอนของเธอปะทะเข้ากับสายลมที่พัดเข้ามาไม่ขาดสายทำให้รู้สึกหนาวเหน็บอยู่ไม่น้อย สองเท้าค่อย ๆ เดินขึ้นไปทางกระท่อมหลังนั้น ทุกอย่างดูไม่ผิดปกติจากที่เธอเห็นก่อนหน้านี้สักเท่าไหร่ เพียงแต่ที่แห่งนี้กลับรู้สึกว่ามีชีวิตชีวามากกว่าเมื่อคราวที่เธอมาในครั้งนั้นอยู่มาก"ท่านยาย.. ยาบำรุงนี้ปรุงอย่างนี้ใช่หรือไม่" ยังไม่ทันที่เธอจะผลักประตูเข้าไป หลี่เฟยหลงได้ยินเสียงของคนผู้หนึ่งดังขึ้นภายในกระท่อมหลังนั้น"ไม่ใช่! สมุนไพรชนิดนี้ไม่สามารถเป็นยาบำรุงได้เจ้าไปเอาชิ้นน
ตอนที่ 92 ข้าเองก็ไม่รู้ว่าจะอยู่รอท่านได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่ทั้งสองเมื่อได้รับการพ้นโทษจึงได้เร่งเดินทางกลับเข้าจวนทันที ระหว่างทางที่เธอและเขาผ่านนั้น ทั้งคู่พบว่ามีประกาศว่าสกุลเจิงเป็นผู้บริสุทธิ์ทำให้ทั้งสองรู้สึกยินดีเป็นอย่างมากทั้งสองเดินทางมาจนถึงหน้าจวน เฟยหลงมองไปยังประตูที่ช่างดูเงียบเหงาจนหัวใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ อวี้เจินปรายตามองใบหน้าของเธอเล็กน้อยส่งยิ้มให้เธอก่อนจะใช้มือหนาคว้าข้อมือของเธอไว้ เขาใช้อีกอีกข้างดันเพื่อเปิดประตูหน้าของจวนสกุลเจิง ทันทีที่ประตูจวนเปิดออก ภาพที่เขาเห็นนั้นทำให้ทั้งสองยิ้มกว้างออกมาด้วยความยินดี ท่านแม่ทัพใหญ่เจิงเถาฮ่วน สหายเจิงเจียอวี่ พร้อมด้วยข้ารับใช้ในจวนทั้งหมดกำลังยืนต้อนรับทั้งสอง อยู่ก่อนแล้ว"ยินดีต้อนรับกลับจวนขอรับท่านพ่อ น้องรอง และทุกท่านด้วย" เจิงอบุตรีจินเอ่ยกับทุกคนด้วยน้ำเสียงสดใสพร้อมด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม"ยินดีต้อนรับแม่ทัพน้อยเจิงกลับบ้าน" และเป็นเสียงของผู้เป็นบิดาของจวนเอ่ยต้อนรับเขาเช่นกัน"ยินดีต้อนรับแม่นางที่พ้นโทษ.. ได้รับคืนความบริสุทธิ์" ก่อนที่แม่ทัพใหญ่จะหันมาพูดกับเธอด้วยใบหน้าที่นึกขอบคุณไม่เพียงเท่านั้
ตอนที่ 91 ปิดคดีเฟยหลงเอ่ยออกมากับตัวเองเบา ๆ เมื่อยามที่เธอนั้นนั่งอยู่ที่ศาลาริมน้ำมองดูดอก บัวด้วยสายตาที่ไม่ยินดียินร้ายเดิมทีแล้วท่านยายบอกว่าร่างกายของอาเพ่ยนั้นจะอยู่ได้อีกหนึ่งเดือน แต่สิ่งที่เธอทำผิดพลาดอีกครั้ง คือพลังของเธอไม่สามารถขับพิษในร่างกายของฮ่องเต้ได้จนหมด หากเป็นเช่นนั้นร่างกายของฮ่องเต้ที่เคยชินกับพิษนี้ จะสามารถสร้างมันขึ้นมาได้ใหม่ สิ่งที่จะทำให้พระองค์หายขาดได้จึงไม่ใช่การขับออก แต่เป็นการดึงพิษทั้งหมดเข้ามาในร่างของเธอต่างหาก"เจ้าอยู่ในวังเบื่อหรือไม่" เสียงของเจิงอวี้เจินดังขึ้นทางด้านหลัง ทำให้เธอนั้นรีบหันไปมองชายอันเป็นที่รักพร้อมทั้งส่งรอยยิ้มให้เขา ก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อยเป็นการตอบรับ"ข้าเบื่อมาก" เธอเดินเข้าไปหาเขาอย่างว่าง่ายก่อนจะใช้สองมือเล็กกอดรอบแขนของเขาเอาไว้อย่างออดอ้อน ใช้ใบหน้าหวานซุกไปที่ทรวงอกของเขาก่อนค่อย ๆ ช้อนสายตาขึ้นมองใบหน้าของบุรุษผู้นี้อวี้เจินหันมองรอบกายซ้ายขวาเล็กน้อยก่อนจะก้มลงจุมพิตที่ริมฝีปากของเธออย่างรวดเร็วแล้วผละออก"ท่านทำอะไรเนี่ย""ก็ที่เจ้าออดอ้อนข้าเช่นนี้ไม่ใช่อยากให้ข้าทำเช่นนี้งั้นหรือ""ท่านไปร่ำเรียนความหน้า
ตอนที่ 90 นับเวลาถอยหลังกับชีวิตที่เหลืออยู่"ความยากลำบากที่หม่อมฉันได้รับ! เด็กสาวที่เคยร่าเริง.. ชื่นชอบการอ่านตำรา ปักผ้า ทำอาหาร มีความสุขกับครอบครัว.. เพียงแค่ชั่วข้ามคืน! ต้องกลายเป็นสตรีที่ไม่มีแม้แต่ที่ซุกหัวนอน! ไม่สามารถบอกใครได้ว่ามาจากตระกูลไหน!”“ทำได้เพียงขอข้าวขอน้ำดั่งขอทานข้างถนน! ไม่มีผู้ใดเหลียวแล.. ซุกหัวนอนตามรางหญ้า บางคราก็ต้องแย่งข้าวกับสุนัขเพื่อประทังชีวิต! โดนทำร้ายหยามเหยียดจนแทบไม่เหลือความเป็นคน! พระองค์รู้หรือไม่กว่าที่หม่อมฉันจะเข้ามาทำให้พระองค์สะดุดตาได้มิใช่เรื่องง่าย ความแค้นที่สุมอยู่ในอกของหม่อมฉันมันเกือบจะสำเร็จอยู่แล้ว.. หากว่านางหมอพิษผู้นั้นไม่หักหลังหม่อมฉัน! ป่านนี้พระองค์ได้ลงไปเฝ้ายมโลกแล้วกับท่านพ่อหม่อมฉันไปแล้ว!""ข้าว่าเจ้าเข้าใจผิดไปใหญ่แล้ว.. ข้ามีเหตุผลของข้า หากเมื่อครานั้นพ่อของเจ้าไม่คิดก่อกบฏข้าย่อมไม่ทำร้ายผู้บริสุทธิ์เป็นแน่""โกหก! พระองค์อย่ามาโกหกกับหม่อมฉัน! พ่อของหม่อมฉันไม่มีทางคิดก่อกบฏเป็นแน่! ท่านใส่ร้ายครอบครัวข้า ฆ่าครอบครัวข้าล้างตระกูลยังไม่พอ.. เวลานี้พระองค์ยังคิดจะใส่ร้ายตระกูลข้า! ท่านยังมีความเป็นคนอยู่หรือ