ตอนที่ 3 เกิดอะไรขึ้น (1)
เสียงสายฟ้าที่ฟาดลงมาจนดังสนั่นหวั่นไหว แสงสว่างวาบจนแสบตา ราวกับว่าดวงตานั้นกำลังถูกไอร้อนจากหม้อหม่าล่าสายพานที่ชอบกินพวยพุ่งใส่จนเกือบจะมืดบอด เป็นเหตุให้เฟยหลงสะดุ้งตื่นจากความฝันนั้น ฝันที่เธอกำลังงุนงงและปะติดปะต่อเรื่องราวที่เห็น ก่อนจะขยับเปลือกตาขึ้นมากะพริบถี่
รอบดวงตาสวยยังสัมผัสได้ถึงความแสบร้อน ราวกับว่ามันพึ่งผ่านการร้องไห้หนักมาหมาด ๆ เฟยหลงพยายามใช้สายตาของตนโฟกัสไปรอบกาย ทั้งที่รอบกายของเธอในตอนนี้นั้นมีเพียงความมืดมิด ก่อนจะนึกบางอย่างออกรู้สึกว่าช่วงก่อนหน้านี้เธอจะฝันถึงเรื่องราวอะไรสักอย่าง แต่เมื่อเค้นสมองมากเท่าไหร่กลับนึกออกเพียงไม่กี่อย่าง
“หญิงสาว..กระท่อม.. ฮองเฮา.. ฮ่องเต้.. สนม.. แล้วอะไรอีกนะ”
เฟยหลงนอนจ้องมองความมืดสนิทอย่างนึกประหลาด ห้องนอนของเธอมืดสนิทเพียงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ไม่มีแม้แต่แสงสว่างจากโคมไฟที่หัวเตียงที่เปิดเป็นประจำ ไม่มีแสงไฟจากโน๊ตบุ๊คเครื่องโปรดที่มักจะอยู่บนเตียงไม่เคยห่าง
เธอดันตัวเองให้ลุกขึ้นอย่างยากลำบากมือไม้ปัดป่ายไปรอบตัว แต่สัมผัสแรกที่เธอได้รับมันกลับเป็นความแข็งของเตียงไม้ที่ไม่คุ้นเคย ซึ่งแน่นอนนี่ต้องไม่ใช่เตียงนุ่มฟูหนาเก้านิ้วสุดที่รักของคนอย่างหลี่เฟยหลงเป็น แน่
“ไม่เอานะ ไม่เอาแบบนี้ ยังฝันไม่ตื่นอีกเหรอ”
ความประหลาดใจนี้สร้างความรู้สึกหวาดกลัวจนลำคอของเธอนั้นแห้งผาก ไม่รู้เลยว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้นกับตัวเองกันแน่ และไม่แม้แต่จะรับรู้ได้เลยว่าที่นี่คือที่ไหน เมื่อเธอเริ่มตั้งสติจมูกได้กลิ่นหอมของสมุนไพรบางชนิดที่ทำให้รู้สึกเย็น ลอยเข้ามาแตะที่ปลายจมูกอย่างกลิ่นที่คุ้นเคย
“กลิ่นอะไรกัน เหมือนยาดมเลยแฮะ”
เฟยหลงใช้ความพยายามอย่างมากที่จะเพ่งสายตามองในความมืดที่แทบจะเรียกได้ว่ามืดสนิท เมื่อรู้แล้วว่าความพยายามใช้สายตานั้นไม่ได้ผล จึงเลือกที่จะเปลี่ยนมาใช้จมูกสูดดมกลิ่นเพื่อเดินตามความหอมนั้นแทน
สองมือปัดป่ายไปรอบตัวอย่างระมัดระวัง สองเท้าก้าวเดินห่างจากเตียงไม้มาได้ไม่มากนัก ปลายนิ้วสัมผัสได้ถึงบานไม้ที่มีขนาดใหญ่ จากการสัมผัสปัดป่ายไปทั่วทั้งบานแล้ว จากขนาดแล้วน่าจะเทียบเท่ากับบานประตูเห็นจะได้
เธอใช้มือควานหาลูกบิด แต่จนแล้วจนรอดกลับไม่มีจุดไหนที่บ่งบอกได้เลยว่านั่นคือสิ่งที่เธอตามหา หลี่เฟยหลงใช้ปลายนิ้วแตะไปที่บานไม้นั้นพร้อมทั้งใช้แรงดันนิดหน่อย บานไม้บานนั้นก็เปิดออกอย่างง่ายดาย
ความสว่างจากด้านนอกปะทะเข้ากับสายตาด้วยความกะทันหัน ทำให้เธอหลับตาลงอย่างรวดเร็ว ทิ้งเวลาไว้เกือบนาทีเปลือกตาจึงเริ่มขยับเปิดขึ้น เมื่อสายตามองเห็นด้านนอกได้ชัดเจนแล้วกลับยิ่งทำให้เฟยหลงนั้นยืนนิ่งราวหุ่นปั้น
แทบไม่อยากจะเชื่อสายตาของตัวเอง ภาพด้านหน้าที่ปรากฏต่อสายตาของเธอนั้นคือหม้อดินเผาใบใหญ่สามสี่ใบที่คุ้นตา ตั้งอยู่บนเตาฟืนทำหน้าที่ต้มสมุนไพรจนส่งกลิ่นหอมโชยออกมา
“ฝันนานเกินไปแล้วนะ..ตื่นสิ!”
แม้นจะยืนถกเถียงกับตัวเอง แต่ข้างหม้อต้มยานั้นมีสมุนไพรหน้าตาประหลาดวางเรียงรายหลายชนิด ถัดจากนั้นมีโคมไฟสีส้มสลัวที่ดูยังไงก็ไม่ทันสมัยตั้งอยู่กลางห้องเพื่อส่องแสงสว่าง ห้องนี้ดูคุ้นมากราวกับห้องของหญิงผู้นั้นที่เธอเห็นในความฝันไม่มีผิด
"นี่มันอะไรกันเนี่ย ทำไมไม่ตื่นสักทีหลี่เฟยหลง!"
เฟยหลงที่คิดได้ดังนั้น จึงยกฝ่ามือของตัวเองข้างหนึ่งตบเข้าที่ใบหน้าของเธอสุดแรง เพื่ออยากทดสอบว่าที่นี่ยังเป็นความฝันหรือไม่ แต่เมื่อฝ่ามือนั้นกระทบเข้ากับเนื้อนิ่มที่แก้ม ความรู้สึกที่เจ็บจนชาทำให้เธอมั่นใจได้เลย แม้ว่าจะไม่ได้ส่องกระจกแต่มั่นใจเป็นอย่างมากว่าต้องเกิดรอยนิ้วขึ้นมาทั้งห้านิ้วแน่นอน
“โคตรเจ็บเลย อะไรเนี่ย.. นี่ไม่ใช่ความฝันเหรอ”
ตอนที่ 4 เกิดอะไรขึ้น (2)เฟยหลงใช้มือลูบแก้มของตัวเองป้อย ๆหากที่นี่คือสถานที่ในความฝันก่อนหน้านี้จริง ย่อมต้องมีหญิงผู้นั้นอยู่ที่นี่เป็นแน่ เมื่อคิดได้ดังนั้นสองเท้าจึงขยับก้าวเดินอย่างระวัง สองตาเริ่มมองซ้ายเหล่ขวาหาหญิงผู้นั้น แต่ไม่ว่าเธอจะมองหาตรงไหน เดินจนรอบกระท่อมเพียงไร กลับไม่พบบุคคลหรือสิ่งมีชีวิตอื่นที่อยู่ในบริเวณนี้เลยสักนิดสองเท้าขยับเดินไปรอบตัวกระท่อมอีกครั้งอย่างพิจารณา บรรยากาศที่รับรู้ได้ มีทั้งเย็นและชื้นชวนขนลุกพิกล เธอมองรอบผ่านความสว่างที่มีเพียงโคมไฟเก่าที่จะดับแหล่มิดับแหล่หลี่เฟยหลงใช้มือสั่นเทา นั้นยื่นไปดันประตูอีกบานให้เปิดออก สายตาคู่คมของเธอปะทะเข้ากับความมืดที่เรียกได้ว่ามืดสนิท ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลยว่าท้องฟ้าในคืนนี้มืดมิดน่ากลัวเพียงใด ด้านนอกนั้นโปรยปรายและปกคลุมไปด้วยฝนเม็ดโตที่กระหน่ำตกลงมาอย่างไม่ขาดสาย“ฝนตกหนักขนาดนี้เลย.. แล้วนี่มันเรื่องบ้าอะไรเนี่ย”ยังไม่ทันที่มือของเธอจะดึงประตูบานนั้นมาปิด ท้องฟ้าที่ไม่ได้มีทีท่าว่าจะผ่าหรือส่งเสียงคำราม บัดนี้กลับสว่างวาบก่อนจะดังเปรี้ยงปร้างในชนิดที่ว่ารับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนของอากาศโดยรอบเปรี๊ยง!!
ตอนที่ 5 หมอยาจำเป็น (1)ถึงแม้ว่าเฟยหลงจะงุนงงกับการกระทำของตัวเอง แต่เธอนั้นก็สามารถจัดการเปลื้องผ้าของชายผู้นี้จนอยู่ในสภาพที่เปลือยเปล่าไปเสียแล้วดวงตาทั้งสองหลับปี๋ คลุมท่อนล่างของเขาเอาไว้ด้วยผ้าคลุมผืนใหญ่ เช็ดล้างคราบน้ำฝน คราบเลือดของชายผู้นี้จนสะอาด หาชุดที่คาดว่าใหญ่พอมาสวมให้ก่อนที่ภาพด้านหน้าที่เห็นนั้นจะติดตาไปมากกว่านี้สิ่งที่เฟยหลงเห็นในแวบแรกนั้นคือ บนร่างกายของชายผู้นี้ไร้รอยขีดข่วน เดาได้ว่าน่าจะไม่ใช่แม่ทัพ ทหาร หรือโจรป่าใจโฉด พิจารณาจากผิวพรรณดูคล้ายจะผ่านการบำรุงดูแลมาเป็นอย่างดี นั่นคือชายผู้นี้อาจจะเป็นเพียงจอมเสเพล ที่ดื่มเหล้าเคล้านารีกะมั้ง จะมีก็เพียงรอยแผลใหม่ที่เพิ่งใช้ผ้าทำความสะอาดไปเมื่อสักครู่สองสามรอยเท่านั้นหลังจากเช็ดตัวเขาเรียบร้อย พร้อมทั้งจัดการสวมชุดที่หามาได้เท่าที่มีในกระท่อมหลังนี้ให้เขาแล้ว เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเธอยังไม่ได้ทำแผล เฟยหลงหลับตาลงหายใจเข้าออกเป็นจังหวะ เริ่มตั้งสติของตัวเองให้นิ่งขึ้น ก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดผ้าเพื่อดูบาดแผลนั้นอีกครั้งอย่างใจไม่สู้ดีนัก“ยุบหนอพองหนอ”“แผลลึกขนาดนี้ ไปทำอะไรที่ไหนมาเนี่ย”หมับ!“เอ๊ะ”“เจ้าเป็นใ
ตอนที่ 6 หมอยาจำเป็น (2)ผ่านไปนานเกือบชั่วโมงที่เธอค้นซอกนั้น หาซอกนี้ เมื่อมั่นใจว่าไม่มีแล้วเธอจำเป็นต้องเปิดตำราอีกครั้ง เพื่อที่จะหาแหล่งที่มาของสมุนไพรชนิดที่ต้องการ เพียงไม่นานเธอก็ได้คำตอบที่ต้องการ ไม่รอช้าสองเท้ารีบเดินจ้ำอ้าวไปหยิบหมวกสานใบใหญ่ และโคมไฟดวงน้อยที่มันสลัวจนแทบจะมองไม่เห็น พร้อมทั้งหยิบตะกร้าสานใบเล็กขึ้นมาคล้องแขน ราวกับมันคือกระเป๋าแบรนด์ดังที่เพิ่งนำเข้าจากยุโรป“ไว้ฟื้นมาก่อนเถอะ จะทบต้นทบดอกเลยคอยดู”ในใจเอาแต่นึกก่นด่าโชคชะตาของตนเองว่าเพราะเหตุใด ทำไมต้องมาเจอกับเรื่องราวประหลาดอะไรเช่นนี้ด้วย แต่พอมองหน้าคนผู้นี้แล้วหลี่เฟยหลงทำได้แต่ยืนทำสมาธิอยู่พักใหญ่ ก่อนที่เธอจะลอบถอนหายใจเสียงดังแบบไม่ปกปิดเธอตัดสินใจใช้มือผลักประตูออกไปจนสุด สายฝนยังคงกระหน่ำลงมาอย่างไม่มีทีท่าจะสงบ มองจากความรู้สึกแล้วดูเหมือนจะหนักกว่าก่อนหน้านี้อีกด้วย และยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดในช่วงเวลานี้ แม้ว่าจะไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้ แต่ชีวิตผู้ชายคนนั้นก็ยังคงสำคัญเช่นกัน“ท่องไว้หลี่เฟยหลง คุณธรรมสำคัญกว่าความกลัว ฮึ๊บ!”เธอยืนมองออกไปด้านนอกอย่างพิจารณา แล้วทำได้เพียงแค่ถอนหายใจออกมาอย
ตอนที่ 7 จิ้งจอกตัวน้อยสายตาที่หรี่ลงจนเกือบจะเป็นเส้นตรงกำลังจ้องมองหาเสียงที่ได้ยินผ่านความมืด พร้อมทั้งหันขวับไปตามเสียงร้องน่ารักนั้น เธอจ้องมองอย่างดีแล้วและพบว่าเสียงนั้นมาจากในป่าสมุนไพรที่เธอเพิ่งลุกออกมาได้ไม่นาน เฟยหลงเริ่มขยับขาเข้าไปตามเสียงร้องบางเบานั้นช้า ๆเปรี๊ยง!กรี๊ด!!!อัตราการเต้นของหัวใจแรงขึ้นหลายเท่า สองขาย่อลงสองมืออุดหู ก้มลงกอดตัวเองแน่น ดวงตาทั้งสองข้างหลับลงอัตโนมัติ เมื่อเธอมั่นใจว่าเสียงฟ้าผ่าเงียบหายไปแล้ว เฟยหลงขยับเปลือกตาให้เปิดขึ้นอย่างเชื่องช้า หัวใจที่เต้นรัวไม่เป็นจังหวะเมื่อสักครู่เริ่มปรับลงจนเป็นจังหวะปกติ เธอมองโคมไฟที่กระเด็นไปจนแสงไฟที่เดิมทีก็สลัวอยู่แล้ว ค่อย ๆ ดับลงจนดับสนิท“แย่แล้ว มืดขนาดนี้จะกลับยังไง” เฟยหลงมองโคมไฟนั้นด้วยสายตาที่ละห้อยอย่างหมดอาลัยตายอยากแต่พอนึกขึ้นได้ว่าเธอได้ยินเสียงของอะไรสักอย่างที่มาจากพุ่มสมุนไพรไม่ไกลนัก เธอชั่งใจอยู่นานแต่เพราะเสียงร้องนั้นเริ่มจะดังขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับกำลังหวังจะให้เธอเป็นที่พึ่ง หลี่เฟยหลงเลือกตัดสินใจเดินเข้าไปในพุ่มสมุนไพรนั้นอย่างเชื่องช้างิ๊ง!งิ๊ง~“เอ๋! นี่เจ้าเป็นแมว..หรือหมากั
ตอนที่ 8 ผู้ร่วมชะตาคนใหม่ (1)“ถ้าเจ้ารู้ว่าข้าเป็นปีศาจจิ้งจอกเก้าหาง..เจ้าจะไม่ตกใจจนสิ้นชีพเลยหรือ” เสี่ยวจ๋ายยืนมองเธอผ่านแสงสลัวจากตะเกียงที่ส่องแสงริบหรี่ พร้อมทั้งดึงผ้ามาคลุมกายให้เธออย่างเบามือเปาะ!เพียงแค่เขานั้นดีดนิ้ว แสงไฟในห้องนั้นพร้อมใจกันดับลงจนมืดสนิท จิ้งจอกเก้าหางในร่างมนุษย์เดินสะบัดหางไปจนทั่วด้วยการเรืองแสงจากร่างกายของตน สองเท้าก้าวไปผลักเปิดประตูออก เขามาด้านนอกใช้จมูกสูดดมและสายตาคมกริบมองปราดเดียวก็รู้ได้ว่าที่นี่มีแต่กลิ่นยาและสมุนไพร ถัดจากหม้อยาที่ตั้งอยู่กลางห้องโถงไปนั้นบนเตียงไม้มีร่างของชายผู้หนึ่งที่กำลังหลับใหลอยู่จ๋ายเฉินฉี นั่นคือนามของจิ้งจอกเก้าหางสีขาวแห่งป่าท้อที่เป็นเพื่อนเล่นของเซียนบุปผาอย่าง เหมยซินซู แต่เมื่อไม่กี่ชั่วยามมานี้ระหว่างที่กำลังแอบดื่มสุราดอกท้อ ชมวิวที่เต็มไปด้วยลูกท้อสวรรค์น่ากินทั้งหลาย กลับมีพายุลูกใหญ่พัดผ่านป่าท้ออย่างรวดเร็ว ยังไม่ทันที่จะได้ตกใจก็พัดให้เขานั้นตกลงมายังถงอวิ๋นเมิ่งเสียแล้วยามอิ๋น“เสี่ยวจ๋าย.. เจ้าอยู่ไหนน่ะ” เฟยหลงขยี้หูขยี้ตาเดินออกมาด้วยชุดที่ตนนอนเมื่อคืน พร้อมผ้าคลุมไหล่ผืนบาง ตามหาหมาจิ้งจอก
ตอนที่ 9 ผู้ร่วมชะตาคนใหม่ (2)ชายหนุ่มรูปงามผู้นั้นเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน ราวกับว่ากำลังต่อว่าเธอด้วยสายตาว่าเธอนั้นไม่รู้เรื่องอย่างไรอย่างนั้น แม้ว่าจะไม่อยากสนใจ แต่บุรุษผู้นี้ต้องยอมรับเลยว่าช่างสง่าผ่าเผยราวกับลูกเจ้าขุนคุณนายอะไรเทือกนั้น“แล้วมันกินอะไร” เฟยหลงหันมาถามบุรุษผู้นั้น สายตาจ้องมองเขาที่กำลังเดินลงจากเตียงไม้มายืนยืดตัวเต็มความสูง รอยยิ้มชั่วร้ายกระตุกยกขึ้นที่มุมปากพร้อมกันนั้นเขายังจ้องหน้าเธออย่างมีปริศนา“แล้ว.. เจ้ามีนามว่าอะไรหรือ” เขาไม่ได้ตอบหรือสนใจคำถามเธอเลยแม้แต่น้อย แต่กลับขยับปัดเครื่องแต่งกายจัดแจงเสื้อผ้าของตน ก่อนจะหันมาถามนามของเธอ “นามของข้า.. เจียอวี่ เจ้าเรียกข้าว่าอาอวี่ได้”“ข้า..” หลี่เฟยหลงที่กำลังจะบอกชื่อของตนออกไปว่าเธอมีนามว่าเฟยหลง แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าตัวเธอนั้นยังไม่รู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้ของเธอนั้นเป็นเช่นไร นั่นทำให้เธอได้แต่เงียบไว้“แค่นามของเจ้า.. ก็หวงหรือ” เจียอวี่ไม่เพียงจะถือสา แต่เขากลับเริ่มเดินสำรวจในกระท่อมนี้ทีละจุด จับนั่น วางนี่ ก่อนจะหันมาถามเธอ“หรือว่าเจ้าจะเป็น หมอปรุงยาลึกลับกลางป่า..ผู้นั้น”เจียอวี่เดินมองข
ตอนที่ 10 จิ้งจอกน้อยกลายร่าง“ที่เหลือเจ้าทำ”"ทำ.. ทำอะไร” เฟยหลงหันไปถามเจียอวี่ด้วยความไม่เข้าใจ“ปลานี่ ข้าหามาให้เจ้าแล้ว.. เจ้าก็ควรปรุงมันให้ข้ากินดีหรือไม่” เจียอวี่ชี้นิ้วไปที่ปลาที่เขาเพิ่งไปหามาได้ช้า ๆ“ข้า.. ข้าทำไม่เป็น” เธอเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาเจียอวี่ได้ยินเช่นนั้นได้แต่นิ่งเงียบ ปลาที่ได้มาถูกทิ้งลงตามแรงโน้มถ่วงของโลก เฟยหลงที่เห็นท่าทางหมดอาลัยตายอยากนั้นรู้สึกเสียใจเป็นยิ่งนัก เธอตัดสินใจลุกขึ้นยืนด้วยความเร็ว ตามมาด้วยสายตาของจิ้งจอกน้อยที่มองเธออย่างมีความหวัง“ต.. แต่แค่ปลาย่างก็พอจะได้อยู่”แม้แต่เธอเองก็แทบจะไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองจะเอ่ยออกไปแบบนี้ หลี่เฟยหลงสาวน้อยที่วัน ๆ เอาแต่แต่งนิยายกับสั่งเดลิเวอรี่กำลังจะมาย่างปลาให้ใครไม่รู้กินงั้นหรือ แต่ไหน ๆ ก็เห็นแก่ที่เขาพยายามไปหาปลามาให้เจ้าเสี่ยวจ๋ายแล้วกัน การย่างปลาให้ก็ไม่เท่าไหร่หรอก.. มั้ง“เสี่ยวจ๋ายเจ้าอยากกินปลาสด หรือปลาย่าง” เฟยหลงหันไปถามเจ้าจิ้งจอกน้อย2 ชั่วยามผ่านไป“มาแล้ว” เธอเดินถือไม้ที่มีปลาย่างตัวสีดำเกรียม ยื่นให้เจียอวี่ด้วยใบหน้าที่ตื่นเต้น ก่อนจะยื่นให้จิ้งจอกน้อยหนึ่งตัว แล
ตอนที่ 11 การเดินทางของสามเกลอ“เจ้าจิ้งจอก!” เจียอวี่ทำหน้าเหมือนไม่อยากเชื่อสายตาแต่ก็ใช้เวลาเพียงไม่นาน เพราะต่อมาชายผู้นั้นรีบจ้ำอ้าวเดินลงมายังข้างลำธารที่มีเสี่ยวจ๋ายร่างมนุษย์ยืนอยู่ด้วยความเร็วแสง สองขายาวที่น่ายำเกรงเดินลงมาหยุด มองซ้ายแลขวาจับเสี่ยวจ๋ายหัวสำรวจทุกพื้นที่“เจ้านี่เป็นตัวประหลาดหรือเป็นสิ่งใดกัน”“ข้ามิใช่ตัวประหลาด เจ้าดู!นี่หางของข้าของแท้แน่นอน และข้าเป็นถึงเพื่อนเล่นของเหมยซินซูแห่งป่าท้อเชียวนะ” เสี่ยวจ๋ายเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ดังขึ้น หางทั้งหมดที่มีเริ่มกระดิกดุ๊กดิ๊กอย่างน่ารักน่าชัง“หนึ่ง..สอง..สาม..สี่..” เจียอวี่ขยับนิ้วนับหางของเสี่ยวจ๋ายด้วยความรู้สึกตื่นเต้น แบบเด็กน้อยที่เห็นของเล่นชิ้นใหม่“เก้าหาง ไม่ต้องนับ!” เสี่ยวจ๋ายสะบัดหางทั้งเก้าโชว์อย่างโอ้อวด ภูมิใจ ใบหน้าเชิดขึ้นพร้อมทั้งลอยหน้าลอยตาอย่างน่าหมั่นไส้“เจ้าพูดได้ แล้วเหตุใดเจ้าไม่พูดตั้งแต่แรก” เจียอวี่ยืดตัวเต็มความสูง เท้าเอวจ้องหน้ามองเสี่ยวจ๋ายอย่างหาเรื่อง“ก็ข้าแค่ไม่อยากเสวนากับคนอย่างเจ้า” แต่มีหรือเจ้าจิ้งจอกอย่างเขาจะกลัว เพราะทันทีที่เจียอวี่ยืดตัวเท้าเอว เสี่ยวจ๋ายเองก็ทำท่าเ
ตอนที่ 18 โรงน้ำชาหม่าเถา [2] ใบหน้าที่หงิกงอของเจ้าจิ้งจอกเก้าหาง แสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจเป็นอย่างมาก และคาดว่าเสียงของเสี่ยวจ๋ายนั้นน่าจะดังเกินพอดี เพราะเพียงแค่คำพูดของเขาเอ่ยขึ้นมานั้น สายตาของผู้ร่ำสุราทั้งหลายในโรงน้ำชาแห่งนี้ได้ปรายตาขึ้นมาจ้องมองพวกเราทั้งสามเป็นตาเดียวเพราะความคุกรุ่นในสายตาของสหายทั้งหลายที่จ้องมองมานั้น เพียงพอให้ตัวของเสี่ยวจ๋ายเริ่มที่จะสังเกตได้ เพราะทันทีที่ทุกสายตาจ้องมาที่พวกเราเจ้าจิ้งจอกตัวนี้ได้เงยหน้าขึ้นจากโต๊ะช้า ๆ พร้อมทั้งปรายตามองไปรอบโรงน้ำชานี้กระอักกระอ่วน“เฮ้ย!” แต่สิ่งที่สร้างความสงสัยให้กับพวกเขาทั้งสอง ก็คงจะเป็นเจ้าจิ้งจอกสีขาวตัวนี้เพราะเหตุใดเขาถึงได้สะดุ้งตกใจจนทั้งสองเริ่มเห็นหางของเขาด้านหลังราง ๆ“เสี่ยวจ๋าย! เก็บหางของเจ้าเดี๋ยวนี้นะ!” หลี่เฟยหลงที่ตกใจเกรงว่าเรื่องที่เจ้าจิ้งจอกน้อยนี้ไม่ใช่มนุษย์จะแตกออกไป เธฮรีบโยนจอกสุราลงโต๊ะอย่างไม่นึกเสียดายใช้มือทั้งสองไปจับหางทั้งเก้าของเขากดไว้แน่นและตัวของเสี่ยวจ๋ายนั้นคงจะตกใจอยู่ไม่น้อยเช่นกัน เขาหันตามเสียงของเฟยหลงไปมองหางสีขาวนุ่มฟูพร้อมทั้งสะบัดมันเก็บเข้าที่อย่างรวดเร็ว
ตอนที่ 17 โรงน้ำชาหม่าเถา [1]โรงน้ำชาหม่าเถา“เจ้าดื่มสุราได้หรือไม่” เจียอวี่เอ่ยถามหลังจากที่เขานั้นพาเธอเดินมาหยุดหน้าโรงน้ำชามีชื่อ“หม่าเถา..” หลี่เฟยหลงแหงนใบหน้าขึ้น อ่านป้ายชื่อของโรงน้ำชาหลังนี้ ก่อนจะพยักหน้าให้เจียอวี่สองเท้าก้าวเดินตามสหายเข้าไปด้านใน ข้าวของเครื่องใช้ทุกอย่างของที่นี่ไม่ต่างจากในซีรีส์ที่เธอดูเลยสักนิด หลี่เฟยหลงกวาดสายตามองโดยรอบอย่างตื่นตา เมื่อกำลังนึกสนุกคิดว่าตนเองนั้นกำลังอยู่ในซีรีส์เรื่องหนึ่งที่เธอมีโอกาสได้เป็นนักแสดง ทั้งสองเดินผ่านโถงกลางร้านที่มีผู้เฒ่าหนวดขาวท่าทางจะใจดี กำลังนั่งเล่านิทานอย่างออกรสออกชาติ เพราะความอยากรู้อยากเห็น ทำให้สายตาของเธอนั้นจดจ้องผู้เฒ่านั้นอย่างนึกสนใจในเรื่องราวที่เขาเล่าขาน“เจ้าอยากฟังงั้นหรือ.. เช่นนั้นเราไปนั่งด้านบนดีหรือไม่” เจียอวี่หันมาเอ่ยถามเธอด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล เมื่อเห็นว่าเฟยหลงนั้นหยุดเดิน พร้อมทั้งยังยืนมองไปที่นักเล่านิทานอย่างไม่ละสายตา“อืม..” แม้ว่าเธอนั้นจะยังไม่ละสายตาจากชายชราผู้นั้น แต่สองเท้าของเธอกลับยังคงก้าวเดินตามเจียอวี่ไม่ห่างปึก!“โอ๊ย!”แต่อาจเป็นเพราะว่าเธอนั้นจะขาสั้นไปนิดทำให
ตอนที่ 16 ลับลมคมใน [2]และเพราะความไม่สบายใจที่สุมอยู่ในอกนั้น ทำให้หลี่เฟยหลงต้องดันตัวเองลุกให้ขึ้นมาอีกครั้ง ใบหน้าหวานเบือนไปจ้องยังประตูหน้าห้องพักอย่างชั่งใจ เธอใช้เวลานั่งจ้องประตูนั้นอยู่เกือบหนึ่งเค่อ สลับกับปรายตามามองยังโต๊ะข้างเตียงอย่างคิดหนักเอาการดวงตาสีน้ำตาลเข้มจ้องมองลูกดอกที่ยังคงปักอยู่ข้างโต๊ะไม้ ก่อนจะเอื้อมมือไปแตะมันอย่างเบามือพร้อมทั้งดึงมันออกมาห่อด้วยผ้าผืนบาง เมื่อรู้สึกว่าหากอยู่เช่นนี้อย่างไรจิตใจก็ไร้ทางที่จะสงบ เฟยหลงจึงตัดสินใจก้าวสองเท้าของเธอย่องอย่างเชื่องช้าราวกับว่าเธอนั้นเป็นโจรย่องเบามายังประตูหน้าห้องพัก เธอเอียงหน้าใช้หูแนบบานไม้เพื่อฟังเสียงของด้านนอก เมื่อเธอไม่ได้ยินเสียงอื่นใดนอกจากความสงัด มือเรียวยกขึ้นมาก่อนจะใช้มันดันประตูไม้บานนั้นให้เปิดออกอย่างเบามือที่สุดใบหน้าหวานยื่นออกมาด้านนอกห้องเพียงเล็กน้อย เธอหรี่สายตากวาดมองซ้ายมองขวาก่อนจะยกยิ้มมุมปากอย่างชอบใจ ในเมื่อด้านนอกห้องพักนั้นไม่มีใครในบริเวณนี้ หลี่เฟยหลงจึงรีบก้าวเท้าออกจากห้องพักอย่างเร็วที่สุด ทำทุกอย่างด้วยความเงียบเชียบพร้อมทั้งปิดประตูห้องลงอย่างเบามือเธอยกสองมือขึ้นม
ตอนที่ 15 ลับลมคมใน [1]“ข้าจะรอเจ้า..” แม้จะตอบบุรุษผู้นี้ออกไปด้วยเสียงเข้มแข็งและหนักแน่น แต่ใจส่วนที่ลึกที่สุดของนางแล้วนั้น กลับไม่รู้เลยว่าคำว่าจะกลับไปของจ๋ายเฉินฉีนั้นคือเมื่อใด ไป๋ซูเซียวมองตามหลังของเฉินฉีด้วยสายตาที่ไม่อาจจะคาดเดาความหมายได้ จนร่างของเจ้าจิ้งจอกขาวนั้นหายไปจนพ้นสายตาเซิงเซียนหยุน“เป็นอย่างไรบ้าง.. เจ้าเจอเสี่ยวจ๋ายหรือไม่” เสียงหวานละมุนของเหมยซินซูเซียนบุปผาหนึ่งเดียวแห่งยอดเขาเซิงเซียนหยุน เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ทั้งกังวลและตื่นเต้น เมื่อเห็นว่าสหายซูเซียวนั้นเดินทางกลับมาถึงป่าท้อเมื่อครู่ เมื่อไม่กี่ชั่วยามก่อน ซินซูได้ไหว้วานให้จิ้งจอกขาวเก้าหางหางแดงอย่างเธอนั้น ไปตามหาจิ้งจอกขาวเก้าหางหางฟ้าที่ถูกพายุประหลาดพัดหล่นหายไปเมื่อหลายวันก่อน เธอค่อนข้างมั่นใจ ว่าหากตกลงไปจากป่าท้อนั้นย่อมลงไปโลกมนุษย์เป็นแน่ แต่เมื่อมานั่งตระหนักว่าแล้วเหตุใดเสี่ยวจ๋ายถึงยังไม่กลับมานางก็อดเป็นห่วงไม่ได้“เจอแล้ว.. เจ้าเลิกเป็นห่วงได้แล้ว” ซูเซียวเอ่ยตอบสหายซินซูด้วยท่าทางไร้อารมณ์อย่างเห็นได้ชัดว่านางนั้นอารมณ์ไม่ค่อยจะดีนัก ซินซูจึงทำเพียงมองสหายผู้นี้อย่างเงียบเชียบ
ตอนที่ 14 ดินแดนแคว้นฉวาง [2] “อาอวี่.. เจ้าพักที่นี่งั้นหรือ” เพราะเธอจำได้ว่าในนิยายของเธอ จวนแห่งนี้คือจวนของแม่ทัพใหญ่เจิงเถาฮ่วน เหตุใดเจียอวี่ถึงพามาที่นี่และเหตุใดเจียอวี่ถึงรู้จักแม่ทัพเจิง หรือว่าที่นี่จะเพียงแค่ชื่อคล้ายกัน อาจจะไม่ใช่แม่ทัพเจิงดั่งในนิยายนั่นก็เป็นได้“นี่คือจวนของท่านพ่อข้า.. แม่ทัพเจิง.. เจิงเถาฮ่วน เจ้าเคยได้ยินนามนี้หรือไม่” เจียอวี่พูดขึ้นด้วยความภูมิใจ สายตา น้ำเสียง แสดงออกถึงความภูมิใจอย่างเห็นได้ชัด“แม่ทัพเจิงเถาฮ่วน.. คือท่านพ่อเจ้างั้นหรือ” แปลก แต่กลับเป็นเรื่องจริง เธอจำได้อย่างดีว่าในนิยายที่เธอแต่งนั้น แม่ทัพใหญ่เจิงเถาฮ่วนไม่มีครอบครัว ไม่ยุ่งสตรี นั่นยิ่งไร้บุตร เหตุใดถึง..“เจ้าอาจจะไม่เคยได้ยินแต่ไม่เป็นไร.. พวกเราเข้าไปด้านในกันก่อนเถอะ” เจียอวี่เอ่ยขึ้นพร้อมทั้งพาอ้อมไปยังโรงเลี้ยงม้า ก่อนจะพากันเดินเข้ามาในจวน“คุณชายรองกลับมาแล้วหรือขอรับ” เสียงของชายที่มีใบหน้าหล่อเหลา สะอาดสะอ้าน แต่การแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่ค่อนข้างจะธรรมดาไปเสียหน่อย เดาว่าน่าจะเป็นบ่าวรับใช้ในจวนเป็นแน่“ข้ากลับมาแล้ว.. เจ้าช่วยบอกคนเตรียมห้องพักให้สหายของข้าสัก
ตอนที่ 13 ดินแดนแคว้นฉวาง [1]“เมื่อครู่.. เถ้าแก่นั้นพูดว่าม้าสามตัว.. เราออกไปดูก่อนกันก่อนดีหรือไม่” เมื่อเห็นด้วยกับคำพูดของเสี่ยวจ๋าย พวกเขาทั้งสามจึงตัดสินใจลองเปิดประตูนั้นอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้มันกลับถูกเปิดออกอย่างง่ายดาย ราวกับที่แห่งนี้เป็นโรงเตี๊ยมธรรมดาแห่งหนึ่งเมื่อทั้งสามออกมาได้แล้วนั้น ด้านหน้าปรากฏม้าที่ถูกผูกไว้กับต้นไม้สามตัว เจียอวี่เดินเข้าไปตรวจสอบเมื่อเห็นว่าม้าทั้งสามไม่ได้มีกลไก อาคม หรือความผิดปกติใด พวกเขาทั้งหมดพร้อมใจกันหันกลับไปเพื่อที่จะขอบคุณเถ้าแก่โรงเตี๊ยม ก็ต้องยืนนิ่งงันราวกับว่าฝันไป เพราะพื้นที่ตรงนั้นกลับว่างเปล่าราวกับว่าไม่เคยมีโรงเตี๊ยมหลังนั้นมาก่อน“อะไรกันเนี่ย” เฟยหลงยิ่งเพิ่มความสงสัยไม่หาย เธอยืนมองพื้นที่ว่างเปล่านั้นด้วยความรู้สึกไม่อยากเชื่อสายตา ก่อนนี้ตรงนี้มีโรงเตี๊ยมเป็นเรื่องจริง อาหารที่กินก็เรื่องจริง เธอยกมือขึ้นมาลูบหน้าผากมนของตัวเอง ทั้งเจ็บและโนเป็นเรื่องจริง ม้าสามตัวเบื้องหน้าก็เรื่องจริง“ไปได้แล้ว” และยังคงเป็นเจียอวี่ที่ส่งเสียงเรียกให้เธอหลุดจากภวังค์นั้น เธอมองพื้นที่โดยรอบอีกครั้งอย่างนึกสงสัยแต่ก็เพียงแค่นั้น เพร
ตอนที่ 12 พวกข้าไม่มีเงิน“ไหนเจ้าบอกว่าไม่ไกลมิใช่หรือ.. เหตุใดหมู่บ้านที่เจ้าว่ายังไม่ถึงเสียที” เสี่ยวจ๋ายหันไปถามเจียอวี่ พร้อมทั้งสลับมองใบหน้าที่ไร้อารมณ์ของหลี่เฟยหลง ที่คล้ายกับว่าเธอนั้นเดินด้วยท่าทางที่แสนจะสบาย ไม่ได้แสดงอาการเหน็ดเหนื่อยออกมาเลยแม้แต่น้อย“เจ้าบ่นเช่นนี้.. ข้ากำลังคิดว่าเจ้าเหนื่อยนะเจ้าจิ้งจอก” และเพราะสหายตัวน้อยนี้ช่างน่าหยอกเย้า เจียอวี่ได้ที่จึงหยุดนิ่งไม่ได้ขยับ พร้อมทั้งหันไปมองใบหน้าของเสี่ยวจ๋ายที่ทำหน้าหงิกงออย่างไม่ค่อยจะสบอารมณ์“ข้าไม่ได้เหนื่อย!” แต่เพราะคำพูดที่น่าจะทิ่มแทงหัวใจจึงทำให้จิ้งจอกน้อยอย่างเสี่ยวจ๋ายนั้นสะบัดหน้าหนี ก่อนจะหันขวับมามองที่หลี่เฟยหลงนิ่งอย่างมีความหมาย“เพ่ยเพ่ย.. เจ้าขี่หลังข้าดีหรือไม่” จิ้งจอกน้อยเอ่ยถามสหายซึ่งเป็นสตรีเพียงนางเดียวอย่างอ่อนโยน “ข้าไม่เหนื่อย” แต่เมื่อได้ยินคำตอบของเธอแล้วนั้น เสี่ยวจ๋ายที่มองหน้าเธฮไม่กะพริบได้แสยะยิ้มจนกว้างออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ หลี่เฟยหลงมองหน้าเจ้าจิ้งจอกหัวขาวตัวนี้อย่างชั่งใจ“เช่นนั้น~ ข้าแปลงกายเป็นจิ้งจอกตัวน้อยน่ารักให้เจ้าอุ้มดีหรือไม่.. ขนของข้านั้นนุ่มมาก.. ตัวก็เล็ก
ตอนที่ 11 การเดินทางของสามเกลอ“เจ้าจิ้งจอก!” เจียอวี่ทำหน้าเหมือนไม่อยากเชื่อสายตาแต่ก็ใช้เวลาเพียงไม่นาน เพราะต่อมาชายผู้นั้นรีบจ้ำอ้าวเดินลงมายังข้างลำธารที่มีเสี่ยวจ๋ายร่างมนุษย์ยืนอยู่ด้วยความเร็วแสง สองขายาวที่น่ายำเกรงเดินลงมาหยุด มองซ้ายแลขวาจับเสี่ยวจ๋ายหัวสำรวจทุกพื้นที่“เจ้านี่เป็นตัวประหลาดหรือเป็นสิ่งใดกัน”“ข้ามิใช่ตัวประหลาด เจ้าดู!นี่หางของข้าของแท้แน่นอน และข้าเป็นถึงเพื่อนเล่นของเหมยซินซูแห่งป่าท้อเชียวนะ” เสี่ยวจ๋ายเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ดังขึ้น หางทั้งหมดที่มีเริ่มกระดิกดุ๊กดิ๊กอย่างน่ารักน่าชัง“หนึ่ง..สอง..สาม..สี่..” เจียอวี่ขยับนิ้วนับหางของเสี่ยวจ๋ายด้วยความรู้สึกตื่นเต้น แบบเด็กน้อยที่เห็นของเล่นชิ้นใหม่“เก้าหาง ไม่ต้องนับ!” เสี่ยวจ๋ายสะบัดหางทั้งเก้าโชว์อย่างโอ้อวด ภูมิใจ ใบหน้าเชิดขึ้นพร้อมทั้งลอยหน้าลอยตาอย่างน่าหมั่นไส้“เจ้าพูดได้ แล้วเหตุใดเจ้าไม่พูดตั้งแต่แรก” เจียอวี่ยืดตัวเต็มความสูง เท้าเอวจ้องหน้ามองเสี่ยวจ๋ายอย่างหาเรื่อง“ก็ข้าแค่ไม่อยากเสวนากับคนอย่างเจ้า” แต่มีหรือเจ้าจิ้งจอกอย่างเขาจะกลัว เพราะทันทีที่เจียอวี่ยืดตัวเท้าเอว เสี่ยวจ๋ายเองก็ทำท่าเ
ตอนที่ 10 จิ้งจอกน้อยกลายร่าง“ที่เหลือเจ้าทำ”"ทำ.. ทำอะไร” เฟยหลงหันไปถามเจียอวี่ด้วยความไม่เข้าใจ“ปลานี่ ข้าหามาให้เจ้าแล้ว.. เจ้าก็ควรปรุงมันให้ข้ากินดีหรือไม่” เจียอวี่ชี้นิ้วไปที่ปลาที่เขาเพิ่งไปหามาได้ช้า ๆ“ข้า.. ข้าทำไม่เป็น” เธอเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาเจียอวี่ได้ยินเช่นนั้นได้แต่นิ่งเงียบ ปลาที่ได้มาถูกทิ้งลงตามแรงโน้มถ่วงของโลก เฟยหลงที่เห็นท่าทางหมดอาลัยตายอยากนั้นรู้สึกเสียใจเป็นยิ่งนัก เธอตัดสินใจลุกขึ้นยืนด้วยความเร็ว ตามมาด้วยสายตาของจิ้งจอกน้อยที่มองเธออย่างมีความหวัง“ต.. แต่แค่ปลาย่างก็พอจะได้อยู่”แม้แต่เธอเองก็แทบจะไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองจะเอ่ยออกไปแบบนี้ หลี่เฟยหลงสาวน้อยที่วัน ๆ เอาแต่แต่งนิยายกับสั่งเดลิเวอรี่กำลังจะมาย่างปลาให้ใครไม่รู้กินงั้นหรือ แต่ไหน ๆ ก็เห็นแก่ที่เขาพยายามไปหาปลามาให้เจ้าเสี่ยวจ๋ายแล้วกัน การย่างปลาให้ก็ไม่เท่าไหร่หรอก.. มั้ง“เสี่ยวจ๋ายเจ้าอยากกินปลาสด หรือปลาย่าง” เฟยหลงหันไปถามเจ้าจิ้งจอกน้อย2 ชั่วยามผ่านไป“มาแล้ว” เธอเดินถือไม้ที่มีปลาย่างตัวสีดำเกรียม ยื่นให้เจียอวี่ด้วยใบหน้าที่ตื่นเต้น ก่อนจะยื่นให้จิ้งจอกน้อยหนึ่งตัว แล