ท่ามกลางร่มไม้เขียวขจีข้างริมสระน้ำ ใต้ร่มไม้มีหญิงสาวร่างท้วมคนหนึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะม้าหินอ่อน หญิงสาวแต่งกายด้วยชุดนักศึกษาตัวโคร่งใส่กระโปรงพลีทยาวคลุมข้อเท้า ดวงตาภายใต้กรอบแว่นหนากำลังสอดส่องเหมือนหาใครอยู่
“ลัลน์จ๋าาา ฉันมาแล้วขอโทษนะที่มาช้าพอดีว่าติดธุระ ขอโทษที่ทำให้แกรอนานนะ” สาวเจ้าร่างบางหน้าตาคมสวย ใส่ชุดนักศึกษาวิ่งกระหืดกระหอบพลางตะโกนเรียกหาเพื่อนรักซึ่งกำลังนั่งรออยู่ “หนูนานี่นะตลอดเลย น่าน้อยใจชะมัด” “โอ๋ๆๆๆ ไม่โกรธนะจ๊ะลัลน์จ๋า ทำแก้มป่องๆแบบนี้เดี๋ยวพี่มาร์คจะไม่รักนะ” หนูนากล่าวไปพลางหยิกแก้มลัลน์ไปด้วยความเอ็นดู “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับพี่มาร์คเขาเล่า” ลัลน์ว่าพลางหน้าแดงขวยเขินเมื่อหนูนาเอ่ยถึงแฟนหนุ่มของตน “แหมๆๆ อิจฉาคนรักกันหวานชื่นเนอะ เมื่อไหร่ฟ้าจะส่งผู้ชายหน้าตาดีแบบพี่มาร์คมาให้ฉันซักคนบ้าง” “ไม่ต้องมาทำแซวเลยมาคุยธุระของเรากันดีกว่า เราไปติดต่อกับทางคณะเรื่องฝึกงานแล้ว เห็นว่าให้ส่งเอกสารฝึกงานภายในอาทิตย์หน้า ว่าแต่หนูนาจะไปฝึกสำนักงานอัยการจังหวัดจริงใช่ไหม แกไม่คิดเปลี่ยนใจไปสำนักงานทนายความกับเราเหรอ” ลัลน์กล่าวเสียงอ่อย ด้วยความเสียดายที่เพื่อนรักนั้นไม่ไปฝึกงานที่เดียวกันกับเธอ ตัวติดกันมาตั้งแต่เข้าเรียนปีหนึ่งไม่เคยห่าง ต้องมาแยกทางเดินกันตั้งแต่ปี 4 เทอม 2 แต่เธอก็คงกล่าวอะไรไม่ได้มากเนื่องด้วยหนูนาอยากเป็นอัยการ “ก็แหม สำนักงานที่แกไปขอฝึกเขาเน้นแต่คดีแพ่ง ลัลน์ก็รู้ว่าเราชอบคดีอาญามากกว่า แต่ลัลน์ไม่ต้องน้อยใจไปนะเดี๋ยวเรานัดเจอกันบ่อยๆ ก็ได้นี่นา” “แล้วหนูนาไปฝึกสำนักงานที่เขาทำคดีอาญาไม่ดีกว่าหรือ ได้เห็นทั้งสำนวนและกระบวนการทั้งหมด” หญิงสาวว่าพลางกระพริบตาปริบๆ อ้อนเพื่อนสาวให้ใจอ่อนไปฝึกงานกับตน “ไม่ล่ะ เราอยากเป็นอัยการก็ต้องไปดูงานที่สำนักงานอัยการซิ ว่าแต่ลัลน์เถอะตัดสินใจอนาคตได้หรือยังว่าอยากเป็นอะไร หนูนาว่านะคนเก่งๆแบบลัลน์ถ้าไม่ไปเป็นอาจารย์สอนกฎหมายก็ต้องไปเป็นผู้พิพากษาใช่ไหมล่ะ” “ไม่รู้ซิ ลัลน์ยังตัดสินใจเลย ลัลน์ยังไม่รู้ว่าเส้นทางของตัวเองเลยว่าชอบอะไรไม่ชอบอะไร แล้วหนูนาพูดเพื่อนว่าการสอบเป็นผู้พิพากษามันง่ายขนาดนั้นแหละ” ลัลน์ถอนหายใจคิดหนักถึงอนาคตของตนที่ยังตัดสินใจไม่ได้ ที่เธอเลือกฝึกสำนักงานทนายความก็เพื่อจะไปสอบทนายตามเส้นทางที่คนเรียนนิติศาสตร์ไปเท่านั้นเอง “ถ้าการสอบเป็นผู้พิพากษามันยากนัก สู้หาผัวเป็นผู้พิพากษาน่าจะแทนความฝันได้นะ” หนูนากลั้วหัวเราะลั่นชอบใจกับมุกของตนเองที่ดูเหมือนว่าลัลน์จะไม่ตลกด้วย “หนูนา!!! พูดอะไรก็ไม่รู้ ลัลน์มีพี่มาร์คแล้วนะจะให้ไปหาผู้พิพากษาที่ไหนเล่า อีกอย่างลัลน์ว่าระหว่างเป็นแฟนผู้พิพากษากับเป็นผู้พิพากษาเอง ลัลน์ว่าอย่างหลังน่าจะง่ายกว่านะ” “ในอนาคตไม่แน่ลัลน์อาจมีท่านๆ มาจีบก็ได้ใครจะไปรู้” “ชิ เราไม่ฟังหนูนาแล้ว เดี๋ยวเราขอตัวไปซื้อเค้กให้พี่มาร์คก่อนนะ ส่วนเรื่องฝึกงานพรุ่งนี้เราไปติดต่อที่ฝึกงานด้วย” หญิงสาวกล่าวไปเก็บของใส่กระเป๋าไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเมื่อพูดถึงคนรักของตน “จ้าาาา เชิญเลยจ้าสาว เพื่อนคนนี้ไม่เป็นไรเลย ลัลน์ทิ้งเราไปหาพี่มาร์คได้เลย ขอให้รักกันนานๆนะย่ะ” “ลัลน์ไม่ต่อล้อต่อเถียงกับหนูนาแล้ว ลัลน์ไปก่อนนะขับรถกลับดีๆ ล่ะ” เมื่อลัลน์เดินไปเรียกรถหน้ามหาวิทยาลัย ลมหอบหนึ่งพัดผ่านลัลน์ไปอย่างเย็นยะเยือก ขนกายลัลน์พลางลุกซู่ราวกับจะมีเหตุร้ายเกิดขึ้น คงไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับหนูนาใช่ไหมพึ่งจะแยกจากกันเอง หญิงสาวคิดในใจก่อนที่จะขึ้นรถแท็กซี่ไป “ลุงคะ ไปคอนโด SMM แถวสยามค่ะ” “ได้ครับ” หญิงสาวเมื่อบอกจุดหมายเสร็จจึงมองหน้าต่างจ้องวิวข้างทาง นึกถึงความรู้สึกเมื่อกี้อย่างใจไม่ดี คงไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก วันนี้วันเกิดพี่มาร์คอย่าพึ่งคิดฟุ้งซ่านเลย ลัลน์สะบัดหน้าไล่ความคิดไม่ดีออกไป ‘พี่คะ หนูขอโทษนะคะดูเหมือนว่าวันนี้หนูจะไปหาพี่ไม่ได้แล้ว ไว้พรุ่งนี้ตอนบ่ายเราไปฉลองวันเกิดพี่ด้วยกันนะคะ’ ‘หืมม พี่น้อยใจแย่เลยวันเกิดพี่ทั้งที พรุ่งนี้ห้ามผิดนัดนะครับคนดี’ ลัลน์ส่งข้อความหลอกแฟนหนุ่มของตนแล้วนั่งอมยิ้ม ปกติเธอจะไปฉลองวันเกิดของพี่มาร์คตลอด พี่มาร์คคงจะตกใจมากที่เธอเซอร์ไพรซ์วันเกิดเขาด้วยวิธีนี้ พลางกอดของขวัญในกระเป๋าแล้วนึกหน้าเจ้าของวันเกิดอย่างมีความสุข เมื่อรถขับมาจอดถึงคอนโดหญิงสาวจึงลงจากรถ เธอมาคอนโดหรูของพี่มาร์คกี่ทีเธอก็ไม่ชินเอาซะเลย ด้วยฐานะทางบ้านของเธอแค่พอมีเงินพออยู่พอกิน ไม่ได้ร่ำรวยเหมือนแฟนหนุ่มแถมเธอยังหน้าตาเธอยังไม่ดี เพียงพอไปวัดไปวาได้เท่านั้น ไม่อาจที่จะเชิดหน้าชูตาได้ แต่แฟนหนุ่มของเธอก็ไม่ได้สนใจ ทำให้ลัลน์หลงรักชายหนุ่มเป็นอย่างมาก เธอกอดของขวัญที่เตรียมไว้แนบอกแล้วจึงเดินเข้าไปกดลิฟต์เพื่อขึ้นไปหาแฟนหนุ่มของเธอเมื่อหญิงสาวมาถึงหน้าห้องแฟนหนุ่มแล้วจึงกดรหัสเข้าห้องไปในห้อง แต่เมื่อลัลน์เปิดประตูห้องเข้าไปกลับเจอรองเท้าส้นสูงสีแดงของผู้หญิงวางระเกะระกะ เมื่อไล่สายตาไปตามทางเดินกลับมีเสื้อผ้าชายหญิงที่ถอดทิ้งไว้อย่างไม่ไยดี เสียงเนื้อกระทบเนื้อปนกับเสียงครางของชายหญิงดังลั่นห้อง หญิงสาวกลั้นใจเดินไปที่ห้องนั่งเล่นเพื่อให้เห็นถึงความจริง“อ๊าส์ อ๊าส์ อื้อออ มาร์คขาา อ๊ะส์ ญดาเสียวจังเลย อ๊าส์ๆๆ”พลั่บๆๆๆๆๆ เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังลั่นห้อง“ฮึม ซี๊ดดด ตอดอีกดา อืมม แม่งเอามันชิบ”หญิงสาวผมยาวสีทองกำลังขึ้นขี่ขย่มมาร์คอย่างเมามัน ชายหนุ่มครางในลำคอยึดสะโพกญดาแทงเอ็นตอกสวนร่องฉ่ำ ปากจูบแลกลิ้นกันอย่างดูดดื่มโดยไม่รู้เลยว่ามีแขกที่ไม่ได้รับเชิญกำลังรับชมหนังสดนี้อยู่“พะ พะ พี่มาร์คคะ” ลัลน์เรียกมาร์คด้วยเสียงอันสั่นเครือ น้ำตาไหลเต็มนองหน้าสาว ทำให้กิจกรรมเข้าจังหวะระหว่างมาร์คกับญดาพลันชะงักลง“ว้ายยย นังบ้าแกเข้ามาในห้องของคนอื่นได้ยังไง ไม่มีมารยาท!!!” ญดากรีดร้องเสียงดัง มือขาวควานหาผ้ามาคลุมร่างกายขาวผ่องไว้“ละ ลัลน์ ” ชายผู้ก่อเรื่องสร้างปัญหาเรียกแฟนสาวของตนเสียงค่อย พลางอ้ำอึ้งน้ำล
ภายในห้องพักผู้พิพากษามีเพียงชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคมคาย ร่างกายหนากำยำภายใต้เชิ้ตสีขาวนั่งอ่านสำนวนคดีที่อยู่ในความรับผิดชอบของตนอยู่บนโต๊ะอยู่ในห้องเพียงลำพัง เมื่อมีเสียงประตูห้องเปิดเข้ามาชายหนุ่มจึงเงยหน้าจากเอกสาร มองชายอายุอานามประมาณสี่สิบกว่าสวมชุดครุยผู้พิพากษาเปิดประตูเข้ามาในห้องพักแล้วจึงเดินไปนั่งยังโต๊ะทำงานของตน “พี่บอกหลายครั้งแล้วนะคิณณ์ ไอ้อาการเย็นชาไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมเนี่ยให้ลดๆ ซะบ้าง ทุกวันนี้นอกจากพี่แล้วก็ไม่มีใครกล้าคบค้าสมาคมกับแกแล้วนะ เป็นแบบนี้การทำงานมันจะลำบากเอานะ” ณรงค์ผู้พิพากษาซึ่งเป็นทั้งพี่เลี้ยงและผู้พิพากษาบัลลังก์เดียวกับคิณณ์บ่นกับพฤติกรรมของชายหนุ่มที่ไม่เคยจะสนใจอะไร แต่ก็นับว่าดีขึ้นกว่าห้าปีที่แล้วนักที่เขายอมลดความเย็นชาลงและยอมพูดจากับคนแปลกหน้าบ้าง ไม่เช่นนั้นตอนนี้คงไม่มีผู้พิพากษาที่ชื่อคิณณ์ณภัทรมานั่งพิจารณาคดีร่วมกับเขาได้!!!“ผมว่าผมพูดไปมากแล้วนะครับพี่ณรงค์” กล่าวจบก็ก้มหน้าเซ็นเอกสารของตนปล่อยให้คนพูดโมโหอยู่คนเดียว“เออ!!! ใช่ที่นายพูดมากขึ้นน่ะนายพูดถูก แต่ไอ้อาการเย็นชาทำตัวน่ากลัวเมื่อไหร่จะปรับลดให้เป็
ภายในห้องพักผู้พิพากษามีเพียงชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคมคาย ร่างกายหนากำยำภายใต้เชิ้ตสีขาวนั่งอ่านสำนวนคดีที่อยู่ในความรับผิดชอบของตนอยู่บนโต๊ะอยู่ในห้องเพียงลำพัง เมื่อมีเสียงประตูห้องเปิดเข้ามาชายหนุ่มจึงเงยหน้าจากเอกสาร มองชายอายุอานามประมาณสี่สิบกว่าสวมชุดครุยผู้พิพากษาเปิดประตูเข้ามาในห้องพักแล้วจึงเดินไปนั่งยังโต๊ะทำงานของตน “พี่บอกหลายครั้งแล้วนะคิณณ์ ไอ้อาการเย็นชาไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมเนี่ยให้ลดๆ ซะบ้าง ทุกวันนี้นอกจากพี่แล้วก็ไม่มีใครกล้าคบค้าสมาคมกับแกแล้วนะ เป็นแบบนี้การทำงานมันจะลำบากเอานะ” ณรงค์ผู้พิพากษาซึ่งเป็นทั้งพี่เลี้ยงและผู้พิพากษาบัลลังก์เดียวกับคิณณ์บ่นกับพฤติกรรมของชายหนุ่มที่ไม่เคยจะสนใจอะไร แต่ก็นับว่าดีขึ้นกว่าห้าปีที่แล้วนักที่เขายอมลดความเย็นชาลงและยอมพูดจากับคนแปลกหน้าบ้าง ไม่เช่นนั้นตอนนี้คงไม่มีผู้พิพากษาที่ชื่อคิณณ์ณภัทรมานั่งพิจารณาคดีร่วมกับเขาได้!!!“ผมว่าผมพูดไปมากแล้วนะครับพี่ณรงค์” กล่าวจบก็ก้มหน้าเซ็นเอกสารของตนปล่อยให้คนพูดโมโหอยู่คนเดียว“เออ!!! ใช่ที่นายพูดมากขึ้นน่ะนายพูดถูก แต่ไอ้อาการเย็นชาทำตัวน่ากลัวเมื่อไหร่จะปรับลดให้เป็
ภายใต้แสงอาทิตย์สีส้มยามพระอาทิตย์อัสดง หญิงสาวผิวขาว ใบหน้าซูบตอบ ดวงตากลมโตยังคงบวมช้ำถึงแม้เวลาจะผ่านมาได้เดือนหนึ่งแล้วก็ตาม เธอก็ยังคงเสียใจกับการโดนทิ้งนั้นอยู่ ลัลน์ซึ่งนอนพักอยู่ในคอนโดของหนูนา สายตาเหม่อยลอยออกไปยังหน้าต่าง จ้องมองแสงอาทิตย์ที่ลาลับขอบฟ้าเห็นเพียงแต่แสงสีส้มด้วยจิตใจเศร้าหมอง เมื่อไหร่กันนะที่เธอจะลืมความรักครั้งนี้ได้คิดแล้วน้ำตาก็เอ่อรื้นที่ขอบตาก๊อกๆๆๆ เสียงเคาะประตูห้องพลันดึงสติหญิงสาวให้อยู่กับความเป็นจริง แล้วเปล่งเสียงดังเล็กน้อยบอกเพื่อนเธอให้เปิดประตูเข้ามาได้“ลัลน์จ๋า คืนนี้ไปเปิดหูเปิดตากันหน่อยไหม เขาว่าอกหักต้องใช้เหล้าย้อมใจนะ” หนูนาวิ่งถลามาที่เตียง แล้วเอ่ยปากชวนเพื่อนไปเที่ยวอย่างออดอ้อนพร้อมกับเอาหน้าถือแขนลัลน์พลางทำตาปริบๆ ให้เพื่อนเอ็นดู“พาเพื่อนไปย้อมใจหรืออยากไปเที่ยวเองคะ” ลัลน์พูดดักคอหนูนาอย่างรู้ทัน“ก็แหมม อยากไปเที่ยวด้วยแล้วก็อยากพาลัลน์ไปด้วย นะๆลัลน์นะ ไปด้วยกันนะๆๆ” หนูนาทำหน้าตาอ้อนเพื่อนอย่างสุดฤทธิ์หวังว่าเพื่อนจะใจอ่อนยอมไปเที่ยวกับเธอ ที่ชวนลัลน์ไปนั้นเธอก็ไม่ได้หวังให้เพื่อนเธอเมาหัวราน้ำหรือได้ผู้ชายกลับมาหรอก
ภายใต้แสงอาทิตย์สีส้มยามพระอาทิตย์อัสดง หญิงสาวผิวขาว ใบหน้าซูบตอบ ดวงตากลมโตยังคงบวมช้ำถึงแม้เวลาจะผ่านมาได้เดือนหนึ่งแล้วก็ตาม เธอก็ยังคงเสียใจกับการโดนทิ้งนั้นอยู่ ลัลน์ซึ่งนอนพักอยู่ในคอนโดของหนูนา สายตาเหม่อยลอยออกไปยังหน้าต่าง จ้องมองแสงอาทิตย์ที่ลาลับขอบฟ้าเห็นเพียงแต่แสงสีส้มด้วยจิตใจเศร้าหมอง เมื่อไหร่กันนะที่เธอจะลืมความรักครั้งนี้ได้คิดแล้วน้ำตาก็เอ่อรื้นที่ขอบตาก๊อกๆๆๆ เสียงเคาะประตูห้องพลันดึงสติหญิงสาวให้อยู่กับความเป็นจริง แล้วเปล่งเสียงดังเล็กน้อยบอกเพื่อนเธอให้เปิดประตูเข้ามาได้“ลัลน์จ๋า คืนนี้ไปเปิดหูเปิดตากันหน่อยไหม เขาว่าอกหักต้องใช้เหล้าย้อมใจนะ” หนูนาวิ่งถลามาที่เตียง แล้วเอ่ยปากชวนเพื่อนไปเที่ยวอย่างออดอ้อนพร้อมกับเอาหน้าถือแขนลัลน์พลางทำตาปริบๆ ให้เพื่อนเอ็นดู“พาเพื่อนไปย้อมใจหรืออยากไปเที่ยวเองคะ” ลัลน์พูดดักคอหนูนาอย่างรู้ทัน“ก็แหมม อยากไปเที่ยวด้วยแล้วก็อยากพาลัลน์ไปด้วย นะๆลัลน์นะ ไปด้วยกันนะๆๆ” หนูนาทำหน้าตาอ้อนเพื่อนอย่างสุดฤทธิ์หวังว่าเพื่อนจะใจอ่อนยอมไปเที่ยวกับเธอ ที่ชวนลัลน์ไปนั้นเธอก็ไม่ได้หวังให้เพื่อนเธอเมาหัวราน้ำหรือได้ผู้ชายกลับมาหรอก
ภายในห้องพักผู้พิพากษามีเพียงชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคมคาย ร่างกายหนากำยำภายใต้เชิ้ตสีขาวนั่งอ่านสำนวนคดีที่อยู่ในความรับผิดชอบของตนอยู่บนโต๊ะอยู่ในห้องเพียงลำพัง เมื่อมีเสียงประตูห้องเปิดเข้ามาชายหนุ่มจึงเงยหน้าจากเอกสาร มองชายอายุอานามประมาณสี่สิบกว่าสวมชุดครุยผู้พิพากษาเปิดประตูเข้ามาในห้องพักแล้วจึงเดินไปนั่งยังโต๊ะทำงานของตน “พี่บอกหลายครั้งแล้วนะคิณณ์ ไอ้อาการเย็นชาไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมเนี่ยให้ลดๆ ซะบ้าง ทุกวันนี้นอกจากพี่แล้วก็ไม่มีใครกล้าคบค้าสมาคมกับแกแล้วนะ เป็นแบบนี้การทำงานมันจะลำบากเอานะ” ณรงค์ผู้พิพากษาซึ่งเป็นทั้งพี่เลี้ยงและผู้พิพากษาบัลลังก์เดียวกับคิณณ์บ่นกับพฤติกรรมของชายหนุ่มที่ไม่เคยจะสนใจอะไร แต่ก็นับว่าดีขึ้นกว่าห้าปีที่แล้วนักที่เขายอมลดความเย็นชาลงและยอมพูดจากับคนแปลกหน้าบ้าง ไม่เช่นนั้นตอนนี้คงไม่มีผู้พิพากษาที่ชื่อคิณณ์ณภัทรมานั่งพิจารณาคดีร่วมกับเขาได้!!!“ผมว่าผมพูดไปมากแล้วนะครับพี่ณรงค์” กล่าวจบก็ก้มหน้าเซ็นเอกสารของตนปล่อยให้คนพูดโมโหอยู่คนเดียว“เออ!!! ใช่ที่นายพูดมากขึ้นน่ะนายพูดถูก แต่ไอ้อาการเย็นชาทำตัวน่ากลัวเมื่อไหร่จะปรับลดให้เป็
ภายในห้องพักผู้พิพากษามีเพียงชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคมคาย ร่างกายหนากำยำภายใต้เชิ้ตสีขาวนั่งอ่านสำนวนคดีที่อยู่ในความรับผิดชอบของตนอยู่บนโต๊ะอยู่ในห้องเพียงลำพัง เมื่อมีเสียงประตูห้องเปิดเข้ามาชายหนุ่มจึงเงยหน้าจากเอกสาร มองชายอายุอานามประมาณสี่สิบกว่าสวมชุดครุยผู้พิพากษาเปิดประตูเข้ามาในห้องพักแล้วจึงเดินไปนั่งยังโต๊ะทำงานของตน “พี่บอกหลายครั้งแล้วนะคิณณ์ ไอ้อาการเย็นชาไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมเนี่ยให้ลดๆ ซะบ้าง ทุกวันนี้นอกจากพี่แล้วก็ไม่มีใครกล้าคบค้าสมาคมกับแกแล้วนะ เป็นแบบนี้การทำงานมันจะลำบากเอานะ” ณรงค์ผู้พิพากษาซึ่งเป็นทั้งพี่เลี้ยงและผู้พิพากษาบัลลังก์เดียวกับคิณณ์บ่นกับพฤติกรรมของชายหนุ่มที่ไม่เคยจะสนใจอะไร แต่ก็นับว่าดีขึ้นกว่าห้าปีที่แล้วนักที่เขายอมลดความเย็นชาลงและยอมพูดจากับคนแปลกหน้าบ้าง ไม่เช่นนั้นตอนนี้คงไม่มีผู้พิพากษาที่ชื่อคิณณ์ณภัทรมานั่งพิจารณาคดีร่วมกับเขาได้!!!“ผมว่าผมพูดไปมากแล้วนะครับพี่ณรงค์” กล่าวจบก็ก้มหน้าเซ็นเอกสารของตนปล่อยให้คนพูดโมโหอยู่คนเดียว“เออ!!! ใช่ที่นายพูดมากขึ้นน่ะนายพูดถูก แต่ไอ้อาการเย็นชาทำตัวน่ากลัวเมื่อไหร่จะปรับลดให้เป็
เมื่อหญิงสาวมาถึงหน้าห้องแฟนหนุ่มแล้วจึงกดรหัสเข้าห้องไปในห้อง แต่เมื่อลัลน์เปิดประตูห้องเข้าไปกลับเจอรองเท้าส้นสูงสีแดงของผู้หญิงวางระเกะระกะ เมื่อไล่สายตาไปตามทางเดินกลับมีเสื้อผ้าชายหญิงที่ถอดทิ้งไว้อย่างไม่ไยดี เสียงเนื้อกระทบเนื้อปนกับเสียงครางของชายหญิงดังลั่นห้อง หญิงสาวกลั้นใจเดินไปที่ห้องนั่งเล่นเพื่อให้เห็นถึงความจริง“อ๊าส์ อ๊าส์ อื้อออ มาร์คขาา อ๊ะส์ ญดาเสียวจังเลย อ๊าส์ๆๆ”พลั่บๆๆๆๆๆ เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังลั่นห้อง“ฮึม ซี๊ดดด ตอดอีกดา อืมม แม่งเอามันชิบ”หญิงสาวผมยาวสีทองกำลังขึ้นขี่ขย่มมาร์คอย่างเมามัน ชายหนุ่มครางในลำคอยึดสะโพกญดาแทงเอ็นตอกสวนร่องฉ่ำ ปากจูบแลกลิ้นกันอย่างดูดดื่มโดยไม่รู้เลยว่ามีแขกที่ไม่ได้รับเชิญกำลังรับชมหนังสดนี้อยู่“พะ พะ พี่มาร์คคะ” ลัลน์เรียกมาร์คด้วยเสียงอันสั่นเครือ น้ำตาไหลเต็มนองหน้าสาว ทำให้กิจกรรมเข้าจังหวะระหว่างมาร์คกับญดาพลันชะงักลง“ว้ายยย นังบ้าแกเข้ามาในห้องของคนอื่นได้ยังไง ไม่มีมารยาท!!!” ญดากรีดร้องเสียงดัง มือขาวควานหาผ้ามาคลุมร่างกายขาวผ่องไว้“ละ ลัลน์ ” ชายผู้ก่อเรื่องสร้างปัญหาเรียกแฟนสาวของตนเสียงค่อย พลางอ้ำอึ้งน้ำล
ท่ามกลางร่มไม้เขียวขจีข้างริมสระน้ำ ใต้ร่มไม้มีหญิงสาวร่างท้วมคนหนึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะม้าหินอ่อน หญิงสาวแต่งกายด้วยชุดนักศึกษาตัวโคร่งใส่กระโปรงพลีทยาวคลุมข้อเท้า ดวงตาภายใต้กรอบแว่นหนากำลังสอดส่องเหมือนหาใครอยู่ “ลัลน์จ๋าาา ฉันมาแล้วขอโทษนะที่มาช้าพอดีว่าติดธุระ ขอโทษที่ทำให้แกรอนานนะ” สาวเจ้าร่างบางหน้าตาคมสวย ใส่ชุดนักศึกษาวิ่งกระหืดกระหอบพลางตะโกนเรียกหาเพื่อนรักซึ่งกำลังนั่งรออยู่ “หนูนานี่นะตลอดเลย น่าน้อยใจชะมัด” “โอ๋ๆๆๆ ไม่โกรธนะจ๊ะลัลน์จ๋า ทำแก้มป่องๆแบบนี้เดี๋ยวพี่มาร์คจะไม่รักนะ” หนูนากล่าวไปพลางหยิกแก้มลัลน์ไปด้วยความเอ็นดู “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับพี่มาร์คเขาเล่า” ลัลน์ว่าพลางหน้าแดงขวยเขินเมื่อหนูนาเอ่ยถึงแฟนหนุ่มของตน “แหมๆๆ อิจฉาคนรักกันหวานชื่นเนอะ เมื่อไหร่ฟ้าจะส่งผู้ชายหน้าตาดีแบบพี่มาร์คมาให้ฉันซักคนบ้าง” “ไม่ต้องมาทำแซวเลยมาคุยธุระของเรากันดีกว่า เราไปติดต่อกับทางคณะเรื่องฝึกงานแล้ว เห็นว่าให้ส่งเอกสารฝึกงานภายในอาทิตย์หน้า ว่าแต่หนูนาจะไปฝึกสำนักงานอัยการจังหวัดจริงใช่ไหม แกไม่คิดเปลี่ยนใจไปสำนักงานทนายความกั