โหด ‘ให้’ ได้ใจ (รังเถื่อน)
“จะไปไหน”
คนที่ปันคิดว่านอนหลับสนิท กลับผงกศีรษะขึ้นมาถามด้วยน้ำเสียงทุ้มหนัก จนสะดุ้งใจสั่นอย่างกับคนกำลังทำผิดแล้วโดนจับได้
“ผมจะไปห้องน้ำ” ปันตอบกลับแล้วค่อย ๆ ขยับกายที่ปวดหน่วงไปทั้งตัวลงจากเตียง
“จะให้อุ้มไปไหม”
คำถามที่แฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์พร้อมกับหรี่ตามองด้วยความกรุ่มกริ่ม
ปันจิกตามองค้อน แล้วตอบกลับ “ผมไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นครับ ...แต่ก็เพราะคุณ ผมถึงมีสภาพเช่นนี้" ประโยคหลังต่อว่าอยู่ในใจ
“ก็ดี… อย่าทำตัวอ่อนแอ เพราะฉันไม่ชอบ”
สีหน้าและน้ำเสียงของเขาไม่ได้อ่อนโยนต่อใจคนฟังอย่างปันนัก “ผมก็ไม่ได้อยากให้คุณมาชอบผมนี่ครับ”
ปันโต้กลับเพราะเกือบเดือนมานี่เขาเรียกหา และเอาแต่ได้ตลอด จนจะขาดใจตายอยู่ใต้อ้อมอกแกร่งของเขาอยู่รอมร่อ ไม่รู้ติดใจหรือกลัวเสียเปรียบกันแน่…
และประโยคนั้นทำให้ได้สายตาจ้องกร้าวเป็นคำตอบ ซึ่งนั้นทำให้นักศึกษาหนุ่มวัยสิบเก้าปีอย่างปัน หมดหวังจะหลุดพ้นจากกรงขังของนายเดร์อย่างสิ้นเชิง
“อาบน้ำแต่งตัว เดี๋ยวฉันจะพาออกไปข้างนอก” เจ้าของห้องบอกพร้อมกับขยับลุกขึ้น จนผ้าห่มหลุดร่อนลงไปกองอยู่ตรงหน้าตัก เผยให้เห็นอกล่ำและขนสีเข้มเป็นแผงตรงหน้าอก
ปันกลืนน้ำลายลงคอ ในขณะที่หัวใจเต้นแรง และเสียวท้องน้อย หากเขาจงใจยั่ว ก็ได้ผล จนต้องรีบพูดก่อนจิตใจจะเตลิดไปไกล
“ขอบคุณครับ แต่ผมไม่ไป”
ที่ปันตัดสินใจปฏิเสธ เพราะน้ำเสียงและแววตาของเดร์ ไม่ได้ทำให้รู้สึกว่าเขามีความห่วงใยอยู่ในนั้น หากมันเป็นคำสั่งที่อีกคนต้องปฏิบัติ เหมือนเช่นลูกน้อง ที่สำคัญหากยิ่งอยู่ใกล้ ผู้ชายนักรักอย่างเดร์ ประหนึ่งตัวติดกัน เช่นนั้นก็เหมือนพาตัวเองเดินไปตกหลุมที่อีกฝ่ายขุดไว้เป็นแน่
“ทำไม” เสียงทุ้มเข้มของเดร์ถาม พร้อมกับลุกขึ้นสลัดผ้าห่มที่คลุมท่อนล่างออก โดยไม่สนว่าตัวเองจะอยู่ในสภาพเช่นไรในตอนนี้
เป็นปันที่ต้องเบือนหน้าหนีด้วยใจเต้นรัวระทึกหนักไปอีก เมื่อรูปร่างเปล่าเปลือย ที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม และหน้าท้องลอนไร้ไขมันส่วนเกินประจักษ์อยู่ตรงหน้า โดยพยายามไม่นึกถึงภาพส่วนที่กำลังหลับไหลอยู่…
แม้อุณภูมิความเย็นของแอร์กำลังทำงาน แต่ก็ไม่สามารถทำให้อุณภูมิในร่างกายของปันสงบลงได้
เขาไม่รู้ตัวหรือไง ว่ากำลังทำให้วิญญาณคนร่วมห้องออกจากร่างแล้วไปสิงเขาแทน!
“ผะ ผมไปอาบน้ำแล้ว”
เมื่อใจไม่อาจสงบสุข ปันก็ต้องหาทางออกจากตรงนี้ก่อน
“ยังไปไหนไม่ได้”
เดร์บอกพร้อมถลาเข้ามาคว้าตัวปันเอาไว้เต็มอ้อมกอด แล้วลากไปที่เตียงกว้าง ก่อนจะผลักให้ลงไปนอนแผ่อยู่บนเตียง โดยสองแขนถูกรั้งตรึงไว้ไม่ให้ขยับไปไหน ก่อนจะตามลงมาทาบทับกักร่างบางไว้ไม่ให้ขยับดิ้น
“จะทำอะไรผมอีก” ปันถามเสียงตื่น
“นายมันดื้อ…” เดร์บอกเสียงราบเรียบ หากสายตาจดจ่ออยู่ที่ใบหน้าฉาบสีเรื่อ ที่เขากกกอดมาทั้งคืนด้วยสายตาคาดโทษ
“ผมดื้อตรงไหน” ปันถามกลับเสียงแข็ง ทั้งที่เวลาเขาเรียกร้อง ก็ไม่เคยปฏิเสธ ยังจะหาว่าดื้ออีก เถอะ!
“ยังไม่รู้ตัว?”
“ผมรู้ตัวดี ว่าผมไม่เคยปฏิเสธตอนที่คุณเรียก” ปันตอบอย่างมั่นใจ
ดวงตาคมกล้าหรี่แคบ “คนละเรื่อง”
“เรื่องไหนอีก…แต่ถ้าเรื่องพาไปข้างนอก มันไม่ได้อยู่ในข้อตกลงนี่ครับ”
“ทุกอย่างที่เป็นความต้องการของฉัน มันคือข้อตกลงที่นายต้องทำ” เสียงทุ้มกร้าวกล่าวอย่างชัดเจนและย้ำชัด
“บ้าอำนาจ…” ปันเปรยออกมาเบา ๆ
“แค่คนที่มาเกี่ยวข้องเท่านั้นแหละ ที่ฉันจะสั่ง” เดร์ย่ำเตือน
คำพูดที่ปันไม่อาจปฏิเสธ ซึ่งมันไม่มีอยู่ในข้อตกลง ‘นอนกับฉันจนกว่าฉันจะพอใจ หรือไม่จนกว่านายจะหาเงินมาชดใช้จนหมด’
“หากความสุขของคุณอยู่บนความทุกข์คนอื่นก็แล้วแต่คุณเถอะ” พูดจบก็เปื้อนหน้าหนี
“พูดอย่างกับเวลานายนอนกับฉัน นายไม่มีความสุขงั้นแหละ”
ปันร้อนไปทั้งตัวเมื่อถูกถามจี้จุด อดไม่ได้ที่จะจ้องหน้าคนพูด
‘หลงตัวเอง…’ ปันต่อว่าปากขมุบขมิบไร้เสียงเพราะความหมั่นไส้
แต่เดร์อ่านปากที่ไร้เสียงออก จึงย้อนกลับ “แล้วไอ้ที่ครางเสียงออดเสียงอ้อน มันคืออะไร”
แล้วภาพโรมรันกันก่อนหน้านั้นก็แวบเข้ามา
ทุกครั้งที่เดร์กระแทกและย้ำเข้าไปในช่องทางคับแน่น เสียงทุ้มหวานก็ครางกระเส่าดังเว้าวอน
“อ่าส์…ระแรงอีก…” เสียงทุ้มแผ่วขาดห้วง เมื่ออีกฝ่ายขยับโยกอยู่ ก็ผ่อนแรงเบาลงเหมือนจงใจแกล้ง
“อะไรนะ ฉันไม่ได้ยิน…” เสียงทุ้มหนักขยับโน้มลงมาถาม
“คุ คุณ…” น้ำเสียงเริ่มเปลี่ยนเมื่ออีกฝ่ายหยุดนิ่งในขณะที่รอคำตอบ
“ว่าไง ฉันถามว่านายพูดอะไรเมื่อกี้…” เดร์ถามซ้ำพร้อมกับกระแทกจุดที่เชื่อมต่อกันเพื่อกระตุ้นเอาคำตอบอีกแรง จนเจ้าของปั้นท้ายโก่งงอนสะดุ้ง หากแต่เสียวซ่าน
“อ่า อึก…”
สัมผัสรุนแรง หากแต่สยิว จนต้องแอ่นสะโพกสู้รับน้ำหนักการกระแทก “แรง ๆไง” ปันย้ำเสียงกระเส่า
มุมปากหนายกสูง สนองให้อย่างเต็มใจ “อึม… อย่างนี้ใช่ไหม…” แล้วกระแทกลงไปหลายครั้งติดกัน จนเกิดเสียงเนื้อกระทบเนื้อ
“อือ ชะ ใช่ ระ แรงอีก คุ คุณเดร์…”
เมื่อเอวสอบขยับถี่รัว ปันก็ตอบจนเสียงสั่นสะส้าน ใบหน้าซุกจมหายไปกับเตียงนุ่มตามแรงกระแทกที่ส่งออกมาจากอีกฝ่าย
เดร์ยิ้มอย่างหยามใจ สายตาก็มองปั้นท้ายและแผ่นหลังนวลเนียนที่โก่งรับน้ำหนักได้อย่างถึงใจ กับสิ่งที่เชื่อมต่อกัน
แล้วคนคุมเกมอย่างเขาจะผ่อนปรนได้ยังไง… เดร์คิดแล้วประคองตัวตนกระแทกกระทั้นเข้าไปสุดแรงซ้ำ ๆ เมื่อจุดหมายปลายทางรออยู่ตรงหน้าโดยที่เขาจะพาอีกฝ่ายไปถึงพร้อมกัน…
“ว่าไง เงียบทำไม…” เจ้าของร่างสูงใหญ่ที่ทาบทับอยู่ย้ำถามปันที่นิ่งเงียบเพราะความกระดาก หากแต่อีกฝ่ายอยากได้คำตอบ จึงจิกตามองค้อน ก่อนจะตอบกลับไปว่า“มันใช่เรื่องที่จะเอามาพูดไหม”…ถ้าให้ตอบ มันก็ดี ดีจนไม่กล้าปฏิเสธ… แต่จะให้ตอบก็ไม่กล้า!“ไม่ จนกว่านายจะตอบ และทำตามความต้องการจนฉันพอใจ”“นี่คุณเดร์ ที่ผมยอมอยู่ทุกวันนี้ ไม่พอใจคุณอีกเหรอครับ” ปันมองคนเอาแต่ใจเอาแต่ได้ ผิดกับมาดนิ่งขรึมยามที่นั่งสั่งงานต่อหน้าลูกน้องอย่างฟ้ากับเหว“ไม่! ทำไมกลัวใจ หรือกลัวที่จะไปกับฉัน…”“ใช่”“ไม่ใช่กลัวคนของนายเห็น เวลาออกไปไหนมาไหนกับฉัน” คิ้วหนาขมวดนูนประหนึ่งมีโจทย์ต้องเร่งหาคำตอบด่วนปันหรี่ตามองคนพูด ก่อนจะเลือกตอบเพื่อตัดความรำคาญ “ก็ไช่”“หึ!” แล้วปลายจมูกโด่งก็ซุกลงมาที่ซอกคอ สลับกับซี่ฟันขาวขบกัดลงมาประหนึ่งเป็นการลงโทษ“หือ คุณเดร์ อย่าทำรอย!” ปันร้องปราม พร้อมกับใช้ฝ่ามือดันอกหนาให้ออกห่างพร้อมกับขยับดิ้น แต่อีกฝ่ายไม่ขยับเขยื้อน ซ้ำยังกดน้ำหนักลงมามากกว่าเดิม จนรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง จึงหยุดการกระทำ“กลัวใครเห็น” น้ำเสียงของเดร์ขุ่นกว่าเก่าปันตาหรี่แคบ “เอะคุณ!” ปันอยากบอก แต่คิดว่าคนอ
อาหารบนโต๊ะยังไม่พร่อง แต่เจ้าพ่อหมั่นหน้ารวบช้อนเข้าด้วยกัน ครั้นปันสงสัยจึงเงยหน้าขึ้นมองสายตาเป็นคำถาม‘อิ่มแล้ว?’ ซึ่งเดร์เข้าใจความหมายในสายตาของปันดี เขาไม่ตอบแต่หยิบแก้วน้ำขึ้นมาดื่มเกือบหมดแก้วแล้ววางไว้ที่เดิม มืออีกข้างหยิบผ้าผืนเล็กที่วางอยู่บนหน้าตักก่อนหน้านี้ขึ้นมาเช็ดมุมปากทั้งสองข้าง ซึ่งเป็นการย้ำชัดว่าเขา ‘อิ่มแล้ว!’ปันถอนหายใจ เพราะรู้สึกเสียดายอาหารบนโต๊ะจึงเอ่ยถาม “อาหารพวกนี้บางอย่างคุณยังไม่แตะเลยนะครับ”“แล้วไง ฉันสั่งให้นาย นายก็กินให้หมดสิ”ปันตาโตอีกครั้ง “นี่คุณ ผมชินกินข้าวจานเดียวแต่คุณเล่นสั่งมาเต็มโต๊ะแบบนี้ ใครจะไปกินหมด เรียกลูกน้องของคุณมากินเถอะ” ปันว่าแล้ว ก็อิ่มขึ้นมาทันทีเช่นกัน“คนของผม ผมก็สั่งให้ต่างหาก ผมกินอะไรลูกน้องผมก็กินอย่างนั้นไม่ต้องไปเป็นห่วงหรอก” ปันถอนหายใจ มองอาหารในจานที่หรูและแพง ซึ่งวาสนาตนคงไม่มีโอกาสได้เดินเข้ามาสั่งกินเป็นแน่ระหว่างที่นั่งตัดพ้อเจ้ามือ กลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ ก็โชยมาแตะจมูก จนต้องหันไปมอง จึงเห็นว่ามีชายหนุ่มร่างสูงโปร่งหน้าตาหล่อเหลาแต่งตัวเนี้ยบไร้ที่ติ เดินมาหยุดอยู่ใกล้ ๆ และมองตรงไปที่เดร์ คล้าย
คฤหาสน์กิติพงศ์ ที่คนนอกน้อยคนจะมีสิทธิ์ย่างกรายเข้ามาได้ แม้แต่คนที่คบกันนานที่สุด เดร์ก็ไม่เคยพาเข้ามา หากแต่ปันได้สิทธิ์นั้น ซึ่งทำให้คนที่อยู่ใกล้ชิดรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก“เย็บไปสี่เข็ม แล้วก็ยาผมจัดให้ ต้องกินให้หมดนะครับ แต่ยังไงก็ต้องดูผลข้างเคียง จากการกระทบกระเทือนที่ศีรษะด้วย หากมีอะไรผิดสังเกต ผมอยากให้คุณเดร์รีบพาคนป่วยไปโรงบาลเพื่อเอกซเรย์น่ะครับ”นายแพทย์ประจำตระกูลหันมารายงานเดร์ซึ่งนั่งหน้านิ่งอยู่บนโซฟา โดยสายตาไม่ละไปจากใบหน้าขาวซีดที่ยังไม่กล้าสบตาเขาโดยตรงอยู่บนเตียงกว้างเมื่อเห็นว่าปันหลับไปแล้ว เดร์ก็เรียกลูกน้องที่เกี่ยวข้องทุกคนเข้ามาพบ“เล่าเรื่องทั้งหมดตั้งแต่เริ่มมา…”เดร์เริ่มไตร่สวนสีหน้าเครียดตึง จนลูกน้องที่ยืนเรียงแถวเป็นหน้ากระดานหน้าซีดตัวเกร็ง หากมีเพียงคเชนทร์ที่ยังยืนนิ่งสงบและเอ่ยรับหน้า“ผมดูกล้องวงจรปิดมาแล้ว แต่คงมีเรื่องเข้าใจผิดกันระหว่างอยู่ในห้องน้ำนะครับ”“เข้าใจผิดยังไง ถึงกล้าทำร้ายร่างกายคนของฉัน ไปจัดการเอาตัวมาให้ฉัน”ด้วยความแปลกใจ คะเชนทร์เหลือบตามองเจ้านายเพียงนิด ก่อนจะก้มหน้ารับคำสั่ง “ครับ” หากแต่ใจก็อดคิดไม่ได้ เพราะเจ้านาย
สุดท้ายก็ทำสำเร็จเมื่อเห็นว่าบอดี้การ์ดเข้าเงียบไปแล้ว คนเจ้าแผนการก็รีบวิ่งออกไป ระหว่างที่ลนลานวิ่งออกมาถึงลานจอดรถ ความรีบร้อนทำให้เผลอไม่ระวังจึงชนกับผู้ชายกลุ่มหนึ่ง“ขอโทษครับ…” ปันรีบโน้มตัวก้มศีรษะเพื่อขอโทษแต่ชายกลุ่มนั้นกลับไม่ยอมฟังชักสีหน้าตึง สายตาเอาเรื่อง “ผะ ผมขอโทษจริงๆ ครับ” กลัวทั้งท่าทางและแววตาที่ไร้ความเป็นมิตร พลันใจก็คิดถึงอีกคนที่ตัวเอง ชอบต่อว่า ว่าใจร้ายบ้าอำนาจและเอาแต่ใจขึ้นมาทันที แม้จะเห็นแต่ข้อเสียของเดร์ แต่กระนั้นปันก็รู้สึกปลอดภัย!“ไอ้หน้าอ่อน…” คำพูดกร้าวพร้อมกับฝ่ามือหนายื่นมาขยุ้มคอเสื้อ อีกทั้งเห็นว่าอีกมือข้างล้วงไปใต้ชายเสื้อและดึงบางอย่างออกมาปันผวาเฮือก “คุ คุณครับ ผมขอโทษจริงๆ ครับ” ปันละล่ำละลักบอกอีกครั้งด้วยความหวาดกลัวหากมุมปากหนาของชายหน้าเหี้ยมกลับเหยียดตรง สายตาไร้ความโอนอ่อน เพียงเสี้ยวนาทีต่อมาปันรับรู้ถึงแรงกระแทกศีรษะ ก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบลงไปพร้อมกับความเจ็บแปลบ แต่เมื่อรู้สึกตัวอีกที่ ก็พบว่าตัวเองมานอนอยู่บนเตียงกว้าง พร้อมใครบางคนกำลังทำแผลบนศีรษะให้…หลังจากความคิดกลับมาอยู่กับปัจจุบันตรงหน้า ประโยคเสียวท้องน้อยก็ดังกระ
ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง การสนทนาของหัวหน้ากับลูกน้องก็ยังคงเคร่งเครียด ปันใช้เวลานั้นเดินสำรวจห้อง จนกระทั่งได้ยินประโยคน่าหวาดเสียวจึงเอียงหูฟัง“มือข้างไหนจับปืนก็ตัดข้างนั้น”น้ำเสียงเด็ดขาดไร้ความปรานี ปันหน้าเฝือดสี ในใจนึกขยาดกับผู้ชายที่กกกอดตัวเองมาตลอดหลายคืนโหดร้ายขนาดนี้เลยเหรอ…และเดร์เหมือนจะรู้ตัว ว่าหลุดพูดคำบางคำให้คนหัวอ่อนใจบางได้ยิน จึงหันมามองเพื่อดูท่าที และก็เห็นว่าแววตานั้นเต็มไปด้วยความหวาดหวั่นและกริ่งเกรง“นายไปจัดการตามนั้นเลย” ปากสั่งลูกน้อง แต่สายตายังมองชายหนุ่มที่อายุน้อยกว่าหลายปีไม่วางตาคเชนทร์ออกจากห้องไปแล้วเดร์จึงกวักมือเรียกปันให้มานั่ง ใกล้ ๆ แต่ความขยาดหวาดกลัวทำให้เท้าของปันจิกอยู่บนพื้นไม่ขยับเขยื้อนเดร์ทำเสียงในลำคอ “มานั่ง!” เสียงทุ้มสั่งพร้อมกับใช้มือตบไปบนโซฟาที่ว่างใกล้ ๆปันส่ายหน้าช้าๆ คล้ายไม่แน่ใจ“นายมันขี้ดื้อ”“ก็คุณใจร้าย”“ฉันร้ายกับคนที่ร้ายกับฉันและคนของฉัน”“แต่คุณไม่ควรไปตัดสินเองแทนกฎหมายนะครับ”“คิดว่ากฎหมายมันช่วยใครก่อน ระหว่างคนมีเงินกับคนธรรมดาอย่างนาย”“แต่ผมก็ไม่ได้เป็นอะไรมากนี่”“เพราะมีคนอย่างนายไง ไอ้พวกนักเลงก
ความที่ต้องการใช้บัตรประชาชน แต่หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ จึงนึกขึ้นได้ ว่ามีครั้งหนึ่งรุ่นพี่ที่อยู่ร่วมห้องเคยเอ่ยขอ เดือดร้อนต้องตามหาจากเพื่อนสนิทของรุ่นพี่ที่คณะ จนได้ข้อมูลมาพอสมควร ซึ่งรุ่นพี่ชอบมาสิงอยู่ที่นี่ จำเป็นต้องตามมาหา…“ผมหยิบกระเป๋ามาผิด ลืมไปว่าเก็บไว้อีกกระเป๋าครับ”เมื่อตั้งใจแน่วแน่ จากคนที่ไม่เคยพูดปดก็จำเป็นต้องพูด เพราะอยากเจอคนที่กำลังตามหาจริง ๆ“ไม่มี ไม่ให้เข้า อายุไม่ถึง ก็ไม่ให้เข้า ออกไปยืนไกลๆ แขกคนอื่นเขาจะเข้ามา”น้ำเสียงที่มาพร้อมสีหน้าเข้มจนดุ ปันยิ้มยิงฟันใส่ เพื่อกลบเกลื่อนความไม่เนียนของตัวเองแล้วคนตัวเล็กก็ขยับหลบไปยืนท่าทางสำรวมอยู่ห่างๆ จนเห็นว่าไม่มีแขกเดินผ่านเข้ามาอีกแล้ว ก็ขยับไปหาชายร่างสูงที่สีหน้าดูไม่เป็นมิตรกับตัวเองเท่าไหร่“โธ่พี่ชาย ให้ผมเข้าไปหาเพื่อนหน่อยนะครับ เข้าไปแปบเดียวเอง” ปันปรับน้ำเสียงออดอ้อนกระพริบตาปริบปรอย โดยสองมือกุมเข้าหากันแล้วปีบกระชับประหนึ่งให้กำลังใจตัวเองสายตาออดอ้อนของหนุ่มหน้าหวานตรงหน้า หากเป็นที่อื่นคงใจอ่อน แต่ที่นี่มีกฎ ใครทำผิดก็เท่ากับฆ่าตัวเอง คนหน้าดุจึงถลึงตาใส่ พร้อมกับส่งเสียงเข้ม“นิ อย่ามาทำตาเ
ยังไม่ทันได้ก้าวพ้นร่างสูงใหญ่ที่ยืนก้มหน้านิ่ง ปันก็ตัวลอยหวือ เท้าไม่แตะพื้น ใจหายวาบ สีหน้าลนลาน เลือกตามองหาข้างๆ และเห็น ว่าแท้จริงแล้ว ตัวเองกำลังโดนหิ้วปีก โดยชายแปลกหน้าสองคน“... อ้าวเฮ้ย! จะทำอะไรผมเนี่ย” ปันถามเสียงหลง และเป็นจังหวะเดียวกัน ที่ตัวเองถูกบังคับให้หันไปอีกทาง ซึ่งไม่ใช่ประตูที่หมายตาไว้ตั้งแต่ต้นคำถามไร้ซึ่งคำตอบ ปันใจเต้นแรงกว่าเก่า “เฮ้ย! ปล่อยนะ จะทำอะไรผม ปล่อยผมลงเดี๋ยวนี้นะ!”ปันโวยวายเสียงดังลั่น มองซ้ายมองขวาก็เจอแต่คนตัวโตใบหน้าดุๆ ที่กำลังหิ้วปีกตัวเองอยู่ โดยไม่เกรงสายตาคนรอบข้างที่กำลังมองมาอย่างสนใจ“พวกคุณเป็นใครเนี่ย”ปันทั้งอยากรู้ทั้งหวาดกลัวในคราเดียวกัน หากแต่ชายแปลกหน้าร่างสูงใหญ่กับไม่ใส่ใจ“เอาเข้าไป”เสียงทุ้มกังวานของอีกคน ที่ยืนห่างออกไปไม่กี่ก้าว เอ่ยคำสั่งแล้วเดินนำหน้าไปก่อนปันที่ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังเจอกับอะไร หน้าเจื่อน ก่อนจะกลายเป็นสีขาวซีด“เข้า? เข้าไปไหน เฮ้ย! ปล่อยผมนะ”ปันส่งเสียงโวยลั่น หากแต่คนพวกนี้ ทำเป็นไม่ได้ยิน...มันเกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย!!!ชายฉกรรจ์ทั้งสองหิ้วปีกของปันคนละข้าง แล้วเดินตามหลังชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ แต่
ปันหัวใจกระตุกวูบ เหมือนความร้อนพัดเข้ามากลบความเย็นที่เป่ารดใบหน้า จนหูอื้อตาลาย ยิ่งสายตานั่นอ่านไม่ออกว่ามองตัวเองเป็นมิตรหรือศัตรู ยิ่งทำให้ปันอยากหลับแล้วตื่นขึ้นบนที่นอนของตัวเอง ให้เรื่องที่กำลังเกิดขึ้นกลายเป็นเพียงความฝัน“ใช่มั้ย” ประโยคแรกที่หันไปถามชายฉกรรจ์ทั้งสอง ซึ่งหากมอง เขาผู้นั้นคือผู้ที่มีอำนาจสูงสุด“ใช่คนเดียวกันครับนาย”อะไร ใครคนเดียวกันกับใคร! ปันมองหน้าคนทั้งสองสลับกันไปมา“อืม…” คนที่ถูกเรียกว่านายรับแล้วกระดิกนิ้ว เพื่อให้ลูกน้องคนสนิทส่งบัตรที่ถืออยู่ในมือให้เมื่อเจ้าของผับดังรับสิ่งที่ต้องการมาแล้ว ชายทั้งสองก็โน้มตัวลงเล็กน้อยแล้วถอยหลังเดินออกไปเสียงปิดประตูไม่ดังมาก หากแต่ทำให้ปันที่มีแต่ความหวาดระแวงสะดุ้ง…ภายในห้องสี่เหลี่ยมที่มีกันเพียงสองคน หากแต่ความอึดอัดมันมีมากล้น อย่างกับคนนับร้อยมารวมตัวกันอยู่ในห้องนี้ไม่ปาน เมื่อสายตาที่มองมา มันเร่งเร้าให้รู้สึกอึดอัดและหายใจไม่ทั่วท้อง“มองพอหรือยัง”จู่ๆ เจ้าของร่างสูงสง่าที่นั่งบนเก้าอี้ก็ถามขึ้นด้วยเสียงมีน้ำหนัก ปันกลืนน้ำลายลงคอ โดยสายตาจับจ้องใบหน้าหล่อเหลา จนใจที่เต้นแรงอยู่แล้วเร่งส่งระดับสูบฉี