แชร์

โดน

ปันหัวใจกระตุกวูบ เหมือนความร้อนพัดเข้ามากลบความเย็นที่เป่ารดใบหน้า จนหูอื้อตาลาย ยิ่งสายตานั่นอ่านไม่ออกว่ามองตัวเองเป็นมิตรหรือศัตรู ยิ่งทำให้ปันอยากหลับแล้วตื่นขึ้นบนที่นอนของตัวเอง ให้เรื่องที่กำลังเกิดขึ้นกลายเป็นเพียงความฝัน

“ใช่มั้ย” ประโยคแรกที่หันไปถามชายฉกรรจ์ทั้งสอง ซึ่งหากมอง เขาผู้นั้นคือผู้ที่มีอำนาจสูงสุด

“ใช่คนเดียวกันครับนาย”

อะไร ใครคนเดียวกันกับใคร! ปันมองหน้าคนทั้งสองสลับกันไปมา

“อืม…” คนที่ถูกเรียกว่านายรับแล้วกระดิกนิ้ว เพื่อให้ลูกน้องคนสนิทส่งบัตรที่ถืออยู่ในมือให้

เมื่อเจ้าของผับดังรับสิ่งที่ต้องการมาแล้ว ชายทั้งสองก็โน้มตัวลงเล็กน้อยแล้วถอยหลังเดินออกไป

เสียงปิดประตูไม่ดังมาก หากแต่ทำให้ปันที่มีแต่ความหวาดระแวงสะดุ้ง…

ภายในห้องสี่เหลี่ยมที่มีกันเพียงสองคน หากแต่ความอึดอัดมันมีมากล้น อย่างกับคนนับร้อยมารวมตัวกันอยู่ในห้องนี้ไม่ปาน เมื่อสายตาที่มองมา มันเร่งเร้าให้รู้สึกอึดอัดและหายใจไม่ทั่วท้อง

“มองพอหรือยัง”

จู่ๆ เจ้าของร่างสูงสง่าที่นั่งบนเก้าอี้ก็ถามขึ้นด้วยเสียงมีน้ำหนัก ปันกลืนน้ำลายลงคอ โดยสายตาจับจ้องใบหน้าหล่อเหลา จนใจที่เต้นแรงอยู่แล้วเร่งส่งระดับสูบฉีดมากกกว่าเดิม หากเมื่อมองสบตากันตรง ๆ ความคมเข้ม และเครื่องหน้าดั่งรูปปั่นเทพเจ้ากรีก ปันถึงกับสำลักน้ำลายตัวเอง ก่อนจะปรับอารมณ์ และถามขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่มั่นคงนัก

“งะ! วะ ว่าไงนะครับ”

ดวงตาคมดุมอง แล้วขยับริมฝีปากเอ่ยอีกครั้ง หากครั้งนี้น้ำเสียงทุ้มนุ่มเบา “ลุก ขึ้นมาใกล้ๆ  ซิ”

ปันยิ่งงงหนัก คิ้วดกผูกปมจนหน้าผากเนียนเกลี้ยงเกิดรอยยับย่น ดวงตารีแคบ จ้องหน้าผู้ชายในสูทพอดีตัวที่ถูกเรียกว่านาย ก่อนจะเอ่ยถามเสียงไม่มั่นใจกลับ

“ผะ ผะผมหรือครับ”

“ในห้องมีกันอยู่สองคน ไม่สั่งนาย หรือให้ผมสั่งตัวเองหรือไง”

ถูกย้อนปันถึงกับหน้าเหวอ “ไม่ ทำไมผมต้องเดินไปใกล้คุณ”  …ถึงจะมีกันอยู่สองคน ก็ไม่เดินไปหาคนแปลกหน้าเด็ดขาด ปันตั้งมั่นอยู่ในใจ

“หรือจะให้ผมเดินไปหา แต่บอกไว้ก่อนนะ หากผมลุกจากเก้าอี้ไปหา มันจะไม่จบแค่การเดินไปถามในสิ่งที่ผมอยากรู้หรอกนะ”

เสียงทุ่มแฝงด้วยพลังบางอย่าง ทำให้ปันกลัวจับใจ จนรู้สึกหายใจไม่ออก ยิ่งเห็นว่าเขาเป็นคนมีอิทธิพล ความหวาดระแวงไม่ไว้ใจก็มีเพิ่มขึ้น

“ผมไม่รู้จักคุณ คุณจะทำอะไรผม”

“ก็ต้องเป็นแบบนั้น เพราะส่วนมากลูกค้าผม ไม่มีใครอยากรู้จักผมหรอกครับ นอกจากพวกที่หาเรื่องใส่ตัวเท่านั้นแหละที่ได้เห็นตัวตน และนายก็เป็นหนึ่งในนั้น”

น้ำเสียงและสายตาเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน สร้างความแปลกใจในคำพูดให้ปันเป็นอย่างมาก

“คุณพูดอะไรของคุณ ผมไปเป็นหนึ่ง หนึ่งในนั้นของคุณอะไร”

ใบหน้าและแววตาเต็มไปด้วยความสงสัยเอ่ยถามบุรุษที่มองดูน่าเกรงขามจนใจหวั่น

“ผมชื่อ เดร์…หรือธงรบ กิติพงศ์ เผื่อนายจะแกล้งลืม” เสียงทุ้มหนักเอ่ยบอก

ปันคิ้วขมวดพร้อมกับส่ายหน้า ใจก็ครุ่นคิดชื่อและนามสกุลแต่ก็ไม่เคยผ่านหู

“ผมไม่เห็นเคยได้ยิน” ปันเอ่ยขึ้นเบาๆ

หากอีกฝ่ายได้ยิน…

เหมือนโดนตบหน้า ทั้งที่คนอย่างเดร์ คนสายเทาไม่มีใครที่ไม่รู้จัก ยิ่งพวกลูกหนี้ รู้จักชื่อเขาทั้งยามหลับและยามตื่นจนบางคนถึงกับผวา แต่ชายหนุ่มตรงหน้า กลับทำเหมือนเขาไม่เคยอยู่ในบันชีรายชื่อ ที่ลูกหนี้ต้องควรจดจำ

คิดเช่นนั้นด้วยความโมโห เดร์ใช้มือตบโต๊ะดัง ปัง!

ปันสะดุ้งสุดตัว

สีหน้าอิหลักอิเหลื่อจืดเจื่อนของหนุ่มตรง ทำให้เดร์สะใจ มากกว่าเจ็บฝ่ามือที่ทุบลงไปบนโต๊ะ

...เกลียดนักพวกไม่มีสัจจะ แม้จะเป็นเงินไม่มาก แต่เงินก็คือเงิน จะต้องได้คืนทุกบาททุกสตางค์!

มุมปากหยักแสยะยิ้มจ้องหน้าหนุ่มตรงหน้าที่ดูไม่น่ามีพิษสงอะไร หากแต่ได้รับรายงานมาว่า ลูกค้ารายนี้ชอบเบี้ยวนัด ซึ่งคนอย่างเดร์ ไม่ชอบคนผิดคำพูด ที่ไม่น่าให้อภัย

“ร้ายนักหรือเราน่ะ…” เสียงทุ้มแผ่วเอ่ยเบาๆ พร้อมสายตาคมกล้ามองอย่างมาดหมายไปยังลูกหนี้ที่ปั้นหน้าไร้เดียงสาจนหน้าหมั่นไส้

ซึ่งเรื่องตามทวงหนี้เป็นหน้าที่ของลูกน้อง หากแต่ลูกน้องกลุ่มแรกทำงานพลาด จึงรับเรื่องมาให้ลูกน้องอีกกลุ่มดูแลจัดการ แต่เพียงได้ยินมาว่า ลูกหนี้รายนี้อายุยังน้อย หากแต่กล้าเล่นของใหญ่ โดยผลัดวันประกันพรุ่ง และที่สำคัญตามตัวไม่เจอมาหลายเดือน หากวันนี้บังเอิญมาเจอเองกับตัว จึงคิดว่างานนี้คงไม่พลาด ซึ่งเดร์เองจะคิดทั้งต้นทั้งดอกในคราเดียว!

“ใครร้ายกันแน่ แล้วผมก็ไม่อยากรู้จักคุณ ผมจะกลับบ้านแล้ว”

 ปันเอ่ยจบก็ขยับลุกขึ้น สายตาเหลือบมองตรงประตูที่ถูกหิ้วปีกเข้ามา

“คิดหรือ ว่าหากผมไม่อนุญาต แล้วจะออกไปจากห้องนี้ได้”

“พวกคุณไม่มีสิทธิกักขังใครไว้นะครับ” น้ำเสียงกล่าวยืนยันด้วยความมั่นใจ

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status